รีวิวโครงการ

CHAPTER ทองหล่อ 25 คอนโด Minimal Luxury ในซอยทองหล่อ 25 Facility จัดเต็ม Furniture ครบพร้อมเข้าอยู่ จาก Pruksa [รีวิวฉบับที่ 2285]

27 กันยายน 2021

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1781 … สวัสดีค่ะ ต้นปีนี้ทางพฤกษากลับมาตีตลาดทองหล่อด้วยแบรนด์ Chapter ด้วยโครงการ Chapter ทองหล่อ 25 คอนโด Low Rise ในซอยทองหล่อ 25 (หลังโรงพยาบาลคามิลเลียน) ได้ความเป็นส่วนตัวในซอย และการออกแบบโครงการมาในสไตล์ Minimal Luxury พร้อมการตกแต่งแบบ Fully Furnished ราคาเริ่ม 4.9 ล้านบาท จะเป็นอย่างไรติดตามในรีวิวนี้กันค่ะ

Fact @ 10 January 2019

  • Chapter Thonglor 25 ( แชปเตอร์ ทองหล่อ 25 )
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซอยทองหล่อ 25 เขตวัฒนา
  •  คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 288 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต ที่อาคาร B
  • ที่จอดรถประมาณ 49.3% (ไม่รวมซ้อนคัน) แบ่งเป็น
  • Conventional n/a%
  • Auto Parking n/a%
  • ที่ดินประมาณ 2-3-33.8 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q2/2019
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4/2020
  • ห้องพักอาศัย
  • Studio 28.91 – 29.3 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 34.62 – 61.85.ตร.ม.
  • 2 Bedroom 57.63 – 61.17 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง
  • 2.4 เมตร (ครัว) = ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน
  • 2.55 เมตร (ห้องนอน, Common Area) = ความสูงจากพื้นถึงท้องพื้น
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท (1 Bedroom)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 160,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : Approved
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center  : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.742860, 100.583854

โครงการ Chapter ทองหล่อ 25 ตั้งอยู่ในย่านทองหล่อตอนปลาย หรือทองหล่อฝั่งเพชรบุรีนะคะ โดยอยู่ในซอยสุขุมวิท 25 ซอยย่อยแสงเงิน ตรงปากซอยทางเข้าจะเป็นโรงพยาบาลคามิลเลียน โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในย่านทองหล่อนั่นเองค่ะ

ความน่าสนใจของทำเลโครงการนี้คือการเดินทางที่อิงทำเล ทองหล่อ ตอบโจทย์คนที่มี Lifestyle ชอบบรรยากาศทองหล่อ ที่ขึ้นชื่อเรื่องกินหรูอยู่ดี และเป็นแหล่งสังสรรค์ของเหล่าเซเลบริตี้  แต่ยังต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่ ไม่วุ่นวายมาก เพราะอยู่ในซอยย่อยมีระยะเดินทางจากปากซอยประมาณ 700 ม.  ในราคาที่คนวัยทำงานพอเอื้อมถึงได้นะคะ

หากจะพูดว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ไม่สะดวกเทียบกับคอนโดติดถนนทองหล่อเลยก็ไม่ได้เสียทีเดียวนะคะ เพราะในซอยนี้มีศักยภาพที่เชื่อมเข้าซอยย่อยอื่นๆ สามารถลัดไปออกย่านข้างเคียงได้เยอะทีเดียวทั้ง พร้อมพงษ์, อโศก, เพชรบุรี เป็นซอยที่คนแถวนี้ใช้ในการเลี่ยงรถติดบนถนนใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นการเดินทางไปยังย่านใกล้เคียงก็จัดว่าสะดวกอยู่นะคะ

สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นอาจจะไม่ได้สะดวกในการเดินออกไปยังถนนทองหล่อมากนักนะคะ เพราะไม่มีฟุตบาทให้เดินด้านข้างถนนสบายๆ แต่ทางโครงการจะมี Shuttle Service บริการลูกบ้านในโครงการโดยรับ-ส่งสถานี BTS ทองหล่อค่ะ โดยรายละเอียดว่าจะเป็นรถชนิดไหน มีกี่คัน รอบกี่รอบต่อวันนั้นยังไม่ได้มีการสรุปจากโครงการนะคะ อาจจะต้องสอบถามกับทางเซล์ภายหลังค่ะ และอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครที่ต้องการความเร็วเข้าไปยังประตูน้ำ – Central World ก็สามารถเลือกใช้เรือด่วนได้ ซึ่งมีระยะเดินจากโครงการประมาณ 150 ม. (นับจากขอบเขตที่ดินโครงการ)

พูดถึงทำเล “ทองหล่อ” คิดว่าหลายคนคงคุ้นเคยและทราบกันดีว่าเป็นทำเลกินหรูอยู่ดี + All Day All Night โดยมีทั้งร้านอาหารชื่อดัง, Community Mall หลายที่รวมตัวอยู่ในถนนเดียวกัน และร้านกินดื่มในช่วงกลางคืนอีกด้วย เรียกว่าครบจบบนถนนเดียวแต่ก็ยังมีเพื่อนข้างซอยอย่างถนนเอกมัยที่คู่ขนานกันแต่มีซอยเชื่อมให้เดินทางได้สะดวก บนถนนเส้นนี้จะมี Hyper Market อย่าง Big C เอกมัย ให้สามารถไปซื้อของกินของใช้ได้ และสุดท้ายบนถนนสุขุมวิทเองก็มีทั้งห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ อย่าง Gateway เอกมัย, Major สุขุมวิท และตรงไปอีกหน่อยแถบพร้อมพงษ์มีศูนย์การค้าหรูขนาดใหญ่ตระกูล EM อย่าง The Emporium, The Emquartier

การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นที่ถนนเพชรบุรี บริเวณก่อนทางเข้าถนนเอกมัยนะคะ จากนั้นขับตรงไปจากทางเข้าเอกมัยไปประมาณ 400 ม.เท่านั้น ให้เบี่ยงขวาเพื่อเข้าถนนทองหล่อ (สุขุมวิท 55) เมื่อเข้าถนนทองหล่อมาแล้วขับตรงไปทางสุขุมวิทประมาณ 700 ม. โดยสังเกตโรงพยาบาลคามิลเลียนฝั่งขวามือ แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยทองหล่อ 25 นะคะ

เมื่อเข้าซอยมาแล้วขับตรงไปตามทางประมาณ 300 ม. แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเข้าซอยย่อยแสงเงิน วิ่งจนสุดซอยจะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ฝั่งขวามือค่ะ

เราเริ่มต้นกันที่ถนนเพชรบุรีนะคะ โดยมุ่งหน้าตรงไปเพื่อเลี้ยวเข้าซอยทองหล่อ เนื่องจากทำเลโครงการเข้าจากทางถนนเพชรบุรีจะใกล้กว่าฝั่งสุขุมวิท

ขับผ่านอาคารสำนักงานอย่างชาญอิสสระ 2 มาและ โรงละคร M Theater

จากนั้นชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าทองหล่อกันค่ะ

เมื่อเลี้ยวมาแล้วฝั่งซ้ายมือจะเป็นโรงแรม Metropole Bangkok นะคะ

ขับตรงมาเรื่อยๆ ช่วงแรกๆจะมีกรวยกั้นไว้ไม่ให้กลับรถหรือเลี้ยวขวานะคะ แต่จะสามารถเลี้ยวได้ช่วงที่ผ่านโรงพยาบาลคามิลเลียนมาแล้ว ซึ่งก็จะพอดีกับซอยทองหล่อ 25 ที่เราจะเข้าไปกันเลยค่ะ

จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าซอยทองหล่อ 25 เลยค่ะ

ภายในซอยนี้เป็นซอยเดินรถ 2 ฝั่ง (two-way) นะคะ ช่วงบริเวณหน้าซอยจะเป็น Service Apartment และมีร้านอาหารอยู่

จากนั้นเราเลี้ยวขวาไปตามทางต่อนะคะ

เมื่อเลี้ยวขวามาแล้วให้เลี้ยวซ้ายต่อตามป้ายที่เขียนว่า สุขุมวิท เลยค่ะ เพราะซอยนี้เป็นซอยลัดไปออกสุขุมวิทได้นะคะ บรรยากาศในซอยนี้หากสังเกตจากรูปจะค่อนข้างสงบพอสมควรเลย

เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้วให้ชะลอแล้วเตรียมเลี้ยวขวาเข้าซอยแสงเงินเลยค่ะ

ในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยสลับกับอพาร์ทเม้นท์นะคะ จะค่อนข้างเงียบสงบพอสมควร ส่วนขนาดของซอยไม่ได้กว้างมากนักวิ่ง 2 เลนอาจจะต้องชะลอผลัดกันผ่านบ้างในบ้างจุด เพราะมีบางช่วงที่ชาวบ้านจอดรถกันหน้าบ้านตัวเองนะคะ

เราวิ่งกันไปจนสุดซอยเลยก็จะเห็นที่ตั้งโครงการ Chapter ทองหล่อ 25 แล้วค่ะ

โดยที่ตั้งโครงการนี้ปัจจุบันทำมาเป็น Sale Gallery + Cafe ด้วยนะคะ เป็นแนวแปลกใหม่ของการทำ Sale Gallery ในยุคนี้เลย และพฤกษาก็ทำออกมาได้น่าสนใจทีเดียวค่ะ เป็นอย่างไรเดี๋ยวไปดูกันนะคะ

ตรงมาหน่อยก็จะเห็นป้ายชื่อโครงการกันแล้ว ด้านข้างตกแต่งด้วยสวนแคกตัสสวยๆ ในแนว Minimal Luxury หากใครเป็นแฟนคลับ Kinfolk ก็จะเข้าใจธีมโครงการเลยค่ะ

ผ่านป้ายโครงการมาเจอลานน้ำพุตรงกลาง ด้านในเป็น Sale Gallery แบบเรียบสีขาว ดึงให้บริบทด้านข้างอย่างต้นไม้สีเขียวเด่นขึ้นมาด้วย โดยส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างชอบกับสไตล์นี้นะ เพราะได้กลิ่นอาย Lady พอสมควรไม่รู้ว่าคุณผู้ชายจะชอบกันไหม

จากนั้นเข้าไปดูภายใน Sale Gallery กันเลยค่ะ

บรรยากาศภายใน Sale Gallery มีการดึงแนวการออกแบบเดียวกับ Lobby โครงการมาด้วย ให้ลูกค้าได้เข้าถึงบรรยากาศในโครงการจริงมากขึ้น ลักษณะคือการออกแบบไร้มุม เน้นทรง Arch (โค้ง) และเล่น Material ตัดขอบด้วย โลหะสี Copper หรือใครหลายคนจะนึกถึงสี Rose gold ก็จะใกล้เคียงกันอยู่ค่ะ

จุดเด็ดที่ประทับใจเลยคือสวนด้านหลัง Sale Gallery ออกแบบเป็นพื้นที่เปิดไว้นั่งเล่น ชมวิวสวนพร้อมร้านคาเฟ่ใต้ร่มไม้ด้วย ซึ่งมุมนี้ก็ได้ออกแบบมาให้คล้ายกับมุมสวนในโครงการจริงเช่นเดียวกัน

พื้นที่นั่งเล่น Outdoor มุมนี้ชิลมากค่ะ

อีกโซนของพื้นที่นั่งเล่นใต้ร่มไม้จามจุรีขนาดใหญ่มาก

และทีเด็ดคือแบรนด์ Chapter มีการ co กันกับร้านกาแฟอย่าง Pacamara ซึ่งเป็น Coffee Roaster ชื่อดังเจ้าหนึ่งของไทย ซึ่งหลายๆ คนที่เป็นคอกาแฟน่าจะเคยได้ยินกันอยู่จากเชียงใหม่นะคะ ซึ่งเราได้ลองแล้วและก็ชอบมากจริงๆ หากใครไปดูโครงการก็อย่าลืมแวะนั่งชิมกาแฟกันนะ สนธิราคาอยู่ที่แก้วละ 100 บาท (อาจจะมีแพงกว่านั้นบางเมนูเท่าที่จำได้นะคะ)

และสุดท้ายด้วยทำเลที่อยู่ติดริมทางเดินคลองเลย ในโครงการจริงก็จะมีการทำทางเข้า-ออก เป็นแค่ Walk way ให้ลูกบ้านสามารถสแกนบัตรเข้าจากทางนี้ได้

บรรยากาศริมคลองแสนแสบก็จะประมาณนี้ค่ะ มีการ Set Back ด้วยสวนไว้พอประมาณ จนไม่รู้สึกว่าติดคลองจนเกินไป ส่วนเรื่องกลิ่นตอนที่ไปโครงการจริงไม่ได้กลิ่นคลองเลยนะคะ และตำแหน่งของอาคารก็มีการ Set Back จากคลองไปพอสมควร คิดว่าเรื่องกลิ่นไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนที่เลือกห้องหันมาทางคลองค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • J Avenue ทองหล่อ
  • 72 Courtyard
  • The Commons ทองหล่อ
  • EmQuartier
  • Emporium
  • Ekkamai mall
  • Nihonmura
  • โรงเรียนนานาชาติ Wells
  • โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep
  • โรงเรียนนานาชาติ The American กรุงเทพฯ
  • โรงพยาบาล Camillian
  • โรงพยาบาลสมิติเวช
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Chapter ทองหล่อ 25 จัดเป็นโครงการ Low Rise 2 อาคาร จำนวน 288 ยูนิต บนเนื้อที่ดิน 2 ไร่กว่า ในซอยแสงเงิน ซึ่งจะมาแหวกแนวต่างจากโครงการย่านทองหล่อส่วนใหญ่ที่มักจะเปิดติดถนนใหญ่ทองหล่อกันเลย ซึ่งก็จะตีโจทย์ที่แตกต่างออกไปคือได้ความเป็นส่วนตัวและสงบมากขึ้นด้วย รวมไปถึงสไตล์ที่โดดเด่นด้วย Minimal Luxury เพื่อเกาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ชอบความเรียบง่ายแต่ยังคงความหรูหรา Hi-End อยู่ด้วยในตัว

Master Plan โครงการนี้จะเห็นว่าการจัดวางผังอาคารเป็นแบบล้อมสระว่ายน้ำตรงกลางนะคะ เพื่อสร้างวิวภายในอาคารเอง เนื่องจากวิวของ Low Rise จะไม่ได้เน้นวิวมุมสูงอยู่แล้ว ดังนั้นวิวที่เด่นที่สุดของ Low Rise ก็จะเป็นวิวที่หันไปทาง Facilities นั่นเองค่ะ

สำหรับการเข้า-ออกโครงการ มี 2 ทางด้วยกัน โดยทางเข้าหลักจะเป็นทางซอยแสงเงินนะคะ ส่วนทางเข้ารองสามารถเดินเท้าเข้าได้อย่างเดียวจากฟุตบาธเลียบคลองแสนแสบอย่างที่กล่าวไปข้างต้นนะคะ เมื่อเข้ามาแล้วจากทางหลักจะเจอกับจุด Drop-Off เลย จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดรถในชั้นใต้ดินได้ สำหรับที่จอดรถมี 2 แบบทั้ง Conventional และ Auto Parking รวม 49.3% แต่ยังไม่ได้รับรายละเอียดว่ามีการแบ่ง Conventional และ Auto Parking อย่างละกี่ % นะคะ หากวิเคราะห์โดยรวมยังถือว่าไม่มากนักนะคะ ด้วยความที่เป็น ทำเลที่ตั้งโครงการเหมาะกับการใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักและกลุ่มลูกค้าในระดับนี้มักจะมี Life Style ใช้ที่รถยนต์ส่วนตัวกันเป็นหลักเช่นเดียวกัน

ภายในอาคาร A ชั้นล่างจัดให้เป็นส่วน Main Facilities ทั้งหมดที่มีความสูงฝ้าเพดานแบบ Double Volume ด้วยนะคะ ดังนั้นห้องพักอาศัยของอาคารนี้จะเริ่มที่ชั้น 3 นะคะ ซึ่งใครอยากใกล้ Facilities หน่อย (อยู่ชั้นล่างของอาคารตัวเอง) และจำนวนยูนิตน้อยกว่าอีกอาคารก็แนะนำให้เลือกอาคาร A นะคะ และจริงๆ ราคาต่างกับห้องของอาคาร B ไม่มากด้วย จากที่สอบถามราคากับเซลล์มาจะห่างกันที่หลักหมื่นของราคาแพกเกจรวม

ส่วนอาคาร B เป็นอาคารที่มีห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้นล่างเลยในชั้นนี้หลายคนอาจจะไม่ชอบตรงที่กลัวว่าไม่ค่อยเป็นส่วนตัวนะคะ แต่สำหรับการจัดผังของโครงการนี้เรามองว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควรเลย  เพราะมีการแยกทางเข้า-ออกจาก Facilities ชัดเจน และทุกห้องหันออกไปทางสวนรอบโครงการแทน ซึ่งหากใครต้องการวิวต้นไม้เหมือนอยู่บ้านก็ตอบโจทย์นะคะ ส่วนที่จะคึกคักหน่อยก็จะเป็นห้องที่หันไปทางสระว่ายน้ำค่ะ หากโครงการจริงมีการคั่นกลางด้วยสวนจากสระก่อนถึงห้องพักด้วยระยะพอสมควรหรือต้นไม้สูงหน่อยก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น แต่จริงๆ เลยคือเหมาะใครที่อยากได้วิวสระว่ายน้ำไปเลย ชอบความคึกคัก ไม่ซีเรียสเรื่องความเป็นส่วนตัวมากกว่า

บริเวณนี้เป็นส่วน Deck ที่นี่ออกแบบให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นริมสระที่แตกต่างจากที่อื่นๆ ที่จัด Daybed ไว้กลางแจ้งนะคะ ตรงนี้จะเป็นพื้นที่ในร่มแบบ Semi-Outdoor ซึ่งในแง่การใช้งานเราว่าดีกว่า ไม่ร้อน ไม่โดนแดดมากนัก แต่ยังได้บรรยากาศริมสระเหมือนเดิม

The White Marble Pool คือสระว่ายน้ำตรงกลางระหว่างอาคารนะคะ สระนี้ใช้วัสดุเป็นหิน LimeStone ทำสีและลาย Marble ดูสวยงาม ขนาดอยู่ที่ประมาณ 6 x 36 ม. เป็นความยาวที่เกิน Half Olympic มาแล้ว สามารถใช้ว่ายออกกำลังกายได้ ไม่ใช่เป็นเพียงสระแช่น้ำชิลๆ นะคะ และอีกหนึ่ง Highlight ในส่วนสระว่ายน้ำคือ Water Chanel ที่เหมือนจะเป็นแค่น้ำตกสวยๆ แต่จริงๆ สามารถขึ้นไปนั่งเล่นแช่น้ำได้ด้วย ลักษณะจะคล้ายกับ Sunken Seat ที่มีน้ำในแช่ชิลๆ

ส่วน Chapter Hall หรือ Lobby โครงการจัดมาให้มีทั้งชุดโซฟาและโต๊ะยาวเพื่อรองรับลูกบ้านและใช้เป็นพื้นที่รับรองแขกนะคะ บรรยากาศส่วนนี้ทางโครงการได้จัดให้ดูเป็นไอเดียจริงใน Slae Gallery แล้วข้างต้น

สำหรับ Fitness ที่นี่จะได้วิวจาก 2 ฝั่งด้วยกันนะคะ คือจากสวนรอบโครงการและสระว่ายน้ำ บรรยากาศโปร่งโล่ง การตกแต่งมาในสไตล์อบอุ่นดีทีเดียว

และห้อง Co-Function ที่จัดให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์จะมานั่งเล่น อ่านหนังสือ ทำงาน หรือนอนเล่นก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งพื้นที่นี้พอออกแบบมาก็ทำให้เห็น Target ลูกค้าค่อนข้างชัดเลยว่าเป็นแนววัยคนรุ่นใหม่เป็นหลัก

สำหรับตัวอาคารแบ่งเป็นอาคาร A และ B โดยทั้ง 2 อาคารก็จะมีจุดเด่นของอาคารนั้นๆ ต่างกันไป ซึ่งเราจะวิเคราะห์เป็นประเด็นให้เพื่อผู้อ่านนำไปพิจารณากันต่อว่าเราชอบอาคารไหน ห้องฝั่งไหนมากกว่าอัน

  • อาคาร A

  • ฝั่งนอกอาคาร : หันไปทางทิศเหนือเด่นในเรื่องทิศทางแดด เพราะไม่โดนแดดช่วงบ่าย แต่หากใครที่ซีเรียสหรือกังวลเรื่องกลิ่นคลองต่างๆ ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์นะคะ (แม้วันไปโครงการเราจะไม่รู้สึกว่ามีกลิ่นนะคะ)
  • ฝั่งด้านในอาคาร : เน้นไปที่วิวสระภายในอาคารก็จริงแต่ห้องที่ได้วิวสระจริงๆ จะมีอยู่ 4 ห้องด้วยกัน คือห้อง 17-20 และตัดตัวเลือกออกเพิ่มหากอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยก็จะเหลือห้อง 17-18 ที่มีระยะห่างจากอาคาร B ไปไกลหน่อยประมาณ 36 ม.

  • อาคาร B
    • ฝั่งนอกอาคาร : หันไปทางทิศใต้ ก็จะไม่เหมาะกับคนที่ซีเรียสเรื่องแดดมากนัก แต่ได้ทิศทางลมแทน ซึ่งต้องบอกว่าการออกแบบห้องของที่นี่ทำมาเพื่อตอบโจทย์การรับลมค่อนข้างดีนะคะ ใครที่ไม่ได้ชอบการเปิดแอร์ อยากรับลมธรรมชาติมากกว่าห้องฝั่งนี้ก็ตอบโจทย์ และสำหรับอีกฝั่งที่หันไปทางทิศตะวันออกหันหน้าไปทางถนนทองหล่อนะคะ เลือกชั้นสูงหน่อยจะได้วิวอาคารสูงจากถนนทองหล่อได้อยู่เหมือนกัน
    • ฝั่งภายในอาคาร : สำหรับฝั่งภายในอาคารของอาคารนี้ไม่ได้เน้นแต่ห้องใหญ่เหมือนอาคาร A ดังนั้นใครอยากได้ห้อง 1 Bedroom วิวสระก็จะตอบโจทย์ค่ะ

    ประเด็นถัดมาคือเรื่องราคาห้องมีความแตกต่างกันในเรื่องของฝั่งภายในอาคารและฝั่งภายนอกอาคารนะคะ โดยห้องที่หันออกภายนอกจะมีราคาต่อตารางเมตรถูกกว่าอยู่ที่ราวๆ 150,000-160,000 บาท ส่วนห้องที่อยู่ภายในได้วิวสระจะอยู่ที่ราวๆ 180,000-190,000 บาท (ราคานี้เป็นราคาที่สอบถามจากเซลล์ในวันที่ไปโครงการนะคะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องราคาได้ค่ะ)

    สิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby (Chapter Hall)
    • Fine & Dine Club
    • Meeting Room
    • Co-Function Space
    • Fitness
    • Steam-Sauna (หญิง=Steam/ชาย=Sauna)
    • Co-Living Garden
    • Social Club
    • The White Marble Pool
    • The Sunset Deck

    Product Walkthrough

    สำหรับ Product ห้องพักอาศัยโครงการ Chapter ทองหล่อ 25 นี้จะเน้นห้องขนาด 1 Bedroom 34.62 ตร.ม. ตอบโจทย์กลุ่มคนที่อยู่คนเดี่ยวหรืออยู่กัน 2 คน ไม่เน้นเป็นครอบครัว

    แม้ทำเลจะไม่ได้อยู่ติดถนนทองหล่อ แต่ทางโครงการก็มาเน้นที่ห้องพักอาศัยและวัสดุที่ให้แทนเพื่อ Trade off กัน เพราะที่นี่ขายแบบ Fully Furnished ครบชุดพร้อมเครื่องปรับอากาศ และการออกแบบห้องพักอาศัยที่มีการออกแบบใหม่ได้น่าสนใจ หลักๆ ที่เราเห็นมีอยู่ 2 อย่างด้วยกันนะคะ

    • ชุดหน้าต่าง : หน้าต่างที่นี่เรียกว่าเป็นประตูบานเปิดคู่ได้เลย มีขนาดใหญ่และแข็งแรง พร้อมติดตั้งราวกันตกกระจกให้เรียบร้อย ซึ่งช่วยระบายอากาศ + รับลมให้พัดผ่านเข้ามาภายในห้องได้โดยวันไหนอากาศดีๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ และเรามองว่าการดีไซน์แบบนี้เป็นการชูจุดเด่นของ Low Rise ได้ดีมากๆ เพราะมีแค่ Low Rise หรือโครงการแนวราบเท่านั้นที่สามารถเปิดหน้าต่างขนาดใหญ่นี้ได้นะคะ โครงการ High Rise ไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้กว้างขนาดนี้แน่นอน ทำได้แต่กระจกแบบ Full Height เท่านั้น

    • พื้นที่ตู้เสื้อผ้า : การจัดผังห้องของโครงการนี้ทุกแบบถือว่าให้ความสำคัญกับพื้นที่แต่งตัวพอสมควรเลยนะคะ ยกตัวอย่างห้องขนาด 34.76 ตร.ม. ที่จัด Walk-in Closet พร้อมเฟอร์นิเจอร์ภายในให้เรียบร้อย ก็จะตอบโจทย์คนที่ชอบพื้นที่เป็นระเบียบ มีสัดส่วน และที่สำคัญคือมีเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัวค่อนข้างมาก พอมีพื้นที่ให้แบบนี้ก็จะทำให้ตัวห้องเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้นค่ะ

    เริ่มต้นที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.76 ตร.ม. ลักษณะแปลนเป็นแบบลึกนะคะ ตำแหน่งของห้องนี้ส่วนใหญ่จะหันออกภายนอกอาคาร ส่วนในการจัดวางภายในห้องนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนชัดเจน ได้แก่ ครัว, Common Area และห้องนอน เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อน ซึ่งออกแบบเป็นครัวปิด เหมาะสมกับการทำอาหาร โดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบเปิดออก 2 ข้างนะคะ ทำให้สามารถเปิดช่องทางเดินได้กว้างมากขึ้นจากประตูบานเลื่อนที่เลื่อนทางเดียว

    ถัดเข้ามาส่วน Common Area หรือพื้นที่รวมของพื้นที่รับประทานอาหารและนั่งเล่น ซึ่งฝั่งพื้นที่นั่งเล่นจะติดกับระเบียงให้สามารถชมวิวภายนอกได้ดี

    สำหรับห้องนอนถือว่าได้พื้นที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ทั้งห้องนะคะ แต่ส่วนเตียงนอนเองเลยจริงๆ ไม่ได้ใหญ่มาก วางเตียง 5 ฟุต พร้อมพื้นที่ทางเดินด้านข้างกำลังดี แต่ไปเน้นหนักที่ส่วน Walk-in Closet ที่เราอธิบายไปว่าได้ขนาดใหญ่และกั้นเป็นสัดส่วนดีมาก

    ส่วนห้องน้ำจัดไว้ภายในห้องนอนก็จะตอบโจทย์เรื่องความสะดวกในการใช้งานดี แต่ก็จะไม่เป็นส่วนตัวมากนักสำหรับใครที่มักเชิญเพื่อนมาห้องบ่อยๆ และซีเรียสเรื่องความเป็นส่วนตัว

    เริ่มต้นกันที่หน้าห้องกันนะคะ สำหรับวัสดุประตูจะเป็นโครงไม้ที่ปิดผิวด้วยเมลามีน

    ทุกห้องจะได้ Digital Door Lock จาก Hafele เป็นมาตรฐาน ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งหมด 3 แบบ คือ Keycard, Password และกุญแจ

    เข้ามาภายในห้องยกขอบแยกระหว่างพื้นโถงทางเดินภายนอกและพื้นห้องภายในให้เรียบร้อย ข้อดีคือกันฝุ่นจากพื้นภายนอกเข้ามายังภายในได้บางส่วนโดยเฉพาะเวลาแม่บ้านกวาดทำความสะอาดบริเวณโถงทางเดิน

    ส่วนพื้นภายในห้องเข้ามาจะเป็นส่วนครัวก่อน ปูด้วยพื้นกระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อนเฉดสีเทา ซึ่งเป็นกระเบื้องที่เหมาะกับการทำครัวดีค่ะ เวลาทำครัวอาจจะเลอะเทอะได้ ซึ่งพื้นรูปแบบนี้ทำความสะอาดได้ดี

    สำหรับห้องครัวนี้ถือว่าได้ขนาดใหญ่นะคะ พร้อม Built-in เคาน์เตอร์ให้ทั้ง 2 ฝั่ง แต่ที่เราชอบเป็นพิเศษคือทางเดินกว้างพอสมควรเลย คือมาทำครัวพร้อมกัน 2 คนยังเดินได้สบายๆ ไม่อึดอัด ด้วยความกว้างอยู่ที่ประมาณ 1.7 ม.

    เคาน์เตอร์ครัวจะมีอยู่ฝั่งเดียวนะคะ อีกฝั่งเป็นเคาน์เตอร์สำหรับวางของและเก็บรองเท้า โดยเคาน์เตอร์นี้ทางโครงการจะมีให้เป็นมาตรฐานตามในห้องตัวอย่างเลยค่ะ จะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราจะเจาะลึกกันในภาพถัดๆไปนะคะ

    เริ่มต้นที่ตู้ Built-in ด้านบนภายนอกเป็นบานเปิดแบบ Soft Close หน้าบานเคลือบเมลามีนมาตรฐาน ภายในจัดให้เป็นชั้นวางของสามารถวางได้พอสมควรเลยนะคะ

    ส่วนด้านล่างของตู้วางของนั้นมีติดตั้งหลอดไฟเพื่อให้แสงสว่างบนเคาน์เตอร์ได้ด้วย

    ถัดมาที่บริเวณท็อปของเคาน์เตอร์ เริ่มต้นที่ผนังด้านหลังเคาน์เตอร์กรุด้วยกระจกเงาตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ ข้อดีคือ ทำความสะอาดง่าย ไม่ทำให้ผนังเลอะเทอะ และกระจกเองยังหลอกตาให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นได้อีกด้วย

    ส่วนท็อปของเคาน์เตอร์ใช้เป็นหินสังเคราะห์ (Solid Surface) เหมาะกับการทำครัว

    Sink จาก MEX เป็นแบบหลุมเดี่ยวนะคะ ส่วน Highlight คือก็อกน้ำที่ได้สายเป็น Silicon สีดำสามารถปรับทิศทางของก็อกน้ำได้ด้วย

    อีกฝั่งเป็นชุด Hob & Hood จาก Hafele ตัวเตาเป็นเตาแบบ Induction 2 หัวเตา และ Hood ต่อท่อออกภายนอก (Exhausted) ซึ่งช่วยระบายกลิ่นและควันอาหารได้ดีกว่าระบบหมุนเวียน

    ด้านล่างเคาน์เตอร์มีลิ้นชักและบานเปิดให้เก็บภาชนะต่างๆ ได้ระดับนึงนะคะ ไม่มากนัก เพราะมีแบ่งพื้นที่ไปวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าแล้ว โดยช่องว่างสำหรับวางเครื่องซักผ้านี้มีขนาดที่สามารถวางเครื่องซักผ้าไซส์ 8 กิโลกรัมได้พอดี

    ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์และตู้ Built-in สำหรับวางของต่างๆ อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น และด้านข้างวางตู้เย็นขนาดกลางได้กำลังดีค่ะ

    อย่างชั้นบนที่เป็นตู้เก็บของนั้นหากเราวางภาชนะด้านล่างเคาน์เตอร์ครัวไม่พอก็มาเก็บบริเวณนี้ได้นะคะ ส่วนด้านล่างทำเป็นชั้นวางรองเท้าได้ ตรงกลางเป็นโต๊ะวางของต่างๆ มีติดตั้งหลอดไฟให้เรียบร้อย

    การกั้นพื้นที่ครัวนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกสีชาสูงถึงฝ้าเพดาน ซึ่งตัว Fitting นี้ทำมาได้ดีนะคะ สมราคา และที่เราชอบคือการเปิดประตูจากทั้ง 2 ฝั่ง จึงได้พื้นที่ทางเดินกว้างขวางดี

    เข้ามาในส่วน Common Area บริเวณนี้มีความสูงฝ้าเพดานประมาณ 2.55 ม. เป็นระยะมาตรฐาน แต่ได้ความโปร่งโล่งมากขึ้นจากประตูบานเลื่อนกระจกที่ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ระดับนึง

    และเพิ่มเติมคือมีการ Drop ฝ้าเพดานและซ่อนไฟให้เป็นมาตรฐาน แต่ไม่ได้ปิดขอบด้วยโลหะสี Copper เหมือนห้องตัวอย่างนะคะ

    ชุดรับประทานอาหารที่ได้จะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว โดยตรงขาเก้าอี้และขาโต๊ะเล่นสีโลหะโทน Copper ดูสวยงามและเข้ากับธีมโครงการ ส่วนขนาดของโต๊ะก็ถือว่าทำออกมากำลังดีสำหรับกินข้าว 2 คนไม่เล็กเกินไป

    มาที่ส่วนพื้นที่นั่งเล่นกันต่อค่ะ บริเวณนี้มีระยะความกว้างอยู่ประมาณ 3 ม. ส่วนระยะทีวีจะอยู่ราวๆ 2.5 ม. วางทีวีขนาด 42″ กำลังพอเหมาะกับสายตา

    ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ได้เป็นชุดโซฟาผ้าขนาด 3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางที่ท็อปเป็นกระจกสีชาแบบ Tempered และขาโต๊ะสี Copper เข้าธีม

    ชั้นวางทีวีออกแบบให้เป็นแบบลอยตัว มีหน้าบานเปิด-ปิดแบบ Soft Close และภายในสามารถเก็บของใช้ได้ระดับนึง

    ถัดมาที่ส่วนระเบียงนี้มีขนาดพอประมาณนะคะ ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่มีการจัดโซนได้เป็นสัดส่วนดีโดยแยกส่วน พื้นที่วาง CDU แอร์ และพื้นที่ใช้งาน

    สำหรับพื้นที่ใช้งานนี้จริงๆ ใครจะจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวสวนก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องเผื่อสำหรับพื้นที่ตากผ้า เพราะในโครงการนี้มีห้อง Laundry ให้เรียบร้อย

    ส่วนอีกโซนเป็นส่วนวาง CDU แอร์ โดยมีการทำระแนงกันบังสายตาให้เรียบร้อย

    ปิดท้ายระเบียงด้วยวิวจากห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดบรรยากาศสำนักงานขายได้สวยมากๆ ซึ่งถ้าในโครงการจัดมาให้ตามธีมเดียวกันก็จะได้ Mood and Tone ประมาณนี้เลยค่ะ

    เข้ามาที่ห้องนอนกันต่อนะคะ โดยตำแหน่งทางเข้าห้องจะอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะรับประทานอาหารนะคะ ส่วนพื้นห้องทั้งจากบริเวณ Common Area และห้องนอนจะใช้วัสดุเป็น ไวนิล แต่จัดวางแบบ Herriring Bone หรือลายก้างปลา ซึ่งต้องบอกว่าเป็นลายยอดฮิตของโครงการระดับ Luxury ขึ้นไปนะคะ แต่พื้นจะปูด้วย Enginerring Wood ทั้งหมด เราพึ่งเห็นว่ามีไวนิลที่ปูแบบ Herriring Bone ด้วย ซึ่งคุณภาพของไวนิลนี่จะอยู่ระหว่างกลางของ ลามิเนต และ Engineering Wood ซึ่งจะเรียงตามนี้ค่ะ (ลามิเนต –> ไวนิล –> Enginerring Wood)

    คุณสมบัติของไวนิล คือมีความทนทานได้ดีในระดับนึง แถมยังรับแรงกดได้ดีด้วย ถึงแม้จะทนน้ำได้ไม่เท่าพวกกระเบื้อง แต่ก็ดีกว่าพวกพื้นไม้ลามิเนต สามารถใช้ได้ทั้งในบริเวณครัวและห้องนั่งเล่นทั่วไป เวลาทำน้ำหกใส่ก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย การซ่อมบำรุงก็ทำได้ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะถ้าแผ่นไหนเสียช่างเค้าก็เลาะแผ่นนั้นออกและปะแผ่นใหม่เข้าไปแค่นั้นเอง

    เข้ามาภายในห้องแล้วก็จะเจอกับ Walk-in Closet ก่อนนะคะ ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่เตียงนอนและฝั่งขวาเป็นทางเข้าห้องน้ำ สำหรับ Walk-in Closet กั้นด้วยกระจกสีชา สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ข้อดีคือได้พื้นที่เป็นสัดส่วน และตัวห้องยังโปร่งโล่งอยู่ ไม่ทึบตันเพราะกั้นด้วยกระจก แสงจึงเข้าไปภายในได้ดี

    ประตูบานเปิดแบบเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง จึงได้พื้นที่เข้าขนาดใหญ่มากขึ้น

    ภายในมีขนาดกำลังดีสำหรับ 1 คนเข้าไปใช้งานนะคะ โดยการจัดเฟอร์นิเจอร์จะมีตู้เสื้อผ้า (แบบไม่มีบานปิด) และโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมเก้าอี้สตูล

    ตู้เสื้อผ้าที่ให้เป็นรูปตัว L ภายในมีการจัดพื้นที่ได้ครบดีนะคะ ทั้งราวแขวนเสื้อด้านบน-ล่าง ชั้นวางของด้านบน พร้อมลิ้นชักไว้สำหรับวางเสื้อผ้าขนาดเล็กได้

    ส่วนอีกฝั่งที่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งจัดให้เป็นชั้นวางของที่ถี่ขึ้นมาหน่อย เพื่อสามารถวางของใช้จุกจิกได้ดีมากขึ้น หรือคุณผู้หญิงคนไหนมีกระเป๋าหลายใบก็สามารถวางตรงชั้นนี้ได้เลย

    โต๊ะเครื่องแป้งที่ได้จะได้ตามห้องตัวอย่างเลยเช่นเดียวกัน โดยขนาดของโต๊ะจัดมาให้กะทัดรัดตามขนาดพื้นที่นะคะ ที่ชอบคือมีส่วนกระจกให้ด้วยเพื่อสามารถเห็นเครื่องประดับด้านในได้เลย ได้เลือกก่อนที่จะหยิบมาใช้ และเพิ่มเติมข้อดีของการกั้น Walk-in Closet เป็นกระจกก็คือได้แต่งหน้าในแสงจริง ซึ่งถ้าเป็นคุณผู้หญิงจะเข้าใจดี เพราะถ้าต้องใช้ไฟในห้องบางคนใช้แบบ Warm Light เวลาแต่งหน้าสีจะเพี้ยนได้ค่ะ

    ส่วนพื้นที่เตียงนอนนี้ทางโครงการจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตให้เป็นมาตรฐานนะคะ แต่ไม่ใช่ได้เพียงฐานเตียงอย่างเดียวเหมือนทั่วไป แต่จะได้ทั้งหัวเตียงและฟูกด้วยเป็นมาตรฐาน

    สังเกตรอบข้างเตียงมีพื้นที่พอสมควรสามารถเดินได้สะดวก และวางโต๊ะข้างเตียงขนาดกะทัดรัดได้กำลังดี

    ด้านข้างหัวเตียงติดตั้งปลั๊กไฟให้ ซึ่งมีทั้งปลั๊กธรรมดาและหัว USB ด้วยค่ะ ตอบโจทย์การใช้งานจริงในปัจจุบันดีนะคะ ไม่จำเป็นต้องใช้ Adapter แล้ว แต่กระแสไฟที่ให้มาจะอยู่ที่ 21.A โดยเป็นกระแสไฟมาตรฐาน ชาร์จ Ipad และมือถือรุ่นใหม่ๆ ที่มี Fast Charge ได้

    ติดกับพื้นที่เตียงนอนจะเป็นชุดหน้าต่างขนาดใหญ่ที่มีความสูงเหมือนเป็นประตูเลยนะคะ อย่างที่ได้อธิบายไปแล้ว

    ลักษณะการเปิดจะเป็นแบบเปิดออก 2 ฝั่งเลย รับลมได้เต็มที่และไม่ต้องกลัวอันตรายเพราะมีราวกันตกแบบกระจกให้เรียบร้อย

    ตรงข้ามเป็นทางเข้าห้องน้ำในห้องนอน

    ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนโดยกั้นด้วยฉากกั้นกระจก + ยกขอบกระเบื้องให้กันน้ำไหลย้อน การตกแต่งห้องน้ำเน้น Mood and Tone ชัดเจนมาก มาในธีมสีครีม + ตัดขอบด้วยทองเหลืองพ่นสี Copper

    ตัวพื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้อง Porcelain แบบด้าน ช่วยกันลื่นได้ระดับนึงค่ะ

    บริเวณโซนแห้งประกอบด้วยโถสุขภัณฑ์ และอ่างล้างมือ จาก TOTO และบางส่วนใช้เป็น Kohler โดยรวมคือเกรดดี สมราคาอยู่ค่ะ

    ที่ชอบในห้องน้ำมีอยู่ 2 อันด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือกระจกทรงวงรีนี้ที่สั่งทำพิเศษ ปิดขอบด้วยทองเหลืองสี Copper ภายในมีชั้นวางของสามารถวางของใช้จุกจิกได้เล็กน้อย พร้อมไฟส่องสว่าง

    อีกอย่างคืออุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นก็อกน้ำ สายฉีดชำระ ที่วางกระดาษชำระ และฝักบัวนั้นเป็นแบบสั่งทำทั้งหมดให้เป็นสี Copper

    ส่วนฉากกั้นกระจกจะเป็นแบบบานเปิดเข้านะคะ ใช้ได้สะดวกดี สำหรับเราชอบแบบบานเปิดมากกว่าบานเลื่อนนะ ถ้าขนาดพื้นที่อาบน้ำใหญ่มากพอจะใช้บานเปิดได้ เพราะถนัดกับการผลักมากกว่าการเลื่อน

    พื้นที่อาบน้ำอยู่ที่ประมาณ 0.9 x 1.1 ม. จัดว่ามีความกว้างพอสมควรนะคะ และส่วน Floor Drain หรือท่อระบายน้ำ ให้เป็นแบบมีฝาปิดเรียบร้อยดีค่ะ เป็นอีกจุดที่อัพเกรดวัสดุขึ้นมาจากแบรนด์ Chapter ตัวก่อนหน้าอีกด้วย

    ฝักบัวสายอ่อนได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ด้านข้างในห้องจริงจะมีจุดให้สามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้

    ขนาดของหัวฝักบัวตามภาพเลยค่ะ คือมีขนาดกลางๆ มือจับพอดีมือ

    ห้องตัวอย่างถัดไปที่จะพาไปชมกันคือ ห้อง 2 Bedroom ขนาด 57.91 ตร.ม. ซึ่ง Type นี้จะอยู่มุมอาคารข้อดีคือ ได้วิวจากทั้ง 2 ทิศ และยังเป็นห้องแบบหน้ากว้าง ทำให้ฟังก์ชันหลักๆ ภายในห้องได้วิวครบ

    สำหรับการจัดวางผังถือว่าจัดมาไม่ได้แหวกแนวมากมาย จะคล้ายกับ 2 Bedroom หลายโครงการ คือเข้ามาจะเป็นพื้นที่ Common Area ก่อนและใช้ Corridor เชื่อมเข้าสู่พื้นที่ Private อย่างห้องนอน 2 ห้องค่ะ

    แต่มีการดัดแปลงดีเทลภายในห้องได้น่าสนใจดี ซึ่งก็จะเป็นจุดแตกต่างชัดเจน และกลายเป็น Highlight ที่เราชอบด้วยค่ะ จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวไปดูในห้องตัวอย่างกันต่อ

    เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนนะคะ ลักษณะการจัดวางเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ก่อนหน้านี้ค่ะ แต่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่า ตามขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมของห้องนะคะ การใช้งานก็จะสะดวกมากขึ้น เพราะมีความกว้างที่กว้างมากขึ้นด้วย

    ย้อนกลับมาจะเห็นความกว้างของพื้นที่ครัวชัดมากขึ้นนะคะ ซึ่งเรามองว่าแปลนนี้ทำออกมาค่อนข้างตอบโจทย์คนที่ชอบทำครัวพอสมควรเลย

    ส่วนตรงเคาน์เตอร์ครัวก็มีขนาดกว้างมากขึ้นตามด้วย ซึ่งก็จะมีพื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้น ส่วนวัสดุจะใช้สเป็คเดียวกันกับ 1 Bedroom นะคะ ทำให้แอบเสียดายตรงที่น่าจะได้ขนาดเตาแบบ 4 หัวเตาเพิ่มขึ้นมาให้อีก หรือเป็น Sink แบบ 2 หลุม ที่พิเศษกว่า 1 Bedroom หน่อย

    อีกฝั่งเป็นเคาน์เตอร์เก็บรองเท้า และด้านบน Built-in ชั้นวางของเช่นเดิม เพิ่มเติมคือพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยโดยสามารถรองรับตู้เย็นขนาด 16 คิวบิกฟุตได้

    เข้ามาส่วน Common Area กันต่อนะคะ จะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหารและเลยไปสุดทางก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นค่ะ เดี๋ยวเราไปดูรายละเอียดเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ และดีเทลการออกแบบที่เราพูดไว้ก่อนหน้ากัน

    สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถรองรับที่นั่งได้ 4 ที่นั่งสบายๆ นะคะ พร้อมกับพื้นที่ด้านข้างที่สามารถเลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกได้สบายๆ สเป็คของโต๊ะ-เก้าอี้ก็จะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom แค่ได้ขนาดใหญ่ขึ้นมา

    ส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรนะคะ และดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้นเพราะได้ชุดหน้าต่าง 2 บาน พร้อมกับบานกระจกฝั่งขวาของภาพที่เชื่อมไปออกระเบียงอีก 1 บานด้วย

    ชุดโซฟาที่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกจาก 1 Bedroom โดยเพิ่มเป็น Sofa Bed ให้นอนเล่นได้ด้วยเลยค่ะ ส่วนโต๊ะกลางได้มาแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom นะคะ

    จุดเด่นของห้องนี้คือมุมนี้เลย เพราะได้ชุดหน้าต่างขนาดใหญ่ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งช่วยระบายอากาศได้ดีมาก บวกกับมีกระจกเข้ามุมให้ด้วยก็ช่วยเปิดมุมมองได้กว้างมากขึ้น และจริงๆ แล้วหากวันไหนอากาศดีมากๆ เปิดหน้าต่างทั้ง 2 ฝั่งแล้ว บรรยากาศมุมนี้จะเหมือนกับอยู่ระเบียงแบบ Semi-Outdoor ไปในตัวเลยนะคะ

    และตรงข้ามโซฟามีประตูกระจกเปิดไปยังระเบียงได้

    ระเบียงนี้จะสามารถเปิดได้ทั้งจากพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนเล็กนะคะ ขนาดของระเบียงให้ความยาวมาพอสมควร แยกส่วนวาง CDU แอร์ไว้ชัดเจน แต่ความกว้างของระเบียงจะไม่ได้กว้างมากนักนะคะ ให้สามารถพอใช้งานได้ ไม่ถึงกับออกมานั่งเล่นชิลๆ

    มาดูส่วนโซน Private กันต่อนะคะ โดยจะเป็นโถงที่เชื่อมเข้าสู่ห้องนอนเล็ก (ฝั่งซ้าย) ห้องน้ำ (ฝั่งขวา) และตรงไปเป็น Master Bedroom ค่ะ

    เริ่มต้นที่ห้องนอนเล็กกันก่อนนะคะ ภายในห้องนอนเล็กนี้จะได้เตียงขนาด 3.5 ฟุต หรือ Single Bed ห้องนี้จะไม่ได้หน้าต่างนะคะ แต่จะเป็นประตูบานเลื่อนแทน ซึ่งถ้าอยากเปิดหน้าต่างระบายอากาศก็อาจจะต้องติดตั้งมุ้งลวดเพิ่มเติมเอาแทน แต่ก็จะพิเศษตรงที่มีเหมือนมีระเบียงส่วนตัวของตัวเอง

    พื้นที่ด้านข้างเตียงกว้างพอสมควรนะคะ แต่แนะนำให้วางโต๊ะข้างเตียงแค่ฝั่งซ้ายมือแทน เพราะหากวางโต๊ะฝั่งขวาที่ติดกับตู้เสื้อผ้านั้นจะติดกับบานเปิดตู้เสื้อผ้า ทำให้ใช้งานไม่สะดวก

    ตู้เสื้อผ้าที่ให้เป็นแบบ Built-in สูงถึงฝ้าเพดาน หน้าบานเป็นกระจกสีชา ด้านใน Built-in ชั้นวางต่างๆ ให้เป็นสัดส่วนพร้อมติดตั้งหลอดไฟให้ด้วยค่ะ

    ถัดมาในส่วนของห้องน้ำกันต่อนะคะ ห้องน้ำนี้จะใช้วัสดุเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ก่อนหน้าเลยนะคะ แต่จะมีการจัดวางที่ต่างกันเล็กน้อยตรงตำแหน่งการวางประตู และมีพื้นที่อาบน้ำที่ใหญ่กว่า อาบได้สบายๆ

    สเป็คสุขภัณฑ์ที่ได้นั้นจาก TOTO และ Kohler เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom เลยนะคะ แต่เรามองว่าโซนแห้งของห้อง 1 Bedroom จะมีขนาดกว้างกว่าเล็กน้อย

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกขนาดใหญ่ Tempered แบบ Frameless ภายในพื้นที่อาบน้ำได้ฝักบัวสายอ่อนสี Copper เช่นเดิมค่ะ

    เข้ามาดูภายในห้อง Master Bedroom กันต่อนะคะ เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วน Walk-in Closet ก่อน ฝั่งขวาเป็นทางเข้าห้องน้ำในห้องนอน ส่วนฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่เตียงนอนค่ะ

    เริ่มต้นในห้องนอนใหญ่ด้วยชุดตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ที่อยู่ติดกับประตูทางเข้านะคะ ต้องบอกห้องแปลนนี้จะไม่ได้เหมือน 1 Bedroom ที่กั้น Walk-in Closet เป็นสัดส่วนเลย แต่จะเป็นการ Built-in ตู้เสื้อผ้าทั้งหมด และเปิดเป็นพื้นที่เปิดแทน จะให้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งมากกว่าหน่อย

    มุม Walk-in Closet จริงๆ จะอยู่ตรงนี้ค่ะ โดยตู้เสื้อผ้านั้นจะ Built-in ให้เป็นรูปตัว L ขนาดใหญ่เก็บเสื้อผ้าได้เยอะทีเดียว และมีโต๊ะเครื่องแป้งขนาดที่ใหญ่มากขึ้นมาหน่อยจากห้อง 1 Bedroom อีกด้วยนะคะ ซึ่งหากใครไม่ได้เน้นใช้เป็นโต๊ะแต่งหน้าก็สามารถปรับให้เป็นโต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัดได้อยู่ค่ะ

    บรรยากาศส่วนพื้นที่เตียงนอนได้วิวและแสงธรรมชาติจากชุดหน้าต่างขนาดใหญ่ ส่วนขนาดเตียงอยู่ที่ 5 ฟุต มีพื้นที่รอบเตียงให้เดินได้สบายๆ

    ชุดหน้าต่างได้เป็นมาตรฐานเหมือนชุดหน้าต่างส่วนพื้นที่นั่งเล่นนะคะ และหากใครสังเกตจะเห็นว่าห้องนี้ไม่ได้มีระเบียงภายนอกมาให้เหมือนโครงการอื่นๆ ที่มักจะวางระเบียงไว้ที่ห้องนอนใหญ่มากกว่า แต่ต้องบอกว่าบริเวณพื้นที่ทางเดินข้างเตียงฝั่งนี้ค่อนข้างกว้างอยู่นะคะ หากใครเพิ่มเก้าอี้โซฟาขนาดเล็กๆ มาวางข้างๆ เตียงเพื่อชมวิวก็จะได้บรรยากาศเหมือนนั่งริมระเบียงชมวิวเหมือนกันเลยนะ เพราะเปิดหน้าต่างให้สุดก็ได้รูปแบบ Semi-Outdoor ได้อยู่

    ถัดมาที่ห้องน้ำในห้องนอนกันต่อนะคะ

    ภายในห้องน้ำนี้มีจุดพิเศษที่แตกต่างจากห้องน้ำห้องอื่นๆ อยู่ 2 อย่างนะคะ นอกจากขนาดที่ใหญ่แล้วคือ ได้อ่างอาบน้ำ และมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนให้เป็นมาตรฐาน

    ส่วนสเป็ควัสดุอื่นๆ จะได้เหมือนกับห้องน้ำห้องอื่นๆ เลยนะคะ

    สำหรับการวางโถสุขภัณฑ์จะอยู่ตรงข้ามกับอ่างล้างมือและด้านข้างของอ่างล้างมือนะคะ ซึ่งตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ใครหลายคนอาจจะไม่ชินเท่าไหร่ เพราะเวลานั่งใช้งานก็จะเห็นตัวเองที่กระจกเงาของอ่างล้างหน้าด้วย

    สำหรับอ่างอาบน้ำที่ได้นั้นมีขนาดความยาว 180 ซม. ซึ่งถือเป็นความยาวกำลังดีในการนอนแช่น้ำได้นะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 January 2019

    รอ Update ราคาจากทางโครงการ

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง

    • 2.4 เมตร (ครัว) = ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน
    • 2.55 เมตร (ห้องนอน, Common Area) = ความสูงจากพื้นถึงท้องพื้น

  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS ทองหล่อ
  • จอง
    • 1 Bedroom 30,000 บาท
    • 2 Bedroom 50,000 บาท

  • ทำสัญญา
    • 1 Bedroom 50,000 บาท
    • 2 Bedroom 100,000 บาท

  • เงินดาวน์ 8% – 10% ผ่อนดาวน์ 18 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 75 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล – โครงการ Chapter ทองหล่อ 25 ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 25 ซอยย่อยแสงเงิน ห่างจากหน้าปากซอยที่ไปทะลุเข้าทองหล่ออยู่ราว 700 ม. บรรยากาศในซอยย่อยนี้จะได้ความสงบพอสมควร เหมาะกับคนที่เน้นการพักผ่อน และไม่ต้องการความวุ่นวายมากนัก เมื่อเทียบกับคอนโด High Rise ติดถนนทองหล่อแแท้จริง ซึ่งต้องยอม Trade off กับข้อจำกัดเรื่องวิว และความสะดวกในการเดินทางที่น้อยกว่านะคะ

    ด้านความอุดมสมบูรณ์สามารถอิงได้หลากหลายมากกว่าแค่เพียงทำเลทองหล่อ-เอกมัยด้วย เนื่องจากซอยทองหล่อ 25 นี้เป็นซอยลัดที่สามารถไปทะลุออกถนนสำคัญอื่นๆ ได้มาก และในซอยที่เป็นซอยลัดนี้แหละค่ะ ที่มีร้านอาหารมากมายมาเปิดอยู่ด้วย ดังนั้นเรื่องอาหารการกินต่างๆ หมดห่วง

    การเดินทางโดยใช้รถยนต์ – การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวถือเป็นการเดินทางหลักของโครงการนี้นะคะ ซึ่งต้องบอกว่าแม้จะไม่ได้อยู่ติดถนนทองหล่อเลย แต่หากขับรถเข้ามา 700 ม. ก็ถือว่าไม่ได้เสียเวลานาน ดังนั้นเรื่องการใช้รถเข้าซอยเรามองว่าไม่ใช่ปัญหาหลักของการขับรถ เพิ่มเติมที่ว่าซอยนี้ลัดออกไปยังพร้อมพงษ์ อโศก เพชรบุรีได้ด้วย ซึ่งเป็นซอยที่คนในย่านนี้ใช้เวลาเลี่ยงรถติดกันอยู่แล้ว จึงช่วยให้การเดินทางไปย่านข้างเคียงได้สะดวกมากขึ้น แต่ตัวถนนในซอยนั้นจะมีรถมาจอดข้างทางอยู่บ้าง เนื่องจากรอบๆเป็นที่พักอาศัย เวลาขับรถสวนกันอาจจะต้องผลัดกันให้ทางหน่อย สำหรับจำนวนที่จอดรถเกือบๆ 50% นั้นถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับทำเลที่เน้นการใช้รถ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ – สำหรับคนที่ตั้งใจจะพึ่งพารถสาธารณะเรียกว่ายังไม่ได้สะดวกมากนักนะคะ เพราะต้องเดินไปออกหน้าปากซอยราวๆ 700 ม. ก่อนเรียกรถไปยังที่ต่างๆ ซึ่งถ้าเทียบกับ Standard ของ Think of Living ก็ถือว่าเลยระยะเดินสบายมาพอสมควรแล้ว และบางคนที่ฟิตหน่อยคิดว่าเป็นระยะทางเดินชิลๆ ก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่ต้องบอกว่าไม่ได้มีทางเท้าให้เดินได้สบายนะคะ ดังนั้นการเดินจริงๆ ยังไม่ใช่คำตอบที่เรียกว่าสะดวกมาก แต่….ทางโครงการได้จัดให้มี Shuttle Service ไว้บริการลูกบ้าน รับ-ส่ง BTS ทองหล่อ ก็ช่วยเพิ่มช่องทางการเดินทางโดยไม่ใช้รถของลูกบ้านให้สะดวกมากขึ้นเยอะเลยค่ะ จะดีมากถ้าได้เป็นรถตู้และวิ่งตลอดทั้งวันนะคะ ซึ่งตอนนี้ต้องบอกว่าทางโครงการยังไม่ได้คอนเฟิร์มกับผู้เขียนว่าจะเป็นรถชนิดไหนและกี่คันนะคะ

    และอีกรูปแบบการเดินทางเป็นตัวเลือกในการหลีกเส้นทางรถติดในเมืองก็มีการโดยสารเรือด่วนซึ่งมีระยะเดินประมาณ 150 ม. ออกจากประตูฝั่งริมคลองได้เลย โดยเส้นทางเรือนี้จะวิ่งเข้าไปทางประตูน้ำ – Central World

    การออกแบบ – รูปแบบโครงการทำออกมาในสไตล์ที่เราค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ ตอบโจทย์ Lady สูงพอสมควร ด้วยรูปแบบ Minimal Luxury ที่หากใครหลายคนรู้จัก Kinfolk จะเข้าใจธีมโครงการง่ายมากขึ้น โดยรูปลักษณ์โครงการจะเน้นไปที่ Arch โค้ง โทนสี Pastle + Earth Tone และตัดขอบต่างๆ ด้วยโลหะสี Copper

    การวางผังทำออกมาค่อนข้างดี เหมาะกับรูปแบบโครงการ Low Rise คือนำตึกโอบล้อม Facilities ในที่นี้จะเป็นสระว่ายน้ำ เนื่องจากรูปแบบโครงการ Low Rise นี้มีข้อจำกัดเรื่องวิวมุมสูงอยู่แล้วนะคะ ต่างจาก High Rise ดังนั้นวิวที่จะมีในโครงการก็จะเป็นวิว Facilities เป็นหลัก ห้องฝั่งด้านในอาคารที่หันไปทาง Facilities จะมีราคาสูงกว่าและเน้นไปที่ห้องขนาดใหญ่ ส่วนห้อง 1 Bedroom ส่วนใหญ่หันไปภายนอกโครงการแทน หากใครเลือกห้องนี้และเป็นห้องฝั่งภายนอกโครงการแนะนำให้เลือกชั้นบนๆ พ่นหลังคาบ้านพักอาศัยข้างเคียงไปนะคะ

    เจาะลึกส่วนอาคารกันอีกหน่อย สำหรับอาคาร A ความน่าสนใจคือชั้นล่างเป็น Facilities และมีจำนวนยูนิตน้อยกว่าอาคาร B ตอบโจทย์คนที่ต้องการใช้ Facilities ได้สะดวก มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยกว่าหน่อย ส่วนอาคาร B นั้นได้เรื่องความสงบขึ้นมาหน่อยเพราะไม่มีส่วน Facilities มาอยู่ฝั่งอาคารนี้นะคะ แต่ก็มีความหนาแน่นกว่าอาคาร A เล็กน้อย

    การออกแบบภายในห้องเป็นการออกแบบที่มีความแปลกใหม่มากขึ้นและน่าสนใจทีเดียว โดยเน้น Gimmick คือการให้ความสำคัญกับพื้นที่แต่งตัว ได้ขนาดใหญ่ หรือกั้นเป็น Walk-in Closet ชัดเจนเลย และอีกจุดที่ชอบคือชุดหน้าต่างขนาดใหญ่เท่ากับประตูพร้อมราวกันตก เพื่อให้สามารถเปิดหน้าต่างได้กว้างไปเลย รับลมได้ดี ถือว่าตีจุดเด่นของ Low Rise ได้เก๋ เพราะเป็นสิ่งที่ High Rise ทำให้ไม่ได้นะคะ ชุดหน้าต่างใหญ่ขนาดนี้ สุดท้ายคือพื้นที่ครัวขนาดใหญ่ เป็นครัวปิดด้วย เหมาะกับคนชอบทำครัวจริงจัง

    วัสดุ – ที่นี่ให้ชุดเฟอร์นิเจอร์มาแบบ Fully Furnished เลย ซึ่งจากเกรดวัสดุต่างๆ ก็ทำมาได้เหมาะสมกับราคาและให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เข้าธีมโครงการ คือมีการเล่นโลหะ Copper ตัด เช่น ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะกลาง อุปกรณ์ห้องน้ำ เป็นต้น หากถามถึงความชอบส่วนตัวเราค่อนข้างชอบมาก เพราะชอบโทนสีแนวนี้อยู่แล้ว แต่คิดกลับกันก็ไม่แน่ใจว่าจะตอบโจทย์ความชอบได้ทุกคนนะคะ และกลุ่มคนที่มีกำลังทรัพย์ส่วนใหญ่มักนิยมแต่งห้องกันเองอีกด้วย

    สาธารณูปโภค – มีให้มาครบครันตามมาตรฐาน เช่น สระว่ายน้ำ Fitness สวน และมี Facilities พิเศษที่น่าสนใจ เช่น Social Club, Fine and Dine Club, Co – Function Space ทำมาเพื่อตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่ที่ชอบสังสรรค์ และมักจะทำงานที่บ้านอีกด้วย

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
    เทียบกับช่วงราคา AVG 160,000 บาท/ตร.ม., 10 January 2019

    • ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยย่อย ได้ความเงียบสงบ
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ตัวซอยมีศักยภาพเป็นซอยลัดไปย่านใกล้เคียงได้ แต่ได้ที่จอดรถน้อยไปหน่อย
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – อยู่ในซอย แต่มีรถ Shuttle Service ให้ หรือเดินไปขึ้นท่าเรือได้สะดวก
    • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished เกรดสมราคา
    • แบบ 8.5/10 – ภายในห้องมีการออกแบบพื้นที่แต่งตัวขนาดใหญ่และหน้าต่างใหญ่เปิดรับลม
    • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มามาตรฐานครบครัน เพียงพอ และบวกกับ Facilities พิเศษตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ดี

    • LUXURY CLASS
    • 7.73 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Chapter ทองหล่อ 25 เหมาะกับคนที่ต้องการอยู่ทำเลทองหล่อ แต่อยากได้คอนโด Low Rise บรรยากาศสงบในซอย เน้นขับรถ ชอบสไตล์ Minimal Luxury อยู่แล้ว ชอบห้องที่ได้รับลมอย่างเต็มที่ มีพื้นที่แต่งตัวใหญ่ เป็นสัดส่วน ในราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท หรือมีกำลังในการผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 34,300 บาท