เดอะ ฟอเรสเทียส์ พร้อมแล้วที่จะอวดโฉม ‘มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า’
ครั้งแรกในไทย ‘บ้านคลัสเตอร์’ สำหรับครอบครัวใหญ่หลายเจเนอเรชั่น
“เป็นแนวคิดใหม่ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตของครอบครัวคนไทยที่เคยเป็นมา ที่หลายเจเนเรชั่นในครอบครัว มักจะปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน และไปมาหาสู่พบปะกันอยู่เสมอ” นายชาคริต หัสสรังสี ผู้อำนวยการอาวุโส MQDC
MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมแล้วที่จะเปิดวิลล่าหลังแรกของโครงการมัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า ในวันที่ 1 ธันวาคม 2565 นี้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงแนวคิดใหม่ในการออกแบบบ้าน ที่หลายวิลล่าถูกเชื่อมต่อถึงกัน เพื่อให้ครอบครัวขยายที่ประกอบไปด้วยสมาชิกหลายเจเนอเรชั่นสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยการอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยวของตัวเอง
มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า ประกอบด้วยบ้านเดี่ยวที่ออกแบบโดย Foster + Partners โดยแต่ละวิลล่ามีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ประมาณ 1,000 – 1,700 ตารางเมตร ตั้งกระจายตัวอยู่บนที่ดินพื้นที่ 26 ไร่ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการมิกซ์ยูส ขนาด 398 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.7 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังถือเป็นโครงการต้นแบบระดับโลกแห่งใหม่ในการพัฒนาเมือง รวมทั้งเป็นโครงการเมืองแห่งแรกของโลกที่ออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น โครงการได้รับการออกแบบรังสรรค์และก่อสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก
นายชาคริต หัสสรังสี ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแบรนด์ระดับลักชัวรี่ต่างๆ ซึ่งรวมถึงโครงการซิกเซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ กล่าวว่า “นี่เป็นแนวคิดใหม่ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตของครอบครัวคนไทย – ที่หลายเจเนอเรชั่นในครอบครัวเดียวกันมักจะปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ด้วยความจำเป็นของวิถีชีวิตคนเมืองสมัยใหม่ ทำให้การใช้ชีวิตตามแบบที่เคยเป็นมา กลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆ มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า จึงมุ่งช่วยส่งเสริมให้ครอบครัวได้กลับมาอยู่ใกล้ชิดกันอีกครั้ง ซึ่งแนวคิดนี้ ได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างดี และตอนนี้ทางโครงการพร้อมแล้วที่จะเชิญครอบครัวที่สนใจเข้าชมบ้านจริงได้ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป”
นายชาคริต กล่าวว่า บ้านมัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า ออกแบบให้มี 3 ขนาด ตั้งแต่ 4-6 ห้องนอน โดยแต่ละครอบครัวสามารถเลือกซื้อบ้านที่ต่างแบบกัน แล้วเชื่อมต่อกันเป็นคลัสเตอร์ของบ้านต่างขนาดกันไป ที่สามารถไปมาหาสู่ถึงกันได้ด้วยการเดินเพียงสั้นๆ จากบ้านสู่บ้าน ในขณะที่บ้านแต่ละหลังถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว แบ่งอาณาบริเวณของแต่ละบ้าน ด้วยแนวต้นไม้และฉากตามธรรมชาติอื่นๆ เพื่อให้มีความเป็นส่วนตัว
“วิลล่าหลังใหญ่ที่สุดมีห้องรับประทานอาหารและพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพื่อให้ทั้งครอบครัวที่มีสมาชิกทุกเพศทุกวัย สามารถมารวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันได้ในบ้านหลังเดียว โดยบางวิลล่าสามารถนั่งล้อมโต๊ะทานข้าวกันพร้อมกันได้ถึงยี่สิบคน หรือมากกว่านั้น”
นอกจากนี้ การสร้างบ้านสไตล์คลัสเตอร์ที่บ้านมากกว่าหนึ่งหลังเชื่อมต่อถึงกัน แทนที่จะสร้างบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่มากๆ เพียงหนึ่งหลังแล้วให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในนั้น ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดโอกาสให้คนในแต่ละเจเนอเรชั่นสามารถออกแบบเลย์เอาต์และการตกแต่งภายในบ้านของตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการ และสไตล์ที่แตกต่างกันตามแบบฉบับของตัวเองได้
‘โบนัสเวลา’ ช่วงเวลาแห่งความสุขที่เพิ่มขึ้น
นายรุ่งโรจน์ จงศุจิพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “มัลเบอรี่ โกรฟ มีแนวคิดที่เปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวได้อยู่อาศัยใช้ชีวิตอยู่ในอาณาบริเวณที่ใกล้ชิดติดกับพ่อแม่ หรือลูกที่โตแล้ว หรือทั้งสองอย่าง ยังจะช่วยทำให้เจ้าของบ้านมี ‘โบนัสเวลา’ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัวที่เพิ่มขึ้น โดยทุกเจเนอเรชั่นซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านที่ออกแบบเหมาะกับความต้องการของตัวเอง จะสามารถไปมาหาสู่กับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวได้โดยการเดินไปหาเพียงไม่กี่นาที ครอบครัวจะสามารถช่วยกันเลี้ยงเด็กๆ ได้ รวมทั้งช่วยกันดูแลพ่อแม่ที่อายุมากแล้วได้สะดวกสบายมากขึ้น และไม่จำกัดเวลาไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม เป็นการประหยัดเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างบ้าน ซึ่งจะทำให้ครอบครัวมีเวลามากขึ้นสำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน”
“ประโยชน์ที่สำคัญมากๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือ เด็กๆ จะไม่รู้สึกว่าถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว เพราะจะมีสมาชิกในครอบครัวที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงเป็นเพื่อนอยู่ตลอดเวลา ส่วนปู่ย่าตายายที่เกษียณแล้วก็จะรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น สดใส เพราะมีลูกหลานอยู่ใกล้ๆ”
วิลล่าขนาดใหญ่พิเศษของโครงการมัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า มีเนื้อที่ใช้สอยประมาณ 1,700 ตารางเมตร ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 310 ล้านบาท ส่วนวิลล่าขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่ใช้สอยประมาณ 1,200 ตารางเมตร ราคาขายประมาณ 220 ล้านบาท ในขณะที่บ้านขนาดกลางเนื้อที่ใช้สอยประมาณ 1,000 ตารางเมตร ราคาขายประมาณ 185 ล้านบาท
มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า ตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ส่วนลักชัวรี่อื่นๆ ภายในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ อาทิ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ วิลล่า โครงการที่พักอาศัยซูเปอร์ลักชัวรี่ ซึ่งเป็นซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์แห่งแรกในประเทศไทย รวมทั้งโรงแรมซิกเซนส์ ที่มีกำหนดจะเปิดให้บริการในปี 2567 ด้วย
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “เราได้เห็นว่าโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ซึ่งรวมถึงโครงการมัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า ที่ทำยอดขายได้แล้วกว่า 5,500 ล้านบาท ในขณะที่โครงการซิกเซนส์ เรสซิเดนซ์ ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และเรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าหลายครอบครัวตั้งใจซื้อที่อยู่อาศัยโครงการต่างๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์เพื่ออยู่จริง และการก่อสร้างโครงการก็กำลังคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว”
นายกิตติพันธุ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่อยู่อาศัยโครงการต่างๆ ทั้งหมดในเดอะ ฟอเรสเทียส์ มียอดขายรวมกันถึง 22,000 ล้านบาทแล้ว
องค์ประกอบสำคัญที่โดดเด่นเป็นพิเศษอย่างหนึ่งของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้แก่ ป่าขนาดใหญ่พื้นที่ 30 ไร่บริเวณใจกลางโครงการ พร้อมทางเดินยกระดับที่ทอดยาวทะลุผืนป่ายาว 1.6 กิโลเมตร นอกจากโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบแล้ว เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังประกอบไปด้วยพื้นที่สำหรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์และการพักผ่อนของครอบครัว ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม พื้นที่ Town Center สำหรับกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ Family Center ตลาด สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และพื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc