รีวิวฉบับที่ 2149 … Grande Pleno รามอินทรา – วงแหวน จาก AP ตั้งอยู่บนถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ไม่ไกลจากจุดขึ้นทางด่วนฉลองรัชและวงแหวนกาญจนาฯ จุดเด่นคือเป็นบ้านแฝดมีที่ดินใหญ่ เริ่มต้น 50 ตร.วาขึ้นไป และเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 80 หลัง ส่วนฟังก์ชันก็เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 3 – 4 คน ซึ่งยังมีพื้นที่ข้างบ้านและหลังบ้านมากพอให้ปลูกต้นไม้ ทำสวน หรือต่อเติมเพิ่มได้อีกด้วย หากใครสนใจแล้วล่ะก็ เราไปดูรายละเอียดกันเลยครับ
ข้อมูลโครงการ
Fact @ 20 October 2020
- แกรนด์ พลีโน่ รามอินทรา – วงแหวน (Grande Pleno Ramintra – Wongwaen)
- บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านปี 2020 ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก เขตคลองสามวา
- เนื้อที่โครงการ 18-0-45 ไร่ จำนวน 80 ยูนิต
- OLIVIA บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 119.73 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 4.98 ล้านบาท - ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 1 – 2.6 เมตร / ชั้น 2 – 2.75 เมตร
- ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 100,000 บาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2563
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปี 2564
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1623
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.9043862,100.6957033
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ Grande Pleno รามอินทรา – วงแหวน ตั้งอยู่บนถนนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นโซนกรุงเทพฯทางตอนเหนือของรามอินทรา ใกล้ๆกับย่านสุขาภิบาล 5 – จตุโชติ (หรือเกือบจะถึงลำลูกกา-สายไหม) โดยจุดเด่นของทำเลนี้คือ เราสามารถไปใช้ทางด่วนฉลองรัช หรือถนนกาญจนาภิเษกเพื่อเข้า-ออกเมืองได้ไม่ยาก เรียกได้ว่าอยู่ระหว่างกึ่งกลางพอดี แต่อาจต้องมีการกลับรถหรือใช้ซอยลัดเพื่อไปออกถนนใหญ่อยู่บ้างนะครับ
และสิ่งที่ต้องคำนึงอีกอย่างคือ “ความอุดมสมบูรณ์ที่ยังมีไม่มากนัก” เพราะเป็นโซนที่อยู่อาศัยใหม่ที่ขยายมาจากย่านเดิมอย่าง สุขาภิบาล 5 – จตุโชติ ที่ปัจจุบันมีโครงการแนวราบเกิดขึ้นอย่างหนาแน่น จึงมีตลาดและร้านค้าเข้ามาในพื้นที่ค่อนข้างคึกคัก ส่วนบนถนนเลียบกาญจนาฯ อาจจะดูเงียบๆหน่อย แต่ก็ไม่พลุกพล่านหรือรถติดมากนัก ส่วนแหล่งจับจ่ายใช้สอยส่วนใหญ่ก็จะต้องขับรถไปสัก 20 – 30 นาที แต่สมัยนี้ถ้าไม่อยากออกไปเองให้เหนื่อย การสั่งออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สะดวกดีครับ ส่วนใกล้ๆกับโครงการก็พอจะมีร้านอาหารตามสั่งง่ายๆ กับเซเว่นอยู่บ้าง ซึ่งอยู่หน้าปากซอยหนองระแหงในระยะ 200 m.
ทางพิเศษที่ใกล้ที่สุด :
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนฉลองรัช ด่านจตุโชติ ซึ่งจากโครงการของเราจะต้องขับรถย้อนไปกลับรถก่อน ประมาณ 400 m. และระยะทางรวมที่จะมาถึงด่านเก็บเงินก็คือ 2.7 km. ถือว่าไม่ไกลมากนัก สามารถขับเข้าเมืองได้ไม่ยากครับ
การเดินทางมายังโครงการ :
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ผมก็มาจากทางด่วนฉลองรัช ซึ่งพอเราลงมายังถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกมาแล้ว ก็จะต้องไปกลับรถมาก่อนครั้งหนึ่ง และเราจะก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่างสีเขียวรอการพัฒนาครับ แต่ก็จะมีชุมชนดั้งเดิมอย่างซอยหนองระแหงอยู่ใกล้ๆ ซึ่งหน้าปากซอยก็จะมีร้านอาหารตามสั่งและเซเว่นตั้งอยู่ด้วย สามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ทางเข้าหลักโครงการ ติดกับถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก
- ทิศใต้ : ติดกับที่ว่างรอการพัฒนา
- ทิศตะวันออก : ติดกับที่ว่างรอการพัฒนา และชุมชนหนองระแหง
- ทิศตะวันตก : ติดกับที่ว่างรอการพัฒนา
ด้านขวาของโครงการจะติดกับที่ว่าง และถนนคู่ขนานกาญจนาฯทิศทางนี้ ถ้าตรงไปอีกหน่อยก็จะมีทางให้กลับรถใต้ทางด่วน เพื่อไปขึ้นทางพิเศษฉลองรัชได้อีก 1 เส้นทาง เหมือนที่บอกไปก่อนหน้านี้ครับ
ส่วนด้านซ้ายของโครงการจะเป็นถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกเส้นทางหลัก เพราะสามารถไปกลับรถขึ้นทางด่วนฉลองรัชฝั่งตรงข้าม หรือไปขึ้นกาญจนาฯบนถนนลำลูกกาก็ได้ครับ
ติดกับรั้วโครงการผมเห็นว่าปัจจุบันมีร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่กำลังจะเปิดบริการเร็วๆนี้ด้วยนะ ร้านน่าจะสวยดีเหมือนกัน และอาจจะเป็นร้านเจ้าประจำสำหรับลูกบ้านก็ได้เลยล่ะ
และถัดมาอีก 200 m. ก็จะถึงปากซอยหนองระแหง ซึ่งด้านหน้าจะมีร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ร้านน้ำปั่น ร้านก๋วยเตี๋ยว และเซเว่นตั้งอยู่ครับ สามารถขี่มอไซค์หรือจักรยานมาซื้อของจากบ้านได้นะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย ~ 1.7 km.
- มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ~ 2.6 km.
- สวนสัตว์ซาฟารี (ซาฟารีเวิลด์) ~ 6.7 km.
- ตลาดออเงิน ~ 7 km.
- Big C คู้บอน ~ 9.4 km.
- Promenade ~ 10.4 km.
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ~ 10.8 km.
- โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ~ 11.3 km.
- Fashion Island ~ 11.5 km.
- โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล ~ 13.7 km.
- Chocolate Ville ~ 15.2 km.
- Big C รามอินทรา ~ 15 km.
- มหาวิทยาลัยเกริก ~ 15.9 km.
- Central รามอินทรา ~ 16 km.
- Crystal Design Center (CDC) ~ 18.1 km.
- Central Festival Eastville ~ 18.4 km.
- Crystal Park ~ 19.7 km.
รายละเอียดโครงการ
โครงการ Grande Pleno รามอินทรา – วงแหวน มีขนาดที่ดินทั้งหมด 18-0-45 ไร่ จุดเด่นอย่างแรกที่ผมเห็นเลยคือเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงจำนวนยูนิตที่มีเพียง 80 หลังเท่านั้น (ในขณะที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงมักมีเป็นร้อยหลัง) แต่ยังรวมถึงวิธีการวางผังโครงการ ที่แต่ละซอยย่อยจะมีเพื่อนบ้านแค่เพียง 4 ยูนิต ซึ่งนั่นเป็นเพราะบ้านแฝดของโครงการนี้มีที่ดินค่อนข้างใหญ่เหมือนบ้านเดี่ยวเลยล่ะ
จะมีก็แค่โซนที่อยู่ติดถนนหลักของโครงการเท่านั้น ที่อาจมีรถผ่านไป-มาหน้าบ้านเยอะกว่าบ้านในซอยหน่อย แต่ก็ดีตรงที่หน้าบ้านเค้าจะไม่ต้องหันหน้าชนกับบ้านฝั่งตรงข้ามเลยครับ ส่วนอาคาร Clubhouse และสวน จะอยู่บริเวณด้านหน้าสุดของโครงการ ซึ่งบ้านที่อยู่เฟสด้านในสุดก็จะอยู่ห่างประมาณ 400 m. หากแดดร่มๆและเป็นคนขยันเดินหน่อย ก็ยังเป็นระยะที่สามารถเดินมาใช้งานได้อยู่นะครับ โดยบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลย
ทางเข้าโครงการจะไม่ได้ทำเป็นซุ้มประตู ที่มีหลังคาบังแดดบังฝนมาให้นะครับ แต่จะเป็นแบบเปิดโล่งแบบนี้แหละ พร้อมกับมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง แยกทางเข้า-ออก 2 ฝั่งชัดเจน
ระบบเข้า-ออก จะมีไม้กั้นกระดก และใช้เป็นการสแกนป้ายทะเบียนรถ พร้อมกับกล้อง CCTV และมีประตูคนเดินแยกเอาไว้ทั้ง 2 ด้านด้วยครับ
และสำหรับโครงการนี้ก็จะใช้ระบบรักษาความปลอดภัย KATSAN ที่เป็นมาตรฐานของ AP ทุกๆโครงการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ค่อนข้างดี เช่น สามารถลงทะเบียนรถของแขกที่จะมาหาไว้ล่วงหน้าได้ หรือถ้ามีใครมาหาแล้วเราไม่สะดวกรับแขก/หรือเราไม่อยู่บ้านพอดี ก็สามารถกดปฏิเสธผ่าน Application ได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้คนภายนอกเข้ามาในหมู่บ้านให้เสียความเป็นส่วนตัวครับ
เมื่อผ่านป้อม รปภ. เราจะเจอกับทางแยก โดยตรงกลางจะเป็นถนนหลักที่จะเข้าไปสู่เฟสด้านในของโครงการ (ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างกันอยู่เลย)
ซอยทางขวามือเป็นซอยบ้านพักอาศัย และปัจจุบันสามารถใช้เป็นจุดจอดรถได้ครับ
ส่วนซอยทางซ้ายมือจะเป็น Sales Gallery และบ้านตัวอย่าง
รวมถึงฝั่งตรงข้ามของบ้านตัวอย่างก็จะมีอาคาร Clubhouse ตั้งอยู่ด้วยครับ ซึ่งจะเป็นอาคารชั้นเดียวสไตล์ Modern พร้อมกับมีที่จอดรถด้านหน้า 2 ช่องด้วยกัน ส่วนหลังกำแพงซ้ายมือจะเป็นสำนักงานนิติบุคคลครับ
เมื่อเข้ามาในอาคารเราจะเจอ Fitness เป็นห้องแรกอยู่ทางขวามือ
ภายในจะมีเครื่องเล่นอยู่ประมาณ 3 – 4 ชิ้น สามารถออกกำลังกายและมองออกไปนอกหน้าต่างได้ ซึ่งเค้าก็จะปลูกแนวต้นไม้เอาไว้ให้รู้สึกสดชื่น และร่มรื่นสบายตาขึ้นหน่อยนึง
ถัดเข้ามาด้านซ้ายมือของทางเดินจะมีที่นั่งพักผ่อนริมสระน้ำได้ โดยจะเป็นที่นั่งแบบปูนก่อแข็งแรงใช้งานได้นานๆ ไม่ได้เป็นโต๊ะเก้าอี้หรือ Day Bed ให้นอนเล่นได้นะครับ
ส่วนขวามือจะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 6 x 14 m. และเป็นสระแบบกลางแจ้งครับ สามารถว่ายน้ำได้ไปและชมสวนไปได้ด้วย
แต่จริงๆแล้วจุดที่ผมชอบก็คือ “ความเป็นส่วนตัวของสระ” ซึ่งจะมีผนังของอาคาร Clubhouse ช่วยบังสายตาจากคนภายนอกได้อย่างมิดชิดเลยนั่นเองครับ
ส่วนจุดที่ลงสระก็จะมีบันไดให้เดินลงสบายๆ และมีที่นั่งพักในน้ำด้วยนะ
อีกมุมหนึ่งจะเป็นสระเด็ก และมีกระถางต้นไม้กั้นแยกเอาไว้ชัดเจนเพื่อความปลอดภัย ช่วยลดความกังวลว่าน้องๆจะปีนข้ามมาสระลึกได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงเป็นสระที่อยู่ในร่มแดดไม่ร้อนนั่นเองครับ
เลี้ยวซ้ายมาตามทางเดินจะเป็นจุดล้างตัวและห้องน้ำแยกชาย-หญิง ซึ่งปัจจุบันอาจมีสุขภัณฑ์บางส่วนยังติดตั้งไม่เรียบร้อย ผมจึงถ่ายบรรยากาศรวมๆมาให้ชมตามนี้นะครับ
นอกจากนี้ก็จะมีสวนขนาดประมาณ 1 ไร่ ให้มาเดินเล่นพักผ่อนได้ครับ โดยจะมีที่นั่งและเครื่องเล่นอยู่ 2 ชิ้นนะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือขนาด 6 x 14 เมตร
- สระเด็ก 1 สระ
- ห้องออกกำลังกาย ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 3 – 4 เครื่อง
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด รวมประมาณ 1 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 6 จุด 11 ตัว
- รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 9 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
- เข้า-ออก ด้วยการสแกนป้ายทะเบียนรถ
- ระบบรักษาความปลอดภัย KATSAN
แบบบ้าน
แบบบ้านของโครงการจะมีแค่แบบเดียวเท่านั้นคือ OLIVIA บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 119.73 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
โดยหากสังเกตดีๆจะเห็นว่า Facade หรือหน้าตาของตัวบ้าน จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ในส่วนของลวดลายตรงประตูทางเข้าบ้าน กับขอบด้านล่างของหน้าต่างโถงบันไดตรงกลางนั่นเอง
เรามาดูแปลนบ้านกันก่อน เริ่มที่ชั้น 1 บ้านทั้งสองจะมีส่วนเชื่อมกันตรงหลังคาพื้นที่จอดรถหน้าบ้าน ส่วนภายในบ้านจะไม่มีผนังหรือส่วนอื่นๆเชื่อมกันอีก ทำให้มีความเป็นส่วนตัวรอบบ้านมากขึ้น อีกทั้งยังมีพื้นที่เดินรอบบ้านได้เหมือนบ้านเดี่ยวเลยครับ โดยสวนข้างบ้านนับว่าเป็นจุดเด่นหลักของบ้านแฝดโครงการนี้เลย เพราะบางหลังสวนจะกว้างถึง 4 – 5 m. เลยก็มี จึงเหมาะกับคนที่ชอบปลูกต้นไม้ ทำสวนใหญ่ๆ หรือต้องการพื้นที่เผื่อต่อเติมฟังก์ชันเพิ่มได้ในอนาคตนั่นเอง
ส่วนในบ้านชั้นแรกจะเป็น Common area รูปตัว L ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อทั้งพื้นที่นั่งเล่น โต๊ะทานอาหาร และพื้นที่อเนกประสงค์หน้าห้องน้ำ ที่เราสามารถทำเคาน์เตอร์ครัวฝั่งเพิ่มได้สบายๆ ส่วนครัวไทยจะเป็นครัวเปิดที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนอื่นในบ้าน ซึ่งถ้าจะทำอาหารจริงจังที่อาจมีกลิ่นหรือควันเยอะๆ ก็สามารถกั้นผนังเพิ่มเติม หรือจะออกไปก่อเคาน์เตอร์ทำครัวไทยนอกบ้านแยกออกไปเลยก็ได้ครับ และตำแหน่งของประตูห้องครัวหรือลานซักล้างแบบนี้ผมก็ชอบนะ คือในกรณีถ้าเราไปซื้อของมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วจะขนของไปเก็บในครัวก็ทำได้ค่อนข้างง่ายครับ ไม่ต้องเดินอ้อมไปหน้าบ้าน หรือเดินผ่านฟังก์ชันอื่นก่อนนั่นเอง
ขยับขึ้นมาชั้น 2 จะมีโถงบันไดที่กว้างใช้งานง่าย (เดินสวนกันได้สบายๆ) มีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง 1 ห้อง ซึ่งจะแชร์ร่วมกันระหว่างห้องนอนทั้ง 3 โดยจะมีประตูที่เข้าออกได้ 2 ทาง ซึ่งห้อง Master Bedroom ก็จะค่อนข้างสะดวกสำหรับพ่อ-แม่ หรือเจ้าของบ้านครับ และสิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างคือ แบบบ้านนี้จะไม่มีระเบียงเลย นั่นเพราะเค้าต้องการเน้นให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้เยอะที่สุดนั่นเอง
โดยรวมแล้วบ้านแฝดหลังนี้จะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก ถ้าอยู่ด้วยกัน 3 คนพ่อ-แม่-ลูกกำลังดี เพราะเค้ามีที่จอดรถ 2 คัน พ่อแม่ใช้คันนึงลูกใช้คันนึง ส่วนห้องนอนอีกห้องก็อาจทำเป็นห้องพระหรือห้องทำงานได้ และถ้าครอบครัวไหนมีลูก 2 คนก็สามารถอยู่ได้เช่นกันครับ แต่อาจแชร์ห้องน้ำชั้นบนร่วมกันเยอะหน่อย ถ้าไม่พอก็ลงมาใช้ห้องน้ำชั้นล่างได้ เพราะเค้าเตรียมพื้นที่อาบน้ำไว้รองรับแล้วครับ
ผมพามาดูประตูรั้วและพื้นที่รอบบ้านจากบ้านมาตรฐานกันก่อนนะ ซึ่งเราจะได้เป็นประตูเหล็กรางเลื่อนยาวแบบตอนเดียว ใช้งานได้ค่อนข้างสะดวกเลยครับ นั่นเพราะที่ดินของบ้านเป็นแบบหน้ากว้างนั่นเอง
ส่วนที่จอดรถก็กว้าง 5.3 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันพอดีๆ โดยหลังคาจะมีระยะครอบคลุมรถได้ประมาณครึ่งคันเท่านั้น ถ้าใครไม่อยากจอดรถกลางแจ้งโดนแดด ก็อาจทำหลังคาเพิ่มได้นะ ส่วนพื้นที่จอดรถจะเป็นแบบ Slab On Ground ไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้ ดังนั้นในอนาคตพื้นก็อาจเกิดการทรุดตัว และแยกออกจากส่วนลงเสาเข็มที่อยู่ใต้ชายคาบ้านนั่นเอง
ส่วนอีกด้านของรั้วบ้านก็จะมีช่องทิ้งขยะเตรียมเอาไว้ให้แล้วครับ ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถเปิดถังและทิ้งขยะจากในบ้านได้สะดวกเลย ส่วนรถเก็บขยะเค้าก็จะเปิดเก็บจากหน้าบ้านได้ง่ายเช่นกัน
เรากลับมาดูบ้านตัวอย่างกันต่อครับ ประตูทางเข้าบ้านหลักจะเป็นกระจกบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดแสง และมีตัวล็อค 2 จุด ซึ่งสิ่งที่น่าสังเกตคือ เฉลียงหน้าบ้านค่อนข้างเล็ก และไม่มีหลังคาหรือกันสาดช่วยบังแดดบังฝน ซึ่งเวลาฝนตกน้ำก็อาจสาดโดนประตูและรั่วซึมเข้าบ้านได้ง่ายเช่นกันครับ (อาจต้องทำกันสาดเพิ่มนะ)
เข้ามาในบ้านเราจะเจอกับส่วนนั่งเล่นรับแขกก่อน ซึ่งจะเชื่อมต่อไปจนถึงโต๊ะทานอาหารหลังบ้าน พร้อมกับมีช่องหน้าต่างและประตูกระจกทุกด้าน บรรยากาศจึงค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียว โดยระยะดูทีวีจะกว้างอยู่ที่ 2.6 m. พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ และฝ้าเพดานสูง 2.6 m.
ถัดเข้ามาจะเป็นโต๊ะทานอาหารที่อยู่ติดกับหน้าต่าง และประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไปสวนหลังบ้านได้ ซึ่งพื้นที่ก็กว้างมากพอที่จะวางโต๊ะตัวใหญ่ๆ 6 – 8 ที่นั่งได้สบายๆเลยครับ
ส่วนด้านนอกของประตูจะมีขั้นบันไดเล็กๆ 1 ขั้นก่อนเดินลงสวน ซึ่งเราอาจทำเฉียงใหญ่ๆ ให้เดินออกมานั่งรับลมเล่นๆแบบจริงจังได้นะครับ เพราะบางทีเราอาจไม่ได้อยากใส่รองเท้าแล้วเดินลงสวนทุกครั้งนั่นเอง
ส่วน “พื้นที่รอบบ้าน” คือจุดเด่นที่สุดของโครงการนี้เลยทีเดียว ซึ่งจะมีขนาด 50 ตร.วาขึ้นไป (มากกว่าบ้านแฝดมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดที่ 35 ตร.วา และเท่ากับบ้านเดี่ยวเลยครับ) อย่างบ้านมาตรฐานหลังนี้ผมวัดความกว้างของสวนข้างบ้านได้ 4 m. และหลังบ้านอีก 3.8 m. (ขนาดจะแตกต่างกันไปในแต่ละแปลง)
ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับคนที่ชอบปลูกต้นไม้ทำสวนเยอะๆ หรืออยากมีพื้นที่ให้ลูกหลานวิ่งเล่นรอบบ้านได้ รวมถึงคนที่อยากต่อเติมเพิ่มในอนาคต เช่น ทำเรือนรับรอง ศาลานั่งเล่น หรือทำห้องอเนกประสงค์เพิ่มอีกห้องได้ด้วยครับ เพราะโครงสร้างของบ้านนี้จะเป็นก่ออิฐมวลเบา สามารถทุบหรือเจาะได้ง่ายนั่นเอง
กลับเข้ามาในบ้านกันต่อ ซึ่งพื้นที่ถัดมาจะเป็นโถงทางเดินเชื่อมไปยังบันได ครัว และห้องน้ำ
จากบ้านตัวอย่างจะเห็นว่าพื้นที่ขวามือยังว่างๆโล่งๆอยู่ ซึ่งเราสามารถทำตู้เต็มผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ หรือจะก่อเป็นเคาน์เตอร์ครัวฝรั่งเก๋ๆ ไว้เตรียมอาหารเบาๆก็ได้อีกเช่นกัน
ส่วนห้องน้ำจะมีขนาดใช้งานพอดีๆ และเป็นแบบมีพื้นที่อาบน้ำไว้รองรับด้วยครับ โดยเราจะต้องกั้นฉากกั้นอาบน้ำ หรือติดม่านพลาสติกเพิ่มเติมเอง ซึ่งพื้นจะมีการลดระดับแยกฟังก์ชันเอาไว้ให้แล้ว พร้อมกับมีช่องหน้าต่างระบายอากาศให้ด้วย
สุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นของ Cotto และตรง Hand Shower จะมี Junction Box เอาไว้ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้พร้อมแล้วครับ แต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ เค้าให้กระจกเงามาเป็นบานใหญ่มาก ซึ่งนอกจากจะส่องได้ทั้งตัวแล้วก็ยังทำให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย
ติดกันจะเป็นครัวเปิดที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนอื่นในบ้าน ดังนั้นจึงอาจไม่เหมาะจะทำอาหารจริงจังที่มีกลิ่นหรือควันฟุ้งสักเท่าไหร่ แต่เค้าก็ออกแบบมาให้มีระยะเผื่อสำหรับกั้นทำเป็นครัวปิดได้สบายๆเลยครับ และของจริงเราจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ต้อง Built in เคาร์เตอร์ครัวเอง โดยเค้าจะทิ้งเป็นท่อน้ำและงานระบบต่างๆเอาไว้ให้นะ
เปิดประตูออกมาเราจะเจอลานซักล้างที่อยู่ข้างบ้านครับ (ไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้) และยังอยู่ติดกับพื้นที่จอดรถอีกด้วย เวลาขนของเข้าไปเก็บในครัวจึงทำได้ง่ายมากๆ แต่ก็อาจมีบางคนที่กังวลว่าเวลามองจากหน้าบ้าน พื้นที่นี้อาจดูไม่เรียบร้อยมากนัก
ซึ่งเราสามารถแก้ได้ง่ายๆโดยอาจทำระแนงไม้ หรือหาต้นไม้กระถางมาตั้งเพื่อบังสายตาได้ รวมถึงเราอาจก่อเคาน์เตอร์ครัวไทย ครอบบริเวณส่วนปั๊มน้ำเพิ่มก็ได้นะครับ จะทำให้พื้นที่ดูเรียบร้อยและใช้งานได้ดีขึ้นด้วยนะ
ส่วนพื้นที่สวนหลังบ้านก็อาจใช้ตากผ้า หรือปลูกต้นไม้ตามความชอบได้เลย
กลับเข้ามาตรงกลางบ้านที่ใต้บันไดจะเป็นห้องเก็บของขนาดใหญ่ ที่มีประตูสูงสามารถเดินเข้าไปได้ทั้งตัว เก็บของได้เยอะเลยครับ
ส่วนโครงสร้างบันไดจะเป็นโครงเหล็ก เวลาเดินหรือวิ่งขึ้น-ลงเร็วๆ จะรู้สึกโปร่งๆด้านในบ้างแต่ก็ใช้งานได้ดี ปิดผิวด้วยไม้ยางพารา พร้อมกับมีช่องแสงขนาดใหญ่ และติดไฟส่องสว่างตรงขั้นบันไดเป็นระยะๆเพื่อความปลอดภัยให้ด้วยครับ
ส่วนโถงบันไดชั้น 2 ก็ค่อนข้างกว้างดีทีเดียว สามารถเดินสวนกันออกจากห้องพร้อมๆกันได้สบายๆ ประกอบด้วยห้องนอน 3 ห้อง และมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง ส่วนฝ้าเพดานจะสูงกว่าชั้นแรกอยู่ที่ 2.75 m. และเปลี่ยนพื้นเป็นไม้ลามิเนตครับ
เริ่มจากห้อง Master Bedroom ที่อยู่ซ้ายมือก่อนเลย ภายในจะค่อนข้างกว้างครับ (ขนาด 5.65 x 2.9 m.) กินพื้นที่ตั้งแต่หน้าบ้านมาจนถึงหลังบ้านเลยทีเดียว โดยจะได้แสงสว่างจากช่องหน้าต่างถึง 2 ด้านเลยครับ
ซึ่งหน้าต่างที่หัวเตียงทั้ง 2 จะเป็นบานกระทุ้ง สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้ และถ้าเราเปิดพร้อมกับหน้าต่างบานเลื่อนหน้าบ้าน ก็จะมีลมพัดถ่ายเทอากาศได้ดีทีเดียวครับ
ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า หรือจะทำเป็น Walk in closet แบบจริงจังเลยก็ได้ ซึ่งการที่เค้าไม่ได้ทำช่องหน้าต่างหลังบ้านแบบนี้ ก็ทำให้เราสามารถ Built ตู้เสื้อผ้าเป็นรูปตัว L เต็มผนัง เพื่อให้เก็บของได้เต็มที่มากที่สุดนั่นเองครับ ส่วนขวามือจะเป็นประตูห้องน้ำนะ
ภายในห้องน้ำจะมีสเปกและสุขภัณฑ์ของ Cotto เหมือนกับห้องด้านล่างทุกอย่างเลยครับ แต่พิเศษหน่อยคือจะมีทางเข้า-ออก 2 ทาง จากห้องนอนใหญ่และโถงกลาง เพื่อแชร์ห้องน้ำร่วมกับห้องนอนเล็ก ซึ่งห้องนอนใหญ่จะได้ความสะดวกตรงที่ สามารถเปิดเข้ามาใช้จากในห้องตัวเองได้เลย
ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่โซนหลังบ้าน และเป็นห้องขนาดเล็กที่สุด 2.5 x 3 m. ซึ่งพอจะวางเตียง 3.5 ฟุตได้พอดี แต่ถ้าครอบครัวไหนมีลูกแค่คนเดียว ก็อาจเปลี่ยนห้องนี้เป็นห้องพระหรือห้องทำงานได้นะครับ
ส่วนห้องนอนที่อยู่โซนหน้าบ้านจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย 3 x 3 m. ซึ่งกว้างพอที่จะวางเตียง 5 ฟุตได้แล้วครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
Fact @ 20 October 2020
- OLIVIA บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 119.73 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 4.98 ล้านบาท - จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 20,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 100,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 47 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- Promotion : ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน และแถมเครื่องปรังอากาศ 3 ห้องนอน พร้อมส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท (เป็นโปรโมชันของเดือน พ.ย. 2020 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง ลองสอบถามดูอีกครั้งนะครับ)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ถนนคู่ขนานกาญจนาฯบริเวณนี้ เรียกได้ว่าเป็นทำเลอยู่อาศัยใหม่ที่ขยับขยายมาจากโซนสุขาภิบาล 5 – จตุโชติ ที่ปัจจุบันมีโครงการแนวราบและความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างเยอะอยู่ก่อนแล้ว แน่นอนว่าราคาก็ค่อนข้างไปไกลแล้วเหมือนกัน โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด ราคาก็ปาเข้าไปเกือบ 10 ล้านขึ้นไปแล้ว แต่สำหรับโซนใหม่อย่างถนนคู่ขนานกาญจนาฯ จะมีราคาจับต้องได้ง่ายกว่า ในขณะที่ยังคงเดินทางได้สะดวกเหมือนกัน และปัจจุบันอาจมีความคึกคักที่ไม่มากนัก แต่ก็พอจะหาร้านตามสั่งหรือร้านสะดวกซื้อใกล้กับโครงการได้อยู่บ้างครับ ซึ่งถ้าใครเป็นคนง่ายๆอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็อาจไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ถ้าอยากเดินตลาดใหญ่ๆหรือห้างสรรพสินค้าล่ะก็ อาจต้องขับรถไปสัก 20 – 30 นาที
พูดถึงเรื่องการเดินทางด้วยรถแล้ว ก็ถือเป็นจุดเด่นในเรื่องทำเลของโครงการนี้ครับ เพราะเค้าตั้งอยู่ระหว่างจุดขึ้นทางด่วนฉลองรัช และจุดขึ้นวงแหวนกาญจนาฯ ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย แต่ก็อาจต้องมีการไปกลับรถวนอ้อมสักหน่อย หรือใช้ซอยลัดไปออกถนนใหญ่ลำลูกกาเพื่อไปขึ้นวงแหวนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ลำบากจนเกินไปนัก และก็เป็นโชคดีอย่างนึงที่ถนนคู่ขนานกาญจนาฯช่วงนี้ รถจะไม่เยอะหรือติดยาว เหมือนโซนเพื่อนบ้านที่หมู่บ้านหรือปริมาณรถเยอะกว่า แต่ก็ต้องเผื่อเวลาไปกลับรถขึ้นทางด่วนสักประมาณ 15 – 20 นาทีครับ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : รอบโครงการมีรั้วสูง 2.5 m. ส่วนทางเข้า-ออกด้านหน้าจะมีป้อม รปภ. และกล้อง CCTV เป็นมาตรฐาน ส่วนไม้กั้นกระดกจะใช้การสแกนป้ายทะเบียนรถ ควบคู่กับระบบ KATSAN ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานของ AP เชื่อมต่อกับ Application ในโทรศัพท์มือถือ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและติดต่อกับ รปภ. ได้ง่ายขึ้น เช่น ระบบ E Stamp, ลงทะเบียนสำหรับแขกล่วงหน้า, ปฏิเสธการเข้าพบเมื่อไม่สะดวก เป็นต้น ทำให้คนภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องเข้ามาในโครงการโดยไม่จำเป็นนั่นเองครับ
การออกแบบโครงการ : จุดเด่นของเค้าที่เห็นได้ชัดคือเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” ที่สะท้อนออกมาในหลายๆจุด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนยูนิตที่มีเพียง 80 หลัง (เพื่อนบ้านย่านเดียวกันมักจะมีเป็นหลักร้อยขึ้นไป) รวมถึงการวางผังและแบ่งแปลงที่ดินโครงการ ซึ่งแต่ละซอยจะมีเพื่อนบ้านเพียงแค่ 4 หลังเท่านั้นครับ ส่วนตำแหน่งการวาง Facilities ซึ่งเค้านำมาไว้ด้านหน้าสุดแบบนี้ อาจทำให้บ้านที่อยู่เฟสด้านในสุดจะอยู่ไกล และมาใช้งานยากกว่าเพื่อนด้านหน้าหน่อย (ประมาณ 400 m.) สุดท้ายคือประตูทางเข้าโครงการ ส่วนตัวผมมองว่าถ้าทำเป็นซุ้มที่มีหลังคา ก็จะทำให้ทางเข้าดูสวยงามและเหมาะกับราคาบ้านมากขึ้นได้นะครับ เพราะรู้สึกว่ายังโล่งไปสักหน่อย
การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : โปรดักส์บ้านแฝดของโครงการนี้มีความพิเศษในเรื่อง “ขนาดขนาดแปลงที่ดิน” ซึ่งเริ่มต้นที่ 50 ตร.วา ขึ้นไป (มากกว่ากฎหมายกำหนดขั้นต่ำของบ้านแฝดที่ 35 ตร.วา และเท่ากับบ้านเดี่ยวเลยครับ) ซึ่งทำให้บางหลังมีพื้นที่ข้างบ้านกว้างถึง 4 – 5 m. จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำสวนปลูกต้นไม้ หรือต้องการสนามหญ้าให้ลูกหลานได้วิ่งเล่น รวมถึงอาจต้องการต่อเติมเพิ่มพื้นที่ใช้สอยด้วยตัวเองได้ในอนาคต แต่สิ่งที่แลกมาคือราคาที่ดินครับ ลองคิดเล่นๆว่าถ้าที่ดินบ้าแฝดใหญ่ขึ้นจากมาตรฐาน 15 ตร.วา โดยโครงการนี้จะตกอยู่ที่ตร.วาละ 100,000 บาท ซึ่งรวมกันแล้วก็เป็นหลักล้านอยู่เหมือนกัน
ส่วนฟังก์ชันในบ้านจะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 3 – 4 คน ซึ่งถ้าเป็น 3 คนพ่อแม่ลูกกำลังดีครับ เพราะที่จอดรถมี 2 คัน พ่อแม่ใช้คันนึง ลูกใช้อีกคันนึงครบพอดี ส่วนห้องนอนอีกห้องก็ทำเป็นห้องพระหรือห้องทำงานไปได้ แถมยังไม่ต้องแชร์ห้องน้ำหลายคนเกินไปอีกด้วยนะ แต่ที่ผมชอบก็คือการที่เค้าออกแบบพื้นที่ใช้สอย ไว้เผื่อการกั้นฟังก์ชันและปรับเปลี่ยนได้ ไม่ว่าจะเป็นกั้นทำครัวปิด ต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวฝรั่งเพิ่ม ทำครัวไทยด้านนอก หรือทำ Walk in closet ในห้องนอนได้จริงจัง เป็นต้น รวมถึงตำแหน่งของประตูครัวที่อยู่ใกล้ที่จอดรถผมก็ชอบนะ เพราะสามารถขนของที่คุณภรรยาสุดสวยฝากซื้อเข้าไปเก็บได้สะดวกดีครับ
วัสดุ : โดยภาพรวมถือว่าให้วัสดุมาได้เหมาะสมกับการใช้งาน แต่ที่ชอบเป็นพิเศษคือเค้าใช้เป็นโครงสร้างก่ออิฐมวลเบา ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับบ้านโครงการนี้ ที่อาจมีการต่อเติมได้ในภายหลัง เพราะผนังก่ออิฐจะสามารถทุบหรือเจาะได้ง่าย รวมถึงประตูรั้วหน้าบ้านที่เป็นเหล็กรางเลื่อนก็ใช้งานได้สะดวกดีทีเดียว และส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าทางโครงการลงเสาเข็มในส่วนจอดรถและลานซักล้างให้ด้วยจะดีครับ ส่วนโครงสร้างบันไดสำหรับบ้านระดับ 5 ล้านขึ้นไปแล้ว ถ้าใช้เป็นโครงสร้าง คสล. ที่แข็งแรงทนทานไปเลย จะเหมาะสมกับราคามากขึ้นนะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : โครงการนี้มีสวนประมาณ 1 ไร่ บริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งอาจไม่ได้มองเห็นได้ชัดเจนจากถนนหลักมากนัก เพราะเค้าอยู่ด้านหลังรั้วและหลบมุมเข้าไปอีกที แต่ก็จะมีการปลูกต้นไม้ไว้ริมถนนหลักเป็นระยะๆ ซึ่งหากดูจากพันธุ์ไม้ที่ใช้จะเป็นต้นขนาดกลาง จะเหมาะกับคนที่ชอบมองเห็นต้นไม้ให้เย็นตาบ้าง แต่ยังคงต้องการความโปร่งโล่งอยู่ และมีพุ่มใบไม่หนาจนเกินไปนัก ส่วนสภาพโครงการปัจจุบันยังคงมีการก่อสร้างอยู่ อาจต้องรอดูในอนาคตว่าสร้างเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไรอีกทีนะครับ
สาธารณูปโภค : อาคาร Clubhouse ของโครงการนี้เป็นอาคารชั้นเดียว ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเดินขึ้น-ลงบันได หรือไม่เน้นวิวมากนัก โดยรวมฟังก์ชันหลักๆมีให้ใช้งานครบ ทั้งสวน ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ โดยเฉพาะฟิตเนสถึงแม้ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่จำนวนเครื่องออกกำลังกาย 3 – 4 ชิ้น ส่วนตัวแอบรู้สึกว่าน้อยไปสักนิดนึง กรณีที่มีคนมาใช้งานหลายคนพร้อมกันอาจไม่พอ (ถ้าเพิ่มอีกสัก 2 ชิ้นคิดว่ากำลังดี) แต่ที่ชอบเลยคือตำแหน่งของสระว่ายน้ำ ซึ่งมีตัวอาคารคอยบังสายตาจากคนภายนอก พร้อมกับหันเข้าหาสวนด้านใน จึงทำให้คนที่มาว่ายน้ำจะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 5 – 7 ล้านบาท, Fact @ 20 October 2020
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ติดถนนคู่ขนานกาญจนาฯ ใกล้ทางด่วน 2 จุด ความอุดมสมบูรณ์ระยะใกล้น้อย
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วโครงการ ไม้กั้นกระดก รปภ. CCTV และระบบ KATSAN
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ยูนิตน้อย เป็นส่วนตัว บ้านแฝดที่ดินเยอะ ฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ต่อเติมขยับขยายได้
- วัสดุ 7.5/10 – ให้วัสดุมาเหมาะสมกับการใช้งาน ได้โครงสร้างก่ออิฐมวลเบาเหมาะกับการต่อเติม
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – มีสวนด้านหน้า และมีต้นไม้อยู่ริมถนนหลัก
- สาธารณูปโภค 7.25/10 – มีฟังก์ชันหลักๆครบ เป็นส่วนตัว แต่เครื่องเล่นน้อยไปหน่อย
- 7.55 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Grande Pleno รามอินทรา – วงแหวน เหมาะกับคนที่มองหาบ้านในโซนกรุงเทพทางตอนเหนือ ใกล้ทางด่วนเข้า-ออกเมืองง่าย ต้องการความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย เพื่อนบ้านน้อย และส่วนกลางมีฟังก์ชันหลักๆครบ ตัวบ้านเป็นบ้านแฝดต้องการมีที่ดินข้างบ้านเยอะๆ ไว้เผื่อปลูกต้นไม้ทำสวน หรือต่อเติมได้ในอนาคต และเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 3 – 4 คนกำลังดี โดยมีงบประมาณ 4.98 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 35,000 บาท
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving