Life Sathorn Sierra คอนโด High Rise ใกล้ BTS ตลาดพลู จาก AP [walk-in รีวิว]

Fact @ 1 February 2021

• Life Sathorn Sierra (ไลฟ์ สาทร เซียร์รา)
• บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
• Main CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
• โครงการตั้งอยู่ : ถนนราชพฤกษ์ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี
• ที่ดินประมาณ 8-1-5.7 ไร่
• คอนโด High Rise 40 ชั้น 1 อาคาร 1,971 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
• ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 65 ยูนิต
• ที่จอดรถประมาณ 768 คัน คิดเป็น 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
• เริ่มก่อสร้าง : สิงหาคม 2562
• คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พฤษภาคม 2565
• แบบห้อง
  -1 Bedroom 28 ตร.ม.
  – 1 Bedroom 32-34 ตร.ม.
  – 1 Bedroom Plus 35 – 39 ตร.ม.
  – 2 Bedrooms 57.5 ตร.ม.
• ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
• ราคาห้องเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท (ห้อง 1 Bedroom)
• ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 85,000 – 90,000 บาท/ตร.ม.
• EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
• เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
• Call Center : 1623

พิกัด Google Maps : 13.7168644 , 100.4784091
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

ทำเล ที่ตั้งของ Life Sathorn Sierra เป็นตำแหน่งที่ถือว่าสะดวกสำหรับคนที่ใช้รถมาก แต่ถ้าใช้รถไฟฟ้า ก็อาจจะเสียเปรียบโครงการอื่นอยู่เล็กน้อย

ทำเลที่ใช้รถสะดวก – ถ้าเราดูจากที่ตั้งคอนโด Life Sathorn Sierra จะเห็นได้ว่าทำเลของโครงการนี้จะแตกต่างจากโครงการอื่นอยู่ค่ะ โดยจะอยู่ทางฝั่งขาเข้าไปยังสาทร ซึ่งจุดเด่นของที่ดินผืนนี้คือ

• ถ้าขับรถมาจากสาทร สามารถกลับรถก่อนถึงแยก แล้วเลี้ยวเข้าโครงการได้เลย หรือถ้าจะขับไปสาทร เพียงออกจากโครงการก็ตรงเข้าสาทรได้เลยเช่นกัน (ถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆที่จะต้องรอไฟแดงที่สี่แยก หรือว่าต้องกลับรถแล้วถึงจะตรงไปยังสาทรได้ ดังนั้นสำหรับคนที่ขับรถเองเป็นประจำก็จะช่วยประหยัดเวลาเข้าสาทรได้มากเลยค่ะ)
•  ทางเข้า-ออกมีสองทาง คือถนนรัชดาภิเษกและถนนราชพฤกษ์ ช่วยให้คนที่ต้องการไปยังพระราม 3 หรือไปยัง The mall ท่าพระ จะใช้รถก็ขับออกทางถนนรัชดาแล้วตรงข้ามแยกได้เลย ไม่เสียเวลากลับรถเช่นกันค่ะ
• ไม่ว่าจะใช้รถเองหรือว่าเรียกรถก็ถือว่าทำได้ไม่ยาก เพราะอยู่ใกล้ตลาดพลู มีรถสาธารณะขับผ่านไปมาเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ

ทำเลใกล้รถไฟฟ้า – อันที่จริงคอนโดนี้จัดว่าเป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ค่ะ เป็นสถานีตลาดพลูนะ แต่ว่าตัวสถานีนี้จะมีทางขึ้น-ลงอยู่อีกฝั่ง ซึ่งต้องข้ามถนนใหญ่ไป และทางข้ามก็จะอยู่ใต้ถนนใหญ่ซึ่งเป็นทางหลักอีกทีหนึ่ง เราไปยืนดูในช่วงกลางวันก็ถือว่าโอเคอยู่ ข้ามได้ไม่ยาก รถไม่เยอะมาก พอข้ามไปก็จะเจอกับทางขึ้น Skywalk หน้าโครงการ Aspire ฝั่งตรงข้าม เดินเชื่อมไปยังสถานีได้เลย แต่สำหรับเวลากลางคืน ถ้าเกิดเราเป็นผู้หญิงคนเดียวกลับบ้านซักสี่ห้าทุ่มก็อาจจะดูน่ากลัวหน่อยๆเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าในอนาคตถ้าคนอยู่กันเยอะๆ อาจจะมีการติดไฟเพิ่มหรือเส้นทางที่มีคนใช้งานบ่อยมากขึ้นก็อาจจะดูปลอดภัยขึ้นก็เป็นไปได้ค่ะ

BTS สถานีตลาดพลู ถือเป็นอีกสถานียอดฮิตของการเปิดคอนโดมิเนียมก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นสถานีที่ไปสาทรได้สะดวก และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกิน ง่ายต่อการใช้ชีวิตสุดๆ ดังจะเห็นได้ว่ามีโครงการเปิดที่สถานีนี้เยอะมาก
อ่าน > คอนโดใกล้ BTS สถานีตลาดพลู

แต่ก็อย่างที่เราเล่าไปค่ะ   Life Sathorn Sierra เป็นคอนโดใกล้ BTS ก็จริง แต่เราว่าถ้าคนใช้ BTS เป็นผู้หญิง ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โครงการอื่นที่ใกล้ BTS ก็ตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าเป็นคนที่ใช้รถเป็นประจำ ทำเลนี้ก็มีเครดิตที่ดีกว่าแน่นอน ส่วนเรื่องอาหารการกิน ถ้าอยู่โครงการอื่นและอยากไปหาของกินย่านตลาดพลู ก็อาจจะต้องต่อรถ แต่ถ้าอยู่  Life Sathorn Sierra ก็ยังพอเดินไปที่ตลาดได้เองค่ะ

สภาพโครงการในปัจจุบัน (Jan 2021)

โครงการ  Life Sathorn Sierra เริ่มเปิดขายมาได้ปีกว่าแล้วนะคะ ปัจจุบันก็ถือว่าก่อสร้างไปเยอะแล้วเช่นกัน ที่ตั้งอยู่ข้างหลัง Sale gallery เลย ดูเป็นโครงการขนาดใหญ่เลยค่ะ

Life Sathorn Sierra ถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่เลย 1,971 ยูนิต รวมกันเป็น 1 อาคารถ้วน ดูทรงแล้วก็สร้างเต็มที่ดินเลยค่ะ

เรื่องขนาดของโครงการที่ใหญ่นั้น ก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไปนะ
ข้อดี ก็คือ
1) ส่วนกลางที่มีขนาดใหญ่มากค่ะ รวมๆแล้ว 5 ไร่ได้ ที่เห็นได้ชัดก็คือ สระว่ายน้ำ ยาว 100 เมตร ความยาวแบบนี้แทบจะไม่เห็นที่โครงการอื่นเลยนะ หายากมากๆ
2) ค่าส่วนกลางและค่ากองทุนที่จัดเก็บ ก็จะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าโครงการอื่น ของที่ Life Sathorn Sierra นี้ จะเก็บค่าส่วนกลางเดือนละ 38 บาท/ตร.ม. และค่ากองทุน 400 บาท/ตร.ม. โดยที่เราเคยเห็นค่าส่วนกลางที่เจอบ่อยๆก็จะอยู่ที่เรท 45,55 บาท/ตร.ม./เดือน กองทุนก็จัดเก็บที่ 500 บาท/ตร.ม. เป็นต้นค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ถือเป็นสิ่งที่เราต้องจ่ายแน่นอนเป็นประจำอยู่แล้ว และถ้าเราจ่ายถูกลง ในขณะที่ส่วนกลางยิ่งใหญ่อลังการอยู่ จุดนี้เรามองว่าเป็น benefit ของคนที่เลือกโครงการนี้นะ
3) ความสะดวกในการใช้ชีวิต > เรื่องนี้อาจจะยังไม่เห็นชัดตอนนี้ แต่ว่าในอนาคตหลังจากเปิดโครงการและมีคนเข้าอยู่ อาคารใหญ่มีคนสองพันคนอยู่ แน่นอนว่าร้านค้า ร้านอาหาร วินมอเตอร์ไซค์ต้องมาเปิดแผงขายของไม่ไกลจากโครงการแน่นอน อย่างตัวโครงการเองก็มีส่วนที่ทำเป็น Shop อยู่ ส่วนนี้เราเดาว่า 7-eleven ไม่น่าจะพลาดนะ

แต่ข้อเสียของโครงการขนาดใหญ่ก็มีอยู่นะคะ เช่น ความเป็นส่วนตัวหายไป ดูจากชั้นที่พักอาศัย ถ้าโครงการขนาดเล็กหรือโครงการที่ออกแบบเจาะกลุ่ม luxury มากๆ แต่ละชั้นก็จะมีห้องพักอาศัยไม่ถึง 10 ยูนิต แต่ที่ Life Sathorn Sierra ชั้นที่มีห้องเยอะที่สุด มีห้องถึง 65 ยูนิตต่อชั้นเลย เรื่องความเป็นส่วนตัวนี้อันที่จริงก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนบ้านที่เราเจอด้วยนะ แต่พอจำนวนยูนิตเยอะ เราก็มีความเสี่ยงกับการที่จะเจอเพื่อนบ้านแปลกๆเยอะเช่นกันค่ะ เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะให้ความสำคัญมากน้อยต่างกันอย่างไรนะ

ตัวโครงการแบ่งออกเป็น 40 ชั้น แบ่งฟังก์ชันต่างๆดังนี้ค่ะ

• ที่จอดรถ – ชั้นใต้ดิน , ชั้น 1-4 รวม 768 คัน หรือประมาณ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
• ห้องพักอาศัย – ชั้น 5-39
• พื้นที่ส่วนกลาง – ชั้น 1, 5 และ 40

Facility

เนื่องจากจำนวนยูนิตที่เยอะ จึงทำให้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้มีปริมาณที่เยอะเช่นกันค่ะ โดยพื้นที่ส่วนกลางจะแบ่งออกแบบ 3 ชั้น หลัก แต่ว่าจะมีพื้นที่ด้านหน้าอาคาร เป็นสวนขนาดใหญ่ ไล่ระดับตั้งแต่ชั้น 1-5 ด้วยค่ะ ปัจจุบันโครงการยังสร้างไม่เสร็จ ดังนั้นเราจึงจะมีแค่แปลนและ perspective ให้ดูคร่าวๆนะคะ

ชั้น 1

ที่ชั้นนี้ พื้นที่ส่วนกลางจะประกอบไปด้วย

• welcome foyer
• waiting lounge
• outdoor terrace
• playground
• half football court
• half basketball court
• jogging track

บรรยากาศ Drop off หน้าอาคาร จะเห็นการออกแบบพื้นที่สีเขียวด้านหน้าตึกนะคะ

ถ้าดูจากโมเดลเราก็จะเห็นทางลาดยกระดับจากสวนด้านหน้าชั้น 1 ขึ้นมายังที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นส่วนกลางหลักของโครงการได้ค่ะ

ชั้น 5

ที่ชั้น 5 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัยก็จริงค่ะ แต่ก็ยังคงเป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางหลักอีกด้วย โดยตัวห้องก็จะแยกออกไปเป็นสัดส่วน ได้ความเป็นส่วนตัวอยู่นะ ฟังก์ชันที่อยู่ชั้นนี้จะเป็นฟังก์ชันที่เน้นกิจกรรมแบบ active หรือต้องใช้แรงหน่อย เช่นการออกกำลังกาย โดยจะมีฟังก์ชันดังนี้ค่ะ

• garden
• hiking trail
• private cave
• swimming pool
• scenic pool
• kid’s pool
• pool pavilion
• sauna
• steam
• jacuzzi
• co-working space
• private meeting room
• multi leisure room
• co-living space
• social lounge
• gym
• private gym (group/personal virtual bike, group/personal training)

ชั้น 40

ที่ชั้น 40 หรือชั้นบนสุดของที่นี่ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้นเลยค่ะ โดยพื้นที่ครึ่งหนึ่งจะจัดไว้เป็นสวน และก็มีฟังก์ชันที่อยู่ indoor อีก ประกอบด้วย

• sky facilities
  (co-working space, co-living space, outdoor garden, courtyard)
• panoramic sunken lounge

* เนื่องจากโครงการนี้ยังก่อสร้างไม่เสร็จนะคะ ภาพ perspective บางภาพอาจจะไม่ได้เหมือนของจริงเมื่อสร้างเสร็จก็สามารถเป็นไปได้ ดังนั้น ถ้าใครอยากเห็นสภาพส่วนกลางจริงหลังสร้างเสร็จแล้วค่อยตัดสินใจซื้อ ก็อดใจรอก่อน คาดว่าน่าจะเสร็จปลายปีหน้าค่ะ

รวมผังพื้นทุกชั้นภายในโครงการ

ในส่วนแบบห้องก็นับว่าเป็นอีกหัวข้อที่น่าสนใจในโครงการ Life Sathorn Sierra เช่นกัน เนื่องจากโครงการนี้มีขนาดใหญ่ ดังนั้นรูปแบบห้องก็จะมีความหลากหลายมาก แบ่งกว้างๆได้ 4 แบบ คือ 1 Bedroom 28 sq.m., 1 Bedroom, 1 Bedroom plus และ 2 Bedroom > ดังนั้น กลุ่มคนที่สามารถเข้ามาดูห้องที่นี่ ก็เป็นได้ทั้ง พนักงานเริ่มต้น อยู่คนเดียว อยู่กันเป็นพี่น้อง นั่งรถไฟฟ้าไปเรียน หรือว่าจะอยู่ 2 คน จนไปถึงครอบครัวเริ่มต้น สมาชิก 2-3 คนก็มี products ซึ่งเป็นแบบห้องรองรับค่ะ

• 1 Bedroom 28 ตร.ม. > เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คน รูปแบบห้องได้ครัวปิด แต่ห้องนอนและพื้นที่พักผ่อนรวมกันหมด ไม่มีพื้นที่สำหรับโต๊ะกินข้าวแบบจริงจัง จึงเหมาะกับคนที่มักไม่ค่อยมีเพื่อนมาเยี่ยมบ่อยๆค่ะ
• 1 Bedroom 32-34 ตร.ม. > เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คน แบบนี้มีทั้งครัวเปิดและครัวปิดให้เลือก ข้อดีคือฟังก์ชันครบ  (ห้องครัวเปิดจะได้ walk-in closet, ส่วนห้องแบบครัวปิดจะเป็นห้องที่แบบห้องนอนเป็นห้องนอนปิดแยกเป็นสัดส่วน)
• 1 Bedroom Plus 35 – 39 ตร.ม. > เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คน ห้อง type นี้จะมีจุดเด่นที่ภายในห้องทุกแบบจะแบ่งพื้นที่แยกเป็น 5 ส่วน ห้องครัว, ห้องน้ำ, ห้องนอน, ห้องนั่งเล่น และห้องทานข้าว แต่ละส่วนมีประตูแยกกันเป็นสัดส่วนค่ะ เนื่องจากห้องขายแบบ Fully fitted ด้วย ทำให้เราสามารถเลือกจัดฟังก์ชันได้เองนะ อยากจะจัดเป็นห้องทำงานก็ได้เช่นกัน ห้อง Type นี้จึงมีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้นนั่นเองค่ะ และมีหลาย layout ให้เลือกด้วย ทั้งกั้นแต่ละส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกหรือว่าจะเลือกแบบที่มีห้องทึบเพื่อให้ห้องนอนแยกออกไปได้ความเป็นส่วนตัว
• 2 Bedrooms 57.5 ตร.ม. > เหมาะสำหรับอยู่ 2-3 คน จุดที่น่าสนใจคือเป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่ได้ครัวปิด และมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าเป็นมุมส่วนตัว ดูคิดถึงรายละเอียดในการใช้ชีวิตดีค่ะ

จะเห็นได้เลยว่าแต่ละรูปแบบห้องก็ยังมีแบบที่หลากหลาย รองรับความต้องการในการใช้งานของแต่ละคนนะคะ ใครที่อยากเห็นแปลนห้องเพิ่มเติมก็เข้าไปดูใน website โครงการได้เลยค่ะ > คลิก  ส่วนในรีวิวนี้เราก็เก็บภาพห้องตัวอย่างทั้ง 4 แบบจากสำนักงานขายมาให้ดูด้วยนะคะ แต่ละแบบจะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ

1 Bedroom 28 sq.m.

ห้องแรก เป็นห้องรูปแบบ 1 Bedroom ที่คล้ายกับ Studio ค่ะ โดยจะเป็นห้องที่นำเอาทุกฟังก์ชันในห้องจะอยู่รวมกันหมด แต่ห้องนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่เป็นห้องที่ได้ครัวปิดภายในห้องค่ะ ซึ่งเป็นส่วนแรกที่เจอเมื่อเข้าห้องไปเลย ส่วนภายในห้องก็จะเป็นที่โล่งกว้าง จัดได้เองตามใจชอบนะ

1 Bedroom 32 sq.m.

ห้องตัวอย่างถัดมาเป็น 1 Bedroom แล้ว ซึ่งเป็นห้องที่แยกพื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นนะ ได้ครัวเปิด แต่ก็มีพื้นที่ walk-in closet เพิ่มเติมในห้องนอน เป็น layout ที่ดูแล้วถ้าเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียวน่าจะชอบเลย ทำอาหารง่ายๆกินหรือเน้นซื้อมาอุ่นทานกินเองก็จะสะดวกมากเลยค่ะ แต่ถ้าใครอยู่กัน 2 คน แต่ละคนก็ยังหามุมส่วนตัวได้นะ ถ้าแฟนจะดูบอล เราจะดูซีรีส์ ก็ติดทีวีสองเครื่องแยกกันดูได้ เสียงไม่รบกวนกันค่ะ สำหรับห้องนี้ วันที่เราไปดูมีราคาโปรโมชัน 2.59 ล้านบาท ซึ่งถือว่าราคาดีอยู่นะคะ เฉลี่ยแล้ว 80,937 บาท/ตร.ม. เท่านั้น ถ้าได้ราคานี้ถือว่าคุ้มเลยค่ะ

1 Bedroom Plus 35 sq.m.

สำหรับ 1 Bedroom plus เป็นห้องที่เราชอบมากเป็นพิเศษ(ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ) เพราะว่าเป็นห้องที่แยกฟังก์ชันเป็นสัดส่วนมาก เหมือนได้ห้อง 3 ห้องที่เราสามารถจัดเองได้ เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบที่เราต้องอยู่บ้านมากขึ้น ใครที่ต้อง Work from home ก็มีพื้นที่เหลือ นั่งทำงานคนละห้องได้ มีประตูกั้น เสียงไม่รบกวนกัน

2 Bedroom 57.5 sq.m.

ส่วนห้องตัวอย่างสุดท้ายจะเป็นห้องที่ใหญ่สุดในโครงการค่ะ รูปแบบห้องจะเป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ สิ่งที่เราชอบคือ มีพื้นที่วางเครื่องซักผ้า แยกเป็นสัดส่วน พื้นที่วาง condensing unit ก็แยกจากระเบียงห้อง ตัวห้องนอนก็ถือว่ากว้างทั้ง 2 ห้อง อยู่ได้ไม่อึดอัด และเข้าถึงห้องน้ำได้จากในห้องนอนเลย

นอกจากที่เห็นในห้องตัวอย่าง ห้องในโครงการนี้ก็จะมีติด Digital door lock ให้ที่ประตูห้องและแถมแอร์ 1-3 ตัว(ขึ้นอยู่กับ type หรือรูปแบบของห้องที่เลือกค่ะ) < ราคากับของแถมต่างๆสามารถสอบถามกับทางโครงการได้อีกทีนะคะ ที่เล่ามาจะเป็นข้อมูลคร่าวๆที่เราได้ฟังมาจากวันที่เรา walk-in ไปโครงการเท่านั้นค่ะ

ในส่วนเรื่องของราคานั้น เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ทำให้หลายๆโครงการปรับราคาลดลงมาหรือว่าราคาเทียบเคียงกับช่วงเปิดตัวเลย ไม่เหมือนกับหลายปีก่อนที่ราคา pre-sale ก่อนสร้างกับราคาปีถัดๆมาเมื่อสร้างเสร็จต่างกันหลายหมื่นบาทต่อตร.ม.

Life Sathorn Sierra ก็เช่นกันที่ราคาแทบจะไม่ปรับขึ้นจากช่วงเปิดขายใหม่ๆเลยนะคะ เริ่มต้นอยู่ที่ช่วง 2.59 ล้านบาท ถ้าถามว่าถูกหรือไม่ เรามองว่าเป็นราคาดีนะ สำหรับโครงการนี้ แต่พอลองไปดูโครงการอื่นรอบๆก็เจอบางโครงการที่ปรับลดหนักกว่าอีกเหลือ 1.7x ล้าน (Bangkok Horizon รัชดา-ท่าพระ , เดอะ แมทท์ สาทร-ท่าพระ 2 และ ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู) *อ้างอิงข้อมูลจาก official website นั่นก็แปลว่า ถ้าหาโครงการที่ถูก Life Sathorn Sierra ไม่ใช่โครงการที่ถูกสุดในย่านค่ะ

แต่ถ้าดูเรื่องอื่นประกอบ เช่น พื้นที่ส่วนกลาง โครงการที่ขายอยู่ที่พอเทียบเคียงความหวือหวาของส่วนกลางที่นี่ได้ก็จะเป็น Altitude unicorn สาทร-ท่าพระ โครงการนี้ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาทแต่ขายห้องแบบ Fully Furnished จำนวนยูนิตก็จะน้อยกว่า ถ้าใช้รถไฟฟ้าก็ถือว่าทำเลโครงการ Altitude unicorn สาทร-ท่าพระ ดีกว่านะ แต่ถ้าขับรถเราเชียร์ Life Sathorn Sierra มากกว่าค่ะ

คำถามว่าควรรีบซื้อไหม? ถ้าดูจากราคาที่ยังไม่ปรับขึ้นเยอะ ใครอยากรอตึกสร้างเสร็จก่อน เห็นส่วนกลางหลังสร้างเต็มที่แล้วค่อยตัดสินใจเราว่าก็ยังไม่สายเกินไปนะคะ แต่ถ้าใครอ่านรีวิวแล้วคิดว่าสนใจโครงการนี้จริงๆ ก็ลองไปเลือกห้องก่อนได้ เพราะตอนนี้ก็ถือว่าราคาดี เลือกรูปแบบห้องที่ชอบ วิวที่ใช่ได้ มีเวลาผ่อนดาวน์ไปก่อนปีกว่าๆ เพราะไม่แน่ว่าอนาคตโควิทหมดไป ราคานี้อาจจะหายไปก็เป็นได้นะ

สำหรับโครงการนี้ เรามองว่าเป็นอีกโครงการหนึ่งในย่านตลาดพลูที่ทำตัวโครงการออกมาน่าสนใจเลย ทั้งแบบห้อง ทำเล ส่วนกลาง ดูแตกต่างจากรอบๆพอสมควรค่ะ ถ้าใครกำลังมองหาคอนโดในย่านนี้อยู่ อยากให้ลองไปดูโครงการนี้เผื่อไว้เป็นตัวเลือกอีกโครงการนะคะ