รีวิวโครงการ
รีวิวตึกเสร็จ COMMON TU คอนโด High Rise ติดถนนเชียงราก ใกล้ม.ธรรมศาสตร์ 450 ม. จาก The Creators HQ [รีวิวฉบับที่ 2235]
4 มิถุนายน 2021
รีวิวฉบับที่ 1881 … วันนี้ผมมีคอนโดใกล้มหาลัยตัวใหม่มาฝากครับ กับโครงการ COMMON TU เป็นคอนโด High Rise แห่งแรกที่อยู่ใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ จาก The Creators HQ ที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้ชีวิต และความต้องการที่อยู่อาศัยของน้องๆ มธ. เป็นหลัก มีส่วนกลางเยอะ และออกแบบห้องได้แตกต่างจากเพื่อนบ้านข้างเคียง จะเป็นอย่างไรลองไปชมกันเลยครับ
ข้อมูลโครงการ
Fact @ 6 June 2019
- COMMON TU (คอมมอน ทียู)
- The Creators HQ
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถ.เชียงราก อ.คลองหลวง
- ที่ดินประมาณ 2-1-82 ไร่
- คอนโด High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร 506 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 213 คัน คิดเป็น 42% ไม่รวมซ้อนคัน
- เริ่มก่อสร้าง : Q3 2019
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q3 2021
- Pre-Sales : 30 พ.ค. 2019
- Studio 26.5 – 26.8 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท
- 1 Bedroom 30.8 – 32.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 51.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.1 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 83,019 บาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 92,000 บาท/ตร.ม.
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 095 993 9992
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 14.065544, 100.614461
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการครับ
โครงการ COMMON TU ตั้งอยู่บนถนนเชียงรากฝั่งเดียวกับมหาลัย และใกล้กับฝั่งถนนพหลโยธิน โดยทำเลเชียงรากนั้นเดิมทีก็เป็นแหล่งพักอาศัยของน้องๆนักศึกษา ที่เต็มไปด้วยหอพัก ร้านค้า ร้านอาหาร และของกินต่างๆมากมาย เด่นๆเลยก็คือ U – Square ที่เป็นเหมือนเต็นท์อาหารขนาดใหญ่ ที่ไม่ได้มีแต่น้องๆในมหาลัย หรือคนที่พักอยู่แถวนั้นเท่านั้นที่จะมาหาของกินที่นี่ แต่ยังรวมไปถึงคนในละแวกใกล้เคียง หรือคนวัยทำงานที่ขับรถผ่านไปมา ก็มักจะแวะมาฝากท้องกันเป็นประจำ
อีกหนึ่งจุดคือ TU Dome เป็นเหมือนอาคาร Mixed-use ขนาดใหญ่ ที่ชั้นล่างด้านหน้าจะเป็นร้านอาหารเหมือนแบบในห้างเลยครับ ส่วนด้านหลังก็จะเป็นหอพักนักศึกษา ซึ่งก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับน้องๆได้มากเลยทีเดียว แต่เด็กส่วนใหญ่ก็ยังชอบไปเดินแหล่งจับจ่ายใช้สอยใหญ่ๆของย่านนี้อย่าง ตลาดไท และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต อยู่ดีครับ เพราะมีของขายเยอะกว่า แต่ถ้าอยากหาร้านอะไรง่ายๆกินเช่น MK หรือ ยาโยอิ ก็จะมานี่ TU Dome นี่แหละครับง่ายดี
เรื่องการคมนาคมของทำเลนี้ ทางด้านซ้ายจะมีทางด่วนอุดรรัถยาที่สามารถออกเมืองไปทางบางปะอิน หรือเข้าเมืองไปทางแจ้งวัฒนะ-ดาวคะนองได้ และยังมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ที่จะแล้วเสร็จประมาณปี 2022 ให้ใช้งานในอนาคต ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกครับ
จากภาพ เราสามารถแบ่งแยกโซนที่พักอาศัยของถนนเชียงรากออกได้อีกเป็น 4 โซน ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีลักษณะ สถาพแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันออกไป คือ
1. โซน U-Square : เป็นโซนที่อุดมสมบูรณ์และใกล้กับประตูมหาลัยมากที่สุด มีหอพักนักศึกษาขึ้นกันอยู่อย่างหนาแน่น และมีร้านค้าต่างๆมากมาย สรุปคือเป็นโซนที่สะดวกสบาย แต่ก็พลุกพล่านมากที่สุดโซนหนึ่ง ซึ่งโครงการ COMMON TU ก็จะอยู่ในโซนนี้ด้วยครับ แต่หากใครที่ชื่นชอบความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวก็อาจไม่เหมาะกับโซนนี้มากนัก
2. โซน SUNTA : เป็นโซนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาลัยและ U-Square ซึ่งจะสามารถเดินข้ามไป-มาได้ด้วยสะพานลอย ก็ยังถือว่าเดินทางค่อนข้างสะดวกอยู่ครับ ไม่ได้ลำบากมากนัก รวมถึงเรื่องอาหารการกินก็พอมีบริเวณริมถนนและปากซอยต่างๆ หรือส่วนใหญ่น้องๆนักศึกษาก็จะหาซื้อของกินกันตั้งแต่ฝั่ง U-Square เสร็จแล้วค่อยข้ามฝั่งเพื่อกลับไปยังที่พักครับ สรุปแล้วโซนนี้ถือว่ายังมีความสะดวกสบายอยู่นะ และมีความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นมาหน่อย ไม่พลุกพล่านเหมือนฝั่งมหาลัย เหมาะแก่การอยู่อาศัยครับ
3. โซน J-Park : เป็นอีกโซนที่อยู่ฝั่งเดียวกับมหาลัย แต่จะอยู่บริเวณด้านหลัง และถ้าออกมาจากมอก็จะต้องไปกลับรถมาก่อน 2 รอบ โซนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นโซนที่มีหอพักราคาแพงอย่าง J-Park ตั้งอยู่ ด้านหน้ามี Plaza เป็นของตัวเอง ซึ่งก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และยังมีหอพักอื่นๆอยู่ด้านในซอยอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ถือว่าสงบมากกว่า U-Square เพราะเดิมทีโดยรอบเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยดั้งเดิม แต่หากใครคิดว่าจุดนี้เป็นแหล่งผับและแฮงค์เอ้าท์ ตอนนี้ไม่มีแล้วนะครับ ร้านปิดไปหมดแล้ว (T^T)
4. โซน Golf View : โซนนี้ถือว่าเป็นเอกเทศมากๆ แยกตัวออกมาจากโซนอื่นๆ และได้ตั้งอาณาจักรขึ้นมาเป็นของตัวเองด้านใน แต่ด้วยความที่มันไกลและเดินทางลำบากมากสุดในบรรดาทุกๆโซน จึงทำให้ราคาหอพักค่อนข้างถูก เหมาะกับนักศึกษาที่ไม่เน้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ไม่กลัวเรื่องเดินทางลำบาก เพราะอันที่จริงแล้วทางหอก็มีรถรับ-ส่งนะ แต่ถ้าเน้นเรื่องราคาถูกและความเป็นส่วนตัวก็จะเลือกอยู่ที่โซนนี้กันครับ
Loop การใช้ชีวิตของคอนโดนี้ก็ง่ายๆครับ ถ้าเราใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็สามารถเข้ามหาลัยได้ใกล้ที่สุดคือ ประตูพหลโยธิน 4 ห่างจากโครงการประมาณ 800 m. เท่านั้น ส่วนขากลับก็สามารถออกมาได้ทั้งจากประตูเชียงราก 1 หรือเชียงราก 2 ก็ได้ครับ แต่ประตูที่ใกล้โครงการมากที่สุดคือ ประตูเชียงราก 2 ระยะทางประมาณ 550 m. (วัดตั้งแต่ซุ้มประตูมหาลัยจนถึงขอบเขตที่ดิน) ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ใช้เดินทางด้วยรถค่อนข้างสะดวกอยู่ไม่น้อยเลยครับ
ส่วนระยะเดิน (เส้นประสีส้ม) วัดจากขอบเขตที่ดินถึงซุ้มประตูเชียงราก 2 ก็จะมีระยะทางเท่ากับระยะขับรถอยู่ที่ 550 m. ยังพอเป็นระยะที่เดินได้นะครับ และถ้าจะเดินไปขึ้นรถตู้ที่ท่ารถเลย ก็จะมีระยะประมาณ 900 m. ครับ ซึ่งก็แอบเหนื่อยอยู่พอสมควร
และเส้นสีเหลืองจะเป็นจุดกลับรถใต้สะพาน เพื่อย้อนกลับไปฝั่งเชียงราก และไปขึ้นทางด่วนอุดรรัถยาได้ครับ แต่เราจะขึ้นสะพานข้ามถนนพหลโยธินไปฝั่งถนนคลองหลวงไม่ทันนะ เพราะที่ตั้งโครงการจะอยู่ตรงทางขึ้นสะพานพอดี ไม่แนะนำให้ขับรถย้อนศรนะครับอันตราย
โดยทางด่วนอุดรรัถยานั้น จะอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 4.5 km. เท่านั้นครับ ให้เราใช้จุดกลับรถใต้สะพานหน้าโครงการที่ได้บอกไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ได้เลย สามารถเข้าเมืองไปทางแจ้งวัฒนะ ดินแดง ดาวคะนอง บางนา ได้ครับ
หรือถ้าใครจะขึ้นโทลเวย์ไปทางดอนเมือง ห้าแยกลาดพร้าว หรือจตุจักรก็ได้ครับ ซึ่งจะต้องไปขึ้นบนถนนพหลโยธินช่วงก่อนถึงฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 14 km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 นาทีก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้วครับ หรืออาจจะมากกว่านั้นในช่วงเวลาเร่งด่วน เพราะถนนบริเวณหน้าฟิวเจอร์ก็รถติดไม่น้อยเลยทีเดียว
การเดินทางในวันนี้ผมเลือกมาจากทางด่วนอุดรรัถยา ซึ่งมีทางออกมาลงที่ถนนเชียงรากได้เลย ค่อนข้างสะดวกครับ จากนั้นก็ให้เราขับตรงต่อมาจนเกือบถึงถนนพหลโยธินก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือนะ
แต่ถ้าใครที่มาจากดอนเมืองโทลเวย์ ก็ให้ขับตรงมาตามถนนพหลโยธินเรื่อยๆ ก่อนถึงตัวมหาลัยจะมีทางให้เลี้ยวซ้ายเพื่อมายังถนนเชียงราก จากนั้นให้เราไปกลับรถที่ใต้สะพานทางขึ้นทางด่วนเพื่อย้อนกลับมาฝั่งมหาลัย ก็จะสามารถมาถึงตัวโครงการได้เหมือนกันนะ
ตอนนี้ผมอยู่บนทางด่วนอุดรรัถยา ให้เราสังเกตป้ายบอกทางไปเชียงราก – ม.ธรรมศาสตร์ ก็ให้เราเตรียมเบี่ยงซ้ายเพื่อออกจากทางด่วนได้เลยครับ
หลังจากผ่านด่านจ่ายเงินมาแล้ว ให้เราเบี่ยงขวาไปตามป้าย ม.ธรรมศาสตร์ ครับ
เมื่อขับรถขึ้นมาบนสะพานก็ให้เราชิดซ้ายเอาไว้ ตามป้ายบอกทางไป ม.ธรรมศาสตร์ เช่นเดิมครับ เพราะถ้าไปทางซ้ายก็จะเป็นการกลับรถเพื่อไปขึ้นทางด่วนเมื่อสักครู่นี้อีกครั้งเพื่อเข้าเมืองนะ
เมื่อลงมาสู่ถนนเชียงรากก็ให้เราขับตรงมาเรื่อยๆ ซึ่งถนนทั้ง 2 ฝั่งจะค่อนข้างคึกคักและเต็มไปด้วยหอพักนักศึกษา อย่างทางด้านขวามือก็เป็น TU Dome ซึ่งเป็นทั้งห้างและหอพักของมหาลัยนั่นเอง และส่วนทางซ้ายมือจะเห็นสนามกีฬาของมหาลัย เลยมาหน่อยก็จะเป็นประตูเชียงราก 1 ครับ ซึ่งก็ให้เราขับตรงต่อไปนะ
ขับตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับถนนซอยที่เข้าไปยังประตูเชียงราก 2 ได้ครับ ซึ่งเป็นประตูที่อยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุด จากตรงนี้ก็ให้เราขับตรงต่อไปอีกหน่อยประมาณ 450 m. ครับ
เมื่อขับตรงมาก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งมีทางเข้าถึง 2 ทาง สามารถเข้าได้จากทั้ง 2 ช่องทางเลยครับ เพราะถนนด้านหน้าโครงการจะเป็นถนนภาระจำยอมที่เชื่อมถึงกัน และใช้งานร่วมกันกับหอพักข้างเคียงครับ
Sale Gallery จะเป็นสไตล์ Modern สีดำ ซึ่งการตกแต่ง facade นี้ก็จะคล้ายกับรูปแบบที่จะนำไปใช้กับอาคารจริงในชั้นจอดรถนั่นเองครับ ส่วนตัวโครงการจริงๆจะตั้งอยู่ทางด้านในนะ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างอยู่ครับ
ซึ่งถ้าใครเคยมาแถวนี้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาน่าจะพอจำกันได้นะครับ ว่าที่ดินผืนนี้เดิมทีเคยเป็น Lynx Arena มาก่อน ที่ภายในจะมีพวกสนามแบดมินตัน และสนามฟุตซอลให้เช่าครับ โดยทางโครงการก็ได้ซื้อที่ดินผืนนี้แล้วนำมาพัฒนาต่อเป็นคอนโดนี้นั่นเอง
ภายใน Sale Gallery จะมีการตกแต่งคล้ายกับ Main Lobby ของจริงเลยนะครับ โดยทางโครงการเรียกสไตล์การตกแต่งนี้ว่า Minimal Fashion ซึ่งมีการใช้ทั้งเส้นแนวตั้ง เส้นโค้ง และใช้โทนสีลายไม้ธรรมชาติที่ดูเรียบง่าย แต่ก็แอบเพิ่มสีสันของเฟอร์นิเจอร์ที่ฉูดฉาด ดูโดดเด่น สนุกสนาน และไม่น่าเบื่อเพิ่มขึ้นมาด้วยครับ ซึ่งห้องตัวอย่างจะต้องขึ้นบันไดทางขวามือไปยังชั้น 2 นะ
ส่วนถ้าเราเดินตรงเข้ามาก็จะเจอกับชุดโต๊ะเก้าอี้อยู่หลายจุด และมีโมเดลตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งก็อยู่ติดกับเคาน์เตอร์และมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลอยู่ตลอดเวลาอีกด้วยครับ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบนะครับ ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นโครงการที่มีความสูงที่สุดในย่านนี้เลยในขณะนี้ ทำให้สามารถมองวิวที่เปิดโล่งและมองไปได้ไกลทุกด้านเลย โดยแต่ละวิวจะประกอบไปด้วย
- ทิศเหนือ : ติดกับรั้วมหาลัยธรรมศาสตร์ มองเห็นวิวในมหาลัยและอาคารศูนย์ประชุม
- ทิศใต้ : ติดกับถนนเชียงราก ฝั่งตรงข้ามเป็นหอพัก 8 ชั้น เป็นชุมชนแนวราบ และที่ว่าง
- ทิศตะวันออก : ติดกับหอพักสูง 8 ชั้น มองออกไปทางฝั่งถนนพหลโยธินกับชุมชนคลองหลวง และมองเห็นวัดพระธรรมกายได้
- ทิศตะวันตก : ติดกับที่ว่าง และมองไปยังฝั่ง U – Squaer เป็นกลุ่มหอพักสูง 8 ชั้นที่ค่อนข้างหนาแน่น
มีภาพวิวชั้น 8 ( ความสูง 30 เมตร), ชั้น 18 (ความสูง 60 เมตร) และชั้น 27 (ความสูง 90 เมตร) จากทางโครงการมาฝากด้วยครับ จะเห็นว่าส่วนใหญ่ได้วิวที่ค่อนข้างเปิดโล่งมากเลยจริงๆ เพราะโดยรอบยังเป็นแนวราบกับอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้นอยู่เลย รวมถึงยังมีที่ว่างสีเขียวอีกเยอะครับ
ส่วนนี่เป็นวิวตอนกลางคืนครับ ถ้าเป็นทิศที่หันหน้าออกไปทางถนนใหญ่ก็จะคึกคักและมีแสงไฟที่สวยงามดี แต่ถ้าใครชอบความเงียบสงบหรือชอบนอนในห้องที่มืดสนิทแบบปิดหน้าต่าง ก็ควรจะเลือกฝั่งมหาลัยครับ
คราวนี้เรามาเดินดูรอบๆโครงการกันบ้างนะครับ เริ่มจากทางด้านหน้าซึ่งเป็นทางประตูทางเข้าหลักในอนาคตจะเป็นถนนเชียงราก ซึ่งยังเป็นช่วงที่เราสามารถชิดขวาเพื่อกลับรถใต้สะพานได้ทันอยู่ครับ
ทางเข้าของที่ดินตรงนี้จะไม่ได้อยู่ติดกับถนนเชียงรากเลยซะทีเดียวนะ แต่จะต้องข้ามลำรางสาธารณะไปก่อน แล้วจึงเป็นถนนภาระจำยอมที่แต่ละโครงการสามารถขับรถผ่านเชื่อมถึงกันได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเลี้ยวเข้าตรงทางเข้าด้านหน้าของโครงการตัวเองเป็นหลักครับ
เมื่อเลี้ยวเข้ามาแล้วเราก็จะเจอซุ้มประตูทางเข้าโครงการในตำแหน่งนี้เลยนะ โดยทางด้านขวาอย่างที่บอกไปแล้วว่าสามารถเชื่อมต่อไปยังหอ 2B Casa ได้ด้วย
ถึงแม้จะเป็นถนนภาระจำยอม แต่ก็มีการจัดการและการดูแลรับผิดชอบถนนหน้าโครงการของตัวเองแยกกันออกไปครับ อย่างหอ 2B Casa เค้าก็จะมีป้อมยามคอยดูแลอยู่ตั้งแต่ตรงหน้าเขตที่ดินของเค้าเลย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการเข้า-ออก และการจอดรถของผู้พักอาศัย รวมถึงทำถนนและปลูกต้นไม้ใหม่ เพื่อปรับภูมิทัศน์ทางด้านหน้าโครงการอีกด้วย ซึ่งในอนาคตทางโครงการ COMMON TU ก็จะทำแบบเดียวกันครับ
ด้านหน้าหอ 2B Casa จะมีวินมอไซค์ตั้งอยู่ครับ อัตราค่าโดยสารก็ตามนี้เลย สามารถเดินมาใช้บริการกันได้นะ หรือในอนาคตก็อาจมีการขยายวินให้ใหญ่ขึ้น เพราะมีคนพักอาศัยในพื้นที่เยอะขึ้น หรือจะมีวินใหม่มาตั้งอยู่หน้าโครงการเลย อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปนะครับ
ต่อไปเราจะไปดูทางด้านซ้ายของโครงการกันบ้างครับ
ติดกับรั้วโครงการจะเป็นที่ว่างนะ และถัดไปก็จะเป็นหอ Cosy Cozy สูง 8 ชั้นครับ
ซึ่งรั้วของหอ Cosy Cozy เค้าจะมีการเจาะช่องประตูคนเดิน ให้น้องๆนักศึกษาได้เดินผ่านได้ด้วยนะ
ที่ให้เดินผ่านได้เพราะทางด้านหน้าของหอ Cosy Cozy จะมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารตั้งอยู่ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเด็กหออื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงให้เดินมาใช้ได้นั่นเองครับ
ส่วนตรงนี้คือทางเข้ามายังถนนภาระจำยอมหน้าโครงการได้อีกช่องทางหนึ่งครับ สังเกตได้ว่าจะอยู่ตรงทางแยกที่จะขึ้นสะพานข้ามถนนพหลโยธินไปฝั่งคลองหลวงพอดี ซึ่งผมไม่แนะนำให้ลัดถนนไปขึ้นสะพานจากตรงนี้นะครับ เพราะถนนเส้นนี้เป็นถนนกว้าง รถขับมาค่อนข้างเร็ว อันตรายนะครับ
ส่วนถ้าน้องๆคนไหนอยากจะเดินไปมหาลัยด้วยตัวเอง หรือจะไปหาของกินแถว U – Square จากตรงนี้จะต้องเดินเลียบถนนใหญ่ที่ไม่มีฟุตบาทไปแบบนี้ครับ ก็ค่อนข้างอันตรายอยู่เหมือนกัน แต่ก็พอจะเดินได้ครับ และต้องระมัดระวังมอไซค์กันสักหน่อยด้วยนะ
เราสามารถเลือกที่จะเดินเลียบถนนไปจนถึงปากซอยทางเข้ามหาลัยเลยก็ได้ หรือใครจะลัดมาที่ถนนหน้าหอ Sky view ผ่านทางหอ Place of Eight หรือหอ Tudio ก็ได้ครับ เพราะเดินถนนด้านในค่อนข้างจะปลอดภัยกว่า แถมยังมีความคึกคักและมีร้านอาหารต่างๆอยู่ด้วย
บรรยากาศของถนนด้านในก็จะเป็นแบบนี้เลยนะ เป็นซอยที่มีหอพักอยู่เต็มไปหมดทั้ง 2 ข้างทาง แถมยังมีวินมอไซค์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย (และถ้านั่งวินจากตรงนี้ พี่วินจะไม่ขับรถย้อนสอนเพื่อมาเข้าประตูเชียงรากอีกด้วยครับ)
เดินตรงต่อมาเราจะเจอกับเวิ้งนายเกรียง ปิ้งย่างทะเลเผา ซึ่งเป็นแหล่งของกินแหล่งใหม่ที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน ภายในมีร้านอาหารต่างๆ ทั้งฟู๊ดคอร์ด ร้านเสริมสวย และฟิตเนสครับ ถือว่าสะดวกมากสำหรับน้องๆที่เดินกลับเองและต้องผ่านทางนี้อยู่แล้วนะ
และที่ปากซอยถ้าข้ามถนนตรงนี้ไปก็จะเป็นโซน U – Square ที่เป็นแหล่งของกินขนาดใหญ่ของย่านนี้แล้วครับ ส่วนทางขวามือก็จะเป็นประตูเชียงราก 2 นั่นเอง
สำหรับใครที่ยังไม่เคยมาแถวนี้ผมก็มีภาพบรรยากาศของ U – Square มาฝากกันด้วยนะ ซึ่งก็จะเป็นเต็นท์อาหารขนาดใหญ่แบบนี้ รวมถึงตามใต้หอพักหรือตึกแถวต่างๆก็จะมีร้านอาหารเปิดเพียบเลยครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- U-square – 600 เมตร (ระยะเดิน)
- โรงพยาบาล ธรรมศาสตร์ – 1.3 กม.
- TU Dome – 2.1 กม.
- ตลาดไท – 5.6 กม.
- ตลาดบางขันธ์ – 6.6 กม.
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพ – 11.6 กม.
- ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต – 16.1 กม.
รายละเอียดโครงการ
โครงการ COMMON TU เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2-1-82.2 ไร่ และมีจำนวนห้องพักอาศัย 506 ยูนิต ซึ่งถือว่าไม่เยอะเลยนะครับสำหรับคอนโดสูงแบบนี้ มีการตกแต่ง facade ด้านข้างอาคารให้มีความ Modern และใช้สีเทา-ดำ จึงให้อารมณ์เรียบเท่ทันสมัยไม่ตกยุค ชั้น 1 ด้านหน้ามีทั้งพื้นที่สวนและร้านค้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับน้องๆ รวมถึงมี Lobby คอยต้อนรับอยู่ด้านในด้วย
ชั้น 2 – 7 จะเป็นชั้นจอดรถในอาคารทั้งหมด สามารถจอดได้ 213 คัน หรือคิดเป็น 42% แบบไม่รวมซ้อนคัน ซึ่งถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวนะ ส่วนชั้น 8 จะเป็นชั้น Main Facilities และชั้นพักอาศัยจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 9 – 31 ครับ นอกจากนี้ยังมี Roof top facilities ให้ขึ้นไปใช้งานได้อีกด้วย ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะเป็นอย่างไรเราลองไปชมกันเลยครับ
Master Plan ของโครงการ จะมีทางเข้า-ออกแค่ทางเดียวครับ ซึ่งอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ถนนด้านหน้าโครงการนั้นเป็นถนนภาระจำยอม ซึ่งใช้งานร่วมกับโครงการข้างเคียงอื่นๆ และเป็นเพียงแค่ถนนสั้นๆ จึงทำให้ด้านหน้าโครงการมีความเป็นส่วนตัว และนอกจากนี้ตัวอาคารเองก็ยังมีการร่นระยะ set back จากถนนเชียงรากเข้ามาถึง 34 m. ประกอบกับผังเมืองตรงนี้พึ่งเปลี่ยนสีใหม่ได้ไม่นาน จึงทำให้สามารถสร้างอาคารสูงแบบนี้ได้นั่นเองครับ
เส้นทางเดินรถภายในจะเป็นแบบ one way วนรอบอาคาร และระหว่างทางก่อนถึงทางขึ้นที่จอดรถจะมีจุด Drop off ไว้คอยรับส่งคนได้ครับ ซึ่งตรงจุดนี้เองก็จะเป็นพื้นที่ที่อยู่ใต้อาคาร ทำให้ไม่ต้องกลัวแดดร้อนหรือเปียกฝน และยังเป็นที่จอดรถของ Shuttle Van ที่จะคอยรับ-ส่ง น้องๆไปมหาลัยอีกด้วยครับ ถ้าหากรถยังไม่มา น้องๆจะได้เข้าไปนั่งรอใน Lobby ตากแอร์เย็นๆก่อนได้นะ ติดกันจะเป็นที่จอดรถมอไซค์และทางขึ้นที่จอดรถครับ โดยขาออกจากโครงการนั้นจะต้องวนซ้ายอ้อมด้านหลังอาคารไปนะ และที่จอดรถด้านหลังนั้นก็เป็นที่จอดสำหรับ Visitor ครับ
นอกจากทางเข้ารถยนต์แล้วก็ยังมีทางเข้าคนเดินแยกต่างหากอีกด้วยนะ ซึ่งจะค่อนข้างปลอดภัยสำหรับน้องๆ ที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้รถเป็นหลักจริงมั๊ยครับ เมื่อเดินเข้ามาจากประตูทางเข้าก็จะสามารถแวะชมสวนด้านหน้า หรือเดินไปซื้อของที่ร้านค้าก่อนไปยัง Lobby ด้านใน แล้วค่อยขึ้นที่พักครับ ซึ่งรายละเอียดภายใน Main Lobby ก็น่าสนใจนะครับ เพราะเค้ามีการแยกเคาน์เตอร์ออกเป็น 2 จุดหลักๆ จุดแรกเป็นเคาน์เตอร์นิติบุคคลไว้ติดต่อธุระการต่างๆ เช่น จดหมายและรับพัสดุ เป็นต้น เนื่องจากโครงการนี้ไม่มีห้อง Mail box นะครับ
ส่วนอีกจุดหนึ่งคือ เคาน์เตอร์สำหรับติดต่องาน service ต่างๆ เช่น บริการส่งอาหาร บริการทำความสะอาด หรือบริการล้างรถ เป็นต้น ซึ่งจะตั้งอยู่ในจุดที่ทุกคนต้องสัญจรผ่านไปมาคือบริเวณหน้าโถงลิฟต์นั่นเองครับ ส่วนประตูต่างๆภายในอาคารก็จะต้องใช้ Key Card Access ตั้งแต่ทางเข้าด้านหน้า Lobby และโถงลิฟต์ รวมถึงยูนิตร้านค้าที่ 2 ที่จะมีประตูเชื่อมต่อมาที่ภายในได้โดยตรงด้วย เวลาน้องๆจะลงมาซื้อของหรือซื้ออาหารจะได้สะดวกโดยไม่ต้องออกไปอ้อมด้านนอกอาคาร และยังเป็นจุดที่ร้านอาหารสามารถเข้ามาแล้วติดต่อที่เคาน์เตอร์ service ก่อนจะขึ้นไปส่งอาหารบนห้องได้อีกด้วย
มาดูโมเดลของจริงกันบ้างครับ อย่างที่บอกไปในช่วงแปลนแล้วว่า ทางเดินรถจะวนรอบอาคารเป็น one way และลำดับการเขาถึงฟังก์ชันต่างๆก็ค่อนข้างเป็นสัดส่วนดีครับ เริ่มจากรถทุกคันจะต้องขับผ่าน Main Lobby ก่อน ซึ่งผนังด้านข้างจะเป็นกระจกทั้งหมด สมมุติว่านั่งรอรถตู้หรือเพื่อนวนรถเข้ามารับ ก็จะสามารถมองเห็นและนั่งรอที่ห้องแอร์เย็นๆใน Lobby ได้เลย โดยไม่ต้องออกมาตากแดดร้อนๆด้านนอก แถมจุด Drop Off ก็ยังอยู่ในร่มอีกด้วย ถัดไปด้านในสุดก็จะเป็นทางขึ้นที่จอดรถครับ และเมื่ออ้อมรถมาถึงด้านหน้าจะมีจุดที่เส้นทางรถจะ cross กันเล็กน้อย ระหว่างทางคนเดินกับทางเข้า-ออกรถ และยังตัดผ่านหน้าร้านค้าอีกด้วย อันนี้น้องๆจึงต้องระมัดระวังกันหน่อยนะครับ
ทางเข้าโครงการสำหรับรถยนต์จะเป็นไม้กั้นกระดก ระบบ RFID ซึ่งจะเปิดออกอัตโนมัติด้วยสัญญาณ Bluetooth คล้ายกับระบบ Easy Pass บนทางด่วนครับ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานได้ดี จะได้ไม่ต้องเปิดกระจกออกมาเพื่อแตะบัตรให้ร้อนหรือเปียกฝน ส่วนทางเข้าคนเดินจะมีประตูรั้วกั้นเอาไว้เช่นกัน ซึ่งจะต้องใช้ Key Card Access เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว โดยจะมีป้อมยามอยู่ตรงกลาง คอยดูแลความปลอดภัยของทางเข้าได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยครับ
แล้วเมื่อผ่านประตูเข้ามา ทางด้านซ้ายมือจะมีสวนเล่นระดับ มีการปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่น แถมยังช่วยเป็น buffer ลดเสียง ฝุ่น และความวุ่นวายภายนอกให้แก่โครงการได้ รวมถึงบริเวณหน้าร้านก็จะมีการนำโต๊ะมาตั้งไว้ให้เด็กๆ ได้ทานขนมไปและชมสวนไปได้ในตัวอีกด้วยครับ
มีภาพบรรยากาศจำลองภายใน Main Lobby มาฝากครับ ลักษณะเป็นแนว Minimal Fashion ที่เรียบง่าย ดูสบายๆ แต่ก็แอบใช้เส้นโค้งทำให้ดูไม่น่าเบื่อจนเกินไปครับ ซึ่งบรรยากาศก็จะคล้ายๆกับ Sale Gallery ของจริงอย่างที่ผมบอกไปในตอนแรกเลยเห็นมั๊ย
ขึ้นมาที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้น Main Facilities กันบ้างครับ โดยจะกินพื้นที่ทั้งชั้นซึ่งถือว่าจัดเต็มมากๆ แล้วถ้าสังเกตดีๆจะมีการแบ่งโซนพื้นที่การใช้งานออกเป็นสัดส่วน เริ่มจากทางซ้ายมือสุดจะเป็น Active zone ซึ่งก็คือห้อง Fitness ขนาดใหญ่ แล้วยังมี 2 ชั้นอีกด้วย โดยที่ชั้นบนนั้นเราจะเรียกเป็นชั้น 8M ครับ เพราะทั้ง Floor ของชั้นนี้จะเป็นชั้น Double Floor แบบฝ้าเพดานสูงนั่นเอง และที่ชั้น 8M ก็จะมีห้อง Multipurpose Room ที่ภายในมีกระจกเงาติดตั้งไว้ให้น้องๆได้ทำงานหรือซ้อมกิจกรรมกันได้ (ขอเสริมนิดนึงว่าทางเข้า Fitness ของจริงจะเป็น Gate คล้ายกับเวลาเราขึ้นรถไฟฟ้า ที่จะสามารถติ๊กบัตรและผ่านได้ทีละคน ซึ่ง 1 ห้องก็จะมี Key Card 2 ใบ สามารถมาใช้ได้ครั้งละ 2 คนเท่านั้นครับ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้น้องๆบางคนพาเพื่อนภายนอกมาใช้งาน ซึ่งถ้ามีคนมาใช้งานเยอะๆ นอกจากคนจะหนาแน่น ไม่เป็นส่วนตัวแล้ว ก็ยังทำให้ส่วนกลางโทรมเร็วอีกด้วยนะ)
ถัดมาบริเวณโถงตรงกลางจะเป็น Relax zone หรือเป็น Lounge เอาไว้เป็นที่นั่งพักผ่อนและพบปะพูดคุยกันได้ ซึ่งจะแยกชุดโต๊ะออกเป็นกลุ่มๆเพื่อความเป็นส่วนตัว และที่หน้าห้องน้ำก็จะเป็นห้อง Laundry สามารถมาใช้บริการเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญกันได้ที่ชั้นนี้ และก่อนที่จะไปถึงโซนสุดท้ายก็จะถูกคั่นด้วย Green zone ซึ่งเป็นพื้นที่สวน แต่จะไม่ได้ปูหญ้าหรือต้นไม้ไว้ทั้งหมดนะครับ เพราะจะมีการทำพื้นหินหรือการใช้ hardscape มาทำเป็นพื้นที่นั่ง เพราะเวลาฝนตกแล้วพื้นเปียกขึ้นมาก็ยังสามารถออกไปใช้งานได้จริง ไม่แฉะเหมือนพื้นหญ้าครับ ส่วนโซนสุดท้ายจะเป็น Quiet zone ซึ่งจะเป็น Library และ Meeting Room หรือพื้นที่ที่ต้องใช้สมาธิในการทำงานอ่านหนังสือครับ ซึ่งเค้าก็ยังมีการแยกโซนย่อยภายในอีกด้วย จะเป็นอย่างไรบ้างลองตามผมไปดูพร้อมๆกันครับ
จากโมเดลเราจะเห็นว่าอาคารฝั่งนี้จะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวนสีเขียวอยู่ตรงกลาง ทำให้ห้องพักชั้นไม่สูงมากสามารถมองเห็นต้นไม้ที่ปลูกอยู่ได้จากภายในห้อง นอกจากนี้ทางด้านขวาเราจะมองเห็นสะพานสีน้ำเงินใช่มั๊ยครับ มันเป็นพื้นที่เชื่อมต่อไปยัง Meeting Room ได้ แต่เวลามีคนยืนอยู่บนสะพานแล้วมองขึ้นมาด้านบน ก็อาจจะทำให้ห้องทางขวาชั้นล่างๆ เสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างครับ
แต่พอเรามาดูภาพจำลองนี้จะเห็นว่า ตรงสะพานมีการปลูกต้นไม้คลุมเอาไว้เพื่อให้ร่มเงา ซึ่งถ้าเป็นตามนี้มันจะช่วยพรางสายตาให้กับห้องที่ผมบอกก่อนหน้านี้ได้อีกทางหนึ่งครับ ส่วนสะพานนี้นอกจากจะเดินขึ้นด้วยบันไดแล้ว ขาลงก็สามารถเล่นสไลเดอร์ลงมาได้อีกด้วยนะ
Fitness จะอยู่บริเวณด้านหน้า และเป็นผนังกระจกทรงสูงถึง 2 ชั้น ทำให้ดูคล้ายกับกล่องแก้วเรืองแสงที่เห็นได้เด่นชัดเวลาเราเปิดไฟตอนกลางคืน และเครื่องออกกำลังกายทุกชิ้นจะหันหน้าออกมาที่ผนังกระจก ทำให้เราสามารถออกกำลังกายไปและ take view ภายนอกไปด้วยได้ครับ ส่วนระแนงเหล็กสีน้ำเงินตรงกลางนั้นคือบันไดวน ที่ไว้เดินขึ้นชั้น 2 เป็นการเล่นสีฉูดฉาดให้ดูโดดเด่นและแปลกตาไม่น่าเบื่อครับ
ห้อง Library จะอยู่ทางด้านหลังอาคารนะ หันหน้ามองออกไปในมหาลัยเพื่อความสงบ แต่ภายในก็มีการแบ่งโซนต่างๆที่ชัดเจนมากขึ้น เริ่มจากทางขวามือที่เราจะเปิดประตูเข้ามาเจอส่วนแรก เรียกว่า Study zone จะมีโต๊ะให้น้องๆได้นั่งทำงานรวมๆกันเหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ แถมด้านหลัง(ช่องผนังสีเหลือง)ยังทำเป็นเตียง 2 ชั้น เอาไว้ให้นั่งหรือนอนอ่านแบบส่วนตัวเหมือน too fast to sleep ครับ
ส่วนตรงกลางจะเป็น Working group มีการแยกโต๊ะออกเป็นกลุ่มๆ เหมาะที่จะชวนเพื่อนๆมานั่งทำงานกลุ่ม หรือทำงานฝีมือตัดโมเดลในห้องนี้กันได้ สุดท้ายคือ Silent zone จะเป็นโซนที่แยกออกจากโซนอื่นๆด้วยการกั้นประตูกระจกเอาไว้อีกชั้นเพื่อความเงียบและเป็นส่วนตัว โดยที่นั่งต่างๆจะมีฉากกั้น กั้นแยกออกจากกันเป็นคอกๆเหมือนออฟฟิศผู้ใหญ่เพื่อความเป็นส่วนตัวครับ
ส่วนด้านข้างของโมเดลเราจะมองเห็นห้อง Meeting Room ได้ครับ ซึ่งห้องทั้ง 2 จะไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นนะ แต่จะมีการยกระดับขึ้นมาเล็กน้อย สามารถเดินขึ้นมาได้จากสะพานสีน้ำเงินก่อนหน้านี้ รอบด้านเป็นผนังกระจกทั้งหมด ทำให้ดูคล้ายกับกล่องแก้วที่ลอยอยู่กลางสวน แต่เวลาเราประชุมกันแล้วต้องการความเป็นส่วนตัวก็อาจต้องเลื่อนม่านมาปิดเอานะครับ โดยห้องเหล่านี้จะต้องจองก่อนล่วงหน้านะครับถึงจะใช้งานได้ และตรงกลางระหว่าง 2 ห้องจะมีเครื่องเล่นแทรมโพลีนขนาดใหญ่ให้กระโดดเล่นกันได้ด้วย แต่อย่าลืมว่านี่เป็นชั้น 8 แนะนำโครงการอาจต้องทำระแนงกันตก หรือทำตาข่ายเพิ่มเติมให้น้องๆเพื่อความปลอดภัยด้วยนะครับ
มาถึงชั้นพักอาศัยกันแล้วครับ ซึ่งจะเป็น Tripical floor plan เหมือนกันหมด ตั้งชั้น 9 – 31 เลยครับ ผังอาคารเป็นรูปตัว C ซึ่งไม่มีห้องไหนบังวิวกันเองเลยนะถ้าเรามองวิวออกไปจากห้องแบบตรงๆ จะมีก็แต่ห้อง Studio (สีน้ำเงิน) ที่อยู่ตรงมุมอาคารเท่านั้น ที่อาจโดนขาของตัว C ที่เป็นห้อง 2 Bedrooms บังวิวด้านข้างไปบ้าง โดยห้องทั้ง 2 Type ที่กล่าวมานั้นจะมีอย่างละ 2 ห้องต่อชั้นเท่านั้นนะครับ ส่วนห้องที่เหลือจะเป็น 1 Bedroom รวมแล้วมีจำนวนห้อง 22 ยูนิตต่อชั้น คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์ 168.67 : 1 ถือว่าหนาแน่นพอสมควรเลยทีเดียว
แล้วถ้าสังเกตดีๆ ประตูของห้องต่างๆจะถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่ต้องเปิดประตูตรงกัน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ระดับหนึ่ง และโถงทางเดินก็ไม่อึดอัดจนเกินไปครับ เพราะมีช่องหน้าต่างที่ดึงแสงเข้ามา แล้วยังช่วยระบายอากาศได้ด้วย ซึ่งจะอยู่ตรงปลายทางเดินทั้ง 2 ฝั่ง และอยู่ตรงโถงลิฟต์นั่นเองครับ
โดยส่วนตัวผมจะชอบห้องทางฝั่งปีกขวาครับ ซึ่งเป็นด้านที่หันมาทางทิศเหนือ แดดไม่ร้อน และได้วิวฝั่งมหาลัยซึ่งการันตีวิวได้ว่าเปิดโล่งแน่ๆ ที่เห็นชัดๆคืออาคารศูนย์ประชุมหลังใหญ่ แต่ก็สามารถมองข้ามไปในมหาลัยที่มีความเงียบสงบ และมีพื้นที่สีเขียวให้ชมอีกด้วย แลกมากับอยู่ไกลจากโถงลิฟต์มากกว่าเพื่อนหน่อย แต่ก็เป็นส่วนตัวอยู่มาก เพราะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านหน้าห้อง แล้วยังเป็นทางเดินแบบ Single corridor อีกด้วยครับ
และชั้นบนสุดคือ Roof top facilities ที่จัดเต็มมาให้อีกชั้นหนึ่ง ประกอบด้วยสระว่ายน้ำขนาด 30 x 5.2 m. และ Social seating pool ซึ่งเป็นสระน้ำตื้นที่มีที่นั่งในสระ ให้เราได้มานั่งแช่น้ำเล่น หรือจัดปาร์ตี้ริมสระกับเพื่อนๆได้ครับ ส่วนทั้ง 2 ปีกของอาคารจะเป็นพื้นที่สวน และมีที่นั่งพักผ่อนกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ และทีเด็ดของชั้นนี้คือห้อง Glass house นั่นเองครับ
จากภาพโมเดลเราจะสังเกตได้ว่าโครงการมีการปลูกต้นไม้ขนาดกลาง ที่สามารถให้ร่มเงาเอาไว้เกือบเต็มพื้นที่ ทำให้ดูแล้วร่มรื่นน่าใช้งานไม่น้อยเลยทีเดียว
ภาพจำลองบรรยากาศชั้นดาดฟ้าทำให้เห็นว่า เราสามารถขึ้นมาออกกำลังกาย นั่งเล่นพักผ่อน เดินชมสวน หรือขึ้นมาชมวิวก็ได้ครับ เพราะโครงการนี้ถือเป็นอาคารสูงหนึ่งเดียวในพื้นที่ ณ ตอนนี้ ที่สามารถชมวิวได้โดยรอบทิศเลยครับ เหมาะกับคนที่ชอบชมวิวที่สูงมากๆเลย
ห้อง Glass house ด้านหน้า ฟังก์ชันนี้เกิดขึ้นมาจากการรวบรวมไอเดียและความต้องการของน้องๆ ม.ธรรศาสตร์ และมีการจัดประกวดแบบด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มาคือ ห้องอเนกประสงค์ที่เอาไว้พบปะเพื่อนๆแบบชิลๆสบายๆ โดยภายในจะทำเป็นเหมือนเคาน์เตอร์บาร์ และชุดโต๊ะต่างๆเอาไว้นั่งพบปะพูดคุยกัน รวมถึงมีครัวให้อุ่นหรือทำอาหาร และสามารถจัดปาร์ตี้วันเกิดได้อีกด้วย แต่ถ้าใครต้องการเหมาห้องเพื่อจัดงานก็จะต้องจองก่อนล่วงหน้า และอาจมีค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดด้วยนะครับ
แต่ที่ผมชอบคือผนัง 2 ด้านที่เป็นกระจก ทำให้สามารถ take view สวนและวิวภายนอกได้ ซึ่งถ้าผนังด้านข้างอีกฝั่งทำเป็นกระจกเหมือนกันนี่น่าจะดีมากๆเลยครับ จะได้ชมวิวได้ทั้ง 3 ด้านเลย ส่วนสวนด้านหน้าก็จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้เอาไว้นั่งชิลๆใต้ต้นไม้ตอนแดดร่มๆได้ด้วยนะ
และอีกฝั่งหนึ่งของอาคารก็จะเป็นสวนเช่นกันครับ โดยทางโครงการจะทำเป็นสวนเล่นระดับ และมีที่นั่งเล่นใต้ต้นไม้ให้น้องๆได้ขึ้นมานั่งพักผ่อนหรือชมวิวกันได้ตามอัธยาศัย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Main Lobby
- Garden ที่ชั้น 1, 8 และดาดฟ้า
- Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 30 x 5.2 เมตร ลึก 1.20 เมตร
- Social Seating Pool ขนาดประมาณ 2.4 x 2.4 เมตร ลึก 1.10 เมตร
- Fitness ขนาดใหญ่ ใส่เครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 26 เครื่อง และโต๊ะปิงปองอีก 2 โต๊ะ
- Multipurpose Room 3 ห้อง
- Lounge ชั้น 8
- Library Room 100 ที่นั่ง (เปิด 24 ชม. ช่วงสอบ, 18 ชม. ช่วงเปิดเทอม และ 12 ชม. ช่วงปิดเทอม)
- Meeting Rooms 2 ห้อง
- Glass House
- Wi-Fi ฟรีที่ส่วนกลาง
- Shutter Van รับ-ส่ง ไปในมหาลัย
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 168.67 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 213 คันหรือคิดเป็น 42% ไม่รวมซ้อนคัน
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / ไม้กั้นกระดก ระบบ RFID / Key Card Access (ประตูทางเข้าคนเดิน)
แบบห้อง
มาถึงเรื่องแบบห้องกันแล้วนะครับ ซึ่งโครงการนี้ถือว่ามีการออกแบบที่แปลกและแตกต่างจากโครงการเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 Type แต่มี 5 รูปแบบฟังก์ชันนะครับ ซึ่งจะประกอบไปด้วย
- ห้อง Studio ขนาด 26.5 – 26.8 ตารางเมตร (มี 2 ห้องต่อชั้น รวม 26 ยูนิต)
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.8 – 32.2 ตารางเมตร (มี 3 แบบให้เลือก ทั้งหมด 454 ยูนิต)
- ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 51.2 ตารางเมตร (มี 2 ห้องต่อชั้น รวม 26 ยูนิต)
รูปแบบการขายเป็น Fully Fitted คือจะ Built in เคาน์เตอร์ครัว ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า เครื่องปรับอากาศ และสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำครบชุดครับ แต่สำหรับช่วง Pre Sale นี้จะมี Furniture Package ให้ของทุกอย่างตามที่เห็นภายในห้องยกเว้นของตกแต่งอีกด้วย รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างเราลองไปชมพร้อมๆกันเลยครับ
ห้องแบบแรกที่ผมจะพาไปดูคือ 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร ห้องนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน โดยครึ่งแรกของห้องที่อยู่ติดกับประตูทางด้านหน้าจะเป็นส่วนพื้นที่ใช้งานของห้องนี้ทั้งหมด และพื้นที่ด้านในห้องที่อยู่ติดกับฝั่งหน้าต่างจะเป็นส่วนของพื้นที่พักผ่อนครับ ซึ่งก็จะค่อนข้างแตกต่างจากแบบห้องปกติทั่วไป ที่เรามักจะเห็นการแบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของห้องนะ
พื้นที่ส่วนแรกที่เข้ามาเจอเปรียบเสมือน foyer เป็นส่วนต้อนรับหน้าห้อง ซึ่งจะทำให้มองไม่เห็นพื้นที่ด้านในทั้งหมด ได้ความเป็นส่วนตัวไปในตัว แถมยังใช้งานเป็นตู้รองเท้า ไว้ถอดหรือใส่รองเท้าได้อีกด้วย ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำที่ภายในมีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน จุดเด่นของห้องนี้คือพื้นที่ครัวทางด้านขวาครับ ซึ่งจะซ่อนเอาไว้ด้านหลังประตู ทำให้เวลาเราเปิดประตูห้องเข้ามาก็จะดูเรียบร้อยไม่รกตา โดยจะมี low wall กับโต๊ะอาหารกั้นเอาไว้เป็นสัดส่วนแยกจากห้องนั่งเล่น แต่ยังได้แสงสว่างและได้พื้นที่เชื่อมต่อกันที่โปร่งโล่ง และทำให้ไม่อึดอัดอีกด้วย ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งอยู่ติดกับระเบียงสามารถออกไปใช้งานได้นะ ส่วนห้องนอนก็จะถูกกั้นด้วยผนังทึบทำให้มีความเป็นส่วนตัว แต่จุดที่ชอบคือโต๊ะทำงานตัวยาวริมหน้าต่าง ซึ่งน้องๆสามารถมานั่งทำงานอ่านหนังสือได้ครับ
สำหรับ Furniture Package ที่เราจะได้ในช่วง Pre Sale ก็จะได้ตามภาพนี้เลยครับ อย่างโซฟาเราก็จะได้เป็นโซฟาขนาดใหญ่ ที่นั่งได้ 3 – 4 คน เพราะเด็กวัยนี้น่าจะมีเพื่อนมาเที่ยวห้องบ่อยๆแน่ ส่วนเตียงนอนก็จะได้ฟูกที่นอนมาด้วย พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที ซึ่งการที่ทางโครงการให้เฟอร์นิเจอร์ Fully Furnished แบบนี้มามีข้อดีคือ ได้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดพอดีกับระยะฟังก์ชันของห้องนั้นๆเลย เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาซื้อ หรือต้องไปสั่งทำ Built in ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปอีกด้วย ส่วนห้องของจริงจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปรับชมกันเลยครับ
เริ่มที่ประตูทางเข้าด้านหน้าจะเป็นไม้บานทึบ MDF ปิดผิวไม้ลามิเนตสีอ่อน มีตาแมว พร้อม Digital door lock ของ MAZI และด้านหลังยังมี stopper ป้องกันการกระแทก ซึ่งเป็นแบบแม่เหล็กดูดติดกันได้ ทำให้เราสามารถเปิดประตูค้างไว้เผื่อเวลาขนของได้ครับ
และเมื่อเปิดประตูเข้ามาเราจะเจอกับ foyer ที่เปรียบเสมือนส่วนต้อนรับของบ้านก่อน ซึ่งจะทำให้ยังมองไม่เห็นพื้นที่ทั้งหมดภายในห้อง ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดีครับ โดยพื้นห้องจะปูด้วยกระเบื้องยางไวนิลลายไม้ ที่สามารถทนน้ำและความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนต (อยากรู้ความแตกต่างแบบละเอียดคลิก) และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.7 m. จึงค่อนข้างโปร่งโล่งเลยทีเดียว
หันหลังมามองย้อนกลับไปบริเวณหน้าห้อง ซึ่งนอกจาก foyer แล้ว ก็ยังมีครัวและห้องน้ำอยู่ด้วยครับ ซึ่งเป็นส่วนพื้นที่ใช้งานทั้งหมด งั้นเรามาเริ่มจาก foyer ตรงกลางกันก่อนเลย โดยพื้นที่ส่วนนี้กว้างประมาณ 1.2 m. สามารถใช้งานได้สะดวก และเค้าจะ Built in ตู้ต่างๆเหล่านี้มาให้พร้อมใช้งานเลยด้วยนะ
เริ่มจากตู้แรกที่อยู่ติดกับประตูห้อง ด้านบนสามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆได้ ตรงกลางเป็นแบบไม่มีหน้าบานก็เอาไว้วางของที่จำเป็นต้องหยิบใช้บ่อยๆครับ ก่อนออกจากห้องจะได้หยิบได้สะดวก ส่วนตู้ด้านล่างจะเป็นที่วางรองเท้า สามารถวางได้ประมาณ 8 – 10 คู่
บานตู้ติดตั้ง soft close มาให้ เพื่อช่วยกันกระแทกเวลาปิดตู้แรงๆ แต่ถ้าเป็นระยะจริงแบบห้องตัวอย่าง เวลาเปิดจะต้องระวังบานประตูชนกับที่เปิดประตูห้องด้วยนะครับ แนะนำโครงการให้ติดตั้งสูงขึ้นอีกสักหน่อยก็จะพ้นแล้วครับ รวมถึงที่ตู้ชั้นล่างสุดอาจเจาะรูเพื่อระบายอากาศให้กับตู้รองเท้าเพิ่มเติมจะดีครับ ในตู้จะได้ไม่มีกลิ่นอับจนเกินไป
ส่วนตู้ทางด้านขวาทั้งด้านบนและด้านล่างก็สามารถเก็บของได้อีกเช่นกัน แต่ที่ชอบคือเราสามารถหาเบาะรองนั่งมาทำเป็นที่นั่งใส่รองเท้าบนหลังตู้นี้ได้ ซึ่งก็ค่อนข้างสะดวกมากเลยทีเดียวครับ
ต่อมาเป็นห้องน้ำที่ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันใช้งานออกเป็นสัดส่วน โดยเราจะได้ของทุกอย่างตามที่เห็นในห้องนี้เลย ยกเว้นของตกแต่งนะ
พื้นที่ใช้งานส่วนแห้งมีขนาด 1 x 1.65 m. และมีขอบธรณีเป็นหินสังเคราะห์ สูงจากพื้นห้องประมาณ 8 cm. ทำให้น้ำไม่กระเด็นออกมานอกห้องแน่นอน แต่ก็ต้องระวังสะดุดกันด้วยนะ
ทางด้านซ้ายจะมีพื้นที่เว้าเข้าไปเพื่อติดตั้งอ่างล้างหน้าของ Cotto ขนาด 55 x 45 cm. ด้านล่าง Built ตู้แบบไม่มีหน้าบานมาให้เก็บของได้ และยังสามารถวางของเพิ่มเติมที่พื้นได้โดยไม่ไปรบกวนพื้นที่ใช้งานส่วนอื่นอีกด้วย ถือว่าเป็นสัดส่วนดีครับ
ตรงกลางเป็นที่วางโถสุขภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกัน ติดตั้งมาพร้อมกับสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระพร้อมใช้งาน
ส่วนพื้นที่อาบน้ำทางขวาก็จะติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass แบบบานเลื่อน 3 ตอนมาให้ครับ สามารถเปิดออกได้กว้าง และไม่มีระยะสวิงมาเกะกะอีกด้วย โดยพื้นที่ด้านในจะมีขนาด 1.35 x 0.85 m. มีขอบสูงขึ้นมา 5 cm. เพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนออกมาด้านนอก และติดตั้งไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้ามาให้อีกจุดหนึ่งจะได้สว่าง ส่วนตรงก็จะเป็นพัดลมดูดอากาศที่อยู่เหนือโถสุขภัณฑ์ครับ
ภายในติดตั้ง Hand shower ซึ่งมีก๊อกแบบก้านโยกที่เปิดใช้งานได้สะดวก ตรงที่แขวนฝักบัวก็สามารถปรับองศาตามที่ต้องการได้ แต่ทางโครงการจะไม่ได้ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้นะครับ แต่จะทิ้ง Junction box เอาไว้ให้มาติดตั้งด้วยตัวเองได้ภายหลัง และถ้าสังเกตอีกอย่างคือจะไม่มีที่วางสบู่ครับ อาจต้องติดตั้งเพิ่มเติมเองนะ
ออกมาจากห้องน้ำ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องครัวครับ โดยครัวนี้เป็นครัวเปิด และกั้นพื้นที่ด้วยผนัง low wall เท่านั้น เพราะเป็นฟังก์ชันที่น้องๆนักศึกษาอาจไม่ได้ใช้งานบ่อยนัก อย่างมากก็แค่อุ่นอาหารเบาๆเท่านั้นครับ
เคาน์เตอร์ครัวก็จะได้ตามนี้เลยครับ ทั้งหมดปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่องเก็บของแบบไม่มีหน้าบาน และจะไม่ได้เตากับเครื่องดูดควันนะครับ เพราะไม่เน้นการทำอาหารอยู่แล้ว แต่ถ้าใครต้องการก็สามารถติดตั้งเพิ่มเติมเองได้ เพราะเค้าเว้นระยะความสูงตู้เผื่อไว้ให้แล้วครับ มีอ่างล้างจานของ Hafele ขนาด 48 x 48 cm. ลึก 16 cm. มาให้ และที่จะแนะนำอีกอย่างคือ อย่าลืมติดตั้ง backsplash ที่ผนังทั้ง 2 ด้านด้วยนะ จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆครับ
ผมลองตีกรอบมาให้ดูระยะ เผื่อใครอยากกั้นพื้นที่ตรงนี้เป็นครัวปิดมาให้ดู ถามว่าสามารถทำได้มั๊ย ทำได้ครับ…แต่ผมคิดว่ามันจะทำให้ห้องดูอึดอัดไปสักหน่อย ส่วนตัวผมชอบแบบโล่งๆ มีพื้นที่เชื่อมต่อกันกว้างๆมากกว่าครับ
ต่อมาเป็นพื้นที่พักผ่อนด้านในครับ ประกอบด้วยโต๊ะทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง ซึ่งถ้าเราซื้อห้องแบบตอน Pre sale เราจะได้ของทุกอย่างตามนี้ ยกเว้นตู้ด้านบนที่เป็นงานตกแต่งนะ แต่ถ้าเราซื้อแบบ Fully Fitted เราจะได้เป็นห้องโล่งๆแทนครับ ส่วนฝ้าเพดานในห้องทั้งหมดจะฉาบเรียบทาสี ไม่มีดรอปฝ้า แต่จะได้แอร์แบบ Wall type นะครับ
เริ่มที่โต๊ะทานอาหารซึ่งในส่วนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ปกติแล้วเราเคยเห็นฟังก์ชันแบบนี้มาบ้าง แต่จะหันหน้าเข้าผนังทึบ ต้องกินข้าวไปดูผนังไปใช่มั๊ยครับ แต่ห้องนี้เป็นผนัง low wall ที่มีระยะให้เรามองผ่านผนังไปยังส่วนครัวได้ ไม่ทึบตันแบบประชิดตัวเหมือนแต่ก่อน แล้วยังสามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ได้อีกด้วย
และจากภายในครัวเองเราก็สามารถมองข้ามผนังไปยังส่วนพื้นที่นั่งเล่นได้เช่นกันครับ ซึ่งการที่พื้นที่เชื่อมต่อกันแบบนี้ มันจะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้กับคนในห้อง แล้วยังทำให้รู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย
ส่วนพื้นที่นั่งเล่นจะมีระยะทีวีอยู่ที่ 1.85 m. ซึ่งก็ค่อนข้างใกล้อยู่พอสมควรครับ สามารถใช้ทีวีได้ขนาดประมาณ 40 นิ้ว และถ้าจะวางโต๊ะกลางก็สามารถใช้โต๊ะเล็กๆแบบนี้ได้อยู่นะ ที่น่าสนใจคือโซฟาครับ ถ้าเป็นของที่แถมมาใน Package เราก็จะได้ตัวยาวแบบนี้เลยนะ สามารถนั่งได้ 3 – 4 คน เหมาะที่จะพาเพื่อนๆมานั่งเล่นเกมส์เพลย์หน้าทีวีมากๆเลยนะครับเนี่ย
และชั้นวางทีวีใน Package ที่ได้ก็จะเป็นแบบนี้เลยครับ ซึ่งรวมถึงได้กรอบไม้ด้านหลังด้วยนะ
ติดกันเป็นประตูระเบียงกระจกบานเลื่อน ที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ถึงส่วนครัวและหน้าห้องเลยครับ กรอบเป็นอลูมิเนียมสีดำ และกระจกสีเขียวตัดแสง ส่วนพื้นที่ภายนอกจะมีขนาด 1.6 x 0.9 m. สามารถออกไปใช้งานได้นะครับ
ราวกันตกเป็นราวเหล็กสูง 1.1 m. (ของจริงจะไม่มีเสาหรือผนังทึบทางซ้ายนะครับ) และ Condensing unit จะแขวนอยู่ด้านบน เป่าลมร้อนไปด้านนอก เวลามองออกมาจากในห้องก็จะไม่มีอะไรมาบังวิวให้เกะกะสายตา แถมยังมีระแนงด้านบนปิดให้ด้วย ทำให้มองจากภายนอกก็จะเรียบร้อยมากขึ้นครับ
กลับเข้ามาภายในห้อง ต่อไปเราจะไปดูห้องนอนซึ่งอยู่ทางขวามือกันบ้างครับ โดยห้องนอนก็จะถูกกั้นด้วยผนังทึบทำให้เป็นส่วนตัวมากๆเลย
ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่ใช้สอยกำลังพอดีครับ สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ไว้กลางห้อง แล้วยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือให้ได้ใช้งานได้สะดวก
แต่ที่ชอบคือโต๊ะทำงานตัวยาวข้างหน้าต่างครับ ซึ่งถ้าใครซื้อแบบ Package ช่วง Pre sale ก็จะได้ตามนี้เลยนะ เหมาะมากที่จะนั่งทำงานอ่านหนังสือ เพราะได้แสงสว่างที่เพียงพอครับ
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งขวาถ้าวัดจากเตียงถึงผนังก็จะมีระยะ 90 cm. แต่ถ้าวัดจากเตียงถึงโต๊ะก็จะมีระยะประมาณ 45 cm. ครับ สามารถเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งได้จริงนะ (ผมลองให้แล้ว) แต่บานตู้ทางด้านซ้ายดูเหมือนว่าจะเปิดออกมาแล้วติดเตียงไปสักหน่อยนะครับ
และหน้าต่างนี้ก็จะมีช่องบานเลื่อนที่สามารถเปิดระบายอากาศได้นะ โดยเราสามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยครับ
ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็นพื้นที่แต่งตัวครับ โดยเค้าจะ Built in ตู้มาให้แบบนี้เลยนะ
ตู้เสื้อผ้าที่ได้ก็มีขนาดเพียงพอสำหรับการใช้งาน 1 – 2 คนครับ ส่วนบานตู้เราจะได้เป็นกระจกลูกฟูกหรือกระจกลอนแบบนี้เลยครับ ซึ่งจะช่วยพรางสายตาทำให้มองเห็นภายในได้ลางๆ แต่ก็ไม่ทำให้ดูทึบตันจนเกินไป มีที่เปิดแบบเซาะร่องมาให้ใช้งานได้ง่ายครับ
ติดกันเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง และได้เป็นกระจกเงาทรงกลมกับโต๊ะที่มีลิ้นชักเล็กๆแบบนี้ ซึ่งเป็นชุดที่แถมมาใน Package ช่วง Pre sale ครับ
ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 51 ตารางเมตร ที่มีจำนวน 2 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น ห้องนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ Common area ที่มีขนาดใหญ่มากครับ เชื่อมต่อกันทั้งโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง และพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ใกล้กับช่องหน้าต่างกระจกเข้ามุมขนาดใหญ่ จุดที่แปลกคือห้องครัวที่อยู่บริเวณกลางห้อง และเป็นครัวปิดสามารถทำอาหารได้จริงจังแล้วครับ เพราะเค้ากั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพียงแต่จะไม่มีช่องหน้าต่างระบายอากาศที่ด้านข้างให้นะ ส่วนโถงกลางห้องจะค่อนข้างใหญ่มาก เพื่อแจกออกไปอีก 3 ห้องหลักๆ ประกอบด้วยห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันทั้งห้อง และมีห้องนอน 2 ห้องที่ขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในจะใกล้เคียงกัน
ซึ่งต่างจากห้อง 2 Bedrooms ทั่วไปที่จะมีขนาดห้องนอนแตกต่างกันอย่างชัดเจน เวลาเพื่อนมาอยู่อาศัยแล้วแชร์ค่าห้องกันจะได้ไม่น้อยใจกันนะ เพียงแต่ห้องทางซ้ายบนจะมีระเบียงขนาดใหญ่ในตัว ที่ภายในสามารถวางเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้ด้วย เพราะฉะนั้นจึงอาจมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าห้องที่ไม่มีระเบียงด้วยซ้ำไปครับ เพราะเพื่อนอีกห้องก็อาจต้องเดินมาใช้งานระเบียงของห้องนี้ด้วยนั่นเอง สรุปแล้วห้องนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 2 – 4 คน น้องๆสามารถชวนเพื่อนๆมาช่วยกันแชร์ค่าห้องร่วมกันได้ ก็จะได้ห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และสามารถทำงานกลุ่มหรือจัดปาร์ตี้ในห้องได้อีกด้วยครับ
ส่วน Furniture Package ที่เราจะได้ก็จะเป็นตามภาพนี้เลยครับ ถ้าอันไหนที่เค้าไม่ชี้ก็คือเราจะได้อยู่ในแบบ Fully Fitted อยู่แล้วนะ ซึ่งหน้าตาของเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จริงๆจะไม่เหมือนกับในห้องตัวอย่างที่เรากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้นะครับ แต่ให้อิงจากเฟอร์นิเจอร์ห้องแรกเป็นหลักแทนนะ
เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอ foyer ก่อนเช่นเคยครับ เพียงแต่จะไม่ได้เป็นผนังทึบเหมือนห้องที่แล้วนะ ซึ่งจะสามารถมองเห็นพื้นที่ common area ในห้องได้ว่าเพื่อนๆ กำลังทำอะไรกันอยู่ แต่จะไม่เห็นพื้นที่หน้าห้องนอนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวครับ
โดย foyer นี้ก็จะ Built in ตู้รองเท้ามาให้เช่นเคยครับ เพียงแต่จะนำตู้ทั้ง 2 มาติดกัน ไม่ได้แยกเหมือนห้องที่แล้วนะ แล้วยังสามารถนั่งใส่รองเท้าได้สะดวกเช่นเคย
เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับ Common area ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกันทั้งโต๊ะทานอาหาร พื้นที่นั่งเล่น และโถงทางเดินหน้าห้องนอน จึงทำให้ห้องนี้ดูกว้างขวางมากๆครับ
จุดที่ผมชอบคือโต๊ะทานอาหาร ซึ่งกว้างพอที่เราใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ขนาด 4 ที่นั่งได้ครับ ทำให้น้องๆสามารถชวนเพื่อนๆมานั่งทำงานกลุ่มไปด้วย ดูทีวีไปด้วย หรือจะจัดปาร์ตี้ในห้องนี้ก็มีพื้นที่เหลือเฟือ อีกอย่างคือช่องหน้าต่างที่มีขนาดใหญ่มาก แถมยังได้เป็นกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window ช่วยเพิ่มุมมองให้กว้าง แล้วยังทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่งเพิ่มขึ้นอีกด้วย ส่วนโซฟาและชั้นวางทีวีเราจะได้แบบห้องที่แล้ว ไม่ใช่แบบนี้นะครับ
ซ้ายมือจะมีห้องครัวที่กั้นด้วยกระจกลูกฟูกหรือกระจกลอน ช่วยพรางสายตาไม่ให้มองเห็นภายใน และไม่ทำให้ห้องดูอึดอัดเหมือนผนังทึบครับ ซึ่งพอดูเผินๆแล้วก็เหมือนตู้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่ Built in อยู่กลางห้องเลยครับ
พื้นที่ใช้สอยภายในขนาดประมาณ 0.85 x 1.9 m. พอที่จะยืนล้างจานหรืออุ่นอาหารคนเดียวได้ครับ แต่ฟังก์ชันที่อาจต้องใช้บ่อยๆคือตู้เย็น ซึ่งก็มาอยู่ในนี้ด้วย มีพื้นที่ให้วางได้ประมาณ 60 x 65 cm. ทำให้เวลาน้องๆจะกินน้ำก็ต้องเปิดประตูบานเลื่อนส่วนนี้อยู่ดีนะ
เคาน์เตอร์ครัวจะได้เหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยครับ โดยครัวนี้ถือเป็นครัวปิดได้นะ ทำให้สามารถประกอบอาหารได้จริงจัง แต่ผนังทางด้านซ้ายที่ติดกับภายนอกไม่มีช่องหน้าต่างระบายอากาศมาให้ จึงต้องติดเตาและพัดลมดูดอากาศเพิ่มเอาเองครับ แล้วก็อย่าลืมติด blacksplash ที่ผนังกันเลอะด้วยนะ
ต่อไปจะเป็นห้องต่างๆที่เรามองไม่เห็นตอนเปิดประตูเข้ามา เพราะจะหลบอยู่ด้านข้างทำให้มีความเป็นส่วนตัว ประกอบด้วยห้องน้ำและห้องนอน 2 ห้อง ซึ่งพื้นที่โถงหน้าห้องนั้นมีขนาดใหญ่มากเลยทีเดียว สามารถหาโต๊ะหรือตู้มาวางของเพิ่มตรงกลางได้เลยครับ
ภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันครบครัน แยกฟังก์ชันชัดเจน และได้สุขภัณฑ์ทุกอย่างเป็นของ Cotto เช่นเดิม แต่ที่ชอบคือการเจาะช่องตรงผนังแล้วทำชั้นวางของมาให้ เพราะห้องนี้อาจมีผู้พักอาศัยมากกว่า 2 คน จึงต้องมีที่เก็บของเยอะมากกว่าปกติครับ
ขนาดพื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.85 x 1.4 m. สามารถใช้งานได้สะดวก
ส่วนพื้นที่อาบน้ำก็จะติดตั้งฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass บานเลื่อน 3 ตอนมาให้เช่นเดิมครับ ขนาดพื้นที่ใช้งานกว้างประมาณ 1.65 x 0.85 m. และมีขอบธรณีสูง 5 cm. กันน้ำไหลซึมออกมาส่วนแห้งด้านนอก
และภายในก็จะติดตั้ง Hand Shower มาให้ แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ จะมีแต่ Junction box มาให้เหมือนเดิมครับ และอย่าลืมติดที่วางสบู่เพิ่มด้วยนะครับ
ติดกันจะเป็นห้องนอนห้องแรกนะ เมื่อเข้ามาจะเจอโถงทางเดินเล็กๆก่อน ทำให้ยังมองไม่เห็นข้างใน ได้ความเป็นส่วนตัวอยู่เหมือนกัน
เมื่อเข้ามาด้านในก็จะพบว่าขนาดห้องนี้ไม่ได้ใหญ่มาก แต่จะมีพื้นที่ใช้งานพอดีๆ เพราะห้อง type นี้ จะเน้นพื้นที่ใช้งานร่วมกันภายนอกมากกว่า แต่ก็ได้ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามา ทำให้ห้องไม่อึดอัดจนเกินไป แถมยังเปิดระบายอากาศได้อีกด้วย
กลางห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือฝั่งละประมาณ 50 cm. กับพื้นที่ปลายเตียงเหลือประมาณ 70 cm. โดยวัดจากเตียงถึงผนังนะครับ ซึ่งก็เพียงพอที่เราจะหาชั้นวางทีวีเล็กๆ หรืออาจใช้เป็นโต๊ะทำงานบางๆก็ได้มาวางไว้ที่ปลายเตียงได้นะ
ส่วนอีกฝั่งของเตียงที่ผมยืนอยู่เมื่อกี้คือตู้เสื้อผ้าครับ โดยลักษณะจะเหมือนกับตู้ของห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยนะ เพียงแต่จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนครับ
ส่วนห้องนอนอีกห้องที่อยู่ใกล้ๆกัน ดูเผินๆจะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยครับ เพราะห้องนี้เค้าได้ประตูระเบียงที่เป็นช่องกระจกขนาดใหญ่ จึงทำให้ดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษ
เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปแล้ว ด้านข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง จะเหลือพื้นที่กว้างประมาณ 45 cm. พอให้ขึ้นลงเตียงได้พอดีครับ ส่วนตรงตู้สีส้มบนหัวเตียงของจริงจะเป็นพื้นที่เว้าเข้าไปด้านในนะ มีขนาดประมาณ 40 x 40 cm. ซึ่งถ้าไม่อยากเสียพื้นที่เปล่าประโยชน์ ก็สามารถติดตั้งชั้นวางของเป็นชั้นๆ หรือจะทำตู้แบบนี้เลยก็ได้ครับ ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนปลายเตียงถ้าวัดจากเตียงถึงตู้เสื้อผ้า จะมีพื้นที่ทางเดินกว้างประมาณ 95 cm. สามารถยืนแต่งตัวหน้าตู้ได้เลย ทางขวาเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่สามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่งทำงานอ่านหนังสือได้อีกด้วย
ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงจะมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ครับ ซึ่งประตูนี้จะเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดออกได้กว้างเลย แต่จะเปิดได้แค่ด้านขวาด้านเดียวนะครับ
ระเบียงภายนอกมีขนาดพื้นที่ใช้งานประมาณ 4 x 0.8 m. ซึ่งเป็นระเบียงที่ไม่กว้างแต่ยาวมากครับ เหมาะที่จะออกไปชมวิวหรือตากพวกผ้าห่มและผ้านวมยาวๆได้เลย
ทางด้านซ้ายถูกจัดเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าได้นะครับ เพราะเค้าจะต่อท่องานระบบต่างๆเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ส่วนทางขวาเราจะได้ราวกันตกเหล็กเป็นแบบเข้ามุมแบบนี้เลย ราวสูง 1.1 m. และของจริงจะไม่มีเสาโครสร้างเยอะแบบนี้นะครับ เพราะ Sale Gallery นี้ใช้โครงสร้างเดิมของ Lynx Arena เก่านั่นเอง ส่วนด้านบนก็จะแขวน Condensing unit ทั้งหมดเอาไว้ จะได้ไม่เกะกะสายตาครับ
สุดท้ายคือสวิตซ์ไฟภายในห้องทั้งหมดจะเป็นของยี่ห้อ Schneider สีขาว หน้าตาแบบนี้เลย
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร ถือเป็นอีกห้องที่มีการจัด layout ฟังก์ชันที่แปลกแตกต่างจากโครงการเพื่อนบ้าน สามารถแบ่งออกได้ 2 ฟังก์ชันง่ายๆเป็นรูปตัว L โอบล้อมห้องน้ำเอาไว้ โดยส่วนหน้าห้องจะเป็นพื้นที่ Common area ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่น โต๊ะทานอาหาร ครัว และห้องน้ำ จากนั้นพื้นที่นี้ทั้งหมดจะถูกคั่นด้วยผนังทึบ ทำให้ห้องนอนที่อยู่ภายในได้ความเป็นส่วนตัว แต่ก็มีการเจาะช่องแสงขนาดใหญ่เอาไว้ ทำให้พื้นที่นั่งเล่นและหน้าห้องยังได้รับแสงสว่างอยู่ และไม่ทึบจนเกินไปครับ
แต่ที่ผมชอบสำหรับห้องนี้คือในห้องนอนเนี่ยแหละ โดยเฉพาะปลายเตียงเราสามารถทำเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ไว้นั่งทำงานยาวๆริมหน้าต่างได้ รวมถึงยังมีพื้นที่อีกฝั่งของห้องที่ทำเป็น Walk in closet ซึ่งอยู่หน้าประตูระเบียงกระจกพอดี จึงทำให้ได้แสงสว่างที่เพียงพอเวลาแต่งตัว และดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น ไม่ต้องยืนแต่งตัวข้างเตียงแบบเดิมๆครับ เพียงแต่เวลาเราจะไปเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำ อาจจะต้องเดินอ้อมไปเข้าตรงส่วนครัว ซึ่งค่อนข้างไกลอยู่สักหน่อยนะครับ
Furniture Package ช่วง Pre sale ที่เราจะได้ตามนี้เลยครับ
และสำหรับห้อง type นี้เค้าก็มีห้องตัวอย่างให้ดูด้วยนะ ซึ่งห้องนี้ผมจะไม่ลง detail นะครับ แต่จะถ่ายภาพสวยๆเป็น Gallery มาให้ดูบรรยากาศกัน ของจริงจะเป็นอย่างไรบ้างเราลองไปชมพร้อมๆกันเลย
เมื่อเราเข้ามาในห้องก็จะเจอกับ Common area เลยครับ ไม่ได้มี foyer แบบห้องที่ผ่านๆมานะ ซึ่งกลางห้องจะถูกกั้นด้วยผนังทึบ แต่จะมีช่องกระจกบาน fixed ขนาดใหญ่ เป็นกระจกลูกฟูกหรือกระจกลอน แบบเดียวกับที่ใช้เป็นบานตู้เสื้อผ้าและห้องครัวก่อนหน้านี้ ซึ่งจะช่วยดึงแสงเข้ามาภายใน ทำให้ห้องนี้สว่างและไม่อึดอัดจนเกินไป แต่ยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ครับ
และผนังที่ว่านี้ก็เป็นผนังก่ออิฐมวลเบาทั้งหมดนะครับ ซึ่งค่อนข้างแข็งแรง สามารถติดชั้นวางของหรือยึดตู้ต่างๆได้แบบในห้องตัวอย่างนี้เลย โดยของจริงเราจะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ซึ่งพอเรา Built in สักหน่อย หรือหาชั้นวางของแบบโปร่งมาวางคั่นสักนิด ก็จะทำให้ผนังห้องไม่โล่งจนเกินไป แถมยังใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย ส่วนระยะดูทีวีของห้องนี้จะกว้างประมาณ 2.6 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 46 – 50 นิ้วได้นะ
หันมามองทางซ้ายมือจะเป็นโต๊ะทานอาหาร และต่อด้วยฟังก์ชันครัวซึ่งอยู่หน้าห้องน้ำครับ โดยพื้นที่ทำครัวขนาดจะไม่ใหญ่มากนะ กว้างประมาณ 80 cm. ซึ่งพอที่จะยืนทำครัวคนเดียวได้แบบพอดีๆ แล้วยังสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้อีกด้วย
ส่วนภายในห้องน้ำก็มีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งออกจากกันเป็นมาตรฐาน ซึ่งมีขนาดพื้นที่ส่วนแห้งอยู่ที่ประมาณ 1 x 1.65 m. และพื้นที่ส่วนเปียกอยู่ที่ 1.35 x 0.83 m. ครับ
ต่อจากนั้นเราจะเข้ามาสู่ภายในห้องนอนกันบ้าง ซึ่งห้องนอน type นี้จะมีความกว้างเต็มพื้นที่ของห้อง ทำให้ได้ช่องแสงทั้ง 2 จุด แล้วยังสามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ส่วนไม่รบกวนกันอีกด้วย
ทางด้านขวามือเป็นพื้นที่เตียงนอน สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้แบบพอดีๆ ส่วนบนหัวเตียงก็จะเป็นช่องกระจกที่เราได้เห็นกันไปแล้วตอนเข้าห้อง แต่ที่ผมชอบคือปลายเตียงครับ ซึ่งเค้าทำเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ไว้นั่งทำงานอ่านหนังสือได้ ถึงแม้จะมีระยะที่ไม่มากนักเพราะถ้าวัดจากปลายเตียงถึงผนังจะกว้างประมาณ 80 cm. แต่ถ้าเราหาโต๊ะขนาดทั่วไปคือ 60 cm. มาใช้ ก็จะสามารถนั่งทำงานที่ปลายเตียงได้เลยโดยไม่ต้องซื้อเก้าอี้เพิ่ม ทำงานเสร็จเหนื่อยๆก็นอนเลย (ขี้เกียจนั่นเอง ฮ่าๆๆ)
ส่วนทางซ้ายมือจะเป็น Walk in closet ประกอบไปด้วยตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งตั้งอยู่หน้าประตูระเบียงกระจก ทำให้มีแสงสว่างเพียงพอกับการแต่งตัวพอดีเลย
ส่วนระเบียงก็สามารถออกไปใช้งานได้นะครับ มีขนาดประมาณ 2.35 x 0.8 m. แถมยังสามารถวางเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย
สำหรับห้อง type อื่นๆที่ไม่มีห้องตัวอย่างนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง เราลองมาวิเคราะห์แปลนไปพร้อมๆกันเลยครับ
ห้อง Studio ขนาด 26 ตารางเมตร เป็นห้องที่เล็กที่สุดของโครงการ และมีแค่ 2 ห้องต่อชั้นเท่านั้น ลักษณะของห้อง type นี้ก็จะเหมือนกับ studio ทั่วๆไปครับ คือพื้นที่ฟังก์ชันทั้งหมดจะเชื่อมถึงกัน ทำให้ได้พื้นที่ขนาดใหญ่ที่โปร่งโปร่ง เหมาะกับคนง่ายๆ สบายๆ ชอบใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวครบและจบในตัว และอาจไม่มีเพื่อนมาหาที่ห้องบ่อยนัก เพราะไม่ได้มีผนังกั้นห้องแยกเป็นส่วนตัว และนอกจากนี้ยังเป็นห้องที่ได้ระเบียงกว้างเท่ากับตัวห้องเลยอีกด้วยครับ ทำให้สามารถใช้ประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ที่เปิดออกกว้างมากๆได้เหมือนกับห้องนอนของห้อง 2 Bedrooms ที่เราไปดูกันมานั่นเอง
Furniture Package ช่วง Pre sale ที่เราจะได้ตามนี้เลยครับ
สุดท้ายคือห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร โดยห้องนี้จะมีลักษณะคล้ายห้องตัวอย่างที่ 3 ที่ผมได้พาไปชมกันมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่จะมีการสลับตำแหน่งของประตูหน้าห้องกับประตูห้องน้ำกันเล็กน้อย เนื่องจากทางโครงการต้องการวางผังอาคารให้ประตูแต่ละห้องไม่เปิดตรงกัน เพื่อความเป็นส่วนตัวนั่นเอง
ซึ่งจากเดิมที่ประตูหลักจะเข้าจากมุมห้อง ก็จะเปลี่ยนมาเข้าตรงกลาง และประตูห้องน้ำที่เคยเข้าได้จากส่วนของครัวก็เปลี่ยนมาเป็นเข้าทางด้านข้างแทน สิ่งที่หายไปคือโต๊ะทานอาหารครับ ทำให้ห้องนี้อาจต้องนั่งทานอาหารกันที่โซฟาแทนนะ แต่สิ่งที่ได้มาคือความสะดวกในการเข้าห้องน้ำที่มากขึ้น เพราะประตูห้องน้ำเลื่อนมาอยู่ใกล้กับประตูห้องนอน ทำให้ไม่ต้องเดินอ้อมมาเข้าถึงส่วนครัว ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบฟังก์ชันที่กั้นห้องด้วยผนังทึบแยกเป็นสัดส่วน และมีช่องกระจกขนาดใหญ่ให้แบบนี้แหละ แต่ไม่อยากเดินอ้อมมาเข้าห้องน้ำไกลเหมือนแบบห้องก่อนหน้านี้ที่ผมพาไปดู และไม่ค่อยทานอาหารบนห้องด้วยครับ
Furniture Package ช่วง Pre sale ที่เราจะได้ตามนี้เลยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 6 June 2019
- Studio 26.5 – 26.8 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท, หรือเฉลี่ย 83,019 บาท/ตารางเมตร
- 1 Bedroom 30.8 – 32.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท, หรือเฉลี่ย 81,169 บาท/ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 51.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.1 ล้านบาท, หรือเฉลี่ย 80,078 บาท/ตารางเมตร
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- มีรถ Shuttle Van ไป-กลับในมหาลัย
- จอง Studio 20,000 / 1 Bedroom 30,000 / 2 Bedrooms 50,000 บาท
- ทำสัญญา 5% ของราคาซื้อขาย
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
- มีโปรโมชั่น Furniture Package ช่วง Pre-Sales วันที่ 30 พ.ค. 2019 (furniture 8 รายการ / เครื่องใช้ไฟฟ้า 4 รายการ / ม่าน)
- ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมจากทางโครงการ คลิก
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : โครงการ COMMON TU ตั้งอยู่บนถนนเชียงราก ฝั่งเดียวกับมหาลัยธรรมศาสตร์ และอยู่ห่างจากประตูเชียงราก 2 เพียงแค่ 550 m. เท่านั้นครับ ถือเป็นโซนที่อยู่ใกล้มหาลัยมากที่สุดของถนนเชียงราก และยังอยู่ใกล้กับ U – Square ซึ่งเป็นเต็นท์อาหารขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดของถนนเส้นนี้อีกด้วย เป็นระยะเดินถึงทำให้หาของกินได้ไม่ยาก เพียงแต่การเดินเท้าของทำเลนี้จะต้องเดินเลียบถนนใหญ่แบบไม่มีฟุตบาท ซึ่งก็ค่อนข้างอันตรายอยู่พอสมควร แต่ก็พอจะเดินได้อยู่ครับ หรือถ้าอยากจับจ่ายใช้สอยใหญ่ๆก็จะมีทั้ง TU Dome ตลาดไท และฟิวเจอร์พาร์คให้ไปเดินช้อปปิ้งกันได้
การเดินทางโดยใช้รถ : โครงการตั้งอยู่บนถนนเชียงราก ซึ่งเป็นช่วงที่เกือบจะถึงถนนพหลโยธิน ดังนั้นจึงสามารถขับรถเข้ามหาลัยทางประตูพหลโยธิน 4 ได้ในระยะ 800 m. โดยไม่ต้องไปเสียเวลากลับรถไกลให้ยุ่งยากครับ และสามารถออกจากประตูเชียงราก 2 เพื่อกลับมาที่โครงการได้ในระยะ 550 m. เท่านั้น นอกจากนี้ด้านหน้าโครงการยังมีที่กลับรถใต้สะพานเพื่อย้อนกลับไปขึ้นทางด่วนอุดรรัถยาได้ในระยะ 4.5 km. หรือจะไปขึ้นโทลเวย์หน้าฟิวเจอร์ในระยะ 14 km. ก็ได้เช่นกันครับ ถือเป็นทำเลที่เดินทางด้วยรถค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ที่ด้านหน้าหอ 2B Casa ที่อยู่ข้างๆโครงการจะมีวินมอไซค์ตั้งอยู่ ซึ่งสามารถเดินไปใช้งานได้ไม่ยาก รวมถึงในอนาคตก็อาจมีวินมอไซค์ที่หน้าโครงการด้วยครับ หรือในจะใช้บริการ Shuttle Van ของโครงการก็ได้นะ เพราะเค้าจะไปส่งตามอาคารต่างๆในมหาลัยให้ถึงที่เลยทีเดียว รวมถึงในมหาลัยยังมีท่ารถตู้ในระยะ 900 m. อีกด้วย ส่วนในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มเข้ามาในพื้นที่ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกอีกทางหนึ่งครับ
การออกแบบอาคาร : ตัวอาคารมีระยะ set back เข้ามาจากถนนใหญ่ 34 m. และยังมีถนนสาธารณะสั้นๆ กับแนวสวนด้านหน้าที่ทำหน้าที่เป็น buffer ช่วยลดเสียง ฝุ่น และความวุ่นวายจากภายนอก ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว ทางเข้า-ออกโครงการจำเป็นต้องใช้ key card access ทุกครั้ง ตั้งแต่ด้านหน้าและภายใน lobby รวมถึงตรงจุดเชื่อมกับร้านค้าด้านใน จึงทำให้มีความปลอดภัยดีครับ เคาร์เตอร์บริการแยกเป็น 2 จุด และแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ส่วนชั้นพักอาศัยก็ไม่บังวิวกันเองครับ เพราะอาคารเป็นรูปตัว C รวมถึงมีการวางตำแหน่งห้องไม่ให้ประตูไม่ตรงกัน และมีบางส่วนที่ได้โถงทางเดิน Single corridor จึงมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ถึงแม้อัตราส่วนลิฟต์ 168.67 : 1 อาจจะหนาแน่นไปสักหน่อย แต่ก็มีที่จอดรถถึง 42% ถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวครับ
การออกแบบห้องพัก : โครงการนี้มีแบบห้องทั้งหมด 3 แบบ 5 ฟังก์ชัน ซึ่งส่วนมากจัดออกมาได้แตกต่างจากโครงการเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันอย่างชัดเจน มีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.7 m. จึงค่อนข้างโปร่งโล่ง และห้องของโครงการนี้จะไม่เน้นพื้นที่ครัวครับ เพราะเข้าใจดีว่าเป็นฟังก์ชันที่เด็กๆอาจไม่ได้ใช้งานบ่อยนัก จึงทำเป็นครัวเล็กๆที่พอใช้งานอุ่นอาหารได้ มีทั้งแบบครัวเปิดที่กั้นด้วยผนัง low wall ที่ทำให้พื้นที่ในห้องโปร่งโล่งเชื่อมต่อกันดี กับแบบที่กั้นด้วยประตูกระจกที่ทำให้ห้องไม่ดูทึบตันจนเกินไปโดยที่พื้นที่ที่ให้ความสำคัญนั้นจะเป็น common area ซึ่งทุกคนในห้องจะต้องใช้งานร่วมกัน รวมถึงน้องๆยังสามารถนั่งทำงานกลุ่ม หรือชวนเพื่อนๆมาเล่นเกมส์และจัดปาร์ตี้ที่ห้องได้อีกด้วย ส่วนห้องนอนจะมีความเป็นส่วนตัวครับ เพราะเค้าจะกั้นด้วยผนังทึบ และมีบางห้องที่เจาะช่องกระจกลูกฟูกหรือกระจกลอนขนาดใหญ่ตรงกลาง เพื่อให้แสงยังสามารถส่องเข้ามาภายในห้องได้ ไม่ทำให้ดูอึดอัดจนเกินไป แต่ก็ยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ครับ
โดยรวมแล้วเป็นฟังก์ชันที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้ชีวิตของน้องๆนักศึกษาโดยเฉพาะ แต่ก็ยังมีจุดที่รู้สึกแปลกๆหรือการใช้งานฟังก์ชันนั้นๆไม่ลงตัวอยู่บ้างครับ อย่างครัวของห้อง 2 Bedrooms ที่อยู่กลางห้อง เป็นครัวปิดไม่มีหน้าต่างและไม่ให้พัดลมดูด แล้วยังมีตู้เย็นอยู่ภายใน ที่สุดท้ายแล้วน้องๆก็จะต้องเปิดประตูครัวก่อน เพื่อกินน้ำในตู้เย็นด้านในกันบ่อยๆอยู่ดี ทำให้ใช้งานลำบาก หรือจะเป็นห้อง 1 Bedroom ที่ทางเข้าห้องน้ำอยู่ไกลจากห้องนอนมากๆ ทำให้ใช้งานตอนกลางคืนได้ไม่สะดวก หรือจะเป็นแบบที่สลับตำแหน่งประตูอีกแบบ ก็จะต้องสูญเสียฟังก์ชันบางอย่างไปเช่น โต๊ะทานอาหาร เป็นต้นครับ
วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Fitted คือให้เฟอร์นิเจอร์ Built พวกตู้เก็บรองเท้าและตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจกลูกฟูกหรือกระจกลอน มีเคาน์เตอร์ครัวปิดผิวเมลามีนลายไม้แบบไม่มีหน้าบาน top ครัวหินสังเคราะห์ อ่างล้างจานของ hafele กรอบประตูหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดแสง พื้นกระเบื้องยางไวนิล และสุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำทั้งหมดเป็นของ Cotto รวมถึงได้ฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass ด้วยครับ (แต่เฉพาะช่วง Pre sale เราจะได้ Furniture Package แบบครบชุดตามห้องตัวอย่างเลยครับ)
สาธารณูปโภค : โครงการนี้มีจุดเด่นกว่าโครงการเพื่อนบ้านตรงที่ให้ Facilities มาค่อนข้างเยอะมากครับ เมื่อเทียบกับจำนวนห้องเพียง 506 ยูนิต เริ่มตั้งแต่ที่ชั้น 1 มีพื้นที่สวนและร้านค้าถึง 4 ยูนิตอยู่ทางด้านหน้า บนชั้น 8 มีทั้ง Fitness, Multipurpose room, Lounge, Garden, Meeting room และ Library รวมถึงยังมีการแบ่งโซนพื้นที่การใช้งานออกเป็นสัดส่วนไม่รบกวนกันอีกด้วย สุดท้ายคือ Roof top facilities ประกอบด้วยสระว่ายน้ำขนาด 30 x 5.2 m. และมี Social Seating Pool ขนาด 2.4 x 2.4 m. โดยรอบเป็นสวนที่สามารถขึ้นมานั่งพักผ่อนหรือชมวิวได้ และยังมี Glass house ที่สามารถนั่งพบปะพูดคุย หรือจองห้องเพื่อจัดปาร์ตี้วันเกิดได้อีกด้วยครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 50,000 – 70,000 บาท/ตร.ม., 6 June 2019
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้มหาลัย หาของกินง่าย ไม่มีตึกสูงบังวิว
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เข้ามหาลัยได้สะดวก ใกล้จุดกลับรถและทางด่วน มีที่จอดรถเยอะ
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – มีวินมอไซค์อยู่ด้านหน้า มี Shuttle Van เข้าในมหาลัย ใกล้ท่ารถตู้
- วัสดุ 7/10 – Fully Fitted ตามมาตรฐานระดับราคานี้
- แบบ 8/10 – แบ่งโซนส่วนกลางดี ผังอาคารเป็นส่วนตัว ฟังก์ชันห้องต่างจากเพื่อนบ้าน
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต หลากหลายน่าใช้งาน
- UPPER CLASS
- 7.58 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ COMMON TU เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโด High Rise ได้วิวมุมสูง ใกล้มหาลัยธรรมศาสตร์ มีพื้นที่ส่วนกลางเยอะและหลากหลาย ฟังก์ชันห้องเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว เหมาะกับนักศึกษา มีงบประมาณ 2.2 – 4.1 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 15,000 – 29,000 บาท/เดือน