นันทวัน รามอินทรา – พหลโยธิน 50 จาก Land & Houses บ้านหลังใหญ่สไตล์ Tuscany ที่นอกจากจะโดดเด่นเรื่องการออกแบบสถาปัตยกรรมแล้ว ยังมีบรรยากาศภายในโครงการที่สวยงามและร่มรื่นมากๆอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันเค้ากำลังเปิดขาย 40 หลังสุดท้ายของเฟสด้านในสุดแล้วนะครับ โดยผมคิดว่าโครงการนี้มี Highlights หรือความน่าสนใจดังนี้
- บรรยากาศโครงการ : ภายในโครงการมีต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น มีสวนสาธารณะถึง 2 จุด และยังมีผืนน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางโครงการ เป็นหนึ่งใน Highlight หลักที่ไม่เหมือนใครในย่าน
- การออกแบบ : Tuscany เป็นสไตล์นำมาใช้ในการออกแบบ ซึ่งจะเห็นได้ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า อาคารส่วนกลาง และตัวบ้านพักอาศัย ก็ให้อารมณ์เหมือนเราได้อยู่ที่อิตาลีเลยล่ะครับ
- ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย : โครงการนี้มีซุ้มประตูแบบ Double Gate 2 ชั้น และแบ่งโซนส่วนกลางสำหรับแขกไว้ด้านหน้าสุด เพื่อไม่ให้รบกวนพื้นที่ด้านในโครงการ รวมถึงฟังก์ชันในบ้านก็จัดออกมาได้เป็นสัดส่วนดี
- ฟังก์ชันของบ้าน : เป็นบ้านขนาดใหญ่ที่อยู่ได้ 3 Generation โดยจะเน้นความเป็นส่วนตัวของพื้นที่พักผ่อน แต่ก็มีมุมที่สมาชิกในบ้านจะมาใช้งานร่วมกันได้เป็นสัดส่วนดี ที่ต่างจากโครงการอื่นๆคือ เป็นบ้านที่เน้นพื้นที่ระเบียงให้มีขนาดใหญ่และใช้งานได้จริงครับ
ข้อมูลโครงการ
Nantawan Ramintra – Paholyothin 50 (นันทวัน รามอินทรา – พหลโยธิน 50) ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2564
ชื่อโครงการ | Nantawan Ramintra – Paholyothin 50 (นันทวัน รามอินทรา – พหลโยธิน 50) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนน เทพรักษ์ เขต บางเขน |
ที่ดิน | 98 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 205 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ราคาเริ่มต้น | 20 – 40 ล้านบาท |
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.8 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | n/a บาท |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปลายปี 2564 |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.lh.co.th/th/singlehome/nantawan-ramintra-phaholyothin-50 |
Call Center | 1198 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.876240, 100.659321
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ นันทวัน รามอินทรา – พหลโยธิน 50 ตั้งอยู่ในย่านวัชรพล-สายไหม อีกหนึ่งทำเลยอดฮิตของโครงการแนวราบที่สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย เพราะอยู่ใกล้กับทางด่วนฉลองรัช และถนนกาญจนาภิเษก แถมยังมีความอุดมสมบูรณ์พร้อม โดยเฉพาะบนถนนสุขาภิบาล 5 จะมีทั้งตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ตครบครัน
ที่ตั้งของโครงการอยู่ใกล้กับแยกวัชรพล-สุขาภิบาล 5 บริเวณถนนเทพรักษ์ ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ของย่านนี้ที่เพิ่งเปิดใช้งานมาได้ 3 – 4 ปี ปัจจุบันก็มีร้านค้าร้านอาหารมาเปิดใหม่เพียบ เลยทำให้เป็นถนนอีกเส้นที่มีความคึกคักน่าอยู่พอสมควรครับ โดยฝั่งที่โครงการตั้งอยู่จะเป็นเส้นถนนส่วนต่อขยายใหม่ในอนาคต ที่คาดว่าถ้าทำเสร็จเมื่อไหร่ก็น่าจะทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้นครับ
ปัจจุบันถนนเทพรักษ์จะเป็นถนนเส้นสั้นๆ ที่เชื่อมต่อถนนพหลโยธิน ถนนวัชรพล และถนนสุขาภิบาล 5 แต่ในอนาคตทางกทม. มีแผนจะขยายเส้นทาง เพื่อเชื่อมต่อถนนเส้นอื่นๆอีก 2 ช่วงด้วยกันคือ
- ช่วงแรกจะเป็นการเชื่อมต่อถนนวิภาวดี-รังสิต กับถนนพหลโยธิน จะทำให้สามารถเดินทางเข้าเมืองไปทางปทุมธานี หรือสนามบินดอนเมืองได้สะดวกมากขึ้น ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการเวนคืนที่ดินไปประมาณ 90% และตามแผนคือ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณช่วงปี 2565 – 2566
- ช่วงที่ 2 จะเป็นการขยายถนนไปทางฝั่งตะวันออก (ผ่านหน้าโครงการนันทวัน) โดยจะตัดผ่านถนนกาญจนาภิเษก ถนนหทัยราษฎร์ และไปสิ้นสุดที่ถนนนิมิตใหม่ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเวนคืนที่ดินอยู่ครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบเป็นชุมชนแนวราบและที่ว่าง บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบสงบดีครับ โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ ถนนเทพรักษ์ที่จะตัดใหม่ในอนาคต
- ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่างและชุมชนแนวราบ
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่าง
- ทิศตะวันตก : ติดกับ เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล โครงการบ้านเดี่ยวเพื่อนบ้าน
และนี่เป็นภาพบรรยากาศบริเวณถนนด้านหน้าโครงการ ที่ในอนาคตจะมีการเวนคืนที่ดิน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น …ทางโครงการก็มีการปลูกต้นไม้ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศทางเข้าให้มีความสวยงามร่มรื่นดีมากๆครับ
ปัจจุบันถนนเส้นนี้จะมาสิ้นสุดที่ด้านหน้าโครงการนันทวัน ซึ่งจะเป็นวงเวียนขนาดใหญ่ พร้อมกับมีผืนน้ำและน้ำพุสวยงามเป็นส่วนต้อนรับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Big C Food Place ~ 3.4 km.
- ตลาดถนอมมิตร ~ 3.5 km.
- ตลาดออเงิน ~ 4.4 km.
- Foodland รามอินทรา ~ 5.1 km.
- ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา ~ 5.4 km.
- ตลาดยิ่งเจริญ ~ 7.1 km.
- Big C สะพานใหม่ ~ 7.2 km.
- Tesco Lotus หลักสี่ ~ 7.6 km.
- ตลาดวงศกร ~ 8.4 km.
- เซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา ~ 9.2 km.
- Big C สายไหม ~ 10.8 km.
โรงพยาบาล
- CGH Hospital ~ 6.4 km.
- โรงพยาบาลสายหยุด ~ 7.6 km.
- โรงพยาบาลภูมิพล อดุลยเดช ~ 8.7 km.
- โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา ~ 10 km.
โรงเรียน
- มหาวิทยาลัยเกริก ~ 8.7 km.
- มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ~ 9 km.
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 14.1 km.
สถานที่ราชการ
- สำนักงานเขตสายไหม ~ 4.3 km.
- กรมพลาธิการทหารอากาศ ~ 8 km.
- กรมทหารราบที่ 11 ~ 9.7 km.
- สนามบินดอนเมือง ~ 18.2 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- ความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว : โครงการนี้มีประตู Double Gate หรือประตู 2 ชั้น ที่แยกโซนของแขกภายนอก ออกจากโซนพักอาศัยภายในได้เป็นอย่างดี ส่วนเพื่อนบ้านในแต่ละซอยก็จะมีไม่เกิน 10 ยูนิตครับ
- บรรยากาศ : เป็นโครงการที่ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่เยอะ และมีสวนสาธารณะถึง 2 จุด บรรยากาศจึงค่อนข้างร่มรื่น แถมยังมีผืนน้ำขนาดใหญ่กลางโครงการอีกด้วย
- การออกแบบสถาปัตยกรรม : ตัวอาคาร Clubhouse หรือส่วนกลางต่างๆมีความสวยงาม ตกแต่งสไตล์ Tuscany เป็นเอกลักษณ์และดูหรูหราดี
- แบรนด์ : เป็นโครงการนันทวันที่มีราคาจับต้องง่ายที่สุด
“นันทวัน” ถือเป็นแบรนด์ระดับบนๆของ Land & Houses ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมี Concept ที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป โดยโครงการนันทวัน รามอินทรา-พหลโยธิน 50 จะมีสไตล์แบบ Tuscany และยังเป็นแบรนด์นันทวันที่มีราคาเริ่มต้นจับต้องง่ายที่สุดอีกด้วย (ปกตินันทวันจะมีราคาขายเริ่มต้น 20 – 40 ล้านบาท แต่โครงการนี้ตอนเปิดตัวคือ ราคาไม่ถึง 20 ล้านบาทก็มีครับ)
โดยหนึ่งในสาเหตุที่สามารถทำราคาออกมาได้ค่อนข้างดีแบบนี้ อาจเป็นเพราะเค้าได้ที่ดินผืนนี้มานานแล้ว (ตั้งแต่ก่อนที่จะมีข่าวการตัดถนนใหม่ เพื่อขยายเส้นทางซะอีกครับ) ซึ่งถ้าเราลองไปเช็คราคาที่ดินแถวนี้จะพบว่า ปัจจุบันราคาขึ้นมาจากเมื่อก่อนมากแล้ว ซึ่งการจะทำบ้านระดับนี้ และให้พื้นที่ส่วนกลางเยอะแบบนี้คงทำได้ยากขึ้นเต็มที
ด้วยเหตุนี้เลยทำให้โครงการแห่งนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะกับแฟนคลับของ Land & Houses หรือคนที่ชื่นชอบแบรนด์นันทวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็นับเป็นโอกาสดีที่จะได้เป็นเจ้าของโครงการบ้านระดับนี้ ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้นครับ
Master Plan ปัจจุบันทางโครงการเหลือขายเป็นเฟสสุดท้าย (โซนสีเหลืองประมาณ 40 ยูนิต) ที่อยู่ด้านในสุดแล้วนะครับ ซึ่งโซนนี้จะอยู่ใกล้สวนสาธารณะจุดที่ 2 และได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างดี แต่ละซอยจะมีเพื่อนบ้านแค่ 8 – 10 หลังเท่านั้น และหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ทั้งหมด สามารถรับลมได้ดี แดดก็ไม่ร้อนอีกด้วยครับ
โดยจุดที่น่าสนใจผมขอเริ่มกันตั้งแต่โซนด้านหน้าบริเวณ “ซุ้มประตูทางเข้า” จะเห็นว่าเค้ามีประตู Double Gate 2 ชั้นใช่มั้ยครับ และบริเวณนั้นก็จะมีอาคารสำหรับรับรองแขกภายนอกอยู่ด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวให้กับภายในโครงการได้เป็นอย่างดี
ส่วนอีกจุดนึงคือ “พื้นที่ส่วนกลาง” ซึ่งจะอยู่บริเวณตรงกลางโครงการ ทำให้บ้านในแต่ละโซนสามารถมาใช้งานได้สะดวกพอๆกัน โดยส่วนกลางจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ (ทั้งโครงการรวมประมาณ 9 ไร่) และกินพื้นที่เป็นแนวยาว เวลาขับรถผ่านจึงได้บรรยากาศค่อนข้างดีเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวผืนน้ำขนาดใหญ่ สวนสีเขียว และอาคารต่างๆที่มีเอกลักษณ์สวยงาม โดยบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ
ความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ในโซนแรกด้านหน้าโครงการ
สำหรับจุดเด่นอย่างแรกผมขอเริ่มจาก “ซุ้มประตู Double Gate” (หรือประตู 2 ชั้น) ซึ่งทำให้โครงการมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยพื้นที่ในส่วนของประตูชั้นแรกจะมีอาคารไว้สำหรับรับรองแขกได้ด้วย
ดังนั้นเวลาที่เรานัดแขกหรือคนรู้จักมาหา แล้วอาจไม่สะดวกที่จะพาเข้ามาในบ้านของเราเอง ก็สามารถใช้สถานที่ตรงนี้เป็นพื้นที่นัดพบปะกันได้ โดยไม่ต้องให้เค้าเข้ามาในโครงการให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ (สามารถแจ้งกับพี่ยามเอาไว้ล่วงหน้าได้เลย)
บรรยากาศบริเวณส่วนกลางด้านหน้า
ซุ้มประตูทางเข้าเป็นประตูเหล็กรางเลื่อน เปิด-ปิดด้วยระบบ RFID หรือสัญญาณ Bluetooth เหมือน Easy Pass บนทางด่วน พร้อมมีป้อม รปภ. คอยดูแล 24 ชม.
พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ
“บรรยากาศ” ถือเป็น Value สำคัญที่ทำให้หลายๆคนสนใจโครงการนี้ครับ โดยเฉพาะผืนน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางโครงการ ซึ่งเค้ายอมเสียพื้นที่ขายส่วนหนึ่งไป เพื่อทำให้เกิดบรรยากาศที่เฉพาะตัวแบบนี้ขึ้นมา
โดยนอกจากเราจะสามารถชมวิว หรือเดินเล่นริมน้ำได้แล้ว ผืนน้ำนี้ยังมีส่วนช่วยลดอุณหภูมิโดยรอบ ซึ่งความแตกต่างของอุณหภูมิจะทำให้เกิดกระแสลมพัดที่เย็นสบาย บวกกับการตกแต่งสไตล์ Tuscany ที่ตัวอาคารค่อนข้างโดดเด่น และเป็น Sculpture ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในย่าน ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่เมืองนอกเลยล่ะครับ
นอกจากพื้นที่สวนที่ร่มรื่นในสไตล์ของ Land & Houses แล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการนี้ที่ผมมองคือ “พื้นที่สำหรับเด็ก” ซึ่งในความรู้สึกผมคิดว่า เค้าให้เครื่องเล่นมาหลากหลายดี และน่าใช้งานมากๆครับ เหมาะที่จะพาลูกๆหลานๆมาเล่นตอนเย็นๆ เด็กๆก็คงจะ Happy ดีไม่น้อย ส่วนบรรยากาศส่วนกลางอื่นๆจะเป็นอย่างไร ลองคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
บรรยากาศถนนหลักในโครงการค่อนข้างร่มรื่นมากๆครับ เพราะเค้าจะปลูกต้นจามจุรีขนาดใหญ่เอาไว้ตลอดทางเลย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคารรับรองแขก บริเวณด้านหน้าโครงการ (Co-Working Space)
- อาคาร Clubhouse บริเวณกลางโครงการ
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 10 x 25 เมตร และมีสระเด็ก
- ห้องออกกำลังกาย
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 2 จุด และผืนน้ำขนาดใหญ่กลางโครงการ
- สนามเด็กเล่น และเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง
- ศาลาอเนกประสงค์
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการ
- ถนนหลักกว้าง 16 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- Key Card Access ระยะไกล ระบบ RFID (หรือแบบ Easy Pass)
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ เลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน (Double Gate 2 ชั้น)
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic ทุกหลัง
แบบบ้าน
Highlights :
- ออกแบบสไตล์ Tuscany : เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ให้อารมณ์เหมือนบ้านในแถบยุโรปประเทศอิตาลี
- บ้านหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะ : เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ 3 Generation พร้อมห้องนอนชั้นล่างทุกแบบ
- ความเป็นส่วนตัว : แบ่งพื้นที่ฟังก์ชันภายในเป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นโซนรับแขก โซนแม่บ้าน และโซนพักผ่อน โดยคำนึงถึงการใช้งานและมุมมองที่ต้องไม่รบกวนกัน แต่ถ้าพื้นที่ไหนอยากเน้นให้เชื่อมโยงและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันก็ทำได้ดีทีเดียวครับ
- เน้นพื้นที่ระเบียงให้มีขนาดใหญ่ และน่าใช้งาน : สามารถออกมานั่งชมสวน หรือจิบชา/กาแฟได้แบบจริงจัง โดยนอกจากจะได้ความโปร่งโล่งแล้ว ยังช่วยเชื่อมโยงฟังก์ชันของพื้นที่ภายในกับภายนอก และชั้นบนกับชั้นล่างของตัวบ้านได้อีกด้วย
สไตล์ Tuscany คืออะไร?
เป็นชื่อเมืองแห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี ที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ คือหลังคาทรงปั้นหยา มีชานระเบียงขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยลวดลายสวยงาม อาจเป็นวัสดุจากเหล็กบ้าง/ไม้บ้างแล้วแต่ดีไซน์
รวมถึงมักจะทำโถงทางเดินหรือซุ้มประตูทางเข้าเป็นทรง Arch โค้งขนาดใหญ่ที่ดูอ่อนช้อยสวยงาม และที่โดดเด่นที่สุดคือ การตกแต่งวัสดุปิดผิวที่เป็นธรรมชาติ โดยโครงการเลือกใช้เป็นผนังลายหินสี Sandstone ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาตินั่นเองครับ
Prudento บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 135 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 403 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / ห้องพระ / ห้องแม่บ้าน
แบบบ้านหลังนี้เป็น Type ใหญ่ที่สุดของโครงการ และเป็นบ้านแปลงมุมที่จะมีพื้นที่สวนข้างบ้านที่เยอะ เหมาะกับคนที่ชอบทำสวนปลูกต้นไม้มากๆครับ โดยจะเป็นบ้านหน้ากว้างที่สามารถจอดรถในร่มได้ 3 คัน และมีทางเข้าบ้านหลักๆ 2 ทาง คือจากด้านหน้าบ้านกับพื้นที่จอดรถ ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกดี
ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนด้วย Hall ด้านหน้าบ้าน และมี Laundry มาคั่นในส่วนของแม่บ้านบริเวณด้านหลัง อีกทั้งยังมีห้องนอนชั้นล่าง จึงเหมาะกับครอบครัวที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็ได้ครับ เลยทำให้ภาพรวมเป็นบ้านที่เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ อาจอยู่ร่วมกันแบบ 3 Generation ก็ได้ และผมคิดว่าแปลนชั้นแรกนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ 3 จุดด้วยกันคือ
- Hall หรือพื้นที่ส่วนต้อนรับหน้าบ้าน ทำหน้าที่แบ่งฟังก์ชันในบ้านเป็นสัดส่วน และได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งปกติเราไม่ค่อยได้เห็นฟังก์ชันแบบนี้เท่าไหร่นัก ถ้าไม่ใช่บ้านหลังใหญ่แบบนี้จริงๆนะ
- Laundry แบบ Semi-Outdoor ที่ช่วยแบ่งพื้นที่ของแม่บ้านและเจ้าของบ้านออกจากกัน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
- ห้องนอนชั้นล่างมีเฉลียงขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับพื้นที่สวนข้างบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องที่วิวดีและน่าใช้งานมากที่สุดของบ้านอีกด้วยครับ
พื้นที่รอบบ้านทางโครงการจะจัดสวน และปลูกต้นไม้มาให้ค่อนข้างจัดเต็มมากๆครับ ซึ่งดูแล้วก็สวยงามร่มรื่นดีทีเดียว โดยแต่ละแปลงอาจมีการจัดที่แตกต่างกันออกไปบ้างเล็กน้อย ยังไงก็ลองเดินชมที่แปลงของจริงกันได้นะครับ
1. เพิ่มความเป็นส่วนตัว ด้วยพื้นที่โถงต้อนรับบริเวณหน้าบ้าน
ปกติแล้วเมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ส่วนใหญ่เราจะเจอกับพื้นที่รับแขกหรือห้องนั่งเล่นก่อนใช่มั้ยครับ? แต่สำหรับบ้านหลังนี้เราจะเจอกับ “Hall หรือพื้นที่โถงต้อนรับบริเวณหน้าบ้าน” ก่อนเป็นอันดับแรก
ซึ่งส่วนตัวผมค่อนข้างชอบนะ เพราะพื้นที่ตรงนี้จะช่วยแบ่งฟังก์ชันในบ้านให้เป็นสัดส่วน และทำให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น อย่างมุมมองตรงนี้เราจะยังมองไม่เห็นพื้นที่ส่วนอื่นในบ้านทั้งหมดได้ในทีเดียว และเราก็ไม่ต้องเปิดประตูมารบกวนมุมรับแขกตรงๆ เหมือนบ้านแบบทั่วไปนั่นเองครับ
ภาพบรรยากาศชั้น 1
เริ่มที่ฟังก์ชันแรกซ้ายมือเป็นพื้นที่รับแขก สามารถวางโซฟาชุดใหญ่ได้สบายๆ และชมวิวสวนรอบๆได้ด้วยนะ
2. แยกโซนแม่บ้านออกไปเป็นสัดส่วนด้วย Laundry แบบ Semi-Outdoor
บ้านหลังนี้แบ่งโซนพื้นที่ทำงานของแม่บ้าน ออกจากโซนพักอาศัยของเจ้าของบ้าน ด้วยพื้นที่ Laundry แบบ Semi-Outdoor ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง อย่างเวลากลางคืน/ตอนที่เราไม่อยู่บ้าน เราก็สามารถล็อคประตูบ้านเพื่อให้แม่บ้านเค้ายังสามารถทำงาน และใช้ชีวิตอยู่ในส่วนของเค้าได้ จึงทำให้ภายในบ้านมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ
3. ห้องนอนชั้นล่าง หนึ่งในฟังก์ชันน่าใช้งานของบ้านหลังนี้
เรียกได้ว่าห้องนี้เป็น Highlight ของบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้ครับ โดยพื้นที่ภายในมีขนาดกว้างขวาง พร้อมทั้งมีห้องน้ำในตัว เราสามารถทำเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุก็ได้ ใช้เป็นห้องนอนแขกก็ดี หรือถ้าใครมี Lifestyle ส่วนตัวอื่นๆก็ปรับใช้ได้เหมือนกันครับ เช่น ห้องดูหนัง ห้องทำงาน ห้องเล่นเกมส์ หรือห้องออกกำลังกาย เป็นต้น
จุดขายของห้องนี้คือ “ประตูระเบียงกระจกขนาดใหญ่” ที่สามารถชมวิวสวนสวยๆข้างบ้านจากภายในห้องได้เต็มที่ อย่างมุมมองภาพนี้ก็คือ เป็นการสมมุติว่าเรานอนชมวิวอยู่บนเตียงครับ ซึ่งวิวภายนอกก็แล้วแต่ว่าจะรังสรรค์ออกมาเป็นแนวที่ชอบแบบไหน หรืออยากได้วิวอะไรเป็นพิเศษมั้ย เช่น สวนที่ร่มรื่น บ่อปลาคราฟเก๋ๆ หรือมุมน้ำตกสวยๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ภายนอกยังมีเฉลียงข้างบ้านขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถนำโต๊ะหรือชิงช้ามาวางไว้ เพื่อนั่งเล่น และชมวิวสวนภายนอก แต่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านแบบนี้ได้ โดยไม่ต้องกลัวแดดหรือฝนเลยครับ คิดว่าถ้าวันไหนที่อากาศดีๆก็คงได้มีโอกาสมานั่งเล่นบ่อยๆนะ
สำหรับแปลนชั้น 2 จะมีห้องนอนอยู่ 3 ห้องครับ ซึ่งแต่ละห้องก็จะมีขนาดใหญ่ พื้นที่กว้างขวาง มีห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัว ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากเลยทีเดียว แถมบริเวณโถงบันไดก็จะมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานอีก 2 จุดด้วยกัน ซึ่งเราสามารถจัดเป็น Family Area และห้องพระได้ครับ หรือเราอาจปรับเป็นห้องอื่นๆตาม Lifestyle ของครอบครัวเราก็ได้ โดยชั้น 2 นี้ผมมองว่ามีจุดที่น่าสนใจอยู่ 2 จุดด้วยกันคือ
- 4. ระเบียงขนาดใหญ่ ที่สามารถออกมาใช้งานและจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้
- 5. ห้องน้ำที่มีระเบียง ได้ความโปร่งโล่งแต่เป็นส่วนตัว รวมถึงสามารถออกมาใช้งานตากผ้า และจัดสวนแนวตั้งสวยๆ เพื่อเพิ่มบรรยากาศได้ด้วย
ก่อนไปชมบรรยากาศของชั้น 2 กันต่อ พอผมเดินขึ้นบันไดแล้วมายืนอยู่ตรงนี้ ก็ทำให้เจอมุมที่สามารถมองลงไปเห็นได้ว่า มีแขกคนไหนเข้ามาในบ้าน หรือว่ามีรถใครมาจอดหน้าบ้านได้จากตรงนี้ โดยไม่ต้องลงไปดูชั้นล่างให้เสียเวลาเลยครับ ส่วนตัวผมชอบนะ ถือเป็นจุดที่เชื่อมต่อพื้นที่ชั้นบนกับชั้นล่างได้ดีเลยทีเดียว
ภาพบรรยากาศชั้น 2
ขึ้นมาชั้นบนเราจะเจอกับโถงทางเดินยาวๆหน้าบันได ที่แบ่งห้องนอนออกเป็น 2 ฝั่ง และเปลี่ยนพื้นเป็นไม้ลามิเนตสีเข้ม
4. ระเบียงขนาดใหญ่ เชื่อมต่อพื้นที่สวนด้านล่าง
ปกติแล้วบ้านทั่วไปมักจะลดขนาดพื้นที่ระเบียง และเน้นพื้นใช้สอยภายในเป็นหลักใช่มั้ยครับ แต่สำหรับแบบบ้านโครงการนี้เค้าจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ระเบียงค่อนข้างมาก โดยจะให้มาขนาดใหญ่เลย สามารถนำชุดโต๊ะเก้าอี้ หรือโซฟามาวางเพื่อนั่งเล่นได้เต็มที่
อย่างเวลาเช้าๆถ้าเรายังไม่อยากลงไปชั้นล่าง ก็สามารถให้แม่บ้านยกเครื่องดื่มขึ้นมาให้บนห้อง และออกมานั่งจิบชา/กาแฟแบบส่วนตัว พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ และชมวิวธรรมชาติภายนอกไปด้วยแบบนี้ได้ครับ
โดยถ้าเรามองจากระเบียงลงไปด้านล่าง ก็จะเห็นพื้นที่สวนข้างบ้านชั้น 1 ที่เราจัดเอาไว้อย่างสวยงามได้ทั้งหมดเลย ซึ่งบ้านแต่ละหลังก็จะมีการตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินของบ้านหลังนั้นๆ โดยโครงการจะมีทีมสถาปนิกออกแบบให้อีกทีหนึ่งครับ
5. ระเบียงในห้องน้ำ ที่มีดีกว่าแค่โปร่งโล่ง
ส่วนตัวผมชอบห้องน้ำที่มีระเบียงแบบนี้มาก คือนอกจากจะได้แสงสว่าง การระบายอากาศที่ดี และความโปร่งโล่งแล้ว เรายังสามารถออกไปใช้งานภายนอกได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตากผ้าเล็กๆน้อยๆ หรืออาจปลูกเป็นต้นไม้/สวนแนวตั้ง/ไม้กระถางเพิ่มก็ได้
ซึ่งเวลาที่เรามาใช้งานห้องน้ำนี้ หรือตอนที่นอนแช่อ่างอาบน้ำอยู่ ก็จะมีพื้นที่สีเขียวสวยๆให้เราดูเล่น ช่วยเพิ่มบรรยากาศและความสวยงามได้เป็นอย่างดี และไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวนะครับ เพราะด้านนอกจะเป็นผนังทึบสูงที่ช่วยบังสายตาให้อยู่แล้ว
Grandiose บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 111 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 338 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / ห้องพระ / ห้องแม่บ้าน
สำหรับบ้านหลังนี้จะเป็นขนาดกลางนะครับ ซึ่งก็ยังเหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่เหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือการเชื่อมต่อพื้นที่ Common Area ให้มีขนาดใหญ่และโปร่งโล่งมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางของบ้านได้เป็นอย่างดี
แต่จุดที่ลดทอนลงไปตามขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้านก็มีครับ อย่าง Hall หรือพื้นที่โถงต้อนรับหน้าบ้าน กับพื้นที่ห้องซักรีดจะถูกนำออกไป โดยแปลนชั้น 1 นี้ผมคิดว่ามีจุดที่น่าสนใจอยู่ 3 จุดด้วยกันคือ
- Common Area ที่เชื่อมต่อพื้นที่รับแขกด้านหน้า และพื้นที่โต๊ะทานอาหารในบ้าน ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่กว้างขวาง และโปร่งโล่งมากขึ้น
- เฉลียงข้างบ้าน ที่อยู่ติดกับส่วนรับประทานอาหาร เปิดรับวิวสวนและพื้นที่สีเขียวข้างบ้าน ซึ่งสามารถมองเห็นจากภายในบ้านได้เกือบทุกจุด
- พื้นที่โถงหน้าห้องนอนชั้นล่าง เป็นการเว้าพื้นที่เข้ามาจาก Common Area ทำให้การเปิด-ปิดประตูเข้าห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
1. Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อพื้นที่ภายในให้กว้างมากขึ้น
สำหรับบ้านหลังนี้พอเราเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ก็จะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อพื้นที่รับแขกหน้าบ้าน กับโซนรับประทานอาหารด้านใน ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เราสามารถพบเห็นได้ในบ้านทั่วๆไป ที่ต้องการให้เกิดความเชื่อมต่อและโปร่งโล่งของพื้นที่
สิ่งที่แลกมาคือ ความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ภายในบ้านอาจลดลงไปบ้าง เพราะจากมุมมองหน้าประตูนี้เราจะสามารถเห็นพื้นที่ชั้น 1 ได้เกือบทั้งหมด เป็นแบบบ้านที่เหมาะกับคนที่ปกติก็ไม่ค่อยมีแขกมาหาบ่อยๆอยู่แล้วนั่นเองครับ เพราะฟังก์ชันแบบนี้เค้าต้องการให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง ที่ใช้งานร่วมกันของคนในครอบครัวเป็นหลักอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยให้สมาชิกในบ้านมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
2. เปิดมุมมองสวนสีเขียว ด้วยเฉลียงขนาดใหญ่ ที่อยู่ติดกับ Common Area
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ เฉลียงข้างบ้านที่เปิดรับวิวพื้นที่สีเขียวภายนอกได้ ซึ่งถ้าเป็นบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ ฟังก์ชันส่วนนี้จะอยู่ในห้องนอนชั้นล่างใช่มั้ยครับ แต่สำหรับบ้านหลังนี้จะสามารถมองเห็นได้จาก Common Area ได้เลย
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บ้านหลังนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง หรือพื้นที่ที่สมาชิกในครอบครัวจะมาใช้งานร่วมกัน แถมยังทำให้ภายในบ้านดูสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย
เฉลียงด้านนอกมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เราสามารถหาโต๊ะเก้าอี้ หรือชุดโซฟามานั่งเล่นชมสวนในวันที่อากาศดีๆได้นะครับ ซึ่งสวนข้างบ้านเราก็สามารถจัดให้สวยงามได้ตามความต้องการเลย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา อาจมีไม้แปลงดอกสวยๆ หรือมุมน้ำตกเล็กๆเพื่อฟังเสียงน้ำไหลก็ได้
ภาพบรรยากาศชั้น 1
เริ่มที่ห้องนั่งเล่นด้านหน้าสุดที่สามารถใช้รับแขกได้ด้วยครับ โดยเราสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบายๆ แถมประตูทางเข้าก็เป็นบานทึบที่ได้ความเป็นส่วนตัว แต่ก็เปิดได้กว้าง 2 บาน เลยทำให้ขนของหรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆเข้าบ้านได้สบายๆ
3. เพิ่มความเป็นส่วนตัวของห้องชั้นล่าง ด้วยการเว้าพื้นที่เข้าไปเล็กน้อย
อย่างที่บอกว่าพื้นที่ของ Common Area จะเชื่อมต่อกันหมด เค้าเลยออกแบบให้ทางเข้าห้องนอนชั้นล่างมีพื้นที่เว้าหลบมุมมองสายตาเข้าไป เพื่อทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเปิดช่องแสงขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับเฉลียงและสวนข้างบ้านได้ด้วย จึงทำให้พื้นที่หน้าห้องนี้สว่างโปร่งโล่ง และไม่อึดอัดเลยครับ
โดยห้องชั้นล่างนี้ก็มีขนาดใหญ่กำลังดี แถมยังมีห้องน้ำในตัวด้วย สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต เพื่อทำเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุหรือแขกได้สบายๆ หรือถ้าใครจะปรับเป็นห้องอื่นๆได้เหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนัง ห้องเล่นเกมส์ หรือห้องออกกำลังกาย เป็นต้น
แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอนอยู่ทั้งหมด 3 ห้อง และมีห้องน้ำเป็นส่วนตัวทั้งหมด สิ่งแรกที่ผมชอบคือ โถงทางเดินหน้าบันไดมีขนาดแค่พอดีกับการใช้งานเท่านั้น ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดี แล้วนำไปเพิ่มให้กับส่วนใช้งานของห้องนอนที่เหลือได้ มีพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถกั้นห้องเพิ่มได้ และจะเน้น Master Bedroom เป็นหลัก โดยจุดที่น่าสนใจผมคิดว่ามี 2 จุดคือ
- 4. พื้นที่อเนกประสงค์บนชั้นลอยเหนือบันได เป็นฟังก์ชันสำหรับทำเป็นห้องพระ ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่แนวตั้งให้เกิดประโยชน์ได้ดี
- 5. ระเบียงขนาดใหญ่ในห้อง Master Bedroom ถือเป็นจุดเด่นและน่าใช้งานที่สุดของบ้านหลังนี้ ซึ่งเราสามารถออกไปใช้งานได้จริง และทางโครงการยังมีการตกแต่งให้อารมณ์เหมือนเป็นระเบียงบ้านที่ต่างประเทศอีกด้วยนะ
4. ชั้นลอยเหนือโถงบันได ใช้พื้นที่แนวตั้งให้คุ้ม เพื่อประหยัดพื้นที่แนวนอน
ตรงจุดนี้ผมคิดว่าเป็นไอเดียการใช้พื้นที่ได้ดี โดยการใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งของโถงบันไดที่สูงกว่าปกติ ให้สามารถทำพื้นที่อเนกประสงค์ด้านบนเพิ่มเติมได้ สิ่งที่แลกมาคือความโปร่งโล่งของโถงบันไดจะลดลง แต่ก็ช่วยประหยัดพื้นที่ฟังก์ชันส่วนนี้ไม่ให้ไปกินพื้นที่ห้องนอนอื่นๆได้นั่นเองครับ
โดยพื้นที่ส่วนนี้เหมาะที่จะทำเป็นห้องพระ แต่ก็มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก (ประมาณ 2.1 x 2.4 m.) ซึ่งถ้าบ้านใครที่มีพระเยอะๆ หรือโต๊ะหมู่ชุดใหญ่ๆก็อาจไม่พอได้ แต่ก็สามารถปรับพื้นที่ Family Area ด้านซ้ายให้กลายเป็นห้องพระขนาดใหญ่ได้นะครับ
บรรยากาศชั้น 2
พื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบนมีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยบ้านตัวอย่างจัดเป็น Family Area มาให้ดู แต่จริงๆแล้วเราสามารถกั้นทำเป็นห้องส่วนตัวเพิ่มอีกสักห้องได้ถ้าต้องการ โดยแลกกับความโปร่งโล่งของโถงบันไดที่จะลดลงไปหน่อยครับ
5. ระเบียงขนาดใหญ่สไตล์อิตาลี ภายในห้อง Master Bedroom
ถือเป็นจุด Highlight ของบ้านหลังนี้เลยครับ ปกติเราจะคุ้นเคยกับบ้านที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยภายในมากกว่าระเบียง แต่สำหรับบ้านโครงการนี้ไม่ใช่เลยครับ โดยเค้าจะเน้นให้พื้นที่ระเบียงสามารถออกมาใช้งานได้จริง
เพราะอยากให้ผู้พักอาศัยได้ออกมาชมวิวธรรมชาติที่ร่มรื่น และได้สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ โดยสิ่งที่ต่างจากระเบียงทั่วไปคือ ราวกันตกระแนงไม้สี Pastel ที่ให้อารมณ์เหมือนบานหน้าต่างของบ้านพักต่างอากาศที่อยู่เมืองนอกเลยล่ะครับ ที่เหลือก็แค่ตกแต่งให้น่าใช้งาน โดยอาจดูบ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นไอเดียก็ได้ครับ
ส่วนบ้านหลังเล็กสุดจะไม่ได้มีบ้านตัวอย่างให้ดูนะครับ แต่หน้าตาและแปลนบ้านจะเป็นตามนี้เลย
Precise บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 85 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 278 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / ห้องแม่บ้าน
ราคา
นันทวัน รามอินทรา – พหลโยธิน 50 ราคา ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2564
- Precise บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 85.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 278 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 23.5 ล้านบาท - Grandiose บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 111 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 338 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / ห้องพระ / ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 29.5 ล้านบาท - Prudento บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 135 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 403 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / ห้องพระ / ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 42.5 ล้านบาท - จอง 500,000 บาท
- ทำสัญญา 20% ภายใน 7 วันหลังจากการจอง
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
- ค่าส่วนกลาง 32 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
หากใครกำลังมองหาบ้านหลังใหญ่ระดับ Luxury ในทำเลย่านนี้ ก็จะมีอีกหนึ่งโครงการที่มักจะนำมาเปรียบเทียบก็คือ เศรษฐสิริ พหล – วัชรพล ที่อยู่ติดๆกันนั่นเองครับ ซึ่งเค้าจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก
โดยบ้านของแสนสิริเค้าจะเป็นสไตล์ Modern ที่เรียบง่ายและทันสมัย รวมถึงมีแบบบ้านให้เลือกค่อนข้างเยอะ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 189 – 437 ตร.ม. ซึ่งทำให้ช่วงราคาขายมีความหลากหลายมากกว่า อย่างตอนที่เปิดตัวใหม่ๆเค้าก็มีราคาตั้งแต่ 12.59 – 25 ล้านบาท ทำให้คนที่สนใจทำเลตรงนี้ แต่อาจมีงบไม่พอจะซื้อนันทวัน ก็อาจมาจบที่โครงการนี้ได้นั่นเองครับ
และข้อมูลปัจจุบันที่ผมเช็คราคาหน้าเว็บล่าสุดคือ แบบบ้าน Peerless แปลงมุมขนาด 120 ตร.วา 437 ตร.ม. ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน ราคาขายอยู่ที่ 28.99 ล้านบาท ก็ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าถ้าเทียบในเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอยและจำนวนฟังก์ชัน
ขณะที่โครงการ นันทวัน รามอินทรา – พหลโยธิน 50 เค้ามีจุดเด่นในเรื่อง “บรรยากาศ” ของต้นไม้ภายในโครงการที่ร่มรื่น และมีผืนน้ำขนาดใหญ่กลางโครงการอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่โดดเด่น ในสไตล์ Tuscany ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในย่าน
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง หรือตัวบ้านพักอาศัย ก็ให้อารมณ์เหมือนเราได้อยู่บ้านในอิตาลีเลยล่ะครับ ซึ่งสไตล์แบบนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ผมแนะนำให้ลองเข้ามาชมโครงการ และสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ดูด้วยตัวเองว่าชอบหรือไม่นะครับ
นันทวัน รามอินทรา – พหลโยธิน 50 เหมาะกับใคร
โครงการ นันทวัน รามอินทรา – พหลโยธิน 50 เหมาะกับคนที่กำลังหาบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่ย่านวัชรพล-สายไหม ทำเลติดถนนใหญ่ส่วนต่อขยายที่จะเดินทางสะดวกมากขึ้นในอนาคต โดยเน้นบรรยากาศภายในโครงการที่ร่มรื่น มีวิวผืนน้ำขนาดใหญ่ เน้นความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว รวมถึงมีการออกแบบสไตล์ Tuscany ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 23.5 – 42.5 ล้านบาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc