รีวิวคอนโด Atmoz Oasis Onnut (แอทโมส โอเอซิส อ่อนนุช) ซึ่งตอนนี้สร้างเสร็จและใกล้จะพร้อมให้เข้าอยู่ได้แล้ว ตั้งอยู่ในโซนอ่อนนุชตอนกลางอิงถนนศรีนครินทร์ จึงมีราคาจับต้องได้ง่ายกว่าฝั่งสุขุมวิท เริ่ม 1.79 ล้านบาท ส่วนตัวมองว่ามีประเด็นความน่าสนใจ หรือ Highlights หลายๆอย่างดังนี้ค่ะ

  • ส่วนกลางเยอะที่สุดในย่าน เป็นโครงการที่มี Facilities เยอะถึง 45 ฟังก์ชัน กับขนาดพื้นที่รวมมากกว่า 3 ไร่ แต่ก็ต้องแชร์กันใช้กับเพื่อนบ้านเยอะหน่อย 1,108 ยูนิต
  • ทำเลติดถนนใหญ่อ่อนนุช ใกล้แยกศรีนุชที่ตัดกับถนนศรีนครินทร์ เดินทางเข้า-ออกเมืองง่าย ซึ่งโครงการใหม่ๆ ในโซนนี้จะขยับเข้าไปในซอยกันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ Atmoz ได้เปรียบในเรื่องการเดินทางค่ะ
  • ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนุช ระยะทางประมาณ 500 m. และเดินทางด้วยวินมอเตอร์ไซค์, สองแถว, รถเมล์, Taxi และเรือ ได้สะดวกอีกด้วย
  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะ เป็นครัวปิดทั้งหมด และออกแบบให้ห้องนอนมีขนาดใหญ่

ข้อมูลโครงการ

Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช) ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566

 ชื่อโครงการ Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่  ซอย อ่อนนุช 66/1 ถนน อ่อนนุช  เขต สวนหลวง
 ที่ดิน  10-1-98 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร
 จำนวนยูนิต  ทั้งหมด 1,110 ยูนิต (แบ่งเป็นห้องพักอาศัย 1,108 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต)
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 36 ยูนิต ที่อาคาร D และ E
 ที่จอดรถ  ประมาณ 38% แบบรวมจอดซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง  เดือนมีนาคม ปี 2565
 สถานะปัจจุบัน  สร้างเสร็จพร้อมอยู่  เดือนธันวาคม ปี 2566
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.1 – 24.8 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 28.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.8 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
 ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 77,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) 64,000 – 89,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ https://assetwise.co.th/condominium/atmoz-oasis-onnut/?utm_source=Google-Search&utm_medium=Rent&utm_campaign=RSA&gclid=CjwKCAiA0syqBhBxEiwAeNx9N-abZ71fJhkRynj8xOWscCDYGoyTY1_W10GfK99wGYCwGBVZ08C29BoCuzkQAvD_BwE
 Call Center 02-168-0000

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ติดถนนใหญ่อ่อนนุชฝั่งขาเข้าเมือง และอยู่ใกล้แยกศรีนุชที่เป็นจุดตัดของถนนศรีนครินทร์ เข้า-ออกเมืองง่าย
  • ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนุช ระยะทางประมาณ 500 m. และยังสามารถเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆได้ง่าย ทั้งวินมอเตอร์ไซค์, รถสองแถว, รถเมล์, Taxi และเรือ

พิกัด Google Maps : 13.713688, 100.647101
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Atmoz Oasis Onnut (แอทโมส โอเอซิส อ่อนนุช) ตั้งอยู่ติดถนนอ่อนนุชฝั่งขาเข้าเมือง ถือเป็นโซนที่เริ่มมีการพัฒนาและขยับขยายมาจากทางฝั่งสุขุมวิทที่ค่อนข้างหนาแน่น และมีราคาคอนโดที่ไปไกลแล้วพอสมควร (ประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม.) ซึ่งการที่ทำเลขยับออกมาอยู่ตรงนี้ ก็เลยทำให้มีราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้น แต่ยังสามารถเข้า-ออกเมืองไปทางสุขุมวิท-ลาดกระบังได้สะดวก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับแยกศรีนุช ที่เป็นจุดตัดกับถนนศรีนครินทร์เพียง 350 m. จัดเป็นถนนเส้นหลักที่สามารถเดินทางเข้าเมืองไปยังพระราม 9 – บางกะปิ หรือจะไปทางบางนา – สมุทรปราการก็ได้ค่ะ

โดยใกล้ๆโครงการจะมีตลาด ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นถนนศรีนครินทร์ที่อยู่ไม่ไกลล่ะก็จะค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก เต็มไปด้วยห้างใหญ่ๆอย่าง Seacon Square / Paradise Park และตลาดนัดรถไฟ รวมถึงยังมีโรงเรียนนานาชาติ และสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่าง สวนหลวง ร.9 ให้ไปเดินเล่นพักผ่อนกันได้ด้วย หรือถ้าใครที่เน้นใช้ชีวิตไปทางสุขุมวิทก็จะมีซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Big C และ Lotus ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 5 km.

แต่ความน่าสนใจของทำเลโครงการนี้ยังมีอีกอย่างคือ การเดินทางด้วยรถสาธารณะที่ค่อนข้างสะดวก เพราะบนถนนอ่อนนุชเส้นนี้จะมีรถเมล์ และรถสองแถววิ่งผ่านอยู่ตลอด ส่วนบนถนนศรีนครินทร์ก็จะเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) อีกทั้งยังมีท่าเรือตรงคลองพระโขนงให้ได้ใช้งานอีกด้วย

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง :

โครงการตั้งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนุช ระยะทางประมาณ 500 m. ซึ่งถ้าใครที่ขยันเดินหน่อยก็พอจะสามารถเดินไปถึงได้นะคะ หรืออาจใช้ตัวช่วยอย่างพี่วินมอเตอร์ไซค์ ที่อยู่ตรงซอยข้างๆก็ได้ โดยจะมีราคาประมาณ 20 บาท

ท่าเรือ :

การเดินทางด้วยเรือจะมีท่าเรือตลาดเอี่ยมสมบัติอยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งจะอยู่ตรงแถวๆใต้สะพานข้ามคลองพระโขนงพอดี จากโครงการเราสามารถเลี้ยวขวาที่แยกสวนหลวงไปได้เลย มีระยะทางประมาณ 750 m. เท่านั้นค่ะ

ทางด่วน :

Image 1/2
สำหรับจุดขึ้นทางด่วนใกล้ที่สุดจะอยู่ตรงถนนมอเตอร์เวย์-พระราม 9 โดยเราสามารถเลือกที่จะเลี้ยวไปได้ทั้ง 2 ทางเลยค่ะ ซึ่งหากเราจะเข้าเมืองไปทางพิเศษศรีรัชก็จะมีระยะทางประมาณ 6.9 km.

สำหรับจุดขึ้นทางด่วนใกล้ที่สุดจะอยู่ตรงถนนมอเตอร์เวย์-พระราม 9 โดยเราสามารถเลือกที่จะเลี้ยวไปได้ทั้ง 2 ทางเลยค่ะ ซึ่งหากเราจะเข้าเมืองไปทางพิเศษศรีรัชก็จะมีระยะทางประมาณ 6.9 km.

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

โครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อ่อนนุช และอยู่ระหว่างซอยอ่อนนุช 66 กับซอยอ่อนนุช 66/1  โดยรอบจึงเป็นชุมชนแนวราบเป็นส่วนใหญ่ และมีอาคาร 8 ชั้นอยู่บ้าง สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ถนนอ่อนนุช
  • ทิศใต้ : ติดกับ ชุมชนแนวราบ
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ซอยอ่อนนุช 66/1 และมีอาคารสูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ซอยอ่อนนุช 66 และชุมชนแนวราบ

เรามาเดินดูทำเลรอบๆโครงการกันสักหน่อยค่ะ โดยโครงการจะอยู่ติดกับถนนอ่อนนุชแบบนี้เลย เป็นทางที่มุ่งหน้าไปศรีนครินทร์-สุขุมวิท ซึ่งเราจะลองพาเดินไปทางนี้จนถึงรถไฟฟ้าเลยค่ะ

ตรงบริเวณปากซอยอ่อนนุช 66 ที่อยู่ข้างๆโครงการ จะมีทั้งเซเว่น / ตู้ ATM / ร้านข้าวแกง และวินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่ ซึ่งจากการสอบถามพี่ๆแล้วถ้านั่งไปรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีนุช จะมีค่าโดยสาร 20 บาท

ถ้าใครที่ขยันเดินหน่อย ก็สามารถเดินมาตามทางเท้าริมถนนใหญ่เรื่อยๆได้นะคะ และเมื่อถึงแยกศรีนุชก็ให้เลี้ยวซ้ายมา จะมองเห็นตัวสถานีตั้งอยู่ตรงหน้าแบบนี้เลย

จากสี่แยกเดินมาอีกประมาณ 100 m. ก็จะถึงบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ

อีกฝั่งหนึ่งของโครงการจะอยู่ติดกับซอยอ่อนนุช 66/1 บรรยากาศในซอยดูเงียบสงบและเป็นที่ตั้งของบริษัท Office mate

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นที่ตั้งของบริษัท อลูเกลซ ขายปลีกส่ง อลูมิเนียม กระจก เเผ่นฝ้า เป็นต้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • ตลาดเอี่ยมสมบัติ ~ 550 m.
  • Seacon Square ~ 2.3 km.
  • Paradise Park ~ 3.6 km.
  • Tanya Park ~ 2.5 km.
  • BigC Extra ~ 5.2 km.
  • Habito Mall ~ 5.4 km.
  • Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 5.8 km.
  • ตลาดอ่อนนุช ~ 5.9 km.
  • ตลาดลาดบุญ ~ 8.6 km.
  • Pasio ลาดกระบัง ~ 9.5 km.
  • Robinson ลาดกระบัง ~ 10.2 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.อ่อนนุช 39 ~ 950 m.
  • รพ.วิภาราม ~ 3.9 km.

โรงเรียน

  • วิทยาลัยดุสิตธานี ~ 2.1 km.
  • Beaconhouse Yamsaard International School ~ 3.2 km.
  • รร. เตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ ~ 4.7 km.
  • Wells Int’s School ~ 5.8 km.
  • มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ~ 6.1 km.
  • Bangkok Christian International School ~ 6.7 km.
  • Charter International School ~ 7.5 km.
  • Bangkok Prep (Secondary Campus) ~ 9.4 km.

สถานที่ราชการ

  • ไปรษณีย์อ่อนนุช ~ 160 m.
  • สำนักงานประกันสังคม ~ 5.1 km.
  • สำนักงานเขตพระโขนง ~ 5.9 km.
  • สำนักงานขนส่ง ~ 5.9 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • มี Facilities เยอะสุดในย่านมากถึง 45 ฟังก์ชัน และมีพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 3 ไร่
  • แต่ละอาคารจะมี Concept ของฟังก์ชันที่ต่างกันออกไปคือ LIVE / ACTIVE / WORK / PLAY และ EAT ซึ่งก็เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์หรือความชอบที่แตกต่างกัน
  • วางผังโครงการให้ทุกอาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ห้องที่หันเข้ามาด้านในจะได้รับวิวสวยๆของสวนและสระว่ายน้ำได้
  • ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ส่วนกลาง โดยการทำผนังทึบบังสายตาออกจากที่จอดรถรอบๆ พร้อมกับปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่น สอดคล้องกับ Concept Private Oasis

โครงการ Atmoz Oasis Onnut เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 5 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 10-1-98 ไร่ และมีเพื่อนบ้าน 1,110 ยูนิต โดยแบ่งเป็นห้องพักอาศัย 1,108 ยูนิต และร้านค้าอีก 2 ยูนิต

โดยจะมีทางเข้าอยู่ติดกับถนนอ่อนนุช และมีอาคารสูง 2 ชั้นที่เรียกว่า The Club ตั้งอยู่ด้านหน้า ทำหน้าที่เป็นทั้งส่วนต้อนรับและส่วนกลางให้ได้ใช้งาน รวมถึงยังมีส่วนช่วยกันความวุ่นวายจากถนนใหญ่ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ภายในโครงการได้อีกด้วยค่ะ

จาก Master Plan บริเวณรอบนอกและใต้อาคารจะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดประมาณ 38% แบบรวมจอดซ้อนคัน ส่วนบริเวณกลางโครงการจะเป็น Main Facilities ที่ถูกอาคารพักอาศัยทั้ง 5 โอบล้อมเอาไว้ เลยทำให้ห้องพักที่หันเข้ามาด้านในจะได้เห็นวิวสระว่ายน้ำ และสวนสวยๆไปด้วย

โดยพื้นที่สีเขียวทั้งหมดจะมีอยู่ประมาณ 3 ไร่ เปรียบเสมือน Private Oasis ของย่านอ่อนนุช-พัฒนาการ ซึ่งแค่ส่วนกลางแบบ Outdoor ก็มีให้ใช้งานมากถึง 24 ฟังก์ชันแล้ว รวมถึงแต่ละอาคารก็จะมี Concept ส่วนกลางที่แตกต่างกันออกไป ประกอบด้วย LIVE / ACTIVE / WORK / PLAY และ EAT รวมแล้วก็มีส่วนกลางทั้งหมด 45 ฟังก์ชันเลยทีเดียว

ทางเข้า-ออกโครงการเป็นระบบอัตโนมัติคล้าย Easy Pass บนทางด่วน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องคอยลดกระจกลงมาเพื่อแตะบัตร แต่ถ้าเป็น Visitors ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนตามปกตินะคะ

เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามาแล้วก็จะเจอกับ Drop-Off ใต้อาคาร A เป็นลำดับแรก ซึ่งจะมี Lobby หลักเป็นพื้นที่ต้อนรับ-พักคอยได้ สำหรับลูกบ้านอาคารต่างๆ ก็สามารถเดินเชื่อมเข้าสวนเพื่อไปยังอาคารของตัวเองได้เลย เป็นการออกแบบเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกับบรรยากาศส่วนกลางสวยๆ ก่อนจะเดินขึ้นห้องพักของตัวเอง

หากขับรถเข้ามาก็สามารถไปหาที่จอดใกล้ๆ แต่ละอาคารได้เลย

ส่วนที่จอดรถก็จะมีทั้งแบบที่อยู่ใต้อาคาร และแบบที่จอดกลางแจ้งนะคะ

สำหรับจุดที่เรามองว่าน่าสนใจคือ ระหว่างที่จอดรถและพื้นที่ส่วนกลาง จะออกแบบให้เป็นผนังทึบ เพื่อบังสายตาไม่ให้มองเข้าไปเห็นด้านในได้ ทำให้คนที่มาใช้งานส่วนกลางจะไม่เสียความเป็นส่วนตัว แต่ก็ไม่ลืมที่จะเว้นช่องว่างระหว่างแผ่นผนัง เพื่อให้ลมยังสามารถพัดผ่านได้สะดวก

มาดู Facilities ในแต่ละส่วนของโครงการกันค่ะ เริ่มจากอาคารด้านหน้าสุดคือ The Club ปัจจุบันเป็นทั้งสำนักงานขาย และเป็นหนึ่งใน Facilities ของโครงการด้วย ลักษณะจะเป็นอาคารสีขาวลายหินอ่อนที่ดูทันสมัยและสวยงามดีทีเดียว

Image 1/11
The Club เป็นอาคารส่วนกลางขนาดใหญ่ 2 ชั้น ประกอบด้วย Living Area/ Meeting Room/ Courtyard/ Cafe และ Terrace ซึ่งเหมาะที่จะใช้เป็นส่วนรับรองแขก พบปะเพื่อนๆ หรือนั่งทำงานจิบกาแฟชิลๆ อาคารออกแบบให้ผนังส่วนใหญ่เป็นผนังกระจก จึงได้บรรยากาศที่ดูโปร่งโล่งและชมวิวมุมสูงได้ เพราะ Facilities ส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้น 2 ค่ะ

The Club เป็นอาคารส่วนกลางขนาดใหญ่ 2 ชั้น ประกอบด้วย Living Area/ Meeting Room/ Courtyard/ Cafe และ Terrace ซึ่งเหมาะที่จะใช้เป็นส่วนรับรองแขก พบปะเพื่อนๆ หรือนั่งทำงานจิบกาแฟชิลๆ อาคารออกแบบให้ผนังส่วนใหญ่เป็นผนังกระจก จึงได้บรรยากาศที่ดูโปร่งโล่งและชมวิวมุมสูงได้ เพราะ Facilities ส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้น 2 ค่ะ

ขยับเข้ามาด้านในที่อาคาร A จะมี Lobby แบบฝ้าเพดานสูง ตกแต่งด้วยต้นไม้ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ รวมถึงยังมีผนังกระจกขนาดใหญ่ให้เราได้ชมพื้นที่สีเขียวภายนอกได้ด้วย

จาก Lobby ของอาคาร A จะมีประตูเพื่อเปิดเข้าสู่สวนและสระว่ายน้ำส่วนกลาง ซึ่งถือว่าเป็น Highlights ของโครงการนี้เลย ภายในสวนจะมีมุมพักผ่อนมากมายแบ่งเป็นฟังก์ชันย่อยๆ ได้ถึง 24 ฟังก์ชัน ตอนนี้โครงการใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ 100% แต่วันนี้เราจะพาไปชมส่วนที่พร้อมใช้งานได้แล้วนะคะ

Image 1/4
เข้ามาในสวนจะเจอกับ Oasis Courtyard และ Water feature ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับและให้บรรยากาศที่ร่มรื่นผ่อนคลายมากๆ

เข้ามาในสวนจะเจอกับ Oasis Courtyard และ Water feature ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับและให้บรรยากาศที่ร่มรื่นผ่อนคลายมากๆ

Image 1/5
ขยับเข้ามาด้านในสวนจะเจอกับ Floating Terrace มุมพักผ่อนข้างน้ำพุ เป็นมุมมองเห็นวิวสระได้ทั้งหมด เห็นถึงอาคาร C ที่อยู่ด้านในสุดเลยค่ะ

ขยับเข้ามาด้านในสวนจะเจอกับ Floating Terrace มุมพักผ่อนข้างน้ำพุ เป็นมุมมองเห็นวิวสระได้ทั้งหมด เห็นถึงอาคาร C ที่อยู่ด้านในสุดเลยค่ะ

นอกจากนี้จะมีพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบไว้ให้มีบรรยากาศที่แตกต่างกัน อย่างบริเวณนี้จะเรียกว่า Private-Amphitheater มีการเล่นระดับของที่นั่งในสวนให้คล้ายอัฒจันทร์

Sunken Lounge พื้นที่นั่งเล่นในสวนที่ออกแบบให้ลดระดับลงกว่าพื้นที่โดยรอบ จะสังเกตว่าระดับของที่นั่งเท่ากับความสูงของพุ่มไม้เพื่อให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น

 

ถัดมาที่สวนบริเวณด้านในสุดของโครงการ จะเป็นส่วนที่เรียกว่า Hidden Lawn ซึ่งจะมีการแบ่งโซนที่นั่งแยกกันเป็นกลุ่มๆ เหมาะจะมานั่งเล่นพักผ่อนและพบปะกับเพื่อนๆได้

ในส่วนของ Multi-Purpose Lawn จะมีทั้งตาข่ายเปลนอน สำหรับชมวิวในสวนหรือนอนชมดาว และมี Trampoline ให้มาเล่นสนุกกันได้

Image 1/7
มาถึงจุดที่เป็น Highlights หลักนั่นก็คือ Oasis Olympic Pool ที่มีความยาว 50 m. สามารถว่ายออกกำลังกายกันแบบจริงๆจังๆได้เลย รอบๆสระก็จะมีการปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่นเอาไว้เต็มไปหมด ให้บรรยากาศแบบรีสอร์ทตามแบบฉบับของ Assetwise

มาถึงจุดที่เป็น Highlights หลักนั่นก็คือ Oasis Olympic Pool ที่มีความยาว 50 m. สามารถว่ายออกกำลังกายกันแบบจริงๆจังๆได้เลย รอบๆสระก็จะมีการปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่นเอาไว้เต็มไปหมด ให้บรรยากาศแบบรีสอร์ทตามแบบฉบับของ Assetwise

Image 1/3
หากไม่ชอบออกกำลังกายหนักๆ ก็สามารถนั่งเล่นริมขอบสระได้ ซึ่งโครงการออกแบบไว้ให้มีมุมนั่งเล่นแช่น้ำอยู่หลายจุดเลยค่ะ

หากไม่ชอบออกกำลังกายหนักๆ ก็สามารถนั่งเล่นริมขอบสระได้ ซึ่งโครงการออกแบบไว้ให้มีมุมนั่งเล่นแช่น้ำอยู่หลายจุดเลยค่ะ

Image 1/6
นอกจากนี้จะมี Jacuzzi Pool ที่ยกระดับความสูงขึ้นมา จะเห็นว่ามีการทำเป็นระบบน้ำล้นให้ไหลลงมา เหมือนเป็นน้ำตกเล็กๆ สวยดีทีเดียว ข้างๆ Jacuzzi จะมีพื้นที่ที่เหมาะกับการนั่งสังสรรค์ริมสระ มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า Sunken Pool Bar Area ถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่ามาใช้งานร่วมกับเพื่อนๆมากๆ

นอกจากนี้จะมี Jacuzzi Pool ที่ยกระดับความสูงขึ้นมา จะเห็นว่ามีการทำเป็นระบบน้ำล้นให้ไหลลงมา เหมือนเป็นน้ำตกเล็กๆ สวยดีทีเดียว ข้างๆ Jacuzzi จะมีพื้นที่ที่เหมาะกับการนั่งสังสรรค์ริมสระ มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า Sunken Pool Bar Area ถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่ามาใช้งานร่วมกับเพื่อนๆมากๆ

ต่อไปมาชม Facilities ภายในอาคารกันบ้าง ซึ่งแต่ละฟังก์ชันจะอยู่บริเวณชั้น 1 รอบๆ สวนทั้งหมด ทำให้เข้าใช้งานได้ง่าย เดินเชื่อมจากสวนไปได้เลย

Building A : LIVE

อาคารนี้จะเน้นเป็นพื้นที่ส่วนต้อนรับและรับรองแขก รวมถึงยังสามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้อีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของฟังก์ชันอาคารนี้คือ Lobby ที่มีความสูงของฝ้าเพดานแบบ Double Volume ขึ้นไปจนถึงชั้น 2 เลยทีเดียว และยังมีการตกแต่งที่สวยงามเป็นพิเศษ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาใช้รับแขกได้

Image 1/5
อีกฟังก์ชันหนึ่งในอาคาร A ก็คือ Sunken Library ออกแบบให้เป็นพื้นที่ลดระดับทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย รายล้อมไปด้วยชุดโซฟา เหมาะที่จะมานั่งทำงานอ่านหนังสือ และยังสามารถชมวิวสวนด้านนอกจากช่องแสงขนาดใหญ่ได้อีกด้วย

อีกฟังก์ชันหนึ่งในอาคาร A ก็คือ Sunken Library ออกแบบให้เป็นพื้นที่ลดระดับทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย รายล้อมไปด้วยชุดโซฟา เหมาะที่จะมานั่งทำงานอ่านหนังสือ และยังสามารถชมวิวสวนด้านนอกจากช่องแสงขนาดใหญ่ได้อีกด้วย

โถงลิฟต์ในแต่ละอาคารจะมีบรรยากาศที่คลีนๆ ดูเรียบร้อยสวยงามดี แต่ละอาคารจะมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว ซึ่งต้องใช้ Keycard ในการกดลิฟต์ และเป็นลิฟต์แบบล็อกชั้นเพื่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัย

Mailbox ก็จะแยกกันในแต่ละอาคารและวางตำแหน่งไว้ใกล้ลิฟต์เพื่อให้ใช้งานง่าย

Building B : ACTIVE

ตามชื่อ Concept เลยก็คือ จะเน้นฟังก์ชันที่มีการทำกิจกรรมหนักๆ โดยเฉพาะการออกกำลังกาย จึงมี Fitness (GYM) ขนาดใหญ่ รวมถึงยังมี Health Station ซึ่งเป็นจุดดูแลสุขภาพและร่างกายร่วมกับโรงพยาบาลที่กำหนดตามแบบฉบับของ AssetWise อีกด้วย

Image 1/7
ภายใน Fitness จะมีเครื่องออกกำลังกายเยอะเลย รองรับทั้งการออกกำลังกายแบบ Weight Training และ Cardio ซึ่งทั้งหมดจะหันหน้าออกไปรับวิวส่วนกลางด้านนอกได้ สามารถออกกำลังกายไปและชมวิวไปได้ด้วยเพลินๆ

ภายใน Fitness จะมีเครื่องออกกำลังกายเยอะเลย รองรับทั้งการออกกำลังกายแบบ Weight Training และ Cardio ซึ่งทั้งหมดจะหันหน้าออกไปรับวิวส่วนกลางด้านนอกได้ สามารถออกกำลังกายไปและชมวิวไปได้ด้วยเพลินๆ

Building C : WORK

สำหรับคนที่เน้นพื้นที่ทำงานในคอนโด ก็จะเหมาะกับอาคารนี้มากๆ เพราะเค้าจะมีฟังก์ชันให้เลือกนั่งทำงานหลายแบบเลย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งคุยงานชิลๆใน Business Center หรือจะนั่งทำงานแบบมีโต๊ะใน Co-Working Space และยังมีห้องส่วนตัวให้ประชุมจริงจังกันได้อีกด้วย และยังมีฟังก์ชันออกกำลังกายที่ต่อเนื่องมาจากอาคาร B อย่าง Bike Simulator และ Yoga Studio ให้ได้ใช้งานด้วยนะคะ

ภายใน Bike Simulator สามารถแบ่งพื้นที่โซนหนึ่งให้รองรับคลาสปั่นจักรยานได้ โดยจะหันหน้าเข้าหาจอทีวีเหมือนในคลาสตามฟิตเนส และอีกโซนหนึ่งก็จะหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำและสวน ให้ชมวิวธรรมชาติไปได้แบบเพลินๆ

Image 1/3
ถัดมาที่ Yoga Studio จะเป็นห้องโล่งๆที่สามารถมาเปิดคลาสออกกำลังกายร่วมกันแบบส่วนตัวได้

ถัดมาที่ Yoga Studio จะเป็นห้องโล่งๆที่สามารถมาเปิดคลาสออกกำลังกายร่วมกันแบบส่วนตัวได้

Image 1/9
ในส่วนของ Co-Working Space ให้บรรยากาศเหมือนมาทำงานในร้านกาแฟเลยค่ะ โดยจะมีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายแบบ และบางจุดก็มีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบตได้ด้วย ส่วนที่ชอบที่สุดคือห้องนี้จะสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับสวนได้ ให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ยิ่งช่วงหน้าหนาวคงจะเป็นจุดที่น่านั่งรับลมมากๆ เลย

ในส่วนของ Co-Working Space ให้บรรยากาศเหมือนมาทำงานในร้านกาแฟเลยค่ะ โดยจะมีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายแบบ และบางจุดก็มีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบตได้ด้วย ส่วนที่ชอบที่สุดคือห้องนี้จะสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับสวนได้ ให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ยิ่งช่วงหน้าหนาวคงจะเป็นจุดที่น่านั่งรับลมมากๆ เลย

Image 1/5
สำหรับ Business Center เป็นห้องแอร์แบบ Indoor ที่มีมุมให้เลือกนั่งทำงานได้หลายจุด ทั้งแบบเป็นกลุ่มและเดี่ยว

สำหรับ Business Center เป็นห้องแอร์แบบ Indoor ที่มีมุมให้เลือกนั่งทำงานได้หลายจุด ทั้งแบบเป็นกลุ่มและเดี่ยว

Image 1/3
ภายใน Business Center จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น Meeting Room 2 ห้อง ซึ่งจะมีประตูปิดเป็นสัดส่วน น่าจะช่วยเก็บเสียงได้ดี เหมาะกับงานประชุมที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยห้องแรกจะมีโต๊ะขนาดใหญ่ ดูเป็น Formal รองรับการใช้งานประมาณ 8 คน ส่วนอีกห้องหนึ่งจะดูสบายๆ ที่นั่งเป็น Bean Bag รองรับการใช้งาน 4 คนกำลังดีค่ะ

ภายใน Business Center จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น Meeting Room 2 ห้อง ซึ่งจะมีประตูปิดเป็นสัดส่วน น่าจะช่วยเก็บเสียงได้ดี เหมาะกับงานประชุมที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยห้องแรกจะมีโต๊ะขนาดใหญ่ ดูเป็น Formal รองรับการใช้งานประมาณ 8 คน ส่วนอีกห้องหนึ่งจะดูสบายๆ ที่นั่งเป็น Bean Bag รองรับการใช้งาน 4 คนกำลังดีค่ะ

Building D : PLAY

สายบันเทิงและปาร์ตี้เราแนะนำอาคารนี้เลย เพราะจะมีฟังก์ชันเด็ดๆ ให้เราได้ใช้งานอย่าง Play Room และ Karaoke Lounge รวมถึงยังมีโซนออกกำลังกายหนักๆอย่าง Extreme Excersice Studio ที่สายเล่นกล้ามขาลุยพลาดเลยทีเดียว ส่วนห้อง Game Room ก็จะสามารถมาเล่นเกมส์ร่วมกับเพื่อนๆได้

Image 1/3
Extreme Exercise Studio จะมีอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างเช่น เชือกออกกำลังกาย TRX, กระสอบทรายซ้อมมวย และ เบาะสำหรับกระโดดสูง เพื่อรองรับการออกกำลังกายในหลายรูปแบบค่ะ

Extreme Exercise Studio จะมีอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างเช่น เชือกออกกำลังกาย TRX, กระสอบทรายซ้อมมวย และ เบาะสำหรับกระโดดสูง เพื่อรองรับการออกกำลังกายในหลายรูปแบบค่ะ

Image 1/4
ถัดมาที่ Karaoke Room มีขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่ให้ร้องเพลง โชว์ท่าเต้น กันได้แบบกว้างๆ โดยโครงการจะติดตั้งเครื่องคาราโอเกะมาให้ ดูจากพื้นที่แล้วน่าจะใช้งานไม่เกิน 10 คนกำลังดี

ถัดมาที่ Karaoke Room มีขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่ให้ร้องเพลง โชว์ท่าเต้น กันได้แบบกว้างๆ โดยโครงการจะติดตั้งเครื่องคาราโอเกะมาให้ ดูจากพื้นที่แล้วน่าจะใช้งานไม่เกิน 10 คนกำลังดี

Image 1/4
อีกห้องหนึ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นในคอนโดทั่วไปสักเท่าไหร่คือ Game Room โดยจะมีเครื่องเกมส์ Play Station ติดตั้งมาให้ พร้อมแว่น VR และจอยเกมส์หลายรูปแบบ ซึ่งจอทีวีที่ให้มาก็มีขนาดใหญ่ น่าจะเป็นห้องที่มีลูกบ้านจองใช้เป็นประจำเลยนะคะเนี่ย

อีกห้องหนึ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นในคอนโดทั่วไปสักเท่าไหร่คือ Game Room โดยจะมีเครื่องเกมส์ Play Station ติดตั้งมาให้ พร้อมแว่น VR และจอยเกมส์หลายรูปแบบ ซึ่งจอทีวีที่ให้มาก็มีขนาดใหญ่ น่าจะเป็นห้องที่มีลูกบ้านจองใช้เป็นประจำเลยนะคะเนี่ย

Image 1/4
ส่วนกลางอีกห้องหนึ่งในอาคารนี้ก็คือ Play Room หลักๆ จะมีโต๊ะพูลและ Football Table ให้เล่นกัน ระหว่างเล่นก็สามารถชมวิวสระและสวนรอบอาคารไปได้

ส่วนกลางอีกห้องหนึ่งในอาคารนี้ก็คือ Play Room หลักๆ จะมีโต๊ะพูลและ Football Table ให้เล่นกัน ระหว่างเล่นก็สามารถชมวิวสระและสวนรอบอาคารไปได้

Building E : EAT

มาถึงกิจกรรมที่หลายๆคนน่าจะชอบนั่นก็คือ “การกิน” ซึ่งเป็นโซนที่เราสามารถมาจัดปาร์ตี้และทำอาหารทานร่วมกับเพื่อนๆที่ Co-Kitchen Space และ Co-Dining Space ตรงนี้ได้ หรือจะมาเปิดคลาสสอนทำอาหาร/ไลฟ์โชว์กันที่ Fine Dining Space ก็ได้อีกด้วย โซนเหล่านี้อาจต้องมีการจองล่วงหน้า และอาจมีค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับห้องคาราโอเกะหรือห้องประชุม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของนิติในอนาคตค่ะ

Image 1/3
Co-Kitchen Space เป็นพื้นที่ทานอาหาร รองรับจัดปาร์ตี้แบบ Outdoor และ Semi-Outdoor จึงเป็นโซนจัดปาร์ตี้ ทานข้าวที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด

Co-Kitchen Space เป็นพื้นที่ทานอาหาร รองรับจัดปาร์ตี้แบบ Outdoor และ Semi-Outdoor จึงเป็นโซนจัดปาร์ตี้ ทานข้าวที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด

Image 1/5
Co-Dining Space เป็นห้องแอร์ฯ ในอาคารจึงตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกฤดู ภายในห้องจะมีพื้นที่ให้เราได้เลือกนั่งทานอาหารกันได้ 2 จุดหลักๆคือ แบบโต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ทรงสูง และแบบโต๊ะเก้าอี้ธรรมดาที่หันหน้าออกไปรับวิวสวนด้านนอก

Co-Dining Space เป็นห้องแอร์ฯ ในอาคารจึงตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกฤดู ภายในห้องจะมีพื้นที่ให้เราได้เลือกนั่งทานอาหารกันได้ 2 จุดหลักๆคือ แบบโต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ทรงสูง และแบบโต๊ะเก้าอี้ธรรมดาที่หันหน้าออกไปรับวิวสวนด้านนอก

Image 1/7
ปิดท้ายด้วย Fine Dining Space ที่มีเคาน์เตอร์ครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ทำอาหารเตรียมไว้ให้ใช้งานกันได้ ซึ่งห้องนี้วิวสวยมากด้วยนะคะ ใครที่ชอบถ่าย Tiktok ทำคอนเทนต์ต้องถูกใจแน่ๆ ค่ะ

ปิดท้ายด้วย Fine Dining Space ที่มีเคาน์เตอร์ครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ทำอาหารเตรียมไว้ให้ใช้งานกันได้ ซึ่งห้องนี้วิวสวยมากด้วยนะคะ ใครที่ชอบถ่าย Tiktok ทำคอนเทนต์ต้องถูกใจแน่ๆ ค่ะ

สำหรับห้องพักอาศัยของแต่ละอาคารจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 – 8 ซึ่งจะมีแค่เฉพาะอาคาร A ด้านหน้าสุดเท่านั้นที่ห้องพักแบบเต็ม Floor จะเริ่มที่ชั้น 3 เพราะชั้น 2 จะมีห้องพักส่วนหนึ่งหายไป เนื่องจากเป็นฝ้าเพดานสูงของ Lobby ชั้นล่าง

โดยแต่ละอาคารก็จะมีจำนวนยูนิตพักอาศัย และความหนาแน่นที่แตกต่างกันออกไป สังเกตได้จากอัตราส่วนลิฟต์ที่ยิ่งน้อยก็จะยิ่งเป็นส่วนตัวมากกว่า หรือไม่ต้องเสียเวลารอลิฟต์นานๆดังนี้

  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 99 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 80 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 122 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 126 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 126 : 1

ตำแหน่งห้องพักอาศัยที่น่าสนใจ แน่นอนว่าหลายๆคนก็คงกำลังเล็งๆห้องที่หันหน้ารับวิวส่วนกลางด้านในกันอยู่ใช่มั้ยคะซึ่งเราก็ได้ลองสอบถามทางโครงการมาให้แล้วพบว่า ถ้าเทียบในชั้นเดียวกันห้องที่หันเข้ามาด้านใน จะมีราคาสูงกว่าห้องที่หันไปด้านนอกประมาณ 100,000 – 150,000 บาท และส่วนมากก็จะเป็นห้องไซส์ใหญ่ด้วย

สำหรับราคาของแต่ละอาคารมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยอาคาร C, D จะมีราคาห้องที่สูงกว่าอาคารอื่นประมาณ 50,000 บาท เพราะได้ความสงบเป็นส่วนตัวมากที่สุด และหากเรามาวิเคราะห์ผังห้องกันดีๆแล้ว ก็จะพบตำแหน่งห้องที่น่าสนใจจริงๆ 4 จุดด้วยกันตามนี้เลย

  1. ห้องสีเหลืองคือ 1 Bedroom Extra เป็นห้องไซส์ใหญ่สุด และจะเห็นว่าห้องส่วนใหญ่ที่หันหน้ารับวิวส่วนกลางด้านในส่วนมากก็จะเป็นห้อง Type นี้เกือบทั้งหมดด้วย แต่สำหรับห้องในกรอบสีแดงเรามองว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด เพราะสามารถมองเห็นวิวส่วนกลางเป็นตอนลึกได้ทั้งหมด
  2. ห้องสีส้มคือ 1 Bedroom Exclusive ห้องไซส์กลางที่มีเพียงห้องในอาคาร D และ E เท่านั้น ที่จะหันเข้ามารับวิวส่วนกลางด้านใน ซึ่งหากใครกำลังสนใจห้อง Type นี้อยู่ เรามองว่าห้องตำแหน่งในกรอบสีเขียวอาคาร D จะเป็นจุดที่ดีที่สุด เพราะอยู่ติดกับพื้นที่สีเขียว ได้ทั้งความร่มรื่นและเงียบสงบ รวมถึงยังอาจมีราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า 1 Bedroom Extra ที่ไซส์ใหญ่กว่าอีกด้วย
  3. ห้องสีเทาคือ 1 Bedroom Plus ที่ทั้งโครงการจะมีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันห้องนี้ได้ขายหมดแล้วนะคะ ถือว่าเป็น Rare Item ของโครงการที่มีน้อยมากๆ
  4. ห้องสีฟ้าคือ 1 Bedroom ไซส์เล็กสุด ซึ่งจะมีอยู่เฉพาะอาคาร E เท่านั้น และหันออกไปรับวิวนอกโครงการ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนหรือคนที่มีงบประมาณจำกัด เพราะถือเป็นห้องไซส์เล็ก และราคาเริ่มต้นจับต้องง่ายที่สุดของโครงการเลยก็ว่าได้

วิวที่เราเก็บมาฝากวันนี้ เราถ่ายมาจากห้องตัวอย่างที่ตึก A ชั้น 2 ซึ่งได้วิวสวนแบบเต็มตาเลย แต่หากใครที่มีงบสักหน่อยก็อยากแนะนำให้ขยับขึ้นไปที่ชั้นสูงขึ้นประมาณชั้น 4-7 กำลังดีที่จะได้ความเป็นส่วนตัวจากสายตาของลูกบ้านที่มาใช้งานสระและสวนส่วนกลางค่ะ

ส่วนแปลนอาคารอื่นๆ ถ้าใครอยากดูแบบละเอียดก็สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ

Building A

Image 1/8

Building B

Image 1/8

Building C

Image 1/8

Building D

Image 1/8

Building E

Image 1/8

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Outdoor Facilities

  • Oasis Courtyard
  • Reading Forest
  • Bar Station
  • Party Terrace
  • Trampoline Forest
  • Floating Terrace
  • Tea Garden Lounge
  • Pool Lawn Terrace
  • Lawn Dining Terrace
  • Oasis Olympic Pool – 50 M.
  • Edible Garden
  • Outdoor BBQ Area
  • Yoga Terrace
  • Kids Pool
  • Upper Level Jacuzzi Pool with Pool Bar – 1.2 M. Level
  • Jacuzzi Pool Bed & Seat
  • Sunken Pool Bar Area
  • Upper Level Deck for Pool Party
  • Net Relax Lounge
  • Private-Amphitheater
  • Multi-Purposed Lawn
  • Sunken Lounge
  • Playpark
  • Hidden Lawn

Indoor Facilities

The Club

  • Meeting
  • Courtyard
  • Living Area
  • CAFÉ
  • Terrace

Building A : LIVE

  • Lobby A & Reception
  • Sunken Library

Building B : ACTIVE

  • Fitness – GYM
  • Health Station

Building C : WORK

  • Bike Simulator
  • Yoga Studio
  • Co-Working Space
  • Meeting Room
  • Business Center

Building D : PLAY

  • Play Room
  • Game Room
  • Karaoke Lounge
  • Extreme Exercise Studio

Building E : EAT

  • Co-Kitchen Space
  • Fine Dining Space
  • Co-Dining Space

 

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 110 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 99 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 80 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 122 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 126 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 126 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 38% แบบรวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access
  • เข้า-ออกโครงการด้วยระบบอัตโนมัติ (Easy Pass)

แบบห้อง

Highlights :

  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะ เหมาะกับคนที่มี Lifestyle หรือความต้องการที่แตกต่างกันออกไป
  • ทุกห้องจะได้ครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจัง โดยจะมีทั้งแบบที่อยู่ด้านหน้าห้อง และแบบที่อยู่ติดกับระเบียง
  • เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นห้องนอนเดี่ยวๆ เน้นความเป็นส่วนตัวไปเลย หรือจะเป็นห้องนอนกว้างๆกึ่งสตูดิโอ ที่มาพร้อมกับพื้นที่นั่งเล่นและ Walk in Closet ในตัวด้วย
  • วัสดุดีเมื่อเทียบกับราคา ขายแบบ Fully Furnished ได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาก / Top เคาน์เตอร์หินสังเคราะห์ / พื้นกระเบื้องยางไวนิล / Bluetooth Sound System

แบบห้องของโครงการนี้จะมีอยู่ 4 Type หลักๆด้วยกัน ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.1 – 24.8 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 26.7 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.8 ตร.ม.

โครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ โดยมีวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องมาให้ตามนี้ค่ะ

  • พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องยาง SPC
  • พื้นระเบียงปูกระเบื้องเซรามิกส์
  • พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้
  • ผนังฉาบเรียบทาสีขาว
  • กรอบบานหน้าต่างอลูมิเนียม MPBB กระจกสีเขียวตัดแสง
  • Digital Door Lock
  • ตู้เก็บรองเท้า Built-in ที่สูงจากพื้นถึงฝ้า
  • โซฟา 2 ที่นั่ง
  • ชุดโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง
  • Bluetooth Sound System
  • เคาน์เตอร์ครัว Built-in
  • Hob&Hood
  • Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว
  • Backsplash กันเปื้อนที่ผนัง
  • ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต
  • ตู้เสื้อผ้า Built-in
  • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ COTTO เป็นหลัก
  • ฉากกั้นอาบน้ำกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ยี่ห้อ Shower King
  • แอร์ 1 Bedroom 12,000 BTU 1 ตัว / 1 Bedroom Exclusive 9,000 BTU 2 ตัว , 1 Bedroom Extra 9,000 BTU 2 ตัว , 1 Bedroom Plus 9,000 BTU 2 ตัว

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Exclusive 26.1 ตร.ม.

ห้อง Type นี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คนกำลังดี สำหรับเรามีจุดที่น่าสนใจมีอยู่ 4  ประเด็น คือ 1. ห้องน้ำที่สามารถเข้าได้ทั้งจากห้องทานอาหารและจากห้องนอน เข้าถึงได้สะดวก 2. ห้องนอนรวมพื้นที่นั่งเล่นไว้ในห้องเดียวกันทำให้พื้นที่มีขนาดใหญ่ ตอบโจทย์การพักผ่อนที่สามารถนั่งดูทีวีบนโซฟาหรือนอนดูทีวีบนเตียงก็ได้ 3. พื้นที่แต่งตัวแต่งหน้าถูกแยกไว้เป็นสัดส่วนให้บรรยากาศเหมือน Walk-in Closet และ 4. ครัวมีประตูปิดกันกลิ่นควันไม่ให้เข้าไปยังส่วนอื่น แต่ไม่ได้มีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้ต้องอาศัยระบบภายในอาคารแทน

โครงการขายแบบ Fully Furnished จะได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัวตามในลิสต์นี้ รวมถึงวัสดุในห้องน้ำก็จะได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ประตูเข้าห้องจะเป็นไม้บานทึบพร้อมกับติดตั้ง Digital Door Lock มาให้รองรับการใช้งานถึง 5 ระบบทั้ง Password, Apps, Finger Scan, Keycard และ กุญแจ นอกจากนี้ที่พื้นยังมีธรณีประตูเพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้าในตัวห้องด้วยค่ะ

ด้านหลังประตูจะมี Stopper ติดตั้งมาให้เพื่อกันกระแทก

โซนแรกสุดของห้องเป็นห้องครัวและพื้นที่ทานอาหารที่มีประตูปิดเป็นสัดส่วน พื้นครัวปูด้วยกระเบื้องยางไวนิลที่สามารถทนน้ำและความชื้นได้ระดับหนึ่ง

ประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอนเพื่อที่จะสามารถเปิดออกได้กว้าง และเดินผ่านได้สะดวกขึ้น รวมถึงยังทำหน้าที่เป็นช่องแสงให้กับห้องครัวอีกด้วย

ภายในห้องครัวเราจะได้ชุดเคาน์เตอร์ Built-in มาให้เหมือนในห้องตัวอย่าง และเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นด้านข้างไว้เรียบร้อย

เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างจะเป็นที่วางไมโครเวฟ, ลิ้นชักเก็บจานชามช้อนส้อม และมีตู้เก็บของใต้ซิงค์ล้างจานไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้

มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ฝั่งหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกฝั่งเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และมีพื้นที่ตรงกลางนิดหน่อยสำหรับเตรียมอาหาร …Top เคาน์เตอร์วัสดุเป็น หินสังเคราะห์ ทนต่อความชื้นได้ดีและทำความสะอาดง่าย มาพร้อม Backsplash ด้านหลังตามแบบห้องตัวอย่างเลยนะคะ เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

จุดที่ชอบมากๆก็คือ ใต้เตาไฟฟ้าจะมีลิ้นชักเล็กๆให้เลื่อนออกมาได้แบบนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ประกอบอาหาร และแก้ปัญหาเรื่องเคาน์เตอร์ครัวมีขนาดเล็กได้ แต่ระวังอย่าวางของที่มีน้ำหนักมากเกินไปนะคะ

เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Teka จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียน จึงไม่ได้เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นควันฉุนๆสักเท่าไรนะคะ

ซิงค์ล้างจานของ Teka ขนาดได้มาตรฐาน

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนจะมีหน้าบานปิดเรียบร้อย

ชุดโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่ง เป็นโต๊ะสูงวางเข้ามุมมาพร้อมเก้าอี้บาร์ สามารถใช้เป็นโต๊ะทานข้าวหรือจะใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารก็ได้

รอบโต๊ะมีพื้นที่ให้ดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวก

เข้ามาที่ห้องนั่งเล่น+ห้องนอน เป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่สุดในห้อง มีหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวภายนอก ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง ในส่วนฝ้าเพดานสูง 2.4 m. ตามมาตรฐาน

ข้อดีของการรวมพื้นที่ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้พื้นที่มีขนาดใหญ่ ตอบโจทย์การพักผ่อนที่สามารถนั่งดูทีวีบนโซฟาหรือนอนดูทีวีบนเตียงก็ได้ แต่หากอยู่อาศัยกัน 2 คนก็คงจะเหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน หากคนนึงเป็นคนนอนแต่หัวค่ำ แต่อีกคนชอบเล่นเกมส์ถึงดึกดื่นก็คงมีเสียงรบกวนกันบ้าง ถ้าไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกันห้อง Type นี้จะลงตัวกับการอยู่คนเดียวมากกว่าค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2.55 เมตร ติดตั้งทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วกำลังดี

สำหรับชุดโซฟานั้นทางโครงการจะให้มาด้วย มีขนาด 2 ที่นั่งหน้าตาตามแบบในรูปด้านล่างนะคะ

ชั้นวางทีวีที่โครงการติดตั้งมาให้จะเป็นแบบตั้งพื้น มีหน้าบานปิดบางส่วน ภายในจะแบ่งเป็นช่องเก็บของย่อยๆ

ภายในห้องนี้จะมี Bluetooth Sound System ติดตั้งมาให้ โดยจะมีการดีไซน์ให้หน้าจอมีขนาดกระทัดรัด และเสียงเพลงก็จะดังออกจากลำโพงที่ฝังอยู่บนฝ้าเพดาน ทำให้ได้ยินเสียงชัดเจนทั้งห้อง

ภายในห้องนอนกว้างพอสมควรสามารถวางเตียงใหญ่ได้ ซึ่งเราจะได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมกับช่องเก็บของด้านล่าง 2 ช่อง

ช่องแสงข้างเตียงมีขนาดใหญ่มาก เกือบเต็มผนังเลยค่ะ อีกทั้งยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย

อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นโซนแต่งตัว ซึ่งอยู่ติดกับทางเข้าห้องน้ำ และมีระเบียงสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า เรียกว่าโซนนี้เป็น Service ที่ถูกวางไว้ด้านหลังกำแพงทำให้ดูเรียบร้อยค่ะ

พื้นที่แต่งตัวดูเป็นสัดส่วนมาก ซึ่งโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลย ซึ่งหน้าบานด้านหนึ่งจะเป็นกระจกใสทำให้มองเห็นเสื้อผ้าด้านในได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นบานทึบช่วยปิดส่วนที่อาจจะดูไม่เรียบร้อย …และบริเวณด้านข้างตู้จะเหลือพื้นที่ให้เราวางโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มเติมได้

ภายในตู้ออกแบบมาให้มีราวแขวนเสื้อผ้าและชั้นวางของด้านบน สำหรับพื้นที่ให้ยืนเลือกเสื้อผ้ามีความกว้างประมาณ 80 cm. สามารถใช้งานได้สบายๆเลย ด้านในสุดทางเดินจะเป็นห้องน้ำ สะดวกดีนะคะ พอเราอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย

ห้องน้ำจะมีประตูให้เปิดเข้าได้ 2 ฝั่ง จากทางห้องครัว-ทานอาหาร และจากในห้องนอน

ซึ่งภายในมีการแยกโซนเปียก-แห้งไว้เป็นสัดส่วน

อ่างล้างหน้าจาก COTTO เป็นรุ่นที่มีตู้เก็บของด้านล่าง

สุขภัณฑ์ของ COTTO ตามแบบห้องตัวอย่าง มาพร้อมสายฉีดชำระ

พื้นที่อาบน้ำจะมีการกั้นด้วยฉากกั้นกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน มีน้ำหนักค่อนข้างเบาและใช้งานได้สะดวก

ภายใน Shower Box จะมีฝักบัวอาบน้ำมาให้ และมีช่องวางของ Built-in มาให้ด้วย จึงไม่ต้องติดชั้นวางของเพิ่มให้เกะกะเลยนะคะ พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้างประมาณ 1 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ

เนื่องจากห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีหน้าต่าง โครงการจึงติดตั้งเครื่องดูดอากาศมาให้เพื่อช่วยลดความชื้น

ปิดท้ายด้วยระเบียงห้อง เป็นประตูระเบียงแบบบานเลื่อน 3 ตอนจึงเปิดออกได้กว้าง เข้าออกสะดวก พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.5×1 m. พอสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้าได้ สำหรับกรอบประตูจะอยู่บนขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นอีกทีนึง ซึ่งขอบธรณีนี้จะช่วยกันน้ำจากภายนอกไม่ให้ไหลเข้าสู่ภายในตัวห้องค่ะ

ข้อดีของระเบียงนี้คือ โครงการติดตั้ง Condensing Unit ของแอร์ทั้ง 2 ตัวไว้ด้านบน ทำให้เราสามารถใช้งานระเบียงได้เต็มที่


1 Bedroom Exclusive 25.8 ตร.ม.

ห้อง Type นี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คนกำลังดี เมื่อเข้ามาจะเจอกับ Common Area เป็นลำดับแรก ซึ่งรวมไว้ทั้งพื้นที่นั่งเล่น, ดูทีวีและทานอาหาร และยังคงจุดเด่นที่ห้องน้ำเข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน จึงใช้งานได้สะดวก เวลามีเพื่อนมาหาก็เข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนค่ะ

ห้องนอนจะอยู่ด้านในสุด รับวิวและแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ พื้นที่ภายในห้องนอนค่อนข้างกว้างสามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ ส่วนที่เราชอบที่สุดคือห้องครัว จัดพื้นที่เป็นครัวปิดเหมาะกับการประกอบอาหารแบบจริงจัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นควัน เพราะติดกับระเบียงจึงเปิดระบายอากาศได้

เฟอร์นิเจอร์ทั้ง Built-in และลอยตัวจะให้ตามในลิสต์นี้ รวมถึงวัสดุในห้องน้ำก็จะได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ

พื้นที่ส่วนแรกจะเป็นชุดโซฟานั่งเล่น ซึ่งเราจะได้โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง กับชั้นวางทีวีมาให้พร้อมใช้งาน มีระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 2.55 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้

ข้างโซฟาเราจะได้ชุดโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่งตามแบบในรูปล่าง จึงสามารถนั่งทานข้าวไปดูทีวีไปได้นะคะ

มาดูด้านหลังประตูกันสักนิด สำหรับห้อง Type นี้จะมีตู้เก็บรองเท้า Built-in สูงจากพื้นถึงฝ้า พร้อมหน้าบานทึบแบบนี้ สามารถเก็บรองเท้าได้ 5 – 6 คู่ หรือของใช้ที่ต้องหยิบบ่อยๆ ก่อนออกจากห้อง

ถัดเข้าไปด้านในจะแยกออกเป็นห้องต่างๆ ซ้ายสุดคือห้องครัวมาพร้อมประตูกระจกบานเลื่อน ช่วยกันกลิ่นควันได้ ตรงกลางเป็นห้องนอนที่มีประตูปิดทึบ ได้ความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อน ส่วนทางขวาข้างทีวีเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ

ในส่วนของห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปที่ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย ด้านในติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ

มีประตูเข้า-ออก 2 ทาง คือจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน

Shower Box มีขนาดประมาณ 1×0.9 m. ภายในติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำและมีพื้นที่วางของ Built-in ให้ใช้งานได้สะดวก

ประตูกั้นห้องครัวกับห้องนั่งเล่นจะเป็นประตูกระจกสูงจากพื้นเกือบจรดฝ้าเลย ช่วยให้ห้องดูโปร่ง และประตูนี้จะช่วยกันกลิ่นควันจากห้องครัวไม่ให้ไปรบกวนพื้นที่ส่วนอื่น

ประตูห้องครัวเป็นประตูแบบ 3 ตอน จึงเปิดได้กว้างประมาณ 2.8 m. เลย ทำให้เดินผ่านเข้าออกได้สบาย

สำหรับชุดครัวและตู้ Built-in ทางโครงการจะให้มาตามแบบในห้องตัวอย่าง ยกเว้นแค่ตู้เย็นที่ไม่ได้ให้มา แต่จะเว้นพื้นที่ไว้ให้ติดตั้งตู้เย็นขนาดประมาณ 12.2 คิวได้

Gimmick หนึ่งที่ชอบและมีอยู่ในชุดครัวของทุกห้องคือ ลิ้นชักเล็กๆให้เลื่อนออกมาได้แบบนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ประกอบอาหาร และแก้ปัญหาเรื่องเคาน์เตอร์ครัวมีขนาดเล็กได้ดีทีเดียว แต่ระวังอย่าวางของที่มีน้ำหนักมากเกินไปนะคะ

ส่วนประตูระเบียงก็จะเป็นแบบเลื่อน 3 ตอน เปิดออกได้กว้าง สามารถขนผ้าออกไปซัก/ตากได้สะดวก

ระเบียงมีความกว้างประมาณ 1.3 x 1 m. พอจะวางเครื่องซักผ้าได้แบบพอดีๆ มีท่อน้ำและปลั๊กไฟให้พร้อมใช้งาน

ปิดท้ายด้วยห้องนอนที่จะมาพร้อมฐานเตียงขนาด 5 ฟุต วางไว้ชิดหน้าต่าง จึงสามารถนอนชมวิวได้จากบนเตียงได้เลย

ข้างเตียงจะมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ เป็นตู้ขนาดใหญ่เหมือนในห้องตัวอย่างเลย ซึ่งจะอยู่ติดกับประตูห้องน้ำพอดี จึงใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก


ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Extra 27.7 ตร.ม.

Type นี้จะจัดแปลนคล้ายๆ ห้องตัวอย่างเมื่อสักครู่นี้ แต่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า ทำให้มีโซนสำหรับแต่งตัวที่เป็นสัดส่วน และพื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้น ได้ครัวปิดติดระเบียง ทำอาหารได้จริงจัง แต่ห้องน้ำจะเข้าได้จากห้องนอนเท่านั้น จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้มีเพื่อนมาหาบ่อยๆ เพราะหากเพื่อนต้องการเข้าห้องน้ำจะต้องเดินผ่านห้องนอนทำให้เสียความเป็นส่วนตัวได้ค่ะ

รายการเฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัวที่โครงการติดตั้งไว้ให้

Image 1/8
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Extra 27.7 ตร.ม.

ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Extra 27.7 ตร.ม.

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

แบบแปลน

1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.1 – 24.8 ตร.ม.

Image 1/6

1 Bedroom Exclusive (แบบ B1) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 26.7 ตร.ม.

Image 1/32

1 Bedroom Exclusive (แบบ B2) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.6 – 26.7 ตร.ม.

Image 1/17

1 Bedroom Extra (แบบ C1) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม.

Image 1/27

1 Bedroom Extra (แบบ C2) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.8 – 28.5 ตร.ม.

Image 1/5

1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.8 ตร.ม.

ราคา

Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช) ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.1 – 24.8 ตร.ม. เริ่ม 1.79 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • จอง 999 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 49 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช) ตั้งอยู่ในโซนอ่อนนุชตอนกลาง ที่ขยับขยายมาจากทางฝั่งสุขุมวิทมาอิงถนนศรีนครินทร์ จึงสามารถทำราคาออกมาให้หยิบจับง่ายขึ้น ยังคงเข้า-ออกเมืองไปทางสุขุมวิท-ลาดกระบังได้เหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมคือ อิงการใช้งานถนนศรีนครินทร์ได้สะดวก ทำให้สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – บางกะปิ หรือจะไปทางบางนา – สมุทรปราการก็ได้

ที่สำคัญคือโครงการอยู่ติด ถนนใหญ่อ่อนนุช ใกล้แยกศรีนุชที่ตัดกับถนนศรีนครินทร์ ซึ่งโครงการใหม่ๆ ในโซนนี้จะขยับเข้าไปในซอยกันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ Atmoz ได้เปรียบในเรื่องการเดินทางค่ะ

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ระยะใกล้ก็พอจะมีตลาด ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านข้าวแกงข้างอยู่ทางบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นห้างใหญ่ๆก็จะอยู่บนถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก มีทั้ง Seacon Square / Paradise Park และตลาดนัดรถไฟ รวมถึงยังมีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งตั้งอยู่ด้วย เหมาะกับทั้งคนที่ตั้งใจจะซื้ออยู่เองและลงทุนปล่อยเช่าค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ : ทางด่วนที่ใช้เข้า-ออกเมืองใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนศรีรัช และมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 6 – 7 km. ใช้เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ขึ้นแล้วค่ะ และจะมีที่จอดรถประมาณ 38% แบบรวมจอดซ้อนคัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย โดยโครงการจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนุช ประมาณ 500 m. พอจะเดินไปไหว หรือจะเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ก็มีราคาประมาณ 20 บาท นอกจากนี้ก็จะมีรถสองแถว, แท็กซี่ ที่เรียกจากหน้าโครงการได้ง่าย รวมถึงมีท่าเรือตลาดเอี่ยมสมบัติ ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางเลี่ยงรถติดได้อีกด้วยค่ะ

การออกแบบโครงการ : Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช) เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มีเพื่อนบ้านรวมกว่า 1,108 ยูนิต แต่ก็มีการกระจายความหนาแน่นในการอยู่อาศัยออกเป็น 5 อาคารย่อยด้วยกัน วางผังอาคารที่โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ เลยทำให้ห้องพักที่หันหน้าเข้ามาด้านใน จะได้วิวสวนและสระว่ายน้ำสวยๆที่ทางโครงการจัดเอาไว้ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ Private Oasis มากๆ ค่ะ

จุดที่น่าสนใจคือ การที่เค้าออกแบบโดยพยายามคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งโซนการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ไม่ให้รบกวนกัน และการใช้อาคาร The Club มาช่วยกันความวุ่นวายจากถนนใหญ่ รวมถึงยังมีการใช้ผนังทึบเข้ามาบังสายตาให้พื้นที่ส่วนกลางออกจากโซนจอดรถอีกด้วย

การออกแบบห้องพักอาศัย : มีแบบห้องให้เลือกเยอะถึง 4 แบบ ซึ่งก็มีจุดเด่นหรือเหมาะกับคนที่มี Lifestyle แตกต่างกันออกไป โดยทุกแบบจะได้ “ครัวปิด” ที่สามารถทำอาหารได้จริงจังทั้งหมด ทีนี้ก็ลองเลือกดูว่าเราใช้ครัวมาก-น้อยแค่ไหน เช่น หากใครทำอาหารบ่อยๆก็ควรเลือกเป็นครัวที่ติดกับระเบียง แบบนี้จะระบายอากาศได้ดีมาก เป็นต้น

อีกจุดนึงที่เรามองว่าเค้าให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือ “ห้องนอน” เพราะเป็นฟังก์ชันที่มีขนาดใหญ่กว่าฟังก์ชันอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด และมีให้เลือกหลายแบบเลยไม่ว่าจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบ แบบนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก หรือจะเป็นห้องนอนที่รวมเอาพื้นที่โซฟานั่งเล่นและ Walk in Closet เข้ามาด้วย แบบนี้จะได้ในเรื่อง Multi-Function และบรรยากาศห้องกว้างขวาง โดยรวมแล้วก็เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก อยู่ด้วยกัน 1 – 2 คนค่ะ

วัสดุ : ให้มาดีเลยค่ะเมื่อเทียบกับราคา ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที และวัสดุหลายๆ อย่างก็เลือกมาดีเช่น พวกวัสดุปิดผิวสำคัญๆต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้องยางไวนิลที่ทนน้ำและความชื้นได้ดี / Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ ที่ทนความชื้นหรือความร้อน และไม่เป็นคราบได้ง่ายๆ รวมถึงยังได้ช่องแสงขนาดใหญ่และ Bluetooth Sound System อีกด้วยค่ะ

สาธารณูปโภค : เป็นจุดชูโรงของโครงการเลย โดยมี Facilities มากถึง 45 ฟังก์ชัน เยอะที่สุดในย่าน หลักๆคือบรรยากาศของสวนที่ร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท และสระว่ายน้ำตรงกลางที่ยาวถึง 50 m. อีกทั้งยังมีการเล่นระดับของ Jacuzzi และจุดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการใช้งานมากขึ้นเยอะเลย

นอกจากนี้แต่ละอาคารก็ยังมี Concept ที่แตกต่างกันออกไป (LIVE / ACTIVE / WORK / PLAY และ EAT) ซึ่งได้ถูกแยกโซนฟังก์ชันเอาไว้ตามกิจกรรมเพื่อไม่รบกวนการใช้งานกัน ไม่ว่าจะเป็นอาคาร A สำหรับส่วนต้อนรับ / อาคาร B สำหรับสายออกกำลังกาย / อาคาร C สำหรับสายทำงานใช้สมาธิ / อาคาร D สำหรับสายปาร์ตี้กับเพื่อนๆ / อาคาร E สำหรับสายกิน รวมถึงยังมี The Club ด้านหน้าสุดที่จะมีทั้งคาเฟ่และพื้นที่นั่งทำงาน ไว้ใช้พบปะกับแขกภายนอกได้สะดวกทีเดียว เทียบกับค่าส่วนกลาง 49 บาท/ตร.ม./เดือน ถือว่าสมราคา

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 76,500 บาท/ตร.ม., 24 พฤศจิกายน 2566

  • ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่อ่อนนุช พอมีความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆให้พึ่งพิงอยู่บ้าง
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ใกล้แยกศรีนุช เข้า-ออกเมืองได้หลายทาง มีทางด่วนศรีรัชและมอเตอร์เวย์อยู่ไม่ไกล ที่จอดรถประมาณ 38% รวมซ้อนคัน
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – มีตัวเลือกเยอะมาก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง 500 m. อีกทั้งยังมีวินมอเตอร์ไซค์ สองแถว และท่าเรือ
  • วัสดุ 8/10 – ให้มาดีเมื่อเทียบกับราคา ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่
  • แบบ 8/10 – มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ได้ครัวปิด ห้องนอนกว้าง มีห้องที่ได้วิวสระและสวน
  • สาธารณูปโภค 9/10 – มีมากถึง 45 ฟังก์ชัน ถือว่าให้มาเยอะและหลากหลายที่สุดในย่าน

  • MAIN CLASS
  • 7.98 / 10.00

Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช) เหมาะกับใคร

โครงการ Atmoz Oasis Onnut (แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดติดถนนใหญ่อ่อนนุช บริเวณช่วงตอนกลางที่อิงศรีนครินทร์ ชอบทำเลที่เดินไปรถไฟฟ้าได้ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีนุช 500 m. และมีตัวเลือกของรถสาธารณะหลากหลาย ชอบโครงการที่มีฟังก์ชันส่วนกลางเยอะ, หลากหลาย ให้บรรยากาศเหมือนอยู่รีสอร์ท มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ซึ่งเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 1 – 2 คน ได้ครัวปิดทั้งหมด และห้องนอนมีขนาดใหญ่ วัสดุดีเมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนเริ่มต้น 12,530 บาท/เดือน