รีวิวโครงการ

Atmoz Oasis Onnut (แอทโมส โอเอซิส อ่อนนุช) คอนโดพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่วนกลางเยอะที่สุดในย่านกว่า 45 ฟังก์ชัน จาก Assetwise [รีวิวฉบับที่ 2650]

2 ธันวาคม 2023

อ่านรีวิวล่าสุด

…วันนี้เราพามารีวิวโครงการที่ไม่ว่าใครผ่านไป-ผ่านมา บนถนนอ่อนนุชก็จะต้องเห็นอย่าง Atmoz Oasis Onnut เพราะเค้ามีสำนักงานขายขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ดูโดดเด่นมากๆ โดยทำเลจะเป็นอ่อนนุชตอนกลางที่ไม่วุ่นวาย อีกทั้งยังมีราคาจับต้องได้ง่ายกว่าฝั่งสุขุมวิท และเราก็ยังไม่ค่อยเห็นโครงการใหม่ๆมาเปิดตรงบริเวณนี้มานานแล้วนะครับ ซึ่งโครงการนี้ผมว่ามีประเด็นความน่าสนใจ หรือ Highlights หลายๆอย่างตามนี้เลย

  • เป็นโครงการที่มี Facilities เยอะที่สุดในย่านถึง 45 ฟังก์ชัน กับขนาดพื้นที่รวมมากกว่า 3 ไร่
  • ทำเลติดถนนใหญ่อ่อนนุชฝั่งขาเข้าเมือง ใกล้แยกศรีนุชที่ตัดกับถนนศรีนครินทร์ เดินทางเข้า-ออกเมืองง่าย
  • ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนุช ระยะทางประมาณ 450 – 500 m. และยังมีการเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆที่สะดวกอีกด้วย
  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะ เป็นครัวปิดทั้งหมด มีพื้นที่ในห้องนอนใหญ่ และให้วัสดุมาดีเมื่อเทียบกับราคา (Fully Furnished)

image
ลงทะเบียนนัดหมายเข้าชมโครงการเพื่อรับสิทธิพิเศษ
หากคุณสนใจโครงการนี้ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

ข้อมูลโครงการ

Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช) ณ วันที่ 23 มีนาคม 2565

 ชื่อโครงการ  Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ซอย อ่อนนุช 66 ถนน อ่อนนุช  เขต สวนหลวง
 ที่ดิน  10-1-98 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร
 จำนวนยูนิต  ทั้งหมด 1,110 ยูนิต (แบ่งเป็นห้องพักอาศัย 1,108 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต)
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  36 ยูนิต ที่อาคาร D และ E
 ที่จอดรถ  ประมาณ 38% แบบรวมจอดซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง  Q4 ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  Q4 ปี 2566
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.1 – 24.8 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 26.7 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.8 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.4 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  1.49 ล้านบาท (Promotion)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 75,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  อยู่ในระหว่างดำเนินการ
 เว็บไซต์โครงการ https://atmozcondo.com/condominium/atmoz-oasis-onnut/
 Call Center  02-168-0000

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ติดถนนใหญ่อ่อนนุชฝั่งขาเข้าเมือง และอยู่ใกล้แยกศรีนุชที่เป็นจุดตัดของถนนศรีนครินทร์ เข้า-ออกเมืองง่าย
  • ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนุช ระยะทางประมาณ 450 – 500 m. และยังสามารถเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆได้ง่าย ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถว และเรือโดยสาร
  • เป็นทำเลที่ขยับขยายมาจากฝั่งสุขุมวิท มีความวุ่นวายน้อยกว่า และทำราคาจับต้องได้ง่ายมากขึ้น

พิกัด Google Maps : 13.713688, 100.647101
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Atmoz Oasis Onnut ตั้งอยู่ติดถนนอ่อนนุชฝั่งขาเข้าเมือง ถือเป็นโซนที่เริ่มมีการพัฒนาและขยับขยายมาจากทางฝั่งสุขุมวิทที่ค่อนข้างหนาแน่น และมีราคาคอนโดที่ไปไกลแล้วพอสมควร (ประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม.) ซึ่งการที่ทำเลขยับออกมาอยู่ตรงนี้ ก็เลยทำให้มีราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้น แต่ยังสามารถเข้า-ออกเมืองไปทางสุขุมวิท-ลาดกระบังได้สะดวก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับแยกศรีนุช ที่เป็นจุดตัดกับถนนศรีนครินทร์เพียง 350 m. จัดเป็นถนนเส้นหลักที่สามารถเดินทางเข้าเมืองไปยังพระราม 9 – บางกะปิ หรือจะไปทางบางนา – สมุทรปราการก็ได้ครับ

โดยใกล้ๆโครงการจะมีตลาด ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นถนนศรีนครินทร์ที่อยู่ไม่ไกลล่ะก็จะค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก เต็มไปด้วยห้างใหญ่ๆอย่าง Seacon Square / Paradise Park และตลาดนัดรถไฟ รวมถึงยังมีโรงเรียนนานาชาติ และสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่าง สวนหลวง ร.9 ให้ไปเดินเล่นพักผ่อนกันได้ด้วย หรือถ้าใครที่เน้นใช้ชีวิตไปทางสุขุมวิทก็จะมีซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง BigC และ Lotus ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 5 km.

แต่ความน่าสนใจของทำเลโครงการนี้ยังมีอีกอย่างคือ การเดินทางด้วยรถสาธารณะที่ค่อนข้างสะดวก เพราะบนถนนอ่อนนุชเส้นนี้จะมีรถเมล์ และรถสองแถววิ่งผ่านอยู่ตลอด ส่วนบนถนนศรีนครินทร์ก็จะเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่ และคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานในช่วงปี 2565 นี้แล้ว (ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง) อีกทั้งยังมีท่าเรือตรงคลองพระโขนงให้ได้ใช้งานอีกด้วยครับ

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง :

โครงการตั้งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนุช ระยะทางประมาณ 450 – 500 m. ซึ่งถ้าใครที่ขยันเดินหน่อยก็พอจะสามารถเดินไปถึงได้นะครับ หรืออาจใช้ตัวช่วยอย่างพี่วินมอเตอร์ไซค์ ที่อยู่ตรงซอยข้างๆก็ได้ โดยจะมีราคาประมาณ 20 บาท

ท่าเรือ :

การเดินทางด้วยเรือจะมีท่าเรือตลาดเอี่ยมสมบัติอยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งจะอยู่ตรงแถวๆใต้สะพานข้ามคลองพระโขนงพอดี โดยปัจจุบันตรงแยกศรีนุชจะมีการปิดทางเพื่อก่อสร้างอยู่ ก็เลยจะต้องมากลับรถก่อนรอบนึง ซึ่งมีระยะทางประมาณ 2.1 km. แต่ถ้าอนาคตเค้าเปิดแยกให้ใช้ได้ตามปกติ เราก็จะสามารถเลี้ยวซ้ายไปได้เลย และจะมีระยะทางเหลือเพียง 700 m. เท่านั้นครับ

ทางด่วน :

Image 1/2
สำหรับจุดขึ้นทางด่วนใกล้ที่สุดจะอยู่ตรงถนนมอเตอร์เวย์-พระราม 9 โดยเราสามารถเลือกที่จะเลี้ยวไปได้ทั้ง 2 ทางเลยค่ะ ซึ่งหากเราจะเข้าเมืองไปทางพิเศษศรีรัชก็จะมีระยะทางประมาณ 6.9 km.

สำหรับจุดขึ้นทางด่วนใกล้ที่สุดจะอยู่ตรงถนนมอเตอร์เวย์-พระราม 9 โดยเราสามารถเลือกที่จะเลี้ยวไปได้ทั้ง 2 ทางเลยค่ะ ซึ่งหากเราจะเข้าเมืองไปทางพิเศษศรีรัชก็จะมีระยะทางประมาณ 6.9 km.

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

โครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อ่อนนุช และอยู่ระหว่างซอยอ่อนนุช 66 กับซอยอ่อนนุช 66/1  โดยรอบจึงเป็นชุมชนแนวราบเป็นส่วนใหญ่ และมีอาคาร 8 ชั้นอยู่บ้าง สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ถนนอ่อนนุช
  • ทิศใต้ : ติดกับ ชุมชนแนวราบ
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ซอยอ่อนนุช 66/1 และมีอาคารสูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ซอยอ่อนนุช 66 และชุมชนแนวราบ

เรามาเดินดูทำเลรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ เริ่มจากบริเวณด้านหน้าจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานขายในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ติดกับถนนอ่อนนุชแบบนี้เลย

ด้านขวาของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปศรีนครินทร์-สุขุมวิท ซึ่งเดี๋ยวจะลองพาเดินไปทางนี้จนถึงรถไฟฟ้าเลยครับ

ตรงบริเวณปากซอยอ่อนนุช 66 ที่อยู่ข้างๆโครงการ จะมีทั้งเซเว่น / ตู้ ATM / ร้านข้าวแกง และวินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่ ซึ่งจากการสอบถามพี่ๆแล้วถ้านั่งไปรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีนุช จะมีค่าโดยสาร 20 บาท

หรือถ้าใครที่ขยันเดินหน่อย ก็สามารถเดินมาตามทางเท้าริมถนนใหญ่เรื่อยๆได้นะครับ และเมื่อถึงแยกศรีนุชก็ให้เลี้ยวซ้ายมา จะมองเห็นตัวสถานีตั้งอยู่ตรงหน้าแบบนี้เลย ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปีนี้หรือไม่ก็ปีหน้านะครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • ตลาดเอี่ยมสมบัติ ~ 550 m.
  • Seacon Square ~ 2.3 km.
  • Paradise Park ~ 3.6 km.
  • Tanya Park ~ 2.5 km.
  • BigC Extra ~ 5.2 km.
  • Habito Mall ~ 5.4 km.
  • Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 5.8 km.
  • ตลาดอ่อนนุช ~ 5.9 km.
  • ตลาดลาดบุญ ~ 8.6 km.
  • Pasio ลาดกระบัง ~ 9.5 km.
  • Robinson ลาดกระบัง ~ 10.2 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.อ่อนนุช 39 ~ 950 m.
  • รพ.วิภาราม ~ 3.9 km.

โรงเรียน

  • วิทยาลัยดุสิตธานี ~ 2.1 km.
  • Beaconhouse Yamsaard International School ~ 3.2 km.
  • รร.เตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ ~ 4.7 km.
  • Wells Int’s School ~ 5.8 km.
  • มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ~ 6.1 km.
  • Bangkok Christian International School ~ 6.7 km.
  • Charter International School ~ 7.5 km.
  • Bangkok Prep (Secondary Campus) ~ 9.4 km.

สถานที่ราชการ

  • ไปรษณีย์อ่อนนุช ~ 160 m.
  • สำนักงานประกันสังคม ~ 5.1 km.
  • สำนักงานเขตพระโขนง ~ 5.9 km.
  • สำนักงานขนส่ง ~ 5.9 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • มีส่วนกลางเยอะสุดในย่านมากถึง 45 ฟังก์ชัน และมีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 3 ไร่
  • แต่ละอาคารจะมีคอนเซ็ปต์ฟังก์ชันที่ต่างกันออกไปคือ LIVE / ACTIVE / WORK / PLAY และ EAT ซึ่งก็เหมาะกับคนที่มี Lifestyle หรือความชอบที่แตกต่างกัน
  • วางผังโครงการให้ทุกอาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ห้องที่หันเข้ามาด้านในจะได้รับวิวสวยๆของสวนและสระว่ายน้ำได้
  • ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ส่วนกลาง โดยการทำผนังทึบบังสายตาออกจากที่จอดรถรอบๆ พร้อมกับปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่น สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ Private Oasis

โครงการ Atmoz Oasis Onnut เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 5 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 10-1-98 ไร่ และมีเพื่อนบ้าน 1,110 ยูนิต โดยแบ่งเป็นห้องพักอาศัย 1,108 ยูนิต และร้านค้าอีก 2 ยูนิต

โดยจะมีทางเข้าอยู่ติดกับถนนอ่อนนุช และมีอาคารสูง 2 ชั้นที่เรียกว่า The Club ตั้งอยู่ด้านหน้า ทำหน้าที่เป็นทั้งส่วนต้อนรับและส่วนกลางให้ได้ใช้งาน รวมถึงยังมีส่วนช่วยกันความวุ่นวายจากถนนใหญ่ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ภายในโครงการได้อีกด้วยครับ

สำหรับ The Club ปัจจุบันก็คือ สำนักงานขายที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการนั่นเอง ซึ่งจะเป็นหนึ่งในอาคาร Facilities หลักของจริงต่อไปในอนาคตด้วยครับ ลักษณะจะเป็นอาคารสีขาวลายหินอ่อนที่ดูทันสมัยและสวยงามดีทีเดียว

โดยโมเดลและห้องตัวอย่างก็จะอยู่บนชั้น 2 นะครับ ใครที่มาเยี่ยมชมโครงการก็สามารถขึ้นมาทางบันไดหรือลิฟต์ได้เลย

แต่เมื่อมีการย้ายสำนักงานขายหรือห้องตัวอย่างเข้าไปด้านในโครงการแล้ว อนาคตก็จะมีการปรับปรุงอาคาร The Club แห่งนี้ ให้กลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ประกอบด้วย Living Area / Meeting Room / Courtyard / Cafe และ Terrace ซึ่งเหมาะที่จะใช้เป็นส่วนรับรองแขก พบปะเพื่อนๆ หรือนั่งทำงานจิบกาแฟชิลๆ เป็นต้น

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณด้านใน Cafe ที่จะมีจุดให้นั่งกระจายตัวอยู่ทั่วเลยครับ

Master Plan บริเวณชั้น 1 บริเวณรอบนอกและใต้อาคารจะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดประมาณ 38% แบบรวมจอดซ้อนคัน ส่วนบริเวณกลางโครงการจะเป็น Main Facilities ที่ถูกอาคารพักอาศัยทั้ง 5 โอบล้อมเอาไว้ เลยทำให้ห้องพักที่หันเข้ามาด้านในจะได้เห็นวิวสระว่ายน้ำ และสวนสวยๆไปด้วยนั่นเองครับ

โดยพื้นที่สีเขียวทั้งหมดจะมีอยู่ประมาณ 3 ไร่ เปรียบเสมือน Private Oasis ของย่านอ่อนนุช-พัฒนาการ ซึ่งแค่ส่วนกลางแบบ Outdoor ก็มีให้ใช้งานมากถึง 24 ฟังก์ชันแล้วครับ รวมถึงแต่ละอาคารก็จะมีคอนเซ็ปต์ส่วนกลางที่แตกต่างกันออกไป ประกอบด้วย LIVE / ACTIVE / WORK / PLAY และ EAT รวมแล้วก็มีส่วนกลางทั้งหมด 45 ฟังก์ชันเลยทีเดียว

จากโมเดลทางเข้าจะมีป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่ และใช้การเข้า-ออกด้วยระบบอัตโนมัติ หรือสัญญาณ Bluetooth เหมือน Easy Pass บนทางด่วน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องคอยลดกระจกลงมาเพื่อแตะบัตร แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนตามปกตินะครับ

เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามาแล้วก็จะเจอกับทางแยก ซึ่งทั้งหมดจะเป็นเลนที่สามารถขับรถสวนทางกันได้ ดังนั้นจึงสามารถเลี้ยวไปตามทางของอาคารที่เราต้องการได้เลยครับ หรือถ้านั่งแท็กซี่มาก็สามารถวนรถส่งตรง Drop-Off ใต้อาคาร A แล้วเดินผ่าน Lobby และสวนส่วนกลางต่างๆ เพื่อไปยังอาคารของตัวเองได้เลย (เป็นดีไซน์ที่ต้องการให้ลูกบ้านได้สัมผัสกับบรรยากาศส่วนกลางสวยๆ ก่อนจะเดินขึ้นห้องพักของตัวเองครับ)

ส่วนที่จอดรถก็จะมีทั้งแบบที่อยู่ใต้อาคาร และแบบที่จอดกลางแจ้ง รวมถึงยังมีการปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่นไว้โดยรอบโครงการอีกด้วย แต่จุดที่น่าสนใจจริงๆก็คือ บริเวณใต้อาคารเค้าจะนำแผ่นผนังทึบมากั้นไว้ เพื่อบังสายตาไม่ให้มองเข้าไปเห็นด้านในได้ จึงทำให้คนที่มาใช้งานส่วนกลางจะไม่เสียความเป็นส่วนตัว แต่ก็ไม่ลืมที่จะเว้นช่องว่างระหว่างแผ่นผนัง เพื่อให้ลมยังสามารถพัดผ่านได้สะดวกอยู่นั่นเองครับ

เรามาดูส่วนกลางด้านในกันบ้างครับ เริ่มจากตึก A ที่อยู่ด้านหน้าสุด เมื่อเราเดินผ่าน Lobby เข้ามาก็จะเจอกับ Oasis Courtyard และ Water feature ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามเป็นส่วนต้อนรับ ถัดเข้ามาก็จะมี Tea Garden Lounge เป็นเหมือนซุ้มที่นั่งแบบกลางแจ้งที่ยกระดับความสูงขึ้นมา สามารถมานั่งเล่นชมวิวสวนและสระว่ายน้ำสวยๆกันได้ครับ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณมุมน้ำตกของสวนที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับและให้บรรยากาศที่ร่มรื่นผ่อนคลายมากๆเลยครับ

และมาถึงจุดที่เป็น Highlight หลักนั่นก็คือ Oasis Olympic Pool ที่มีความยาว 50 m. สามารถว่ายออกกำลังกายกันแบบจริงๆจังๆได้เลย และรอบๆสระก็จะมีการปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่นเอาไว้เต็มไปหมด ซึ่งตามสไตล์ของ AssetWise ก็มักจะทำเป็นแบบบรรยากาศรีสอร์ทนั่นเองครับ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำหลักของโครงการ ที่รอบๆจะมีการปลูกต้นไม้ดูร่มรื่นน่าใช้งานดีครับ

นอกจากนี้ทางขวามือจะมี Jacuzzi Pool ที่ยกระดับความสูงขึ้นมา พร้อมกับมีพื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้ริมสระได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่ามาใช้งานร่วมกับเพื่อนๆมากๆครับ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Jacuzzi Pool ที่มีการยกระดับความสูงขึ้นไป จะเห็นว่ามีการทำเป็นระบบน้ำล้นให้ไหลลงมา เหมือนเป็นน้ำตกเล็กๆสวยดีทีเดียวครับ

สุดท้ายคือสวนที่อยู่บริเวณด้านในสุดของโครงการ จะเป็นส่วนที่เรียกว่า Playpark ซึ่งจะมีการแบ่งโซนที่นั่งแยกกันเป็นซุ้มต่างๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวและเข้ากับยุค New Nomal ได้เป็นอย่างดี เหมาะที่จะมานั่งเล่นพักผ่อนและพบปะกับเพื่อนๆได้ครับ

ภาพบรรยากาศจำลองจากมุมสูงบริเวณสวนด้านหลังโครงการ ซึ่งถ้าของจริงมีการปลูกต้นไม้เยอะๆแบบนี้ ก็จะมีความร่มรื่นน่าใช้งานมากเลยทีเดียวครับ

Buliding A : LIVE

อาคารนี้จะเน้นเป็นพื้นที่ส่วนต้อนรับและรับรองแขก รวมถึงยังสามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้อีกด้วยครับ ซึ่งจุดเด่นของฟังก์ชันอาคารนี้คือ Lobby ที่มีความสูงของฝ้าเพดานแบบ Double Volume ขึ้นไปจนถึงชั้น 2 เลยทีเดียว และยังมีการตกแต่งที่สวยงามเป็นพิเศษ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับลูกบ้านของโครงการนี้อีกด้วยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Lobby ที่เป็นฝ้าเพดานสูง และตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้เป็นธรรมชาติ รวมถึงยังมีผนังกระจกขนาดใหญ่ ให้เราได้ชมพื้นที่สีเขียวภายนอกได้ด้วยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Sunken Library ซึ่งจะเป็นพื้นที่ลดระดับที่รายล้อมไปด้วยชุดโซฟา เหมาะที่จะมานั่งทำงานอ่านหนังสือ และยังสามารถชมวิวสวนด้านนอกจากช่องแสงขนาดใหญ่ได้อีกด้วย

Building B : ACTIVE

ตามชื่อคอนเซ็ปต์เลยก็คือ จะเน้นฟังก์ชันที่มีการทำกิจกรรมหนักๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่างกายและสุขภาพต่างๆ จึงเน้นไปที่ฟังก์ชัน Fitness (GYM) ขนาดใหญ่ รวมถึงยังมี Health Station ซึ่งเป็นจุดตรวจสุขภาพและร่างกาย ที่ร่วมกับโรงพยาบาลที่กำหนดตามแบบฉบับของ AssetWise อีกด้วย

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Fitness จะมีเครื่องออกกำลังกายเยอะเลยครับ และทั้งหมดก็จะหันหน้าออกไปรับวิวส่วนกลางด้านนอกได้ สามารถออกกำลังกายไปและชมวิวไปได้ด้วยเพลินๆ

Building C : WORK

สำหรับคนที่เน้นพื้นที่ทำงานในคอนโด ก็จะเหมาะกับอาคารนี้มากๆครับ เพราะเค้าจะมีฟังก์ชันให้เลือกนั่งทำงานหลายแบบเลย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งคุยงานชิลๆใน Business Center หรือจะนั่งทำงานแบบมีโต๊ะใน Co-Working Space และยังมีห้องส่วนตัวให้ประชุมจริงจังกันได้อีกด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งจะมีฟังก์ชันออกกำลังกายที่ต่อเนื่องมาจากโซนก่อนหน้านี้อย่าง Bike Simulator และ Yoga Studio ให้ได้ใช้งานด้วยนะครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Working Space ซึ่งจะมีโต๊ะและโซฟาให้เลือกนั่งหลายจุด

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Business Center ที่มีมุมให้เลือกนั่งทำงานได้หลายจุด ในบรรยากาศชิลๆที่ทำให้ผ่อนคลายที่มากขึ้นครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Yoga Studio จะเป็นห้องโล่งๆที่สามารถมาเปิดคลาสออกกำลังกายร่วมกันแบบส่วนตัวได้ครับ

Building D : PLAY

สายบันเทิงและปาร์ตี้ผมแนะนำอาคารนี้เลยครับ เหมาะจะมีฟังก์ชันเด็ดๆให้เราได้ใช้งานอย่าง Play Room และ Karaoke Lounge รวมถึงยังมีโซนออกกำลังกายหนักๆอย่าง Extreme Excersice Studio ที่สายเล่นกล้ามขาลุยพลาดเลยทีเดียว ส่วนห้อง Game Room ก็จะสามารถมาเล่นเกมส์ร่วมกับเพื่อนๆได้ครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Game Room จะมีจอทีวีขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ซึ่งเราสามารถมาเล่นเกมส์ร่วมกับเพื่อนๆผ่านจอทีวี และเครื่องเล่นเกมส์ต่างๆที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ได้ครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Play Room หลักๆจะมีโต๊ะพูลให้เราได้เล่นกัน รวมถึงยังอาจมีเครื่องเล่นอื่นๆมาตั้งเพิ่มในอนาคตด้วยครับ

Building E : EAT

มาถึงกิจกรรมที่หลายๆคนน่าจะชอบนั่นก็คือ “การกิน” ซึ่งเป็นโซนที่เราสามารถมาจัดปาร์ตี้และทำอาหารทานร่วมกับเพื่อนๆที่ Co-Kitchen Space และ Co-Dining Space ตรงนี้ได้ หรือจะมาเปิดคลาสสอนทำอาหาร/ไลฟ์โชว์กันที่ Fine Dining Space ก็ได้อีกด้วย (โซนเหล่านี้อาจต้องมีการจองล่วงหน้า และอาจมีค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับห้องคาราโอเกะหรือห้องประชุม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของนิติในอนาคต)

ภาพบรรยากาศจำลอง Co-Kitchen & Co-Dining Space ซึ่งจะมีพื้นที่ให้เราได้เลือกนั่งทานอาหารกันได้ 2 จุดหลักๆคือ แบบโต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ทรงสูง และแบบโต๊ะเก้าอี้ธรรมดาที่หันหน้าออกไปรับวิวสวนด้านนอก

สำหรับห้องพักอาศัยของแต่ละอาคารจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 – 8 ซึ่งจะมีแค่เฉพาะอาคาร A ด้านหน้าสุดเท่านั้นที่ห้องพักแบบเต็ม Floor จะเริ่มที่ชั้น 3 เพราะชั้น 2 จะมีห้องพักส่วนหนึ่งหายไป เนื่องจากเป็นฝ้าเพดานสูงของ Lobby ชั้นล่างครับ

โดยแต่ละอาคารก็จะมีจำนวนยูนิตพักอาศัย และความหนาแน่นที่แตกต่างกันออกไป สังเกตได้จากอัตราส่วนลิฟต์ที่ยิ่งน้อยก็จะยิ่งเป็นส่วนตัวมากกว่า หรือไม่ต้องเสียเวลารอลิฟต์นานๆดังนี้

  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 99 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 80 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 122 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 126 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 126 : 1

ตำแหน่งห้องพักอาศัยที่น่าสนใจ แน่นอนว่าหลายๆคนก็คงกำลังเล็งๆห้องที่หันหน้ารับวิวส่วนกลางด้านในกันอยู่ใช่มั้ยครับ ซึ่งผมก็ได้ลองสอบถามทางโครงการมาให้แล้วพบว่า ถ้าเทียบในชั้นเดียวกันห้องที่หันเข้ามาด้านใน จะมีราคาสูงกว่าห้องที่หันไปด้านนอกประมาณ 50,000 – 100,000 บาท

และส่วนมากก็จะเป็นห้องไซส์ใหญ่ด้วยครับ โดยปัจจุบันทางโครงการจะเปิดขายเฉพาะตึก B และ E ก่อน ส่วนตึกอื่นๆก็อาจต้องรอช่วง Pre-Sale ในอนาคตอีกที แต่ถ้าเรามาวิเคราะห์ผังห้องกันดีๆแล้ว ก็จะพบตำแหน่งที่น่าสนใจจริงๆ 4 จุดด้วยกันตามนี้เลยครับ

  1. ห้องสีเหลืองคือ 1 Bedroom Extra เป็นห้องไซส์ใหญ่สุด และจะเห็นว่าห้องส่วนใหญ่ที่หันหน้ารับวิวส่วนกลางด้านในส่วนมากก็จะเป็นห้อง Type นี้เกือบทั้งหมดด้วยครับ แต่สำหรับห้องในกรอบสีแดงผมมองว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด เพราะสามารถมองเห็นวิวส่วนกลางเป็นตอนลึกได้ทั้งหมดนั่นเอง
  2. ห้องสีส้มคือ 1 Bedroom Exclusive ห้องไซส์กลางที่มีเพียงห้องในอาคาร D และ E เท่านั้น ที่จะหันเข้ามารับวิวส่วนกลางด้านใน ซึ่งหากใครกำลังสนใจห้อง Type นี้อยู่ ผมมองว่าห้องตำแหน่งในกรอบสีเขียวอาคาร D จะเป็นจุดที่ดีที่สุด เพราะอยู่ติดกับพื้นที่สีเขียว ได้ทั้งความร่มรื่นและเงียบสงบ รวมถึงยังอาจมีราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า 1 Bedroom Extra ที่ไซส์ใหญ่กว่าอีกด้วย
  3. ห้องสีเทาคือ 1 Bedroom Plus ที่ทั้งโครงการจะมีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันห้องนี้ได้ขายหมดแล้วนะครับ เพราะถือว่าเป็นห้องแรร์ของโครงการที่มีน้อยมากๆ
  4. ห้องสีฟ้าคือ 1 Bedroom ไซส์เล็กสุด ซึ่งจะมีอยู่เฉพาะอาคาร E เท่านั้น และหันออกไปรับวิวนอกโครงการ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนหรือคนที่มีงบประมาณจำกัด เพราะถือเป็นห้องไซส์เล็ก และราคาเริ่มต้นจับต้องง่ายที่สุดของโครงการเลยก็ว่าได้

อันนี้เป็นภาพจากโมเดลที่ผมลองถ่ายมาให้ดูว่า ถ้าเป็นห้อง 1 Bedroom Extra ในจุดที่ผมคิดว่าน่าสนใจ ก็จะสามารถมองเห็นวิวพื้นที่ส่วนกลางด้านในได้ทั้งหมดแบบนี้เลย

ส่วนแปลนอาคารอื่นๆ ถ้าใครอยากดูแบบละเอียดก็สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ

Building A

Image 1/8

Building B

Image 1/8

Building C

Image 1/8

Building D

Image 1/8

Building E

Image 1/8

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Outdoor Facilities

  • Oasis Courtyard
  • Reading Forest
  • Bar Station
  • Party Terrace
  • Trampoline Forest
  • Floating Terrace
  • Tea Garden Lounge
  • Pool Lawn Terrace
  • Lawn Dining Terrace
  • Oasis Olympic Pool – 50 M.
  • Edible Garden
  • Outdoor BBQ Area
  • Yoga Terrace
  • Kids Pool
  • Upper Level Jacuzzi Pool with Pool Bar – 1.2 M. Level
  • Jacuzzi Pool Bed & Seat
  • Sunken Pool Bar Area
  • Upper Level Deck for Pool Party
  • Net Relax Lounge
  • Private-Amphitheater
  • Multi-Purposed Lawn
  • Sunken Lounge
  • Playpark
  • Hidden Lawn

Indoor Facilities

The Club

  • Meeting
  • Courtyard
  • Living Area
  • CAFÉ
  • Terrace

Building A : LIVE

  • Lobby A & Reception
  • Sunken Library

Building B : ACTIVE

  • Fitness – GYM
  • Health Station

Building C : WORK

  • Bike Simulator
  • Yoga Studio
  • Co-Working Space
  • Meeting Room
  • Business Center

Building D : PLAY

  • Play Room
  • Game Room
  • Karaoke Lounge
  • Extreme Excersice Studio

Building E : EAT

  • Co-Kitchen Space
  • Fine Dining Space
  • Co-Dining Space

 

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 110 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 99 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 80 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 122 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 126 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 126 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 38% แบบรวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access
  • เข้า-ออกโครงการด้วยระบบอัตโนมัติ (Easy Pass)

 

แบบห้อง

Highlights :

  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ซึ่งเหมาะกับคนที่มี Lifestyle หรือความต้องการที่แตกต่างกันออกไป
  • ทุกห้องจะได้ครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจัง โดยจะมีทั้งแบบที่อยู่ด้านหน้าห้อง และแบบที่อยู่ติดกับระเบียง
  • เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นห้องนอนเดี่ยวๆ เน้นความเป็นส่วนตัวไปเลย หรือจะเป็นห้องนอนกว้างๆกึ่งสตูดิโอ ที่มาพร้อมกับพื้นที่นั่งเล่นและ Walk in Closet ในตัวด้วย
  • วัสดุดีเมื่อเทียบกับราคา ขายแบบ Fully Furnished ได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาก / Top เคาน์เตอร์หินสังเคราะห์ / พื้นกระเบื้องยางไวนิล / Bluetooth Sound System

แบบห้องของโครงการนี้จะมีอยู่ 4 Type หลักๆด้วยกันครับ ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.1 – 24.8 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 26.7 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.8 ตร.ม.

ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ โดยห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายจะมีให้ดูทั้งหมด 4 แบบ ขาดแค่เพียง 1 Bedroom Plus ซึ่งมีเพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น และตอนนี้ส่วนของเฟสแรกที่ตึก E ก็ขายไปหมดแล้วด้วย ถ้าใครสนใจก็อาจต้องรอตอนเปิดขายของตึก D ในอนาคตอีกทีนะครับ

เป็นห้อง 1 Bedroom ไซส์ใหญ่ที่สุดของโครงการ ที่มีการจัดแบ่งฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนมาก โดยพื้นที่ส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่น มีขนาดใช้งานพอดีๆ และจะได้แสงสว่างมาจากประตูกระจกของห้องครัว ซึ่งจุดเด่นจะอยู่ตรงห้องครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียงเนี่ยแหละครับ เพราะเราสามารถเปิดประตูระบายอากาศ เพื่อทำอาหารจริงจังได้สบายๆเลย

รวมถึงเรายังได้ห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบ เลยทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง และมีห้องน้ำให้ใช้งานได้จากด้านใน ซึ่งค่อนข้างสะดวกสำหรับเจ้าของห้องเวลากลางคืนดีทีเดียว แต่ถ้ามีแขกมาขอเข้าใช้บางครั้งก็อาจเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง เพราะต้องเดินเข้าห้องนอนก่อนนั่นเองครับ

เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Common Area ที่จะได้แสงสว่างมาจากประตูกระจกของห้องครัว ส่วนห้องนอนของจริงจะเป็นประตูบานทึบ ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวและมองไม่เห็นภายในได้นั่นเองครับ

โดยฝ้าเพดานจะมีความสูงปกติอยู่ที่ 2.4 m. และปูพื้นด้วยกระเบื้องยางไวนิลลายไม้สวยงาม สามารถทนน้ำและความชื้นได้ดีเลยทีเดียว (อ่านบทความเรื่องพื้นไวนิล >>> Living Idea : พื้นไม้ลามิเนต กับ พื้นกระเบื้องยางไวนิล อะไรดีกว่ากัน?)

ประตูเข้าห้องจะเป็นไม้บานทึบลายธรรมชาติ พร้อมกับติด Digital Door Lock และมี Stopper ด้านหลังเพื่อกันกระแทกมาให้ด้วย

พื้นที่ส่วนแรกจะเป็นชุดโซฟานั่งเล่น ซึ่งเราจะได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง กับชั้นวางทีวีมาให้พร้อมใช้งาน แต่หน้าตาเฟอร์นิเจอร์ของจริงที่ได้จะไม่เหมือนกับห้องตัวอย่างนะครับ (สามารถขอดูรายการเฟอร์นิเจอร์กับทางโครงการเพิ่มเติมอีกครั้งได้) ส่วนระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 1.7 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้

และตรงผนังข้างๆโซฟา จะมี Bluetooth Sound System ติดตั้งมาให้ด้วยครับ โดยจะมีการดีไซน์ให้ตัวกล่องมีขนาดกระทัดรัดมากขึ้น และเสียงเพลงก็จะดังออกจากลำโพงที่ฝังอยู่บนฝ้าเพดาน ซึ่งจะมีอยู่ 2 จุดด้วยกันคือ Common Area และห้องนอน

ส่วนด้านหลังประตูจะเป็นตู้เก็บรองเท้าที่สูงจากพื้นถึงฝ้า ซึ่งเราจะได้ Built-in เป็นหน้าบานทึบแบบนี้เลยครับ สามารถเก็บรองเท้าได้ 5 – 6 คู่ หรือจะใช้เก็บของอย่างอื่นด้วยก็ได้

และข้างๆโซฟาเราก็จะได้ชุดโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งจะมีพื้นที่เหลือให้วางเข้ามุมได้แบบพอดีๆ สามารถใช้เป็นโต๊ะทานข้าวไปดูทีวีไปด้วย หรือจะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ และโต๊ะวางของข้างโซฟาก็ได้

ติดกันจะเป็นห้องครัวที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เพื่อที่จะสามารถเปิดออกได้กว้าง และเดินผ่านได้สะดวกขึ้น รวมถึงยังทำหน้าที่เป็นช่องแสงให้กับ Common Area หน้าห้องอีกด้วย

ภายในห้องครัวเราจะได้ชุดเคาน์เตอร์ Built-in มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยครับ อีกทั้งยังอยู่ติดระเบียงแบบนี้ จึงสามารถเปิดระบายอากาศ และทำครัวแบบจริงจังได้เลย ซึ่งเป็นแบบห้องที่เหมาะกับคนชอบทำอาหารทานเองมากๆ

พื้นครัวจะยังคงใช้วัสดุเป็นกระเบื้องยางไวนิล ที่สามารถทนน้ำและความชื้นได้ระดับหนึ่ง โดยมีความกว้างอยู่ที่ 85 cm. สามารถใช้งานได้สบายๆ และมีพื้นที่วางตู้เย็นกว้างประมาณ 80 cm. อยู่ด้านข้างด้วยครับ

ตู้เก็บของมีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง สามารถเก็บได้เยอะและเพียงพอต่อการอยู่อาศัย 1 – 2 คน โดย Top เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินสังเคราะห์สีขาว สามารถทนน้ำและความร้อนได้ดี ไม่เป็นคราบง่ายๆ รวมถึงยังได้ Hob & Hood แบบดูดหมุนเวียนภายใน และกรุกระเบื้องที่ผนังเพื่อให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายมาให้แบบนี้เลยครับ

จุดที่ชอบมากๆก็คือ ใต้เตาไฟฟ้าจะมีลิ้นชักเล็กๆให้เลื่อนออกมาได้แบบนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ประกอบอาหาร และแก้ปัญหาเรื่องเคาน์เตอร์ครัวมีขนาดเล็กได้ดีทีเดียวครับ แต่ระวังอย่าวางของที่มีน้ำหนักมากเกินไปนะ

ส่วนประตูระเบียงก็จะเป็นแบบเลื่อน 3 ตอน เปิดออกได้กว้างและสามารถขนผ้าออกไปซัก/ตากได้สะดวก ซึ่งภายนอกจะมีความกว้างประมาณ 1.35 x 1 m. พอจะวางเครื่องซักผ้าได้แบบพอดีๆ มีท่องานระบบและปลั๊กไฟให้พร้อมใช้งาน

ส่วนด้านบนจะแขวน Condensing Unit เป่าลมร้อนมาด้านข้าง ซึ่งถ้าเราทำที่แขวนผ้าเอาไว้ตรงนี้ก็น่าจะแห้งไวแน่นอนครับ

ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียวครับ ซึ่งตรงกลางเราก็จะได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมกับมีช่องเก็บของด้านล่าง 2 ช่องแบบนี้เลย

ด้านขวาของเตียงจะเป็นช่องแสงขนาดใหญ่มาก สูงเกือบเต็มผนังเลยครับ ซึ่งห้องนี้จะเป็นแบบที่หันหน้ารับวิวส่วนกลางด้านในโครงการ ก็จะทำให้เราสามารถชมวิวสวยๆทั้งสวนและสระว่ายน้ำได้อย่างเต็มที่มากขึ้น อีกทั้งยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศ และผนังทึบปลายเตียงก็สามารถติดทีวีแขวนผนังเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำครับ

โดยเราจะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in ขนาดใหญ่มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลย ซึ่งหน้าบานด้านหนึ่งจะเป็นกระจกใส และอีกด้านหนึ่งจะเป็นบานทึบ แน่นอนว่าเราอาจต้องทำโต๊ะแต่งหน้าที่มีกระจกเงาไว้ส่องแต่งตัวเพิ่มด้วย

ซึ่งทางโครงการก็ได้เผื่อพื้นที่ช่องว่างตรงผนังฝั่งตรงข้าม ขนาดประมาณ 80 x 30 cm. เอาไว้ให้แล้ว (ห้องตัวอย่างแต่งมาให้ดูเป็นไอเดียเท่านั้น) ส่วนพื้นที่แต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าจะกว้างประมาณ 90 cm. สามารถใช้งานได้สบายๆเลย

สุดท้ายคือห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน สามารถใช้งานได้สะดวกมากสำหรับเจ้าของห้อง เพราะพอเราอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย ซึ่งภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน โดยมีพื้นที่ส่วนแห้งขนาดประมาณ 2 x 0.95 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ ได้สุขภัณฑ์ของ Cotto ประกอบด้วยอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง และอีกด้านจะเป็นโถสุขภัณฑ์ครับ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมีการกั้นด้วยฉากกั้นกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน มีน้ำหนักค่อนข้างเบาและใช้งานได้สะดวก พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้างประมาณ 1.55 x 0.85 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ

มาพร้อมกับ Hand Shower ที่ปรับระดับความสูงได้ และเจาะช่องวางของในผนังที่เราสามารถเพิ่มชั้นวางได้เอง รวมถึงของจริงจะมี Junction box สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ด้วยนะครับ

สำหรับห้อง 1 Bedroom แบบนี้จะนำฟังก์ชันครัวมาไว้ด้านหน้าห้อง ซึ่งเรายังคงได้ครัวปิดที่ทำอาหารได้อยู่นะครับ รวมถึงยังมีส่วนช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่พักผ่อนด้านในด้วย เพราะประตูกระจกบานเลื่อนจะคอยกันเสียงรบกวนต่างๆ ของหน้าห้องไว้ให้อีกชั้นหนึ่งนั่นเอง

ส่วนจุดเด่นจริงๆของห้องนี้จะอยู่ที่ Walk in Closet ในห้องนอน ที่มีการกั้นผนังแยกเป็นสัดส่วน และยังเชื่อมต่อกับห้องน้ำที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง เลยทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น อีกจุดที่ผมชอบมากๆก็คือ เค้าจะนำ Living Area เข้ามาไว้ในห้องนอน ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่และน่าใช้งานมากขึ้น โดยลักษณะจะคล้ายๆห้องสตูดิโอนั่นเองครับ

เข้ามาภายในห้องเราก็จะเจอกับส่วนครัวเป็นอันดับแรก ซึ่งจะได้แสงสว่างจากหน้าต่างในห้องนอน โดยผ่านประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นฟังก์ชันแยกเป็นสัดส่วนอีกทีครับ

ซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่เราจะได้ Built-in มาเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ส่วนข้างๆกันจะเป็นพื้นที่วางตู้เย็น ซึ่งมีขนาดกว้างประมาณ 90 cm.

ฝั่งตรงข้ามหรือทางด้านขวาของห้อง จะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหาร 2 ที่นั่ง ซึ่งจะเป็นโต๊ะเหมือนเคาน์เตอร์บาร์ทรงสูงที่หันหน้าเข้าผนัง แต่หน้าตาของจริงอาจไม่ได้เป็นเหมือนห้องตัวอย่างนี้นะครับ

หรือถ้าใครที่ไม่เน้นการทานอาหารในห้องอยู่แล้ว ก็อาจปรับพื้นที่ตรงนี้เป็นชั้นวางของ และตู้เก็บรองเท้าแทนก็ได้นะ เพราะผมก็เห็นว่าเป็นฟังก์ชันที่ยังคงขาดไปสำหรับห้องนี้อยู่นั่นเอง

ส่วนประตูกระจกบานเลื่อนจะเป็นแบบ 3 ตอนขนาดใหญ่ ซึ่งนอกจากจะคอยกันกลิ่นและควันจากการประกอบอาหารแล้ว ยังช่วยกันเสียงรบกวนจากภายนอกห้องได้อีกชั้นหนึ่งด้วย แต่ก็ยังคงได้ความโปร่งโล่งและมีแสงสว่างส่องผ่านได้อยู่นั่นเองครับ

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ใหญ่สุดของห้อง ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอน ซึ่งให้อารมณ์คล้ายห้องสตูดิโอเลยครับ เหมาะกับคนที่อาจไม่ได้รับแขกบ่อยนัก เพราะจะเสียความเป็นส่วนตัวได้ง่ายนั่นเอง

และเนื่องจากห้องนี้เรามีระยะดูทีวีที่กว้างขึ้นอยู่ที่ประมาณ 2 m. ทางโครงการจึงให้ Sofa Bed ที่สามารถกางออกมาให้กลายเป็นเตียงนอนได้อีกด้วย ซึ่งจะได้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เฉพาะกับห้องที่มีระยะดูทีวีกว้างๆ เหมือนห้องนี้เท่านั้น เพราะต้องมีระยะเพียงพอให้กางโซฟาได้นั่นเองครับ

ส่วนผนังฝั่งตรงข้ามกับโซฟาและเตียงนอน นอกจากจะใช้ติดทีวีหรือทำชั้นวางของเพิ่มเติมได้แล้ว ยังมีช่องประตูตรงกลางที่เชื่อมต่อกับ Walk in Closet ได้อีกด้วย โดยของจริงก็จะเป็นช่องโล่งๆแบบนี้เลยนะ หรือใครจะไปทำประตูกั้นเพิ่มเองก็ได้เหมือนกัน จะได้ประหยัดแอร์ไปในตัวด้วยครับ

ด้านในจะมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้าใบใหญ่เหมือนห้องที่แล้วมาให้แบบนี้เลยครับ และจะเหลือพื้นที่ให้ยืนแต่งตัวกว้างประมาณ 1 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ รวมถึงด้านข้างก็จะมีการเว้นพื้นที่กว้าง 1 m. ให้ทำโต๊ะแต่งหน้าเพิ่มเติมเองได้เหมือนเดิมครับ

ติดกันจะเป็นระเบียงขนาด 1 x 1.35 m. เท่ากับห้องที่แล้วเลย สามารถวางเครื่องซักผ้าได้พอดี และตากผ้าได้ แต่ที่สำคัญคือ เราจะได้แสงธรรมชาติมาช่วยตอนแต่งตัว/แต่งหน้าด้วยนั่นเองครับ

สุดท้ายคือห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางคือ จากครัวด้านหน้าห้อง และ Walk in Closet ในห้องนอน เลยทำให้มีความสะดวกในใช้งานมากขึ้น ภายในแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน มีพื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.35 x 1.45 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก Cotto ครบครันเช่นเคย

ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมีฉากกั้นกระจกติดตั้งมาให้แบบนี้เลยครับ ด้านในมีขนาดประมาณ 1 x 0.95 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มีการเจาะช่องวางของที่ผนัง และ Hand Shower เหมือนเดิม

1 Bedroom ห้องนี้ลักษณะคล้ายกับห้องตัวอย่างแรกที่เรารีวิวกันไปเลยครับ คือจะเน้นความเป็นสัดส่วนและความเป็นส่วนตัวของห้องนอน รวมถึงยังได้ครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียงอีกด้วย เลยเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจัง

แต่จุดเด่นที่เพิ่มเข้ามาของห้องนี้ก็คือ “ห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง” ซึ่งทำให้มีความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น โดยแลกกับขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้องนอนที่เล็กลงกว่าห้องก่อนหน้านี้ไปบ้างนั่นเอง

บรรยากาศห้องตัวอย่างของจริงจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/6

เป็นห้อง 1 Bedroom ไซส์เล็กสุดของโครงการ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ง่ายสุด และเหมาะกับนักลงทุนทั้งหลาย หรือคนที่มีงบประมาณจำกัด แต่ชอบห้องกว้างๆ มีพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่คล้ายห้องสตูดิโอ โดยมีความกว้างมากสุดอยู่ที่ประมาณ 4 m. และเป็นห้องเดียวที่เราจะได้แอร์ตัวเดียวขนาด 12,000 BTU (ห้องอื่นๆจะเป็นแอร์ 2 ตัวขนาด 9,000 BTU)

จุดเด่นของห้องนี้อีกอย่างคือ พื้นที่ริมหน้าต่างที่กว้างขวางเหลือเฟือ เหมาะที่จะทำเป็นโต๊ะทำงานอ่านหนังสือ หรือเป็นมุมอดิเรกส่วนตัวก็ได้ ซึ่งเราจะได้แสงสว่างจากหน้าต่างเต็มๆ แถมยังชมวิวด้านนอกได้ด้วย (โดยห้องนี้จะเป็นวิวที่หันออกด้านนอกโครงการนะครับ) และโซฟาก็จะเป็นแบบที่สามารถปรับเป็นเตียงได้ รวมถึงเรายังได้ฟังก์ชันครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจังอีกต่างหาก

แต่สิ่งที่ผมแอบเสียดายเล็กๆน้อยๆก็คือ ตำแหน่งทีวีจะอยู่ตรงกลางระหว่างโซฟาและเตียงพอดี ไม่ได้ตรง Center กับฟังก์ชันใดฟังก์ชันหนึ่งซะทีเดียว ทำให้เวลาดูก็อาจต้องดูเฉียงๆเอานิดนึง แต่ก็สามารถดูได้จากทั้ง 2 ฟังก์ชันพร้อมๆกันเลยครับ

บรรยากาศห้องตัวอย่างของจริงจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/6

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

แบบแปลน

1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.1 – 24.8 ตร.ม.

Image 1/6

1 Bedroom Exclusive (แบบ B1) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 26.7 ตร.ม.

Image 1/32

1 Bedroom Exclusive (แบบ B2) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 26.7 ตร.ม.

Image 1/17

1 Bedroom Extra (แบบ C1) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม.

Image 1/27

1 Bedroom Extra (แบบ C2) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม.

Image 1/5

1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.8 ตร.ม.

Image 1/2

ราคา

Atmoz Oasis Onnut ราคา ณ วันที่ 23 มีนาคม 2565

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.1 – 24.8 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.49 – 1.94 ล้านบาท (Promotion)
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 26.7 ตร.ม. ปัจจุบัน Sold Out
  • 1 Bedroom Extra ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.07 – 2.45 ล้านบาท (Promotion)
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.8 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.44 – 2.94 ล้านบาท (Promotion)

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ TEKA
  • จอง 4,900 บาท
  • ทำสัญญา 5,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
  • ค่าส่วนกลาง 49 บาท/ตร.ม./เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

image
ลงทะเบียนนัดหมายเข้าชมโครงการเพื่อรับสิทธิพิเศษ
หากคุณสนใจโครงการนี้ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

บทสรุป

ทำเล : เป็นทำเลโซนอ่อนนุชตอนกลาง ที่ขยับขยายมาจากทางฝั่งสุขุมวิท จึงมีความวุ่นวายที่น้อยกว่า และสามารถทำราคาออกมาจับต้องได้ง่ายมากขึ้น โดยยังคงเข้า-ออกเมืองไปทางสุขุมวิท-ลาดกระบังได้เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ หันมาอิงการใช้งานถนนศรีนครินทร์ได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งทำให้สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – บางกะปิ หรือจะไปทางบางนา – สมุทรปราการก็ได้

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ระยะใกล้ก็พอจะมีตลาด ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านข้าวแกงข้างอยู่ทางบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นห้างใหญ่ๆก็จะอยู่บนถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก มีทั้ง Seacon Square / Paradise Park และตลาดนัดรถไฟ รวมถึงยังมีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งตั้งอยู่ด้วย เหมาะกับทั้งคนที่ตั้งใจจะซื้ออยู่เองหรือลงทุนปล่อยเช่าก็ได้ครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : ทางด่วนที่ใช้เข้า-ออกเมืองใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนศรีรัช และมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 6 – 7 km. ใช้เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ขึ้นแล้วครับ และจะมีที่จอดรถประมาณ 38% แบบรวมจอดซ้อนคัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย โดยโครงการจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนุช ประมาณ 450 – 500 m. ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการก่อนวันที่โครงการนี้จะสร้างแล้วเสร็จพอดี อีกทั้งยังเรียกวินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถว และเรียกรถแท็กซี่จากหน้าโครงการได้ง่าย รวมถึงมีท่าเรือตลาดเอี่ยมสมบัติ ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางเลี่ยงรถติดได้อีกด้วยครับ

การออกแบบโครงการ : เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มีเพื่อนบ้านรวมกว่า 1,108 ยูนิต แต่ก็มีการกระจายความหนาแน่นในการอยู่อาศัยออกเป็น 5 อาคารย่อยด้วยกันครับ แต่จุดเด่นจริงๆคือ การวางผังอาคารที่โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ เลยทำให้ห้องพักที่หันหน้าเข้ามาด้านใน จะได้วิวสวนและสระว่ายน้ำสวยๆที่ทางโครงการจัดเอาไว้ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ Private Oasis ของย่านอ่อนนุช-พัฒนาการนี้มากๆครับ

และที่ผมชอบอีกอย่างคือ การที่เค้าออกแบบโดยพยายามคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งโซนการใช้งานฟังก์ชันต่างๆไม่ให้รบกวนกัน และการใช้อาคาร The Club มาช่วยกันความวุ่นวายจากถนนใหญ่ รวมถึงยังมีการใช้ผนังทึบเข้ามาบังสายตาของส่วนกลางจากโซนจอดรถอีกด้วย

การออกแบบห้องพักอาศัย : มีแบบห้องให้เลือกเยอะถึง 4 แบบ ซึ่งก็มีจุดเด่นหรือเหมาะกับคนที่มี Lifestyle แตกต่างกันออกไป โดยทุกแบบจะได้ “ครัวปิด” ที่สามารถทำอาหารได้จริงจังทั้งหมด ทีนี้ก็ลองเลือกดูครับว่าเราเน้นฟังก์ชันนี้มาก-น้อยแค่ไหน ถ้าใครทำอาหารบ่อยๆก็ควรเลือกเป็นครัวที่ติดกับระเบียง แบบนี้จะระบายอากาศได้ดีมาก

อีกจุดนึงที่ผมมองว่าเค้าให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือ “ห้องนอน” เพราะเป็นฟังก์ชันที่มีขนาดใหญ่กว่าฟังก์ชันอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด และมีให้เลือกหลายแบบเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนอย่างเดียวที่กั้นด้วยผนังทึบ แบบนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก หรือจะเป็นห้องนอนที่รวมเอาพื้นที่โซฟานั่งเล่นและ Walk in Closet เข้ามาด้วย แบบนี้จะได้ในเรื่อง Multi-Function และบรรยากาศห้องกว้างขวางเหมือนห้องสตูดิโอเลยทีเดียว

โดยรวมแล้วก็เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก อยู่ด้วยกัน 1 – 2 คน แต่ถ้าใครวางแผนจะมีลูกก็ต้องมองเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ไปเลยครับ แบบนั้นจะมีห้องอเนกประสงค์ให้ทำเป็นห้องนอนเล็กเพิ่มได้ หรืออาจทำเป็นห้องอื่นๆตาม Lifestyle ของเราก็ได้ ซึ่งถ้าสนใจจริงๆก็ต้องรีบสักหน่อยนะ เพราะมีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น แถมตึกแรกก็ขายหมดแล้วด้วยน้า

วัสดุ : ให้มาดีเลยครับเมื่อเทียบกับราคา ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที แต่จุดที่ผมมองว่าเค้าให้มาดีคือ พวกวัสดุปิดผิวสำคัญๆต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้องยางไวนิลที่ทนน้ำและความชื้นได้ดี / Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ ที่ทนความชื้นหรือความร้อน และไม่เป็นคราบได้ง่ายๆ รวมถึงยังได้ช่องแสงขนาดใหญ่และ Bluetooth Sound System อีกด้วยครับ

สาธารณูปโภค : มีมากถึง 45 ฟังก์ชัน ถือว่าให้มาเยอะที่สุดในย่าน หลักๆคือบรรยากาศของสวนที่ร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท และสระว่ายน้ำตรงกลางที่ยาวถึง 50 m. อีกทั้งยังมีการเล่นระดับของ Jacuzzi และจุดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการใช้งานมากขึ้นเยอะเลยครับ

นอกจากนี้แต่ละอาคารก็ยังมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันออกไป (LIVE / ACTIVE / WORK / PLAY และ EAT) ซึ่งได้ถูกแยกโซนฟังก์ชันเอาไว้ตามกิจกรรมเพื่อไม่รบกวนการใช้งานกัน ไม่ว่าจะเป็นอาคาร A สำหรับส่วนต้อนรับ / อาคาร B สำหรับสายออกกำลังกาย / อาคาร C สำหรับสายทำงานใช้สมาธิ / อาคาร D สำหรับสายปาร์ตี้กับเพื่อนๆ / อาคาร E สำหรับสายกิน รวมถึงยังมี The Club ด้านหน้าสุดที่จะมีทั้งคาเฟ่และพื้นที่นั่งทำงาน ไว้ใช้พบปะกับแขกภายนอกได้สะดวกทีเดียวครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 75,000 บาท/ตร.ม., 23 มีนาคม 2565

  • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ เป็นโซนอ่อนนุชตอนกลาง ที่พอจะมีความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆให้พึ่งพิงอยู่บ้าง
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ใกล้แยกศรีนุชที่เป็นจุดตัดของถนนศรีนครินทร์ เข้า-ออกเมืองได้หลายทาง มีทางด่วนศรีรัชและมอเตอร์เวย์อยู่ไม่ไกล ที่จอดรถประมาณ 38% รวมซ้อนคัน
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – มีตัวเลือกเยอะมาก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง 450 – 500 m. อีกทั้งยังมีวินมอเตอร์ไซค์ สองแถว และท่าเรือด้วยครับ
  • วัสดุ 8/10 – ให้มาดีเมื่อเทียบกับราคา ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่
  • แบบ 7.75/10 – มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ได้ครัวปิด ห้องนอนกว้าง และวางผังอาคารให้ล้อมรอบส่วนกลาง เลยทำให้ห้องด้านในชมวิวสวยๆได้ด้วย
  • สาธารณูปโภค 9/10 – มีมากถึง 45 ฟังก์ชัน ถือว่าให้มาเยอะและหลากหลายที่สุดในย่าน

  • MAIN CLASS
  • 7.88 / 10.00

Atmoz Oasis Onnut เหมาะกับใคร

โครงการ Atmoz Oasis อ่อนนุช เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดติดถนนอ่อนนุช บริเวณช่วงตอนกลางที่ไม่วุ่นวาย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-ลำโรง) สถานีศรีนุช 450- 500 m. และมีการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่หลากหลาย ชอบโครงการที่มีฟังก์ชันส่วนกลางเยอะและหลากหลายมากที่สุดในย่านตอนนี้ มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ซึ่งเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 1 – 2 คน ได้ครัวปิดทั้งหมด และห้องนอนมีขนาดใหญ่ วัสดุก็ดีเมื่อเทียบกับราคาระดับ 1.49 – 2.94 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 10,000 – 21,000 บาท/เดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc