Mayfair Place Board 1 184

“คอนโดมิเนียมที่ดีต้องมีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่กล่องสี่เหลี่ยมที่มีไว้นอนอย่างเดียวเท่านั้น” (Mr.Edward, 2013)

28/06/2013 คุณบีม Think Of Living ได้มีโอกาสเข้าสัมภาษณ์  Mr.Tony และ Mr.Edward ชาวไต้หวัน บอร์ดบริหาร PTF Realty  โครงการ Mayfair Place ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 64 ห่างจาก สถานีรถไฟฟ้า BTS ปุณณวิถีประมาณ 300 เมตร

การสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำ 3 ภาษานะครับ คือไทย อังกฤษ และก็จีน ดังนั้นในหลายๆส่วนอาจจะมีการแปลไปแปลมาจากสามภาษา ทำให้คำพูดบางส่วนอาจจะไม่ใช่คำพูดตรงๆจากเจ้าของภาษานั้นครับ

Mayfair Place Board 182

“No life quality, Why do you live?” (Mr.Tony, 2013)

PTF Realty คือ บริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีการร่วมทุนกันระหว่าง ไทย อเมริกา ไต้หวัน ซึ่งประเด็นสัมภาษณ์สำหรับวันนี้ มีทั้งหมด 4 ประเด็นด้วยกัน คือ

1. ความเป็นมาของ Mayfair Place

2. กลยุทธ์การเลือกทำเลที่ตั้งโครงการ

3. แผนการดำเนินงานของ PTF Realty

4. ข้อคิดดีๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียม

ความเป็นมาของ Mayfair Place

K.Beam: ก่อนมาทำโครงการนี้ เคยทำโครงการอื่นๆมาก่อนมั้ยครับ?

Mr.Edward: PTF เป็นบริษัทร่วมทุนครับ ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ 1992 โครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลสุขุมวิท ไม่ว่าจะเป็น สุขุมวิท 50 52 คอนโดที่สูงที่สุดเคยทำคือที่ราชดำริ (The Rajdamri ที่ทาง Think of Living เคยไปรีวิวมาแล้ว) มี 29 ชั้นครับ มี 300 กว่าห้อง 40 ตารางเมตร ขึ้นไป มีแบบ Penthouse ด้วย แล้วก็ที่สุขุมวิท 39 Royal Castle แต่โครงการหลังนี้ เป็นการลงทุนลงเงินเพียงอย่างเดียวครับ

K.Beam: แล้วทำไมผู้บริหารถึงคิดลงทุนทำคอนโดมิเนียมในประเทศไทยครับ?

Mr.Edward: ผมว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนครับ  จะเห็นได้ว่ามีผู้ประกอบการหลายรายจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนที่นี่ คอนโดมิเนียมที่เห็นก็ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีทั้งนั้น อีกอย่างหุ้นส่วนของเราก็เป็นคนไทยด้วยครับ รู้จักกับมาหลายปี เขาเป็นนักธุกิจที่เก่งครับ เคยทำพวกเสื้อผ้าซึ่งเป็นบริษัทใหญ่แล้วก็ทำออกมาได้ดี เราก็เลยร่วมทุนกันครับ

K.Beam: ทางผู้บริหารของบริษัทมาจากประเทศอะไรครับ?

Mr.Edward: เป็นคนไทย อเมริกา และไต้หวัน แต่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนไทยนะครับ

กลยุทธ์การเลือกทำเลที่ตั้งโครงการ 

K.Beam: ทำไมถึงเจาะจงเลือกที่ดินแปลงนี้สร้าง  Mayfair Place ครับ?

Mr.Edward: เพราะใกล้ BTS ครับ ในช่วงแรกๆ จะไม่เห็นมีรถไฟฟ้ามาถึงแบริ่ง แต่ตอนนี้มาถึงแล้วครับ และจะเห็นว่าในซอยสุขุมวิท 64 มีผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เข้ามาพัฒนาโครงการด้วย

Mr.Tony: เรื่องใกล้ BTS หรือ MRT นี่สำคัญมากครับ มันเป็นธรรมชาติของคนที่ซื้อคอนโดมิเนียมอยู่แล้ว ที่จะต้องการความสะดวกสบายในการเข้าถึงเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะ BTS หรือ MRT เพื่อเข้าถึงสถานที่ทำงาน หรือว่าจะเป็นความสะดวกของการใช้ชีวิตไปไหนมาไหนครับ

และสำหรับที่เราที่จะสร้างคอนโดมิเนียมประเภท Low Rise ไม่ใช่ High Rise เพราะว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพชีวิตครับ

ที่จริงเราเคยทำคอนโด High Rise มา 3 ที่แล้ว ในตลาดนั้นเราจะเห็นคนเป็นพันๆ คนอาศัยอยู่รวมกันในหนึ่งอาคาร บางทีก็ดูจะหนาแน่นเกินไปสำหรับการอยู่อาศัยรวมกันในจำนวนคนที่มากขนาดนั้น ส่วนในเรื่องของพื้นที่อยู่อาศัยก็เล็กมากๆ 22-23 ตารางเมตร บางทีมันเหมือนเป็นการลดระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยนะครับ เพราะเขาต้องแชร์พื้นที่ส่วนกลางกัน ทุกคนก็ต้องอยู่ในพื้นที่แคบๆ แต่กับคอนโดมิเนียมประเภท Low Rise ที่เราเห็นในกรุงเทพมันต่างกันครับ

ตรงนี้เราสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้ง่ายกว่า เราก็เลยอยากสร้างคุณภาพชีิวิตที่ดีกว่า สิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า ให้กับผู้อยู่อาศัยครับ แน่นอนครับ เมื่อพิจารณาตลาดเราก็ยังต้องมี Studio แต่ยังไงเราพยายามสร้างห้อง 1 Bed ขึ้นไปที่ใหญ่กว่าครับ ไม่ว่าจะเป็น 35, 40, 47 ตารางเมตรขึ้นไป

ที่สำคัญเราจะทำส่วนกลางที่ดีกว่าครับ เราอยากให้ลูกค้าของเรา มีความสุขกับการอยู่อาศัยที่แท้จริงครับ คนซื้อต้องการการอยู่อาศัยที่ดี มีความสุข ต้องการพื้นที่ มีสวนกว้างๆ มันเป็นเรื่องของคุณภาพชีวิตครับ

Mr. Tony “No life quality, Why do you live?” (Quoted)

อย่างที่ Mayfair Place เราเอาที่จอดรถมาอยู่ใต้อาคาร จะได้มีพื้นที่สวนส่วนกลางกว้างๆ ไว้พักผ่อนครับ มีเวลาพักผ่อนในที่อยู่อาศัย พื้นที่ และระบบสาธานูปโภคส่วนกลาง เราให้ความสำคัญมากครับ

เราไม่ได้เน้นคนรวยอย่างเดียวนะครับ ตอนนี้บางคนกำลังสร้างฐานะ สร้างชีวิตกันอยู่ เราอยากให้ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยที่เป็นจุดเริ่มต้นของของพวกเขานะครับ  เราอยากสร้างสังคมที่มีความสุข เพื่อที่พวกเขาจะมีพลังในการใช้ชีวิต และมีแรงที่จะสร้างอะไรดีๆ ให้กับสังคมต่อไปครับ ดังนั้น เราจึงเลือกที่จะสร้างคอนโดมิเนียมประเภท Low Rise เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้อยู่อาศัยครับ

Mr.Edward: เรื่องคุณภาพชีวิตสำคัญมากครับ เราจึงสร้างโครงการที่ช่วยเพ่ิมคุณภาพชีวิตให้กับคน ไม่ได้จับตลาดแค่ Hi-So เท่านั้น แต่คนระดับ Middle หรือ Middle High ก็สามารถเข้าถึงได้ครับ

Mr.Tony: กลับมาในเรื่องของทำเลที่ตั้งนะครับ ผมอยากถามคุณบีมบ้าง ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับ ซอยสุขุมวิท 64  ครับ?

K.Beam: ซอยสุขุมวิท 64 เป็นซอยที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก พัฒนาเร็วครับ ผมเคยมาแถวนี้เมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีอะไรเลย แถวนี้ยังไม่ค่อยเจริญเท่าไร  ไม่ค่อยน่าอยู่ อาจจะเป็นเพราะโรงเรียนนานาชาติหน้าปากซอยด้วยที่ยังไม่เสร็จ มีคนงานก่อสร้างเดินไปเดินมามากมาย จากทั้งโรงเรียนและคอนโดมิเนียมต่างๆ ทำให้มีคนงานอยู่ละแวกนี้เยอะ

พอผ่านไป 2 ปี ตอนนี้ทุกอย่างเกือบจะสมบูรณ์หมดแล้ว ทำให้ถนนหนทางจากต้นซอยถึงตรงนี้ดูดีขึ้นมาจากเมื่อก่อนมากๆเลยครับ ผมดูจากต้นซอยถึงตรงนี้นะครับ ยังไม่รวมส่วนข้างในซอยลึกๆที่ยังไม่พัฒนาขึ้นเท่าไร 

แต่การก่อสร้างแค่ที่อยู่อาศัยมันก็จะทำให้ซอยนี้ไปได้เท่านี้ ถ้าอยากจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับละแวกนี่ให้อีก 2-3 ปีข้างหน้า ต้องควรจะต้องมีพวกร้านค้า หรือไม่ก็ Community Mall มาเปิดแถวนี้ครับ  ไม่อย่างนั้นก็คงเหมือนเดิมครับ ราคาก็จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก

Mr.Tony: ครับ แล้วคุณบีมคิดเห็นอย่างไรที่ผู้ประกอบรายใหญ่ๆ อย่าง แสนสิริ แมกโนเลีย  เลือกซอยนี้ครับ ทำไมไม่เป็นซอยอื่นละแวกนี้

K.Beam: อาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นซอยที่ติดกับ BTS เลย และราคาก็ยังไม่สูง มีคอนโดมิเนียม Low Rise ขึ้นเยอะ ลูกค้าบางรายซื้อแล้วอาจขายต่อ ตอนแรกอาจจะยังลังเลไม่กล้าซื้อ แต่พอเห็นสิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ก็อาจจะกล้าซื้อครับ เมื่อ 2-3 ปีก่อนตรงนี้ราคาคอนโดตารางเมตรละประมาณ 60,000 บาท แต่ตอนนี้ขยับขึ้นเยอะ ก็เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เช่น แสนสิริ ทำให้ราคาตลาดแถวนี้เพิ่มขึ้นเยอะเลย

แผนการดำเนินงานของ PTF Realty

K.Beam: PTF Realty วางแผนการดำเนินงานในอนาคตไว้อย่างไรบ้างครับ?

Mr.Edward: เราเน้นไปที่ Low Rise มากกว่าครับ แต่ High Rise ก็ยังทำอยู่นะครับ แล้วก็เน้นคุณภาพชีิวิต คุณภาพการก่อสร้าง คุณภาพวัสดุ ตอนนี้เรามีที่ดินหลายแปลง เวลาจะทำโครงการซักโครงการหนึ่ง ที่ดินไม่ต้องผืนใหญ่มากก็ได้ครับ ไม่จำเป้นต้อง 30-40 ไร่ มีแค่ 3-4 ไร่ ก็สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้ครับ

ตั้งแต่โครงการที่ราชดำริมาถึงวันนี้ ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นกับเรามากขึ้น เรื่อยๆ เลยครับ ประเด็นสำคัญที่สำคัญนอกจากเรื่องคุณภาพวัสดุ และการก่อสร้าง คือ  CRM (customer relationship management) ครับ อย่างที่ราชดำรินี่มี ทั้งหมด 300 กว่าห้อง เกือบ 50% กลับมาหาเรา ไม่ว่าเรื่องเช่า เรื่องซ่อม ลูกค้ากลับมาหาเราครับ เขาไม่อยากผ่าน Agency ที่อื่นเลย เพราะเขาเชื่อมั่นในบริการที่ดีของเราครับ

เราให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายมากๆ เราจะไม่ปล่อยให้ห้องว่างครับ 90% ของอาคารต้องมีคนอยู่อาศัย  อย่างน้อย ต้องมีคนเช่าครับ ลูกค้าที่กลับมาหาเราเน้นปล่อยเช่าครับ ซึ่งเราจะดูแลให้เป็นอย่างดี ลูกค้าก็เลยไว้วางใจเรามากขึ้นเรื่อยๆ

K.Beam: ทางผู้ประกอบการเป็นคนดูแลอาคารเองมั้ยครับ หลังจากที่สร้างเสร็จแล้ว

Mr.Edward: โครงการของเราที่ขายแบบ  Lease Hold อย่างที่ราชดำริ เราก็เป็นผู้ดูแลเองใน 2 ปีแรกครับ  หุ้นส่วนของเรามีประสบการณ์ในการบริหารกว่า 40 ปี เรารู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร  หลังจากนั้น เราก็มั่นใจ ก็ให้นิติบุคคลใหม่เข้ามาบริหารครับ

ข้อคิดดีๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียม

K.Beam: อยากให้คุณ Edward และคุณ Tony ช่วยทิ้งท้ายข้อคิดดีๆ ให้กับผู้ที่ตั้งใจจะซื้อคอนโดมิเนียมนะครับ

Mr.Edward: อย่างแรกเลยนะครับ ต้องเข้าใจว่า ต้องเลือกซื้อคอนโดมิเนียมที่มีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่กล่องสี่เหลี่ยมที่ไว้นอนตอนกลางคืนเท่านั้น การอยู่อาศัยจะได้จะได้มีชีวิตชีวาครับ

ข้อสองคือ ต้องกล้าตัดสินใจครับ ซื้อเลย ถ้าปล่อยไว้อีก ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีกครับ

แล้วเรื่องสุดท้ายคือ ต้องเลือกผู้ประกอบการที่จริงใจครับ ไม่จำเป็นต้องเป็น Brand Name ก็ได้ ดูวิธีการทำงานของเค้าว่าเป็นอย่างไร ว่าจริงใจมั้ย

Mr.Tony: สำหรับผมนะครับ คนที่ซื้อที่อยู่อาศัยต้องพิจารณามูลค่าของที่อยู่ที่อยู่อาศัยของตัวเองเพิ่มขึ้นในอนาคตครับ แบบถ้าย้ายก็สามารถขายได้ในราคาที่ดี นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด มันไม่ใช่มูลค่าปัจจุบัน แต่เป็นมูลค่าในอนาคต ต้องพิจารณาให้รอบด้านครับ ถ้าเรามองออกว่าตรงนั้นจะมีอะไรขึ้นบ้าง ห้างสรรพค้า หรือ Community Mall ต่างๆ จะมาขึ้น อย่างนี้เราก็พอจะพยากรณ์มูลค่าของทำเลได้ ว่าราคามันสามารถจะขยับขึ้นได้ครับ อย่างที่นี่ก็ไปเซ็ลทรัล บางนา หรือว่า ทองหล่อได้ใกล้ๆ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างจากทองนะครับ อย่างทองเราอาจจะไม่เห็น Future Value ของมัน แต่อสังหาริมทรัพย์นี่เราพอจะรู้นะครับ

อย่างที่สองนะครับ เป็นเรื่องของคุณภาพชีวิตครับ บางคนไม่แคร์อะไรเลย แค่อยู่ตอนกลางคืนเท่านั้น

สุดท้าย คือ คุณภาพของโครงการ และบริการหลังการขายครับ

ทั้งหมดนี้เป็นบทสัมภาษณ์ของ Mr. Edward และ Mr. Tony จากโครงการ Mayfair Place สุขุมวิท 64 กับทางเวปไซต์ Think of Living ครับ