โครงการ Atmoz Ladprao 71 จาก AssetWise เป็นคอนโด Low Rise ที่ได้วิวสวยทั้งภายนอกและภายในโครงการ เพราะทำเลใกล้กับบึงน้ำขนาดใหญ่ในถนนนาคนิวาส-โชคชัย 4 และตรงกลางยังมี Facilities ขนาดใหญ่สวยๆอีกด้วย ตอนนี้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และขายไปแล้ว 70 – 80% หากใครสนใจและอยากได้ไกด์ไลน์ในการเลือกตำแหน่งห้องล่ะก็ ตามผมไป Walk-in รีวิว พร้อมๆกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

18 February 2020

  • Atmoz Ladprao 71 (แอทโมซ ลาดพร้าว 71)
  • AssetWise
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนน นาคนิวาส เขต ลาดพร้าว
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 740 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิต ที่อาคาร D
  • ที่จอดรถประมาณ 369 คัน หรือคิดเป็น 49% (รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่จอดรถจักรยานยนต์ 52 คัน
  • ที่ดินประมาณ 7-0-93.2 ไร่
  • สร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ : ปี 2563
  • 1 Bedroom 23.85 – 25.71 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom Exclusive 29.06 – 49.04 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom Plus  38.08 – 51.9 ตารางเมตร
  • 2 Bedroom  50.26 – 54.32 ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท / หรือ 70,770 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาเฉลี่ยทั้งโครงการปัจจุบัน ประมาณ 70,000 – 90,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  :  02-168-0000

ก่อนจะเริ่มเข้าสู่เนื้อหา ผมอยากจะเล่าถึงที่มาของรีวิวฉบับนี้ให้ฟังกันสักนิดนึงฮะ คือบังเอิ๊ญญ.. ผมนั่งเขียนรีวิวที่ร้านกาแฟ Kraft Kafe แถวนาคนิวาสอยู่ใช่มั๊ย ก็พอดีกับที่ญาติผมเค้าโทรมาบอกว่า

…”เค้าซื้อโครงการ Atmoz Ladprao 71 เอาไว้อยู่เอง สนใจอยากมาดูหน่อยมั๊ย”

อ้าว..ใกล้ๆนี่เองนี่นา ห่างกันแค่ 700 m. ก็เลยลองไปดูสักหน่อย และไหนๆก็มีโอกาสได้เข้าไปแล้ว ผมเลยเอามาทำเป็น Walk-in รีวิว มันซะเลย เผื่อเป็นแนวทางในการช่วยใครตัดสินใจได้บ้าง จะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.816188, 100.610485
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 71 ตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าว-โชคชัย 4 ที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารอร่อยๆเยอะเลยครับ และนอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อซอยต่างๆ เพื่อไปทะลุออกถนนใหญ่ได้ถึง 5 เส้นทางอีกด้วย แต่โดยปกติแล้วถนนเส้นนี้เราจะเห็นว่ามีโครงการแนวราบ โดยเฉพาะทาวน์โฮมแพงๆเกิดขึ้นซะเป็นส่วนใหญ่

ในขณะที่คอนโดมิเนียมส่วนมาก จะอยู่แถวๆปากซอยใกล้ถนนใหญ่มากกว่า (ตรงวงสีแดงในแผนที่) ไม่ว่าจะเป็นแถวเสนานิคม , รัชดา 32 , หรือลาดพร้าว-วังหิน เพราะคนที่อยู่คอนโดย่อมต้องการความสะดวกในการเดินทางที่มากขึ้น แลกกับขนาดพื้นที่ที่น้อยกว่าบ้านแนวราบนั่นเองครับ

แต่โครงการ Atmoz ที่หลุดมาในโซนนี้ แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นคนที่ขับรถยนต์ล่ะก็ ถือว่าสะดวกเลยครับ แต่ถ้าพูดถึงรถสาธารณะของบริเวณนี้ ส่วนใหญ่คงต้องพึ่งแท็กซี่ที่ผ่านไปมาบ่อยๆ เพราะใกล้ๆกับตัวโครงการผมไม่เห็นวินมอไซค์ให้พึ่งพิงสักแห่งเลยครับ

รวมถึงร้านค้าร้านอาหารต่างๆในระยะเดินก็แทบจะไม่มีนะ โดยรอบจะเป็นหมู่บ้านซะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะหาตลาดที่ใกล้ที่สุดก็จะอยู่ตรงบริเวณใกล้ๆ แยกซอยสตรีวิทยา 2 ที่ห่างจากโครงการไปทางด้านซ้าย 700 m. ครับ

แต่ถ้าพูดถึงความอุดมสมบูรณ์ใหญ่ๆรอบๆแล้ว จุดที่ใกล้ที่สุดก็คือบริเวณสีน้ำเงิน ซึ่งจะมีห้างอยู่ริมถนนเลียบด่วนรามอินทราหลายแห่ง แต่ถ้าใครไม่อยากออกถนนใหญ่ ก็จะมีคอมมูนิตี้มอลล์และซูปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ที่ถนนลาดพร้าว-วังหินค่อนข้างเยอะครับ และจุดที่ทั้งอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานก็คือ บริเวณห้าแยกลาดพร้าวและแยกรัชโยธินนั่นเอง

ทีนี้เราลองมีดูการเดินทางไปสถานที่ต่างๆเหล่านั้นบ้าง เริ่มจากห้างที่ใกล้ที่สุดก็คือ Central Festival East Ville ที่เราสามารถใช้ซอยนาคนิวาส 16 เพื่อมาลัดเข้าตัวห้างจากทางด้านข้างได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาออกนอกถนนใหญ่ให้รถติด และใช้เส้นทางเดิมเพื่อกลับบ้านได้เลย หรือจะไปต่อที่ Crystal Park ก็ได้นะ แล้ววน Loop กลับมาที่โครงการจากถนนสุคนธสวัสดิ์ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลากลับรถครับ

ส่วนถ้าใครที่ทำงานแถวแยกรัชโยธิน และห้าแยกลาดพร้าว ก็สามารถใช้เส้นทางลัดเลาะต่างๆด้านใน เพื่อไปออกถนนพหลโยธินจากถนนเสนานิคมได้ครับ

สำหรับทางด่วนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนรามอินทรา “ด่านประชาอุทิศ” ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 6.7 km. นั่นเอง

เห็นมั๊ยครับว่าทำเลนี้ถ้าใช้รถยนต์ถือว่าสะดวกเลยนะ แต่ถ้าใครที่ไม่มีรถก็อาจลำบากสักหน่อย ถ้าจะนั่งแท็กซี่ทุกวันก็คงจะไม่ไหวจริงมั๊ย หรือใครจะรอวินมอไซค์ที่ผ่านไปผ่านมาหน้าโครงการก็ได้ครับ แต่คันที่ว่างๆนานๆจะมาสักคันนึง อาจไม่สะดวกเท่าที่ควร

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

โดยรอบส่วนใหญ่เป็นชุมชนแนวราบ และหมู่บ้านสูง 2 ชั้นครับ จะมีแค่ทางทิศใต้เท่านั้นที่มีคอนโดเพื่อนบ้านสูง 8 ชั้นเหมือนกัน และพิเศษหน่อยที่ใกล้ๆโครงการจะมีบึงน้ำสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ด้วย สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับหมู่บ้านสูง 2 ชั้น และมองเฉียงไปทางทิศตะวันออกจะได้วิวบึงน้ำสาธารณะขนาดใหญ่
  • ทิศใต้ : ติดกับคอนโด My Story สูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ติดกับหมู่บ้านสูง 2 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : เป็นด้านหน้าโครงการ ติดกับถนนนาคนิวาส และฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถวสูง 3 – 4 ชั้น

สำหรับทางทิศใต้ของโครงการ ผมมีประเด็นพูดเพิ่มอีกนิดนึงคือ โครงการ My Story เค้าออกแบบให้มีถนนและที่จอดรถได้รอบโครงการด้วยครับ ทำให้มีระยะ Set back ที่ค่อนข้างเยอะกว่าโครงการทั่วไป ซึ่งก็เป็นผลดีกับโครงการ Atmoz ด้วยเช่นกัน รวมแล้วทั้ง 2 โครงการจะมีระยะห่างกันประมาณ 14 – 16 m. เลยทีเดียวนะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดเขต (นาคนิวาสซอย33)  ~  1 กิโลเมตร
  • ตลาดนกแก้ว (นาคนิวาสซอย 6)  ~  1.6 กิโลเมตร
  • Central Festival East Ville ~  2.6 กิโลเมตร (ลัดออกทางซอยนาคนิวาส 16)
  • Crystal Park ~  2.6 กิโลเมตร (ลัดออกทางซอยนาคนิวาส 16)
  • Home Pro สาขารามอินทรา – เอกมัย ~  2.8 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus เอกมัย – รามอินทรา ~  2.8 กิโลเมตร
  • Chic Republic ~ 3.6 กิโลเมตร  (รวมระยะกลับรถ)
  • ตลาดโชคชัย 4 ~ 3.7  กิโลเมตร
  • Nawamin City Avenue ~  4.3 กิโลเมตร
  • The Walk เกษตรนวมินทร์ ~ 5.4 กิโลเมตร
  • ตลาดลาดพร้าวสะพาน 2 ~  6.6 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • Union mall ~ 7.7 กิโลเมตร
  • Central Ladprao ~ 9 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

สำหรับตัวโปรดักส์ Atmoz ลาดพร้าว 71 จะเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 740 ยูนิต ซึ่งผมขอเริ่มจากด้านหน้าก่อนเลยนะครับ โดยวันที่ผมไปนั้น Lobby ใต้อาคาร A ยังคงใช้เป็นสำนักงานขายอยู่ ถ้าใครจะมาติดต่อกับทางโครงการก็มาติดต่อได้ที่นี่นะ

ส่วนใต้อาคาร D จะเป็น Shop ครับ แต่จะเป็นร้านอะไรนั้น เซลล์กระซิบบอกว่ากำลังไฟท์กันอยู่เลยระหว่าง มุมแดง = 7/11 และมุมน้ำเงิน = FamilyMart ซึ่งอนาคตจะได้เจ้าไหนมาลงนั้นต้องรอติดตามชมกันต่อไปครับ แต่แน่นอนว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ดีแน่ๆเลยล่ะ

และก่อนเข้าไปดูด้านใน เรามาทำความรู้จักโครงการจาก Master Plan เพิ่มสักนิด ซึ่งอาคารทั้ง 4 จะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ และจอดรถใต้อาคารซะเป็นส่วนใหญ่ (มีที่ผมทำไว้เป็นสีเทาเข้มจะจอดกลางแจ้งครับ)

เดินรถทางเดียววนรอบโครงการ และแยกโถงลิฟต์กันชัดเจน ไม่มี Lobby นะครับ (ใช้ร่วมกันด้านหน้าที่อาคาร A ) รวมถึงแต่ละอาคารจะมี รปภ. ประจำอยู่ใต้ตึกแยกกันด้วย โดยการเข้า-ออกจะมีไม้กั้นกระดก และใช้ Key Card Access ตรงวงกลมสีส้มทางด้านหน้าครับ

รวมถึงมี Facilities บนชั้น 2 ด้วยนะ แต่จะแยกออกจากชั้นพักอาศัย เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว โดยทางด้านหน้าสุดจะเป็นส่วน Indoor ทั้งหมด และการจะใช้งานก็ต้อง Booking ก่อนด้วยนะครับ (มีความยุ่งยากในการใช้งานนิดนึง) ส่วนอาคาร Clubhouse ด้านในจะเป็นส่วนออกกำลังกายทั้งหมด

และก็มีห้องพักในตำแหน่งสีเหลืองทั้ง 2 จุดที่ผมทำไว้ หลายคนอาจกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวได้ ซึ่งทางโครงการได้แก้ไขโดยการทำระแนงบังสายตา และปลูกต้นไม้เอาช่วยไว้ในระดับหนึ่งแล้วครับ

นี่เป็นภาพบรรยากาศ Facilities ด้านหน้าโครงการ กับระแนงไม้ตรงโถงทางเดิน ที่ช่วยบังสายตาให้กับห้องข้างๆได้ดี โดยวันที่ผมไปเค้ายังไม่ได้เปิดให้ชมห้องเล่นเกมส์ กับห้องดูหนังข้างๆให้ผมดูนะครับ

ส่วนภาพนี้เป็นมุมมองจากสวนบนดาดฟ้าของ Facilities ตึก A นะ ซึ่งจะมีห้องที่ได้วิวแบบนี้ด้วย ค่อนข้างมีระยะสายตาที่มองไปได้ไกลอยู่เหมือนกัน

ตรงกลางจะมีประตูรั้วคั่นแบบนี้ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากสายตาคนภายนอก แต่จะเปิดให้ลูกบ้านเดินเข้า-ออกได้ตลอดเวลา ซึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยครับ เพราะจุดนี้ต้องผ่านพี่ยามด้านหน้ามาก่อนแล้ว

ภายในเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำและสวนขนาดใหญ่ทีเดียวครับ และแน่นอนว่าห้องพักอาศัยที่อยู่โดยรอบและหันเข้ามาด้านใน จะได้วิวสวยๆที่ทางโครงการทำขึ้นแบบนี้อย่างแน่นอน

โดยรอบสระมีจุดให้นั่งพักผ่อนหลายจุดเลยครับ และอาคาร Clubhouse ชั้น 1 จะเป็น Co-Working Space มี Wifi ให้ใช้ด้วย ส่วนชั้น 2 จะแบ่งออกเป็นส่วนซ้อมมวยและเล่นโยคะ กับอีกด้านจะเป็นส่วนคาร์ดิโอครับ มีทั้งลู่วิ่งและที่ปั่นจักรยาน และมีประตูกระจกสามารถชมวิวและออกไปด้านนอกได้ด้วย

ภายนอกเป็นสระว่ายน้ำอีกจุดหนึ่งครับ ซึ่งจะค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากกว่าสระด้านล่าง แถมยังได้วิวสวยอีกด้วย

เพราะถ้าเราหันไปอีกด้านก็จะเป็นบึงน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ ที่อยู่ข้างๆโครงการนั่นเอง ว่ายน้ำไปและชมวิวธรรมชาติไปด้วยเพลินๆครับ หรือจะขึ้นไปนั่งเล่นที่สวนบนดาดฟ้าก็ได้เช่นกัน

สำหรับชั้นพักอาศัยเรามาวิเคราะห์เจาะลึกถึงเรื่อง ตำแหน่งและวิวกันดีกว่าครับ เพราะผมว่า …นี่แหละคือ Value หรือสิ่งที่ทุกคนที่ซื้อโครงการนี้ให้ความสำคัญมากที่สุด สามารถสรุปได้ดังนี้

  • สีแดง : เป็นห้องที่จะถูกบล็อควิวจากอาคารข้างเคียง ดังนั้นทางโครงการจึงจัดห้องไซส์เล็ก เพื่อให้กลายเป็นห้องราคาพิเศษ สามารถหยิบจับได้ง่ายกว่าส่วนอื่นๆของโครงการครับ (ห้องราคาเริ่ม 1.69 ล้านบาท ก็อยู่ในตำแหน่งเหล่านี้เช่นกัน)
  • สีชมพู : เป็นห้องที่ถือเป็น Highlight ของโครงการเลยครับ เพราะจะมองเห็นวิวบึงน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ได้นั่นเอง แต่ผมแนะนำเป็นชั้น 3 ขึ้นไปจะดี เพราะชั้น 2 ยังมีโอกาสโดนหลังคาบ้านและพุ่มไม้ข้างเคียงบังวิวได้อยู่ครับ
  • สีเหลือง : เป็นตำแหน่งที่มองเห็นสวนและสระว่ายน้ำของโครงการได้ ซึ่งก็ถือว่าสวยงามดีเหมือนกันครับ
  • สีส้ม : เป็นจุดที่ผมคิดว่าวิวดีที่สุดแล้ว เพราะได้ทั้งวิวส่วนกลางของโครงการ และวิวบึงน้ำสาธารณะด้านนอกได้ แม้จะไม่ได้เห็นในระยะใกล้เหมือนอาคาร B ก็ตาม

จากผังโดยรวมทั้งหมดสรุปได้สั้นๆว่า ส่วนมากห้อง Type ใหญ่ๆ พวก 1 Bedroom Exclusive , 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom จะอยู่ในตำแหน่งที่ได้วิวค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นวิวบึงน้ำสาธารณะ และวิวส่วนกลางของโครงการ

แต่จะมีห้องเล็กๆเข้ามาแทรกตรงวิวดีๆบ้าง ซึ่งห้องเหล่านี้แหละที่ถือเป็น Rare Item เลยก็ว่าได้ครับ เพราะส่วนใหญ่ห้อง 1 Bedroom ที่เป็นไซส์เริ่มต้น จะอยู่ในตำแหน่งที่โดนบล็อควิว ซึ่งการวางห้องเล็กในตำแหน่งแบบนี้ก็จะทำให้ราคาหยิบจับได้ง่ายมากขึ้นนั้นเองครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Building A facilities

  • Duplex Lobby Lounge
  • Library & Meeting Hub
  • Karaoke Theater
  • Game Room

  • Building C facilities
    • Co-Chilling space
    • Smart Fitness

  • Natural Form Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 23 x 33 เมตร ลึก 1.1 เมตร
  • Lakeside Infinite Pool & Pavilion ระบบเกลือ ขนาด 25 x 6 เมตร ลึก 1.1 เมตร
  • Arched Garden
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 93 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 369 คัน คิดเป็น 49.86% (รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่จอดรถจักรยานยนต์ 52 คัน
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • แบบห้อง

    แบบห้องของโครงการจะมีหลักๆอยู่ 4 Type นะครับ ขายแบบ Fully Furnish ขาดเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้า และฟูกที่นอนก็เข้าอยู่ได้เลยครับ ประกอบด้วย

    • 1 Bedroom 23.85 – 25.71 ตารางเมตร
    • 1 Bedroom Exclusive 29.06 – 49.04 ตารางเมตร
    • 1 Bedroom Plus  38.08 – 51.9 ตารางเมตร
    • 2 Bedroom  50.26 – 54.32 ตารางเมตร

    ห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 23.85 ตารางเมตร เป็นห้องไซส์เล็กสุดของโครงการ ลักษณะคล้ายกับห้อง Studio ตอนลึกครับ แต่มีการใช้ประตูกระจกบานเลื่อนมากั้นห้องนอนตรงกลางไว้ ทำให้มีความเป็นสัดส่วน และแยกฟังก์ชันการใช้งานได้ดีขึ้น ในขณะที่ยังคงความโปร่งโล่งและการเชื่อมต่อพื้นที่ในแบบห้อง Studio ได้ดี โดยจุดที่ผมอยากให้สังเกตจะมีอยู่ 4 จุดด้วยกันคือ

    1. ครัวของห้องนี้เป็นครัวเปิด แต่ก็มีระยะให้สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ครับ แลกกับพื้นที่การใช้สอยในห้องจะดูแคบลง
    2. พื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ถัดเข้าไปตรงกลางๆห้อง โดยจะไม่ถูกห้องน้ำกินพื้นที่เลย จึงมีระยะดูทีวีได้เต็มความกว้างของห้อง อีกทั้งยังไม่เสียความเป็นส่วนตัวจากคนที่เดินผ่านไป-มาหน้าห้อง ในขณะที่เรานั่งดูทีวีอีกด้วยครับ
    3. ห้องนี้ได้กระจกแบบเข้ามุม ซึ่งช่วยให้ชมวิวภายนอกได้ดีมากขึ้น แถมยังดูโปร่งโล่งอีกด้วย

    ห้องที่เซลล์จะพาผมไปดูห้องแรก เป็นหนึ่งในห้อง Rare Item ที่หลุดดาวน์มานะครับ จริงๆแล้วตำแหน่งนี้จะมีชั้น 2 อีกชั้นหนึ่งที่ยังว่างอยู่ นอกนั้นขายออกหมดแล้ว เพราะวิวนี้ขายค่อนข้างดี แต่สำหรับคนที่อยากเห็นบึงน้ำจริงๆ ผมแนะนำเป็นชั้น 3 ขึ้นไป เพื่อให้พ้นระยะหลังคาบ้านและต้นไม้ข้างเคียงครับ

    ภายในห้องเราจะได้เห็นวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ของจริง ที่เราได้ทั้งหมดเลยครับ ซึ่งถ้าใครอยากได้แนวทางการแต่งห้อง ก็สามารถย้อนกลับไปดูรีวิวห้องตัวอย่างจากลิงค์ท้ายรีวิวนี้ได้เลยนะ

    และนี่คือ Highlight ของห้องนี้ ซึ่งจะได้วิวบึงน้ำสาธารณะขนาดใหญ่แบบนี้เลยครับ พร้อมกับกระจกเข้ามุมทำให้ช่วยเปิดมุมมองได้กว้างมากขึ้นทีเดียว และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมสัมผัสได้คือ ลมที่นี่แรงมากครับทุกคน

    โดยเฉพาะห้องทางทิศเหนือนี้ ขนาดปิดหน้าต่างอยู่ผมยังได้ยินเสียงลมพัดผ่านร่องเล็กๆ ของประตูหน้าต่างได้เลย (บางคนอาจรำคาญก็ได้นะ) พอเปิดหน้าต่างเท่านั้นแหละ…ทรงผมกระเซิงหมดเลย นึกว่าอยู่คอนโดริมทะเล ฮ่าๆๆ

    ต่อไปเป็นห้อง Type เดียวกัน แต่ได้วิวด้านในโครงการนะครับ ซึ่งมีราคาสูงกว่านิดนึงด้วย ทั้งๆที่มีขนาดพื้นที่เล็กกว่าหน่อย ทั้งนี้ก็แล้วแต่ว่าคุณจะชอบหรือให้ความสำคัญกับวิวไหนเป็นหลักครับ

    โดยผมได้ลองสอบถามกับทางเซลล์มาให้แล้วว่า ถ้าเป็นห้องชั้นเดียวกัน Type เดียวกัน และขนาดเท่ากันเปะๆ วิวบึงน้ำกับวิวสระว่ายน้ำจะมีราคาต่างกันไม่เกิน 50,000 บาทครับ

    ภายในห้องจะได้ของเหมือนกับห้องเมื่อสักครู่เลยนะครับ แค่สลับด้านกันเท่านั้น

    ส่วนวิวที่ห้องนี้จะได้คือ วิวสระว่ายน้ำและสวนของโครงการครับ ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าคุณเลือกที่อยากจะได้วิวนี้ อาจเลือกห้องที่สูงประมาณชั้น 3 – 5 กำลังดีครับ จะได้ชมวิวจากหน้าต่างได้ ไม่ต้องก้มลงไปมองจากชั้นสูงๆแบบนี้

    ห้อง 1 Bedroom Exclusive ขนาด 32.31 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้นครับ โดยมีจุดที่น่าสังเกต 3 จุดดังต่อไปนี้

    1. ได้ครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียงภายนอก เวลาทำอาหารที่มีกลิ่นหรือควัน ก็สามารถเปิดประตูระบายอากาศได้โดยตรงเลย
    2. ห้องนอนกั้นด้วยผนังทึบ ได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ
    3. ห้องนั่งเล่นจะได้ช่องแสงจากประตูกระจก ที่กั้นส่วนของห้องครัวเท่านั้น ซึ่งถ้าปิดประตูห้องนอนไว้ก็จะทำให้ภายในห้องนั่งเล่นไม่ได้สว่าง หรือโปร่งโล่งเท่ากับห้องที่มีช่องแสงกว้างๆครับ เหมาะกับคนที่เน้นความเป็นสัดส่วน เป็นส่วนตัว และไม่ซีเรียสเรื่องความโปร่งโล่ง

    ห้องที่เซลล์จะพาผมไปชมนั้นจะเป็นอาคาร C ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นพื้นที่ภายในโครงการทั้งหมดเป็นแนวยาวได้เลยครับ จึงทำให้มีระยะสายตาค่อนข้างมาก แต่อาจต้องเลือกห้องที่อยู่สูงๆหน่อย สักชั้น 4 – 5 ขึ้นไป เพราะไม่งั้นจะโดนอาคาร Clubhouse และต้นไม้บังวิวได้นะ

    เมื่อเข้ามาภายในจะเห็นได้ว่า มีความเป็นสัดส่วนมากๆ เน้นการใช้งานครัวและห้องนอนเป็นหลัก เพราะได้แสงและวิวเต็มที่ ไม่เน้นห้องนั่นเล่นมากนัก แต่ก็มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้างอยู่นะครับ

    ส่วนภาพนี้คือวิวเต็มๆ ของห้องนี้จากชั้น 7 ครับ ส่วนใหญ่จะมองเห็นต้นไม้มากกว่า ไม่ค่อยเห็นสระตรงกลางเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเรามองมาทางขวามือ ก็จะมองเห็นสระว่ายน้ำอีกสระ พร้อมกับเห็นบึงน้ำได้บางส่วนได้ด้วย

    อีกสักห้องนึงครับ ซึ่งเป็นทั้งห้องมุมและยังเป็นตำแหน่งที่ผมค่อนข้างชอบอีกด้วยครับ เพราะจะมองเห็นได้ทั้งวิวส่วนกลางของโครงการ และวิวบึงน้ำสาธารณะเลยครับ (แต่ตำแหน่งที่ผมชอบจริงๆ จะขยับมาด้านขวาอีกสัก 1 – 2 ห้อง เพราะผมว่าน่าจะมองเห็นบึงน้ำได้มากกว่านั่นเอง)

    เข้ามาภายในสิ่งที่ต่างจากห้องเมื่อกี้คือ ตรงครัวจะมีช่องหน้าต่างบานเลื่อนเล็กๆด้านข้างเพิ่มมาด้วย ซึ่งจะช่วยให้แสงเข้ามากขึ้น และยังเปิดระบายอากาศแทนประตูใหญ่ได้เลยครับ หรือจะล้างจานไปและแอบดูวิวไปด้วยก็ได้นะ แต่ไหนๆจะทำช่องเปิดด้านข้างทั้งที ผมว่าน่าจะทำตรงห้องนั่งเล่นไปด้วยเลยจะดีมากๆครับ

    ปิดท้ายด้วยภาพวิวจากหน้าต่างในห้องนอน ซึ่งจะมองเห็นบึงน้ำสาธารณะ และสระว่ายน้ำทั้ง 2 อย่างเลยครับ ซึ่งทุกคนเห็นมั๊ยว่าวิวบึงน้ำจะแอบถูกอาคาร B บังเยอะไปหน่อย ผมจึงบอกว่าถ้าเป็นห้องที่ขยับไปทางขวาอีกหน่อย ก็จะได้วิวที่สวยขึ้นมากกว่านี้นั่นเองครับ

    ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 38.06 ตารางเมตร เป็นห้องที่เหมาะกับคนอยากได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา เพื่อจุดมุ่งหมายอะไรสักอย่าง เช่น ใช้เป็นห้องทำงานอ่านหนังสือ หรืออนาคตเผื่อไว้เป็นห้องลูกน้อยก็ได้ครับ โดยห้องนี้จะมีจุดให้สังเกตอยู่ 4 จุดด้วยกันคือ

    1. พื้นที่ครัวได้เป็นครัวเปิด แต่ก็มีระยะสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ แลกกับห้องจะดูแคบลงไปบ้างครับ
    2. ผนังตรงกลางถูกออกแบบเป็นตัว S เพื่อ Built ตู้หรือชั้นวางทีวีเข้าไปในช่องนั้น จะได้ไม่ยื่นหรือลอยตัวออกมาเกะกะพื้นที่ทางเดิน แต่เพราะบางจุดติดตำแหน่งเสาอยู่บ้าง เวลา Built จริงอาจไม่พอดี บางห้องเลยดูแปลกๆอยู่สักนิดนะครับ
    3. ห้องอเนกประสงค์จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อให้ห้องนั่งเล่นได้แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านเข้ามาบ้าง ซึ่งถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็ต้องติดม่าน หรือมู่ลี่เพิ่มเติมนะครับ
    4. ห้องนี้ได้ระเบียงค่อนข้างใหญ่กว่าทุกห้องที่ผ่านมา และยังอยู่ในห้องนอนหลักอีกด้วย เวลาจะใช้งานทีก็ต้องเข้ามาในห้องนอน อาจเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง และถ้าใช้ตากผ้าด้วยแล้ว ก็อาจแลดูไม่สวยงามและยังบังวิวอีกด้วย เพราะจุดเด่นของห้อง Type นี้คือ มักจะอยู่ในจุดที่ได้วิวดีๆเป็นส่วนใหญ่นั่นเองครับ

    ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 50.48 ตารางเมตร  เป็นห้องไซส์ใหญ่ที่สุดของโครงการ มักจะอยู่ในตำแหน่งห้องมุม และยังมีจำนวนน้อยที่สุดอีกด้วย เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่อยากอยู่อาศัยกันจริงจัง มีลูกคนเดียวอะไรแบบนี้ แต่ข้อเสียคือ จะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันครับ โดยจะมีจุดที่น่าสังเกตอีก 5 จุดด้วยกันดังนี้

    1. ตำแหน่งประตูของทั้ง 2 Layout ไม่ตรงกัน ซึ่งส่งผลกับฟังก์ชันด้านในที่ต่างกันด้วยครับ โดยถ้าใครชอบฟังก์ชันแบบไหนก็ต้องลองเช็คกับทางโครงการดูอีกครั้งนะ

    • สำหรับห้องทางซ้ายที่ประตูอยู่ตรงกลาง ห้อง Common area จะเชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ ดูแล้วกว้างดี และดันฟังก์ชันใช้งานกับห้องนอนแยกออกจากกันไปคนละฝั่งชัดเจน
    • ส่วนห้องทางขวามือจะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เวลาประตูหน้าห้องจะมองไม่เห็นพื้นที่ส่วนอื่นด้านในเลยนั่นเองครับ

  • เนื่องจากห้อง Type นี้เป็นห้องมุมทุกห้อง จึงมีช่องแสงเพิ่มขึ้นเป็น 2 ด้าน ทำให้ทุกฟังก์ชันจะได้อยู่ติดกับหน้าต่าง มีความโปร่งโล่งและได้วิวด้วยนั่นเองครับ
  • สำหรับช่องหน้าต่างของห้องนั่งเล่น ผมว่าค่อนข้างให้มาเล็กอยู่สักหน่อย เมื่อเทียบกับพื้นที่ห้องที่เป็นตอนลึก แสงอาจส่องมาด้านหน้าห้องได้น้อย และความโปร่งโล่งจะลดลงครับ
  • ครัวของ 2 ห้องนี้จะต่างกัน โดยห้องด้านซ้ายจะอยู่ติดกับระเบียง นอกจากจะเปิดระบายอากาศได้แล้ว เวลาจะตากผ้าก็เปิดออกไปตากได้เลย ในขณะที่ห้องด้านขวาก็ติดกับภายนอกเหมือนกัน (แต่เป็นหน้าต่างนะ) ทำให้เวลาตากผ้าต้องไปตากในระเบียงห้องนอนแทนครับ
  • ห้องทางขวามือจะมีระเบียงอยู่ในห้องนอนเล็ก แทนที่จะเป็นห้อง Master Bedroom แลกกับพื้นที่ใช้สอยภายในที่น้อยกว่า แต่ออกไปใช้งานภายนอกได้ด้วย ส่วนห้องนอนใหญ่จะได้กระจกเข้ามุมแทน และเน้นพื้นที่ในห้องมากกว่า
  • ..ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับการ Walk-in รีวิว ในครั้งนี้ ส่วนตัวผมมองว่าโครงการนี้มีจุดเด่นในตัวชัดเจน คนที่จะเลือกที่นี่เค้าต้องการวิวและใช้งาน Facilities นั่นเอง ส่วนฟังก์ชันห้องก็ค่อนข้างมาตรฐาน และปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วเรียบร้อย

    ถ้าใครสนใจผมแนะนำให้ Walk-in เข้าไปดูด้วยตัวเองอีกทีครับ ว่าตำแหน่งห้องที่ยังว่างอยู่ เป็นวิวที่เราชอบหรือไม่ เพราะโครงการนี้มีตำแหน่งวิวให้เลือกเยอะจริงๆ ซึ่งผมก็ได้ไกด์ไลน์บางส่วนให้เป็นแนวทางแล้ว หวังว่าจะมีประโยชน์นะครับ ถ้าใครมีความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะอื่นๆเพิ่มเติม ก็สามารถ Comment กันมาที่ใต้รีวิวนี้ได้เลยนะ

    ราคา

    18 February 2020

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง + ทำสัญญา 5,000 – 10,000 บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 500  บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
    • Promotion : ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอน พร้อมส่วนลดเพิ่มเติมตามแต่ละ Type ไม่เท่ากัน (ลองสอบถามกับโครงการดูอีกทีครับ แต่ลดหลักหมื่นอยู่นะ) โปรนี้สิ้นสุดสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นี้เท่านั้นนะครับ

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

    บทสรุป

    ทำเล : โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 71 ตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าว-โชคชัย 4 บนถนนนาคนิวาส ซึ่งเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์และเดินทางสะดวกก็จริง แต่เหมาะกับการใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่า เพราะตำแหน่งโครงการจะอยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ค่อนข้างไกล และไม่ได้อยู่ใกล้ร้านค้าหรือตลาดในระยะเดิน ซึ่งเพื่อนบ้านที่เป็นโครงการใหม่ๆในทำเลแบบนี้ ส่วนมากจะเป็นโครงการแนวราบ พวกทาวน์โฮมราคาแพงครับ ซึ่งกลุ่มนั้นเค้ามีรถยน์ใช้กันแน่นอนอยู่แล้ว

    แต่ถ้าเป็นโปรดักส์คอนโดส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณปากซอย เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางและใช้ชีวิต ดังนั้นทำเลนนาคนิวาสตรงกลางๆ จึงค่อนข้างเงียบๆนิดนึง แถมด้วยราคาประมาณ 80,000 – 90,000 บาท/ตร.ม. แบบนี้ ก็ถือว่าไม่ใช่โปรดักส์ที่ถูกนะครับ ราคานี้สามารถไปซื้อโซนแถวหน้าปากซอยได้เลย

    แต่ทาง AssetWise เค้ามีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ที่อยากเป็นคนที่ต้องการอยู่อาศัยในถนนนาคนิวาสจริงๆ แต่อาจสู้ราคาทาวน์โฮมในย่านนี้ที่มากกว่า 4 – 5 ล้านไม่ไหว ดังนั้นโปรดักส์คอนโดที่หยิบจับง่ายกว่าจึงค่อนข้างตอบโจทย์ดีทีเดียว รวมถึงทำเลที่ตั้งยังได้วิวบึงน้ำขนาดใหญ่ กับ Developer เจ้านี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องให้พื้นที่ส่วนกลางเยอะที่สุดในย่านอีกด้วยครับ

    การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกมากครับ เพราะถนนต่างๆสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ และไปทะลุออกถนนใหญ่ได้ถึง 5 เส้นทาง ค่อนข้างเลี่ยงรถติดได้ดีเลยทีเดียว (แต่ภายในซอยเหล่านี้ก็ค่อนข้างติดในเวลาเร่งด่วนอยู่เหมือนกัน) รวมถึงยังสามารถไปเข้า Central East Ville จากซอยด้านหลังได้ง่าย และมีทางด่วนรามอินทราให้ใช้ มีที่จอดรถประมาณ 49% (รวมจอดซ้อนคัน) กับมีที่จอดรถมอไซค์ให้ด้วย

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : นับว่าไม่ค่อยสะดวกนักสำหรับทำเลตรงจุดนี้ หากเทียบถนนนาคนิวาสกับถนนเส้นอื่นๆในย่านเดียวกันแล้ว ถนนอื่นจะคึกคักและมีรถสาธารณะอย่างพี่วินมอไซค์เยอะกว่าครับ ในขณะที่รอบข้างโครงการไม่มีเลยสักวิน แต่บนถนนนนาคนิวาสก็จะมีรถเมล์เล็กวิ่งอยู่ด้านในด้วยนะครับ สามารถโบกเรียกจากหน้าโครงการได้เลย แต่ก็นานๆที ประมาณ 10 นาทีจะมาสักคันครับ

    วัสดุ : ส่วนตัวผมมองว่าให้ของโอเคกับระดับราคานี้อยู่ครับ เพราะได้เป็น Fully Furnished ขาดแค่เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างก็เข้าอยู่ได้เลย ที่ชอบที่สุดก็คงเป็นพื้น Smart Vinyl กับหน้าต่าง Bay Window ในบางห้อง แต่กับกระเบื้องเซรามิคในห้องครัว ผมว่าราคานี้สามารถอัพเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ก็ยังได้นะ และสิ่งที่เพิ่มเติมมาจากตอนทำรีวิวครั้งก่อนก็คือ จะมีระบบ Bluetooth Sound System แถมมาให้ด้วยครับ

    การออกแบบโครงการ : โครงการนี้มีเพื่อนบ้าน 4 อาคาร รวมกันมากถึง 740 ยูนิต ถือว่าเยอะที่สุดในย่านเลยก็ว่าได้ครับ โชคดีที่ AssetWise เค้าได้ที่ดินมาค่อนข้างใหญ่ เมื่อทำตึกไปแล้วก็ยังมีพื้นที่เปิดโล่งตรงกลางอยู่ค่อนข้างเยอะ จึงไม่ได้รู้สึกว่าอึดอัดอะไรมากนัก และเกือบทุกห้องที่หันเข้ามาด้านในจะได้วิวสวน กับสระว่ายน้ำสวยๆตรงกลาง และยังมีห้องที่ได้วิวบึงน้ำสาธารณะทางทิศเหนืออีกด้วยครับ นั่นจึงทำให้ห้องส่วนใหญ่ของโครงการจะได้ราคาค่อนข้างดี และมีคนให้ความสนใจค่อนข้างมาก

    แต่ก็ประสบปัญหาอย่างนึงคือ แม้ทุกคนจะอยากได้วิวดีๆ และห้องเหล่านี้มักจะถูกจองไปก่อน แต่ก็ยังมีหลุดดาวน์มาบ้างครับ เนื่องจากห้องตำแหน่งดีๆ ส่วนมากมักจะเป็นห้องไซส์ใหญ่ ทำให้สุดท้ายก็สู้ราคาไม่ไหว แต่โครงการก็มีอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งคือ เค้านำห้องไซส์เล็กๆไปไว้ในตำแหน่งที่อาจโดนบล็อควิวอยู่บ้าง ทำให้มีราคาที่หยิบจับได้ง่ายกว่ามากๆ เหมาะกับคนที่เน้นใช้งาน Facilities และไปชมวิวที่ Clubhouse ไม่ซีเรียสวิวในห้องครับ

    การออกแบบห้องพัก : โครงการนี้ยังคงใช้โมเดลห้องเดิม เหมือนกับโครงการอื่นๆของ AssetWise ซึ่งจุดที่ผมชอบก็คือ เค้าเน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน โดยการทำระเบียงให้มีขนาดเล็ก จัดแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน แต่จะไม่ค่อยเน้นห้องนั่งเล่นมากนัก เพราะมักจะไม่ได้อยู่ติดกับหน้าต่าง ได้แสงน้อย และจะไปเน้นวิวจากห้องนอนมากกว่า

    โดยห้องส่วนใหญ่จะเป็น 1 Bedroom จึงเป็นโครงการที่เหมาะกับคนวัยเพิ่งเริ่มทำงาน ซึ่งผมก็ได้ลองสอบถามกับเซลล์มาแล้วว่าคนที่ซื้อส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ทำงานพวก SME ต่างๆในพื้นที่นี้ มีบ้างครับที่เข้าไปทำงานในเมือง และก็มีคนซื้อไปปล่อยเช่าด้วยเหมือนกัน ราคาอยู่ที่ประมาณ 8,000 – 22,000 บาท/เดือน ส่วนถ้าใครที่ต้องการอยู่มากกว่า 2 คน หรือวางแผนอยู่ยาวมีลูกในอนาคต ก็จะต้องเล็งห้อง 2 Bedrooms ให้ดีๆนะครับ เพราะมีค่อนข้างน้อยอยู่เหมือนกัน

    สาธารณูปโภค : ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยครับ ค่อนข้างมีความหลากหลายและสวยงามน่าใช้งานมากๆ มีกระจายอยู่หลายๆจุด เพื่อลดความหนาแน่นในการใช้งาน เพราะโครงการนี้มีเพื่อนบ้านที่ต้องใช้งานร่วมกันถึง 740 ครอบครัว แต่ส่วนตัวผมก็มองว่าน่าจะเพียงพออยู่นะครับ แถมอาคาร Clubhouse ก็ยังได้วิวค่อนข้างดีอีกด้วย

    อีกอย่างที่ผมหวั่นใจก็คือ “ค่าจ้างพี่ยาม” ครับ เพราะโครงการนี้เค้าใช้ยามประจำอยู่หลายจุดมาก ตั้งด้านหน้าโครงการ (ทางเข้า-ออก) และใต้อาคารทั้ง 4 รวมแล้วใช้ยามอย่างน้อย 5 – 6 คนต่อ 1 กะ ถ้ามี 2 กะ (กลางวัน/กลางคืน) ก็ต้องมีอย่างน้อยๆ 10 – 12 คน

    ซึ่งโครงการนี้ก็เก็บเงินค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม. เท่าๆกับโครงการขนาดใหญ่ 300 – 500 ยูนิตในย่านนี้ และเก็บ 50 บาท/ตร.ม. ในโครงการขนาดเล็กไม่ถึง 100 ยูนิต เนื่องจากมีเพื่อนบ้านช่วยแชร์น้อยนั่นเอง แต่โครงการเหล่านั้นก็ไม่ได้มียามประจำอยู่หลายจุดแบบนี้ เลยทำให้ผมหวั่นใจว่าอาจส่งผลกระทบกับเงินส่วนกลางของโครงการและลูกบ้านได้ในอนาคตครับ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 90,000 บาท/ตร.ม., 18 February 2020

    • ทำเล 7.75/10 – ไม่ได้มีของกินในระยะเดิน มีห้องได้วิวบึงน้ำขนาดใหญ่
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวก ทางลัดเชื่อมต่อกันเยอะ รถติด มีที่จอดรถ 49%
    • ไม่ใช้รถ 7.00/10 – โดยรอบไม่มีวินมอไซค์ อาจต้องพึ่งรถเมล์เล็ก/แท็กซี่เพื่อไปต่อรถ
    • วัสดุ 7.75/10 – ให้มาตามมาตรฐานทั่วไป Fully Furnished พร้อมอยู่
    • แบบ 8.5/10 – ผังโครงการดี เน้นชมวิว ห้องส่วนใหญ่เหมาะกับวัยทำงาน
    • สาธารณูปโภค 8.75/10 – ให้มาเยอะ สวยงามน่าใช้ และน่าจะเพียงพอ

    • ECONOMY CLASS
    • 7.81 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 71 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดย่านลาดพร้าว เน้นเรื่องวิวสวยๆ และมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ให้ใช้งาน แลกกับเพื่อนบ้านเยอะ และเป็นทำเลอาจต้องใช้รถส่วนตัวจึงจะสะดวก ไม่ได้ใกล้ของกินในระยะเดิน ขายแบบ Fully Furnished สร้างเสร็จพร้อมอยู่ มีงบประมาณระดับ 1.69 – 4.675 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 12,000 – 33,000 บาท/เดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving