ในช่วงปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิด เราจะเห็นได้ว่าเทรนในการเลือกที่อยู่อาศัยของใครหลายคนเปลี่ยนจากคอนโดมาเป็นบ้านกันมากขึ้น ทำให้โครงการประเภทคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ มีจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ แต่ทว่า… ย่านบางนา กลับมีโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ในปีนี้หลายโครงการ ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาดู 3 โครงการใหม่ จาก 3 Developer ชื่อดัง เผื่อใครที่สนใจอยากได้คอนโดย่านนี้อยู่ จะได้มีไกด์ไลน์ในการเลือกซื้อเทียบกันไปในแต่ละหัวข้อเลยค่ะ ซึ่ง 3 โครงการที่เราจะนำมาเทียบนั้น คือ

  1. Nue Noble Centre Bangna จาก Noble Developmet
  2. The MUVE บางนา จาก แสนสิริ
  3. Atmoz บางนา จาก Asset Wise

ส่วนหัวข้อที่เราจะขอนำมาเทียบให้ดูในบทความ มีดังต่อไปนี้

  • ทำไมต้องบางนา?
  • วิเคราะห์ทำเลที่ตั้ง
  • วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ ข้อมูลเบื้องต้น
  • วิเคราะห์พื้นที่ส่วนกลาง
  • วิเคราะห์รูปแบบห้องพักอาศัย
  • วิเคราะห์ราคา
  • สรุปส่งท้าย


ทำไมต้องบางนา?

สำหรับโซนบางนาเป็นอีกพื้นที่รองรับการขยายตัวของเมือง ที่เริ่มมีความเจริญต่างๆ ทั้งแหล่งงาน ห้างสรรพสินค้า Mega project ต่างๆ และที่อยู่อาศัยก็ขยายตัวมายังชานเมืองมากขึ้น โดยถนนหลักที่เป็นพระเอกในทำเลบางนานี้ก็คือ “ถนนบางนา-ตราด” เป็นถนนใหญ่เส้นหนึ่งที่เชื่อมกรุงเทพฯ กับสมุทรปราการไว้ด้วยกัน และหากใครต้องการทำความเร็ว ก็เลือกใช้ทางด่วนบูรพาวิถีที่พาดอยู่เหนือถนนบางนา-ตราด ใช้เป็น Fast Track เชื่อมออกไปฉะเชิงเทรา ชลบุรีได้ เป็นต้น ซึ่งโซนนี้มีความน่าสนใจ ได้แก่

  1. ความสะดวกในการเดินทาง
    พื้นที่โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เป็นอีกโซนที่มีการพัฒนาเรื่องระบบขนส่งเยอะทีเดียวนะคะ ทั้งความหลากหลายของรถไฟฟ้าสายต่างๆ อีกทั้งการพัฒนาทางด้านการสร้างถนนหนทางเพื่อเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆทางภาคตะวันออกของไทย
  2. การเจริญเติบโตของแหล่งงาน
    ทำเลบางนาเป็นอีกหนึ่งโซนที่กำลังมาแรงของอาคารสำนักงาน เนื่องจากเป็นประตูภาคตะวันออก ที่มีนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก เช่น นิคมบางปู นิคมบางพลี นิคมเวลโกรว์ นิคมอมตะนคร เป็นต้น การทำอาคารสำนักงานบริเวณนี้ ทำให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้น
  3. การรวมตัวของ Mega Project
    อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ โซนบางนาเป็นอีกโซนที่มี Mega Project เกิดขึ้นเยอะ เนื่องจากที่ห้าง Mega Bangna ทำแล้วประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม อีกทั้งยังเป็นทำเลใกล้สนามบินสุวรรณภูมิที่มีชาวต่างชาติในย่านเป็นจำนวนมาก ทำให้มีหลายๆ Project ผุดขึ้นในอย่างนี้หลายโครงการ

ความอุดมสมบูรณ์บนถนนบางนา-ตราด

ความอุดมสมบูรณ์ในปัจจุบันหลักๆ ของทำเลนี้ก็จะมีอยู่ทั้งเส้นบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ สำหรับถนนบางนา-ตราดจะมีคอมมูนิตี้กระจายตัวอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ครบเกือบทุกแบรนด์ทั้ง IKEA, SB Furniture, Chic Republic, Index เป็นต้น ถือเป็นอีกโซนสำหรับคนรักการแต่งห้องพักอาศัย นอกจากนี้เราสังเกตว่าปั๊มน้ำมันบริเวณนี้ ภายในมีร้าน Fast Food แบบ Drive Thru เป็นส่วนใหญ่ ที่สะดวกในการใช้งานไม่ต้องเดินลงรถ ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่นั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 จุด

  1. เซ็นทรัลบางนา
    ห้างเก่าแก่อยู่คู่กับคนแถวนี้มานาน ตรงนั้นจะมีทางเชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์ได้อีกด้วย ทำให้บริเวณนั้นจะมีร้านรวงแบบ Stand Alone และ Community Mall อยู่ภายในซอย
  2. Mega Bangna
    ห้างแบรนด์ใหญ่ครบจบในที่เดียว (แต่อาจจะเดินไม่ครบภายในวันเดียวนะคะ) ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขยายพื้นที่การใช้งานให้มากขึ้น โดยตั้งอยู่บริเวณสี่แยกจุดตัดระหว่างบางนา-ตราด และทางด่วนกาญจนาฯ ซึ่งตรงข้ามกันก็จะมี Tesco Lotus อยู่ด้วยส่วนถนนศรีนครินทร์ก็มีห้างใหญ่อย่าง ซีคอนสแควร์ ตลาดนัดรถไฟทางด้านหลัง Paradise Park (ตลาดเสรี) หรือจะข้ามไปยังฝั่งลาซาลแบริ่งก็มีทั้ง Makro , Big-C , Foodland , The JAS Urban เลือกเดินทางได้ตามความสะดวกเลยค่ะ นี่ไม่นับร้านอาหารภายในซอยบางนา ลาซาล แบริ่ง ที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงอยู่หลายๆร้าน

รถไฟฟ้ารอบๆ โซนบางนา

แผนที่แสดงเส้นทางรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นแล้ว และ เส้นทางที่กำลังก่อสร้างรอบๆ โซนบางนา

ตรงนี้เราขอพูดถึงเฉพาะเส้นทางรถไฟฟ้า 3 สายที่เปิดให้บริการแล้วกับเส้นทางที่อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างนะคะ (เพื่อรับรองได้ว่าจะมีรถไฟฟ้าไว้ใช้งานในอนาคตอันใกล้แน่นอน)

  1. รถไฟฟ้าสายสีเขียว  BTS : รถไฟฟ้าสายนี้ถือว่าเป็นเส้นหลักที่คนกรุงเทพฯ ใช้อยู่ก็ว่าได้ค่ะ ข้อดีอย่างหนึ่งของรถไฟฟ้าสายนี้คือการพาชาวบางนามุ่งหน้าเข้าเมืองได้สะดวก ไปได้ทั้งแหล่งงานและสถานศึกษาชั้นนำ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรถติด ความสะดวกนี้เองทำให้ที่ดินรอบๆรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทเส้นนี้มีมูลค่าสูงขึ้นมาก และเป็นแนวที่มีคอนโดเกิดขึ้นเยอะค่ะ
  2. รถไฟฟ้าสายสีแดง Airport Rail Link : จุดประสงค์ของรถไฟฟ้าสายนี้คือการพาคนจากกลางกรุงเทพฯ เข้าสู่สนามบินแห่งชาติอย่างสนามบินสุวรรณภูมิเป็นหลัก (พญาไท – สุวรรณภูมิ) ทำให้สถานีมีจำนวนไม่มาก แต่ก็มีผ่านย่านที่สำคัญหลายสถานี เช่น รามคำแหง, มักกะสัน(อโศก-พระราม 9) และพญาไท ซึ่งถือเป็นโซนที่มีสถานศึกษาและแหล่งงานอยู่ค่ะ
  3. รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (กำลังก่อสร้าง) : รถไฟฟ้าสายนี้จะวิ่งจากลาดพร้าวมายังสำโรง โดยผ่านถนนลาดพร้าว แยกลำสาลี และถนนศรีนครินทร์เป็นหลักค่ะ ถือว่าเป็นเส้นที่มีผู้คนอยู่อาศัยกันเยอะมากเช่นกันนะ

Mega Project บนถนนบางนา-ตราด

มาดูแผนการในอนาคตอื่นๆกันบ้างค่ะ บนทำเลนี้นับเป็นรอยต่อของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC – Eastern Economic Corridor) ที่มีการสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆเพื่อส่งเสริม รองรับการลงทุน และการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเริ่มต้นจาก 3 จังหวัดแรกคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งทำให้พื้นที่ตรงนี้ที่เป็นรอยต่อระหว่างกรุงเทพไปสู่ภาคตะวันออกมีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจค่อนข้างสูง ทำให้ในแง่การลงทุนก็เริ่มมีการลงทุนยังพื้นที่แถวนี้มากยิ่งขึ้น

อย่างโครงการที่น่าสนใจก็เช่น การสร้างสุวรรณภูมิเฟสใหม่ เพื่อรองรับและขยาย Capacity ในการใช้งานมากขึ้น ทั้งในเชิงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอื่นๆ หรือจะเป็นโครงการของ The Mall อย่าง Bangkok Mall ที่เคยมีข่าวว่าตั้งใจจะทำศูนย์การค้าขนาดใหญ่บริเวณต้นถนนบางนา-ตราด และอีกโครงการที่น่าสนใจของเครือ Central คือ Central Village เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะมี Outlet อยู่ภายในโครงการ ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิด้วย เอาใจนักเดินทางขาช้อปกันเต็มที่ ไปดูรายละเอียดกันค่ะ

  • Bitec Bangna เฟส 2 >> ขยายพื้นที่การจัดงาน รวมทั้งหมด 70,000 ตร.ม. ทำให้สามารถรองรับการจัดงานและกิจกรรมได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ลบ.
  • Bangkok Mall >> โครงการมิกซ์ยูสในเครือของเดอะมอลล์กรุ๊ป ภายในมีศูนย์การแสดงสินค้า, ที่อยู่อาศัย, ออฟฟิศ, Hall แสดงคอนเสิร์ตแบบครบวงจร บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ลบ.
  • Central Plaza บางนา >> ปรับโฉมใหม่ให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น โดยมีการคัดสรรแบรนด์แฟชั่นระดับ Hi-end มาไว้ในจุดเดียว เรียกได้ว่าเป็นการปรับโฉมเพื่อรองรับกลุ่มคนหลากหลายมากขึ้น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 4,500 ลบ.
  • Mega City >> เป็นเฟสใหม่ที่เปลี่ยน “เมกาบางนา” จากศูนย์การค้า ให้เป็นศูนย์รวมที่อยู่อาศัย, สำนักงาน, โรงเรียน และโรงแรม บนพื้นที่ 400 ไร่
  • The Forestias >> โครงการ Mixed Use จาก MQDC บริษัทในเครือกลุ่มซีพี ภายใต้ Concept ที่ต้องการผสมผสานเมืองเข้ากับผืนป่าบนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 398 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 125,000 ลบ.
  • Central Village >> คอมมูนิตี้มอลล์ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และแบรนด์ไทย ทั้งหมด 235 ร้านค้า มุ่งเน้นให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งของภูมิภาคเอเชียตะวันออก
  • Suvarnabhumi Airport เฟส 2 >> เพิ่มเติมพื้นที่อาคารผู้โดยสารเฟส 2 เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ลบ.

วิเคราะห์ทำเลที่ตั้ง

  • นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา – ตั้งอยู่ในซอยบางนา-ตราด 23 ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดีทีเดียวค่ะ เนื่องจากด้านหน้าซอยมีห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่าง Central บางนา และ Big C บางนา ตั้งอยู่ สะดวกในการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนั้นยังเดินทางสะดวกมีตัวเลือกการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS บางนา (สถานีในอนาคต)  และซอยบางนา-ตราด 23 นี้สามารถทะลุออกซอยศรีนครินทร์ 56 ได้อีกด้วย ที่หน้าปากซอยนี้จะเจอสถานีรถไฟฟ้า Monorail สายสีเหลือง สถานีศรีอุดมที่กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ
  • The MUVE บางนา – ตั้งอยู่ในซอยบางนา-ตราด 37 (ฝั่งขาออก) ความพิเศษคือเป็นซอยลัดที่เชื่อมไปออกถนนเฉลิมพระเกียรติร.9 ที่ใช้หลีกเลี่ยงรถติดได้ โดยตัวโครงการห่างถนนบางนา-ตราดประมาณ 450 ม. ภายในซอยมีความเป็นชุมชนสูง บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ และด้วยความที่ขยับเข้ามาอยู่ด้านใน ทำให้เสียงและควันจากรถยนต์น้อยลง การเดินทางด้วยรถยนต์จะใช้ถนน บางนา-ตราดเป็นหลัก เดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวก
  • Atmoz บางนา – เป็นคอนโดติดถนนใหญ่บางนา-ตราด กม. 4 จึงมีความสะดวกในการเดินทางมากกว่าคอนโดส่วนใหญ่ในทำเลนี้ที่มักจะขยับเข้าไปอยู่ในซอยกันนะคะ และเมื่อดูจากตำแหน่งของโครงการ จะเห็นว่าที่นี่ยังสามารถเดินทางได้สะดวกทั้งทางถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ เพราะอยู่ในช่วงที่เลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ได้ทัน และยังอยู่ใกล้ทางเข้าถนนบางนา-ตราด หรือจะใช้เลนคู่ขนานบางนา-ตราด ก็สะดวกทั้งหมดค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์

ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์ เราขอยกให้ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา ดีสุดนะคะ เพราะว่าตัวโครงการใกล้ห้างใหญ่อย่างเซ็นทรัล บางนา มี hyper market อย่าง Big-C อยู่ใกล้ๆ อีกทั้งยังมี community mall และโรงพยาบาลอยู่ด้วยค่ะ เรียกได้ว่ามีตัวเลือกให้ใช้หลากหลายสุดเลยนะ

ส่วนโครงการ The MUVE บางนา กับ Atmoz บางนา จะอยู่ตรงข้ามกัน โซนนั้นก็มีตลาดและร้านค้าอยู่เช่นกันค่ะ แต่ไม่ได้คึกคักหรือว่าหลากหลายเท่ากับโซนเซ็นทรัล บางนาค่ะ

การเดินทางโดยรถสาธารณะ

  • นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา ด้วยความที่อยู่ใกล้ห้าง และเป็นซอยที่เชื่อมต่อกับถนนศรีนครินทร์ได้ ทำให้โครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลที่มีรถสาธารณะผ่านเยอะ สามารถเรียกวินมอเตอร์ไซค์หรือ Taxi ได้ไม่ยากเลยค่ะ และในอนาคตก็เห็นว่าจะมีสถานีรถไฟฟ้าเกิดขึ้นตรงเซ็นทรัลนี้ด้วย มองได้ว่าเป็นทำเลที่ดีเรื่องการเดินทางเช่นกันนะคะ
  • The MUVE บางนา นั้นอยู่ในซอยห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 450 เมตร ตรงนี้อาจจะต้องเดินไปหารถสาธารณะที่ถนนใหญ่ค่ะ โดยระยะทางก็ถือว่าเดินแล้วแอบเหนื่อยอยู่พอสมควรนะ
  • Atmoz บางนา เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ และเป็นฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมือง นับว่าหารถสาธารณะใช้งานได้สะดวกอยู่นะคะ นอกจากนี้ทางโครงการยังมี Shuttle service รับ-ส่งที่รถไฟฟ้าอีกด้วย

ดังนั้นในหัวข้อนี้เรายกให้ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา เท่ากับ Atmoz บางนา

วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ ข้อมูลเบื้องต้น

ทั้ง 3 โครงการถือว่าเป็นโครงการ Low Rise ทั้งหมดเลยค่ะ แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่นะ

  • นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา

เป็นโครงการที่ขนาดเล็กที่สุดค่ะ ทั้งขนาดที่ดินและจำนวนยูนิตนะ แต่จุดที่น่าสนใจคือเป็นโครงการที่ออกแบบมาไม่หนาแน่น และเป็นมิตรกับคนที่ใช้รถส่วนตัวมากที่สุดค่ะ

จุดแรกที่อยากให้ดูคือเป็นโครงการ Low Rise ที่สูง 7 ชั้น ในขณะที่โครงการอื่นสูง 8 ชั้น (ด้วยกฎหมายอาคารสูงที่เป็น Low Rise จะสูงได้ไม่เกิน 23 เมตร) นั่นแปลว่าการออกแบบความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานภายในห้องพักอาศัยของโครงการนี้ น่าจะมีความสูงมากกว่าอีก 2 โครงการนั่นเองค่ะ

จุดต่อมาคือปริมาณที่จอดรถ โครงการนี้ถือว่าให้สัดส่วนที่จอดรถมาเยอะที่สุดเมื่อเทียบกับอีกสองโครงการนะคะ

  • The MUVE บางนา

เมื่อดูขนาดที่ดินจะต่างจาก นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา อยู่ประมาณครึ่งไร่ แต่ทว่าจำนวนห้องพักอาศัยเยอะกว่าเป็น 2 เท่าเลยค่ะ ตรงนี้อยากให้เข้าใจว่าโครงการนี้ต้องการที่จะทำราคาต่อห้องออกมาให้ถูกกว่า ( The MUVE บางนาเริ่มต้น 1.29 ล้าน ส่วน นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา เริ่มต้น 2.19 ล้าน) ทำให้ความหนาแน่นและปริมาณของห้องพักอาศัยจึงต้องมากกว่าเช่นกันนะ

  • Atmoz บางนา

ที่นี่จะเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเลยค่ะ เป็นคอนโด low rise ที่มีถึง 5 อาคารและมีจำนวนยูนิตพักอาศัยร่วมพันยูนิตเลยทีเดียว แต่ก็เพราะว่าจำนวนยูนิตที่เยอะ ทำให้ตัวโครงการมีการออกแบบให้มียูนิตที่เป็นร้านค้าอยู่ภายในโครงการด้วย อาจจะกลายเป็นร้านสะดวกซื้อหรือว่าร้านซักรีดที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านที่อยู่อาศัยภายในโครงการนี้ก็เป็นไปได้นะคะ

วิเคราะห์พื้นที่ส่วนกลาง

เดิมทีโครงการที่เป็นคอนโด Low Rise ภายในเมืองมักจะไม่ค่อยมีพื้นที่ส่วนกลางมาให้ใช้งานมากนัก แต่ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น developer เจ้าไหน ต่างจัดเต็มให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางภายในคอนโดกันมากขึ้น การด้านฟังก์ชันใช้งาน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนในปัจจุบันมากขึ้น รวมไปถึงรูปลักษณ์ การตกแต่งภายในต่างๆที่ต้องสวย น่าใช้งาน ตรงนี้จึงเป็นประโยชน์กับคนที่ซื้อคอนโดด้วยนะคะ (ถึงแม้ห้องขนาดอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่เราได้พื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่และตกแต่งสวยเอาไว้อวดเพื่อนได้)

  • นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา – ที่นี่จะออกแบบให้มี Clubhouse สูง 3 ชั้นแยกออกมาจากตัวอาคารพักอาศัยค่ะ ทำให้ทุกคนสามารถมาใช้งานได้อย่างสะดวกใจมากขึ้น (บางคนก็อาจจะไม่อยากเดินข้ามตึกอะไรแบบนี้นะ) ส่วนฟังก์ชันที่ได้ก็ถือว่าครบครันค่ะ มีฟังก์ชันที่น่าสนใจอย่าง Boxing zone, Entertainment area กับ Game space ที่เราอยากเห็นของจริงว่าจะเป็นยังไงนะ
  • The MUVE บางนา – สำหรับโครงการนี้จะออกแบบให้พื้นที่ส่วนกลางอยู่ระหว่างอาคารทั้งสอง และอยู่ที่ตึก A เป็นหลักค่ะ จุดที่น่าสนใจคือฟังก์ชันใหม่ๆที่เราไม่เคยเห็นอย่าง Self-coffee machine หรือว่า tutoring room ที่เหมาะกับการติวหนังสือนะคะ และด้วยความที่โครงการนี้เป็นแสนสิริ ซึ่งส่วนตัวเราชอบการออกแบบที่ดูมีสีสันแต่ก็ยังคุมโทนให้สวยงามไม่ล้นจนเกินไปได้อยู่ค่ะ
  • Atmoz บางนา – ด้วยความที่โครงการนี้เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของที่นี่ก็มีขนาดใหญ่และมีฟังก์ชันเยอะมากที่สุดด้วยค่ะ มีอยู่ 5 อาคาร ส่วนกลางก็มีให้ทั้ง 5 อาคารไปเลย และยังมีพื้นที่ส่วน outdoor อีกด้วย อย่างสระว่ายน้ำก็มีให้ถึง 2 สระ ใครที่ชอบและวางแผนไว้ว่าซื้อคอนโดเพราะอยากได้พื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ใช้อย่างจุใจ เราว่าโครงการนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยนะ

เรื่องพื้นที่ส่วนกลาง เราว่าถ้าใครชอบหรือเน้นเรื่องการใช้พื้นที่ส่วนกลาง โครงการ Atmoz บางนา จะตอบโจทย์นะคะ ส่วนใครที่อยากได้พื้นที่ส่วนกลางที่เป็นส่วนตัวหน่อย ใช้งานได้ง่ายๆคนไม่เยอะ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา ก็จะเหมาะสมมากกว่าเพราะว่าจำนวนยูนิตไม่เยอะด้วย ส่วนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ทั้ง 3 โครงการก็ให้มาพอๆกันค่ะ

บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลาง โครงการ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา

Image 1/7
นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา

นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา

บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลาง โครงการ The MUVE บางนา

Image 1/7
THE MUVE บางนา

THE MUVE บางนา

บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลาง โครงการ Atmoz บางนา

Image 1/3
Atmoz บางนา

Atmoz บางนา

วิเคราะห์รูปแบบห้องพักอาศัย

ทั้งสามโครงการจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก โดยจะมีรูปแบบการขายเป็น Fully Furnished ขายห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักๆให้มาครบ ไม่ต้องเผื่องบประมาณสำหรับตกแต่งห้องหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์มากมายอะไร และยังเหมาะกับกลุ่มนักลงทุนที่อยากหาห้องไว้ปล่อยเช่าอีกด้วยค่ะ

ถ้าดูจากตารางด้านบนจะเห็นว่ารูปแบบห้องและขนาดห้องจะไม่ต่างกันมากนะคะ ทุกโครงการจะมีห้อง 1 Bedroom ขนาดไม่ถึง 30 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom plus ขนาด 30+ ตร.ม. ซึ่งรูปแบบห้องเช่นนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการอยู่ 1-2 คนเป็นหลักค่ะ แต่ว่า โครงการ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา จะมีห้องขนาด 2 Bedrooms Plus เพิ่มขึ้นมาเป็นตัวเลือกให้กับคนที่อยากได้ห้องใหญ่ขึ้น เผื่อสร้างครอบครัวเผื่อพื้นที่สำหรับลูกน้อยอยู่ ส่วนโครงการ The MUVE บางนา นั้นจะมี option combine (รวมห้อง 1 Bedroom 2 ยูนิตให้เป็นห้องใหญ่) เผื่อคนที่อยากได้ห้องขนาดใหญ่เพิ่มเติมค่ะ

แบบห้องในโครงการ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา

แบบห้องของ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนามีอยู่ 3 แบบหลักค่ะ

  • Type A เป็นห้อง 1 Bedroom ได้ครัวปิด ตัวห้องนอนแยกเป็นสัดส่วนจากห้องนั่งเล่น / มี option ให้เลือกว่าอยากได้ครัวอยู่ชิดทางเข้า หรือครัวที่ชิดระเบียง / มี 2 ขนาดให้เลือก ห้องขนาดใหญ่จะมีความลึกเพิ่มขึ้น ทำให้ได้พื้นที่แต่งตัวในห้องนอน และได้พื้นที่กินข้าวที่ใหญ่ขึ้น
  • Type B เป็นห้องแบบ 1 Bedroom plus จุดเด่นคือเป็นห้องหน้ากว้าง(มาก) สามารถอยู่กันแบบครอบครัวเริ่มต้น 2-3 คนได้สบาย
  • Type C เป็นห้องแบบ 2 Bedroom plus ห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ สำหรับครอบครัว มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาให้จัดเป็นห้องนอน ห้องทำงานต่างๆได้ค่ะ

แบบห้องในโครงการ The MUVE บางนา

โครงการ The MUVE บางนา ก็จะมีแบบห้องให้เลือก 3 แบบหลักเช่นกันค่ะ

  • 1 Bedroom ขนาดประมาณ 22 ตร.ม. ดีไซน์ของห้องนี้จะคล้ายกับห้องที่เป็นรูปแบบ studio type ค่ะ ได้ครัวปิด แต่พื้นที่ส่วน Living และส่วนนอนพักผ่อนจะรวมอยู่ area เดียวกันค่ะ ด้วยตำแหน่งเตียงที่จะจัดไว้ริมหน้าต่างเลย เรามองว่าห้องแบบนี้ถ้าอยู่ 1 คนก็จะสบายนะ แต่ถ้าอยู่ 2 คนก็อาจจะอึดอัดหน่อย เช่นคนที่นอนฝั่งริมหน้าต่างก็เดินลงเตียงลำบาก และไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเท่าไหร่ค่ะ
  • 1 Bedroom ขนาดประมาณ 25 ตร.ม. สำหรับ แบบนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นจากแบบแรกประมาณ 2 ตร.ม. ทำให้พื้นที่ภายในห้องใหญ่ขึ้น และได้พื้นที่ตู้เสื้อผ้าใหญ่ขึ้น กลายเป็น walk-in closet ขนาดย่อมๆได้ เหมาะกับคนที่ชอบแต่งตัว ข้าวของเยอะค่ะ
  • 1 Bedroom plus ขนาดประมาณ 35 ตร.ม. ห้องใหญ่สุดในโครงการ เป็นห้องหน้ากว้างที่ได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาค่ะ ในส่วนที่เป็นห้องนอนก็จะแยกเป็นสัดส่วนออกจากพื้นที่นั่งเล่นนะ สามารถอยู่ได้ 2-3 คนค่ะ

แบบห้องในโครงการ Atmoz บางนา

สำหรับ Atmoz บางนาจะมีห้องให้เลือกถึง 4 แบบเลยค่ะ เป็นห้องครัวปิดทั้งหมดด้วย

  • 1 Bedroom เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ ได้บรรยากาศเหมือนห้อง Studio ค่ะ ได้ครัวปิด แต่พื้นที่นั่งเล่นจะรวมกับพื้นที่ห้องนอนค่ะ
  • 1 Bedroom Exclusive สำหรับห้องนี้จะได้ห้องนอนที่แยกปิดเป็นสัดส่วนค่ะ โดยพื้นที่ครัวนั้นจะอยู่ติดกับระเบียงเวลาทำอาหารก็ระบายอากาศได้สะดวก นอกจากนั้นก็มีข้อดีเรื่องห้องน้ำที่สามารถเข้าได้ 2 ทางจากห้องนั่งเล่น และ ห้องนอนค่ะ
  • 1 Bedroom Extra ถ้าดูแปลนห้องการจัดฟังก์ชันจะคล้ายกับแบบ exclusive นะ แต่รายละเอียดจะแตกต่างกันอยู่ค่ะ ด้วยขนาดห้องที่เพิ่มมา 2 ตร.ม. ทำให้พื้นที่หน้ากว้างห้องกว้างขึ้น ดูจากห้องนอนก็จะมีพื้นที่ปลายเตียงกว้างขึ้นวางชั้นวางทีวีได้ ตู้เสื้อผ้าก็จัดได้สองฝั่งหน้าห้องน้ำ แต่ว่าห้องน้ำจะเข้าไปทางเดียวนะคะจากในห้องนอนเท่านั้น
  • 1 Bedroom Plus ห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการ แบบนี้จะวางห้องนอนและห้องอเนกประสงค์เอาไว้ชิดหน้าต่าง ได้ครัวปิด แต่ห้องน้ำจะต้องเดินผ่านครัวเข้าไปค่ะ

จัดกลุ่มห้องที่มี Plan ใกล้เคียงกัน

เราลองมาดูกันค่ะว่าห้องแต่ละรูปแบบของโครงการไหน คล้ายกันบ้าง

1. ห้อง 1 Bedroom ที่จัดฟังก์ชันภายในคล้าย studio type ได้ครัวปิด 
ห้องแบบนี้จะเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ The MUVE บางนา (เริ่ม 1.29 ล้าน) และ Atmoz บางนา (เริ่ม 1.59 ล้าน) โดยทั้งสามแบบจะมีรายละเอียดการจัดเฟอร์นิเจอร์ภายในแตกต่างกันอยู่นะคะ

  • ซ้าย – ห้องขนาดเริ่มต้น เหมาะสำหรับอยู่คนเดียว
  • กลาง – ห้องที่เหมาะสำหรับอยู่คนเดียว เน้นพื้นที่เก็บของ
  • ขวา – ห้องขนาดเริ่มต้นที่สามารถอยู่ 2 คนได้สบายขึ้นค่ะ

2. ห้อง 1 Bedroom ครัวปิด ที่ได้ห้องนอนแยกตัวเป็นสัดส่วน 
ส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างชอบแปลนห้องแบบนี้นะคะ เพราะเป็นแปลนที่อยู่กัน 2 คนสบาย ต่างคนต่างหาพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองได้ (เหมาะกับช่วงที่ต้อง WFH) อีกทั้งยังได้ห้องครัวปิด สามารถทำอาหารกินเองได้เต็มที่ค่ะ ส่วนจุดที่แตกต่างกันก็จะมีดังนี้

  • โครงการของโนเบิล จะได้ห้องหน้ากว้าง พื้นที่ครัวก็จะได้แบบหน้ากว้างเช่นกัน สองฝั่งทางเดินบริเวณครัวเป็นฟังก์ชัน (ครัวและพื้นที่เก็บของ) มี option ให้เลือกว่าอยากได้ครัวชิดหน้าต่างหรือชิดประตูทางเข้าห้อง
  • โครงการ Atmoz จะได้ครัวชิดหน้าต่างค่ะ เป็นครัวแนวยาว วางเคาน์เตอร์ครัวและฟังก์ชันชิดผนังฝั่งเดียว มีแบบให้เลือกที่น่าสนใจคือห้องที่ได้ห้องน้ำเข้าสองทางค่ะ

3. ห้อง 1 Bedroom Plus
แบบห้องนี้เป็น Type ที่ทุกโครงการมีเหมือนกันค่ะและก็มีขนาดที่ใกล้เคียงกันด้วย เหมาะสำหรับอยู่ 2-3 คน แต่รายละเอียดของการจัด layout ภายในห้องจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดนะ

  • นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา ห้อง 1 Bedroom plus ของโครงการนี้จะได้เป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้พื้นที่ต่างๆแยกเป็นสัดส่วน บรรยากาศภายในห้องแทบทุกฟังก์ชันจะได้ช่องแสง(หน้าต่าง) ช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัดค่ะ ห้องน้ำเข้าได้ 2 ทางด้วย เป็นการจัดแปลนที่ค่อนข้างลงตัวเลย
  • The MUVE บางนา เป็นห้องที่แต่ละส่วนแยกจากกันชัดเจนค่ะ เข้าห้องมาจะได้เป็นห้องครัวเปิด ส่วนพื้นที่นั่งเล่น+กินข้าวอาจจะดูใกล้ชิดกันไปนิด ดูเสียพื้นที่ให้กับส่วนที่เป็นทางเดินเยอะกว่าห้อง 1 Bedroom plus ของอีก 2 โครงการนะ แต่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.98 ล้าน ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นต่ำสุดของห้อง Type นี้ค่ะ
  • Atmoz บางนา จุดเด่นของห้อง 1 Bedroom plus ของโครงการนี้คือเป็นห้องแบบเดียวที่ได้ครัวปิด และห้องนอน+ห้องอเนกประสงค์เป็นห้องที่ได้ชิดกับช่องแสง(หรือหน้าต่าง) ราคาห้องนี้อยู่ในช่วง 2.76 -3.3 ล้านค่ะ

ชมบรรยากาศภายในห้องตัวอย่างแต่ละโครงการ

นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา

Image 1/5
นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา ห้อง 1 Bedroom ขนาด 24.30 – 24.80 ตร.ม.

นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา ห้อง 1 Bedroom ขนาด 24.30 – 24.80 ตร.ม.

ชมห้องตัวอย่างแบบอื่นๆเพิ่มที่ >> พรีวิว NUE NOBLE CENTRE BANGNA 

The MUVE บางนา

Image 1/5
The MUVE บางนา 1 Bedroom ขนาด 24-25.50 ตร.ม.

The MUVE บางนา 1 Bedroom ขนาด 24-25.50 ตร.ม.

ชมห้องตัวอย่างฉบับเต็ม >> รีวิวห้องตัวอย่าง The MUVE บางนา

Atmoz บางนา

Image 1/5
Atmoz บางนา 1 Bedroom Exclusive ขนาด 26.27 ตร.ม.

Atmoz บางนา 1 Bedroom Exclusive ขนาด 26.27 ตร.ม.

ชมห้องตัวอย่างแบบอื่นๆ >> รีวิว Atmoz บางนา

วิเคราะห์ราคา

ในเรื่องราคาเราขอสรุปจากงบประมาณให้ทุกคนเห็นภาพกันนะคะ ว่าถ้ามีงบประมาณหรือเงินในมือเท่านี้ล้านบาท มีห้องแบบไหนให้เลือกในแต่ช่วงงบประมาณบ้าง? โดยทั้ง 3 โครงการมีรูปแบบการขายแบบ Fully Furnished ทั้งหมดเลย ทำให้ราคานี้เป็นราคาห้อง + เฟอร์นิเจอร์หลักๆภายในห้อง ให้มาเกือบครบแล้ว อาจจะเผื่อเงินเล็กน้อยไว้ซื้อฟูก หมอน ของตกแต่งต่างๆหลักหมื่น ก็พร้อมเข้าอยู่แล้วค่ะ

** ราคาที่นำมาลงในบทความเป็นราคาที่อ้างอิงมาจากรีวิวและพรีวิวใน website ของ ThinkofLiving เท่านั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

  • งบประมาณ 1 – 1.5 ล้านบาท :
    ในช่วงงบประมาณนี้จะมีตัวเลือกอยู่เพียงโครงการเดียวค่ะ คือ The MUVE บางนา เป็นห้องขนาดประมาณ 22-25 ตร.ม. 
  • งบประมาณ 1.5 – 2 ล้านบาท :
    ในช่วงงบประมาณนี้จะมีตัวเลือกอยู่ 2 โครงการค่ะ เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของ Atmoz บางนา ห้องขนาดประมาณ 22-25 ตร.ม.​ กับโครงการ The MUVE บางนาที่ได้ห้องใหญ่ 1 Bedroom Plus ขนาดประมาณ 35 ตร.ม.เลย
  • งบประมาณ 2 – 2.5 ล้านบาท :
    ในช่วงราคา 2 ล้านต้นๆจะมีตัวเลือกเป็น นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา ห้องขนาดเริ่มต้นประมาณ 24 ตร.ม. และโครงการ Atmoz บางนา ที่จะมีตัวเลือกห้องให้เลือกอยู่ 3 แบบ ขนาดห้องประมาณ 24-28 ตร.ม.ค่ะ
  • งบประมาณมากกว่า 2.5 ล้านบาท :
    จากข้อมูลที่มีจะมีโครงการ Atmoz บางนาที่ราคาห้องอยู่ในช่วงนี้นะคะ ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ 30 ตร.ม.ขึ้นไปค่ะ
  • อื่นๆ :
    ส่วนโครงการ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา เราได้ข้อมูลมาเฉพาะราคาเริ่มต้น ซึ่งห้องแบบอื่นๆนั้นเราคาดว่าราคาน่าจะสูงกว่า 2.5 ล้านบาทหมดเลย (คำนวณคร่าวๆจากราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.เริ่มต้นคูณกับขนาดห้อง) และด้วยความที่โครงการนี้มีรูปแบบห้องที่ขนาดใหญ่กว่าอีก 2 โครงการอย่างห้อง 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom Plus ทำให้ Target หรือกลุ่มลูกค้าของที่นี่แตกต่างจากอีก 2 โครงการด้วย เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคู่รัก หรือว่าครอบครัวเริ่มต้นที่ต้องการคอนโดที่อยู่สบายขึ้นค่ะ

*ทั้งนี้ความแตกต่างของราคาก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกสบายของทำเลโครงการ สภาพบรรยากาศ ความหนาแน่นของห้องพักอาศัย และ พื้นที่ส่วนกลางที่ได้ภายในโครงการเช่นกันค่ะ บางคนอาจจะยอมเพิ่มงบประมาณแลกกับทำเลที่ใกล้ห้าง หรือพื้นที่ส่วนกลางโดนใจที่ได้ใช้งานประจำก็ได้นะ


สรุปส่งท้าย

สุดท้ายนี้เรามองว่าทั้ง 3 โครงการมีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ

นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนาเป็นโครงการที่ออกแบบมาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการความสะดวกสบายทั้งเรื่องทำเลและที่พักอาศัย
ทำเล – ใกล้กับเซ็นทรัล บางนา ที่ตั้งตรงนั้นนอกจากเซ็นทรัลก็จะมี Big-C และ Community mall อย่าง Little Walk บางนา เรียกได้ว่าอยู่แล้วสะดวก หาของกิน ของใช้ ของชอปง่าย สบายสุด
ตัวโครงการ – ถือว่าค่อนข้าง Private เลยค่ะ จำนวนยูนิตน้อยสุดเมื่อเทียบกับอีก 2 โครงการ พื้นที่ส่วนกลางก็แยกอาคารออกมาใช้งานสะดวกไม่ว่าจะอยู่อาคารไหน แชร์กันใช้งานน้อย ประมาณ 200 ยูนิตเท่านั้น
ห้องพักอาศัย – ที่นี่จะออกแบบให้มีแค่ 7 ชั้น แปลว่าความสูงของห้องจะมากกว่าโครงการอื่นๆที่เอามาเปรียบเทียบให้ดูค่ะ ทำให้ในแง่การใช้งานภายในห้องก็จะดูโปร่งโล่งมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ที่นี่ก็จะมีห้องขนาดใหญ่อย่าง 2 Bedroom ขายซึ่งอีก 2 โครงการไม่มีค่ะ ตอบโจทย์วัยสร้างครอบครัวได้นะคะ

The MUVE บางนา – จุดเด่นคือเรื่องราคา เป็นโครงการจากแสนสิริที่ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้าน และ ขายแบบ Fully Furnished
ทำเล – ทำเลนี้เรามองว่ามีความเฉพาะอยู่เหมือนกันค่ะ เป็นทำเลที่รอบๆ มีแหล่งงานอย่าง ตึก AIA, Index living mall, Chic republic และโรงเรียนนานาชาติตั้งอยู่ ดังนั้นกลุ่มลูกค้าหลักของ The Muve บางนา น่าจะเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ตรงนี้แน่นอน
ราคา – แต่ด้วยราคาที่ทำออกมาอยู่ในช่วง 1-2 ล้านบาท ก็ช่วยดึงกลุ่มลูกค้าที่มองหาคอนโดบนเส้นบางนา-ตราดโซนอื่นๆมาได้ด้วย หรืออาจจะเป็นนักลงทุนที่มองหาคอนโดราคาไม่สูงมาก ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ บนทำเลที่มี demand เอาไว้ลงทุน
พื้นที่ส่วนกลาง – เมื่อเทียบกับคอนโดที่ราคา 1-2 ล้าน เรามองว่าที่นี่ให้พื้นที่ส่วนกลางมาไม่น้อยเลยค่ะ มีทั้งสระว่ายน้ำ(The MUVE ทำเลอื่นไม่มี) หรือส่วนกลางฟังก์ชันเก๋แบบ Tutoring Room, Self-Coffee Machine ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน นอกจากนี้เรื่องการดีไซน์ที่ Stylish สนุกสนานก็เป็นเรื่องที่เราไว้วางใจได้จากแสนสิริเช่นกันค่ะ

Atmoz บางนาโครงการติดถนนใหญ่ ฝั่งขาเข้าเมืองที่จัดเต็มเรื่องพื้นที่ส่วนกลาง
ทำเล – หายากเหมือนกันนะคะที่คอนโด Low Rise จะอยู่ติดกับถนนใหญ่ ซึ่ง Atmoz บางนานี้นอกจากจะติดถนนใหญ่แล้วยังอยู่ฝั่งขาเข้าเมืองอีกด้วย (มุ่งหน้าไปยังสุขุมวิท) แต่ว่าตรงนี้ความอุดมสมบูรณ์อย่างเช่นอาหารการกินที่อยู่ในละแวกเดินไหวก็อาจจะสู้อีก 2 โครงการไม่ได้ เราหลากหลายไม่เท่า แต่ก็พอมีตลาดให้ไปซื้ออาหารการกินอยู่เหมือนกันค่ะ
พื้นที่ส่วนกลาง – ด้วยรูปแบบโครงการที่เป็นกลุ่มคอนโดหลายอาคาร ที่ดินก็ประมาณ 10 ไร่ เลยทำให้พื้นที่ส่วนกลางมีขนาดใหญ่ และหลากหลายมากรวมแล้วมากถึง 40 อย่าง (แค่สระว่ายน้ำก็มีให้มา 2 สระแล้ว) มีทั้งส่วนกลางที่อยู่ indoor ตามอาคารต่างๆและส่วนกลาง outdoor ให้ใช้งาน โครงการนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางมาก อยู่ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเพียบค่ะ
Shuttle Service – หัวข้อนี้เรามองว่าค่อนข้างแปลก แต่ก็พิเศษพอสมควร เพราะที่นี่มี Shuttle Service รับส่งที่สถานีรถไฟฟ้าบางนา (สายสีเขียว) และสถานีรถไฟฟ้าศรีเอี่ยม (สายสีเหลืองในอนาคต)อีกด้วย เป็นฟังก์ชันที่อำนวยความสะดวกให้กับคนที่วันธรรมดาอาจจะทำงานเส้นบางนา-ตราด แต่เสาร์อาทิตย์อยากเข้าเมืองไปหาเพื่อนก็สะดวก และ ประหยัดเงินค่ารถได้ด้วยนะคะ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการเปรียบเทียบ 3 โครงการย่านบางนาจากมุมมองของเราค่ะ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านที่กำลังมองหาคอนโดอยู่ตัดสินใจเลือกคอนโดที่ตรงความต้องการได้ดีขึ้นนะคะ และถ้าใครอยากให้เราเทียบโครงการอื่นๆบนทำเลไหนเพิ่มเติม ก็สามารถ Comment ทิ้งเอาไว้ได้ค่ะ