รีวิวฉบับที่ 1198 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะไปดู Brown Condo รัชดา 32 เป็นอีกหนึ่งคอนโด Low Rise ในย่านรัชดา-ลาดพร้าวแม้จะไม่ติดถนนใหญ่แต่เดินทางด้วยรถยนต์สะดวกมาก เพราะมีทางลัดให้ทะลุไปออกถนนใหญ่ได้หลายทางทั้งรัชดา ลาดพร้าว ลาพร้าววังหิน โชคชัย 4 และเลียบด่วนรามอินทรา โครงการเน้นออกแบบห้องพักอาศัยให้โปร่งโดยทำฝ้าเพดานสูงเป็นพิเศษที่ 2.8 ม. และแยกอาคาร Clubhouse ออกจากอาคารพักอาศัย โครงการจะเป็นอย่างไรเราไปชมพร้อมกันเลยค่ะ
Fact @ 25 October 2016
- Brown Condo Ratchada 32 (บราว คอนโด รัชดา 32)
- บจก. แอสเซทไวส์
- ECONOMY – MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : จตุจักร
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร 242 ยูนิต
- Private Clubhouse 1 อาคาร
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 41
- ที่จอดรถประมาณ 91 คันคิดเป็น 38 % รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40 %
- ที่ดินประมาณ 1-3-44 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ปี 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กลางปี 2561
- 1 Bedroom 23.96 – 25.48 ตร.ม. 166 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท
- 1 Bedroom Exclusive 29.79 – 34.78 ตร.ม. 52 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus 33.13 – 46.37 ตร.ม. 24 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 70,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 65,000-80,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 081-064-3232
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วนะคะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.818724, 100.584694
ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยรัชดาภิเษก 32 และเข้าไปในซอยย่อยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-7 อีกที ถึงแม้จะเป็นคอนโดในซอยแต่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้สะดวกเพราะซอยรัชดาภิเษก 32 นี้เป็นซอยหลักที่เชื่อมระหว่างถนนรัชดาภิเษกและถนนลาดพร้าววังหิน และอยู่ห่างจาก MRT ลาดพร้าว ประมาณ 2.6 กม. รวมทั้งอยู่ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในอนาคต
ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์นั้นจะใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์อย่างถนนลาดพร้าว-วังหิน ซึ่งมีร้านอาหารเจ้าดังอยู่หลายร้าน แต่ไม่ได้ใกล้ในระยะเดินไปได้ จะต้องอาศัยรถไปนิดหนึ่ง ถ้าในระยะเดินได้ก็จะมี 7-11 ที่อยู่ตรงหน้าปากซอยค่ะ
ตัวทำเลนั้นทางทีมงานได้มีทำรีวิวไว้แล้วเลยขอหยิบแค่บางส่วนมาให้ดูพอเข้าใจถึงตำแหน่งที่ตั้งนะคะ ส่วนใครอยากอ่านแบบละเอียดๆ คลิกเข้าไปอ่านที่นี่ได้เลยค่ะ
ในส่วนของสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการจะยกมาพูดอีกครั้งหนึ่งก่อนไปเจาะลึกตัวโครงการนะคะ พื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยเกือบทั้งหมดโดยจะมีทั้งบ้านเดี่ยว หอพัก ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์สลับกันไป ทำให้บรรยากาศในซอยค่อนข้างเงียบสงบค่ะ
- ทิศเหนือ : บ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น
- ทิศตะวันออก : ตึกแถวสูง 3 ชั้น, บ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น, หอพักสูง 5 ชั้น
- ทิศใต้ : อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
- ทิศตะวันตก : คอนโดสูง 6 ชั้น
ส่วนเรื่องของวิวเพื่อให้เข้าใจง่ายไปดูจากโมเดลกันเลยค่ะ
ภาพรวมโครงการ Brown Condo รัชดา 32 เป็นคอนโด Low Rise 1 อาคาร สูง 7 ชั้น การจัดวางตึกเรียกว่าใส่ลงไปเต็มที่ของขนาดที่ดินเลยเป็นลักษณะอาคารรูปตัว C ล้อม Clubhouse ส่วนกลางซึ่งเป็นอาคารที่แยกออกจากอาคารพักอาศัย ตัวอาคารใช้โทนสีน้ำตาลเป็นหลักตามชื่อของโครงการให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น และเพิ่มเติมการออกแบบโดยการใช้สีน้ำตาลสลับสีครีมเพื่อให้อาคารดูมีมิติมากขึ้น
โครงการจะเข้า-ออกทางซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-7 ทางเดียวนะคะ โดยทางเข้าจะลอดใต้ตึกเพื่อเข้าไปยังที่จอดรถด้านในโครงการซึ่งที่จอดรถจะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ทั้งหมด ด้านข้างของอาคารฝั่งทิศเหนือเป็นถนนซอย 2 เลน ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น จึงไม่มีอาคารบล็อกวิวในระยะประชิด ส่วนอาคารฝั่งทิศใต้ติดกับอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ทำให้ห้องพักในฝั่งนี้บางส่วนจะติดกับอาคารพาณิชย์ค่ะ
ภายในโครงการแบ่งออกเป็น 2 อาคาร อาคารแรกคืออาคารพักอาศัยรูปตัว C สูง 7 ชั้น โดยบริเวณชั้น 1 เป็น Lobby และลานจอดรถใต้อาคาร เริ่มมีห้องพักที่ชั้น 2 – 7 และชั้นดาดฟ้าจะเป็น Rooftop Garden ส่วนอีกอาคารหนึ่งคือ Clubhouse 3 ชั้น พื้นที่ใช้งานจะเริ่มที่ชั้น 2 คือจะมีสระว่ายน้ำและ Library Lobby ส่วนบนชั้น 3 จะมีห้อง Fitness และ Playroom พื้นที่โดยรอบโครงการจะติดกับที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ โดยฝั่งทิศตะวันตกติดกับคอนโดมิเนียม 6 ชั้นทำให้อาคารโดนบังวิวในระยะประชิด ห้องพักฝั่งที่ติดกับที่แปลงที่ดินด้านนี้จึงเหลือแค่ชั้น 7 ที่ไม่บังวิวนะคะ
อาคารด้านทิศตะวันออก เป็นฝั่งด้านหน้าโครงการ จะมีป้อมยามคอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยทางเข้าโครงการจะอยู่ทางซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-7 เป็นเส้นทางเดินรถแบบสวนกัน 2 เลน ห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Type A ส่วนห้อง Type B และ C จะเป็นห้องมุมของอาคาร ห้องพักบางส่วนบนชั้น 7 ที่อยู่ใต้ Rooftop มีข้อดีคือเป็นห้องที่ไม่ได้รับแดดจากหลังคาโดยตรงเพราะมีดาดฟ้าคลุมไว้อีกชั้นหนึ่งด้วยนะคะ
อาคารด้านทิศเหนือ อาคารฝั่งนี้จะวางตัวด้านยาวของอาคารไปตามรูปร่างของที่ดิน และจัดห้องส่วนใหญ่เป็นห้อง Type A ส่วนห้อง Type B และ C จะเป็นห้องมุมเหมือนฝั่งทิศตะวันออก โดยอาคารด้านนี้จะติดกับซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-5 ทำให้ห้องพักในชั้น 2 อาจถูกรบกวนด้วยเสียงและมลภาวะจากรถยนต์ ทางโครงการจึงมีแนวต้นไม้ใหญ่ตลอดแนวทางฝั่งนี้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัย
อาคารด้านทิศตะวันตก อาคารฝั่งนี้จะวางตัวด้านยาวของอาคารไปตามรูปร่างของที่ดิน และจัดห้องเหมือนฝั่งทิศตะวันออกคือส่วนใหญ่เป็นห้อง Type A ส่วนห้อง Type B และ C จะเป็นห้องมุม อาคารข้างเคียงจะติดกับคอนโดมิเนียม 6 ชั้น การเลือกห้องพักในทิศนี้จึงต้องเลือกที่สูงกว่าชั้น 6 ขึ้นไปจึงได้วิวที่โล่งขึ้น
ต่อไปมาดูอาคาร Clubhouse กันต่อ ตัวคารมีตำแหน่งอยู่ตรงกลางถูกล้อมด้วยอาคารพักอาศัยทั้ง 3 ด้าน ชั้นล่างสุดเป็นเส้นทางเดินรถและเป็นพื้นที่จอดรถของโครงการ การใช้งานอาคาร Clubhouse ต้องขึ้นบันไดมาชั้น 2 จะมีส่วนกลางภายในอาคารที่เป็น Library Lobby และห้องน้ำแยกชายหญิง กับส่วนกลางภายนอกอาคารจะเป็นสระว่ายน้ำซึ่งการวางตำแหน่งสระว่ายน้ำไว้ตรงกลางโครงการมีข้อดีที่อาคารทั้ง 3 ฝั่งจะช่วยบังแดดให้กับสระว่ายน้ำ และห้องพักทุกห้องที่หันเข้าด้านในโครงการยังได้วิวสระน้ำด้วยค่ะ ส่วนชั้น 3 ของ Clubhouse จะต้องขึ้นบันไดมาอีกชั้นหนึ่งจะมีห้อง Playroom และ Fitness
บันไดทางขึ้นอาคาร Clubhouse เป็นบันไดที่แยกกับตัวอาคารพักอาศัยทำให้ไม่สามารถเดินเชื่อมจากอาคารพักอาศัยเข้ามาได้เลย เวลาที่ลูกบ้านอยากใช้งาน Facilities ใน Clubhouse จะต้องมาขึ้นบันไดที่ใต้อาคาร Clubhouse ที่ชั้น 1 เท่านั้นและการเข้าออกอาคาร Clubhouse จะต้องใช้ Key Card นะคะ
ต่อไปมาดู Facilities บนชั้นดาดฟ้ากันบ้าง เริ่มจากกล่องสีน้ำตาลเป็นบันไดหนีไฟซึ่งเป็นทางเข้า-ออกของชั้นนี้ ออกมาจากบันไดหนีไฟจะเจอเส้นทาง Jogging Track เป็นเส้นทางที่ลัดเลาะไปกันสวนบนชั้นนี้และเชื่อมพื้นที่ส่วนกลางด้านบนนี้ไว้ด้วยกัน โดยพื้นที่ส่วนกลางบน Rooftop นี้ถูกจัดออกเป็นพื้นที่กิจกรรมต่างๆ ดังนี้
- Barbecue Party & Wine Bar : เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ตั้งเตาบาร์บีคิวกันได้
- Starlight Terrace : เป็นที่นั่งดูวิว ดูดาว ซึ่งทางโครงการจะจัดเก้าอี้ไว้ให้
- Yoga Deck : พื้นที่เล่นโยคะ
- Outdoor Exercise : เป็นพื้นสนามหญ้าโล่งๆ สำหรับออกกำลังกาย เช่น เต้นแอโรบิก
- Putting Green : พื้นที่สำหรับซ้อมพัดกอล์ฟ
- Sculptural Playground : สนามเด็กเล่น มีรูปปั้นเล็กๆน้อยให้เด็กมาวิ่งเล่นบริเวณนี้
- Day Bed : พื้นที่สำหรับนอนเล่น ชมวิว
- Outdoor Working Space & Community Table : เป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำงาน นั่งคุย ซึ่งทางโครงการจะจัดโต๊ะ เก้าอี้ไว้ให้
- Healthy Plants Garden : แปลงปลูกผัก ซึ่งจะเริ่มต้นโดยทางนิติฯปลูกให้ ลูกบ้านสามารถเก็บไปทำอาหารได้
สวนในชั้นนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้อยู่อาศัยในอาคารทั้งหมดสามารถขึ้นมาชมวิวหรือเปลี่ยนบรรยากาศกันได้ เนื่องจากตำแหน่งของสวนเป็นมุมที่ค่อนข้างโล่ง ไม่มีอาคารบังวิวในระยะประชิด จึงเป็นมุมที่ได้วิวดีที่สุดในโครงการ
มาดูแปลนอาคารกันบ้าง เริ่มกันที่ผังชั้น 1 โครงการ Brown Condo มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19-7 แปลงที่ดินเป็นแปลงมุมติดถนนซอย 2 ด้านจึงเป็นโครงการที่มีจุดสังเกตเห็นได้ง่าย
ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยไม่มีห้องพักอาศัยจะเป็นพื้นที่ของลานจอดรถ เส้นทางเดินรถในอาคารเมื่อขับเข้ามาด้านในพื้นที่โครงการจะมีทางแยกระหว่างตรงไปกับเลี้ยวขวา หากตรงไปจะเข้าลานจอดรถฝั่งใต้อาคาร Clubhouse หากเลี้ยวขวาจะผ่านจุด Drop-Off ด้านหน้าอาคาร แล้วจึงเข้าสู่พื้นที่จอดรถด้านในโครงการอีกตำแหน่งหนึ่ง เส้นทางเดินรถเป็นแบบสวนทางกัน ทางขึ้นห้องพักจะขึ้นผ่าน Lift Lobby ในอาคาร ระบบความปลอดภัยของทางเข้าอาคาร
- ประตูทางเข้า Lift Lobby —>ใช้ Key Card ลูกบ้านจึงมีความปลอดภัยตั้งแต่ในส่วนของ Lobby เลยค่ะ
- ลิฟต์ —> ล็อกชั้น ขึ้นได้เฉพาะชั้นที่พักอาศัยและชั้น 7 เท่านั้น
ส่วนอาคาร Clubhouse จะมีบันไดทางขึ้นแยกต่างหาก ซึ่งการเข้าอาคารต้องใช้ Key Card นะคะ
ภาพจำลองบริเวณด้านหน้าโครงการ โดยทางเข้าจะลอดใต้อาคารพักอาศัยเพื่อเข้าไปยังที่จอดรถด้านใน ซึ่งทางโครงการออกแบบทางเข้าโดยการลดห้องพักอาศัยบนชั้น 2 ในตำแหน่งห้องที่ตรงกับทางเข้า-ออก ทำให้บริเวณทางเข้ามีความสูงโปร่ง นอกจากนี้ยังจัดวางอาคาร Clubhouse ให้ตรงกับทางเข้าโครงการบังอาคารพักอาศัยที่อยู่ด้านใน จึงเป็นการออกแบบเพื่อเน้นความเป็นส่วนตัวให้แก่ห้องพักอาศัย
ตั้งแต่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งชั้น โดยในชั้นนี้มียูนิตพักอาศัย 37 ยูนิต แบ่งเป็น
- ห้อง Type A (1 Bedroom) ขนาด 23.96 – 25.48 ตร.ม. 26 ห้อง เป็นแบบที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในแต่ละชั้น
- ห้อง Type B (1 Bedroom Exclusive) ขนาด 29.79 – 34.78 ตร.ม. 5 ห้อง เป็นห้องที่ถูกจัดไว้เฉพาะมุมของอาคาร
- ห้อง Type C (1 Bedroom Plus) ขนาด 33.13 – 46.37 ตร.ม. 6 ห้อง เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่สุดในโครงการและถูกจัดไว้เฉพาะมุมของอาคารเช่นกัน
ทางเดินภายในจัดเป็น Double corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง ทำให้ห้องพักในโครงการจะมีห้องที่หันออกทั้งทิศเหนือ – ใต้ และตะวันออก – ตะวันตก โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวอยู่ค่อนมาฝั่งทางเข้าโครงการซึ่งในโถงจะมีลิฟท์ 2 ตัวนะคะ มีอัตราส่วนลิฟท์ 121 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่มากพอสมควร อาจจะต้องเผื่อเวลารอลิฟท์สักหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้อยู่ศัยออกจากบ้านพร้อมๆกันนะคะ ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 3 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาและตรงกลางของอาคาร ซึ่งบันไดทั้ง 3 ตัวสามารถลงไปยังชั้น 1 ได้ค่ะ
ต่อไปเป็นเรื่องของวิว สำหรับชั้น 2 ห้องพักที่หันเข้าด้านในอาคารในชั้นนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำของโครงการ ส่วนห้องพักที่หันออกด้านนอกโครงการ สำหรับห้องที่หันไปทาง
- ทิศเหนือจะหันเข้าหาถนนซอยซึ่งฝั่งตรงข้ามถนนเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ทำให้ห้องชั้น 2 ทางทิศนี้โดนบังวิว แต่ก็ไม่ใช่ในระยะประชิดสักทีเดียวเพราะมีถนนกั้นไว้
- ทิศใต้จะโดนบังวิวในระยะประชิดจากอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น
- ทิศตะวันออกจะติดกับถนนซอยจึงไม่โดนบล็อกวิวในระยะประชิดแต่ฝั่งตรงข้ามถูกบล็อกวิวด้วยบ้านพักอาศัย 2 ชั้นและอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น
- ทิศตะวันตกจะถูกบล็อกวิวในระยะประชิดโดยคอนโดมิเนียม 6 ชั้น แม้ว่าจะบังวิวฝั่งนี้ไปทั้งหมดแต่ก็มีข้อดีที่ช่วยบังแดดให้ นอกจากเรื่องวิวและแดดแล้วก็ต้องคำนึงถึงทิศทางของลมด้วยนะคะ โดยทิศทางลมของประเทศไทยส่วนใหญ่ลมจะมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ ส่วนในหน้าหนาวลมจะมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ลองเลือกกันดูค่ะ
อีกอาคารหนึ่งเป็นอาคาร Clubhouse เมื่อขึ้นบันไดมาส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ Library Lobby ใช้สำหรับเป็นพื้นที่รับแขก นั่งเล่นหรือทำงานในส่วนนี้ก็ได้ ซึ่งจะได้วิวของสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนนอก นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำแยกชาย หญิง ไว้ให้บริการด้วย
รูปทัศนียภาพและบรรยากาศจำลองของ Library Lobby ภายในจัดชุดโซฟารับแขกและโต๊ะเขียนหนังสือไว้หลายมุม บริเวณพื้นที่รับแขกเป็นแบบ Double Floor (2 ชั้น ติดกัน) ทำให้เกิดความรู้สึกโปร่งโล่งภายในอาคาร ผนังรอบด้านของอาคารเป็นกระจกนำแสงธรรมชาติเข้ามาในอาคาร เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่เหมาะสมกับการอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานภายในห้องนี้ค่ะ
จากห้อง Library Lobby สามารถมองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ภายนอกอาคาร ส่วนทางซ้ายมีบันไดขึ้นไปชั้น 3 ของ Clubhouse
ภาพจำลองสระว่ายน้ำส่วนกลางของโครงการเป็นระบบเกลือมีขนาด 5 x 18 ม. มีความลึก 1.2 ม. ขนาดพอให้ออกกำลังกายได้ พื้นที่ภายในสระส่วนหนึ่งติดตั้ง Jacuzzi ไว้
บรรยากาศโดยรอบของสระว่ายน้ำจะเน้นให้เกิดความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่ม ระเบียงด้านข้างสระวาง Day Bed ไว้ ช่วงเย็นๆ ก็สามารถมานั่งเล่น พักผ่อนริมสระว่ายน้ำได้
มาต่อกันที่ ชั้น 3 ของตึกค่ะ จะมีแปลนเหมือนกับชั้น 2 เลย ต่างกันคือตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะมีจำนวนยูนิตของห้องพักอาศัยที่มากขึ้นโดยมีห้องพักอาศัยแต่ละชั้น ชั้นละ 41 ห้อง แบ่งเป็น
- ห้อง Type A (1 Bedroom) ขนาด 23.96 – 25.48 ตร.ม. 28 ห้อง
- ห้อง Type B (1 Bedroom Exclusive) ขนาด 29.79 – 34.78 ตร.ม. 7 ห้อง
- ห้อง Type C (1 Bedroom Plus) ขนาด 33.13 – 46.37 ตร.ม. 6 ห้อง
เรื่องของวิวในชั้นนี้ยังคล้ายๆกับวิวของห้องพักอาศัยบนชั้น 2 นะคะ ต่างกันคือห้องพักทางทิศเหนือและห้องพักบางส่วนทางทิศตะวันออก จะพ้นบ้าน 2 ชั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนแล้ว ส่วนในทิศอื่นๆยังถูกบล็อกวิวอยู่ค่ะ
ส่วนอาคาร Clubhouse บนชั้น 3 จะมีห้อง Facilities ส่วนกลางอีก 2 ห้องคือ Fitness และ Playroom
ภายใน Fitness จะมีเครื่องออกกำลังกายติดตั้งไว้ประมาณ 9 เครื่อง ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่างสามารถเห็นวิวสระน้ำและวิวด้านนอกได้ค่ะ
บรรยากาศในห้อง Playroom จะติดตั้งโต๊ะพูลไว้ให้ 2 ตัว บรรยากาศในห้องค่อนข้างโปร่งโล่งด้วยผนังกระจกทำให้ได้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องค่ะ
แปลนอาคารตั้งแต่ชั้น 4-7 จะมีแปลนเหมือนกับชั้น 3 เลยนะคะ ส่วนเรื่องของวิว สำหรับห้องพักที่หันเข้าด้านในอาคารจะได้วิวสระว่ายน้ำในระยะไกลหน่อย ซึ่งก็มีข้อดีที่ทำให้สามารถรักษาความเป็นส่วนตัวในห้องจากสายตาของผู้ที่มาใช้งาน Clubhouse ได้ ส่วนห้องพักที่หันออกด้านนอกโครงการสำหรับห้องที่หันไปทางทิศเหนือและทิศตะวันออก วิวจะโล่งขึ้นไม่ถูกบังวิวในระยะประชิด ส่วนทางทิศใต้ห้องพักบนชั้น 4 จะโดนบังวิวในระยะประชิดจากอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ห้องทางทิศนี้จึงควรเลือกตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป สำหรับห้องทางทิศตะวันตกจะถูกบล็อกวิวในระยะประชิดโดยคอนโดมิเนียมจนถึงชั้น 6 ถ้าอยากได้วิวจากห้องฝั่งนี้ควรเลือกห้องที่ชั้น 7 ค่ะ
สำหรับชั้นบนสุดของอาคารสามารถขึ้นมาถึงโดยบันไดหนีไฟ ซึ่งพื้นที่ชั้นนี้ถูกจัดเป็นพื้นที่สวนส่วนกลางของโครงการที่มีพื้นที่ทำกิจกรรมต่างๆ ตามที่ได้อธิบายไว้ละเอียดในโมเดลแล้ว แต่ด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยทำให้ Rooftop เป็นพื้นที่ที่เหมาะจะมาใช้งานในช่วงเย็นเท่านั้น
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ
- Clubhouse เป็นอาคารที่แยกออกจากอาคารพักอาศัย
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาดประมาณ 5 x 18 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- Jacuzzi
- The Gym ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง
- Playroom
- Library
- Jogging Track
- Outdoor Exercise
- Yoga Deck
- Barbecue Party & Wine Bar
- Sculptural Playground
- Daybed
- Outdoor Working Space & Community Table
- Healthy Plants Garden
- Starlight Terrace
- Putting Green
ห้องตัวอย่างมี 3 ห้องนะคะ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.96-25.48 ตร.ม., แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 33-46.5 ตร.ม. และแบบ 1 Bed Exclusive ขนาด 29.79-34.78 ตร.ม. โครงการขายแบบ Fully Furnished Built-in มาให้ค่อนข้างครบ เราไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 3 แบบเลยค่ะ
ห้องแรกเป็นแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.96 – 25.48 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ มีความลึกของตัวห้องมาก โดยแบ่งพื้นที่เป็นส่วน Living (ห้องครัว, ห้องน้ำ, พื้นที่นั่งเล่น) และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง โดยเข้ามาในห้องส่วนแรกฝั่งขวาจะเป็นครัวแบบ Pantry ส่วนห้องน้ำจะอยู่ตรงข้ามห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนนะคะ ซึ่งในกรณีที่มีเพื่อนๆหรือแขกมาหาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้จากด้านนอก ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเรา ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านในของอาคารจึงไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ
ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ตรงกลางห้อง สำหรับห้องนั่งเล่นจะไม่มีหน้าต่างต้องอาศัยแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านห้องนอนออกมาเท่านั้นซึ่งโครงการนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย เพราะผนังในส่วนของห้องนอนและระเบียงเป็นผนังกระจกขนาดใหญ่จากพื้นถึงฝ้าเลยได้แสงมาเต็มๆ ข้อเสียของห้องขนาดเล็กทั่วๆไปคือพื้นที่ทานอาหารที่ต้องมาใช้ร่วมกับห้องนั่งเล่นแนะนำว่าให้หาเฟอร์นิเจอร์มาช่วยในเรื่องพื้นที่ทานอาหารนะคะ ห้องนอนแบ่งถูกพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อน ภายในห้องนอนจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้า Built-in ขนาดใหญ่พอสมควรและโต๊ะทำงาน ส่วนระเบียงจะมีขนาดเล็กไปหน่อย อยู่ภายในห้องนอนทำให้เวลาจะเดินมาตากผ้าที่ระเบียงจะต้องเดินผ่านห้องนอนนะคะ
สรุปเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ : แอร์ 1 เครื่อง, โซฟา, โต๊ะกลาง, ชั้นวางทีวี Built-in, เตียงขนาด 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว, ซิงค์ล้างจาน, สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ
เริ่มจากทางเข้าห้องประตูเป็นบาน MDF หน้าบานลายไม้ขนาด 0.9 x 2.35 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.8 เมตร เทียบกับคอนโดอื่นที่ระดับราคานี้ ถือว่าทำห้องมาให้สูงทีเดียวนะคะ
ประตูติดระบบ Digital Doorlock ของ Samaung ถือว่าดีเพราะระบบ Digital Doorlock นี่จะไม่ค่อยพบในโครงการระดับ Economy-Main Class มาพร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกค่ะ
พื้นห้องมีธรณีประตูมาให้เรียบร้อย เวลาแม่บ้านทำความสะอาดโถงทางเดินกวาดฝุ่งผงก็จะช่วยไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในห้อง
เข้ามาภายให้ห้อง ด้านขวาเป็นพื้นที่ครัวแบบ Pantry ส่วนด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ ตรงไปจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ถัดไปเป็นเตียงนอนและสุดทางในห้องนอนคือระเบียงค่ะ ด้วยความที่หน้าประตูทางเข้าตรงกับประตูบานเลื่อนกระจกทำให้เวลาเปิดเข้ามาภายในห้องแล้วห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น ด้วยแสงธรรมชาติที่เข้ามาและการมองออกไปในระยะไกลได้
หันกลับมาทางประตูห้อง ด้านขวาจะเห็นทางเข้าข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ตรงข้ามกับชุด Pantry ครัวค่ะ พื้นในส่วนครัวเป็นกระเบื้องยางเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆในห้อง ซึ่งกระเบื้องยางเป็นวัสดุที่ทนน้ำ ทนความชื้นได้ดีกว่าพวกลามิเนต การดูแลก็ไม่ยากหากใช้ไปนานๆจนกระเบื้องร่อนก็สามารถหากาวมาทาเองได้
ต่อไปจะเริ่มอธิบายแต่ละส่วนของห้องพักอาศัยนะคะ เริ่มจาก Pantry ครัวที่อยู่ติดกับประตูทางเข้าเป็นเคาน์เตอร์ครัว Built-in พร้อมตู้ลอย วัสดุเป็นโครงไม้และ Top กรุลามิเนต ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้แต่จะสำหรับห้องแบบ 1 Bedroom จะไม่ได้แถมไมโครเวฟ, เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้ามาให้ค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวมีลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนส้อม ด้านล่างมีตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ อีกตู้หนึ่งเป็นตู้บานเปิดปิดใต้อ่างล้างจาน ไว้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจาน ซึ่งบานพับเป็นแบบธรรมดา เวลาปิดก็ระวังให้เบามือนิดนึงค่ะ
มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนมีช่องสำหรับสอดมือไปดึงบานตู้เปิดได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดค่ะ
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 2 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่งเหมาะกับผู้อยู่อาศัยที่ไม่ค่อยได้ใช้เตาทำอาหารก็จะเหลือพื้นที่เตรียมอาหารตรงนี้ แต่ถ้าเจ้าของห้องต้องการจะติดเตาเพิ่มก็สามารถซื้อแบบลอยตัวมาใช้ก็ได้สะดวกกว่าเวลาไม่ใช้ก็เก็บเข้าตู้ไป แต่ถ้าวางเตาแล้วจะไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารเหลือ ทำให้เวลาทำอาหารหนักๆ อย่างที่ต้องใช้เขียงหั่นนู่นนี่ไม่ค่อยสะดวก
ส่วน Backsplash ด้านหลังห้องที่ส่งมอบลูกบ้านจะมีมาให้แต่จะไม่เหมือนอย่างห้องตัวอย่าง โดยห้องจริงที่ได้จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีม 60×60 ซม. ทำให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานยี่ห้อ Mex มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ
ด้านบนมีตู้ลอยสำหรับเก็บของเป็นตู้บานเปิด ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบธรรมดาเช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนะคะ
ต่อไปมาดูส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ห้องตัวอย่างไม่ได้ติดประตูมาให้ดูเป็นตัวอย่าง สำหรับบานประตูเป็นบาน PVC เพื่อให้ทนต่อความชื้น ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วย Shower Box ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องทั้งหมด ที่แตกต่างกันคือกระเบื้องพื้นจะเป็นแบบด้านเพื่อช่วยกันลื่นภายใน้ห้องน้ำ ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้ให้ สำหรับโถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า
อ่างล้างหน้าของ Mogen หรือเทียบเท่า มีขนาดใหญ่พอสมควรและมีพื้นที่วางของด้านข้างก๊อกน้ำได้เล็กน้อย ด้านล่างอ่างล้างมือมีที่แขวนผ้าเช็ดมือผืนเล็กๆ และตู้ช่องโล่งสำหรับวางของใช้ได้นิดน่อยค่ะ
อุปกรณ์ในห้องน้ำอื่นๆ ได้แก่ สายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระ ได้ของ American Standard เช่นเดียวกับยี่ห้อของโถสุขภัณฑ์
สำหรับพื้นที่เปียกจะถูกแยกไว้ด้วย Shower Box เป็นฉากกั้นอาบน้ำแบบ 3 ตอน ยี่ห้อ Shower King
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างประมาณ 0.9 x 0.9 ม. ถูกกั้นด้วยขอบ Shower Box เพื่อไม่ใช้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง
ภายใน Shower Box ติดตั้งฝักบัวไว้เรียบร้อยและภายในยังมีพื้นที่วางของที่ทางโครงการจะเจาะช่องวางสบู่ไว้ให้ค่ะ
ถัดเข้ามาอีกโซนหนึ่งด้านในที่ห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนเลย โดยกั้นพื้นที่ห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอนที่มีความสูงถึงฝ้า ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้น ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวในห้องนอนคงต้องติดม่านเพิ่มด้วย แต่ก็จะทำให้ห้องนั่งเล่นไม่ได้แสงธรรมชาติ จะสังเกตว่าบรรยากาศห้องจะดูโล่งกว่าห้องขนาด 24 ตร.ม.ทั่วๆไปนิดหน่อย ที่เป็นแบบนี้เพราะความสูงของฝ้าเพดาน 2.8 เมตรนั่นเองค่ะ
หันกลับมาที่โซฟาเป็นโซฟาแบบเฉพาะของโครงการขนาด 2 ที่นั่งแบบมีพนักและที่วางแขน ซึ่งตัวนี้ทางโครงการแถมให้ เท่าที่ลองนั่งดูตัวที่นั่งก็ลึกดีนั่งสบายค่ะ
ถ้าต้องการซื้อโซฟาใหม่ให้เป็นแบบที่ชอบก็สามารถทำได้แต่อย่าลืมดูเรื่องพื้นที่วางด้วย โดยพื้นที่วางโซฟามุมนี้กว้างประมาณ 1.7 ม. โต๊ะกลางขนาดจะมีขนาดเล็กหน่อยพอวางขนมแก้วน้ำและ Notebook ได้ ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่แถมให้สำหรับห้อง Type นี้ด้วยเช่นกัน
ระยะดูทีวี 3.3 ม. มีขนาดทีวีที่เหมาะสมคือขนาด 60 นิ้ว หรือถ้าจะใส่เครื่องใหญ่กว่านี้ต้องเช็คระยะดีๆว่าพอไหม
ชั้นวางทีวีที่ให้มาจะมีช่องเก็บของมาให้ เป็นแบบมีหน้าบานปิดทำให้ห้องดูเรียบร้อย
ติดกันกับห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งตัวรางเลื่อนจะฝังลงไปที่พื้น
ประตูบานเลื่อนเป็นแบบ 3 ตอน กรอบเป็นอลูมิเนียมอบสีดำส่วนกระจกเป็นแบบใสทั้งบาน
ด้านในห้องนอนมีขนาดพอเตียงขนาด 5 ฟุต วางไว้ชิดประตูบานเลื่อนทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือฝั่งเดียว เป็นข้อดีของห้องแปลนแบบนี้ที่ติดทีวีเพียงตำแหน่งเดียว ก็สามารถเลือกได้ว่าจะนอนดูทีวีในห้องนอน หรือนั่งดูทีวีในห้องรับแขกได้
การวางเตียงต้องวางเตียงชิดฝั่งประตู เพื่อทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะเล็กๆที่หัวเตียง และทำให้เปิดทางออกสู่พื้นที่ระเบียงด้านข้าง
ผนังด้านในสุดของห้องนอนจะเป็นหน้าต่างแบบ Bay Window แถมให้กระจกสูงเกือบถึงฝ้าเพดานทำให้มีมุมมองวิวภายนอกที่กว้างขึ้น และให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนกับห้องนั่งเล่นได้เพียงพอ โดยหน้าต่างกระจกใสจะเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานกระทุ้ง โดยจะมีบานที่เปิดได้ 1 บานอยู่ทางขวา ส่วนทางซ้ายที่ติดกับเตียงนอนเป็นประตูบานเลื่อนสำหรับออกไประเบียง วงกบประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตูบาน ถ้าต้องการให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นสามารถติดตัวล็อกแบบก้นหอยตรงกลาง ได้อีก 1 ตำแหน่งค่ะ
ธรณีประตูกั้นระหว่างพื้นห้องและพื้นระเบียง มีความสูงประมาณ 5 ซม. ตัวรางของประตูบานเลื่อนจะอยู่บนขอบประตูธรณีอีกชั้นหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจากระเบียงไหลเข้ามาในห้อง เวลาเดินเข้าออกก็ระวังสะดุดหน่อย พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อม และผิวหน้ากระเบื้องจะป้องกันการลื่นได้ค่ะ
พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.8 x 1.8 ม. ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้านะคะ ขอบระเบียงถูกกั้นราวกันตกไว้เรียบร้อย วัสดุเป็นเหล็กทาสีดำไว้ ที่พื้นได้เดินท่อระบายน้ำไว้ให้ในกรณีฝนตก หรือตากผ้าแล้วทำระเบียงเปียกก็สามารถระบายน้ำลงไปทางท่อได้ค่ะ มีตำแหน่งของปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบติดตั้งไว้เรียบร้อย เหนือเครื่องซักผ้าขึ้นไปเป็นที่ตั้งของคอมเพลสเซอร์แอร์ ซึ่งเป็นแบบแขวน และติดแผงเบี่ยงทิศทางลมเป่าออกด้านนอก จึงทำให้ช่วยระบายความร้อนออกจากระเบียงได้ค่ะ
กลับเข้ามาด้านในพื้นที่ปลายเดียงด้านในสุดของห้อง มีพื้นที่เหลือให้สำหรับเปิดตู้เสื้อผ้าและยืนเลือกเสื้อผ้าได้ โดยมีความกว้างประมาณ 1.25 ม.
ตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้ถูก Built-in ไว้จะเป็นตู้บานเปิด 2 บาน ภายในมีราวแขวนผ้า ซึ่งแขวนได้ทั้งแบบเสื้อผ้าตัวสั้นและตัวยาวนะคะ และมีลิ้นชักเก็บของอีก 2 ช่อง รวมถึงตู้ช่องโล่งไว้ใส่ของได้อีก 2 ช่อง ด้านบนมีช่องโล่งสำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางหรือผ้านวมผืนใหญ่ได้อีกด้วย
มือจับของตู้เสื้อผ้าเป็นแบบนี้ ขนาดพอจับได้ถนัดมือดีค่ะ
ติดกันกับตู้เสื้อผ้าจะมีตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะเขียนหนังสือก็ได้ สำหรับโต๊ะตัวนี้ทางโครงการไม่ได้ให้แค่จัดไว้ให้เป็นแนวทางในการตกแต่ง ซึ่งทางลูกบ้านสามารถเลือกซื้อเองได้ ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ
ต่อไปเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 33.13-46.37 ตารางเมตร ต่างกับแบบ 1 Bedroom นิดหน่อยที่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นหรือจะจัดให้เป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่งก็สามารถทำได้แต่ห้องน้ำยังคงเป็น 1 ห้องอยู่นะคะ ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นทำให้ห้องนอนของ Type นี้ มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและฟังก์ชันการใช้งานแต่ละส่วนดูดีขึ้นค่ะ การออกแบบต้องการเน้นแบบบรรยากาศแบบห้องโล่งๆ จึงวางห้องนอนทั้ง 2 ห้องติดผนังฝั่งที่มีหน้าต่าง ห้องน้ำและส่วน Pantry ครัวอยู่ฝั่งด้านในอาคารเหมือนกับแบบห้องแบบแรก ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารอยู่เหมือนเดิม
สรุปเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ : แอร์ 2 เครื่อง, โซฟา, ชุดโต๊ะทานอาหาร, ชั้นวางทีวี Built-in, เตียงขนาด 5 ฟุต, เตียงขนาด 3.5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว, ซิงค์ล้างจาน, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ
มาดูภายในห้องกันค่ะ จากประตูห้องเปิดเข้ามาจะพบส่วนของ Living นะคะ มีโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่ง ถัดเข้าไปเป็นชุดโซฟา สำหรับนั่งเล่น ดูทีวี และด้านในสุดเป็นห้องอเนกประสงค์ที่เราสามารถจัดเป็นห้องนอนได้ ส่วนทางซ้ายติดกับประตูห้องเป็นทางเดินไปส่วนพื้นที่ครัว ห้องน้ำ และห้องนอนค่ะ
มาดูรายละเอียดแต่ละส่วนกันนะคะ เริ่มจากโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่งที่วางอยู่ติดกับประตูกันก่อน ซึ่งการวางโต๊ะจะวางชิดผนังฝั่งหนึ่งไว้เพื่อให้ไม่เปลืองพื้นที่ ส่วนพื้นที่ด้านข้างโต๊ะทานข้าว เหลือพื้นที่พอให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งทานข้าวได้ค่ะ
ถัดไปคือพื้นที่นั่งเล่นอยู่ระหว่างโต๊ะทานข้าวและห้องอเนกประสงค์ ซึ่งห้องอเนกประสงค์ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้มีแสงธรรมชาติที่ผ่านห้องอเนกประสงค์เข้ามาถึงในพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่นั่งทานข้าวได้
โซฟาที่ให้เป็นแบบ 2 ที่นั่งเช่นเดียวกับห้องแบบแรก แต่สำหรับห้องนี้จะไม่ได้แถมโต๊ะกลางให้ พื้นที่ที่เหลือระหว่างโซฟากับผนังติดทีวี ถ้าจะวางโต๊ะกลางจะต้องเป็นโต๊ะที่มีขนาดเล็กเพื่อให้เหลือพื้นที่ทางเดินไปห้องอเนกประสงค์ด้านใน แนะนำเป็นโต๊ะอเนกประสงค์แบบมีล้อ ซึ่งมีพื้นที่สำหรับวางแก้วน้ำขนมและสามารถปรับเป็นโต๊ะเขียนหนังสือได้ ตัวล้อสามารถสอดเข้าไปใต้เก้าอี้ได้จึงไม่เปลืองพื้นที่ค่ะ
ระยะดูทีวีจะแคบกว่าห้องแบบแรกอยู่หน่อย ประมาณ 2.5 ม. มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 55 นิ้ว ผนังสำหรับแขวนทีวีในห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกค้า จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวและ Built-in ตู้เก็บของไว้เรียบร้อยแบบนี้ โดยทีวีที่ห้องตัวอย่างจัดไว้จะเป็นแบบติดผนัง ซึ่งก็เหมาะสม เพราะทำให้มีพื้นที่บนตู้วางของเพิ่มขึ้น
ตู้วางของเป็นตู้ช่องโล่งผสมกับตู้แบบมีหน้าบานปิด บานพับเป็นแบบธรรมดาเหมือนในห้องแบบแรก เวลาปิดจึงต้องระวังนิดนึงค่ะ 🙂
ต่อไปคือห้องอเนกประสงค์ที่ติดกับห้องนั่งเล่น ถ้าใครจัดห้องอเนกประสงค์ให้เป็นห้องนอนแล้วอยากได้ความเป็นส่วนตัวคงต้องติดม่านเพิ่มด้วย แต่ก็ต้องแลกกับแสงธรรมชาติจากภายนอกที่จะเข้ามายังห้องนั่งเล่นและกินข้าวไม่ได้
สำหรับห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องนอนเล็กไว้ให้ดู ทางโครงการแถมเตียงเดี่ยว 3.5 ฟุตมาให้ววางชิดกับหน้าต่าง ถ้าใครต้องการเปลี่ยนเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต ก็สามารถวางได้ แต่จะทำให้ไม่เหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือ
ห้องตัวอย่างวางเตียงเดี่ยวชิดหน้าต่างไว้ ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งจะเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียง, วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือได้ สำหรับตู้เสื้อผ้าก็เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการให้มากับห้องเช่นกัน
ข้างหัวเตียงมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือได้ ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบไม่มีโต๊ะหัวเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือให้นะคะ แต่ก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการแต่งห้องได้ค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงไม่สามารถติดตั้งชั้นวางทีวีได้ ต้องใช้ทีวีแบบแขวนเท่านั้นค่ะ
มาดูผนังฝั่งที่เป็นหน้าต่างของห้องนะคะ ได้เป็นบานกระจกใหญ่เต็มเกือบเต็มผนังห้อง ทำให้ห้องนี้ได้รับแสงธรรมชาติอย่างพอเพียง โดยหน้าต่างจะเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานเลื่อนค่ะ
มาดูพื้นที่อยู่อาศัยอีกฝั่งหนึ่งของห้อง โดยมองผ่านส่วน Living กลับไปยังมุมประตูด้านหน้าห้อง จะมีทางแยกด้านซ้ายของประตูห้องเป็นโถงทางเดินที่เชื่อมห้องต่างๆ คือ ซ้ายมือส่วนแรกเป็น Pantry ครัว ส่วนด้านในที่มองตรงเข้าไปเป็นห้องน้ำ และห้องนอนจะอยู่ทางขวาติดกับห้องน้ำอีกที ซึ่งห้องนอนและห้องอเนกประสงค์จะต้องใช้ห้องน้ำกับส่วนกลางนะคะ ทุกห้องด้านในมีประตูปิดแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนนะคะ
มาดูห้องครัวก่อนค่ะ พื้นระหว่างโถงกับ Pantry ครัวจะใช้พื้นที่เดียวกันนะคะ การจัดวางผังของเคาน์เตอร์ครัว เหมือนกับแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ ต่างกันที่ห้องนี้เครื่องซักผ้าจะย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับ Pantry อุปกรณ์ที่ให้และวัสดุเคาน์เตอร์เหมือนแบบแรกเลย ตู้ลอยด้านบนมีขนาดและจำนวนเหมือนกัน ต่างกันที่ห้องนี้จะได้เคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นและติดตั้งเตาไฟฟ้าและระบบดูดอากาศให้เป็นแบบหมุนเวียน ซึ่งการทำอาหารที่มีกลิ่นแรงมากๆก็ยังไม่เหมาะเท่าไหร่นะคะ
ส่วนตู้เย็นจะถูกย้ายมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Pantry แต่ก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวก ห้องติดกันกับ Pantry ครัวคือห้องน้ำ และด้านในสุดฝั่งขวาคือ ห้องนอน เราไปดูกันทีละห้องนะคะ เริ่มจากห้องน้ำกันก่อน
ห้องตัวอย่างไม่ได้ติดตั้งประตูห้องน้ำมาให้ดูนะคะ สำหรับประตูห้องน้ำใช้วัสดุเป็นบาน PVC เพื่อทนกับความชื้น เช่นเดียวกับห้องแบบแรก
ภายในแบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วน พื้นที่ใช้สอยมีขนาดไม่เล็กจนเกินไป กระจกที่โครงการติดมาให้มีความกว้างเท่ากับอ่างล้างหน้าแต่ได้ความสูงถึงฝ้าเพดาน ถ้าใครต้องการให้ห้องน้ำดูใหญ่ขึ้น ไม่อึดอัด ก็สามารถเปลี่ยนเป็นกระจกขนาดใหญ่เต็มด้านกว้างผนังได้
ส่วนสุขภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆให้เหมือนแบบ 1 Bedroom เลย จะต่างกันที่อ่างล้างหน้าที่เป็นคนละรุ่นกัน
อ่างล้างหน้าของ Mogen หรือเทียบเท่า มีขนาดไม่ใหญ่กว่าห้องแบบแรกและมีพื้นที่วางของด้านข้างเพิ่มขึ้นมาค่ะ
โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า เป็น Set มากับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระยี่ห้อเดียวกันค่ะ ด้านข้างมีการเว้นพื้นที่พอสมควรเพื่อให้สะดวกในการหยิบทิชชู่
พื้นห้องน้ำถูกลดระดับลงมาจากห้องนอน เพื่อกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆค่ะ ส่วนภายในห้องน้ำทั้งส่วนเปียกและส่วนแห้งมีระดับเท่ากัน แต่จะแบ่งพื้นที่กันด้วยขอบของ Shower Box
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างประมาณ 1.1 x 0.8 ม. มี Shower Box ปิดให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันน้ำกระเด็นออกมา
ภายใน Shower Box จะเหมือนห้องน้ำแบบห้องแรกเลย ติดตั้งฝักบัวอาบน้ำเป็นสเปกเดียวกัน และเจาะช่องสำหรับวางสบู่ไว้เรียบร้อยค่ะ
ตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ภายในห้องฝั่งที่ติดกับโถงทางอาคาร ทางโครงการจึงติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้ให้ เนื่องจากห้องน้ำแบบนี้ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศค่ะ ไฟในห้องห้องน้ำที่ได้จะเป็นดาวไลท์แบบที่เห็นนะคะ
ภายในห้องนอนมีพื้นที่ใหญ่กว่าห้องนอนของแบบ 1 Bedroom อยู่พอสมควรและได้ระเบียงใหญ่ขึ้น มีความยาวตลอดแนวของห้องนอน พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดพอสำหรับวาง Furniture ต่างๆได้แก่ เตียงขนาด 5 ฟุตวางไว้ชิดหน้าต่าง ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือฝั่งเดียว ซึ่งทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ที่ผนังฝั่งที่เหลือค่ะ
เมื่อวางเตียงชิดฝั่งระเบียงไปแล้ว ทำให้พื้นที่รอบเตียงมีระยะเหลือประมาณเมตรกว่า สามารถตั้งโต๊ะหัวเตียงได้และมีระยะเหลือให้เดินขึ้นเตียงได้สบาย
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับระเบียงเว้นไว้นิดหน่อยเป็นพื้นที่สำหรับแนวม่าน
ระเบียงของห้องจะอยู่ในห้องนอนเหมือนห้องแบบแรก ประตูเป็นบานเลื่อนกระจกสีเขียวตัดแสงเพื่อช่วยลดความร้อนจากแสงธรรมชาติ วงกบประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ
ธรณีประตูกั้นระหว่างพื้นห้องและพื้นระเบียง มีความสูงประมาณ 5 ซม. ตัวรางของประตูบานเลื่อนจะอยู่บนขอบประตูธรณีอีกชั้นหนึ่ง เวลาเดินเข้าออกก็ระวังสะดุด พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม.
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.95 x 3 ม. ซึ่งค่อนข้างกว้าง นอกจากจะเป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าแล้วยังเป็นพื้นที่ออกมารับลม เปลี่ยนบรรยากาศได้ด้วย ขอบระเบียงถูกกั้นราวกันตกไว้เรียบร้อย วัสดุเป็นเหล็กทาสีดำไว้ค่ะ
จากระเบียงของห้องนอนมองกลับเข้ามาในห้อง จะเห็นว่าถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านส่วนครัวไปนะคะ บานประตูเป็นบานประตู MDF ขนาด 0.80×2.35 ม. มือจับเป็นลูกบิดแบบก้านโยก ผนังห้องไม่ได้ติดวอลเปเปอร์หรือตกแต่งให้ จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ
พื้นที่ปลายเตียง ทางโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เป็นตู้บานเปิด 2 บาน ภายในยังมีราวแขวนผ้า และลิ้นชักเก็บของเหมือนตู้ในห้องแบบแรก ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งไม่ได้แถมมากับห้อง ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกแบบที่ชอบหรือเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานหรือติดเป็นทีวีแขวนผนังแทนก็ได้ค่ะ
พื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งมีขนาดกว้างพอสมควรเลยทีเดียว สามารถวางของได้เยอะถูกใจคุณผู้หญิง หรือถ้าเปลี่ยนเป็นทำงานก็มีพื้นที่ให้ใช้งานได้สะดวกดีค่ะ
สำหรับห้องแบบที่ 3 จะเป็นแบบ 1 Bedroom Exclusive การจัดฟังก์ชันภายในค่อนข้างลงตัวทีเดียว ซึ่งการจัดผังจะคล้ายๆกับแบบที่ 2 แต่ห้อง Type นี้จะไม่ได้มีห้องอเนกประสงค์ และจะได้เป็นครัวปิดในตำแหน่งที่ติดกับระเบียงห้องทำให้เวลาทำอาหารก็สามารถเปิดระบายอากาศเหมาะกับผู้อยู่อาศัยที่ต้องการครัวที่เป็นสัดส่วน ห้องนี้เป็นห้องหัวมุมทำให้ได้ช่องแสงเยอะกว่าห้องทั่วไป การออกแบบเน้นให้เกิดบรรยากาศแบบห้องโล่งๆ จึงวางทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัว ไว้ติดหน้าต่างทั้งหมด ส่วนห้องน้ำอยู่ฝั่งด้านในอาคารเหมือนกับแบบห้องอื่นๆ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารค่ะ
สรุปเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ : แอร์ 2 เครื่อง, โซฟา, ชุดโต๊ะทานอาหาร, ชั้นวางทีวี Built-in, เตียงขนาด 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว, ซิงค์ล้างจาน, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องนั่งเล่นและส่วนทานอาหาร ซึ่งห้องนี้เป็นพื้นที่ตรงกลางที่เชื่อมห้องอื่นๆเข้าด้วยกัน ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ ถัดมาเป็นห้องนอน และด้านขวาสุดเป็นห้องครัวที่ถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 2 ตอน
มาดูรายละเอียดในห้องนั่งเล่นกันก่อน ในห้องนี้จะมีชุดโซฟานั่งเล่นที่อยู่ข้างโต๊ะทานข้าว โดยโต๊ะทานข้าวจะวางติดกับหน้าต่างทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาภายในพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่นั่งทานข้าวได้ เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ก็จะเหมือนกับแบบห้อง 1 Bedroom Plus คือให้โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และชุดโต๊ะทานข้าว แต่จะไม่ได้โต๊ะกลาง ติดกับพื้นที่ทานข้าวจะเป็นห้องครัวแบบปิด ที่กั้นห้องไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน
ภายในห้องครัว จัดวางผังของเคาน์เตอร์ครัว เหมือนกับแบบ 1 Bedroom Plus ต่างกันที่ห้องนี้ตู้เย็นจะย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว ซึ่งประตูตู้เย็นส่วนใหญ่จะเปิดออกฝั่งขวา ทำให้การหยิบของจากตู้เย็นมาวางบนเคาน์เตอร์ครัวจะไม่ค่อยสะดวก เพราะถูกบังด้วยประตูตู้เย็นนะคะ วัสดุอุปกรณ์ในห้องครัวที่ให้เหมือนแบบ1 Bedroom Plus เช่นกัน แต่ห้องนี้มีข้อดีที่เป็นครัวปิดจึงป้องกันไม่ให้ควันไปรบกวนส่วนอยู่อาศัยอื่นๆได้
ด้านในของห้องครัวเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียง โดยห้องแบบนี้จะได้ระเบียงขนาดไม่กว้างนัก มีพื้นที่แค่พอสำหรับวางราวตากผ้าเล็กๆเท่านั้นค่ะ
มาดูพื้นที่อยู่อาศัยอีกฝั่งหนึ่งของห้องกันบ้าง ติดกับชั้นวางทีวีจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ และถัดไปเป็นประตูห้องนอน
พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้เรียบร้อย แม้มีขนาดไม่กว้างนักแต่ก็มีวัสดุอุปกรณ์ครบเหมือนห้อง Type อื่นๆ โดยส่วนอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมือนแบบ 1 Bedroom Plus ค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้างประมาณ 1.2 x 1.4 เมตร
มาดูห้องนอนกันบ้างนะคะ ภายในห้องนอนมีพื้นที่ใช้สอยใหญ่กว่าห้องนอนของแบบ 1 Bedroom Plus แลกกับระเบียงในห้องนอนที่ห้อง Type นี้ไม่ได้มีให้ ภายในมีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้เหมือนๆกัน ได้แก่ เตียงขนาด 5 ฟุตพร้อมพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้ 2 ฝั่ง ตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการ Built-in ไว้ให้ และมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานได้
หน้าต่างของห้องให้มาเป็นบานใหญ่พอสมควร ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้เพียงพอ โดยเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานเลื่อนค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้า และมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งโต๊ะทำงานนี้ไม่ได้เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมากับห้อง ถ้าจะหาซื้อมาเพิ่มเองก็อาจจะทำเป็น Built-in โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมโต๊ะทำงานได้เลย เพราะพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกว้างค่ะ
หน้าตาของปลั๊กไฟที่ให้ ได้ของ Siemens ค่ะ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ Blutooth Sound System ติดตั้งให้สำหรับผู้ที่จองพร้อมผ่อนดาวน์งวดแรกในงาน VIP Day 5-6 พ.ย. นี้ที่จะให้เปิดจองเป็นวันแรกเลยค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25 October 2016
- Type 1 Bedroom ขนาด 23.96 ตร.ม. ราคา 1.49 ล้านบาท หรือ 62,187 บาท/ตร.ม.
- Type 1 Bedroom ขนาด 25.48 ตร.ม. ราคา 2.04 ล้านบาท หรือ 80,063 บาท/ตร.ม.
- Type 1 Bedroom Exclusive ขนาด 29.79 ตร.ม. ราคา 1.89 ล้านบาท หรือ 63,444 บาท/ตร.ม.
- Type 1 Bedroom Exclusive ขนาด 34.78 ตร.ม. ราคา 2.69 ล้านบาท หรือ 77,343 บาท/ตร.ม.
- Type 1 Bedroom Plus ขนาด 33.13 ตร.ม. ราคา 2.19 ล้านบาท หรือ 66,103 บาท/ตร.ม.
- Type 1 Bedroom Plus ขนาด 46.37 ตร.ม. ราคา 3.59 ล้านบาท หรือ 77,421 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood (เฉพาะห้อง Type 1 Bedroom Plus และ 1 Bedroom Exclusive)
- จอง 10,000 บาท
- ดาวน์ 10 % ผ่อนดาวน์ 15 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน เรียกเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ 2 % ของราคาประเมิน (ชำระคนละครึ่ง)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้คะ
Brown Condo รัชดา 32 เป็นโครงการอยู่ในทำเลที่ไม่ติดถนนใหญ่ แต่ก็เดินทางได้สะดวกเพราะเป็นซอยที่คนใช้ทะลุไปหลายเส้นทางและเป็นแหล่งชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีร้านที่รองรับการอยู่อาศัยของคนแถวนั้นครบเครื่อง ทำเลแถวนี้ค่อนข้างคึกคักมากและมีสไตล์เฉพาะตัวเหมือนกันเพราะจะมีร้านอาหารร้านนั่งชิวเยอะรองรับคนหลายประเภททั้งแนวครอบครัว แนววัยรุ่นนั่งชิวตามร้านกาแฟเก๋ หรือร้านไว้ Hangout ยามดึกกับเพื่อนฝูง
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ทำได้สะดวกมากสามารถเดินทางไปยังถนนหลักสายต่างๆได้สะดวกเพราะมีทางลัดให้เชื่อมเยอะมากไล่ตั้งแต่เส้นรัชดา ลาดพร้าว เกษตรนวมินทร์ หรือจะทะลุตามซอยย่อยผ่านลาดพร้าววังหินไปโชคชัย 4 แล้วออกเลียบด่วนรามอินทราก็ได้ แต่เรื่องปริมาณรถอาจต้องทำใจในช่วงเวลาเร่งด่วนนะด้วยความที่ทะลุได้หลายเส้นทางทำให้มีปริมาณรถวิ่งผ่านค่อนข้างเยอะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถอาจต้องเดินสักนิด คือเดินจากโครงการออกมาหน้าปากซอยก็จะมีพี่วินให้เรียกได้ หรือจะเป็นรถกระป๋องและแท็กซี่ก็หาได้ไม่ยากเพราะเป็นซอยที่มีรถเข้าออกตลอดเวลา ทำให้มีบรรยากาศไม่เปลี่ยวมากนักด้วยค่ะ สำหรับตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้า ในปัจจุบันก็มีระบบรางที่ใกล้ที่สุดอย่าง MRT ลาดพร้าว มีระยะห่างจากโครงการไปประมาณ 2.6 ม. ต้องอาศัยต่อพี่วินไปค่ะ
ส่วนเรื่องของความอุดมสมบูรณ์รายรอบโครงการจะไม่ได้อยู่ในระยะใกล้แบบเดินไปนะ แต่เป็นระยะขับรถหรือขี่มอเตอร์ไซค์ซึ่งในย่าน ลาดพร้าววังหิน โชคชัย 4 เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วเป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยๆเยอะมากกกก แถมมีหลากหลายสไตล์ให้เลือกด้วย ระดับราคาก็สบายๆกระเป๋านะไม่หนักมาก ร้านดังๆก็มีเพียบหาได้ตามพวกรีวิวจัดดับร้านน่านั่งลาดพร้าว-วังหิน เลยไปบนเส้นเสนานิคมหรือโชคชัยก็พอมีอยู่นะแต่ไม่เท่าเส้นนี้ จะเป็นพวกร้านตึกแถวเยอะซึ่งก็อร่อยเหลายร้านเหมือนกัน หรือจะเป็นพวก Community Mall ก็มี The Jas, Plaza Lagoon และ Tesco Lotus เรียกว่าอยู่แถวนี้ไม่มีอดแน่นอนคะ
วัสดุจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว Furniture Built-in ทั้งห้องได้แก่ เคาน์เตอร์ครัวพร้อมอ่าล้างจานของ Mex, ฉากกั้นส่วนอาบน้ำเป็นกระจก Tempered Glass, โซฟา 2 ที่นั่งแบบมีที่วางแขน, ชั้นวางทีวี, เตียงขนาด 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้าบานเปิดขนาดเหมาะสมใช้งานได้จริง นอกจากนี้ยังได้เตียงขนาด 3.5 ฟุต (เฉพาะห้อง Type C) ชุดโต๊ะทานอาหาร เตาและเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียน (เฉพาะห้อง Type B,C) โต๊ะกลาง (เฉพาะห้อง Type A) แต่น่าเสียดาย Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นลามิเนตซึ่งจะทนน้ำน้อยกว่า Top แกรนิตนะคะ
การออกแบบโครงการ สร้างเต็มที่ดินโครงการ 1-3-44 ไร่ โครงการมีรูปแบบที่เรียบง่ายและดูทันสมัยคือสวยแบบ Modern ตัวอาคารออกแบบเป็นตัว C ล้อม อาคาร Clubhouse ที่อยู่ตรงกลางไว้ ในส่วนของทางเข้าโครงการจะเข้าทางใต้อาคาร ซึ่งวาง Clubhouse ไว้ตรงกับทางเข้าอาคารคอยบังอาคารพักอาศัยด้านในไว้จึงเป็นการออกแบบที่เน้นความเป็นส่วนของห้องพักอาศัย ชั้น 1 ของโครงการจะเป็นลานจอดรถ ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไป ส่วน Facilities ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อาคาร Clubhouse ซึ่งมีทางขึ้นแยกกับอาคารพักอาศัยทำให้ไม่สามารถเข้า Clubhouse จากอาคารพักอาศัยได้เลย
การออกแบบพื้นที่พักอาศัยเน้นความสูงโปร่งด้วยความสูงฝ้าเพดานที่ 2.8 ม. ในห้องแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนและมีขนาดที่สามารถใช้งานได้จริง การออกแบบเน้นพื้นที่ห้องนอนให้อยู่ด้านในสุดจึงได้หน้าต่างขนาดใหญ่ ทำให้ห้องนอนดูโปร่งโล่ง แต่นั่นก็ทำให้ห้องนั่งเล่นและเคาน์เตอร์ครัวไม่มีหน้าต่างต้องพึ่งแสงธรรมชาติจากหน้าต่างในห้องนอนที่ผ่านเข้ามา ห้องเล็กจะมีปัญหาหน่อยเรื่องพื้นที่ทานอาหารแนะนำว่าให้หาโต๊ะที่ปรับระดับความสูงมาใช้จะช่วยให้นั่งทานอาหารบนโซฟาได้สะดวกขึ้น
พื้นส่วนกลางที่โครงการจัดมาให้ค่อนข้างหลากหลาย คือ สระว่ายน้ำ Fitness ห้องสมุด Playroom สวนลอยฟ้า เทียบกับจำนวนห้องแล้วถือว่าความหนาแน่นกลางๆค่ะ ฟังก์ชั่นต่างๆของส่วนกลางอาจจะมีเล็กบ้างใหญ่บ้างคละกันไป แต่มีฟังก์ชั่นที่หลากหลายก็ช่วยเรื่องการอยู่อาศัยได้เรียกว่ามีอะไรให้เล่นเยอะดี เช่น Rooftop บนชั้นดาดฟ้าก็ที่ช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ในห้องเล็กหน่อยได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่อัตราส่วนของที่จอดรถยังให้มาน้อยคือรวมจอดซ้อนคันมีอัตราส่วน 40 % สำหรับอัตราส่วนลิฟท์จะเกินค่ามาตรฐานไปนิดหน่อยโดยมีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยรวมทั้งโครงการ 121 : 1
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 70,000 บาท/ตร.ม., 25 October 2016
- ทำเล 7.75/10 – เป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง เดินทางสะดวกด้วยเส้นทางลัด แต่ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวก เข้าออกได้หลายเส้นทาง แต่รถในซอยจะหนาแน่นช่วงแวลาเร่งด่วน
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีพี่วินอยู่ห่างไป 20 ม. มีรถกระป๋องและTaxi ให้เรียกตลอด ซอยไม่เปลี่ยวเดินได้ แต่ไปรถไฟฟ้าต้องต่อรถ 1 ต่อ
- วัสดุ 8.25/10 – อยู่ในเกณฑ์ดี ให้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ใช้งานได้จริง และให้มาเยอะดี
- แบบ 7.75/10 – ให้ระยะพื้นถึงฝ้ามาค่อนข้างสูง ห้องสูงโปร่ง จัดห้องเป็นสัดส่วนดีมีแบบให้เลือกหลากหลาย แต่ใน Type A และ B ห้องนั่งเล่นไม่มีหน้าต่าง ต้องพึ่งแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านห้องนอนเข้ามา
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาครบและหลากหลาย และน่าใช้งาน
- ECONOMY – MAIN CLASS
- 7.85 / 10.00
BOTTOM LINE
Brown Condo รัชดา 32 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านรัชดา – ลาดพร้าวไม่เน้นโครงการใหญ่หรือต้องติดถนนใหญ่ ชอบโครงการเล็กๆที่มีความ Private และใช้รถส่วนตัวสะดวกเพราะมีเส้นทางลัดให้ใช้เยอะ ชอบทำเลที่หาของกินง่ายมีร้านอาหารให้เลือกหลากหลายสไตล์และมีทุกระดับราคา เริ่มสร้างครอบครัวอยู่อาศัยแค่ 1 – 2 คน มีงบประมาณระดับ 1.49 – 3.59 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 10,000 – 25,000 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )