รีวิวโครงการ

พาชมตึกเสร็จ The Tree สุขุมวิท71-เอกมัย คอนโด High Rise 33 ชั้น บนถนนสุขุมวิท 71 ใกล้แยกคลองตัน จาก พฤกษา [รีวิวฉบับที่ 1807]

19 กุมภาพันธ์ 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1298 … สวัสดีค่ะ วันนี้พาไปชมโครงการใหม่ล่าสุดจากพฤกษา ภายใต้แบรนด์ The Tree กับโครงการ The Tree สุขุมวิท 71-เอกมัย ที่ขยับเข้ามาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นจากตัวก่อนที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 54 และ 64 โดยโครงการนี้ทำเป็นคอนโด High Rise ด้วย ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 71 ใกล้กับแยกคลองตัน จุดเด่นของโครงการมาตามคอนเซ็ป “ธรรมชาติจรดฟ้า” คือการยกชั้น Facilities หลักขึ้นไปไว้บนชั้นดาดฟ้าค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการใหม่ในย่านนี้ที่ให้ Facilities มาดีทีเดียว ในราคาเริ่มไม่แรง 1.69 ล้านบาท

สำหรับใครที่สนใจโครงการเปิด Pre-sale ในวันที่ 11-12 มี.ค. นี้ค่ะ

Fact @ 23 February 2017 

  • The Tree Sukhumvit 71 – Ekamai (เดอะทรี สุขุมวิท 71 – เอกมัย)
  • บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : สวนหลวง ถนนสุขุมวิท 71
  • คอนโด High Rise 33 ชั้น 883 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 34 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 37%
  • ที่ดินประมาณ 3-2-52 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : พฤกษาคม 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เมษายน 2562
  • 1 Bedroom 24 – 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 49 – 56 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท
  • Loft สูง 5 ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท (โปรโมชั่น)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 87,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS พระโขนง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS พระโขนง
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.740640, 100.600157

โครงการ The Tree สุขุมวิท 71-เอกมัย ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 71 ฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปทางรามคำแหง ใกล้กับแยกคลองตัน ติดกับซอยเพชรบุรี 42 และมีระยะห่างจาก Airport Rail Link รามคำแหงไปเพียง 350 ม.

ทำเล The Tree สุขุมวิท 71 – เอกมัย ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 71 หรือที่เรียกกันว่า ปรีดีพนมยงค์ เป็นถนนที่เชื่อมจากถนนสุขุมวิทมายังแยกคลองตันซึ่งตัดกับอีก 3 ถนนใหญ่ด้วยกันคือ ถนนเพชรบุรี (ถนนคู่ขนานสุขุมวิทวิ่งเข้าเมือง) ถนนพัฒนาการ และถนนรามคำแหง สำหรับที่ตั้งโครงการนี้จะอิงไปทางแยกคลองตันมากกว่ามาทางถนนสุขุมวิทนะคะ ซึ่งความคึกคักและอุดมสมบูรณ์จะออกเป็นแนวระดับชุมชนที่อยู่อาศัยกันมานาน ดังนั้นบรรยากาศของทำเลส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าใต้ตึกแถวที่เปิดกันมานาน มีของให้เลือกซื้อหลากหลายและมีของขายตั้งแต่เช้าจนถึงดึก ตลาดนัดทั้งที่ติดถนนสุขุมวิท 71 และยังในซอยย่อยอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นอีกถนนเส้นนึงที่มีความอุดมสมบูรณ์พอตัว หากเลยมาใกล้แถวถนนสุขุมวิทนั้นจะมีความเจริญแบบย่านในเมืองมากขึ้นและผสมผสานกับชุมชนดั้งเดิม จะเห็นว่ามีทั้ง Max Valu ห้างที่เปิดให้บริการ 24 ชม., Naiipa Art Complex, W District และในเร็วๆ นี้กับ Summer Hills ที่เป็น Community Mall ใหม่ในย่านนี้

ซูมเข้ามาอีกหน่อยกับความอุดมสมบูรณ์ในระยะที่เดินได้นั้นก็มีตัวเลือกให้เลือกพอสมควรนะ อย่างฝั่งตรงข้ามนั้นจะมีร้านค้าใต้ตึกแถวเปิดขายอาหาร ผลไม้ต่างๆ รวมทั้งในช่วงบ่าย-ดึกจะมีตลาดที่รวมร้านอาหารต่างๆ มาให้เลือกซื้อเลือกกินกันได้ง่าย โดยจะอยู่ติดกับ Tops Daily ที่เป็น Hyper Market ที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดสามารถซื้อข้าวของเครื่องใช้กันได้ง่ายดีค่ะ

ใครอยากกินอาหารร้านดังที่เปิดกันมานาน แถวใกล้ๆ โครงการก็มีให้เดินไปกินกันไม่ไกลนะคะ โดยจะอยู่บริเวณฝั่งพัฒนาการ ซึ่งตั้งขายอยู่ใต้ตึกแถวยาวเรียงกันไป มีทั้งร้านข้าวมันไก่ ห่านพะโล้ เย็นตาโฟแหลมผ่าฟ้า จัดเป็นร้านชื่อดังในละแวกนี้ทีเดียว หรือใครที่ต้องข้ามแยกคลองตันไปฝั่งรามคำแหงบ่อยๆ เพื่อจะไปขึ้น Airport Link รามคำแหงก็มีตลาดนัดและ A Link ที่มีร้านอาหารในเต้นท์ และร้านแฟนไชน์ต่างๆ รองรับพนักงานตึก UM Tower นี้ ซึ่งแถบฝั่งรามคำแหงช่วงต้นๆ จะคึกคักพอสมควรในช่วงกลางวันนะ ส่วนตัวกลางคืนก็ค่อนข้างเงียบอยู่เหมือนกัน

สำหรับการเดินทางของโครงการนี้นั้นเน้นการเดินทางเข้าเมืองจากถนนเพชรบุรีเป็นหลัก และสะดวกพอสมควร ด้วยความที่อยู่ใกล้แยกคลองตันและมีซอยที่ติดกับที่ดินโครงการที่สามารถลัดไปยังถนนเพชรบุรีได้โดยไม่ต้องไปรอไฟแดงบริเวณแยกคลองตัน อีกทั้งโครงการนี้ยังได้อิงความอุดมสมบูรณ์บนถนนสุขุมวิท 71 ที่มีความคึกคักมากกว่าโครงการข้างเคียงที่อยู่ใกล้แยกคลองตันเช่นเดียวกันแต่อยู่บนถนนข้างเคียงอื่นๆ เช่นพัฒนาการ รามคำแหง จัดว่าเป็นทำเลเหมาะกับการอยู่อาศัยแบบคอนโดมากกว่าเพราะสามารถเดินลงมาก็หาซื้อของกินตามรายทาง หรือริมถนนได้อยู่ ไม่ต้องขับรถออกมา

สำหรับทำเลโครงการนี้หากมองในแง่ของคนที่ทำงานในเมือง หรือเดินทางเข้าเมืองบ่อยๆ แต่มีงบประมาณที่ไม่มากไม่สามารถไปสู้โครงการใกล้เมืองแถบเอกมัย-ทองหล่อ ตั้งแต่บนถนนเพชรบุรีเองและในซอยทองหล่อ – เอกมัยเอง ที่ราคาปัจจุบันก็ดีดขึ้นหลักแสนกันเป็นส่วนใหญ่ไปแล้ว โครงการนี้มาตอบโจทย์นี้ในเรื่องราคาที่พอหยิบจับได้ แต่ขยับออกจากตัวเมืองหน่อย ซึ่งก็ไม่ถือกับเดินทางลำบาก เพราะทางเข้า-ออกเองก็อยู่บนถนนสุขุมวิท 71 ไม่ได้อยู่ในซอยย่อยและใกล้กับแยกคลองตัน ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์นั้นมีความสะดวก แต่ไม่นับรวมกับเรื่องรถติดนะ เพราะตรงนี้เป็นอีกจุดที่ติดมากทีเดียว รวมทั้งเส้นเพชรบุรีก็ด้วยเช่นกัน ควรเผื่อเวลาในการเดินทางเข้าเมืองพอสมควรเลยค่ะ

และนอกจากนี้ใครที่อาศัยการเดินทางด้วยทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์เรียกว่าสะดวกมาก เพราะมีจุดขึ้น-ลงอยู่ไม่ไกลจากโครงการ อย่างขาลงก็สามารถลงและตรงเข้าสุขุมวิท 71 ไปกลับรถใต้สะพาน ส่วนขาขึ้นนี่ง่ายเลยแค่เลี้ยวขวาเข้าถนนพัฒนาการแล้วตรงไปอีกหน่อยก็มีจุดขึ้นทางด่วนแล้วค่ะ

ส่วนใครที่เน้นเดินทางอิงไปทางถนนสุขุมวิทนั้นจะค่อนข้างเสียเวลาอยู่ซักหน่อย เพราะฝั่งที่ตั้งโครงการอยู่ฝั่งขาออก ดังนั้นจึงต้องไปกลับรถบนถนนพัฒนาการช่วงก่อนถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ก่อนจะเลี้ยวเข้าสุขุมวิท 71 อีกทีนะคะ

สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะนั้นก็มีหลายตัวเลือกทีเดียวค่ะ นอกจากการเรียกพี่แท็กซี่ โบกพี่วินใกล้ๆ โครงการแล้วก็ยังมี Airport Link รามคำแหง รถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดและจัดอยู่ในรัศมีเดินได้ก็คือ Airport Link รามคำแหง โดยอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปประมาณ 350 ม. ถือว่าระยะไม่ไกลสำหรับการเดิน แต่ด้วยความที่ต้องข้ามแยกคลองตันก็จะเดินลำบากหน่อย เมื่อเทียบกับโครงการใกล้เคียงที่ไม่ต้องข้ามแยกหรือข้ามถนนใหญ่นะคะ

อีกตัวเลือกนึงสำหรับใครที่ทำงานในเมืองและไม่อยากทนมานั่งเปื่อยอยู่บนรถเพราะรถติด ก็คือเรือด่วนคลองแสนแสบนั่นเองค่ะ โดยท่าเรือที่ใกล้กับโครงการมากที่สุด คือท่าเรือสะพานคลองตัน โดยอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 600-700 ม. ไกลไปสักหน่อยสำหรับระยะเดินได้ง่าย อาจจะโบกพี่วินไปลงเรือต่อหรือใครฟิตหน่อยก็เดินได้ไม่ยากนะคะ

เสริมอีกนิดนะคะ ด้วยความที่โครงการอยู่อิงไปทางแยกคลองตันก็จริง แต่ก็จัดว่าตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 71 ดังนั้นก็ไม่ยากที่จะนั่งรถกะป้อ หรือโบกพี่วินไปต่อ BTS พระโขนง ซึ่งเป็นสถานี BTS ที่ใกล้กับโครงการมากที่สุด แม้ระยะห่างจาก BTS จะไกลไปหน่อยก็ตาม

คลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่

ปัจจุบันโครงการใหม่ที่อิงมาทางถนนเพชรบุรีนั้น จะมีโครงการ The Tree สุขุมวิท 71 – เอกมัย โครงการเดียวที่เข้ามาเกาะแนวถนนเพชรบุรีชัดเจน แม้ทางเข้า-ออกโครงการจะไม่ได้ติดถนนเพชรบุรีซะทีเดียว หากมองเปรียบเทียบกับโครงการใหม่ข้างเคียง (ไม่ใช่มือ 2) นอกเหนือจากโครงการ The Tree สุขุมวิท 71 – เอกมัยนั้นก็จะมี Plum รามคำแหงและ The Base Garden พระราม 9 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วนะคะ

ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้คือ ทำเลที่มีความคึกคักอุดมสมบูรณ์ ได้ Facilities ชั้นดาดฟ้าและฝ้าเพดานสูง 2.7 ม. ในราคาเฉลี่ยไม่แรงอยู่ที่ประมาณ 87,000 บาท/ตร.ม. เมื่อเทียบกับโครงการอื่นในย่านนี้ รวมทั้งโครงการมือ 2 ด้วยก็ไม่ได้มีราคาโดด และหากใครที่เน้นใช้ถนนเพชรบุรี โครงการนี้ก็เดินทางง่ายสุด

 

เดี๋ยวเราพาไปโครงการกันค่ะ โดยเส้นทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นจากแยกรามคำแหงซึ่งตัดกับถนนพระราม 9 จากนั้นขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านแยกคลองตันเข้าถนนสุขุมวิท 71 จากนั้นตรงไปอีกหน่อย แล้วเตรียมกลับรถใต้สะพานข้ามคลองตัน เมื่อกลับรถมาแล้วขับตรงไปอีกหน่อย ก่อนจะถึงแยกคลองตันจะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือแล้วค่ะ

จากถนนรามคำแหงบริเวณแยกรามคำแหงที่ตัดกับถนนพระราม 9 ในฝั่งมุ่งหน้าไปทางแยกคลองตันนะคะ โดยเราจะตรงผ่านถนนพระราม 9 ไปเรื่อยๆ ก่อน

ผ่านแยกรามคำแหงมาแล้ว ตรงมาอีกหน่อยจะเห็นซอยทางเข้าโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการมากนัก

จากนั้นตรงมาอีกหน่อยก็จะเห็น A-Link เป็นศูนย์รวมร้านค้าและร้านอาหารขนาดย่อมๆ ติด Airport Rail Link รามคำแหงนี้ค่ะ บรรยากาศไม่ได้คึกคักมากนัก แต่ก็พอมีร้านแฟนไชน์มาลงนะคะ อย่าง Starbucks และ Subway

ถัดจาก Airport Link เราจะเห็นอาคาร UM Tower ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่บนช่วงต้นถนนรามคำแหงนี้ และที่ติดกันกับตึก UM Tower จะเป็นตลาดนัดและเต้นท์อาหาร รวมทั้งร้านรถเข็นต่างๆ ที่มาจอดขายของกันค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะในช่วงกลางวัน เพื่อรองรับพนักงานของตึก UM Tower และบริษัทในละแวกนี้ด้วย

จากนั้นตรงมาอีกหน่อยเราก็จะเจอแยกคลองตันกันแล้ว โดยเราจะมุ่งหน้าตรงไปยังถนนสุขุมวิท 71 กันค่ะ

วิ่งตรงเข้าถนนสุขุมวิท 71 แล้ว ทางขวามือเราก็จะเห็นโครงการแล้วนะคะ เดี๋ยวเราตรงไปเพื่อไปกลับรถกันก่อนนะ

เตรียมเบี่ยงซ้ายกลับรถใต้สะพานข้ามคลองตัน

ตรงมาอีกหน่อยก็จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ

เดี๋ยวเราพาเดินไปดูตลาดตรงข้ามโครงการกันหน่อยนะคะ เดินจากโครงการมาไม่ไกลเลยค่ะ สำหรับตลาดนี้จะเป็นตลาดที่ขายอาหาร ซึ่งจะคึกคักในช่วงบ่ายไปจนถึงประมาณ 2-3 ทุ่ม ขนาดของตลาดนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก จัดเป็นขนาดย่อมๆ มีร้านค้าประมาณ 20 ร้านในเลือกซื้อกับข้าวกัน

ติดกับตลาดก็จะเป็น Tops Daily และร้านเสื้อผ้าเล็กๆ น้อยๆ อีก 6-7 ร้านค่ะ สำหรับ Tops นี้จะเปิดให้ใช้บริการ 24 ชม. เลยใครขาดเหลืออะไรทั้งของใช้ในบ้าน หรือขนมขบเคี้ยวก็เดินข้ามถนนมาซื้อกันได้ไม่ยากค่ะ

ส่วนบรรยากาศริมถนนฝั่งเดียวกับตลาดและ Tops นั้นจะค่อนข้างคึกคักพอสมควรทั้งช่วงกลางวันไปถึงเย็น มีร้านค้าใต้ตึกแถว หรือร้านรถเข็นต่างๆ ตลอดทางเดิน ซึ่งยาวตั้งแต่ช่วงแยกคลองตันไปจนถึงสะพานข้ามคลองตันเลยค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บรรยากาศโดยรอบโครงการติดกับอาคารพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในบริเวณชุมชนเก่าแก่ ซึ่งจะมีความคึกคักในช่วงกลางวันและเย็น รวมทั้งมีความเงียบสงบในตอนกลางคืน ไม่มีเสียงดังรบกวน ด้านหลังโครงการฝั่งทิศตะวันตกนั้นติดกับคลองตัน ซึ่งเป็นคลองใหญ่ที่เชื่อมกับคลองแสนแสบและคลองพระโขนงนะคะ สภาพน้ำคลองตันนี้ไม่ได้เน่าเสียหรือส่งกลิ่นเหม็นและอีกอย่างคือมี Buffer เป็นพื้นที่สวนเว้นระยะห่างจากตัวอาคารไประยะนึงด้วย ดังนั้นลูกบ้านที่สนใจทิศใต้ฝั่งด้านหลัง หรือห้องมุมฝั่งทิศตะวันตกนั้นก็หมดปัญหาเรื่องของกลิ่นไปค่ะ

  • ทิศเหนือ : อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ถนนสุขุมวิท 71 และอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
  • ทิศใต้ : อาคารพาณิชย์สูง 2 – 5 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : คลองตัน และแมนชั่นสูง 8 ชั้น

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • A-Link รามคำแหง ~350 ม.
  • รพ.เพชรเวท ~75o ม.
  • เดอะมอลล์ รามคำแหง ~1.7 กม.
  • Food Land รามคำแหง ~2.1 กม.
  • Big C หัวหมาก ~2.9 กม.
  • The Nine พระราม 9 ~3.3 กม.
  • Naiipa Art Complex ~3.7 กม.
  • ม.เกษมบัณฑิต ~3.8 กม.
  • สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ~3.9 กม.
  • W District ~4.3 กม.
  • รพ.พระราม 9 ~4.8 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Tree สุขุมวิท 71 – เอกมัย คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น บนเนื้อที่ดิน 3 ไร่กว่า ด้วยจำนวนยูนิตทั้งหมด 883 ยูนิตและร้านค้าด้านหน้าโครงการอีก 3 ยูนิต ในชั้น 2-6 จะเป็นชั้นที่จอดรถทั้งหมด และเริ่มชั้นพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไปจนถึงชั้น 32 โดยชั้น 32 นี้เป็นชั้นพิเศษที่จะมีห้อง Loft ฝ้าเพดานสูง 5 ม. เพียง 9 ยูนิตพิเศษเท่านั้นค่ะ ในส่วนของ Facilities โครงการนี้จะถูกยกชั้นขึ้นไปบนดาดฟ้าทั้งหมด ถือเป็นจุดเด่นและตัวชูโรงของโครงการที่ให้ Facilities มาจัดเต็ม

นอกจาก Facilities ที่ยกชั้นขึ้นไปชั้น Roof Top แล้วโครงการนี้ก็ได้รับการออกแบบจากบริษัทสถาปนิกไทยชื่อดังอย่าง Plamer & Turner ที่ออกแบบอาคารตึกสูงต่างๆ มาแล้วในหลายประเทศ สำหรับโครงการนี้นั้นมี Inspiration มาจาก ป่าสน ตามแนวความคิดหลักของแบรนด์ The Tree ที่เน้นเรื่องธรรมชาติ สำหรับป่าสนนี้ถูกนำมาแปลความหมายออกมาเป็น Facade ที่มาลายเส้นตรงสีน้ำตาลสูงเหมือนต้นสน และบนยอดของต้นสนก็เปรียบเสมือเป็นใบไม้ที่ให้ร่มเงา ซึ่งก็คือตำแหน่งของชั้น Facilities นอกจากนี้ก็มีการนำ บ้านต้นไม้ เข้ามาเล่นเป็น Gimmick (ลูกเล่น) เพิ่มเติมในโครงการให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

ในส่วน Master Plan โครงการ แบ่งออกเป็น 3 โซน คือส่วนร้านค้าด้านหน้า ตัวอาคาร และพื้นที่สวนด้านหลัง ตามลำดับ โดยจากจุด Drop Off ของโครงการนั้นเค้าออกแบบเป็นโถงทางเดินยาว หรือเรียกว่า Pine Tunnel Lobby ก่อนที่จะเข้าสู่ Main Lobby ภายใน ให้ลูกบ้านได้ปรับเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกด้วย Water Feature และฉากกั้น Pattern เดียวกับ Facade อาคาร โดยจะวางเป็นแนวเฉียงบังสายตาจากด้านนอกอาคารแต่ยังได้แสงสว่างและเป็นช่องลมระบายอากาศส่วนภายในโถงทางเดินได้ เข้าส่วน Main Lobby นี้จะเชื่อมต่อกับโถงลิฟต์เลยไปถึงห้อง Recreation Room ที่จัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับลูกบ้านแยกส่วนกับ Main Lobby ที่ไว้สำหรับต้อนรับแขกมาติดต่อด้วย ส่วนด้านหลังโครงการให้พื้นที่สวน On Ground Background ไว้ให้เดินเล่นในพื้นที่สีเขียวชิลๆ ได้

เส้นทางการเดินรถจะเป็นแบบ One Way เพื่อให้การสัญจรง่ายขึ้น โดยเส้นทางลัดของลูกบ้านเมื่อออกจากโครงการสามารถเลี้ยวเข้าซอยเพชรบุรี 42 ไปตัดออกถนนเพชรบุรีได้เลยไม่ต้องผ่านแยกคลองตัน ในส่วนของพื้นที่จอดรถโครงการนี้ให้มา 36% ไม่รวมซ้อนคัน ซึ่งถือว่าให้มาตามราคาไม่มากไม่น้อย หักลบกับระยะเดินไปยัง Airport Link ไม่ไกลและความสะดวกในการใช้รถสาธารณะง่ายก็น่าจะช่วยให้ความต้องการใช้รถน้อยลงไปได้

หน้าทางเข้าโครงการทำเป็น Shop ร้านค้าทั้งหมด 3 ยูนิต ซึ่งทางโครงการตั้งใจจะให้เป็นร้านสะดวกซื้ออยู่ 1 ร้าน เพื่อให้ลูกบ้านได้มาซื้อของกันได้ใกล้ๆ ซึ่งรูปแบบการขายจะเป็นแบบขายขาดเลยค่ะ

ส่วนด้านบนของร้านค้า จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor ให้ด้วย ถ้าได้ร้านค้าเป็นร้านอาหาร หรือคาเฟ่ก็คงจะดีมานั่งชิลๆ ช่วงเช้าๆ หรือเย็นๆ ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ (ถ้ารถบนถนนหน้าโครงการไม่ติดนะ 55) ส่วนจุด Drop Off จะอยู่ถัดไปอีกหน่อย

ลองถ่ายจากโมเดลดูโถงทางเดิน “Pine Tunnel Lobby” จากจุด Drop Off มาถึงส่วน Lobby ซึ่งเป็น Gimmick ในการออกแบบที่แตกต่างจากโครงการทั่วไป ที่จะวาง Lobby อยู่ด้านหน้าติดกับ Drop Off เลย แต่นี่มี “Pine Tunnel Lobby” สำหรับปรับเปลี่ยนอารมณ์ก่อนเข้าโครงการ น่าสนใจดีค่ะ

เข้ามาสู่ส่วน Lobby โครงการ ตกแต่งมาในสไตล์ Modern Luxury ใช้กระเบื้องเป็นสีสันของหินอ่อน ส่วนผนังเสาและฝ้าเพดานใช้สีน้ำตาลขลิบทองที่ยกคงเป็นสีสันของไม้สนตามคอนเซ็ปหลักที่วางไว้อยู่

เดินทะลุจาก Lobby มายังด้านหลังโครงการ ซึ่งเค้าจัดให้เป็นโซน On Ground Backyard มีสนามหญ้าและบ้านต้นไม้ให้เด็กได้วิ่งเล่น ส่วนผู้ใหญ่ก็สามารถเดินเล่นชมสวนกันชิลๆ ได้

บรรยากาศจากรูป Perspective ออกมาให้ความรู้สึกผ่อนคลายกับธรรมชาติมากๆ โดยเค้าตกแต่งให้บ้านต้นไม้นั้นเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ด้วยค่ะ อยากเห็นของจริงแล้วว่าจะออกมาเป็นยังไง ^^

ขึ้นมาชั้น 7 เป็นชั้นเริ่มต้นห้องพักอาศัยนะคะ โดยชั้นนี้ก็จะมี Facilities อยู่เล็กน้อยแต่ไม่ใช่ชั้น Facilities หลัก โดยจะอยู่ฝั่งทิศใต้ มีห้อง Co-Working Space และ Life Loft Garden ส่วนห้องพักอาศัยนั้นจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง แยกด้วยโถงลิฟต์โดยสาร โดยห้องส่วนใหญ่จะเน้นเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 และ 30 ตร.ม. อยู่ตรงกลาง และวางห้องขนาดใหญ่เป็นห้องมุมทั้งหมด

ในส่วนพื้นที่ Life Loft Garden ที่จัดให้มีพื้นที่นั่งเล่น Out Door กันได้ ซึ่งพื้นที่นี้จะเชื่อมกับห้อง Co-Working Space ด้านในอาคารค่ะ เป็นพื้นที่ที่จัดมาเป็นโซนสงบสำหรับคนมานั่งเล่น อ่านหนังสือหรือทำงานเงียบๆ ซึ่งแต่ต่างจาก Facilities ในชั้นบนที่มีความคึกคักมากกว่าด้วยฟังก์ชันอย่างสระว่ายน้ำ ฟิตเนสและสวน ที่เป็นฟังก์ชันแบบ Active มีกิจกรรม ซึ่งการแบ่ง Facilities ที่มีการใช้งานต่างกันก็ดีนะคะ ช่วยให้การใช้งานในฟังก์ชันนั้นๆ ตรงกับการใช้งาน

ชั้น 8-31 เป็นชั้น Typical Floor Plan โดยมีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 34 ยูนิต และอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการอยู่ที่ 220.75 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นสูงอยู่เหมือนกัน อาจจะมีช่วงเวลารอลิฟต์นานหน่อยในช่วงเช้าเวลาที่ทุกคนออกจากบ้านไปทำงาน ในส่วนตำแหน่งห้องนั้นจะเห็นว่าโซนฝั่งทิศใต้ที่หันเข้าถนนสุขุมวิท 71 นั้นมีจำนวนยูนิตน้อยเพียง 6 ยูนิต และอยู่ใกล้กับลิฟต์โดยสารด้วย ทำให้มีความเป็นส่วนตัวพอสมควรเพราะไม่มีคนเดินผ่านมากนักและไม่ต้องเดินไปขึ้น-ลงลิฟต์ไกลด้วย ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องของแดดนัก ตำแหน่งห้องทิศนี้ก็น่าสนใจค่ะ และอีกห้องที่ไม่ติดกับห้องอื่นเลยก็น่าสนใจนะ คือห้องขนาด 24 ตร.ม. ที่อยู่ด้านหลังบันไดหนีไฟฝั่งทิศตะวันตก

ขึ้นมาชั้น 32 เป็นชั้นสุดท้ายของชั้นพักอาศัย สำหรับชั้นนี้มีความพิเศษคือฝั่งทิศตะวันตกจะเปลี่ยนเป็นห้อง Loft สูง 5 ม. (ตามรอยเส้นประ) มีจำนวน 9 ยูนิตเท่านั้นค่ะ

ชั้น 33 หรือชั้น Rooftop เป็นชั้น Facilities หลักโครงการที่จัดให้เต็มทั้งชั้น แบ่งเป็น 3 ส่วนคือส่วนสระว่ายน้ำ, พื้นที่ Indoor ประกอบไปด้วย Sky Gym & Sky Lounge และอีกส่วนคือ Sky Garden

ส่วนชั้นดาดฟ้าบนสุดเลยทำเป็น Refuge Area ค่ะ

Perspective มุมสูงจะเห็น Rooftop Facilities โครงการพร้อมวิวรอบข้าง ข้อดีเลยของ Facilities ในชั้นบนคือการได้วิวในมุมสูงพร้อมใช้งาน Facilities ได้ด้วย ซึ่งลูกบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อห้องชั้นสูงๆ ก็สามารถได้ชื่นชมวิวจากมุมสูงได้เหมือนกันค่ะ

จาก Model โครงการ ส่วน Sky Garden นั้นมีการยกบ้านต้นไม้ขึ้นมาด้วย เป็นพื้นที่ให้มาสูดอากาศชมวิวเพลินๆกันได้ หรือเด็กๆ ได้มาวิ่งเล่นกัน ในส่วนของอาคารชั้นบนดาดฟ้านี้จะเห็นว่ามีฝ้าเพดานยกสูงพอสมควร เพื่อให้ภายในห้อง Sky Lounge และ Sky Gym & Yoga Room ได้วิวแบบจัดเต็ม และดูโอ่โถง

ภายในส่วน Sky Lounge ได้กระจกแบบ Ceiling Height ตามฝ้าเพดานที่ยกสูง เพื่อให้วิวมุมสูงอย่างเต็มที่ ภายในจัดชุดโซฟาให้ประมาณ 3-4 ชุด

ในส่วน Outdoor อีกฝั่งนึงจัดให้เป็นโซนสระว่ายน้ำแบบ Free form ยาว 30 ม. พร้อมพื้นที่นั่งเล่นแบบ Sky Deck และ Sunken Garden ที่พิเศษคือ Observation Deck ที่เป็นจุดชมวิวได้ทุกมุมมอง ซึ่งจะหันไปทางฝั่งทิศเหนือ

บรรยากาศส่วนสระว่ายน้ำบริเวณ Shallow Pool ซึ่งจัด Day Bed อยู่ในน้ำตื้นเสมือนนอนเล่นอยู่บนสระ

บรรยากาศสระแบบ Free form ที่ได้ พร้อมชมวิวฝั่งทิศใต้แบบจุใจ แต่ฝั่งทิศเหนือนั้นเค้ามีกั้นฉากขึ้นมาสูงกันตกให้ ด้วยความที่ด้านซ้ายนี้ทำเป็นทางเดินไปยังส่วน Sky Deck และ Sunken Garden ไม่งั้นก็จะได้สระแบบ Infinity Edge แล้ว

ส่วน Observation Deck จาก model เป็นขนาดไม่ใหญ่มาก เข้าไปยืนได้ประมาณ 3-4 คนพร้อมกัน

บรรยากาศส่วน Observation Deck ที่ได้พื้นกระจกสามารถมองวิวมุมกว้างได้สะใจเลย เป็นของแปลกที่ไม่ได้มีเป็นมาตรฐานในทุกโครงการนะคะ ลักษณะจะเป็นคานเหล็กยื่นออกมาจากโครงสร้างชั้นดาดฟ้า วางทับด้วยพื้นกระจกและราวกันตกแบบไร้ขอบ

สำหรับวิวโครงการนี้ ไม่มีทิศไหนที่ถูกบล็อกวิวนะคะ ทุกทิศสามารถมองเห็นวิวในระยะไกลได้หมด ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าชอบวิวในฝั่งไหนมากกว่าค่ะ เดี๋ยวเราไปดูวิวจากโดรนโครงการกันค่ะ

เริ่มจากทิศเหนือกันก่อน สำหรับทิศนี้จะหันไปทางฝั่งรามคำแหงไปจนถึงแถบในซอยทาวน์อินทาวน์เลย โดยรวมแล้วฝั่งนี้จะไม่ค่อยมีตึกสูงเท่าไหร่นัก ได้วิวค่อยข้างโล่ง มองเห็นได้ไกลสุดสายตาเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่ได้เน้น City View มากนักแต่ให้ความสำคัญกับทิศของแดดมากกว่า เพราะทิศนี้จัดเป็นทิศที่ไม่โดนแดดแรงเมื่อเทียบกับทิศอื่นๆ

สำหรับทิศตะวันออก จะหันค่อนไปทางฝั่งพัฒนาการเลยไปจนถึงถนนพระราม 9 ฝั่งขาออกเมือง วิวนี้ก็เป็นอีกวิวที่มองเห็นไกลสุดสายตาและไม่มีตึกสูงมากนักค่ะ

มาที่ทิศใต้ ในทิศนี้จะได้วิวเป็นบรรยากาศของถนนสุขุมวิท 71 ซึ่งจะเห็นว่าระยะใกล้ๆ กับโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารแนวราบเกือบทั้งหมด ทำให้เห็นวิวเมืองจากอาคารตึกสูงบนถนนสุขุมวิทเป็น Background ด้านหลัง สำหรับใครที่ชอบวิวเมืองไกลๆ ทิศนี้จะเด่นมากกว่าทิศเหนือ และตะวันออก แต่ก็แลกมากับแดดแรงๆ ตอนบ่ายแก่ๆ อยู่เหมือนกัน

และทิศตะวันตกเป็นทิศที่ได้วิวเมืองสวยที่สุดเพราะหันไปทางฝั่งเอกมัย-ทองหล่อและเลยไปถึงถนนสุขุมวิทชั้นในซึ่งมีอาคารสูงอยู่อย่างหนาแน่นค่ะ แต่ห้องที่จะได้ทิศนี้นั้นมีอยู่ไม่เยอะมากเพราะมีแต่ห้องมุมเป็นส่วนใหญ่ และห้องขนาด 24 ตร.ม. 1 ห้อง/1 ชั้น

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 (Natural on the Ground)

  • Pine Tunnel Lobby
  • Recreation Room
  • On Ground Backyard
  • 3rd Place Garden

  • ชั้น 7 (Natural Loft Balance)
    • Life Loft Garden
    • Co-Working Space

  • ชั้นดาดฟ้า (Natural Rooftop Facilities)
    • Sky Garden
    • Swimming Pool Freeform ยาว 33 ม. ระบบเกลือ
    • Observation Deck
    • Sky Tree House
    • Sky Gym & Yoga Room
    • Sky Lounge
    • Sky Deck
    • Sunken Garden

  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟท์ 220.75 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 313 คันคิดเป็น 36% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการนั้นจะเริ่มต้นตั้งแต่ห้อง 1 Bedroom – 2 Bedrooms และห้อง Loft สูง 5 ม. ซึ่งจัดว่าเป็นห้องแบบพิเศษที่ไม่มีโครงการข้างเคียงไหนทำนะคะ โดยห้อง Loft นี้จะอยู่ชั้น 32 เพียงชั้นเดียวและมีเพียง 9 ห้องเท่านั้นค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 และ 30 ตร.ม. ในส่วนจุดเด่นของห้องพักอาศัยในโครงการนี้ คือฝ้าเพดานที่ได้ความสูงถึง 2.7 ม. ทำให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งพอสมควรทีเดียวค่ะ เพราะได้ปริมาตรภายในห้องมากขึ้น ซึ่งเทียบกับโครงการข้างเคียงแล้วจัดว่าได้ฝ้าเพดานสูงสุด

    รูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Partly Fitted โดยจะได้ดังนี้

    • Pantry ครัว ท็อปหินสังเคราะห์
    • Hob & Hood
    • เครื่องปรับอากาศ (Daikin Inverter)

    • 1 Bedroom 2 เครื่อง
    • 2 Bedrooms 3 เครื่อง

  • Digital Door Lock ของ Samsung
  • หลอดไฟ LED
  • มาดูห้องตัวอย่างแรกกันนะคะ เริ่มจากห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30.30 ตร.ม. แปลนห้องนี้จะไม่ได้พื้นที่นั่งเล่นที่ได้วิวนะคะ แต่ไม่ใช่ว่ามืดทึบนะ ยังได้แสงสว่างที่มาจากส่วนครัวอยู่ เนื่องจากตำแหน่งของพื้นที่นั่งเล่นเค้าจะวางไว้ด้านในห้อง ซึ่งก็แลกมากับประสิทธิภาพในการใช้งานครัวที่สามารถใช้งานครัวได้เต็มที่ เพราะได้เป็นครัวปิด เป็นสัดส่วนชัดเจนทำให้สามารถทำอาหารหนักได้ดี ไม่มีควันอาหารฟุ้งออกนอกครัว ส่วนห้องนอนนั้นได้เป็นห้องประตูทึบชัดเจน ซึ่งข้อดีคือมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องที่ใช้เป็นประตูบานเลื่อนกระจกใส ภายในห้องนอนขนาดกะทัดรัด เหมาะกับการวางเตียงขนาด 5 ฟุต จะพอดีกับตัวห้องมากที่สุดค่ะ ส่วนตำแหน่งห้องน้ำจะเข้าทางห้องนั่งเล่นและติดกับส่วนห้องนอนใช้งานได้สะดวก รวมทั้งหากมีเพื่อนมาห้องก็ไม่ต้องเข้าห้องน้ำผ่านห้องนอน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราด้วยค่ะ

    สำหรับห้องทุกห้องนั้นจะได้ Digital Door Lock จาก Samsung เป็นมาตรฐานนะคะ โดยรุ่นนี้จะรองรับการเปิดเข้าทั้งรหัส, การ์ด, กุญแจ, เทคโนโลยี N.F.C

    ธรณีประตูหน้าห้องกรุด้วยกระเบื้องซึ่งมีความคงทนในการใช้งานพอสมควรและจบขอบอีกทีด้วยไม้สำเร็จรูป ภายในห้องใช้พื้นลามิเนตค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะเป็นส่วนนั่งเล่นก่อน โดยพื้นที่นั่งเล่นนี้ถึงอยู่ด้านในของห้อง ไม่ได้ติดหน้าต่างแต่ก็ได้แสงสว่างจากภายนอกระดับนึงไม่มืดทึบนะคะ สำหรับขนาดพื้นที่นั่งเล่นนี้มีขนาดประมาณ 2.45 x 3.25 ม. ซึ่งมีระยะทีวีประมาณ 2.9 ม. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 55″-60″ จัดว่าวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายเลยค่ะ

    ด้วยความที่ระยะความยาวห้องยาวประมาณ 3.25 ม. เมื่อวางชุดโซฟา และโต๊ะวางทีวีไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่พอสมควรให้สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่ไปขวางทางเดิน

    ส่วนความกว้างของพื้นที่ส่วนนี้สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง+โต๊ะเล็กด้านข้างได้ หรือใครที่ชอบโซฟาใหญ่หน่อยก็สามารถวางโซฟาแบบ 3 ที่นั่งได้นะคะ แต่ก็จะไม่เหลือที่ว่างให้วางโต๊ะเล็กข้างโซฟาได้แล้ว

    สำหรับใครที่ชอบวางทีวีใหญ่ๆ อย่างที่บอกไปว่าระยะสายตานั้นสามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้นั้น หากวางทีวีขนาด 60″ จริงๆ แล้วสามารถวางได้นะแต่ก็จะติดกับขอบผนังและขอบวงกบของประตูห้องน้ำเลย ซึ่งดูจะฟิตไปหน่อย ลดไซส์ลงมาประมาณ 55″ จะดีกว่า

    เข้ามาภายในห้องน้ำยกธรณีประตูขึ้นมาระดับนึง กรุด้วยกระเบื้องสี Earth Tone

    เข้ามาภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชันเจน ขนาดห้องน้ำส่วนแห้งนี้กว้างประมาณ 1.5 ม. เป็นความกว้างพอดีๆ สำหรับการใช้งานทั้งส่วนอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ในส่วนด้านหลังสุขภัณฑ์นั้นก่อ Low Wall ไว้ให้สำหรับวางข้าวของได้เล็กน้อย และผนังบนอ่างล้างมือจะได้กระจกเงาไซส์นี้ให้เป็นมาตรฐานค่ะ

    ด้านข้างเชื่อมกับ Low Wall นั้นมีช่องสำหรับวางของได้มากขึ้นอีกหน่อย หรือใครที่ต้องการพื้นที่วางของมากขึ้นก็สามารถทำชั้นวางเป็นชั้นๆ ขึ้นไปเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นได้นะคะ เพราะเค้าเจาะช่องนี้มาให้สูงถึงฝ้าเพดานทีเดียว

    ยี่ห้อสุขภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมดจาก American Standard สำหรับขนาดอ่างล้างมือถือว่าให้มาโอเคนะคะ ไม่เล็กเกินไป ใช้งานได้กำลังดี

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำกั้นฉากกั้นกระจกให้เป็นมาตรฐานทั้งหมด

    ด้วยพื้นที่อาบน้ำมีขนาดไม่ได้กว้างมากนักทำให้บานสวิงมีระยะเปิดไม่พอกับการเปิดเข้า ดังนั้นฉากกั้นที่ได้จะเป็นแบบดึงออกมาด้านนอกนะคะ

    ก่อนเข้าส่วนอาบน้ำนั้นมีการยกธรณีไว้ให้เพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมาส่วนแห้งได้ดี ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำนั้นอยู่ที่ประมาณ 0.9 x 1 ม. เป็นขนาดกะทัดรัดพอดีๆ

    ฝักบัวสายอ่อนจาก American Standard เช่นเดิมค่ะ

    ขนาดหัวฝักบัวเป็นขนาดมาตรฐานไม่เล็กไม่ใหญ่ ส่วนมือจับแข็งแรง พอดีมือ

    มาดูฝั่งด้านในของห้องกันบ้างนะคะ โดยด้านขวามือจะเป็นห้องครัวซึ่งจะกั้นเป็นประตูบานเลื่อนกระจกช่วยให้ห้องดูสว่างมากขึ้น ส่วนด้านซ้ายนั้นเป็นประตูทางเข้าห้องนอนค่ะ ในห้องตัวอย่างไม่ได้ติดตั้งประตูบานเปิดทึบให้ดูนะ แต่ในห้องจริงที่ได้จะมีประตูเปิดบานทึบด้วย

    สำหรับประตูบานเลื่อนส่วนครัวนี้ได้วัสดุโอเค แข็งแรงมีน้ำหนักดีค่ะ ในส่วนของพื้นห้องครัวจะเปลี่ยนเป็นพื้นแกรนิตโต้ให้เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดและคงทนในการใช้งานมากกว่าลามิเนต จัดเป็นวัสดุพื้นที่เหมาะสมกับการใช้งานกับห้องครัวดีค่ะ

    สำหรับขนาดของห้องครัวถือว่าให้พื้นที่มาพอสมควรเหมือนกันเมื่อเทียบกับขนาดของห้องพักอาศัยนะคะ โดยมีขนาด 2.1 x 2.8 ม. ภายในห้องจะได้เฟอร์นิเจอร์อย่างเดียวคือส่วน Pantry นะคะ ดังนั้นชุดโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหารลูกบ้านต้องซื้อเพิ่มเติมกันเอง ด้วยความกว้างของทางเดินจาก Pantry ถึงผนังห้องนั้นมีความกว้างประมาณ 1.4 ม. เมื่อหักลบกับความกว้างของทางเดินที่ต้องเผื่อไว้ประมาณ 0.8 – 1 ม. ก็จะเหลือพื้นที่วางโต๊ะอยู่ไม่มาก เหมาะกับวางโต๊ะเก้าอี้ไซส์กะทัดรัดสำหรับ 2 ที่นั่ง ดูจากในห้องตัวอย่างจะเป็นไซส์ที่เหมาะสมค่ะ

    Pantry ครัวที่ได้ตามมาตรฐานนี้จะเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    โดยท็อปครัวเป็นหินสังเคราะห์ มีความคงทนในการใช้งานพอสมควร ส่วนหน้าบานปิดผิวสีดำแบบ Glossy สวยงาม

    ผนังด้านในส่วน Pantry ครัวกรุกระเบื้องให้เรียบร้อย ช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาดดีทีเดียวค่ะ

    สำหรับเตาที่ได้จะเป็นเตาเซรามิก 2 หัวจาก Franke Hood เป็นแบบ Exhausted หรือส่งท่อไปปล่อยด้านนอก จะเป็นสเป็คที่ดีกว่า Hood แบบหมุนเวียน ด้วยประสิทธิภาพในการดูดควันที่ดีกว่าค่ะ

    อ่างล้างจานสแตนเลสจาก Franke ขนาดอ่างลึกและใหญ่พอสมควรใช้งานง่าย เสียดายน่าจะมีที่พักจาน

    ตู้ Built-in ชั้นบนมีพื้นที่เก็บจานชามได้ระดับนึง ส่วนด้านบนก็ Built ปิดถึงฝ้าเพดานทำให้ไม่มีฝุ่นมาเกาะด้านบน ลดเวลาในการทำความสะอาดไปได้ด้วย

    ถัดมาด้านข้างของ Pantry คือตำแหน่งวางตู้เย็น โดยจัดพื้นที่ไว้ให้ถือว่าเยอะพอสมควรสามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่ถึง 13.5 คิวบิกฟุตได้เลย ซึ่งปกติแล้วจะเห็นโครงการที่ให้พื้นที่สำหรับวางตู้เย็นประมาณ 10 คิวบิกฟุตไม่เกินนี้

    ถัดจากส่วนครัวไปมีประตูบานเลื่อนกั้นส่วนระเบียงซักล้าง

    สำหรับระเบียงซักล้างกว้างประมาณ 2.1 x 0.8 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 ซม. เมื่อวางเครื่องซักผ้าไปแล้วก็เหลือพื้นที่ระเบียงไว้ใช้ตากผ้า หรือซักล้างไม่มากเท่าไหร่

    ด้านบนแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์หันออกไปด้านนอกให้เรียบร้อย สำหรับดวงโคมส่วนระเบียงนี้จะได้เป็นดวงโคมกล่องสีดำตามห้องตัวอย่างเลย

    เข้ามาภายในห้องนอนกันต่อนะคะ สำหรับห้องนอนนี้มีขนาดประมาณ 2.6 x 3 ม. เหมาะกับวางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้พอดีๆ แม้ขนาดของห้องนอนไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ด้วยความที่ได้หน้าต่างและกระจกบานใหญ่ รวมกับฝ้าเพดานสูง 2.7 ม. ก็ทำให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นพอสมควรเลยค่ะ

    เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปจะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบข้างและปลายเตียงให้พอเดินได้บ้าง อย่างฝั่งซ้ายนั้นมีความกว้างประมาณ 0.65 ม. ไม่รวมกับพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้านะคะ ดังนั้นก็ยังมีพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะเครื่องสำอางค์ขนาดกะทัดรัดหรือโต๊ะหัวเตียงได้ ส่วนฝั่งปลายเตียงนั้นกว้างประมาณ 0.55 ม. เป็นระยะที่เดินได้ แต่ไม่สามารถวางโต๊ะวางทีวีได้ ดังนั้นใครที่ต้องการติดทีวีในห้องนอน ควรจะติดทีวีด้วยวิธีแขวนจะดีสุดค่ะ ส่วนทางเดินข้างเตียงฝั่งขวานั้นมีความกว้างประมาณ 0.25 ม. เป็นความกว้างที่ไม่มาก พอเดินได้แต่ไม่สะดวกมากนักและไม่สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้เหมือนกับฝั่งซ้าย

    ตู้เสื้อผ้าไม่ได้ให้มาด้วยกับแพ็คเกจราคาห้องนะคะ ลูกบ้านต้องซื้อหรือสั่งทำเองนะคะ โดยขนาดตู้เสื้อผ้าที่เหมาะกับพื้นที่ห้องนั้นจะเป็นตู้ขนาดกลางๆ 2-3 ประตู

    ห้องตัวอย่างอีกห้องที่จะพาไปดูคือห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 56 ตร.ม. สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องมุมซึ่งจะได้วิวจาก 2 ทางด้วยกัน ทั้งจากฝั่งพื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนทั้ง 2 ห้องเลย ดังนั้นเรื่องตำแหน่งพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในใกล้กับโถงทางเดินในอาคารนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องของไม่ได้วิวเหมือนห้อง 1 Bedroom แล้วค่ะ ส่วนการจัดฟังก์ชันภายในห้องนี้ ถือว่าจัดได้เป็นสัดส่วนดีนะคะ เพราะเค้าแยกส่วน Common Area ไว้ชัดเจน (อยู่ด้านในติดกับโถงทางเดินในอาคาร) และก่อนจะถึงโซน Private ที่เป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้องนั้นจะถูกกั้นด้วยโถงทางเดินเล็กๆ และห้องน้ำ ทำให้การใช้งานดูเป็นสัดส่วนชัดเจน และยังคงความเป็นส่วนตัวให้กับห้องนอนทั้ง 2 ห้องได้ดีทีเดียวค่ะ

    ส่วนข้อจำกัดของห้องแปลนนี้ สำหรับเรื่องฟังก์ชันนั้นก็จะเป็นส่วนครัวที่ไม่ได้ครัวเป็นสัดส่วนชัดเจน และกั้นเป็นครัวปิด เหมือนกับห้อง 1 Bedroom แล้ว รวมทั้งในส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารนั้นจะอยู่ติดกับส่วน Pantry เลย สามารถวางเก้าอี้ได้จริงๆ 3 ที่นั่ง แต่อาจจะเสริมมาด้านข้างเหมือนในรูปแปลนได้ ซึ่งไม่ได้สะดวกมากนักค่ะ

    เข้ามาภายในห้องนอนจะเจอกับส่วนครัวก่อนเลย โดยขนาด Pantry นั้นจะใหญ่กว่าเล็กน้อย ไม่มากนัก ซึ่งใช้สเป็คเดียวกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ รวมทั้งพื้นที่วางตู้เย็นด้านข้างก็สามารถวางตู้เย็นขนาดเดียวกันคือ 13.5 คิวบิกฟุตได้

    ส่วนที่ได้มากกว่า Pantry ห้อง 1 Bedroom คือเตาเซรามิกที่ได้ใหญ่ขึ้นมา เป็นเตาเซรามิก 4 หัวค่ะ

    โต๊ะรับประทานอาหารไม่ได้ให้มาด้วยกับห้องนะคะ ซึ่งทางโครงการได้จัดเฟอร์นิเจอร์มาให้ดูเป็นตัวอย่าง อย่างโต๊ะนี้จริงๆ แล้วสามารถรองรับที่นั่งได้ 4 ที่นั่งปกติ แต่ด้วยตำแหน่งที่ต้องอยู่ติดกับ Pantry แบบชนกันเลยทำให้เสียพื้นที่นั่งไป 1 ตัว ถ้าจะเลื่อนออกมาหน่อยจาก Pantry ก็ทำไม่ได้เพราะจะไปขวางโถงทางเดินเข้าด้านในไปยังห้องนอนอีก ดังนั้นสำหรับใครที่อยู่กันแบบครอบครัวมีสมาชิกถึง 4 คน ก็อาจจะต้องวางเก้าอี้เหมือนตามแปลนนะคะ คือมีตัวนึงมาวางอยู่หัวโต๊ะ

    ลองหันกลับมาดูส่วนครัวและพื้นที่รับประทานอาหารกันอีกรอบนะคะ จะเห็นว่าด้านข้างขวาของพื้นที่ครัวและโต๊ะรับประทานอาหารนั้นกว้างพอสมควรเลย ประมาณ 2.5 ม. (วัดจาก Pantry ไปยังสุดผนังด้านขวาของห้อง) ถือว่ากว้างพอสมควร ใครต้องการพื้นที่เก็บของมากขึ้นหรือมีของสะสมอยากตกแต่งโชว์ก็สามารถ Built-in ตู้เพิ่มในฝั่งขวาได้นะคะ

    หันมาที่พื้นที่นั่งเล่น ซึ่งติดกับส่วนครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ขนาดบริเวณนี้ประมาณ 2.9 x 1.9 ม. และมีระยะสายตาระหว่างโซฟาถึงทีวีประมาณ 2.6 ม. เหมาะกับวางทีวีขนาดประมาณ 52″-55″ ได้สบายเลยค่ะ

    สำหรับห้องนี้สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ ค่ะ ส่วนประตูบานเลื่อนข้างๆ นั้นจะเชื่อมกับระเบียงซักล้างด้านนอกนั่นเองค่ะ ประตูได้บานกว้างนะแต่ไม่ได้สูงเท่าฝ้าเพดาน ส่วนเรื่อง Fitting นั้นทำออกมาได้ดี จับแล้วแข็งแรงแน่นหนาดีค่ะ

    ขนาดระเบียงใหญ่ขึ้นมาหน่อยจากห้องที่แล้วนะคะ ซึ่งเมื่อวางเครื่องซักผ้าไปแล้วก็ยังพอมีพื้นที่เหลือให้ตากผ้าหรือซักล้างได้ประมาณนึง

    ถัดเข้ามาที่ส่วนห้องนอนกันค่ะ โดยจะเป็นโถงทางเดินและค่อยแบ่งห้องอีกที ซึ่งส่วนนี้จะเริ่มเป็นโซน Private แล้วอย่างที่อธิบายไปในรูปแปลนห้องนะคะ ซึ่งใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหน่อย ก็สามารถทำประตูบานเปิด เพื่อปิดส่วนทางเข้าโถงทางเดินอีกทีก็ได้นะคะ (ตามรอยเส้นประ)

    ความกว้างของโถงทางเดินประมาณ 1 ม. เดินได้สะดวกเลย

    โดยโถงทางเดินนี้จะแจกไปยัง 3 ห้อง คือห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็กและห้องน้ำส่วนกลาง เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนใหญ่กันก่อนนะคะ

    ห้องนอนใหญ่นี้จะอยู่ตำแหน่งมุมของห้องพอดี ซึ่งจะได้กระจกเข้ามุมด้วย แต่เสียดายตรงที่ตำแหน่งของเตียงน่าจะอยู่ตรงข้าม เวลานอนก็เห็นวิวมุมกว้างจากกระจกเข้ามุมได้เลย แต่ในส่วนพื้นที่ที่ติดกับกระจกเข้ามุมในห้องนี้ก็สามารถจัดเป็นโต๊ะทำงานได้เช่นกันนะ เผื่อทำงานไปมองวิวไปก็เพลินๆ ดีเหมือนกันค่ะ ^^

    สำหรับห้องนี้มีสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้เลย ใครชอบเตียงใหญ่กลิ้งไปมาได้เยอะก็วางเตียง 6 ฟุตได้เลยค่ะ และยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงพอสมควรให้วางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งด้านข้างได้

    ฝั่งขวาของเตียงมีพื้นที่ซ่อนเข้าไปด้านในเพื่อให้เป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า จะได้ไม่ไปกินพื้นที่ทางเดิน

    ส่วนมุมที่ติดกับหน้าต่างของห้องนี้สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงานได้จะขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตามขนาดเตียงด้านข้างด้วยค่ะ สำหรับห้องตัวอย่างนี้เค้าวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้เป็นตัวอย่างเลยได้พื้นที่ทำงานบริเวณนี้กว้างขึ้นมาหน่อย

    ส่วนพื้นที่ทางเดินทั้งปลายเตียงและด้านข้างนั้นกว้างประมาณ 0.6-0.8 ม. เดินได้สะดวกค่ะ ซึ่งด้านข้างเตียงที่เห็นแคบๆ นั้นเป็นเพราะห้องตัวอย่างมีการ Built-in ตู้เพิ่มเติม ซึ่งหากตัดตู้ออกไปแล้วก็กว้างประมาณ 0.8 ม. ค่ะ

    ฝั่งปลายเตียงเป็นห้องน้ำในห้องนอนใหญ่นี้เลย

    ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและแห้งไว้เป็นสัดส่วนเช่นเดิม สเป็คและยี่ห้อสุขภัณฑ์เหมือนกับห้องที่แล้วเลยค่ะ เพียงแต่ด้านข้างของ Low Wall จะไม่มีช่องว่างไว้สำหรับวางของ

    ฉากกั้นกระจกเปลี่ยนมาเป็นแบบเลื่อน ใช้ง่ายดีค่ะ

    ขนาดพื้นที่อาบน้ำใหญ่ขึ้นมาจากห้องที่แล้ว โดยมีขนาดประมาณ 1.35 x 0.8 ม. เป็นพื้นที่ที่อาบน้ำได้สบายๆ

    ที่แปลกหน่อยคือราวแขวนผ้านั้นเค้าเอาไว้ด้านใน ทุกทีจะเห็นราวแขวนไว้ด้านนอก การเอาไว้ข้างในก็ทำให้ผ้าเปียกเวลาเราอาบน้ำได้นะคะ น่าจะเปลี่ยนตำแหน่งไปไว้ด้านนอกที่เป็นโซนแห้งมากกว่า ส่วนฝักบัวสายอ่อนก็เหมือนเดิมค่ะ จาก American Standard

    ห้องนอนเล็กมีขนาดประมาณ 2.28 x 2.75 ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต หรือ Single Bed จะเหมาะกับพื้นที่มากที่สุดค่ะ หรือจะเปลี่ยนห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ ไว้สำหรับทำงาน เก็บงานสะสมก็ได้นะคะ สำหรับใครที่อยู่กันเพียง 2 คนแต่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากหน่อย

    ในห้องนี้ก็ได้หน้าต่างและกระจกบานใหญ่เช่นเดียวกับห้องนอนในห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ ซึ่งมองเห็นวิวและมีแสงสว่างเข้ามาภายในห้องได้ดีเช่นกัน

    พื้นที่ทางเดินด้านข้างมีพื้นที่พอสมควร แม้จะวางตู้เสื้อผ้าแล้วก็ตาม

    ส่วนปลายเตียงก็มีพื้นที่ให้เดินได้ง่ายเช่นกันนะคะ แต่ฝั่งข้างเตียงที่ติดกับหน้าต่างนั้นจะไม่มีพื้นที่ทางเดินนะ

    ตู้เสื้อผ้าไม่ได้มีให้นะคะ ต้อง Built-in หรือซื้อมาวางเองได้เลย ด้วยพื้นที่ตู้เสื้อผ้าแล้วก็สามารถวางตู้ขนาดกลางได้นะคะ

    และในส่วนห้องน้ำกลางมีแปลน ขนาดห้อง และสเป็คสุขภัณฑ์เหมือนห้องน้ำในห้องนอนใหญ่เลยค่ะ เพียงแค่เปลี่ยนตำแหน่งประตูทางเข้าห้องน้ำเท่ากัน ^^

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 February 2017 

    • เนื่องจากโครงการจะเปิด Presale ในวันที่ 11-12 มี.ค. นี้ ดังนั้นราคาจึงยังไม่ออกนะคะ ส่วนราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการอยู่ที่ 87,000 บาท สำหรับใครที่สนใจห้องขนาดไหนสามารถลองคำนวนราคาแพ็กเกจห้องคร่าวๆ ได้ก่อนวัน Presale ที่จะถึงนี้ได้ค่ะ

    • Partly Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • เครื่องปรับอากาศ
    • จอง 5,000 บาท
    • ทำสัญญา 20,000 บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตร.ม./เดือน
    • โปรโมชั่น

    • จองพร้อมทำสัญญา รับ Gift Voucher The mall

    • 1 ห้องนอน รับ 5,000 บาท
    • 2 ห้องนอน รับ 10,000 บาท

  • จองพร้อมทำสัญญา ลุ้นรับเที่ยวญี่ปุ่น 25 รางวัล   (รางวัลละ 2 ที่นั่ง)
  • จองพร้อมทำสัญญา ลุ้นรับห้องโปรโมชั่น 1.69 ลบ.  จำนวน 5 ห้อง
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

     


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ The Tree สุขุมวิท 71 – เอกมัย เป็นคอนโด High Rise ตัวใหม่ที่มาเปิดในย่านคลองตัน บนถนนสุขุมวิท 71 จุดเด่นที่ชูโรงโครงการนี้คือ Facilities ที่ให้มาเยอะและยกชั้น Facilities ขึ้นไปไว้บนชั้นดาดฟ้า ซึ่งหาไม่มีในโครงการใหม่ในละแวกเดียวกัน รวมไปถึงวัสดุภายในห้องที่ให้มาในเกรดดีและฝ้าเพดานที่สูงถึง 2.7 ม. ด้วยราคาไม่แรงมากและไม่โดดไปจากโครงการข้างเคียง จัดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่มองหาคอนโดในทำเลขยับออกมาจากตัวเมืองหน่อย ซึ่งก็ยังสามารถเดินทางเข้าเมืองไม่ยาก โดยใช้เส้นเพชรบุรีเป็นหลัก เพื่อแลกมากับราคาที่จับต้องง่ายมากกว่าคอนโดในเมือง หรือพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นในงบประมาณที่ถือไว้

    ทำเลโครงการ – ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 71 อิงไปทางแยกคลองตัน ใกล้ถนนเพชรบุรี พัฒนาการ และรามคำแหง มากกว่าถนนสุขุมวิท บรรยากาศบนถนนนี้ยังคงเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ ค้าขายอยู่ใต้ตึกแถวที่เรียงกันไปตามริมถนน ด้วยความที่เป็นทำเลที่มีคนอยู่อาศัยมานาน ดังนั้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์บนถนนเส้นนี้จึงไม่มีปัญหา หาของกินง่ายทั้งร้านอาหาร ตลาดและ Hyper Market แต่จะไม่ใช่ทำเลที่อยู่ใกล้ห้าง

    การเดินทางด้วยรถยนต์ – สำหรับใครที่เน้นเดินทางเข้าเมืองเป็นหลักถือว่าสะดวก เพราะอยู่ไม่ไกลจากแยกคลองตัน วิ่งเข้าเส้นเพชรบุรีได้ง่าย หรือช่วงเวลารถติดที่แยกหนักๆ ก็มีซอยลัดติดกับโครงการไปลัดออกถนนเพชรบุรีได้โดยไม่ต้องผ่านแยกคลองตัน รวมทั้งทำเลโครงการก็อยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทางด่วยรามอินทรา-อาจณรงค์ ที่อยู่บนถนนพัฒนาการ ในส่วนของที่จอดรถให้มา 36% ไม่รวมซ้อนคัน ถือว่าให้มาปานกลางกับระดับราคา และด้วยทำเลโครงการที่ใช้รถสาธารณะต่างๆ สะดวก ก็พอหักลบกับความต้องการที่จอดรถได้ ส่วนทางโครงการนั้นเคลมมาว่าให้ที่จอดรถห้องละคัน แต่ไม่ได้ Fix แบบได้โฉนดนะคะ ดังนั้นก็ยังคิดเป็นพื้นที่ส่วนกลางขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของนิติบุคคลต่อไป

    การเดินทางแบบไม่ใช่รถ – เป็นทำเลที่มีตัวเลือกในการเดินทางพอสมควร ที่เด่นเลยคืออยู่ในระยะเดินจาก Airport Link รามคำแหง ซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 350 ม. จัดว่ามีระยะเดินที่ใกล้ แต่ก็อาจจะไม่ได้สะดวกนักหากเทียบกับโครงการข้างเคียงที่ข้ามถนนง่ายกว่า ไม่ต้องข้ามแยกคลองตัน ส่วนอีกตัวเลือกนึงสำหรับคนที่ต้องการประหยัดเวลาในการเดินทางเข้าเมือง คือเรือด่วนแสนแสบ ที่มีท่าเรืออยู่ในสะพานข้ามคลองแสนแสบ ห่างจากโครงการไปประมาณ 600-700 ม. ไกลจากระยะเดินหน่อย ใครขี้เกียจเดินก็โบกพี่วินได้ในราคาไม่แพง หรือฟิตหน่อยก็เดินได้นะคะ ส่วนการเดินทางแบบไม่ใช่รถเบสิคทั่วไปก็มีครบครันค่ะ ทั้งพี่วิน แท็กซี่ กระป้อและรถเมล์ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนสุขุมวิท 71 เลย

    การออกแบบ – ตัวโครงการมีความหนาแน่นสูงระดับนึงด้วยอัตราส่วนลิฟต์ 220.75 : 1 และจำนวนยูนิตต่อชั้นที่ 34 ยูนิต ในส่วนการออกแบบภาพลักษณ์โครงการทำออกมาได้น่าสนใจระดับนึง ด้วยงานออกแบบภายใต้แนวคิด ป่าสน และมีการนำลวดลายมาใช้ในหลายๆ ส่วน ทั้ง Facade อาคาร และทำให้เกิดฟังก์ชั่น Pine Tunnel Lobby เป็นโถงทางเดินปรับอารมณ์ก่อนเข้าส่วนของ Lobby รวมทั้ง Tree House จัดเป็นเอกลักษณ์ของโครงการภายใต้ชื่อ The Tree ดี

    ส่วน Layout ห้องเริ่มจาก 1 Bedroom 30.30 ตร.ม. จัดออกมาได้เป็นสัดส่วนดี ได้ครัวปิดใช้ง่ายได้จริง แต่ก็แลกมากับตำแหน่งของพื้นที่นั่งเล่นไม่ติดกับด้านนอก สำหรับคนที่ชอบวิวจากห้องนั่งเล่นโดยตรงเลยอาจจะไม่ชอบมากนัก ส่วนห้อง 2 Bedrooms 56.45 ตร.ม. จัดวางฟังก์ชันได้น่าสนใจ โดยส่วน Common Area จะอยู่ก่อนจะถึงโซน Private ที่เป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้องนั้นจะถูกกั้นด้วยโถงทางเดินเล็กๆ และห้องน้ำ ทำให้การใช้งานดูเป็นสัดส่วนชัดเจน และยังคงความเป็นส่วนตัวให้กับห้องนอนทั้ง 2 ห้องได้ดีทีเดียวค่ะ

    วัสดุ – โดยรวมถือว่าให้เกรดวัสดุมาดีเทียบกับระดับราคาที่จ่ายไป เด่นในเรื่องของฝ้าเพดานที่ได้มาสูง 2.7 ม. ทำให้ห้องโปร่งโล่ง ซึ่งถือว่าให้ความสูงฝ้ามามากกว่าโครงการอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน ส่วนรูปแบบการขายจะเป็นแบบ Partly Fitted โดยจะได้ Pantry ครัวท็อปหินสังเคราะห์ พร้อม Hob & Hood และเครื่องปรับอากาศจากไดกิ้น แบบ Invertor ซึ่งลูกบ้านต้องเผื่องบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการตกแต่งและซื้อเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ด้วยนะ ส่วนสเป็คพื้นได้ลามิเนตในห้องนอนและพื้นที่นั่งเล่น พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ภายในครัวและห้องน้ำ ส่วนกระเบื้องเซรามิกปูให้ในส่วนระเบียงซักล้าง สุขภัณฑ์ใช้ยี่ห้อ American Standard ทั้งหมด พร้อมฉากกั้นกระจกแยกส่วนเปียก ส่วนแห้ง ในห้องน้ำทุกห้อง

    สาธารณูปโภค – เป็นจุดขายของโครงการนี้ ด้วยชั้น Facilities หลักที่ยกขึ้นไปดาดฟ้า ข้อดีคือมีความเป็นส่วนตัวสำหรับคนใช้งาน รวมทั้งได้วิวมุมสูงด้วยในตัวนะคะ โดย Facilities ที่ได้เริ่มตั้งแต่ On Ground Backyard ด้านหลังโครงการ และชั้นแรกกับห้อง Recreation Room ชั้น 7 กับห้อง Co-Working Space และ Life Loft Garden และชั้นดาดฟ้าที่จัดสระว่ายน้ำแบบ Free Form ยาว 33 ม. ในได้ว่ายออกกำลังกายกันได้ มีห้อง Sky Lounge, Sky Gym & Yoga Room, Sky Garden ที่จัดบ้านต้นไม้ไว้ให้เด็กๆ ขึ้นมาเล่นได้ และที่เป็นอีกหนึ่ง Hilight คือ Observation Deck เป็นระเบียงพื้นกระจกให้สามารถมองวิวได้รอบทิศ แต่มีขนาดเล็กไปหน่อยเท่าที่เห็นในโมเดล รอดูตอนตึกเสร็จว่าจะปังไหม โดยรวมถือว่าได้ Facilities จัดเต็มเมื่อเทียบกับราคา และโครงการข้างเคียง

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 87,000 บาท/ตร.ม., 23 February 2017

    • ทำเล 8/10 – อยู่ในย่านชุมชนเก่าแก่ มีความอุดมสมบูรณ์
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้แยกคลองตัน เข้าเมืองจากถนนเพชรบุรีสะดวก
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลาย, Airport link 350 ม. และเรือด่วนแสนเสบ
    • วัสดุ 8/10 – ให้เกรดมาดี เมื่อเทียบกับราคา
    • แบบ 7.5/10 – อาคารมีความหนาแน่นสูง ส่วน Layout ห้องจัดฟังก์ชันลงตัวดี ได้ฝ้าสูง 2.7 ม.
    • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาเยอะและเด่นกว่าโครงการข้างเคียงด้วย Rooftop Facilities และราคาไม่โดด

     

    • MAIN CLASS
    • 7.95 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Tree สุขุมวิท 71-เอกมัย เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดเพื่ออยู่อาศัยในราคาหยิบจับง่าย เน้นเดินทางเข้าเมืองสะดวก หรือขึ้น Airport Link รามคำแหง ง่าย ชอบใช้ Facilities และได้แบบจัดเต็มยก Floor ขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า มีงบประมาณจำนวนนึงสำหรับตกแต่งห้องหรือเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมหรืออยากแต่งห้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เอง  มีงบประมาณตั้งแต่ 1.69 – 5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,000 – 40,000 บาท

    ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้เราหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )