รีวิวฉบับที่ 1617 … สวัสดีครับวันนี้ @PUN จะพาไปรีวิวโครงการ MARU เป็นแบรนด์ซีรีย์ใหม่ล่าสุด จากทาง Major Development ที่เปิดตัวสื่อประมาณปลายปี 2017 พร้อมกัน 2 ทำเลอย่าง ลาดพร้าว และ เอกมัย ทั้งคู่ยังคงพร้อมกับคอนเซปท์ของ Pet Friendly เอาใจกลุ่มอยากเลี้ยงสัตว์ในคอนโดอีกด้วย จึงจัดพื้นที่ส่วนกลางไว้หลากหลายจุดเพื่อแยกต่อการใช้งานที่หลากหลาย อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับ MRT ลาดพร้าวเพียง 70 เมตรเท่านั้น ไปดูกันเลย
Fact @ 21 June 2018
- Maru Ladprao 15 (มารุ ลาดพร้าว 15)
- บริษัท เมเจอร์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
- HIGH – LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : จตุจักร
- คอนโด High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 332 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิต
- ที่จอดรถ 158 ช่องจอด คิดเป็น 47% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ที่ดินประมาณ 1-3-07 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q2 ปี 2018 | คาดว่าจะแล้วเสร็จ : n/a
- 1 Bedroom 30 – 35 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 1 Bath 50 – 53.5 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 2 Bath 57 – 60 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร (มีแบบสูงพิเศษ 3.50 เมตร ที่ชั้น 24)
- ราคาห้องเริ่มต้นประมาณ 4 ล้านบาท
- ช่วงราคาประมาณอยู่ที่ 130,xxx – 177,xxx บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ AVG 150,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ : “มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว”
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1266
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.807702, 100.571186
ทำเลที่โครงการ MARU ลาดพร้าว 15 ซึ่งตั้งอยู่ติดถนนหลักลาดพร้าวเลย อยู่ระหว่างซอยลาดพร้าว 15 และ 17 ถ้าใครเคยผ่านมาบ้างที่จะเป็นแปลงของปั๊มน้ำมัน SUSCO เก่า ทำเลนี้ถือเป็น ลาดพร้าวช่วงต้น ที่อยู่ระหว่างห้าแยกลาดพร้าว กับ แยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ซึ่งใครเคยผ่านไปมาตรงนี้ช่วงเลิกงานจะรู้เลยว่า “รถติด”เพราะแยกใหญ่ทั้งสองเป็นจุดตัดเข้าออกเมืองย่านคนทำงานจำนวนมหาศาล เลยเป็นเช่นนี้นั้นเอง
โดยตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับแยกรัชดาลาดพร้าวมากกว่า ห่างมาประมาณ 450 ม. เป็นแยกที่มีจุดตัดไปส่วนต่างๆที่สำคัญในการกระจายคนเข้าออกเมือง เลยทำให้มีการรอจราจรไฟแดงที่นานพอสมควรในช่วงเย็น
ความอุดมสมบูรณ์หลักในละแวกนี้ มีห้าง 3 อันหลักได้แก่ 1.BigC Extra+Hompro(350ม.) 2.ยูเนียนมอลล์(1.1 กม.) 3.Central Plaza ลาดพร้าว(1.6 กม.) ด้วยระยะทางที่เดินเท้าสะดวกง่าย ถ้าเขยิบออกไปหน่อยก็จะมี Tesco Lotus, เมเจอร์ รัชโยธิน อีกทั้งยังมีตลาดเดินช้อปให้เลือกอีกคือสวนจตุจักร, ตลาด อ.ต.ก., บอง มาร์เช่ และสวนลุมไนท์ฯรัชดาที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน + Gourmet Market ที่ใต้ดิน MRT รวมๆถือว่าอุดมสมบูรณ์ใช้ได้เลย
อย่างที่บอกไปว่าตัวโครงการอยู่ห่างจาก ห้าแยกลาดพร้าว มาประมาณ 1 กิโลนิด ซึ่งบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของ สวนสีเขียวขนาดใหญ่ นับว่าเป็นปอดของกรุงเทพที่สำคัญแห่งนึงก็ว่าได้ อย่างสวนสาธารณะจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนรถไฟ ล่าสุดมีการประกาศแผนทำการเชื่อมสวนและเริ่มดำเนินการแล้ว ทำให้อีกหน่อยบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่สีเขียวรวมขนาดกว่า 7 ร้อยกว่าไร่ ขับรถมาออกกำลังกายได้ง่ายๆ
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล ที่แยกรัชดา – ลาดพร้าว ไปตามแนวถนนลาดพร้าวจนถึงทางแยกบางกะปิ จากนั้นแนวเส้นทางจะเลี้ยวไปทางทิศใต้ตามถนนศรีนครินทร์ เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ที่ทางแยกลำสาลี ผ่านแยกพัฒนาการ แยกศรีนุช แยกศรีอุดมสุข แยกศรีเอี่ยม จนถึงแยกศรีเทพา จากนั้นแนวเส้นทางจะเลี้ยวไปทางทิศตะวันตกตามแนวถนนเทพารักษ์ ผ่านจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ ที่สถานีสำโรง และสิ้นสุดเส้นทางบริเวณแนวถนนปู่เจ้าสมิงพราย
ระยะทางรวม 30.4 กิโลเมตร และมีสถานีจำนวน 23 สถานี / โครงสร้างยกระดับและเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail)
- สามารถขนส่งผู้โดยสารได้ 10,000– 40,000 คน/ชม./ทิศทาง ด้วยความเร็ว 80 กม./ชั่วโมง
- ตัวรถมีน้ำหนักเบาและใช้ล้อยาง ทำให้ลดผลกระทบทางด้านเสียงและความสั่นสะเทือน
- โครงสร้างทางวิ่งโปร่ง ทำให้ลดผลกระทบเรื่องแสงและทัศนียภาพ รวมทั้งใช้พื้นที่ก่อสร้างน้อย
- สามารถเลี้ยวด้วยรัศมีโค้งราบน้อยที่สุด 70 เมตร (Sharp Curve)ไต่ทางลาดชั่นได้สูงถึง 6 เปอร์เซ็นต์ (Steep Grade) ทำให้แนวเส้นทางมีความยืดหยุ่นและลดผลกระทบการเวนคืนที่ดิน
**อนาคตถ้ามีการสร้างเสร็จเมื่อไร ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าวนี้ จะเป็นอีก 1 Interchange ที่มีความสำคัญในการคมนาคมด้วยระบบสาธารณะแน่นอน (ตอนนี้เริ่มก่อสร้างแล้ว)
“MRT ลาดพร้าว” ทางออกที่ใกล้ที่สุดคือประตู 3 นะครับ รูทแรกแค่เดินไปไซท์ที่ดินโครงการเพียง 70 เมตร ก็ถึงแล้ว ถ้าใครอยากดูสภาพแวดล้อมในการเดินรูทอื่นๆ ให้ไปดูตอนพาเดินทำเลเอานะครับ “คลิกที่นี่”
โดยถ้าเราออกมาจากทางออก 3 แล้วจะผ่านชุดตึกแถวร้านค้า แค่ล็อกเดียว ก็ถึงที่ดินโครงการเลย
มาเริ่มกันที่ MRT ลาดพร้าว ทางออก 3 กันครับ
ออกมาปุ๊ปเจอกับพี่วินปั๊ปเลย คือที่ สถานีลาดพร้าวนี้ “ทุกทางออก” มีพี่วินประจำอยู่หมดเลยครับ
ซูมให้ดูถึงอัตราค่าบริการของวินนี้ ถือว่าใกล้โครงการเรามากที่สุดแล้วถ้าใครทำงานอยู่รัชดาแถวศาลอาญาโซนๆนั้นแค่ 20-30 บาทเท่านั้นเอง
หันไปทางขวาเป็นริมฟุตบาท และเห็นร้านอาหาร บะหมี่บ้านโป่งเจ้แดง ตอนนี้ยังดูไม่ค่อยครึกครื้นเพราะว่าเป็นเวลาบ่าย
เผื่อใครยังไม่รู้ บะหมี่บ้านโป่งเจ้แดง ถือเป็นอีกร้านหนึ่งใน Signature ย่านนี้ก็ว่าได้ อันดับแรกทำเลของแกอยู่ติด MRT ประตู 3 นี่แหละ แวะมาทานง่ายมาก
บะหมี่บ้านโป่งเจ้แดง เปิดร้านตั้งแต่บ่าย 3 จนถึง ตี 2 !!! (ถูกแล้วครับตีสองงงง) เอาใจสายนอนดึกหรือไปแฮงเอาท์แล้วมาปิดจ็อบที่นี่ เมนูหลักๆในร้านก็ได้แก่ บะหมี่ปู, หมูแดงหมูกรอบ เส้นบะหมี่เค้าไม่เหมือนใครแถมปูยังสดๆอีกด้วย หรือถ้าใครไม่อยากกินบะหมี่ก็มี ข้าวมันไก่ ผัดซีอิ๊ว, ข้าวผัดปู, โกยซีหมี่, ต้มตีนไก่ซุปเปอร์, เกี๊ยวลวกจิ้ม, ต้มยำหม้อไฟ โอยยย เยอะมากจำไม่หมด ตัวผมเองเคยมาฝากท้องที่นี้หลายครั้งอยู่
หลังจากพ้นร้านไปแล้ว ร้านอื่นๆในตึกแถวชุดนี้จะเงียบๆหน่อย และก็เห็นแปลงที่ดินโครงการเลยครับ
ภาพแสดงพื้นที่รอบข้างของโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพักอาศัยสูงไม่เกิน 8 ชั้น ทำให้โครงการไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิด
เริ่มจากทางฝั่งหันไปทางทิศใต้ เป็นฝั่งที่ติดถนนลาดพร้าวนั่นเอง ฝั่งตรงข้ามเป็นแนวตึกแถว 4 ชั้นครึ่ง เยื้องไปทางขวาหน่อยๆ(ตะวันตกเฉียงใต้) จะเห็น Life ลาดพร้าว 18 อยู่ห่างออกไปราวๆ 120 เมตร
ฝั่งทิศตะวันตกในระยะประชิดก็จะเป็นตึกแถว โกดัง และอพาร์ทเมนท์ตามจำนวนชั้นที่แปะไว้ ฝั่งนี้ใกล้ๆไม่มีอาคารสูงเลยนะครับ ได้วิวค่อนข้างโล่ง มองไปทางห้าแยกลาดพร้าวเห็นพวกคอนโดเพื่อนบ้านในระยะไกลๆหน่อย
ฝั่งทิศเหนือของโครงการ ระยะประชิดจะเป็นชุมชนบ้านเดี่ยวพักอาศัยทั้งหมด วิวค่อนข้างโล่งเคลียเช่นเดียวกัน มองไปไกลจะเห็นอาคารบริเวณศาลาอาญา รัชดา
สุดท้ายฝั่งทิศตะวันออก ในระยะประชิดจะติดกับตึกแถว และอพาร์ทเมนท์ 3-7 ชั้นพวกนี้ ฝั่งนี้ใกล้ๆก็ไม่มีตึกสูงนะ วิวสูงๆหน่อยมองไปเห็นทางแยกรัชดาลาดพร้าว
เนื่องจากโครงการ MARU ลาดพร้าว 15 นี้ ผมได้เคยไปถ่ายรายการ The Sneak แล้วตอนนั้นได้เอาโดรนบินขึ้นด้วย เลยให้เห็นสถาพแวดล้อมของจริงจากโดรนเลยละกัน อย่างที่บอกรอบๆนี้จะไม่มีอาคารสูงในระยะใกล้ ส่วนมากเป็นอพาร์ทเมนท์ ตึกแถวที่สูงมากสุดก็ 8 ชั้น (แต่ห้องพักอาศัยโครงการนี้เริ่มที่ชั้น 7 นะ)
ปิดท้ายกับด้วย ผมเอาโดรนขึ้นไปบินกลางไซท์ที่ดินโครงการที่ความสูงประมาณ 70 เมตรครับ จะได้วิวแบบนี้เลย เล็งๆกันเอานะคร้าบ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- MRT ลาดพร้าว ทางออก 3 – 70 เมตร
- Gourmet Market – 330 เมตร
- บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า – 400 เมตร
- สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก – 450 เมตร
- Union Mall – 1.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนเซนต์จอห์น – 1.8 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว – 2.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนหอวัง – 2.5 กิโลเมตร
- ตลาดนัดจตุจักร, สวนจตุจักร – 2.6 กิโลเมตร
- สวนรถไฟ – 3.5 กิโลเมตร
ก่อนจะไปดูรายละเอียดโครงการ เราคงจะเห็นภาพพรีเซนเตอร์อย่างน้องนาย นภัทร ที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมน้องหมา น้องแมวกันบ้างแล้ว เพราะว่าคอนโดมิเนียมของบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถนำสัตว์เลี้ยงแสนรักมาเลี้ยงในโครงการได้ ภายใต้ข้อกำหนดของทางนิติบุคคลในแต่ละโครงการ กับคอนเซ็ปท์ Pet Friendly คอนโดที่อนุญาตให้คุณเลี้ยงสัตว์ได้ โดยเงื่อนไขของโครงการนี้คือ
- สามารถเลี้ยงสัตว์เป็นขนาดเล็ก-กลาง จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม
- ลูกบ้าน 1 ห้องยูนิต สามารถเลี้ยงได้เพียง 1 ตัวเท่านั้น
- การพาสัตว์เลี้ยงขึ้นลงลิฟต์ จะต้องใช้ส่วนของ Service Lift เท่านั้น
- ต้องพกอุปกรณ์ทำความสะอาดเวลาพาสัตว์เลี้ยงมาใช้ส่วนกลาง(ทำความสะอาดทันที)
- สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปได้ทุกชั้น ยกเว้นชั้นสระว่ายน้ำชั้นเดียว
ณ ปัจจุบัน ด้านหน้า Site ที่ดินโครงการ ก็ก่อสร้าง Sale Office Gallery เสร็จไปหมาดๆแล้วนะครับ ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปดูรายละเอียดโครงการด้านในกัน
เข้ามที่ด้านในกันแล้วโถงต้อนรับจะเป็นแบบเพดานสูงโปร่ง มีพื้นที่นั่งรองรับกระจานตามจุด ตรงกลางเลยเป็นส่วนของ Model โครงการ ซึ่งที่นี่เค้าใช้ CBRE ในการขายการนำเสนอทุกอย่างจะค่อนข้างเป๊ะทีเดียว
ตัวโมเดลโครงการเราจะเห็นโทนสีอาคารเป็น โทนสว่างที่ใช้สีขาว เทา เป็นหลัก ดูคลีนๆสบายตาแบบนี้นะครับ เดี๋ยวดูรูปถัดไปว่ารายละเอียดเป็นยังไง
ผมลองแยก การใช้งานหลักๆ ตั้งแต่ชั้น Ground ไปจนถึงดาดฟ้า เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจไว้แล้วดังนี้
โดยจากถนนลาพร้าวด้านหน้า จะมีส่วนทางเข้าทั้งทางเดิน และรถยนต์ ซึ่งพอเข้ามาแล้วจะเจอกับส่วนของ Drop Off Area ก่อนเลย ถ้าใครมาส่งลูกบ้านก็วนตรงนี้เดินเข้าล็อบบี้ได้เลย และติดกันกับ Lobby จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Co-Working Indoor แบบเพดานสูง(ซึ่งมีชั้นลอยอยู่ด้วย) และด้านนอกเป็นแบบ Outdoor กลางแจ้งให้เลือกใช้งานได้ตามใจชอบ
การเดินรถภายในโครงการจะเป็นแบบทูเวย์ สวนทางกันได้นะครับ ถ้ามาจนถึงฝั่งด้านหลังโครงการเลย จะเป็นพื้นที่สวนหย่อมอย่าง Verdure Forest ที่ภายในจะประกอบไปด้วยมุมโยคะ พื้นที่นั่งเล่น ศาลาเล่นระดับ ที่จัดมาได้น่าใช้งาน หรือเป็นจุดนับพบของเจ้าของสัตว์เลี้ยงก็ได้
อ้อมมาที่ฝั่งสุดท้าย ติดกับรั้วกำแพงทางทิศตะวันตก ที่ชั้น 1 นี้ก็มีพื้นที่จอดรถใจ้อาคารนะครับ แต่จุดเนินทางขึ้นเข้าไปในอาคารจะอยู่บริเวณนี้ เพื่อเข้าไปสู่พื้นที่จอดรถที่ชั้น 2-6 โดยจะสามารถจอดได้ 158 ช่องจอด (คิดเป็น 47% ไม่รวมซ้อนคัน) | ขยับขึ้นมาที่ชั้น 7 จะเป็นส่วนของชั้นพักอาศัยชั้นแรก แต่ว่าก็มีการจัดพื้นที่สีเขียวเป็นสวนสวนกลางเอาไว้ด้วย อยู่ติดกับด้านหน้าโครงการ
ทีนี้เราจะเห็นว่าที่ชั้น 10, 15, 20 จะมีการลดจำนวนห้องพักออกไป เพื่อทำเป็นลูกเล่นของพื้นที่ส่วนกลางเก๋ๆอย่าง Sky Terrace ที่เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนแบบ Double Volume สูงถึงสองชั้นอีกด้วย
ขยับขึ้นมาที่ชั้น 24 ซึ่งเป็นอีกชั้นที่มีส่วนกลางหลักอย่าง สระว่ายน้ำขนาด 6 x 25 เมตร, แยกสระเด็ก, ด้านหน้ามีสระน้ำอุ่นคงอุณหภูมิไว้ที่ 30 องศาตลอดเวลา, ห้อง Co-Creation มีชุด Pantry และโต๊ะนั่งเอาไว้สำหรับเตรียมอาหารว่างและเครื่องดื่มเผื่อนำมาใช้งาน
**ขอเสริมนิดนะครับ ชั้นนี้จะเป็นเพียงชั้นเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถพาสัตว์เลี้ยงของลูกบ้านมาได้นะครับ นอกเหนือจากนั้นพาไปได้ทุกที่ ทุกชั้น แต่ว่าเวลาจะพาสัตว์เลี้ยงของเราไปชั้นไหน ต้องใช้ส่วนของ Service Lift นะจ๊ะ
ที่มุมอาคารด้านหลังของชั้น 24 นี้ก็เป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้อง Fitness ยังคงเป็นเพดานสูงเช่นเดียวกัน ติดกันด้านข้างเป็นห้องล็อกเกอร์ แต่งตัว ห้องน้ำมีสตีมในตัว และห้องโยคะครับ เรียกว่าจัดมาให้หลากหลายแต่ไม่ใหญ่มากตามสไตล์ของคอนโดเมเจอร์นะ | ที่ชั้นนี้ยังมีห้องพักอาศัยนิดหน่อย และเป็นชั้นเดียวที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานพิเศษอีกด้วย โดยปกติชั้นอื่นจะอยู่ที่ 2.70 เมตร แต่ชั้นนี้อยู่ที่ 3.50 เมตร
ส่วนของห้องพักอาศัยจะสิ้นสุดที่ชั้น 30 นะครับ โดยขยับขึ้นไป Rooftop ดาดฟ้าจะเป็นส่วนของ Facilities ทั้งหมด
มามองมุมกดลงกันบ้าง ที่ชั้นนี้ประกอบไปด้วยมุมฟังก์ชั่น ส่วนกลางกระจายไว้ตามจุดเล็กๆ แต่แฝงไปด้วยลูกเล่นการใช้งานที่ต่างกัน ลองยกตัวอย่างอาทิเช่น มีมุมโต๊ะพลูกลางแจ้ง, มุมดูหนังกลางแจ้ง, มุมสนามเด็กเล่น, ห้อง Music Box ที่ทำเป็นห้องเก็บเสียง แต่ผนังกระจกมองวิวออกไปด้านนอกที่ความสูงชั้นดาดฟ้า และสุดท้ายยังมีสเต็ปชั้นลอยขึ้นมาอีกชั้นที่เรียกว่า Star Gazing Deck เป็นเสมือนพื้นที่นั่งเล่นเอาไว้ชมวิว ชมดาว เหมือนกับร้านอาหารในโรงแรมหรูๆ
ภาพจำลองบรรยากาศภายนอกตัวอาคารโครงการ ตัวอาคารใช้โทนสีสว่างอย่างสีเทาอ่อน ดูมีความเรียบๆแบบ Minimal ไม่หวือหวามากจนเกินไป ซึ่งตัวสีของกระจกภายในอาคาร(สีน้ำดำน้ำเงิน) จะเป็นตัวตัดเฉดสีเทาอ่อนให้ดูเป็นทูโทนนั่นเอง
ภาพจำลองบรรยากาศภายนอกตัวอาคารโครงการ มองตรงไปจากฝั่งด้านหน้าโครงการ
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ พอเข้ามาส่วนแรกจะเจอกับพื้นที่ Drop Off Area ก่อน และมีการตกแต่งให้ดูสูงโปร่งกินพื้นที่ไปถึงชั้น 2
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ ถัดจาก Drop Off เข้ามาด้านในอาคารจะเป็นส่วนของ Lobby และติดกันเป็น C0-Working แบบ Indoor ที่เป็นพื้นที่ Double Volume สูง 2 ชั้น และยังมีบันไดเวียนขึ้นไปยังชั้นลอย แยกการใช้งานอีกจุดนึง
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ ถัดจาก Drop Off เข้ามาด้านในอาคารจะเป็นส่วนของ Lobby และซ้ายมือติดกันเป็นส่วนของ C0-Working Space แบบ Indoor ที่เป็นพื้นที่ Double Volume สูง 2 ชั้น และยังมีบันไดเวียนขึ้นไปยังชั้นลอย
ภาพจำลองบรรยากาศภายนอกตัวอาคารโครงการ มุมนี้จะเป็นส่วนของพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Sky Terrace ที่จัดไว้ที่ชั้น 10, 15, 20 ครับ เป็นลูกเล่นของพื้นที่ส่วนกลางเก๋ๆที่เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนแบบ Double Volume มองวิวไปทางห้าแยกลาดพร้าว
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ ชั้น 24 ส่วนกลางหลักอย่างสระว่ายน้ำแยกสระเด็ก และห้องออกกำลังกาย ซึ่งฝั่งนี้จะเป็นวิวไปทางถนนรัชดาภิเษก ถ้าใครอยู่ในห้องฟิตเนสก็จะมองไปทางแยกรัชโยธินไกลๆ เห็นตึกช้างด้วย
ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ ชั้น 24 ส่วนกลางหลักอย่างสระว่ายระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร| ซ้ายมือเป็นพื้นที่ของสระน้ำอุ่นที่คงอุณหภูมิไว้ที่ 30 องศาตลอดเวลา เหมาะสำหรับหน้าหนาวเป็นอย่างดี
ติดกันกับพื้นที่ริมสระน้ำอุ่น จะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่นแบบกลางแจ้งให้มานั่งเล่นพักผ่อนใต้ต้นไม้ริมสระได้ และถัดไปทางซ้ายที่เห็นห้องนั้นคือ Co-Creation Room
ด้านใน Co-Creation Room จะเป็นห้องขนาดกลางที่จัด Pantry ครัวและโต๊ะตรงกลางห้องเอาไว้ให้เพื่อมาจัดเตรียมอาหารว่างและเครื่องดื่มเบาๆให้ใช้กันได้ในห้องนี้ อีกทั้งจุดเด่นก็คือช่องแสงรอบด้าน รวมถึงด้านบนฝ้าเพดานเจาะช่องแสงไว้ด้วย และสามารถเปิดออกเป็นพื้นที่แบบ Semi Outdoor ปรับเปลี่ยนได้นะ
ส่วนของห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 25-30 เป็นชั้นสุดท้ายนะครับ โดยโซนนี้จะมีห้องพักอาศัยลดลงเหลือจาก 9-11 ยูนิตเท่านั้น โดยขยับขึ้นไป Rooftop ดาดฟ้าจะเป็นส่วนของ Facilities ทั้งหมด
ภาพจำลองบรรยากาศมุม Bird Eye View ที่ชั้นดาดฟ้ามองลงไป ที่ชั้นนี้ประกอบไปด้วยมุมฟังก์ชั่น ส่วนกลางกระจายไว้ตามจุดเล็กๆ แต่แฝงไปด้วยลูกเล่นการใช้งานที่ต่างกัน
ภาพจำลองบรรยากาศชั้นดาดฟ้า พื้นที่ส่วนกลาง มุมสนามเด็กเล่น, ศาลานั่งเล่นพักผ่อน
ภาพจำลองบรรยากาศชั้นดาดฟ้า พื้นที่ส่วนกลาง มุมดูหนังกลางแจ้ง แบบ Semi Outdoor ซึงจะเตรียมจอฉายภาพกับโปรเจคเตอร์ไว้ให้
ภาพจำลองบรรยากาศชั้นดาดฟ้า พื้นที่ส่วนกลางห้อง Music Box ที่ทำเป็นห้องเก็บเสียง แต่ผนังกระจกมองวิวออกไปด้านนอกที่ความสูงชั้นดาดฟ้า
ภาพจำลองบรรยากาศชั้นดาดฟ้า พื้นที่ส่วนกลางโซน BBQ Sunken Terrace
และสุดท้ายยังมีสเต็ปชั้นลอยขึ้นมาอีกชั้นที่เรียกว่า Star Gazing Deck เป็นเสมือนพื้นที่นั่งเล่นเอาไว้ชมวิว ชมดาว เหมือนกับร้านอาหารในโรงแรมหรูๆ
Master Plan - Ground
รวม Floor Plan ทุกชั้นมาให้ดูกันครับ โดยที่ชั้น 1, 7, 24 และ Rooftop ถูกจัดเอาไว้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง / สามารถจอดรถตั้งแต่ชั้น 1-6 / ชั้นพักอาศัยอยู่ที่ 7-30 (และอย่าลืมนะครับห้ามพาน้องสัตว์เลี้ยงของเราไปได้ที่ชั้นเดียวคือชั้น 24 ที่มีสระว่ายน้ำจ้า)
Typical Floor Plan (ชั้นที่มีห้องพักอาศัยเต็มจำนวน) ที่ชั้น 7-23 มีจำนวนยูนิต 16 ห้องต่อชั้น โดยห้องอาศัยจะหันออกไปทุกทิศทุกฝั่ง โอบล้อมคอร์ลิฟต์อยู่ตรงกลางอาคารเลย ทำให้ไม่มีห้องไหนต้องเดินไกลเป็นพิเศษ ผมแบ่งผังห้องหลักๆ เป็น 3 กลุ่ม แยกสีไว้ให้ (สีเหลืองตามมุมเป็นแบบ 2 ห้องนอน ซึ่งมีทั้ง 1 ห้องน้ำและ 2 ห้องน้ำ) ส่วนของ 1 ห้องนอนสีเขียวมีแค่ 3 ยูนิตเท่านั้น และที่เหลือ 1 Bed(สีฟ้า) ที่เป็นทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาด 30 ตร.ม. จะมีจำนวนเยอะสุดถูกวางเอาไว้ฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตก
โดยจะให้ลิฟต์โดยสารมาทั้งหมด 3 ตัว อัตราส่วนการใช้งานจะอยู่ที่ 111:1 ถือว่าไม่มากไม่น้อยรอไม่นาน อย่าลืมนะครับใครจะพาน้องสัตว์เลี้ยงขึ้นลง ให้ไปใช้ที่ลิฟต์เซอร์วิสเอานะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก ต่างๆภายในโครงการ แบ่งออกไว้ตามชั้นต่างๆ ดังภาพด้านบนครับ
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 เมตร ลึก 1.20 ม. และแบ่งสระเด็ก
- Warm Water Pool สระน้ำอุ่นคงอุณหภูมิ 30 องศา
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว / Service Lift 1 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์ 111 : 1
- ที่จอดรถ 158 ช่องจอด คิดเป็น 47% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ระบบ CCTV / Access Card
โดยโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted ให้เฟอร์นิเจอร์ Built-In บางส่วนอย่าง ตู้เก็บรองเท้าเก็บของหน้าห้อง, ชุดครัว, อุปกรณ์ห้องน้ำฉากกั้นทั้งหมด, แอร์แบบ Wall Type ทุกห้อง, ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร / ห้องพักอาศัยภายในโครงการนี้ จะมีหลักๆ 4 แบบ แต่ขนาดจะอยู่ที่ 30 – 60 ตร.ม.เท่านั้น ดังนี้
- 1 Bedroom 30 – 35 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 1 Bath 50 – 53.5 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 2 Bath 57 – 60 ตร.ม.
ห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูเป็นขนาดเล็กสุดภายในโครงการนะครับ คือ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. (ถ้าใครเคยเข้ามาดูโครงการก่อนหน้านี้ จะเป็นแบบ Studio นะ แต่เค้ามีการปรับกั้นพื้นที่ห้องโถงกับห้องนอนใหม่กลายร่างเป็น 1 Bed แล้วตอนนี้) โดยถ้าเราเข้าห้องจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัว ตู้เก็บของเก็บรองเท้า โดยพื้นที่นี้จะมีลูกเล่นจากประตูบานเลื่อนที่สามารถกั้นเป็นส่วนครัวปิดได้ (แต่ประตูเลื่อนการใช้งานจะใช้ร่วมกับส่วนกั้นห้องน้ำด้วย) ซึ่งถ้าอยู่ตัวคนเดียวก็จะไม่ใช่ปัญหาอะไร ถัดมาด้านในจะเป็นพื้นที่ Living Area ที่นั่งเล่นรับแขก และรับประทานอาหาร โดยเราจะได้ตัวบานสไลด์กระจกใสบานเลื่อน 3 ตอน เป็นตัวแบ่งพื้นที่ฟังก์ชันกับห้องนอนทำให้ดูเป็นสัดส่วน ถ้าอยู่ 2 คนอยากได้ความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาก็หาติดผ้าม่านตรงนี้เพิ่มเอา
ในห้องนอนถึงแม้ทำเฟอร์ Built-In ที่ปลายเตียงแล้วก็ยังเดินไปมาได้สะดวก จุดเด่นเล็กๆคือมีการทำมุมนั่งเล่นไว้ชิดกับผนังด้านนอกที่เป็นส่วนหน้าต่างเข้ามุม ทำให้ได้รับวิวที่มากกว่าและรับแสงธรรมชาติเต็มที่ ระเบียงด้านนอกก็มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าและแขวนคอมแอร์ด้านบนครับ ส่วนสุดท้ายคือห้องน้ำที่อยู่ชิดด้านในซึ่งก็มีการแยกส่วนแห้งและเปียกเอาไว้โดยได้กระจกนิรภัยฉากกั้นมาให้
โดยถ้าเราเข้าห้องจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวก่อน ทางฝั่งซ้ายมือตู้เก็บของเก็บรองเท้า และฝั่งขวามือเป็น Pantry ครัว พื้นภายในห้องจะได้เป็นลามิเนต 8 mm. จริงๆแล้วห้องนี้ Floor to ceiling อยู่ที่ 2.70 เมตร แต่เฉพาะโซนครัวอยู่ที่ 2.50 เมตร เพราะมีเรื่องส่วนของงานระบบ
หน้าตาชุดตู้เก็บของเก็บรองเท้า Built-In ที่โครงการทำมาให้ หน้าตาแบบนี้เลยนะครับ แต่จะไม่ได้จัด Lighting ซ่อนไฟมาให้ โดยช่องแบ่งของนั้นทำมาให้เยอะเป็นสัดส่วนดี มีช่องเก็บของชิ้นใหญ้ได้ด้วย การที่ตำแหน่งอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าห้องเลยแบบนี้ดีต่อการใช้งานนะครับ
ฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นโซน Pantry ครัว ด้านบนสุดจะมีการทำตู้ Built แขวนผนังจรดเพดานมาให้ หน้าบานเป็นกระจกพ่นฝ้า แถมพวก Fitting เป็น Soft Close, ผนังด้านหลังโซนครัวกรุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้พร้อมซ่อนไฟกับติดราวแขวนไว้, ท๊อปครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว, Hob & Hood และ Sink ได้เป็นของ Franke, ด้านล่างชุดตู้เป็นหน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้แทน และมีช่องเก็บไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง
ถัดมาเราจะเห็นเจ้าประตูบานไม้บานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่สามารถเลื่อนมากั้นโซนครัวเวลาใช้งาน ให้กลายร่างเป็นครัวปิดได้ สามารถทำอาหารหนักจริงจังได้เลย แถมยังเป็นทำรางข้างบนด้วย ทำให้เวลาเดินไปมาได้อารมณ์ต่อเนื่องไม่ต้องกลัวสะดุด
อันนี้ผมลองเข้ามายืนในห้องนะ มองย้อนกลับไปทางฝั่งทางที่เข้าห้องมา ทางซ้ายมือคือครัวที่เราพึ่งผ่านมา (แต่เจ้าประตูเลื่อนการใช้งานจะใช้ร่วมกับส่วนกั้นห้องน้ำด้วย) ซึ่งถ้าอยู่ตัวคนเดียวก็จะไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะโดยปกติเราอยู่ในห้องก็ปิดห้องน้ำไว้ ครัวเปิดเอาไว้แต่เราก็ไม่ได้ใช้งาน ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย
ด้านในห้องมีการแบ่งโซนฟังก์ชันต่างๆเป็นสัดส่วนดีมาก จะเป็นส่วนของ Living Area และโซนรับประทานอาหารก่อน และจะกั้นแยกกับห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาได้ (ตั้งแต่ในโซนนี้ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานกลับมาเป็น 2.70 เมตรแล้ว)
ทางขวามือถัดจากครัว จะเป็นพื้นที่ที่สามารถวางโต๊ะอาหารได้ แต่ต้องเอาชิดผนังนะ สามารถนั่งได้แบบ 2 ที่นั่งไม่อึดอัด ด้วยขนาดห้อง จริงๆแล้วมุมนี้สามารถทำเป็นโต๊ะทำงานแบบ 2 in 1 ได้ด้วย
ไอเดียจากห้องตัวอย่าง การจัดไฟ Indirect Light สามารถจัดบรรยากาศมุมนี้ให้น่าใช้งาน น่ารับประทานอาหารและทำงานมากขึ้นด้วย
ฝั่งตรงข้ามกันกับโต๊ะรับประทานอาหาร จะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่น โดยโครงการแต่งให้ดูเป็นตัวอย่างเป็นไอเดียนะครับ
พื้นที่นั่งเล่นสามารถจัดวางโซฟาแบบ 2 ที่นั่งเอาไว้กลางห้อง และยังเหลือพื้นที่วางโต๊ะกลางพอเดินไปมาได้ด้วย ส่วนผนังทางซ้ายมือสุดเราควรใช้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างห้องตัวอย่าง ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-In ทั้งด้านล่างและด้านบนเอาให้คุ้มที่สุด ส่วนระยะดูทีวีถ้าวางเฟอร์แบบนี้ระยะห่างประมาณ 1.80 เมตร เลือกทีวีไซส์แค่ประมาณ 40 นิ้วก็พอครับ
ทางซ้ายมือเป็นส่วนของทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งมุมนี้ผมถ่ายกดลงเพื่อให้เห็นถึงการลดระดับพื้นลงและแยกส่วนแห้งส่วนเปียกในการใช้งาน ฟังก์ชันอ่างจะอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามกันเป็นสุขภัณฑ์ ตรงกลางเลยไปเป็นส่วนจของพื้นที่อาบน้ำ
ชุดอุปกรณ์วัสดุต่างๆในห้องน้ำ อ่างกับสุขภัณฑ์จะได้เป็นของ HAFELE แต่พวกตัวหัวก๊อกทุกจุดต่างๆรวมไปถึงฝักบัวจะได้ของ KOHLER หน้าตาดูดดี มีตู้เก็บของใต้อ่าง ระยะการใช้งานต่างๆได้มาตรฐานไม่หยิบจับยากครับ โดยที่ผนังได้มีการกรุเป็นกระเบื้องลายหินโทนสีสว่างตัดกับพื้นแกรนิตโต้สีเทา
ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียกเป็นโซนกั้นด้วยกระจกนิรภัย (Tempered Glass) แต่พื้นที่อาบน้ำกว้างพอสมควร (ขนาด 1.0 x 1.20 เมตร) ที่ผนังด้านในพื้นที่อาบน้ำมีการเซาะร่องเป็นช่องเอาไว้สำหรับวางของใช้จำเป็นได้เลย ไม่ต้องไปติดตั้งชั้นวางเพิ่ม
ชุดฝักบัวเป็นของ KOHLER หน้าตาดูมีลูกเล่นดีครับ
ออกมาที่ห้องโถงนั่งเล่นตรงกลางอีกครั้ง ให้ดูในส่วนของตัวเฟรมอลูมิเนียมสีดำด้านที่กั้นโซนระหว่างห้องนอนเป็นกระจกบานใสเลื่อนได้ 3 ตอน อีกทั้งยังมีการทำรางบนอีกด้วย การทำแบบนี้ทำให้แสงธรรมชาติส่งผ่านมายังพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ทานอาหารได้เต็มที่และดูเป็นสัดส่วนอีกด้วย ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาและอยู่ 2 คนก็ติดผ้าม่านเพิ่มก็ได้ครับ
ลองซูมให้ดูวัสดุตัวอกรอบบาน อลูมิเนียมสีดำด้าน พร้อมมีการซีลสักหลาดกันฝุ่น กันเสียงไว้ให้
เข้ามาด้านในเป็นส่วนของพื้นที่ห้องนอนแล้ว ด้วยความกว้างของห้อง ถึงแม้วางเตียงชิดผนังฝั่งซ้ายมือและขวามือทำตู้เสื้อผ้าเอาไว้แล้ว ยังเหลือทางเดินปลายเตียงได้กว้างขวางถึง 1 เมตร
หันมามองทางซ้ายมือ ตำแหน่งนี้สามารถวางเตียงกลางห้องได้ และเหลือพื้นที่ทางเดินด้านข้างเตียงฝั่งซ้ายประมาณ 50 ซม.พร้อมวางโต๊ะหัวเตียงได้
ส่วนทางฝั่งขวามือ จะเดินไปมาแคบหน่อยราวๆ 30 กว่าซม. แต่เป็นทางเดินมาสู่ฟังก์ชันพื้นที่เว้ายื่นออกไปชิดหน้าต่างช่องแสง ทำเป็นมุมโซฟานั่งเล่น
มุมโซฟานั่งเล่นอีกจุดนึง ที่ถูกเอามาชิดหน้าต่างช่องแสง(เปิดบานกระทุ้งออกได้) แต่ว่ามุมนี้จะพิเศษหน่อยที่เป็นหน้าต่างเข้ามุม Bay Window ที่สามรถรับวิวองศาได้มากพิเศษ
หันมามองที่ส่วนปลายเตียงกันบ้าง โซนตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง Built-In ทางโครงการแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดียในการตกแต่งนะครับ แต่มุมการใช้งานแบบนี้โอเคลงตัวเลยนะครับ และใช้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้งสูงจรดถึงฝ้าเพดาน
ถ้าเราเลือกจัดมุมโต๊ะเครื่องแป้งไว้ชิดช่องแสงธรรมชาติ เวลาแต่งหน้าจะได้แสงจริง ตำแหน่งตรงนี้เหมาะดีครับ
ส่วนของด้านนอกจะเป็นพื้นที่ระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน กรอบวัสดุเป็นอลูมิเนียมสีดำเงาสูงประมาณ 2.40 เมตร (อ้อ.. ห้องของจริงๆเราจะได้แอร์เป็นแบบ Wall Type นะครับ ไม่ได้เป็นฝังฝ้าแบบห้องตัวอย่าง)
ส่วนของพื้นที่ระเบียงพื้นที่ประมาณ 0.75 x 2.0 เมตร กั้นด้วยระแนงเหล็กโปร่ง จริงๆแล้วพื้นที่ทางขวามือ(ที่วางกระถางต้นไม้) ตรงนั้นสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ในกรณีที่จะซักผ้าเอง
พื้นที่ส่วนต่างๆของระเบียง หันไปทางซ้ายจะเห็นส่วนของหน้าต่างเข้ามุมในห้อง ทางขวามือจะเป็นที่แขวนคอมแอร์ที่มีระแนงเหล็กกั้นเวลามองจากภายนอกอาคารจะดูเป็นระเบียบ ตัวพื้นระเบียงลดระดับลงจากห้องเผื่อกรณีมีฝนสาดหรือซักล้างทำความสะอาด
ห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูอีกห้องนึงคือ C2 หรือ 2 Bedroom 2 Bath ขนาด 60 ตร.ม. ที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโครงการนั่นเอง โดยถ้าเราเปิดเข้ามาจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ที่รวมพื้นที่ครัว รับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นเอาไว้ และด้านนอกเป็นส่วนระเบียงใช้งานได้จริงและทำหน้าที่เป็นที่เก็บคอมแอร์และแสงธรรมชาติส่องผ่านมาได้ ส่วนของห้องนอนเล็กจะต้องออกมาใช้ห้องน้ำที่ร่วมกับโถงด้านนอก เราจะเห็นว่าห้องนี้ให้น้ำหนักพื้นที่ความสำคัญกับห้องนอนใหญ่มากเป็นพิเศษ เพราะมีฟังก์ชันครบสุดทั้งพื้นที่แต่งตัว ห้องน้ำในตัว (ในห้องน้ำมีหน้าต่างช่องแสงถึง 2 จุดดีมาก) และในห้องนอนเป็นช่องแสงขนาดใหญ่รับวิวเกือบ 180 องศา
เข้ามาจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ที่รวมพื้นที่ครัว รับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นเอาไว้ ดูโปร่งกว้างขวาง
ยังคงคอนเซปท์เดิมนะครับ โครงการมีการทำตู้เก็บของและเก็บรองเท้า เอาไว้ติดกับประตูทางเข้าห้องทางซ้ายมือ แต่ห้อง Type นี้จะได้ตู้ไซส์ใหญ่กว่าแบบ 3 หน้าบาน
ลองเปิดหน้าบานออกให้ดู มีการแบ่งชั้นในการวางของเยอะมาก เพราะด้วยคอนเซปท์ Pet Friendly อาจจะทำให้มีของใช้เยอะหน่อยและเก็บได้เป็นสัดส่วนด้วย
ในตามตู้ตามพื้นต่างๆ เราจะเห็นมุมตกแต่งห้อง เป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับน้องหมาสัตว์เลี้ยงของเราแบบนี้
หันไปมองทางขวามือ ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นฟังก์ชัน รับประทานอาหารกับครัวที่อยู่ติดกัน โดยโครงการจะให้ชุดเฟอร์ตามนี้ทั้งหมด
หน้าตาชุดโต๊ะทานอาหารมีพื้นที่สามารถรับประทานได้ถึง 4 ที่นั่ง และเจ้าโต๊ะตัวนี้ยังมีลูกเล่นอีกนิดหน่อย..
คือเวลาเราอยากได้พื้นที่ในห้องเดินไปมากว้างกว่าเดิม โต๊ะทานอาหารตัวนี้สามารถพับครึ่งเก็บได้ครับ เวลาอยู่กันแค่ 2 คนก็พับลงได้ ห้องโถงหลักจะได้เดินสบายมากขึ้น และยังเหมือนเดิมนะครับเจ้าโต๊ะอาหารตรงนี้ก็สามารถเป็นมุมโต๊ะทำงานในตัวได้เพราะกว้างขวางเพียงพอ เอาโน๊ตบุ๊ค หนังสือ เอกสาร มาใช้งานพื้นที่นี้
มุมนี้ก้มลงไปมองด้านล่างจะเห็นว่าที่ใต้โต๊ะยังเป็นชั้นเก็บของใช้ต่อเนื่องมากับชุดตู้เก็บของใต้ Pantry ครัวได้อีกนิดหน่อย
ลองเดินมาดูพื้นที่ทำครัวกันบ้าง ถ้าเราเอาเก้าอี้ไว้ฝั่งขวามือ จะเห็นหว่ามีพื้นที่เดินไปมากว้างถึงเมตรกว่าๆแบบนี้ เสียดายบริเวณนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ไม่กลัวน้ำอย่างกระเบื้องหรือแกรนิตโต้
พื้นที่ชุดครัวจะเป็น Pantry เข้ามุมรูปทรงตัว L ตามพื้นที่ จะเห็นว่าได้พื้นที่ทำครัว, ชูดตู้ Hob&Hood(ได้ 4 หัวพร้อมชุดดูดคัวนที่ดูดีขึ้น) รวมไปถึงอ่างล้างจานที่ใหญ่กว่าห้องแรกที่พาไปดูเลยครับ แต่วัสดุอะไรต่างๆจะเหมือนกัน
ถัดมาเป็นส่วนของ Living Area พื้นที่นั่งเล่นหรือรับแขก ที่ได้ระยะการใช้งานค่อนข้างกว้างทีเดียว มีระยะดูทีวีประมาณ 2.50 เมตร จัดทีวีไซส์ 50 นิ้วยังได้ รวมถึงสามารถวางโต๊ะกลางและยังเดินผ่านพื้นที่นี้ไปมาได้ไม่ติดขัด
ลองมานั่งที่โซฟา มองตรงไปทางมุมทีวีก็จะเห็นระยะประมาณนี้ ตรงนี้แล้วแต่เจ้าของห้องว่าจะใช้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้งมากน้อยขนาดไหน ด้านล่างเป็นชั้นวางของ เอาทีวีแขวนผนังเอาไว้จะได้พื้นที่เพิ่มและดูเรียบร้อยสวยงาม ด้านบนสามารถทำชุดตู้เก็บของได้อีก
ซ้ายมือเป็นส่วนของพื้นที่วางโซฟา ซึ่งดูจากระยะแล้วสามารถจัดวางแบบ 2-3 ที่นั่งได้ สามารถเอาโซฟารูปตัว L มาวางได้อยู่ครับ
ด้านนอกเป็นส่วนของระเบียง ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จริงๆด้านนอกระเบียงพื้นที่กว้างกว่าตัวช่องแสงนะครับ
พื้นที่ระเบียงของห้องนี้จะกว้างขวางหน่อย โดยมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 0.75 x 3.0 เมตรเลยครับ โดยทั้งฝั่งขวามือสุดก็เป็นโซนที่แขวนคอนแอร์ในห้องนี้ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ตัว และพื้นที่ตรงกลางยังเหลือสามารถจัดเป็นได้ทั้งมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor, ตากผ้า, เอาสวนกระถางเล็กๆมาลงแล้วแต่เจ้าของห้อง
ให้ดูพื้นที่ของระเบียงทั้งสองฝั่ง เอ้อ.. อย่างที่เราเห็นฝั่งขวามีปลั๊กพร้อมฝาครอบกันน้ำมาให้ด้วย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ตำแหน่งของการวางเครื่องซักผ้านะครับ เพราะในห้องเค้ามีส่วนเก็บเครื่องซักผ้าเป็นสัดส่วนเอาไว้ให้แล้ว เดี๋ยวไปดูกันต่อ
กลับมาในห้องโถงหลักอีกครั้ง มองไปยังทางเดินตรงกลาง ตรงนี้อยู่ระหว่างชั้นวางทีวีกับพื้นที่ครัว โดยเราจะเห็นหน้าบานและประตูต่างๆ เริ่มจากทางซ้ายมือจะเป็นห้องเก็บของ ถัดไปติดกันเป็นห้องนอนใหญ่, มองไปตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก, ขวามือสุดเป็นห้องน้ำ
หน้าตาชุดตู้เก็บของและสามารถวางเครื่องซักผ้าได้บริเวณพื้นที่นี้เลย เราจะได้ใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่ ชุดตู้นี้ได้เฉพาะห้อง Type นี้เท่านั้นนะ
เดินมาอีกหน่อยของจริงจะมีประตูอยู่นะครับ แต่ว่าห้องหัวอย่างเค้าไม่ได้ติดมาให้ คนมาดูจะได้เดินไปมาง่ายๆ ผมเลยแปะบอกตำแหน่งว่าอันไหนอยู่ตรงไหน เราไปดูห้องน้ำกันก่อน(ซึ่งห้องนอนเล็กจะต้องออกมาใช้ที่ห้องน้ำนี้)
ในส่วนของห้องน้ำ แบ่งฟังก์ชันการใช้งานไว้เป็นมุมสัดส่วนสามโซน ง่ายต่อการใช้งานและเดินสะดวกแบบนี้
ทางขวามือเป็นส่วนของชุดอ่างล้างมือที่จะได้ขนาดขยายใหญ่กว่าห้อง 1 Bed แรก รวมไปถึงพื้นที่เก็บของใต้อ่างด้วย ส่วนของสุขภัณฑ์จะอยู่ตรงกลางห้องเลย ด้านข้างๆทางขวามือเหลือพื้นที่อยู่อีกหน่อย เราสามารถทำชั้นเก็บของเพิ่มได้จะได้เก็บพวกข้าวของเครื่องใช้ในการอาบน้ำได้เพิ่มขึ้น
ส่วนทางซ้ายมือแยกพื้นที่ส่วนเปียกอาบน้ำด้วยยกธรณีก่อและกระจกนิรภัย เพื่อง่ายต่อเวลาทำความสะอาดและสวยงามครับ พื้นที่อาบน้ำในห้องน้ำห้องนี้จะกว้างพิเศษนะครับ (1.20 x 1.80 เมตร) เข้ามายืนอาบกันสองคนยังได้เลย แฮร่… พ่อกับลูกอะไรอย่างเงี้ยครับ
สิ่งนึงที่โครงการให้ในห้องเป็นมาตรฐานอีกอย่างก็คือเจ้า Wallpaper มีเนื้อเป็นลักษณะผิวไม่เรียบแบบนี้ สีจริงๆจะออกเป็นสีครีมสว่างนะ เนื่องจากโดนแสงไฟในห้องตัวอย่างอาจจะทำให้สีดูไม่เหมือนนัก
เข้ามาดูต่อในส่วนของห้องนอนเล็ก ซึ่งห้องมาตรฐานจะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์ใดๆนะฮะ อันนี้เป็นไอเดียในการตกแต่งให้ดูว่าวางตำแหน่งแบบนี้ดีไหม อะไรยังไง
โดยทางเดินปลายเตียงถึงแม้เราจะหาชั้นวางทีวีมาลงตั้งแล้วก็ตาม ยังเหลือพื้นที่ทางเดินไปมาได้อีกราว 40-50 ซม. ก็ยังสบายๆ ถ้าเราเอาทีวีแขวนผนังไว้แบบนี้ก็จะได้พื้นที่วางของเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ส่วนของห้องตัวอย่างห้องนอนเล็ก เลือกเอาเตียงไซส์ 3.5 ฟุตมาจัดลง เพื่อจะได้มีพื้นที่ทางเดินเหลือรอบล้อมเตียงได้สะดวก อีกทั้งจะได้มีพื้นที่วางโต๊ะข้างหัวเตียงทั้งสองฝั่งได้ แต่ถ้าใครเป็นคนนอนดิ้นหน่อย ก็เอาเตียง Queen Size มาลงได้ครับ แต่ต้องเอาไปชิดติดกับผนังทางซ้ายมือ
พื้นที่ด้านขวามือมุมนี้เป็นส่วนที่จะทำตู้เสื้อผ้าได้ ถ้าเราบิวท์อินก็จะได้ใช้พื้นที่คุ้มๆหน่อย สูงไปจรดฝ้าเลย แถมเสื้อผ้าไม่อมฝุ่นด้วย อาจจะต้องเลือกหน้าบานเป็นแบบสไลด์เลื่อนในการเปิดปิดนะครับ
ส่วนของหน้าต่างช่องแสงในห้องนี้ก็ให้มาขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ก็เพียงพอให้แสงธรรมชาติส่องผ่านมาได้ทั้งห้อง สามารถเปิดบานกระทุ้งออกได้ตอนนึงทางซ้ายมือ
ออกจากห้องนอนเล็กมาเลี้ยวขวา จะเป็นประตูส่วนของห้องนอนใหญ่ โดยให้เห็นพื้นที่ก่อนแบบนี้ครับ ทางขวามือจะเป็นพื้นที่โซนวางเตียง และทางซ้ายมือไปยังพื้นที่แต่งตัวและเข้าห้องน้ำในตัว
เข้ามาด้านใน Master Bedroom แล้วไปดูทางซ้ายมือกันก่อน โดยพื้นที่ยื่นๆไปส่วนแต่งตัวนี้ ห้องมาตรฐานจะเป็นแบบโล่งๆเรียบๆนะ แต่เค้าตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆว่า สามารถกั้นพื้นที่เป็น Walk in Closet ส่วนตัวแบบนี้ก็ได้
โดยเราสามารถทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งที่ปลายทางเดินแบบนี้ได้ ตำแหน่งจะอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าห้องน้ำในตัว
ห้องนี้ให้น้ำหนักกับห้องน้ำพอสมควรครับ โดยฟังก์ชันก็จะเหมือนกันกับห้องด้านนอกแหละ แต่พื้นที่จะกว้างขวางกว่า อีกทั้งตำแหน่งของห้องน้ำยังอยู่ติดกับด้านนอกของอาคาร ทำให้เจาะหน้าต่างทำหน้าที่เป้นช่องแสงธรรมชาติพร้อมกับระบายความชื้นได้
ทางซ้ายมือเป็นมุมพื้นที่วางส่วนของสุขภัณฑ์ ยังเหลือพื้นที่อีกนิดหน่อย สามารถทำเป็นชั้นแขวนผ้าขนหนู หรือหาชั้นมาวางของเป็นชั้นๆในนี้ก็ได้
ส่วนที่ผมชอบมากคือ ห้องน้ำห้องนี้มีช่องแสงธรรมชาติถึง 2 จุดในตัว เรียกว่ากลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลยยังได้ ไม่ต้องกลัวโป๊นะครับกระจกเป็นแบบพ่นฝ้าเอาไว้ และด้านในพื้นที่อาบน้ำก็กว้างขวางทีเดียว
ออกมาด้านนอกแล้ว ส่วนสุดท้ายก็คือไฮไลท์บริเวณพื้นที่วางเตียงนอนนั่นเอง เนื่องจากตำแหน่งของห้อง Type นี้เป็นขนาดใหญ่สุดในโครงการเลยได้เป็นอยู่ที่มุมอาคาร และให้ความสำคัญกับวิวในห้องนอนใหญ่นี้มาก เลยออกมาเป็นหน้าต่างเข้ามุม พร้อมช่องแสงขนาดใหญ่กว่าแบบนี้
โดยระยปลายเตียงหากเอาชั้นวางทีวีมาวางแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินปลายเตียงค่อนข้างจำกัดหน่อย อาจจะต้องหาเฟอร์ที่แคบกว่าห้องตัวอย่างนี้สักหน่อย จะได้เดินไปมาง่ายกว่านี้
ส่วนของเตียงด้วยพื้นที่ของห้องนี้สามารถวางได้ทั้ง Queen & King Size แบบไหนก็ได้ครับ ยังเหลือพื้นที่ข้างหัวเตียงไว้วางโต๊ะทั้งสองฝั่งด้วย
ก็สุดท้ายของปิดกันด้วยมุมนี้นะครับ ผมนั่งอยู่บนเตียงเน้นเห็นตัวหน้าต่างช่องแสงธรรมชาติที่เปิดรับมุมกว้างเกือบถึง 180 องศา รับวิวจุใจ วันไหนอากาศดีก็เปิดบานกระทุ้งทั้ง 2 บานออกพร้อมกันทำให้ลมมีทางเข้าและออก Flow เข้ามาในห้องได้ครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
1 BED - 30 ตร.ม.
ผมเอาแปลนห้องทั้งหมดภายในโครงการมาแปะให้เลย เพราะรีวิวเราวิเคราะห์แค่ 2 ห้องเท่านั้น เผื่อผู้อ่านคนไหนสนใจดูห้องแบบอื่นๆก็ลองดูละกันครับว่าอยู่ตำแหน่งไหนทิศไหน
หรือถ้าใครอยากดูในรูปแบบ VDO โครงการ MARU ลาดพร้าว 15 ผมเคยได้ไปถ่ายรายการ The Sneak ไว้แล้ว มีการวิเคราะห์ผังชั้นแต่ละชั้น รวมถึงห้องพักด้วย (แต่ว่าตอนนั้นห้องรูปแบบ Studio ยังไม่ได้ถูกอัพเกรดให้ฉากกั้นกระจกบานเลื่อนกลายเป็น 1 Bedroom แทนเหมือนในตอนนี้นะครับ) (กดที่รูปเพื่อลิงก์ไป VDO ได้เลย)
ราคาและเงื่อนไขการขาย @21 June 2018
- [1 Bedroom] ชั้น 23 ห้อง 23S1 | เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 5.013 ล้านบาท หรือ 167,100 บาท/ตร.ม.
- [1 Bedroom] ชั้น 14 ห้อง 14A3 | เนื้อที่ 35 ตร.ม. ราคา 5.222 ล้านบาท หรือ 149,200 บาท/ตร.ม.
- [2Bed 1Bath] ชั้น 8 ห้อง 8B3 | เนื้อที่ 53.50 ตร.ม. ราคา 7.473 ล้านบาท หรือ 139,700 บาท/ตร.ม.
- [2Bed 2Bath] ชั้น 7 ห้อง 7C2W | เนื้อที่ 60 ตร.ม. ราคา 8.226 ล้านบาท หรือ 137,100 บาท/ตร.ม.
- [2Bed 2Bath] ชั้น 30 ห้อง 30C2 | เนื้อที่ 60 ตร.ม. ราคา 10.326 ล้านบาท หรือ 172,100 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted ชุดตู้เก็บของหน้าห้อง Built-In, แอร์ Wall Type ทุกห้อง, วอลเปเปอร์
- ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร / มีแบบสูงพิเศษ 3.50 เมตรที่ชั้น 24
- Kitchen & Sink (ท๊อปหินสังเคราะห์, Fitting Soft Closed)
- Hob & Hood & Sink ของ FRNAKE
- จอง 30,000 – 60,000 บาท (แล้วแต่ขนาดห้อง)
- ทำสัญญา 80,000 – 250,000 บาท (แล้วแต่ขนาดห้อง)
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด (สอบถามรายละเอียดหน้างาน)
- ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลและความอุดมสมบูรณ์ อยู่ในช่วงลาดพร้าวตอนต้น ระหว่างห้าแยกลาดพร้าว กับ แยกรัชดา–ลาดพร้าว และเป็นฝั่งเลขคี่ อาหารการกินรอบๆโครงการถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึงเลยทั้งร้านตึกแถวริมสองฝั่งถนนลาดพร้าวมีร้านอาหารเยอะหลากหลาย มีห้าง 3 อันหลักได้แก่ 1.BigC Extra+Hompro 2.ยูเนียนมอลล์ 3.Central Plaza ลาดพร้าว อีกทั้งยังมีตลาดเดินช้อปให้เลือกอีกคือสวนจตุจักร, ตลาด อ.ต.ก. และที่แยกรัชดาลาดพร้าวจะมีสวนลุมไนท์ฯรัชดา + Gourmet Market ที่ใต้ดิน MRT ที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน ถือว่าอุดมสมบูรณ์ดี
การเดินทางโดยใช้รถ จริงแล้วแถวนี้ถือว่าไปไหนมาไหนง่ายมากนะ เพราะอยู่ใกล้กับแยกสำคัญทั้งสอง แต่ถ้าใครเคยผ่านไปมาตรงนี้ช่วงเลิกงานจะรู้เลยว่า “รถติดมาก” เพราะแยกใหญ่ทั้งสองเป็นจุดตัดเข้าออกเมืองย่านคนทำงานจำนวนมหาศาลนั่นเอง(แต่ถ้าคุณทำงานไม่ต้องเข้าตรงเวลาเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป การไปทั้งวิภาฯ เข้าเมือง รัชดา พระราม 9 นี่สะดวกมาก) อีกทั้งฝั่งลาดพร้าวเลขคี่ จะไม่ได้มีซอยลัดเลาะได้หลากหลายเหมือนกับฝั่งเลขคู่เท่าไร ส่วนทางด่วนก็ต้องกลับรถมาที่ห้าแยกลาดพร้าวมาเข้าถนนวิภาวดีและไปขึ้นทางด่วนดินแดงหรือดอนเมืองโทลเวย์ได้ ที่จอดรถก็มีให้ถึง 47%(ไม่รวมซ้อนคัน)ถือว่าไม่มากไม่น้อย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลย ด้วยระยะห่างไป MRT ลาดพร้าวเพียง 70 เมตร และในอนาคตจะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งจะเป็น Interchange วิ่งบนถนนลาดพร้าวด้วย ส่วนการเดินทางอื่นๆ สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถเมล์บนถนนลาดพร้าวได้เลยเพราะโครงการอยู่ถนนถนนใหญ่เลยครับ เรียกรถง่ายมากและไม่เปลี่ยว
วัสดุ ถือว่าให้มาเบื้องต้นนะครับถ้าเทียบกับราคาที่จ่าย โดยรูปแบบการขายเป็น Fully Fitted คือมีเฟอร์นิเจอร์ Built-In ชุดตู้เก็บรองเท้าและตู้เก็บของหน้าห้องให้ และก็แอร์ทุกห้อง, ห้องโถงและนอนเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร, พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านแผ่นใหญ่, ฝ้าสูง 2.70 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบทาสีขาว, ห้องครัวเคาท์เตอร์และตู้เก็บของบน-ล่างให้มาค่อนข้างครบ Fitting Soft Closed อุปกรณ์อ่าง Hob&Hood&Sink ได้ของ FRANKE และท๊อปครัวหินสังเคราะห์, อุปกรณ์สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER, HAFELE พร้อมกระจกนิรภัยฉากกั้น
การออกแบบ ตัวอาคารใช้โทนสีสว่างอย่างเทาอ่อนตัดกับสีกระจกในห้อง ฉีกแนวคอนโดสมัยนี้ชอบใช้สีเข้มๆกันนะ เนื้อที่ดินไม่ได้ใหญ่มากนักเลยเป็นคอนโดตึกสูงที่มีจำนวนยูนิตไม่เยอะมาก ไม่วุ่นวาย ห้องพักจะล้อมรอบส่วนลิฟต์ไว้ ทำให้มีห้องพักอาศัยได้วิว 4 ด้าน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้มีฝั่งไหนโดนบล็อควิว ยกเว้นฝั่งด้านหน้าโครงการที่เห็น Life18 เฉียงๆไปร้อยกว่าเมตร ส่วนรูปแบบห้องพักมีให้เลือกตั้งแต่ 1 Bedroom แต่ขนาดอยู่อาศัยได้ดีหน่อยเพราะเริ่มต้นที่ 30 ตร.ม. เน้นให้อยู่ออกมาสบายไม่ต้องกังวลเรื่องระยะโน้นนี่ติดขัดมากนัก เขยิบขึ้นไปก็มี 2 ห้องนอน ซึ่งมีออฟชั่นให้เลือกแบบ 1 หรือ 2 ห้องน้ำ ขนาดไปสูงสุดอยู่ที่ 60 ตร.ม. ซึ่งถ้าดูจากแบบแล้วจัดฟังก์ชันการอยู่ได้ค่อนข้างดีลงตัวทุกแบบ
สาธารณูปโภค ยังคงคอนเซปท์ของเมเจอร์ ที่ให้พื้นที่ส่วนกลางมาหลากหลายจุด ถึงแม้แต่ละจุดจะไม่ได้ใหญ่ดูเล็กๆหน่อย แต่มีมุมการใช้งานแยกส่วนที่หลากหลายมาก ส่วนกลางจะกระจายไปตามชั้นต่างๆเช่นชั้น 1, 2, 7, 10, 15, 20, 24 และ Rooftop เต็มไปหมด และที่สำคัญดูสวยน่าใช้อีกด้วย ผมว่าต้องรอดูของจริงถ้าสร้างเสร็จจริงตามภาพจำลองส่วนกลางอาจจะดูดีกว่าซีรีย์ M บางตัวด้วยซ้ำ อีกทั้งโครงการยังมีจุดเด่นอีกอย่างในเรื่องของ Pet Friendly ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก-กลางได้ โดยผู้ที่เลือกโครงการนี้ก็ต้องดูตนเองเบื้องต้นก่อนด้วยว่าเราอยู่ในสังคมที่มีเพื่อนบ้านพาสัตว์เลี้ยงเดินไปมาในคอนโด แล้วตัวคุณเองชอบรึเปล่าด้วยนะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVG 150,000 บาท/ตร.ม., 21 June 2018
- ทำเล 8/10 – ติดถนนหลักลาดพร้าว อยู่ระหว่างแยกใหญ่ที่สำคัญทั้งสองจุด เข้าออกเมืองสะดวก มีความอุดมสมบูรณ์รายรอบสูง
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – แม้การเดินทางจะสะดวกมาก แต่อยู่ฝั่งลาดพร้าวเลขคี่และใกล้สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวที่รถติดหนักมาก
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ห่าง MRT ลาดพร้าว 70 ม.(อนาคตที่นี่เป็น Interchange สีเหลือง) อยู่ติดถนนใหญ่ที่เรียกรถเมล์, วินมอเตอร์ไซค์, Taxi ได้ตลอด ปลอดภัยไม่เข้าต้องซอย
- วัสดุ 7.75/10 – Fully Fitted ได้ชุดตู้เก็บของและรองเท้า, ครัว FRANKE, พื้นลามิเนต, สูง 2.7 ม., ห้องน้ำ KOHLER
- แบบ 8.25/10 – แบบห้องหลากหลายดี เริ่มที่สตูดิโอ 30 เน้นอยู่ไม่อึดอัด แบบห้องอื่น 1-2 จัดได้ลงตัวเกือบทุกแบบเลย
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้พื้นที่ส่วนกลางมาหลากหลายจุด ถึงแม้แต่ละจุดจะไม่ได้ใหญ่ แต่มีมุมการใช้งานแยกส่วนที่หลากหลาย และสวยน่าใช้เกือบทุกจุด
- HIGH – LUXURY CLASS
- 8.03 / 10.00
BOTTOM LINE
MARU ลาดพร้าว 15 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคอนโดใกล้รถไฟฟ้า MRT (แถมอนาคตได้ Interchange) มียูนิตไม่เยอะมาก ไม่วุ่นวาย ชอบพื้นที่ส่วนกลางที่ดูหรูสวยงาม หลากหลายน่าใช้งาน และที่สำคัญเป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยงหรืออยู่ในสังคมเพื่อนบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงใกล้ตัวเราได้ มีงบประมาณตั้งแต่ 4 – 9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 28,000 – 63,000 บาท