รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.93 IDEO Mobi สุขุมวิท by Ananda
31 สิงหาคม 2014
คงจะหนีไม่พ้นด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า IDEO Mobi เป็นคอนโดที่มีคนกล่าวถึงกันมากที่สุดในช่วงต้นปี 2555 ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS, MRT ในระยะไม่ถึง 200 เมตร และราคาเปิด 1.9 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2-5 กุมภาพันธ์ 2555 ที่สยาม พารากอน
แต่ก่อนที่จะไปรีวิวเจาะลึกเต็มรูปแบบ ผมก็ได้หยิบผังห้องของ IDEO Mobi ทั้ง 10 แบบมาวิเคราะห์กันให้ดูกันก่อน เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไปจองคอนโดกันโดยที่ไม่ค่อยจะทราบหรอกว่าผังห้องเป็นอย่างไร เพราะที่ Siam Paragon ก็คงจะไม่มีห้องตัวอย่างให้ดูกัน พอเจอแรงกดดันเยอะๆจากทั้งลูกค้าคนอื่นและพนักงานขายที่มะรุมมะตุ้มกัน ส่วนใหญ่ก็เผลอๆยื่นบัตรเครดิตจองไปซะงั้น โดยที่ไม่ได้คิดว่าห้องของ IDEO Mobi ที่ท่านจองไปนั้นใช้งานได้ “เหมาะกับ LifeStyle ของท่านไหม?”
โชคดีที่ IDEO Mobi พญาไท, สาทร, สุขุมวิทและพระราม 9 ทั้ง 4 ที่นั้นแชร์ผังห้องแบบคล้ายๆกัน คือมี Main Design เหมือนกัน แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆนั้นเปลี่ยนไปตาม IDEO Mobi แต่ละทำเล (เช่นมุมและรูปแบบตึกที่ต่างกันนิดหน่อยเป็นต้น)
บทความนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของรีวิวเจาะลึก IDEO Mobi ทั้ง 4 ตึกในอนาคตครับ
ครั้งแรกที่ผมได้ยินพื้นที่ขนาด 21 ตารางเมตร ผมก็งงเหมือนกันว่าทำไม IDEO Mobi ต้องทำห้องเล็กขนาดนี้ เล็กกว่ายูนิตเล็กที่สุดของ LPN ที่ 22.5 ตารางเมตร หรือ The Tree ของพฤกษาที่ 22 ตารางเมตรเสียอีก แต่ในขณะเดียวกันทำเลกลับดีกว่ามาก ไพรม์ใจกลางเมือง จับตลาดกลุ่ม UPPER CLASS ต่างกับ LPN, PS ที่เน้นห้องเล็กเพราะจับตลาด ECONOMY และ MAIN CLASS ตามลำดับ
พอลองเทียบดูกับประเทศเพื่อนบ้านที่เจริญกว่าเรา เช่นฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์หรือแม้แต่เกาหลีใต้ ก็พบว่าขนาดห้อง 21 ตารางเมตรยังไม่ใช่ขนาดเล็กที่สุดของเขานะครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าที่ดินในประเทศเหล่านี้ ทำเล Prime / Premium แทบจะหาไม่ได้แล้ว การสร้าง Apartment หรือ Condominium ภายใต้ที่ดินเหล่านั้นจึงมีพื้นที่ขายที่จำกัด ราคาต่อตารางเมตรสูง ซึ่งแน่นอนว่าเมืองไทยก็กำลังเดินตามรอยนั้นๆไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
2-3 ปีก่อนราคาคอนโดยังไม่แพงขนาดนี้ สมมุติขายที่ราคา 70,000 บาทต่อตารางเมตร ถ้าห้องขนาด 30 ตารางเมตรก็จะต้องจ่าย 2.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้ากลุ่ม 20 ปลายๆ 30 ต้นๆสามารถผ่อนได้ ด้วยเงินเดือน 30,000 – 40,000 บาท
ปัจจุบันราคาทุกอย่างขึ้นตั้งแต่ ที่ดิน วัสดุ ค่าแรง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จำเป็นต้องขายที่ราคา 100,000 บาทต่อตารางเมตร แต่รายได้ของลูกค้ากลุ่มเดิมกลับไม่ได้ขึ้นสูงตามปัจจัยต้นทุน ทำให้ถ้าอยากจะทำห้องราคาเท่าเดิมคือ 2.1 ล้านบาท (เพราะลูกค้าผ่อนได้เท่านี้ไม่สามารถซื้อเกินตัวได้) ก็จำเป็นต้องลดขนาดพื้นที่ใช้สอยลง ให้เหลือ 21 ตารางเมตร เป็นขนาดพอดีคำ
IDEO Mobi ดันให้กรอบความคิดนี้ไปไกลกว่านั้น โดยผลักราคาต่อตารางเมตรขึ้นไปถึง 120,000 – 140,000 บาท (ขึ้นอยู่กับทำเล) โดยคงขนาดของห้องเอาไว้ที่ 21 ตารางเมตร ทำให้เกิดสินค้าราคา ห้อง Studio ราวๆ 2.5 – 3 ล้านบาท ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการทำตลาดที่แปลก ลูกค้าจะยอมจ่ายเงิน 2.5 – 3 ล้านบาทเพื่อพื้นที่ 21 ตารางเมตรจริงหรือ?
ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่าตารางเมตรที่หายไป มีผลกับ “Life Style” และปัจจัยการใช้ชีวิตของท่านมากขนาดไหน ขนาดที่ลดลงสามารถอยู่จริงได้ไหม? มาติดตามคำตอบได้กับการรีวิวทีละยูนิตเลยครับ
เจาะลึกผังห้อง (Unit Plan)
แบบห้องของ IDEO Mobi ที่ผมหยิบมาวิเคราะห์ทั้ง 10 แบบ สามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 6 Group ดังนี้ครับ
- Studio – A
- 1 Bedroom – B
- 2 Bedrooms / 1 Bathroom – C
- 2 Bedrooms / 2 Bathrooms – D, E
- Duplex 1 Bedroom – F1, G, H
- Duplex 2 Bedrooms – F3, I
ขอบคุณที่กด Like ให้กับข้อมูลจาก Think of Living นะครับ!
Type A – Studio – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 21 ตารางเมตร
21 ตารางเมตรเป็นขนาดที่ต้องบอกว่า IDEO Mobi “กล้ามาก” ที่จะทำห้องขนาดนี้ แต่ยังคงฟังก์ชั่นการใช้สอยได้อย่างดี โดยมีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและครัวอยู่ครบ 4 ฟังก์ชั่นใช้สอยหลัก ซึ่งแน่นอนฟังก์ชั่นรองๆต้องถูกตัดออกไปบ้างตามขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เล็กลง
- ห้องนอน ขนาดแทบจะพอดีเตียง วางโต๊ะข้างเตียงได้ฝั่งเดียว อีกฝั่งเหลือพื้นที่ให้ติดตั้งฉากกั้นห้อง ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง
- ห้องรับแขก วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้พอดี ทีวีหลบไปวางหลังบานประตู (ระวังเปิดมาชน) ทีวีวางเอียงๆ คนที่นั่งทางขวาของโซฟาจะต้องหันคอเอียงๆ โต๊ะกลางแทบวางไม่ได้ต้องใช้โต๊ะเล็กๆแทน มีโต๊ะแบบ 1 ที่นั่งสงสัยเอาไว้กินข้าวคนเดียว
- ห้องครัว เป็นทางเดินแล้วก็มีครัวขนาดกะทัดรัดที่สุด มีพื้นที่ให้ติดตั้งบานประตู สามารถกั้นทำเป็นครัวปิดได้ ระเบียงที่ต่อกับครัวก็แทบไม่ต้องใช้ เพราะว่าต้องวาง Compressor แอร์ด้วย
- ห้องน้ำ อยู่ติดกับห้องครัว มี Shower Room แต่ถ้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้า ต้องระวังนะครับ ดูจาก Size แล้วบานประตูเปิดเข้าไปชนแน่ๆ เช่นเดียวกับฉากกั้นห้องอาบน้ำ คงเปิดใช้งานยากหน่อย
Type B – 1 Bedroom – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 30 ตารางเมตร
ขนาด 30 ตารางเมตรเป็นขนาดที่ IDEO เชี่ยวชาญอยู่แล้ว มีฟังก์ชั่นที่เพ่ิมเข้ามาจากห้อง 21 ตารางเมตรคือโต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงาน ที่วาง Compressor แอร์ ระเบียงที่ใช้สอยได้ และตู้วางรองเท้า จะเห็นว่าลงตัวกว่าขนาด 21 ตารางเมตร “เยอะมาก”
- ห้องนอน ขนาดกำลังดีมีโต๊ะเครื่องแป้งกลับมาแล้ว ฝั่งที่ติดกระจกมีโต๊ะทำงานตั้งได้อีกตัว
- ห้องรับแขก วางอยู่ติดระเบียง ใช้เป็นระเบียง 2 ชั้นตามมาตรฐาน IDEO สามารถเอาพื้นที่ระเบียงมาเป็นพื้นที่ภายในได้ด้วย
- ห้องครัว เปิดประตูเข้าไปแล้วเจอเลย เป็นครัวเปิด ถ้าอยากปิดต้องติดตั้งฉากกั้นห้องเอง ทางขวามีพื้นที่เหลือทำตู้วางรองเท้าได้ข้างๆตู้เย็น (แต่ผมว่าเอาไปทำอย่างอื่นเหอะ รองเท้ากับตู้เย็นไม่ควรอยู่ด้วยกัน)
- ห้องน้ำ อยู่ในห้องนอน พื้นที่โอเคขึ้นกว่า Studio เยอะ
Type C – 2 Bedrooms / 1 Bathroom – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 42 ตารางเมตร
สองห้องนอนแบบเล็กเพียง 42 ตารางเมตร มีฟังก์ชั่นเพิ่มเข้ามาคือการวางเครื่องซักผ้าและห้องนอนเล็ก
- ห้องนอนใหญ่ ฟังก์ชั่นลงตัวไม่มีปัญหา
- ห้องนอนเล็ก ยังเล็กไปนิดนึง ไม่มีโต๊ะข้างเตียง พอจะเป็นห้องนอนเด็กได้
- ห้องรับแขก ขนาดพอไหว แต่ความกว้างยังไม่พอถ้าจะวางโต๊ะอาหารแบบ 4 ที่นั่ง ทำให้อึดอัดเวลาจะขยับเก้าอี้ลุกนั่ง ถ้าอยู่เกิน 2 คนควรจะเอาโต๊ะกลางหน้าโซฟาออกไปแล้วเลื่อนโซฟาเข้าใกล้ TV อีกนิด ส่วนระเบียงก็มีที่วางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์แยกต่างหาก
- ห้องครัว ออกแบบได้ดีกว่าเดิมคือวางครัวเข้ามุมเป็นรูปตัว L และสามารถกั้นทำประตูปิดเปิด ไม่ให้กลิ่นอาหารออกมาได้
- ห้องน้ำ อยู่ในห้องนอนใหญ่ เปิดได้สองทางแชร์กันระหว่างห้องรับแขก ห้องนอน 2 และห้องนอนใหญ่
Type D – 2 Bedrooms / 2 Bathrooms – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 54 ตารางเมตร
สองห้องนอนแบบสองห้องน้ำ ดูแล้วลงตัวกว่าแบบอื่นเยอะด้วยขนาดใชสอยที่มากกว่าเดิม มีฟังก์ชั่นเพ่ิมขึ้นมาคือระเบียง 2 จุด ห้องน้ำอีก 1 ห้องและเฉียงหน้าบ้าน
- ห้องนอนใหญ่ ฟังก์ชั่นลงตัวไม่มีปัญหา
- ห้องนอนเล็ก ฟังก์ชั่นดีกว่าเดิมแต่ยังวางเตียงขนาดใหญ่ไม่ได้
- ห้องรับแขก ขนาดดีขึ้น โต๊ะทานข้าวกับโซฟาไม่ตีกันแล้ว มีจุดที่เป็นเฉลียงให้วางรองเท้า เครื่องซักผ้าย้ายมาอยู่หน้าบาง
- ห้องครัว ขนาดใหญ่กว่าเดิม มีพื้นที่ให้ใช้งานได้เยอะขึ้น มีบานปิดเป็นบางสวิงเรียบร้อย
- ห้องน้ำ ทั้งสองห้องใช้การได้ดี ห้องอาบน้ำใหญ่พอที่จะเปิดปิดได้สะดวก
Type E – 2 Bedrooms / 2 Bathrooms – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 59 ตารางเมตร
เพิ่มมาอีก 5 ตารางเมตร คราวนี้ลงตัวแทบทุกอย่างเลย เหมาะสำหรับการอยู่ 4 คน
- ห้องนอนใหญ่ ฟังก์ชั่นลงตัวไม่มีปัญหา
- ห้องนอนเล็ก ฟังก์ชั่นลงตัวไม่มีปัญหา
- ห้องรับแขก มีระเบียงคู่ (เหมือนกับเป็นห้อง Combine) เปิดใช้งานได้สองจุด มีช่องวาง Compressor Air สองที่นอกระเบียง มีห้องวางเครื่องซักผ้าแยกต่างหาก
- ห้องครัว เชื่อมกับห้องน้ำที่ห้องนอนเล็กได้ด้วย ทำให้การล้างทำความสะอาดได้ดีขึ้น
- ห้องน้ำ ทั้งสองห้องใช้การได้ดี ห้องอาบน้ำใหญ่พอที่จะเปิดปิดได้สะดวก
Type F – ให้อ่านจากเจาะลึก Sky Home นะครับ
- ห้องนอน ประตูเปิดมาจะชนโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะหัวเตียงมีตัวเดียว คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ใกล้หัวนอนเกินไป ทีวีวางไม่ Center กับเตียง
- ห้องน้ำ มีแต่ข้างบนห้องเดียว แชร์กันใช้ระหว่างห้องนอนและห้องข้างล่าง เข้าออกได้สองทาง ถ้าจะถูบ้านชั้นล่างทีคงสนุกไม่น้อย
Type F3 – Duplex 2 Bedrooms / 2 Bathrooms – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 60 ตารางเมตร
แบบต่อมาเป็นแบบ 60 ตารางเมตร ออกแบบมาให้อาศัยได้ 3 คน
- ห้องรับแขก ชั้นล่างมีระเบียงกว้างขวาง เหมาะกับการทำเป็นที่นั่งชมวิวอะไรประมาณนั้น ห้องรับประทานอาหารโอเค แต่ตำแหน่งวาง TV ยังไม่เหมาะสม คือไกลเกินไปและวางเอียงไม่รับสายตาโซฟาแบบ Center
- ห้องครัว มีพื้นที่เยอะขึ้น เชื่อมกับห้องน้ำ
- ห้องน้ำล่าง สามารถอาบได้ด้วย มีห้องน้ำใกล้ๆห้องครัวก็ดีมากขึ้นเวลาต้องการทำความสะอาดบ้าน
- ห้องนอนใหญ่ เป็นเตียงคู่ ไม่มี Sidebaord วางทีวีเพราะว่าจะไม่มีที่เดิน ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนัง
- ห้องนอนเล็ก เสียพื้นที่ไปวาง Compressor Air เลยวางได้แค่เตียงขนาด 1 คน
- ห้องน้ำ ออกแบบให้ใช้ร่วมกันระหว่างสองห้องนอน ไม่มีห้องน้ำในห้องนอนใหญ่
Type G – Duplex 1 Bedroom – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 42 ตารางเมตร
กลับไปเหมือน Type F1 อีกแล้วแต่หมุนห้องแบบใหม่ เครื่องซักผ้าใส่ตู้แทนที่จะวางไว้ข้างบันได เหมือนๆกับแบบ F1 ครับ
- ห้องรับแขก แบ่งเป็นห้องรับแขกและส่วนรับประทานอาหารแบบ 2 คน
- ห้องครัว ครัวเปิด วางเป็นตัว L
- ห้องนอน วางตำแหน่งโต๊ะเครื่องแป้งได้ดีขึ้น โต๊ะหัวเตียงมีตัวเดียว คอมเพรสเซอร์แอร์เอาไปซ่อนไว้หลังทีวี ทีวีวางไม่ Center กับเตียง
- ห้องน้ำ มีแต่ข้างบนห้องเดียว แชร์กันใช้ระหว่างห้องนอนและห้องข้างล่าง เข้าออกได้สองทาง ถ้าจะถูบ้านชั้นล่างทีคงสนุกไม่น้อย
Type H – Duplex 1 Bedroom – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 42 ตารางเมตร
แทบจะเป็น Plan เดียวกันกับ Type G
- ห้องรับแขก แบ่งเป็นห้องรับแขกและส่วนรับประทานอาหารแบบ 2 คน
- ห้องครัว ครัวเปิด วางเป็นตัว L
- ห้องนอน วางตำแหน่งโต๊ะเครื่องแป้งได้ดีขึ้น โต๊ะหัวเตียงมีตัวเดียว คอมเพรสเซอร์แอร์เอาไปซ่อนไว้หลังทีวี ทีวีวางไม่ Center กับเตียง
- ห้องน้ำ มีแต่ข้างบนห้องเดียว แชร์กันใช้ระหว่างห้องนอนและห้องข้างล่าง เข้าออกได้สองทาง ถ้าจะถูบ้านชั้นล่างทีคงสนุกไม่น้อย
Type I – Duplex 2 Bedrooms / 2 Bathrooms – พื้นที่ใช้สอยประมาณ 60 ตารางเมตร
แทบจะเหมือนกันเด๊ะๆกับแบบ F3 แต่กลับด้านเอาทางเข้ามาไว้ที่หัวครัวแทน ทำให้แบบ F3 ใช้งานได้ดีกว่า
- ห้องรับแขก ชั้นล่างมีระเบียงกว้างขวาง เหมาะกับการทำเป็นที่นั่งชมวิวอะไรประมาณนั้น ห้องรับประทานอาหารโอเค แต่ตำแหน่งวาง TV ยังไม่เหมาะสม คือไกลเกินไปและวางเอียงไม่รับสายตาโซฟาแบบ Center
- ห้องครัว ต้องออกแบบให้หลบประตูทางเข้า เลยไม่เชื่อมกับห้องน้ำ
- ห้องน้ำล่าง สามารถอาบได้ด้วย มีห้องน้ำชั้นล่างก็ดีมากขึ้นเวลาต้องการทำความสะอาดบ้าน
- ห้องนอนใหญ่ เป็นเตียงคู่ ไม่มี Sidebaord วางทีวีเพราะว่าจะไม่มีที่เดิน ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนัง
- ห้องนอนเล็ก เสียพื้นที่ไปวาง Compressor Air เลยวางได้แค่เตียงขนาด 1 คน
- ห้องน้ำ ออกแบบให้ใช้ร่วมกันระหว่างสองห้องนอน ไม่มีห้องน้ำในห้องนอนใหญ่
จบกันไปแล้วนะครับกับการวิเคราะห์แบบห้อง IDEO Mobi ทั้ง 10 แบบ พอเลือกแบบที่ถูกใจ ถูก Lifestyle ได้ต่อไปก็รอดูว่าแบบไหนราคาเท่าไร แล้วค่อยว่ากันต่อไปว่าคุ้มหรือไม่นะครับ
“คุณพร้อมไหมที่จะใช้ชีวิตในพื้นที่ขนาดกะทัดรัด” ?
ขอบคุณที่กด Like ให้กับข้อมูลจาก Think of Living นะครับ!