รีวิวฉบับที่ 940 … วันนี้ผมจะพามาดูโครงการ Maestro 14 Siam – Ratchathewi (มาเอสโทร 14 สยาม – ราชเทวี) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise อาคารสูง 8 ชั้น ของตระกูล Maestro จากค่าย Major Development โดยเป็นโครงการล่าสุดที่กำลังเปิดตัวกันอยู่ ณ ห้างสรรพสินค้า Central World ในวันที่ 8 – 12 ตุลาคม 2558 โดยทางโครงการไม่ได้จัดห้องตัวอย่างเอาไว้ที่หน้างาน ถ้าใครจะมาเยี่ยมชมห้องตัวอย่างก็ต้องมาชมที่งานเปิดตัวโครงการนะครับ หรือถ้าใครไม่ทันงานนี้ก็สามารถอ่านรีวิวฉบับนี้แทนได้ครับ
Fact @ 8 October 2015
- Maestro 14 Siam – Ratchathewi (มาเอสโทร 14 สยาม – ราชเทวี)
- Major Development., Plc.
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ราชเทวี
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 179 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 25 ยูนิต
- ที่จอดรถคิดรวมจอดซ้อนคันเป็น 43% (77 คัน)
- ที่ดินประมาณ 1-1-59 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : พ.ย. 2558
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มิ.ย. 2560
- 1 Bedroom 26.5 – 35 ตร.ม. เริ่ม 3.93 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 59.5 – 64.5 ตร.ม. เริ่ม 9.29 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 3.93 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 150,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-287-2299
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.750751, 100.529212
แผนที่จากโครงการตัวโครงการจะอยู่ไม่ไกลรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี โดยมีระยะเดินประมาณ 300 เมตร มีเส้นทางเข้าออกได้ทั้ง ทางเพชรบุรีและพญาไท ส่วนทางด่วนจะมีด่านใกล้สุดคือยมราช โครงการอยู่ลึกเข้าไปในซอยของซอยพญานาคที่สามารถทะลุออกด้านสะพานหัวช้างได้ เดี๋ยวเราจะพาไปชมนะครับ
สถานที่ใกล้เคียง
- โรงพยาบาล: โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลพญาไท 1
- สถานศึกษา: โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนสาธิตจุฬา, โรงเรียนสาธิตปทุมวัน, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ห้างสรรพสินค้า: สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามสแควร์, สยามสแควร์ วัน, มาบุญครอง, จามจุรีสแควร์, เซ็นทรัลเวิลด์, คิงพาวเวอร์, พันธุ์ทิพย์พลาซ่า, เดอะแพลทินั่ม
- สถานทูต: สถานทูตอินโดนีเซีย
- โรงแรม: สยามเคมปินสกี้,โนโวเทลกรุงเทพ สยามสแควร์,โรงแรมเอเชีย, เซ็นทารา แกรนด์
- ซูเปอร์มาร์เก็ต: กูร์เมต์ มาร์เก็ต, ท็อปส์, เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, เซ็นทรัล ฟู้ดฮอลล์
ระยะทางระหว่างแปลงที่ดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี ห่างประมาณ 300 เมตร โดยจะเดินผ่านซอยพญานาคข้างโรงแรมเอชียเป็นหลัก
ผมเริ่มพาชมทำเลโดยรอบจากสะพานหัวช้างกันก่อนเลยนะครับ
ซึ่งสะพานหัวช้างจริงๆแล้วไม่ได้ชื่อนี้ แต่มีชื่อว่าสะพานเฉลิมหล้า 56 สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 สำหรับข้ามคลองแสนแสบโดยเฉพาะ
คลองแสนแสบบริเวณนี้เป็นท่าเรือด้วยนะครับ ใครที่ใช้เรือโดยสารจากสยามไปยังสี่แยกอโศก-เพชรบุรีก็สามารถมาขึ้นลง ณ จุดนี้ได้ รับรองว่าเร็วกว่าการนั่ง BTS ไปต่อ MRT ลงสถานีเพชรบุรีอย่างแน่นอน
สถานีรถไฟฟ้าราชเทวีตั้งอยู่บนถนนพญาไทที่จะมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งบริเวณสี่แยกที่ถนนพญาไทตัดกับถนนเพชรบุรีนั้นจะกลับรถไม่ได้ ถ้าใครวิ่งเส้นนี้แล้วอยากจะกลับรถไปทางสยาม จะต้องไปกลับรถที่แยกศรีอยุธยา บริเวณสถานีรถไฟฟ้าพญาไทแทนนะครับ
ปากซอยพญานาคอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าพอดี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเอเซียและคอนโดมิเนียม Pyne ที่เห็นในภาพด้วย ซึ่งซอยพญานาคนี้เป็นซอยทางลัดที่สำคัญ สามารถลัดเลาะไปออกถนนใหญ่ได้ถึง 4 เส้นทาง ได้แก่
- ถนนพญาไท บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี
- ถนนเพชรบุรี ที่ซอย 10, 12 และ 14 (ซึ่งตัวเลขซอย 14 เป็นหนึ่งในชื่อของ Maestro)
- ถนนบรรทัดทอง
- ถนนพระรามที่ 6 ผ่านใต้ทางด่วน (ต้องวิ่งตัดผ่านถนนบรรทัดทองไปอีกที)
ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดในการขับรถคือถนนบรรทัดทองนะครับ หากใครจะย้อนไปทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระรามที่ 4 แล้วละก็ ทางนี้เป็นเส้นทางที่รถติดน้อยที่สุดในบรรดาถนนที่เชื่อมกับซอยพญานาคทั้งหมด
ถ้าใครไม่ใช้รถ ก็บอกได้เลยว่าทำเลนี้สบายมาก ทางเข้าออกช่วงซอยหลักนั้นคึกครื้น
ร้านรวงเยอะแยะ สามารถหาของกินของใช้ในนี้ได้โดยไม่ลำบาก
ร้าน Sushi Masa นี้ก็รสชาติใช้ได้
ในซอยจะมีโรงเรียนสัมมาชีวศิลปตั้งอยู่ก่อนถึงแยกซอยย่อยอันเป็นที่ตั้งของโครงการ Maestro
บริเวณสี่แยกนี้หากตรงไปจะไปออกถนนบรรทัดทองและถนนพระรามที่ 6 เลี้ยวขวาไม่ได้นะครับเพราะเป็นทางเข้า One-way จากถนนเพชรบุรีซอย 12 ซึ่งถ้าใครจะวิ่งไปออกถนนเพชรบุรีก็ต้องตรงไปก่อนแล้วค่อยเลี้ยวขวาไปออกถนนเพชรบุรีซอย 10 แทน … ส่วนทางเข้าโครงการนั้นต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไปครับ
เลี้ยวซ้ายเข้ามาสุดทางรถยนต์ก็จะเป็นที่ตั้งของตัวโครงการ Maestro 14 อยู่ทางขวามือ โดยตึกทางซ้ายมือสีส้มๆนั้นเป็นตึกของสภาคริสตจักรสูงประมาณ 10 ชั้น ซึ่งจะเกินความสูงของตึก Maestro และมีมุมมองบางส่วนบดบังกันทางทิศตะวันออกครับ
ถนนซอยที่รถวิ่งผ่านได้จะมาสุดแค่นี้ ต่อไปก็จะเป็นเพียงทางคนเดินที่จะเดินออกไปเชื่อมที่ทางเลียบคลองแสนแสบ มอเตอร์ไซค์ผ่านได้ รถยนต์ผ่านไม่ได้ครับ
สภาพซอยหน้าโครงการ ณ วันที่เข้าไปเก็บรีวิวนั้นยังไม่ค่อยเรียบร้อย จะต้องมีการพัฒนากันอีกพอสมควร จุดที่จำเป็นที่สุดคือการติดตั้งไฟถนน ให้ส่องสว่างดูน่าสัญจรไปมามากขึ้น ทั้งนี้เพราะโครงการตั้งอยู่ในซอยของซอยอีกทีหนึ่ง หาไม่แล้วจะเปลี่ยวมากในเวลากลางคืน
สภาพที่ดินที่กำลังจะสร้างเป็นโครงการ จะพบว่าวิวทั้ง 3 ด้านคือ เหนือ (ขวามือของภาพ) ตะวันตก (ตรงกลางภาพ) และใต้ (ซ้ายมือของภาพ) นั้นค่อนข้างโล่ง ประกอบไปด้วยตึกแถวเพียง 2-4 ชั้น ซึ่งถ้าใครเลือกคอนโดมิเนียมชั้น 5 ขึ้นไป มุมมองจากหน้าต่างห้องก็จะพ้นหลังคาของอาคารข้างเคียงไปทั้งหมด นอกเสียจากทิศตะวันออกที่ติดตึกคริสสีส้มตามภาพก่อนหน้านี้นะครับ
โดยจริงๆแล้วทำเลของโครงการ Maestro 14 นี้อยู่ห่างจากสยามไม่มาก จากหน้าตึกไปยังสี่แยกปทุมวันบริเวณ MBK หรือ Siam Discovery นั้นห่างเพียง 680 เมตร แต่การเดินทางนั้นจะต้องวัดใจกันเล็กน้อย เส้นทางนี้ชาวบ้านเขาก็ใช้กันเยอะ แต่ผมแนะนำว่าควรจะใช้ในเวลา “กลางวัน” เท่านั้น เช้าๆเย็นๆสโลสเลหน่อยก็ไม่ควรแล้ว เพราะจะต้องเดินผ่านชุมชนข้างคลองแสนแสบ และทางเดินบริเวณริมคลองนั้นก็เปลี่ยวมากอยู่ครับ
เส้นทางที่จะทะลุไปยังคลองแสนแสบเป็นทางเดินแคบๆจะต้องผ่านชุมชนริมคลอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านเช่าของผู้มีรายได้น้อย
สุดทางเดินจะเป็นสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นที่อยู่ริมคลองแสนแสบ
ทางเดินเลียบคลองกลางวันก็พอโอเค แต่จะค่อนข้างเปลี่ยวมากในเวลากลางคืน ไม่แนะนำให้ใช้เดินหลังพระอาทิตย์ตก โดยเฉพาะสุภาพสตรีนะครับ
ฝั่งตรงข้ามเป็นท่าเรือที่คลองแสนแสบ
สุดทางเดินเลียบคลองจะมาโผล่ที่ทางกลับรถใต้สะพานหัวช้าง
นิดเดียวเท่านั้นก็จะถึงสี่แยกพญาไท อันเป็นที่ตั้งของ Siam Discovery Center แล้ว … ปัจจุบันยังปิดปรับปรุงอยู่ คาดว่าจะเปิดใช้งานต้นปี 2016 … เรื่องทำเลของโครงการก็จบเพียงเท่านี้นะครับ
ตัวโครงการ
หน้าตาของตึก Maestro 14 เป็นแบบนี้ ยังคงความเป็นแบรนด์ Maestro ที่มีการผสมผสานรายละเอียดของ Classical Design บางส่วนเข้าไปในตัวตึก
Lobby ขนาดไม่ใหญ่มาก เพียงพอสำหรับ 1-2 กลุ่ม โดยจะมีเพดานสูงทะลุไปยังชั้น 2
พื้นที่สระว่ายน้ำมีขนาด กว้าง 7.5 เมตร x ยาว 15 เมตร ลึก 1.2 เมตร พอออกกำลังกายได้ เป็นระบบเกลือ Salt Water System
โครงการจะเน้นส่วนกลางประเภทห้องอ่านหนังสือเสียมาก เหมาะสำหรับคอนโดที่อยู่ในย่านสถานศึกษาแบบนี้
ห้อง Karaoke ซึ่งก็สามารถปาร์ตี้ได้เล็กๆน้อยๆ
ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Fitness
ด้านบนสุดของตัวตึกนั้นจัดทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางเกือบทั้ง Floor
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก:
ชั้น Ground Floor
- จุดจอดรับส่ง (Drop off)
- ป้อมรักษาความปลอดภัย (Guardhouse)
- แร็คจอดจักรยาน (Bike Rack)
- ล็อบบี้ (Magnifique Lobby)
- กล่องจดหมายส่วนตัว (Private Postbox)
- ห้องซักรีด (Launderette)
- สระว่ายน้ำเพื่อการผ่อนคลาย (Recreation Pool)
- ห้องสตีม (Steam Room)
- ห้องซาวน่า (Sauna Room)
- ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า (Changing Room)
- เลานจ์อ่านหนังสือ (Reading Lounge)
ชั้น 2
- สวนเพื่อการเรียนรู้ (Study Garden)
ชั้นดาดฟ้า
- สวนลอยฟ้า (Sky Garden)
- ลานปาร์ตี้ (Party Patio)
- ห้องฟิตเนส (Gym Centre)
- ห้องคาราโอเกะ (Karaoke Chamber)
- สกายเลาจ์ (Sky Lounge)
- สกายคาบาน่า (Sky Cabana)
- ลานบาร์บีคิว (Rooftop Barbeque)
- ลานสัตว์เลี้ยง (Pet Zone)
อื่นๆ
- ที่จอดรถชั้นใต้ดิน (Basement Parking)
- อินเตอร์เน็ตไร้สาย 24 ชม. (24/7 Wireless Internet)
- ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. (24/7 Security Service)
เนื่องจากที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ โครงการ Maestro มาจัดงานเปิดตัวและสร้างห้องตัวอย่างไว้ที่ Central World โดยทางเราก็จะมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติมกันที่นี่ละนะครับ
ในตัวงานเป็นการเปิดตัว 2 โครงการหลักๆคือ Maestro 14 Siam-Ratchathewi และ Maestro 03 Ratchada-Rama 9
โมเดลจำลองตัวตึกมีมาให้ดู จะได้เห็นชัดๆว่าทางเข้าออกเป็นอย่างไร โดยทางคนเดินเข้า Lobby นั้นจะอยู่ชิดไปทางต้นซอย ส่วนทางรถเข้าจะเป็นคนละทางกัน ถัดเข้ามาอีกหน่อย
หน้ากากตึกจะเป็นลวดลายทางซ้ายมีสีเหลืองๆนะครับ นี่เป็นด้านนอกของห้องจำลองที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกตึก
ส่วนกลางด้านบนดาดฟ้าจัดไว้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งถ้าทำได้ดีเหมือนกับที่ทำให้ Maestro 39 ก็จะดีไม่น้อย
เวลามองตัวตึกจากภายนอก เห็น Grill แบบนี้ก็สวยดีนะครับ
สระว่ายน้ำของโครงการตั้งอยู่บริเวณชั้น G ข้อดีก็คือจะเข้าถึงง่าย แต่ข้อเสียก็อาจจะไม่เป็นส่วนตัวอย่างที่คิด เพราะบางส่วนสามารถมองเข้าไปจากด้านนอกโครงการได้ด้วย
ตัวที่นั่งบริเวณสระว่ายน้ำจริงๆแล้วนั้นตั้งอยู่ด้านใน เหมือนเป็นส่วนของ Court ภายใน เฉพาะลูกบ้านกันเอง และยูนิตที่หันเข้าหาด้านในโครงการนั้นก็จะเป็นมุมมองของสระว่ายน้ำทั้งหมด
Product
ผมจะแสดงภาพจำลองของแบบห้องแต่ละชุดให้ดูก่อนนะครับ ก่อนที่จะพาไปชมห้องตัวอย่างจริงๆในงาน Maestro 14
ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องนอนแบบ 1 Bedroom
ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องนั่งเล่นแบบ 2 Bedroom
ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องน้ำแบบ 2 Bedroom
ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องนอนแบบ 2 Bedroom
Product Walkthrough
ห้องตัวอย่างของโครงการ Maestro 14 เป็นห้องขนาด 26.5 ตารางเมตร 1 Bedroom โดยจะมีห้องตัวอย่างเพียงห้องเดียวนะครับ
เนื่องจากห้องตัวอย่างจัดเอาไว้ในห้างสรรพสินค้าจึงไม่ได้มีการทำฝ้าเพดาน ความสูงของฝ้าจะอยู่ที่บริเวณส่วนสูงสุดของผนังแต่ละด้าน เท่ากันที่ 2.45 เมตร โดยมุมมองด้านหน้าสุดของห้อง 26.5 ตารางเมตรเป็นแบบนี้ พอเปิดประตูเข้าไปก็จะพบส่วนของครัวทางซ้ายมือ โต๊ะทานข้าวชิดผนัง ทางขวาเป็นห้องน้ำ และถ้าตรงเข้าไปก็จะถึงบริเวณห้องนอน
ที่ Maestro 14 นี้จัดพื้นที่ของครัวมาให้ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับขนาดห้องที่ 26.5 ตารางเมตร ครัวขนาดนี้ถือว่าใหญ่มากกว่าปกติ เป็น Full Function ที่ทำอาหารได้สะดวก อาจจะมีจุดที่เล็กไปหน่อยก็คือซิงก์ล้างจานนะครับ
บริเวณชั้นวางของในครัวให้มาค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับขนาดห้อง ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นไม่มีให้ ยกเว้นแต่เตาและเครื่องดูดควันที่จะรวมอยู่ในแพคเกจครัวนี้
พื้นห้องปูด้วยลามิเนตทั้งหมดไม่มีส่วนที่เป็นกระเบื้องยกเว้นห้องน้ำ ดังนั้นเวลากินอาหารแถวๆครัวแล้วน้ำหกก็ต้องรีบเช็ดนะครับ ลามิเนตทนน้ำ น้ำหกไม่เป็นไร แต่แช่น้ำทิ้งไว้นานๆไม่ได้นะครับ
โต๊ะทานข้าวหากจะนั่งสองคนแล้วปิดบานเลื่อนกั้นห้องนอนจะต้องเขยิบนิดหน่อย ไม่อย่างนั้นจะติดตัวบานเลื่อนแล้วนั่งไม่สะดวก ทานเสร็จแล้วก็เก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยจะได้มีทางเดินคล่องตัว
ห้องน้ำจัดมาพอสมควร ขนาดไม่เล็กจนเกินไป ฟังก์ชั่นต่างๆยังอยู่ครบและค่อนข้างลงตัวในการใช้งาน พื้นกระเบื้องและผนังปูด้วยลวดลายที่แตกต่างกัน ทำให้ไม่ดู monotone น่าเบื่อ
โถสุขภัณฑ์ใช้ของ Kohler มีพื้นที่ด้านข้างพอใช้ได้ แต่ซิงก์ล้างหน้านั้นไม่มี Counter ด้านข้างเลย จะทำให้การเก็บอุปกรณ์ที่เราใช้ในห้องน้ำบ่อยๆอย่างพวกแปรงสีฟัน ฯลฯ ทำได้ลำบากหน่อย
ห้องอาบน้ำขนาดใช้งานได้โอเค กั้นส่วนเปียกส่วนแห้งด้วยกระจก Tempered Glass ติดตั้งระบบฝักบัวอาบน้ำที่สวยงาม ไม่มี Rain Shower
สังเกตว่าห้องขนาด 26.5 ตารางเมตรนี้จะไม่มีส่วนของห้องนั่งเล่นแยกเป็นสัดส่วนเหมือนกับห้อง 35 ตารางเมตรที่ Maestro โครงการอื่นใช้เป็นขนาดมาตรฐาน โดยห้อง 26.5 ตารางเมตรจะรวมชุดโซฟาเอาไว้ที่ปลายเตียงเลย และมีโต๊ะรูปตัว C เอาไว้ให้วางเครื่องดื่มและของทานเล่นได้
โซฟาอยู่ปลายเตียงแบบนี้เวลาดูหนังดูทีวีเสร็จก็สามารถขยับขึ้นไปนอนได้เลย ถ้าคุณพ่อคุณแม่คิดจะซื้อคอนโดให้น้องๆนักศึกษาอยู่คนเดียว ขนาดประมาณ 26.5 ตารางเมตรก็จัดว่าเพียงพอ
ระยะห่างระหว่างเตียงกับทีวีนั้นถือว่ากว้างอยู่ นอนดูทีวีขนาดเท่านี้จะรู้สึกว่าไกลไปหน่อย แต่ถ้าใช้ทีวีขนาดใหญ่แล้วเวลานั่งดูที่โซฟาก็จะรู้สึกว่าจอมันใหญ่ไปแสบตา ขนาดที่เหมาะสมควรจะอยู่ประมาณ 42 – 50 นิ้วครับ
ผนังปลายเตียงจะวางของที่ใหญ่กว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่โคมไฟข้างทีวีนั้นผมว่าไม่จำเป็น ควรจัดทำเป็นตู้ TV Shelf ขนาดใหญ่ครอบทีวีไปเลยให้มีที่วางของเพิ่มขึ้นอีก หรือใส่เสื้อผ้าบางส่วนก็ยังได้
มุมมองทีวีจากระยะโซฟานะครับ
เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่หรือคนทำงานสมัยใหม่ ในปัจจุบันนี้ก็ชอบนั่งเล่นเนตเล่นคอมกันทั้งนั้น ฟังก์ชั่นที่ยังจำเป็นอยู่แม้ว่าจะลดขนาดห้องลงเหลือ 26.5 ตารางเมตรก็คือโต๊ะทำงาน ซึ่งถ้าเป็นห้องที่อยู่ด้านนอกของโครงการบนชั้น 5 ขึ้นไป ก็จะสามารถมองออกไปเห็นวิวโล่ง นั่งตรงนี้ได้สะดวก ไม่อึดอัด แต่ถ้าใครไม่ชอบก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างสบายๆเช่นกัน
ระเบียงห้องถูกตัดทอนลงจนเหลือพื้นที่ประมาณเท่านี้ ตากผ้าได้ประมาณ 1 ราว
อีกฝั่งหนึ่งของเตียงได้ทำตู้เสื้อผ้าเอาไว้ให้ เปิดได้ 3 บาน มีลิ้นชักให้เรียบร้อย ใส่ชุดเสื้อผ้าได้พอประมาณ โดยจะเป็นเฟอร์นิเจอร์จากร้าน RCD ที่ทองหล่อ
โต๊ะข้างเตียงมีมาให้ตัวเดียว ถ้านอนคนเดียวก็คงไม่มีปัญหา ถ้าอยู่สองคนอาจจะต้องแย่งกันชาร์จโทรศัพท์เล็กน้อย หรือทำ Stand ตั้งบนหัวเตียงแทนบ้านเล็กๆเหล่านั้น สาเหตุที่มีโต๊ะข้างเตียงตัวเดียวก็เพราะอีกฝั่งหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้า ถ้าวางโต๊ะสองตัวแล้วจะเปิดตู้ไม่ได้นะครับ
ห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตก หรืออยู่ข้างใน Court ที่มองเห็นสระว่ายน้ำ อย่างน้อยควรจะมีผ้าม่านสองชั้น ห้องทิศตะวันตกเอาไว้กันร้อน ห้องที่ติด Court ใช้ม่านโปร่งเพิ่มความเป็นส่วนตัว จากห้องที่อยู่บนตึกฝั่งตรงข้ามกัน
สวิทช์ไฟเป็นของ Panasonic รุ่นที่ดูแล้วโอเคหน่อย กรอบอลูมิเนียมทั้งหมดทำสีดำ
ห้องนี้เวลากลางวันก็ควรจะเปิดห้องไว้เชื่อมกัน ให้อากาศถ่ายเทและมีพื้นที่โปร่งมากขึ้น
พอตกกลางคืน หรือถ้าอยากจะประหยัดแอร์ หรือเวลากินข้าว ก็สามารถกั้นเป็นสัดส่วนได้แบบนี้
รายละเอียดการขาย
- ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง: 65 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี ในวันโอนกรรมสิทธิ์)
- เงินกองทุน: 650 บาท/ตร.ม. (ชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์)
- Fully Furnished
- Hob & Hood
- Kitchen & Sink
- Air-Condition
- จอง 50,000 บาท สำหรับ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน
- ทำสัญญา 5% ของราคาห้อง
- เงินดาวน์ 10% ของราคาห้อง
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 October 2015
- 1 Bed 26.5 ตารางเมตร เริ่มต้น 3.929 ล้านบาท
- 1 Bed 32 ตารางเมตร เริ่มต้น 4.839 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 59.5 ตารางเมตร เริ่มต้น 9.295 ล้านบาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
เมื่อพูดถึงทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวีในภาพรวมนั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ห่างกับ Siam Paragon ไม่ถึง 1 กิโลเมตร จากบ้านถ้าจะไปที่สยามสแควร์นั้นแทบจะเรียกว่าเดินไปได้เลย ใกล้ศูนย์กลางการศึกษาของประเทศอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและสถาบันการศึกษาชื่อดังอีกหลายแห่ง โดยทำเลของโครงการ Maestro 14 สยาม-ราชเทวี นั้นอยู่ลึกเข้าไปในซอยประมาณ 300 เมตร ซึ่งยังจัดว่าสะดวก เดินไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเท่าไร สภาพแวดล้อมในซอยพญานาคอาจจะไม่ดีเท่ากับซอยเกษมสันต์ 2 และ 3 อันเป็นแหล่งคอนโดมิเนียม Low Rise ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่ก็จัดว่าพอใช้ได้ และมีทางหนีทีไล่มากกว่ากันมาก
การเดินทางด้วยรถยนต์นั้นจัดว่าสะดวกหากเข้าใจเรื่องเส้นทางเป็นอย่างดี เพราะซอยพญานาคนั้นทะลุได้ถึง 4 ถนน มีทางเข้าออกหลากหลายสมกับชื่อว่า “พญานาค” ที่มีหลายเศียร เส้นที่ติดขัดที่สุดคงจะหนีไม่พ้นถนนพญาไทอันเป็นทางเข้าหลัก เพราะเป็นถนนใหญ่ที่เชื่อมเข้ากับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ถ้าหากใช้ถนนพระรามที่ 6 และบรรทัดทองนั้น ก็จะพบว่าสะดวกกว่ามาก รวมถึงจุดขึ้นลงทางด่วนแถวยมราชและอุรุพงษ์ที่ไม่ไกลออกไปเท่าไร แต่ถ้าใครจะมุ่งหน้าไปทางสุขุมวิทก็ต้องใช้ถนนเพชรบุรีฝ่ารถติดเอาหน่อยละครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้นคงจะหนีไม่พ้นการเดินและการใช้รถไฟฟ้า BTS เป็นหลัก การเดินเข้าออกทางซอยพญานาคเป็นทางที่ดีที่สุด จะมีจุดบอดนิดหน่อยบริเวณซอยย่อยก่อนที่จะถึงโครงการ โดยปัจจุบันสภาพแวดล้อมยังไม่ถูกเคลียร์ให้เรียบร้อย ทางโครงการต้องพัฒนาสภาพซอยหน้าโครงการรวมถึงเรื่องแสงไฟส่องสว่างด้วยเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านที่ใช้รถไฟฟ้า และน้องๆนักศึกษา สุภาพสตรี ที่กลับบ้านในเวลาหัวค่ำหรือกลางคืน
เส้นทางเลียบคลองแสนแสบเป็นทางเล็ก รถยนต์ผ่านไม่ได้นอกจากมอเตอร์ไซค์เท่านั้น บริเวณทางเดินแถวนี้จะเปลี่ยวมาก ไม่แนะนำให้ใช้ในเวลากลางคืนหรือเวลาที่มีแสงสลัวอย่างช่วงเช้าและช่วงเย็น มีข้อดีสำหรับคนที่อยากจะเดินไปยังสี่แยกพญาไทหรือไปขึ้นเรือที่ท่าน้ำคลองแสนแสบ จะช่วยย่นระยะทางได้มากอยู่เมื่อเทียบกับการเข้าออกที่ซอยพญานาค มาโผล่ที่สะพานหัวช้างได้ทันที ไม่อย่างนั้นแล้วก็ต้องเดินลัดผ่านประตูหลังของศริสตจักรซึ่งมีประตูหลังอยู่ตรงข้ามที่ดินของโครงการเลย แต่ทางปฏิบัติไม่เหมาะสมเท่าใดนัก
ตัวตึก Maestro 14 จัดทำเป็นตึก 8 ชั้น Low Rise ตามคอนเซปท์เดิมของโครงการ แต่ด้วยพื้นที่ที่จำกัดเพียง 1.5 ไร่ ทำให้โครงการนี้มีพื้นที่ส่วนกลางไม่มากเท่าไร ฟังก์ชั่นที่มีให้อาจจะมีครบทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องอ่านหนังสือ คาราโอเกะ สวนลอยฟ้า แต่จัดได้เป็นขนาดเล็ก ไม่ใหญ่เหมือนกับแบรนด์ M ที่เป็นตึก High Rise ซึ่งในโปรเจค Maestro 14 นี้เน้นการซอยห้องเล็กเป็นหลัก ขนาดห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดคือห้อง 26.5 ตารางเมตร เพื่อทำให้ราคาขายส่วนใหญ่อยู่ไม่เกิน 4 ล้านบาท – 4 ล้านต้นๆ ที่ตารางเมตรละ 150,000 – 160,000 บาท หยิบจับง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับห้อง 1 Bedroom Full Size 32-35 ตารางเมตร ที่ราคาจะอยู่แถวๆ 4 ล้านปลายถึง 5 ล้านกว่าบาทแล้ว แต่การซอยห้องเยอะๆก็นำมาซึ่งข้อเสียเช่นกัน คือจำนวนยูนิตที่เยอะ 179 ยูนิต เมื่อเทียบกับ Maestro โครงการอื่นๆก็จะพบว่าโครงการนี้มีความหนาแน่นสูงกว่า และจะทำให้พื้นที่จอดรถน้อยลงไปเพราะมีตัวหารมากขึ้น โดยจะจอดรวมซ้อนคันได้ประมาณ 77 คัน คิดเป็น 43% ของจำนวนยูนิต
วัสดุอุปกรณ์ที่ Maestro จัดมาให้พอสมควร เป็น Fully Furnished ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า สุขภัณฑ์ของ Kohler ครัวและตู้เสื้อผ้าของ RCD มีเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวให้ครบ สเปคต่างๆไม่ได้ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นวัสดุราคาถูก ตกแต่งอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย
การเลือกห้อง Maestro 14 ควรจะเลือกห้องทิศเหนือเป็นหลักที่หันออกไปทางซอยพญานาคและถนนเพชรบุรี เนื่องจากเป็นทิศที่วิวไม่ถูกบล็อกและไม่รับแดดเท่าใด ชั้นที่ควรเลือกควรจะเลือกชั้น 5F-8F เพื่อให้มองข้ามตึกแถวที่อยู่ติดกันไปได้ ส่วนทิศที่รองลงมาก็คือทิศใต้ มองไปทางคลองแสนแสบ ทิศตะวันตกมองไปทางถนนบรรทัดทองก็จะไม่บล็อกวิวเช่นกันแต่จะร้อนมากหน่อย ในขณะที่ทิศตะวันออกจะติดตึกคริสตจักรนะครับ สำหรับคนที่จะเลือกห้องที่อยู่ด้านใน Court มองเห็นสระว่ายน้ำ ก็แนะนำว่าให้เลือกห้องที่ไม่ชิดกับห้องฝั่งตรงข้ามมากเกินไป ชั้นเตี้ยหน่อย 2F-4F ให้ได้บรรยากาศของสระว่ายน้ำ เพราะถ้าอยู่สูงๆไปก็จะแทบไม่รู้สึกถึงสระว่ายน้ำชั้นล่างสุดครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 150,000 บาท/ตารางเมตร @ 9 October 2015
- ทำเล 8.5/10 – ซอยพญานาค ย่านราชเทวี ไม่ติดถนนใหญ่
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ทางลัดเลาะเยอะ สะดวก แต่ที่จอดรถน้อยไปนิดนึง
- ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้รถไฟฟ้าราชเทวี 300 เมตร แต่สภาพแวดล้อมยังไม่ค่อยดีเท่าไร ถ้าได้รับการปรับปรุงขณะทำโครงการก็จะช่วยได้มาก
- วัสดุ 7/10 – มาตรฐาน
- แบบ 7/10 – พอใช้ได้ เน้นห้องเล็กเป็นหลัก ความหนาแน่นสูง
- สาธารณูปโภค 8/10 – มีฟังก์ชั่นครบถ้วน ขนาดเล็กตามขนาดที่ดินและตัวตึก
- HIGH CLASS 2015
- 7.925 / 10.00
BOTTOM LINE
Maestro 14 เหมาะสำหรับคนที่มีกำลังทรัพย์ตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป ที่มองว่าห้องขนาด 26.5 ตารางเมตรก็เพียงพอ ใช้ชีวิตอยู่ในย่านใจกลางเมืองเป็นหลัก สยาม-จุฬา-ราชเทวี เน้นความสะดวกสบายเรื่องทำเล มากกว่าน้ำหนักในเรื่องอื่นๆ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )