รีวิวฉบับที่ 2079 … สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีรีวิวตึกเสร็จโครงการ IDEO Q Victory ตึกสีดำติด BTS อนุสาวรีย์ และเป็น High Rise เพียงตึกเดียวที่ “ติด” สถานีนี้เลย ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯมาฝากกัน โครงการ IDEO Q Victory จากอนันดาตัวนี้ถือว่าเป็นคอนโดตึกสูงติดรถไฟฟ้าตึกเดียวที่สถานีนี้เลย และพอเราเข้าไปดูตึกเสร็จวิวอนุสาวรีย์ชัยฯระยะใกล้นี่คือสวยมากจริงๆค่ะ แถมไม่ต้องกลัวว่าห้องที่ซื้อจะไม่ได้วิวนะ เพราะว่าส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 38-39 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร ดังนั้นซื้อห้องตำแหน่งไหนก็ขึ้นไปดูวิวได้ นอกจากเรื่องวิวแล้วก็มีเรื่องผังห้องและการออกแบบอาคารที่น่าสนใจ อยากให้อ่านกันนะคะ ส่วนเรื่องราคา ต้องบอกก่อนว่าโครงการนี้ขายหมดไปตั้งแต่ตอนแรกๆเลย ดังนั้นห้องที่มาปล่อยขายจะเป็นราคา Resale ซึ่งราคาเริ่มต้นที่ได้มาจะเป็นห้อง Studio ขนาด 29 ตร.ม. ราคา 6.4 ล้านบาท หรือตร.ม.ละ 247,000 บาท ไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าตึกสร้างเสร็จ บรรยากาศจะคุ้มค่ากับราคาไหม?
ข้อมูลโครงการ
IDEO Q VICTORY (ไอดีโอ คิว วิคตอรี่) ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2563
ชื่อโครงการ | IDEO Q VICTORY (ไอดีโอ คิว วิคตอรี่) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนพญาไท เขตราชเทวี |
ที่ดิน | 1-2-73 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 39 ชั้น 1 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 348 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 14 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 209 คัน คิดเป็น 60% |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2560 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2563 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.75 เมตร (Simplex) |
ราคาเริ่มต้น | 6.4 ล้านบาท (Studio 29 ตร.ม.) / หรือตร.ม.ละ 247,000 บาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ n/a บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | n/a |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ |
เว็บไซต์โครงการ | www.ananda.co.th/th/condominium/ideo-q-victory/ |
Call Center | 02 316 2222 |
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.762278, 100.537250
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ IDEO Q Victory จะตั้งอยู่บนถนนพญาไท ติดกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และอยู่ข้างกับ Century The Movie Plaza ดังนั้น ถ้ามองในแง่ทำเลที่ตั้งแล้ว ถือว่าเป็นโครงการที่สามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะสะดวกมาก และมีความอุดมสมบูรณ์ ตลาด ห้าง ร้านอาหารหนาแน่นเลยค่ะ มีหลากหลายระดับให้เลือกซื้อเลือกกินด้วย จะเข้าไปในซอยรางน้ำที่ตอนนี้มีคาเฟ่เก๋ๆเยอะก็ดี หรือจะไป Enjoy กับอาหารราคาน่าคบหา และรสชาติถูกปาก ฝั่งอนุสาวรีย์ฯก็ได้นะคะ
โครงการนี้ทาง ThinkofLiving เคยเขียนรีวิวทำเลไว้แบบละเอียดเลย ใครที่อยากรู้ทำเลเพิ่มเติมแบบจุใจ คลิก > รีวิวทำเล IDEO Q Victory
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ
ไหนๆโครงการก็สร้างเสร็จแล้ว เราลองมาดูบรรยากาศรอบๆกันสักเล็กน้อย
ตัวอาคาร IDEO Q Victory ติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเลยค่ะ
แปลงที่ดินจะเข้า-ออกได้จากถนนพญาไท หรือว่าถนนใหญ่เลย ติดกับโครงการฝั่งหนึ่งจะเป็นห้างสรรพสินค้า Century Movie Plaza ส่วนอีกฝั่งจะเป็นอาคารพาณิชย์ค่ะ และใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยฯมากที่สุดต่างจากโครงการอื่นๆในละแวกที่จะอยู่ในซอยรางน้ำเป็นส่วนใหญ่
หน้าโครงการหันไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯ เราชอบบรรยากาศที่ทางเท้ากว้างมากค่ะ เดินได้ไม่ร้อนมากเพราะจะมีทั้งแนวต้นไม้ แนวอาคาร และแนวสถานีรถไฟฟ้าที่เป็นร่มเงาให้กับทางเดิน
อาคารพาณิชย์ที่อยู่ข้างๆ เป็นอาคารสูงประมาณ 5-6 ชั้น มี Starbucks และ 7-eleven อยู่ข้างล่างด้วย
ส่วนอีกด้านของโครงการจะติดกับ Century Movie Plaza ซึ่งจะมีสะพานลอยตรงเข้าสถานีรถไฟฟ้าได้เลย ในกรณีที่ลูกบ้านหรือผู้ที่อยู่โครงการนี้ใช้รถไฟฟ้า ขากลับก็เดินเข้าห้าง ลงบันไดเลื่อนออกมาข้างๆโครงการได้เลยค่ะ
รายละเอียดโครงการ
IDEO Q Victory เป็นโครงการจากอนันดาที่ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 1 ไร่กว่าๆ ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถ้าดูจากรูปจะเห็นได้ว่าเป็นหนึ่งในคอนโดสูงที่ใกล้ที่สุดก็ว่าได้ค่ะ (พ้นข้อกำหนดที่ห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 16 เมตร รอบๆอนุสาวรีย์ชัยฯในระยะ 200 เมตร) ดังนั้นด้านที่หันหน้าไปทิศเหนือทางอนุสาวรีย์ชัยฯจะไม่มีอาคารสูงมาบังเลย ส่วนตัวเรามองว่าวิวของโครงการนี้จึงเป็นวิวอนุสาวรีย์ชัยฯนี่แหละค่ะ ที่ Unique มาก พิเศษกว่าโครงการติดรถไฟฟ้าสถานีอื่นๆแน่นอน
ตัวโครงการเป็นอาคารสูง 39 ชั้น 1 อาคาร แบ่งพื้นที่ส่วนกลางไว้ที่ชั้น 1 เป็น Lobby กับสวนรอบๆอาคาร และยกเอาพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆไว้ที่ 2 ชั้นบนสุด (ชั้น 38 – 39) ซึ่งสามารถมองวิวได้โดยรอบ และผู้อยู่อาศัยทุกคนก็ขึ้นมาใช้งาน ชมวิวได้อย่างเท่าเทียมกันด้วยค่ะ
โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ทำราคาออกมาที่สูงอยู่นะคะ ตร.ม.ละมากกว่า 200,000 บาท ดังนั้นคนที่อยู่โครงการนี้น่าจะมีรถส่วนตัวใช้งาน โดยโครงการจัดปริมาณที่จอดรถไว้ 60% ถือว่ามากกว่าโครงการที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าโครงการอื่นที่เคยเห็นมานะคะ แต่จะพอหรือไม่อาจจะต้องลุ้นดูกันอีกที (หวังว่าคนที่อยู่โครงการนี้เน้นใช้งานรถไฟฟ้ากันนะคะ) โดยรูปแบบการจอดรถจะเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด อยู่ที่ชั้น 2 – 9 และมีทางเข้าไปยังส่วน Lobby จากที่จอดรถด้านหลังเลย และเวลาเราต้องการใช้รถ ก็สามารถเรียกรถได้จากโถงลิฟต์ที่ชั้น 1 มีที่นั่งรอเตรียมไว้เรียบร้อย เดี๋ยวเราจะพาไปดูกันค่ะ
ชั้น 10 – 37 จะเป็นชั้นพักอาศัย ซึ่งที่ชั้น 10 , 17 , 24 และชั้น 33 ขึ้นไปจะมีสวนที่ชั้นของตัวเองค่ะ ส่วนรูปแบบห้องพักของโครงการนี้จะมีทั้งแบบ Simplex ความสูง 2.75 เมตร และมีห้องแบบ Duplex ขายด้วย (อยู่ที่ชั้น 27 ขึ้นไป)
ก่อนที่เราจะเข้าไปดูโครงการจริงกัน เรามาดูการออกแบบอาคารนี้กันหน่อยค่ะ เพื่อนของผู้เขียนอยู่ในซอยรางน้ำจะเรียกโครงการนี้ว่าตึกดำ เพราะอาคารนี้ดูแปลกตาด้วยโทนสีดำและดีไซน์โค้งมนรอบด้านอาคาร และถ้าเราดูดีๆ จะเห็นได้ว่าในแต่ละชั้นก็จะมีขนาดที่ไม่เท่ากันอยู่ (เหลื่อมกันเล็กน้อย) ทำให้ตัวอาคารดูมีการเคลื่อนไหว ไม่ทึบตัน ซึ่งแนวความคิดหรือ Concept ของโครงการนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจาก Antelope Canyon ที่ Arizona สหรัฐอเมริกา
Antelope Canyon เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดจากธรรมชาติ ทำให้เกิดรูปร่าง Freeform โค้งมนของดินและชั้นหินต่างๆ ซึ่งแนวคิดนี้นอกจากจะนำมาใช้ออกแบบอาคารหรือสถาปัตยกรรมภายนอกแล้ว เราจะเห็นในการออกแบบ Interior ของโครงการ IDEO Q Victory นี้เช่นกันค่ะ
ทางเข้า-ออกของโครงการจะอยู่ติดกับถนนพญาไท โดยหน้าโครงการจะเป็นรถไฟฟ้า BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเลย โดยทางเข้าโครงการจะมีทั้งทางเดินคนและทางรถเข้านะคะ
เข้ามาภายในจะมีทางไปที่จอดรถ(ขวามือ) ส่วนตรงกลางจะเป็นทางเข้าไปยัง Lobby ที่อยู่ชั้น 1 ของอาคาร โดยตำแหน่งที่อยู่ลึกเข้าไปจากทางเข้าทำให้พื้นที่ส่วน Lobby ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ
รอบๆอาคารจะมีรั้วทึบและ Landscape อย่างต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มปลูกรอบๆ สร้างบรรยากาศให้โครงการร่มรื่นมากขึ้น และยังช่วยกรองฝุ่น ควัน จากถนนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าโครงการด้วยค่ะ
ที่จอดรถของ IDEO Q Victory จะใช้เป็นระบบจอดรถแบบอัตโนมัติ เลี้ยวเข้าไปจอดได้เลย ขาออกก็สามารถกดเรียกรถจากโถงลิฟต์ได้ค่ะ(รูปล่างขวา)
เดี๋ยวเราจะพาไปดูภายในอาคารกันค่ะ เริ่มจากทางเข้าด้านหน้า จะมีพื้นที่ภายนอกที่มีร่มเงา เป็นเหมือนพื้นที่ Drop off ที่ให้ผู้มาเยือนนั่งรอได้ เช่นเราเรียก messenger ให้ช่วยส่งของ พี่คนขับก็มารอตรงนี้ก่อนได้ค่ะ
ที่ต้องนั่งรอด้านนอกก่อนเพราะว่าการที่จะเข้าไปด้านในได้นั้นจะมีระบบรักษาความปลอดภัยกรองคนเข้า-ออกอาคารอยู่ค่ะ ผู้ที่สามารถเข้าไปด้านในต้องใช้ Finger Scan หรือใช้ Key Card ค่ะ
เข้ามาด้านในจะเจอกับ Lobby ติดแอร์ ที่นำเอา Concept ของ Antelope canyon มาออกแบบ เน้นการใช้วัสดุสีทองแดง (Copper) ทำให้ดูหรูหราแปลกตาดีค่ะ
นอกจากมุมโซฟานั่งพักผ่อนแล้วก็จะมีห้องน้ำไว้ให้ใช้งาน อยู่ใกล้ๆกับทางเข้าโถงลิฟต์ และทางออกไปรับรถด้านหลังอาคารค่ะ
ห้องน้ำจะแยกชาย-หญิงไว้ให้ค่ะ ดีไซน์สวยงาม ยังเลือกใช้วัสดุเหมือนกับด้านนอก พื้นลายหินอ่อนสีดำ และเส้นขอบสี Copper
เข้ามาที่โถงลิฟต์กันค่ะ โดยการที่จะเข้ามายังโถงลิฟต์ได้นั้นก็ต้อง Scan กันอีกครั้ง ภายในโถงลิฟต์ยังเลือกใช้วัสดุเดิมในการออกแบบ เพื่อให้เป็นโทนเดียวกัน โดยจะมีลิฟต์โดยสารอยู่ 3 ตัว อัตราส่วนการใช้งานอยู่ที่ 116 : 1 ถือว่ากลางๆค่ะ (ส่วนตัวอยากให้หนาแน่นน้อยกว่านี้หน่อย เพราะโครงการนี้อยู่ในระดับราคา 247,000 ต่อตร.ม.ขึ้นไปนะ)
ที่โถงลิฟต์จะมีชุดโซฟาจัดไว้ด้วย เอาไว้เป็นที่นั่งรอรถจาก Auto Parking นั่นเองค่ะ
ตรงข้ามกับลิฟต์จะเป็นตำแหน่งของ Mail Room ทำให้คนที่อยู่ในโครงการจะต้องเดินผ่านพื้นที่ส่วนนี้แน่นอน จะเอาจดหมายอะไรก็สะดวกดีค่ะ ไม่ต้องเดินอ้อมไปอีกห้องให้วุ่นวาย
ขึ้นมาดูพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ชั้นบนกันนะคะ จากลิฟต์ออกมาเราจะเจอกับโถงกลางอาคารที่เป็นช่องแสง เปิดโล่งตั้งแต่ชั้นบนสุดลงไปยังชั้นข้างล่าง ช่วยให้ทางเดินตรงกลางไม่มืด ไม่อับ ได้บรรยากาศเหมือนโรงแรมเลยค่ะ
มาที่ชั้น 38 กันก่อน ชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำเป็นหลักค่ะ โดยสระว่ายน้ำจะเป็นสระในร่ม ซึ่งส่วนตัวเราชอบเลยนะคะ ไม่ต้องกลัวแดดร้อน มาใช้งานได้ตลอดทั้งวันค่ะ
สระว่ายน้ำจะเป็นระบบเกลือ มีขนาด 18×4.8 เมตร ลึก 1.2 เมตร มีที่นั่งรอบๆสระ ใครที่ไม่อยากว่ายน้ำ แต่อยากหามุมนั่งเล่นมือถือหรืออ่านหนังสือแบบผ่อนคลายก็ขึ้นมาใช้งานได้เลยค่ะ
นอกจากตัวสระว่ายน้ำในร่ม จะมีพื้นที่อาบน้ำล้างตัวและ Hydrotherapy Pool ซ่อนอยู่อีกฝั่งค่ะ
พื้นที่ตรงนี้ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นั่งแช่น้ำชมวิวได้เลย เห็นตึกใบหยกด้วยนะคะ
ส่วนอีกฟากของสระว่ายน้ำจะมีพื้นที่ Sunken Seat เหมาะกับคนที่อยากนั่งชมวิวแบบไม่ให้ตัวเปียก เป็นพื้นที่ร่มที่มองวิวได้แบบ Panorama เลยค่ะ
พื้นที่ Sunken Seat จะเดินออกมาคนละฝั่งกับตัวสระว่ายน้ำนะคะ ซึ่งจะมีสวนอยู่ข้างๆด้วย
ตัวสวนจะปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้ และมีทางเดินรอบๆสวนนี้บนชั้น 39 ทำให้พื้นที่ตรงนี้เหมือน Court สร้างบรรยากาศรอบๆให้ได้พื้นที่สีเขียว ดูผ่อนคลายมากขึ้นทั้งที่อยู่ชั้นบนๆค่ะ
Social & Business Lounge จะอยู่ที่ชั้น 39 เป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการมานั่งทำงาน นัดคุยงานกับเพื่อน หรือจะมานั่งเล่น อ่านหนังสือก็ได้ค่ะ เป็นพื้นที่ที่สามารถทำงานไป ชมวิวไปได้ด้วย
และอีกส่วนของชั้นนี้คือ Sky Gym ที่มีขนาดใหญ่เลยค่ะ จัดเครื่องเล่นเอาไว้หลากหลาย และวางไม่ใกล้กันมาก ใช้งานได้โดยไม่อึดอัด
ที่สำคัญคือวิวสวยมากค่ะ สามารถใช้งานไปชมวิวได้รอบๆเลย
จากห้องฟิตเนสจะเดินออกมาด้านนอกอาคาร เป็นสะพานล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ที่เป็นสวนของชั้น 38 ที่เราเห็นเมื่อสักครู่ค่ะ กลางคืนอากาศดีๆเดินออกมาชมวิวเมืองได้เลยนะคะ
จากที่พาไปดูชั้น 38-39 เรายังไม่เจอกับห้องน้ำเลยค่ะ เพราะว่าตำแหน่งห้องน้ำนั้นจะอยู่ที่ชั้น 37 ครึ่ง โดยมีบันไดที่เดินลงมาใช้งานได้ค่ะ ทางเดินจะมีลายที่ผนังดูเก๋นะคะ
ห้องน้ำก็จะแยกชาย-หญิงไว้ให้ค่ะ
ด้านในจะมีอ่างล้างหน้า พื้นที่สำหรับแต่งตัว
มี Locker ไว้ เผื่อใครอยากเก็บข้าวของหรืออุปกรณ์อาบน้ำ นอกจากนี้ก็จะมีทั้งห้องสุขา ห้องอาบน้ำ ห้อง Steam และห้อง Sauna ด้วยค่ะ
อย่างห้องอาบน้ำก็แบ่งโซนเปลี่ยนเสื้อผ้าจากโซนอาบน้ำไว้ให้ด้วย
จุดเด่นที่น่าสนใจของโครงการนี้อีกอย่างคือการออกแบบช่องเปิดโล่งกลางอาคารบริเวณทางเดินหน้าห้องพักอาศัย ช่วยให้หน้าห้องพักดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด
บางชั้นพักอาศัย (ชั้น 10 , 17 , 24 และชั้น 33 ขึ้นไป) จะมีพื้นที่สวนอยู่ด้วยนะคะ เป็นอีกหนึ่งมุมพักผ่อน และเป็นช่องแสงให้กับโถงทางเดินตรงกลาง ช่วยระบายอากาศและความชื้นบริเวณทางเดินด้านในอาคารด้วยค่ะ
PLAN โครงการ IDEO Q Victory
จากที่พาเดินดูโครงการจริงกันมา เรามาดูผังอาคารกันอีกซักรอบนะคะ
ชั้น 1 ของโครงการ IDEO Q Victory จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้นค่ะ โครงการนี้จะมีทางเข้า-ออกติดกับถนนพญาไท แบ่งทางเดินรถไว้อยู่ฝั่งเดียวทางขวามือ สำหรับลูกบ้านที่มีรถขับไปจอดที่ระบบจอดรถอัตโนมัติทางด้านหลังได้เลย (มี Auto parking lift อยู่ 3 ตัว) และเดินเข้าไปยังภายในอาคารจากทางด้านหลังได้ค่ะ ส่วนลูกบ้านที่ไม่ใช้รถก็สามารถเดินเข้าอาคารจากทางด้านหน้าได้ตามปกติ ซึ่งการที่จะเข้าอาคารได้นั้นจะต้องใช้ Keycard หรือว่า Finger Scan เพื่อที่จะเข้าไปยังส่วน Lobby และ โถงลิฟต์ค่ะ
ฟังก์ชันที่อยู่ชั้นนี้จะมีพื้นที่ Lobby ที่ออกแบบโดยการคง Concept Antelope Canyon , มีห้องทำงานของนิติบุคคล และมี Mail Room อยู่รวมกับโถงลิฟต์ค่ะ
ชั้น 2-9 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดเลย ซึ่งเป็นระบบ Auto parking สามารถจอดรถได้ 209 คัน หรือคิดเป็น 60% ค่ะ ถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับคอนโดที่ติดรถไฟฟ้าแบบนี้นะคะ
ที่ชั้น 10-37 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งมีผังห้องที่แตกต่างกันไปบนชั้นสูงๆค่ะ แต่เราขอเลือก Typical floor plan หรือผังที่มีจำนวนชั้นมากที่สุดมาอธิบายเป็น Concept ของการออกแบบห้องพักอาศัยนะคะ ถ้าดูจากผังพื้นแล้ว เราจะเห็นได้ว่ารูปร่างผังดูเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งเปิดด้านที่กว้างที่สุดมองไปยังทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศของอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นทิศที่วิวดีที่สุดนั่นเองค่ะ ส่วนทางทิศใต้นั้นจะเป็นทิศที่มักจะร้อนในช่วงบ่าย ทางฝั่งนี้จึงออกแบบให้มีห้องพักอาศัยน้อยหน่อย เป็นตำแหน่งของลิฟต์แทน ส่วนทางทิศตะวันออก(ด้านบนของรูป) ถือว่าเป็นอีกทิศที่ได้วิวดีเช่นกันเป็นฝั่งที่จะเห็นซอยรางน้ำ เห็น King Power และตึกใบหยก ดังนั้นเราสามารถบอกได้ว่าการออกแบบหน้าตาผังอาคารที่เป็นรูปสามเหลี่ยมนี้ คิดมากจากมุมมองหรือวิวของห้องพักอาศัยเป็นหลักค่ะ
ห้องแบบ 1 Bedroom (สีเหลือง) และห้องแบบ Studio (สีแดงส้ม) จะเป็นห้องที่อยู่ตำแหน่งตรงกลางและเป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุด เพราะถ้าเราสังเกตดูใน 1 ชั้นจะมีอยู่ 14 ห้องพักอาศัย แต่ว่ามีแบบห้องให้เลือกถึง 9 แบบที่แตกต่างกันค่ะ!
ส่วนห้องที่อยู่มุมส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ซึ่งในโครงการนี้ก็จะมีผังห้องหน้าตาหลากหลายแบบมาก มีทั้งแบบ 2 Bedroom 1 Bathroom และห้องแบบ 2 Bedroom 2 Bathroom ค่ะ
สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องคือทางเดินหน้าห้องพัก ทุกยูนิตจะได้ทางเดินแบบ Single Corridor ที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่พักอาศัยค่ะ (เปิดประตูห้องออกไปก็จะไม่เจอกับประตูห้องคนอื่น) และตรงกลางอาคารจะมีโถงขนาดใหญ่เปิดโล่ง ตั้งแต่ชั้น 10 ไปจนถึงชั้น 39 เชื่อมต่อพื้นที่ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้บริเวณทางเดินโปร่ง โล่ง และสว่างค่ะ
บริเวณทางเดินมีจุดที่แปลกอยู่จุดหนึ่ง ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกันครบรอบ ทำให้ห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตก(หันหน้าไปทางถนนพญาไท) จะเป็นห้องที่เดินไปลิฟต์ไกลสุดค่ะ แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นแน่นอน ไม่มีใครเดินผ่านหน้าห้อง หรือทำเสียงดังรบกวนหน้าห้องเราได้นะคะ
ในตอนแรกที่เห็นโถงโล่งบริเวณทางเดินหน้าห้องพักผู้เขียนก็มีข้อสงสัยอยู่ว่า ความสูงตั้งแต่ชั้น 10-39 นี่เกือบ 30 ชั้นเลย แล้วแสงสว่างจะส่องลงมาถึงชั้นล่างๆหรือ? แต่พอไปเห็นของจริงคือทางเดินสว่างอยู่ค่ะ เพราะทุกๆ 7 ชั้น โครงการจะลดจำนวนยูนิตห้องทางทิศเหนือไป 1 ยูนิต เปลี่ยนเป็นทางเดินไปยังสวนที่จัดไว้ข้างๆอาคารแทน ซึ่งช่องเปิดตรงนี้สูงเท่ากับ 2 ชั้นพักอาศัยของอาคาร ทำให้แสงสว่างส่องมายังโถงทางเดินกลางอาคารได้ และยังช่วยระบายอากาศ ความชื้นต่างๆบริเวณทางเดินได้ด้วยค่ะ
ส่วนชั้น 27 ขึ้นไป ห้องที่เป็น 1 Bedroom ทางทิศเหนือ จะเปลี่ยนเป็นยูนิตแบบ Duplex แทนค่ะ เป็นห้องพิเศษที่มี 2 ชั้น และมีพื้นที่ Double Volume ภายในยูนิต ถือว่าเป็นห้องพิเศษขึ้นมา และได้วิวอนุสาวรีย์ชัยฯด้วยนะคะ
พื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการนี้จะอยู่ที่ 2 ชั้นบนสุดของอาคาร แต่จะมีห้องน้ำอยู่ที่ชั้น 37M ซึ่งต้องใช้บันไดเดินลงมาจากชั้นส่วนกลางเพื่อใช้งานเท่านั้นค่ะ พื้นที่ชั้น 38 จะเป็นชั้นส่วนกลางที่วางฟังก์ชันไม่มีแอร์ไว้ เป็นพื้นที่สระว่ายน้ำและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ในร่ม และการที่อยู่ชั้นสูงๆทำให้มีลมพัดผ่านพอสมควร ใช้งานได้ไม่ร้อนมากค่ะ ส่วนชั้น 39 จะเป็นฟังก์ชันในอาคารที่ติดแอร์ มีทั้งฟิตเนสและพื้นที่นั่งทำงาน นั่งเล่น
เราจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ไม่มีมีฟังก์ชันที่หวือหวาหรือแปลกหูเท่าไหร่ แต่จะเป็นฟังก์ชันมาตรฐานที่ออกแบบมาดี เหมาะกับการใช้งานทั้งกลางวัน-กลางคืน เน้นพื้นที่ที่ใช้งานได้สบาย ไม่แออัด และเห็นวิวที่เป็นจุดเด่นของโครงการนี้ค่ะ
วิวรอบๆโครงการ
อย่างที่บอกไปว่าส่วนตัวแล้วเราว่าวิวของโครงการนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งของโครงการ IDEO Q Victory เลย ดังนั้นเราจะมาดูวิวรอบๆโครงการกันนะคะ
ทิศตะวันตก – มองไปทางราชเทวีหรือว่าทางสยามค่ะ วิวทางฝั่งนี้จะเป็นตึกสูงเยอะนะคะ
ทิศตะวันออก – มองไปทางฝั่งดินแดง พระราม 9 ค่ะ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ – ตำแหน่งห้องเดียวกัน เอียงคอนิดหน่อยก็มองไปเห็นซอยรางน้ำ เห็น King Power และตึกใบหยก มุมนี้ดูดีเลยค่ะ
ทิศเหนือ – มองไปเห็นวิวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางนี้จะเห็นโรงพยาบาลที่อยู่เยอะบนถนนเส้นราชวิถีด้วย วิวนี้ถือว่าเป็นวิวขายของโครงการนี้เลยค่ะ รับรองได้ว่าไม่มีโครงการอื่นสร้างมาบังแน่นอน และไม่มีโครงการไหนรอบๆ ณ ปัจจุบัน ที่ได้วิวแบบนี้ด้วยนะ
ทิศตะวันตก – ฝั่งนี้จะเป็นฝั่งสวนจิตรลดา พระนี่นั่งต่างๆ ดังนั้นฝั่งนี้จะไม่เจอตึกสูงขึ้นเท่าไหร่ เพราะข้อกำหนดเรื่องกฎหมายด้วยค่ะ มองไปแอบเห็นสะพานพระราม 8 ด้วยนะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- 1st Lobby, Mail Room and Garden
- 2nd-9th Auto-Parking
- 10th-37th Residential Units
- 37M Changing Room, Steam, Sauna and WC
- 38th Swimming Pool, Hydrotherapy Pool, Sunken Seat and Garden
- 39th Sky Gym, Business & Social Lounge and Functional Training Room
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 116 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 209 คันคิดเป็น 60%
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card / Finger Scan
แบบห้อง
แบบห้องของโครงการ IDEO Q Victory นี้ถือว่ามีหลากหลายมากเลยค่ะ ตั้งแต่ Studio ไปจนถึง 2 Bedroom แถมยังมีห้องที่เป็นแบบ Duplex อีกด้วย ในวันนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างกัน 2 แบบค่ะ เป็นแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom แต่ถ้าผู้อ่านคนไหนอยากเห็นแปลนห้องสามารถเข้าไปดูได้ที่ Website ของ IDEO Q Victory ได้นะคะ และถ้าอยากให้ช่วยวิเคราะห์ผังห้องไหนเป็นพิเศษก็ Comment กันมาได้เลยค่ะ โดยชื่อแบบห้องของโครงการนี้จะขึ้นต้นด้วย A ไปจนถึง F
- Type A เป็นห้องแบบ Studio
- Type B,C เป็นห้องแบบ 1 Bedroom
- Type D,E เป็นห้องแบบ 2 Bedroom (มีทั้ง 1 ห้องน้ำ และ 2 ห้องน้ำ)
- Type F เป็นห้องแบบ Duplex
ผังห้องของอนันดาในหลายๆโครงการมักจะมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ค่ะ เช่น ผังรูปร่างโค้ง ซึ่งทำให้หน้าตาอาคารมีความโค้งมน และระเบียงห้องที่มี 2 Layers สามารถปิดให้ระเบียงเป็นพื้นที่ indoor ได้ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้เราก็จะเห็นในโครงการนี้ค่ะ
โครงการนี้จะขายในรูปแบบ Fully Fitted มีแอร์แบบ Conceal type ในทุกห้อง และมีผ้าม่านให้มา พร้อมกับชุดครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ แต่จะไม่มีเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้นะคะ ดังนั้นอาจจะต้องเผื่องบประมาณสำหรับตกแต่งไว้ด้วยนะ ส่วนวัสดุต่างๆถือว่าให้มาดีเลยค่ะ ได้พื้นห้องส่วนห้องนอนและ Living เป็นพื้น Engineering wood ที่มีคุณสมบัติทนสารเคมีและความชื้นดีกว่าลามิเนตทั่วไป และในครัวกับในห้องน้ำก็จะปูกระเบื้องมาให้ ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ครัว จะให้ตู้มาทั้งชิ้นบนและล่าง Top เคาน์เตอร์เป็นหินแท้ และมีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันแบบดูดออกนอกห้องมาให้ รวมกับอ่างล้างจานของยี่ห้อ Franke ซึ่งถือว่าดีเลยค่ะ ส่วนในห้องน้ำ จะใช้ระบบน้ำร้อน (ต้องติดตั้งเครื่องทำนำ้ร้อนเพิ่ม) โถสุขภัณฑ์ได้ TOTO Washlet อ่างล้างหน้าได้ของ TOTO ส่วนฝักบัวอาบน้ำมีทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ของ Grohe ติดตั้งมาพร้อมฉากกั้นอาบน้ำเลยค่ะ ถือว่าวัสดุที่ให้มาโดยรวมค่อนข้างดีเลยนะคะ เหมาะสมกับราคา
1 Bedroom
ห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปดูเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม.ค่ะ สิ่งที่น่าสนใจคือห้องนี้มีพื้นต่างระดับในส่วนเตียงนอน และส่วนห้องนั่งเล่น ถือว่าเป็นผังที่ไม่ค่อยเห็นที่โครงการอื่นเลยนะคะ ถ้าถามว่าข้อดีของการเปลี่ยนระดับคืออะไร? ต้องบอกว่าพื้นที่จะถูกแบ่งเป็นสัดส่วนมากขึ้น และจากที่ผู้เขียนไปดูมาได้เดินขึ้นลงนิดหน่อยได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ
ภายในห้องจะเป็นห้องหน้ากว้างที่แบ่งพื้นที่ส่วน Living และส่วนที่เป็นห้องนอนออกจากกันชัดเจนค่ะ เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับครัวและพื้นที่สำหรับนั่งกินข้าว ก่อนที่จะเดินลงบันไดไปสองขั้น เป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมกับระเบียงด้านข้าง ส่วนห้องนอนและห้องน้ำจะอยู่ฝั่งเดียวกัน โดยพื้นที่ห้องนอนสามารถวางเตียงใหญ่ได้ มีหน้าต่างกว้างเต็มความกว้างของห้อง และความสูงห้องระดับ 2.75 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้นด้วยค่ะ
ประตูห้องจะติดตั้ง Digital Door Lock ของ Samsung มาให้
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งกินข้าวก่อน ส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่ลดระดับลงไปจากทางเข้าทำให้เมื่อเข้าห้องมาเราจะไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาโดยตรง เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วยค่ะ
ฟังก์ชันตรงนี้จะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนรวมแล้วลึกประมาณ 5 เมตร ด้านในส่วนที่เป็นครัวและที่นั่งกินข้าวจะลึก 3 เมตร สูง 2.5 เมตร ส่วนพื้นที่นั่งเล่นจะลึก 2 เมตร สูง 2.75 เมตร
ส่วนครัวจะมี Built-in มาให้เป็นรูปตัว L ให้มาทั้งตู้บนและล่างเลยค่ะ มีตำแหน่งวางเครื่องซักผ้า เตาไฟฟ้าพร้อมอ่างล้างจานมาให้ครบ
วัสดุพื้นส่วนครัวจะเป็นกระเบื้องส่วนพื้นที่นั่งกินข้าวจะเป็น Engineering Wood เก็บรอยต่อระหว่างวัสดุเรียบร้อย ดูดีเลยค่ะ
ช่องเก็บของต่างๆถือว่าพอสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คนนะคะ หน้าบานตู้จะเป็นวัสดุที่เงาหน่อย ทำความสะอาดง่าย และมี Soft close กันกระแทกมาให้ด้วย
ด้านหลังเคาน์เตอร์จะติดกระเบื้องให้เป็น Backsplash ง่ายต่อการทำความสะอาด ตัวเคาน์เตอร์ครัวก็มีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารเล็กน้อยค่ะ
พื้นที่ส่วนกินข้าว ในห้องมาตรฐานจะให้มาเฉพาะราวกันตกกระจกนะคะ เราหาโต๊ะกว้างขนาด 1.4 เมตรมาวางเหมือนกับห้องตัวอย่างได้ค่ะ หรือจะจัดเป็นมุมทำงานรูปตัว L ได้เลยนะคะ
ส่วนห้องนั่งเล่นจะลดระดับลงไปประมาณ 30 ซม.
พื้นที่ส่วนนี้มีขนาด 2.6 x 2.0 เมตร สูง 2.75 เมตรค่ะ พื้นที่มีการปิดล้อม (Enclose Space) เกิดบรรยากาศเป็นส่วนตัว แต่ไม่อึดอัดมากเพราะความสูงห้องค่ะ
เลือกโซฟาขนาดกว้าง 1.6 – 1.8 เมตรได้ จะมีโต๊ะเล็กๆหน้าโซฟาก็ได้นะคะ
ส่วนชั้นวางทีวีไม่เหมาะกับการทำ Built-in ที่หนาและลึกเต็มผนัง เพราะจะทำให้ทางเดินบริเวณบันไดแคบลงค่ะ อาจจะเป็นชั้นสูงฝั่งประตูระเบียงก็ได้ และติดทีวีแบบแขวนผนังแทน
และถ้าใครรู้สึกว่าห้องเล็ก สามารถเปิดประตูไปยังระเบียงได้ค่ะ เพราะว่าโครงการนี้พื้นที่ระเบียงจะมีอยู่ 2 Layers สามารถปิดหน้าต่างด้านนอกกลายเป็นห้องปิดได้เลย
ระเบียงก็มีขนาดกว้าง 2.3×1.1 เมตร วางเครื่องซักผ้าตรงนี้แทนครัวก็ได้นะคะ หรือว่าจะแต่งสวนเล็กๆได้
นอกจากราวกันตกแล้วก็จะมีหน้าต่างอีกชั้น ช่วงไหนที่ฝุ่นเยอะหรือวันไหนที่ฝนตกก็ปิดหน้าต่างได้ทันที ไม่ต้องวิ่งเก็บผ้าที่ตากให้วุ่นวาย ห้อง Type นี้จะอยู่ในตำแหน่งที่ได้วิวอนุสาวรีย์ชัยฯค่ะ
ทั้งหมดนี้เป็นส่วน Living และ Dining Area ของห้องนี้ค่ะ ส่วนห้องนอนและห้องน้ำนั้นจะแยกไปอีกฝั่งทางขวามือ
โดยห้องนอนจะมีประตูบานเลื่อนกั้นแยกพื้นที่เอาไว้
ฝั่งห้องนอนจะมีการลดระดับพื้นเช่นเดียวกันกับพื้นที่เมื่อซักครู่เลยค่ะ
ห้องนอนจะได้หน้าต่างกว้างเต็มความกว้างของห้อง แต่จะไม่มีระเบียงนะคะ
ส่วนที่วางเตียงนอนจะลดระดับลงไปดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น
พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาด 2.75×3.3 เมตร เลือกเตียงกว้าง 1.8-2 เมตรได้เลยค่ะ จะเหลือทางเดินข้างเตียงเล็กๆด้วย
ปลายเตียงจะเหลือพื้นที่ทางเดินประมาณ 60 ซม. ไม่เหมาะกับการวางเฟอร์นิเจอร์ใดๆนะคะ แต่ถ้าใครอยากติดทีวีแนะนำให้เป็นแบบแขวนผนังแทน
พื้นที่หน้าห้องน้ำจะกว้าง 1.35 เมตร ส่วนนี้เหมาะกับการทำตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ สามารถทำเป็นรูปตัว L ได้อยู่นะ
ส่วนห้องน้ำก็จะแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน พื้นและผนังจะกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน
พื้นที่ส่วนแห้งจะมีขนาด 1.5×1.7 เมตร ได้กระจกเงาเต็มความยาวของพื้นที่เลย โถสุขภัณฑ์จะได้ TOTO Washlet และอ่างล้างหน้าเป็นของ TOTO เช่นกันค่ะ ใต้อ่างจะมี Built-in ชั้นวางของเอาไว้ และเป็นตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนด้วย
ส่วนห้องอาบน้ำก็จะมีฉากกั้นแยกออกไปเป็นสัดส่วน มีทั้ง Hand Shower และ Rain Shower พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.0×0.95 เมตร ถือว่าอาบน้ำหมุนตัวได้สะดวกนะคะ
ชุดฝักบัวได้ของ Grohe จับถนัดมือค่ะ
2 Bedroom
ห้องตัวอย่างอีกห้องที่จะไปดูกันเป็นห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 48.50 ตร.ม.ค่ะ ห้อง Type นี้จะเป็นห้องหัวมุมอาคาร ทำให้ได้ช่องแสงและหน้าต่างเยอะ เมื่อเข้ามาในห้องจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและกินข้าวรวมกันและมีครัวที่ขนานไปกับแนวทางเดินห้อง ตัวครัวที่ได้จะเป็นครัวเปิดเหมาะกับคนที่ไม่เน้นทำอาหารจริงจังมากกว่า ส่วนห้องน้ำจะเข้าได้ 2 ทาง จากห้องนอนใหญ่และหน้าห้องครัวค่ะ ถ้าดูจากสัดส่วนการแบ่งพื้นที่ในแต่ละฟังก์ชันแล้วจะเห็นได้ว่าห้องนี้จะให้น้ำหนักไปที่ห้องนอนใหญ่นะคะ สิ่งที่เราชอบคือตำแหน่งของประตูห้องนอนทั้ง 2 ห้องหลบมุมอยู่ค่ะ ทำให้พื้นที่ส่วนห้องนอนเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย และห้องนอนใหญ่ที่มีหน้าต่างล้อมโค้งไปครึ่งห้อง เรียกได้ว่าถ้าใครที่ชอบชมวิวก็จะเห็นวิวแบบมุมกว้าง (Panoramic) เลย
เริ่มต้นเมื่อเข้ามาในห้องค่ะ จะเป็นทางเดินไปยังห้องน้ำและห้องนอนที่อยู่ด้านใน ส่วนทางขวามือจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น เราสามารถติดตั้งประตูกั้นห้องนั่งเล่นเพิ่มได้นะคะ ถ้าใครชอบทำอาหาร ครัวปิดก็จะช่วยให้กลิ่นและควันจากการทำอาหารลอยคลุ้งมายังห้องนั่งเล่น
ตัวพื้นส่วนที่เป็นครัวจะเป็นกระเบื้องกว้าง 1.7 เมตร (ทางเดินเหลือ 1.1 เมตร) ส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะได้พื้น Engineering Wood
ระบบแอร์ของโครงการนี้จะเป็นแบบ Conceal type ทั้งหมดเลยค่ะ
โครงการจะทำ Built-in ครัวมาให้ค่ะ โดยข้างตู้เย็นจะมีระยะประมาณ 1 เมตร เหมาะกับการทำชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้านะคะ
ชั้นเก็บของให้มาค่อนข้างเยอะ มีทั้งตำแหน่งวางไมโครเวฟ ตู้ที่มีหน้าบานปิดและเปิดโล่งค่ะ
สำหรับห้อง 2 Bedroom นั้นจะได้เตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว และยังใช้ระบบหมุนเวียนอากาศแบบดูดควันออกข้างนอก เตาและอ่างล้างจานได้ของยี่ห้อ Franke ค่ะ
Top ของเคาน์เตอร์จะเป็นหินแท้ มี Back Splash เป็นกระเบื้องติดมาให้ด้วย ส่วนใต้เคาน์เตอร์ออกแบบเป็นชั้นเก็บของ มีหน้าบานปิดเรียบร้อย และมีถังขยะให้มาพร้อม
พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะมีขนาด 2.75×2.9 เมตร รวมฟังก์ชันกินข้าวและโซฟาพักผ่อนสำหรับดูทีวีเอาไว้ ตรงนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียงค่ะ
เราสามารถแบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็นโต๊ะกินข้าวแบบในห้องตัวอย่างได้ค่ะ หรือจะเลือกนั่งทานที่โซฟาแทนก็ได้ (เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยทานข้าวที่บ้าน)
ด้วยขนาดพื้นที่เหมาะสำหรับโซฟากว้าง 1.8 – 2.2 เมตร ค่ะ
พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับระเบียงด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน
ระเบียงมีขนาด 2.9 x 0.9 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้นะคะ
เป็นระเบียง 2 Layers ด้วย สามารถเปิด-ปิดหน้าต่างข้างราวกันตกได้
ถัดเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องน้ำ(ประตูซ้ายสุด) ห้องนอนใหญ่(ประตูกลาง) และห้องนอนเล็ก(ประตูขวาสุด)
ตัวห้องน้ำจะมี Layout คล้ายกันกับห้อง 1 Bedroom แต่จะมีประตูทางเข้า 2 ฝั่ง(จากพื้นที่ครัว และจากห้องนอนใหญ่)
โถสุขภัณฑ์ได้ TOTO Washlet และอ่างล้างหน้าของ TOTO มี Built-in ชั้นวางของใต้อ่างล้างหน้าด้วย และเป็นตำแหน่งสำหรับวางเครื่องทำน้ำร้อนค่ะ
พื้นที่ห้องอาบน้ำมีขนาด 1.00×0.97 เมตร มีฝักบัวอาบน้ำทั้งแบบ Hand Shower และ Rain shower ของ Grohe ติดตั้งมาให้ค่ะ
มาต่อกันที่ห้องนอนเล็ก ห้องนี้จะมีหน้าต่างอยู่ฝั่งเดียวนะคะ ถ้าใครที่อยู่ 1-2 คน สามารถปรับห้องนี้เป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น หรือ Walk-in Closet ได้เลย
แต่ถ้าจะเป็นห้องนอนเล็กก็เลือกวางเตียง 3.5 ฟุตได้ โดยที่มีมุมสำหรับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งอยู่
ห้องนี้จะมีขนาด 2.6×3.0 เมตร ปลายเตียงมีปลั๊กไฟเดินไว้ให้ เผื่อใครอยากติดทีวีแบบแขวนที่ผนังก็ได้นะคะ
มาที่ห้องสุดท้าย ห้องนอนใหญ่กันค่ะ เมื่อเข้ามาในห้องจะเป็นทางเดินกว้าง 1 เมตร ทางขวามือจะเป็นประตูเข้าห้องน้ำค่ะ
ห้องนี้จะได้วิวเยอะเลย ตำแหน่งห้องจะมองไปที่ King Power และตึกใบหยกได้นะคะ
เหมาะกับคนที่ชอบวิวเลยค่ะ ตอนกลางวันอาจจะร้อนหน่อย แต่กลางคืนน่าจะสวยทีเดียว โชคดีที่ไม่มีตึกสูงสร้างมาประชิด เลยทำให้ไม่มีใครมองเข้ามาในห้องเราตรงๆด้วยนะ(ชั้นที่ถ่ายห้องตัวอย่างคือชั้น 24 ค่ะ)
เห็นได้ว่าการออกแบบห้องนี้จะเน้นที่วิวเป็นหลัก ดังนั้นตำแหน่งการวางเฟอร์นิเจอร์จะค่อนข้างตายตัวเหมือนในห้องตัวอย่างค่ะ แต่ก็ยังวางเตียงใหญ่ได้นะคะ
ถ้าอยากดูทีวีก็อาจจะหาชั้นวางมาไว้ได้ แต่ต้องเป็นชั้นแคบๆ สัก 30 ซม.กำลังดี เพราะว่าทางเดินปลายเตียงค่อนข้างจำกัดค่ะ แต่เราไม่แนะนำให้วางเท่าไหร่นะคะ เพราะจะไปบังวิวด้วย ลองหาเป็นจอ Projector ม้วนเก็บบนฝ้าเพดานแทนจะประหยัดพื้นที่ทางเดินมากขึ้นค่ะ
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นตำแหน่งที่เหมาะกับการทำ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้า
มีมุมสำหรับทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งด้วยค่ะ ได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ รับรองว่าแต่งหน้าแล้วหน้าไม่ลอยแน่นอน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
20 May 2020
- Studio เนื้อที่ 29 ตร.ม. / ราคา 6.4 ล้านบาท หรือ 247,000 บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.75 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหิน
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
- จอง+ทำสัญญา n/a บาท
- ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 85 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
ที่ตั้งของโครงการนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจมาก อันดับแรกเพราะเป็นโครงการที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเลย อันดับที่สองคือเป็นโครงการที่อยู่ติดกับห้าง Century Movie Plaza และสามารถหาของกินของใช้ Shopping ได้ทั้งโซนอนุสาวรีย์ชัยฯเองหรือว่าจะมาทางฝั่งรางน้ำก็สะดวกค่ะ แต่จุดที่เด่นที่สุดที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือระยะห่างจากอนุสาวรีย์ชัยฯที่พ้นข้อกำหนด 200 เมตรพอดี จึงเป็นโครงการสูงที่การันตีวิวอนุสาวรีย์ชัยฯได้ค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ :
ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนพญาไท ซึ่งเป็นถนนใหญ่ ฝั่งขาเข้าไปยังสยาม ทำให้ในแง่การใช้งานทำได้ค่อนข้างสะดวก แต่ถ้าต้องการไปทางถนนราชวิถี หรือไปทางพญาไทอีกฝั่งก็จะมีตัวเลือกคือ ขับรถเข้าไปซอยรางน้ำ จะมีทางออกไปยังถนนราชวิถีมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ฯได้ หรือว่าจะตรงไปทางถนนพญาไทและกลับรถตรงแยกที่ตัดกับถนนศรีอยุธยาได้ค่ะ(แต่จุดกลับรถนี้อาจจะมีช่วงเวลาการใช้งานอยู่นะคะ)
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
หน้าโครงการเป็นสถานีรถไฟฟ้า BTS เลยค่ะ นอกจากนั้นบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯเองก็ถือว่าเป็น Hub รวมการขนส่งสาธารณะไว้หลากหลาย เช่นรถเมล์ รถตู้ ขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปรอบๆกรุงเทพฯได้เกือบหมด และยังเป็นแหล่งงาน ทำให้มีรถ Taxi ผ่านไปมาบนถนนพญาไทตลอด 24 ชม. (แต่ช่วงนี้ที่ติดเคอร์ฟิวคงไม่มีนะคะ)
วัสดุ :
รูปแบบการขายของโครงการนี้จะเป็นแบบ Fully Fitted ที่ให้ชุดครัว Built-in เคาน์เตอร์ ตู้เก็บของทั้งบนและล่างมา (เตาและอ่างล้างจานของ Franke) ได้ห้องน้ำโดยชุดสุขภัณฑ์จะเป็นของ TOTO และ GROHE ภายในห้องจะได้ระบบแอร์แบบ Conceal พื้นจะเป็นกระเบื้องและ Engineering wood ค่ะ โดยรวมถือว่าเหมาะสมกับราคานะคะ แต่ว่าอาจจะต้องเผื่องบประมาณสำหรับตกแต่งภายในเพิ่มเติมเอาไว้ด้วยค่ะ
การออกแบบ :
ทางด้านการออกแบบของโครงการนี้ถือว่าดูโดดเด่นและแปลกตาเลยค่ะ ด้วยโทนสีดำ และดีไซน์โค้งมนไปหมดทั้งอาคาร ในแต่ละชั้นก็จะมีการเหลื่อมของพื้นที่ด้วย (ในแง่การออกแบบและการก่อสร้างก็จะยากกว่าตึกที่เท่ากับไปทุกชั้นและเป็นรูปร่างเหลี่ยม) โดยโครงการนี้จะนำเอา Concept มาจาก Antelope Canyon ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา นอกจากสถาปัตยกรรมแล้วยังเป็นแนวความคิดในการออกแบบภายในของโครงการนี้ด้วยค่ะ
ในส่วนของการวางตำแหน่งห้องพัก อิงจากวิวที่ได้จากที่ตั้งของโครงการเป็นหลัก ทำให้ห้องส่วนใหญ่อยู่ในตำแหน่งที่วิวสวยมาก ส่วนรูปแบบห้องพักก็จะมีให้เลือกตั้งแต่ Studio , 1 Bedroom , 2 Bedroom และมีห้อง Duplex ให้เลือกด้วยค่ะ ในห้อง 1 Bedroom ฝั่งที่หันไปยังอนุสาวรีย์ชัยฯ ก็จะมีจุดเด่นที่การลดระดับพื้นภายในห้อง สร้างบรรยากาศให้เหมือนกับบ้านมากขึ้น เราไม่ค่อยเจอการลดระดับพื้นในโครงการประเภทคอนโดสักเท่าไหร่ สามารถเอาไปอวดเพื่อนได้นะคะ
สาธารณูปโภค :
ส่วนกลางของที่นี่จะอยู่ที่ชั้น 1 และ 2 ชั้นบนสุด ทำให้พื้นที่ส่วนกลางทุกฟังก์ชันสามารถมองเห็นวิวรอบๆโครงการได้เลย ในแง่ฟังก์ชันส่วนกลางที่ให้มาจะได้ฟังก์ชันมาตรฐาน อย่าง Fitness , สระว่ายทำ , พื้นที่นั่งเล่น ทำงาน ทั้งในอาคารและนอกอาคาร แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการออกแบบพื้นที่ทุกส่วนที่สามารถใช้งานได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนค่ะ เช่นสระว่ายน้ำที่อยู่ในร่ม ทำให้แม้จะเป็นช่วงเวลาเที่ยงก็ขึ้นมาใช้งานได้ และพื้นที่แต่ละส่วนมีขนาดใหญ่ จัดชุดโซฟา หรือว่าเครื่องเล่นในฟิตเนสด้วยระยะที่ใช้งานได้สบาย ไม่แออัด ดีไซน์โดยรวมสวยงามน่าใช้งาน แต่จะมีข้อติเล็กน้อยที่ส่วนที่เป็นห้องน้ำจะต้องเดินบันไดลงมาที่ชั้น 37 ครึ่ง อาจจะไกลไปบ้าง และถ้าคนที่ใช้งานสระตัวเปียกๆเดินไปใช้งาน ทางเดินอาจจะเปียกชื้นได้นะคะ แม่บ้านก็อาจจะต้องดูแลพื้นที่ส่วนนี้ด้วยความถี่ที่มากขึ้นหน่อยค่ะ
Judgement
เนื่องจากโครงการนี้เน้นขายห้องใหม่แบบ Resale เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งราคาห้องแตกต่างกันไปในแต่ละยูนิต และแต่ละชั้นพักอาศัยค่ะ ดังนั้นเราขอไม่ให้คะแนนสำหรับโครงการนี้นะคะ
BOTTOM LINE
IDEO Q Victory ถือเป็นโครงการที่มีจุดเด่นทางด้านทำเลค่ะ เป็นโครงการที่ได้วิวอนุสาวรีย์ชัยฯ ในแบบที่ไม่มีโครงการอื่นเหมือน และเป็นโครงการที่อยู่ติดห้างและสถานีรถไฟฟ้า ดังนั้นคนที่สนใจโครงการนี้จะมองที่เรื่องทำเล ความสะดวกสบาย และเรื่องวิวเป็นหลัก เหมาะกับคนที่หาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ อาจจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานโซนราชวิถี มีงบประมาณ 7-8 ล้านบาทขึ้นไปค่ะ
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving