ทำความสะอาดบ้านอย่างไร ไม่ให้แพ้ฝุ่น

ทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยนะคะ อย่างช่วงที่ผ่านมากับสถานการณ์ PM2.5 ตามมาด้วย Covid-19 เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เราใส่ใจกับชีวิตและสุขภาพกันเพิ่มมากขึ้น อย่างผู้เขียนเองคิดว่าเราควรดูแลทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตใจไปพร้อมๆกัน และควรเริ่มจากสถานที่ที่เราอยู่อาศัยกันมากขึ้น อย่างในบ้าน หรือว่า ในคอนโด ถ้าภายในบ้านเราสกปรก ก็ชวนให้เราหดหู่ไปได้ด้วยใช่ไหมค่ะ แต่ถ้าบ้านสะอาด น่าอยู่ ก็จะช่วยให้เราสบายอกสบายใจกันมากขึ้น เยียวยาจิตใจเราได้มาก นำพาสุขภาพที่ดีมาให้ด้วย

แต่การทำบ้านให้น่าอยู่นั้น มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่าสำคัญคือการทำบ้านให้สะอาดใส ไร้ฝุ่น เรื่องนี้แม่บ้านหลายๆคนก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การทำความสะอาดบ้านแต่ละครั้งมันเหนื่อย! มันใช้เวลา! และมันก็ร้อนมากด้วย ยิ่งในสภาพอากาศเดือนพฤษภาคมแบบนี้ (ใน Apps ยังบอกอุณหภูมิ 36°C ที่ Feels Like 46°C) หลังจากทำความสะอาดเสร็จ อ้าว! วันต่อมา ฝุ่นเยอะอีกแล้ว! เส้นผมเต็มพื้นชวนให้สงสัยว่าเอ๊ะ เราเป็นมะเร็งรึเปล่าน้า? แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะคนเราผมร่วงวันละ 50-100 เส้นเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เราอยู่บ้านกันมากขึ้น แน่นอนว่าฝุ่นก็มากขึ้นตามค่ะ จากเดิมที่เคยทำความสะอาดสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้แล้ว ต้องอาทิตย์ละสองครั้งแทน หรือใครที่ชอบความสะอาดมากหน่อย อาจจะต้องกวาดบ้านทุกวันเลยก็มีนะคะ

ถ้าไม่ทำความสะอาด ปล่อยให้ห้องมีฝุ่นจับ มีผลเสียไหม?

ผลเสียของการที่ห้องหรือบ้านมีฝุ่นอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด หรือฉับพลัน แต่การที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นนั้น ผลเสียขั้นต้นอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ไอ จาม เจ็บคอ หรือแสบจมูกได้ แต่ถ้าสะสมไปนานๆก็ส่งผลไปยังระบบทางเดินหายใจอย่าง ไซนัส, หอบหืด, ภูมิแพ้ หรือว่าปอดอักเสบได้เลยนะคะ

*โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีเด็กเล็ก สภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นเยอะ ทำให้เด็กเสี่ยงที่จะเป็นโรคหอบหืดได้มากกว่าผู้ใหญ่ด้วย หรือถ้าใครที่มีเป็นโรคไซนัส หรือภูมิแพ้อยู่แล้ว แค่นั่งอยู่เฉยๆภายในห้อง อาจจะหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ คิดดูว่าหายใจไม่สะดวกก็สามารถส่งผลให้นอนไม่สบาย ร่างกายอ่อนเพลีย จิตใจไม่สดใส สภาพร่างกายทรุดโทรม ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานด้วย เรียกได้ว่าส่งผลกันตามๆมาราวกับโดมิโนเลยทีเดียว

ดังนั้นในบทความนี้เราลองมาทำความรู้จักกับฝุ่นและไรฝุ่น วิธีทำความสะอาดและป้องกัน รวมไปถึงเราจะแนะนำ Tips ในการจัดบ้าน เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบไหน ให้ดีกับลมหายใจ และง่ายในการทำความสะอาดของเรากันดีกว่าค่ะ

ฝุ่นจ๋า… มาจากไหนกัน?

คุณผู้อ่านทราบไหมคะว่า จริงๆแล้วฝุ่นมีอยู่ทุกที่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะภายในอาคาร นอกอาคาร ห้องแอร์ ห้องพัดลม และมีอยู่ทุกที่บนโลกค่ะ (ฝุ่นอวกาศยังมีเลยนะ) โดยฝุ่นก็เกิดได้จากทั้งธรรมชาติและจากน้ำมือของมนุษย์ค่ะ

ฝุ่นที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น เศษดิน หิน ทราย เขม่าไฟ ไอเกลือ เป็นต้น

ฝุ่นที่เกิดจากมนุษย์ เช่น การเดินทาง การก่อสร้าง โรงงาน หรือจากร่างกายผิวหนัง เส้นผม เป็นต้น

Copyright © Rajavithi Hospital 2016

ซึ่งฝุ่นที่เกิดขึ้นนั้นจะถูกแบ่งให้ย่อยลงอีกตามขนาดของฝุ่นด้วยค่ะ โดยทั่วไปแล้วร่างกายเราจะสามารถกรองฝุ่นได้ในระดับหนึ่งผ่าน ขนในรูจมูก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีฝุ่นที่ขนาดเล็กเกินกว่าที่จะกรองผ่านจมูกได้ ซึ่งองค์การอนามัยโลกหรือ WHO เรียกฝุ่นขนาดเล็กด้วยคำว่า Particulate matter (PM) หรือที่เราคุ้นเคยกันว่าฝุ่น PM นั่นเองค่ะ ในปัจจุบันฝุ่น PM มีมากขึ้น โดยเฉพาะ PM 2.5 ซึ่งสามารถเข้าไปภายในปอดหรือเส้นเลือดเราได้ง่ายขึ้น แม้จะรับเข้าร่างกายไม่มาก แต่ส่งผลต่อสุขภาพเราในระยะยาวด้วยนะคะ ดังนั้นเวลาเราไปข้างนอก จึงต้องสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่น ระดับ PM 2.5 เอาไว้นะ (ซึ่งเป็นคนละแบบกับหน้ากากอนามัยสำหรับป้องกันโรค Covid-19 ชีวิตมันยากจริงๆ!)

โดยฝุ่นส่วนใหญ่ที่เราทำความรู้จักกันมา มักจะเกิดขึ้นที่นอกบ้านใช่ไหมคะ? แต่ผู้อ่านรู้ไหมคะว่า จริงๆแล้ว ฝุ่นสามารถติดเสื้อผ้า ร่างกาย หรือว่าเส้นผมเราเข้ามาภายในบ้านได้ด้วย!

นอกจากฝุ่นแล้ว อย่าลืมไรฝุ่นด้วย! 

Credit : Gilles San Martin from Namur, Belgium

อีกหนึ่งสาเหตุภายในบ้านที่ทำให้เราเป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจคือไรฝุ่นนั่นเองค่ะ

” ฝุ่น เป็น สิ่งไม่มีชีวิต แต่ว่า ไรฝุ่น เป็น สิ่งมีชีวิต! “

ไรฝุ่นนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อาศัยอยู่ภายในบ้านเราโดยเฉพาะพื้นผิวที่เป็นเส้นใย ถ้าลองนึกภาพตามก็จะเป็นพวก พรม ผ้าม่าน ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม! แปลว่าในแต่ละวันเราอาจจะสูดไรฝุ่นเข้าไปในร่างกายเราได้โดยไม่รู้ตัวเลยนะคะ ซึ่งไรฝุ่นนี้มักจะอยู่ตามหมอน ผ้าห่ม โซฟา เป็นส่วนใหญ่เพราะอาหารของไรฝุ่นคือเศษผิวหนังและรังแคของคนและสัตว์นั่นเอง

ป้องกัน และ กำจัดฝุ่น!

เราพอรู้จักฝุ่นและไรฝุ่น อันเป็นสาเหตุที่ทำให้บ้านเราสกปรกและเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้กันแล้ว คราวนี้เรามาลองดูกันบ้างว่า เราจะสามารถจัดการกับฝุ่นได้อย่างไรบ้าง?

เนื่องจากฝุ่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้ว อย่าคิดว่าปิดหน้าต่าง ปิดประตูไว้เฉยๆ จะไม่มีฝุ่นนะคะ! ไม่ใช่เลย ปิดห้องมิดชิดขนาดไหนก็ยังมีฝุ่นอยู่ค่ะ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการทำความสะอาดและต้องทำเป็นประจำด้วยค่ะ แต่อย่างที่เราทราบกันดีกว่า ยิ่งบ้านใหญ่ ยิ่งทำความสะอาดเยอะ ยิ่งข้าวของมาก ยิ่งทำความสะอาดนาน ดังนั้นการออกแบบ Layout ห้อง การเลือกดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ หรือว่าวัสดุต่างๆ ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยป้องกันเรื่องฝุ่นได้ด้วยค่ะ วันนี้เรามี Tips และไอเดียที่น่าสนใจเกี่ยวกับการออกแบบ เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ และการทำความสะอาดมาแนะนำกัน แต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

Tips 1 : ยิ่งเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ยิ่งทำความสะอาดน้อยลง

Picture: Chris L Jones

เป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่ทำยากมากเลยค่ะ ทั้งตัวผู้เขียนเองด้วย เรื่องนี้อาจจะต้องตกลงให้เข้าใจกันทั้งครอบครัวเลย และเผลอๆอาจจะต้องวางแผนกันตั้งแต่ออกแบบเลยนะคะ ให้คิดเอาไว้ว่า มีเท่าที่ใช้หรือเท่าที่จำเป็นเนอะ เช่น โซฟา 2 ที่นั่ง แต่เราดันเห็น Reference หมอนอิง 4 ใบวางเก๋ไก๋ แต่จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องใช้ ก็อย่าไปซื้อตามนะคะ จำนวนเฟอร์นิเจอร์ที่เยอะ ทำให้เราเกิดซอกหลืบ ที่ซ่อนฝุ่นภายในห้องมากขึ้นนั่นเองค่ะ

นอกจากจะซื้อให้ถูก และก็ต้องทิ้งให้ได้ด้วยค่ะ ข้าวของที่เพิ่มขึ้นของหลายๆคนคือตัดใจทิ้งไม่ได้ สภาพยังดีอยู่เลย พอคิดแบบนี้ตู้เลยงอกมาทีละใบสองใบ กลายเป็นซอกให้ฝุ่นอยู่อีกบางคนก็วางกล่องหรือข้าวของบนโต๊ะที่กองไว้ที่พื้นเลย เพราะตู้ที่มียัดไม่พอแล้ว! แบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ หาของก็ยาก ฝุ่นก็เยอะด้วย อย่างตัวผู้เขียนเองจะคิดว่าของชิ้นไหนถ้าไม่ใช้เกิน 1 ปี เราก็คงไม่ได้หยิบมาใช้อีกแล้ว พอคิดแบบนี้ก็จะตัดใจทิ้งได้ง่ายขึ้นค่ะ

Tips 2 : เก็บของเข้าที่ มีหน้าบานปิดมิดชิดยิ่งดี

ส่วนคนที่ข้าวของจุกจิกเยอะมาก ของตกแต่ง ของฝากจากแดนไกล ของโชว์ หนังสือ ซีดี(ยังมีใครเก็บไหมคะ?) กล้องถ่ายรูป สารพัดข้าวของต่างๆ ข้าวของแบบนี้ ยิ่งวาง ยิ่งเป็นที่สุมฝุ่นค่ะ ยิ่งมาก ยิ่งต้องใช้เวลาเช็ดถูนาน แนะนำให้จัดเก็บเป็นระเบียบ มีตู้เก็บมิดชิดคงดี

ถึงแม้จะเป็นชั้นวางของ แต่ถ้าไม่มีบานปิด ฝุ่นก็ยังสามารถเข้าไปเกาะได้อยู่นะคะ ดังนั้นถ้าใครที่อยู่ในขั้นตอนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ ให้คิดถึงตู้ที่มีหน้าบานปิดไว้ก่อนอันดับแรก แน่นอนว่าราคาสูงขึ้น แต่ให้คิดว่าแลกกับเวลาทำความสะอาดที่เหลือตลอดอายุการใช้งานของตู้ชิ้นนี้นะคะ

แต่ถ้าใครมีตู้แล้ว แต่ว่าไม่มีหน้าบานปิด ลองหากล่องมาใส่ข้าวของดูดีไหมค่ะ ถ้าอยากโชว์ของลองเป็นกล่องใสดูก็ได้ หรือว่าจะลองผลัดเปลี่ยนเลือกที่ชอบมาตั้งโชว์สลับไปมา เราได้ชื่นชมสิ่งของนั้นมากขึ้น และการหยิบเข้า-ออก ก็จะได้เป็นการทำความสะอาดไปในตัวด้วยค่ะ

Tips 3 : หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุประเภทผ้า เส้นใย

Credit : Getty images

ผ้าหรือพรมต่างๆเป็นตัวเก็บฝุ่นชั้นดีเลยค่ะ ลองหลีกเลี่ยงการใช้พรมปูพื้นดูดีไหมค่ะ เพราะอันที่จริงแล้วพรมปูพื้นเป็นวัสดุที่เหมาะกับประเทศเมืองหนาวมากกว่า (อากาศหนาวมากจะให้เท้าย่ำอยู่กับกระเบื้องเย็นๆคงไม่เหมาะ) แต่ถ้าเราจะต้องใช้พรมจริงๆ อาจจะต้องเลือกใช้เฉพาะตำแหน่งที่เหมาะสมเช่น วางเปียโน หรือว่าวางเครื่องออกกำลังกาย เพื่อลดการกระแทกระหว่างเครื่องใช้ต่างๆกับตัวพื้น แต่ถ้าต้องใช้พรมแล้วก็อย่าลืมดูดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ และทำความสะอาดใหญ่อย่างเอาไปซัก เป็นประจำด้วยนะคะ

Picture : REA Group owned

นอกจากพรมที่ปูพื้นแล้ว ยังมีสิ่งอื่นๆที่เป็นผ้าและเส้นใยอยู่อีกนะคะ เช่น

  • ปลอกหมอน ผ้าคลุมต่างๆ ผ้าห่ม
  • วัสดุบุเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น เก้าอี้ โซฟา ที่เป็นผ้า ถ้ายังอยู่ในขั้นตอนซื้อก็ลองเลือกแบบที่ถอดซักได้ง่ายหรือเลือกวัสดุที่เป็นหนังแทน
  • ของเล่นอย่างตุ๊กตา ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือโตแล้วก็อาจจะได้รับเป็นของขวัญ ในกรณีที่เป็นเด็กเล็ก หลีกเลี่ยงการซื้อของเล่นแบบนี้ก็จะดีนะคะ เพราะเสี่ยงจากการสูดดมขนต่างๆได้ และเด็กอาจจะติดตุ๊กตา นอนกอดและสูดดมฝุ่นเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ยาก ก็อย่าลืมทำความสะอาด ซักล้าง ดูดฝุ่นเป็นประจำด้วยนะคะ

Tips 4 : ผ้าม่าน ที่ซ่อนฝุ่นชั้นดี

เมืองไทยเมืองร้อน ยิ่งในอาคารสมัยใหม่ที่ออกแบบโดยการใช้กระจกมาก ชายคาน้อย การที่แดดและไอร้อนจะส่องเข้ามาในบ้านส่งผลให้อยู่ไม่สบาย ดังนั้นการติดผ้าม่านจึงเป็นสิ่งที่บ้านแทบทุกหลังและคอนโดแทบทุกห้องทำกันค่ะ ซึ่งตัวผ้าม่านนี้ ถือว่าเป็นอีกตำแหน่งที่ฝุ่นจับดี และไม่ได้ทำความสะอาดถี่เท่าการกวาดบ้านถูบ้านด้วยนะคะ

โดยดีไซน์ม่านหรือแผงกันแดดที่เราเห็นส่วนใหญ่จะเป็นผ้าม่าน ที่ใช้วัสดุเป็นผ้า หรือว่ามู่ลี่ ถ้าผู้อ่านอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจ แนะนำให้เลือกเป็นผ้าม่าน เพราะสามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่ายกว่าและฝุ่นจับน้อยกว่ามู่ลี่ที่มีพื้นผิวและซอกมากทำให้ฝุ่นสามารถซ่อนอยู่ได้มากกว่าค่ะ

ส่วนการทำความสะอาดนั้น ทั้งผ้าม่านและมู่ลี่สามารถนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดได้นะคะ ถ้าเป็นผ้าม่านอย่าลืมถอดมาซักด้วยนะคะ ส่วนมู่ลี่ อาจจะต้องปัดฝุ่นบ่อยๆ ไม่ให้ฝุ่นเกาะหนาเกินไป และนำน้ำยามาเช็ดทำความสะอาดเป็นระยะด้วยค่ะ

Tips 5 : ปลูกต้นไม้กรองฝุ่นได้ สดชื่นด้วย

สำหรับใครที่มีบ้านเดี่ยว หรือระเบียงคอนโดที่ใกล้กับหน้าต่าง การปลูกต้นไม้ก็จะช่วยกรองฝุ่นต่างๆที่จะเข้ามาภายในบ้านจากการเปิดประตูหรือหน้าต่างบ้านได้ด้วยนะคะ ยิ่งบ้านที่ใกล้กับถนนใหญ่ที่มีรถผ่านไปมาตลอดก็จะช่วยได้เยอะ ทั้งเรื่องลดฝุ่น ลดควันและลดปริมาณเสียงจากนอกบ้าน

นอกจากนี้ ต้นไม้บางชนิดยังช่วยฟอกอากาศภายในบ้านให้ดีขึ้นด้วย อ่านบทความต่อคลิก > Living Idea ต้นไม้ฟอกอากาศ  และถ้าใครมีพื้นที่ไม่มาก แต่อยากปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรก อ่านบทความดูไอเดียต่อได้ > พื้นที่น้อยก็จัดสวนในบ้านและคอนโดได้

Tips 6 : ปัดก่อนกวาด บนลงล่าง ซักล้างบ่อยครั้ง

จากหัวข้อที่เรายกตัวอย่างมาจะเห็นได้ว่าหัวใจของการกำจัดฝุ่นคือการทำความสะอาดค่ะ ในข้อนี้เราขอแนะนำขั้นตอนเตือนใจ ในการทำความสะอาดให้ทุกคนนะคะ นั่นคือ“ปัดก่อนกวาด บนลงล่าง ซักล้างบ่อยครั้ง” ให้เราทำความสะอาดจากปัดฝุ่นหรือเช็ดถูเครื่องใช้ของตกแต่งบนตู้หรือบนโต๊ะก่อน เพราะฝุ่นจากด้านบนจะตกลงมายังพื้นห้องได้ พอทำความสะอาดด้านบนเสร็จ ค่อยกวาดและถูพื้น แล้วก็อย่าลืม ทำเป็นประจำนะคะ นอกจากบ้านจะไร้ฝุ่นแล้ว ภายในบ้านจะได้ดูสวยงามเหมือนใหม่ตลอด สุขภาพจิตใจก็จะสดชื่นตามด้วย

Tips 7 : มีเงิน ไม่มีเวลา มองหาอุปกรณ์ไฟฟ้ามาเป็นตัวช่วยได้

การทำความสะอาดแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้ไม้ปัดขนไก่, ไม้กวาด, ไม้ถูพื้น และน้ำยาทำความสะอาดต่างๆอาจจะฟังดูเหนื่อยและใช้เวลามาก แถมใช้ไม้กวาดบางครั้งก็กวาดพวกเส้นผมไม่ขึ้น ซอกหรือมุมห้องก็กวาดได้ยาก ดังนั้นถ้าใครมีงบประมาณหน่อยลองดูเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยทำความสะอาดก็ดีนะคะ เช่น เครื่องดูดฝุ่น , เครื่องดูดไรฝุ่น , เครื่องกรองอากาศ , เครื่องพ่นไอน้ำ, หุ่นยนต์ดูดฝุ่น , หุ่นยนต์ถูพื้น และยังมีหุ่นยนต์เช็ดกระจกอีกด้วยค่ะ ซึ่งราคาก็มีตั้งแต่หลักพันต้นๆเบากระเป๋า ไปจนถึงหลักหมื่นบาท ที่ผู้เขียนชอบคือ เหมือนมีของเล่นใหม่ให้กับบ้าน เปลี่ยนรูปแบบการทำความสะอาดแบบเดิมๆ ทำให้เราอยากทำความสะอาดบ่อยขึ้นด้วยค่ะ


จบแล้วค่ะ กับ ความรู้เรื่องฝุ่นต่างๆ และ Tips เล็กๆน้อยๆในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงการทำความสะอาดบ้านที่เรานำมาฝากกัน ผู้อ่านคนไหนสนใจเรื่องอะไรเพิ่มเติม ลอง Comment บอกกันมาได้นะคะ หรือมีคำแนะนำ ติชมอะไร ยินดีรับฟังค่ะ