รีวิวโครงการ
The Sneak Ep.122 : เศรษฐสิริ พหล – วัชรพล
25 กันยายน 2021
HIGHLIGHTS
- โครงการและตัวบ้านใช้แนวคิดในการออกแบบ Crafted Eastern Design ที่มีเอกลักษณ์ในสไตล์ตะวันออก ในรูปแบบของ Grid & Line สร้างมุมมองและแสงเงา แทรกไว้ในวัสดุและรายละเอียดต่างๆภายในโครงการและตัวบ้าน
- พื้นที่ส่วนกลาง Clubhouse ออกแบบโดยได้แนวคิดจากศิลปะการพับกระดาษของตะวันออกโดดเด่นทันสมัย
- แบบบ้านหน้ากว้างหลังใหญ่ เน้นพื้นที่ใช้สอย 4-5 ห้องนอน สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่
- จัดพื้นที่ใช้สอยที่หลากหลาย เช่น Transition space , Balancing space ระเบียงพิเศษรอบตัวบ้าน , Master Bedroom ขนาดใหญ่
- มีนวัตกรรมการประหยัดพลังงานภายในบ้าน ช่วยให้ตัวบ้านเย็นด้วย Cooliving Designed Home
- มีนวัตกรรมที่ออกแบบพิเศษเพื่อผู้สูงอายุ Elder Care รองรับการอยู่อาศัยแบบ 3 Generations
Fact @ 16 March 2018
- Setthasiri Phahol-Watcharapol (เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล)
- บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน)
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถนนเทพรักษ์ เขตบางเขน
- เนื้อที่โครงการ 95-3-0 ไร่ จำนวน 265 ยูนิต
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 66-170 ตร.วา ราคาเริ่มต้น 12.59-25 ล้านบาท
- Cherish (เช-ริฌ) พื้นที่ใช้สอย 186 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- Jovial (โจ-เวียล) พื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- Gracious (เกร้-เชียส) พื้นที่ใช้สอย 317 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
- Ample (แอ๊ม-เพิ่ล) พื้นที่ใช้สอย 345 ตร.ม. 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 16 March 2018
- Cherish (เช-ริฌ) ที่ดิน 69.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 186 ตร.ม. ราคาพิเศษ 12.59 ล้านบาท
- Jovial (โจ-เวียล) ที่ดิน 71.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม. ราคาพิเศษ 14.66 ล้านบาท
- Gracious (เกร้-เชียส) ที่ดิน 83.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 317 ตร.ม. ราคาพิเศษ 17.63 ล้านบาท
- Ample (แอ๊ม-เพิ่ล) ที่ดิน 112.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 345 ตร.ม. ราคาพิเศษ 23.2 ล้านบาท
- จอง 50,000-100,000 บาท
- ทำสัญญา 300,000 – 500,000 บาท
- Gift Voucher จาก Less is More (LIM)
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
Product Walkthrough
โครงการเศรษฐสิริ พหล-วัชรพล โปรดักส์จะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นทั้งหมด ซึ่งมีขนาดให้เลือก 4 แบบด้วยกัน โดยที่ดินมาตรฐาน 66-170 ตร.วา
- Cherish (เช-ริฌ) พื้นที่ใช้สอย 186 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- Jovial (โจ-เวียล) พื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- Gracious (เกร้-เชียส) พื้นที่ใช้สอย 317 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
- Ample (แอ๊ม-เพิ่ล) พื้นที่ใช้สอย 345 ตร.ม. 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
จุดเด่นของบ้านโครงการนี้คือการออกแบบบ้านให้มีระบบ Cooliving Designed Home หรือการออกแบบให้ตัวบ้านเย็นขึ้นด้วยนวัตกรรมต่างๆ ได้แก่
- Solar Attic : เป็นระบบพัดลมและช่องระบายอากาศช่วยลดความร้อนใต้หลังคา โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากโซล่าเซลล์ รวมไปถึงมีเครื่องมือควบคุมรายงานติดไว้ที่ฝ้าเพดานภายในบ้านให้ด้วยค่ะ
- Shading Screen : แผงระแนงช่วยบังแดดและบังสายตาจากภายนอกได้ดี นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็น Facade ตกแต่งรูปลักษณ์บ้านให้สวยงาม
- UV Shield Color : ทาสีภายนอกบ้านแบบที่มีสารเคลือบช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด
- Breeze Panel : แผงช่องลมระบายอากาศ ซึ่งติดตั้งไว้กับประตูและหน้าต่างภายในบ้าน
นอกจากนี้ยังมีเพิ่มความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเข้ามาในบ้านมากขึ้น
- Elderly Care Design Solution : การออกแบบห้องนอนชั้นล่างในรูปแบบ Universal Design ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น
- EV Charger : ติดตั้งไฟ 3 เฟส สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
- Digital Door Lock + Security ภายในบ้าน + CCTV : ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน
การออกแบบโครงการ เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล ภายใต้แนวคิด Crafted Eastern Design โดยให้รายละเอียดภายในโครงการและตัวบ้านในแนวตะวันออก สร้างความแตกต่างไม่เหมือนโครงการอื่นๆ รวมทั้งโครงการภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ เดียวกันอีกด้วย โดยแบ่งรูปแบบออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้ค่ะ
เริ่มจาก Craft Eastern Space จะเป็นในส่วนของการออกแบบฟังก์ชันบ้านให้ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยแบบตะวันออกที่ต้นการเน้นพื้นที่ระหว่างกลาง เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ทั้ง 2 ให้มีความราบลื่นมากยิ่งขึ้น (Blending) จึงได้เพิ่มพื้นที่อย่าง Transition Space ระหว่างเฉลียงหน้าบ้านและภายในตัวบ้าน เป็นพื้นที่เปลี่ยนถ่ายทั้งการใช้งานและความรู้สึก อีกพื้นที่คือส่วน Balancing Space เป็นเฉลียงหน้าบ้านขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อระหว่างภายในห้องกับสวนภายนอก ให้เราสามารถเข้าถึงสวนภายนอกได้มากขึ้น
Crafted Eastern Elements คือการออกแบบโดยนำหลักการออกแบบสถาปัตยกรรมในรูปแบบตะวันออกมาประยุกต์ใช้ เช่นในเรื่องของเส้นสายต่างๆ ซึ่งเราจะเห็นได้จากระแนงหน้าบ้าน หน้าต่าง และประตูที่สั่งทำพิเศษเฉพาะโครงการไม่ใช่ประตู หน้าต่างแบบสำเร็จรูปนะคะ
Crafted Eastern Shade ตัวโครงการเลือกใช้สีของบ้านในโทนสีอบอุ่น (Earth Tone) ซึ่งจะใช้เพียง 2 สี คือน้ำตาล และเทา
Crafted Eastern Material เน้นใช้วัสดุที่เทียบเคียงกับธรรมชาติ เพื่อให้มีความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมและโทนสีของบ้าน เช่นระแนงก็ใช้สีน้ำตาล เทียบเคียงวัสดุไม้ ตัวพื้นและผนังของบ้านมีใช้กระเบื้องที่ทำลวดลายเทียบเคียงหินด้วยเช่นกัน
เริ่มต้นที่บ้าน Gracious (เกร้-เชียส) พื้นที่ใช้สอย 317 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ด้วยขนาดบ้านจะเน้นตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป็นครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่มีสมาชิกในบ้านถึง 3 ช่วงวัยด้วยกันนะคะ สำหรับตัวบ้านออกแบบมาในรูปแบบหน้ากว้าง ซึ่งข้อดีของบ้านหน้ากว้างเลยคือ ทำให้ภายในตัวบ้านดูโปร่งโล่ง กว้างขวาง เนื่องจากได้ช่องแสงขนาดใหญ่และเยอะ จากหน้าบ้าน รวมทั้งสามารถจัดฟังก์ชันได้ง่ายค่ะ
ชั้น 1 – เริ่มจากส่วนที่จอดรถสามารถจอดได้ 3 คันกำลังดีนะคะ ส่วนทางเข้าภายในบ้านสามารถเข้าได้จากทั้งหมด 3 ทางด้วยกัน ทางเข้าหลักจะเป็นส่วนเฉลียงหน้าบ้านที่เข้ามาก็จะเจอกับส่วนโถงทางเข้า (Transition Space) ก่อนเข้าสู่พื้นที่รับแขก ซึ่งทางนี้ออกแบบให้เป็นทางเข้าสำหรับเจ้าของบ้านและแขกเป็นหลัก ทางเข้ารองคือทางเข้าจากส่วนที่จอดรถเลย สำหรับใครที่ต้องการขนของเข้าบ้านง่ายๆ ทางนี้ก็จะสะดวกสุดค่ะ เพราะเข้ามาก็ใกล้กับส่วนครัวเลย และทางเข้าสุดท้ายสำหรับแม่บ้านโดยเฉพาะ เพราะจะอยู่บริเวณด้านหลังบ้านที่เป็น Back of House โดยเข้าจากพื้นที่ซักล้างมายังครัวโดยตรง
ภายในบ้านแบ่งโซนการจัดพื้นที่ไว้ชัดเจนเป็นสัดส่วนดีมากค่ะ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน เริ่มจากตรงกลางคือพื้นที่ Common Area ใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่น/รับแขก พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่เตรียมอาหารต่างๆ ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นโซนห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งทางโครงการตั้งใจออกแบบไว้ให้สำหรับผู้สูงอายุเป็นหลักเลยค่ะ เพราะได้นำหลัก Universal Design มาใช้เพื่อให้คนทุกวัยสามารถใช้ได้อย่างสะดวก โดยภายในห้องนอนนี้มีห้องน้ำในตัวและเฉลียงขนาดใหญ่ (Balancing Space) ให้สามารถมองเห็นวิวสวนภายนอกได้ รวมไปถึงเข้าถึงสวนได้ง่ายอีกด้วยค่ะ และโซนสุดท้ายอยู่ทางฝั่งขวาเป็นโซน Service ทั้งหมด โดยประกอบไปด้วยห้องครัวปิด ลานซักล้างและห้องนอนพร้อมห้องน้ำของแม่บ้าน
ชั้น 2 – สำหรับชั้น 2 ขึ้นมาแล้วจะเชื่อมกับพื้นที่พักผ่อนด้านบน จัดเป็นอีกจุดพื้นที่นั่งเล่นที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจากพื้นที่นั่งเล่นด้านล่าง เช่น เมื่อมีแขกมาที่บ้าน สมาชิกคนอื่นๆ ก็สามารถขึ้นมานั่งเล่นที่ชั้น 2 ได้โดยไม่เสียความเป็นส่วนตัวไป ในขณะเดียวกันหากใครต้องการจัดพื้นที่นี้เป็นฟังก์ชันอื่นก็ย่อมทำได้นะคะ เพราะบ้านจริงจะได้เป็นพื้นที่เปล่า สามารถจัดเป็นฟังก์ชันอื่นเช่น พื้นที่ทำงาน พื้นที่อ่านหนังสือ หรือวางงานอดิเรกต่างๆ ได้ และจากพื้นที่พักผ่อนนี้ก็จะแจกไปยังห้องนอนทั้ง 3 ห้อง โดยทั้ง 3 ห้องนอนนี้มีห้องน้ำในตัวทั้งหมด โดยที่นี่ออกแบบให้ห้องนอนกลางมีขนาดเกือบเทียบเท่าห้องนอนใหญ่ได้เลย เผื่อไว้สำหรับลูกๆ แต่งงานแล้วก็สามารถแต่งเข้าได้ เป็นครอบครัวขนาดเล็กภายในบ้าน ไม่ต้องย้ายออกไปที่อื่นได้ แต่ห้องนอนใหญ่จะได้เปรียบมากกว่าหน่อยคือได้อ่างอาบน้ำเป็นมาตรฐานในห้องน้ำเลย ส่วนห้องนอนเล็กจะเป็นห้องเดียวที่ไม่ได้ระเบียง นอกนั้นทุกห้องจะได้ระเบียง รวมทั้งหมด 3 ระเบียงด้วยกัน สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวภายนอก หรือใครที่ชอบจัดสวนขนาดเล็กๆ ริมระเบียงก็ทำได้เช่นกัน
เริ่มต้นกันที่หน้าบ้านกันเลยนะคะ โดยประตูหน้าบ้านนี้ทางโครงการจะให้มาเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ พ่นสีน้ำตาลตาม Concept โครงการ และในส่วนของพื้นก่อนเข้าสู่ตัวบ้านนั้นจะมีการลาดเอียงขึ้น เป็นการยกระดับพื้นในตัวบ้านให้สูงกว่าถนนในโครงการ เพื่อกันน้ำไหลย้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้ดี
ถัดมาที่พื้นที่จอดรถกันนะคะ สำหรับแบบขนาดใหญ่สุดจะมีพื้นที่สามารถจอดรถได้ทั้งหมด 3 คัน กำลังดีด้วยขนาดที่จอดรถอยู่ที่ 6 x 8.4 ม. บริเวณด้านในมีหลังคาจอดรถคลุมเรียบร้อย สำหรับโครงสร้างพื้นบริเวณที่จอดรถนี้จะได้เป็น Slab on Beam ลงเสาเข็มให้เรียบร้อย เพิ่มความคงทนให้กับพื้นมากขึ้น ลดการทรุดตัวได้ดีกว่า Slab on Ground ที่ไม่มีเสาเข็มด้านล่างนะคะ ส่วนวัสดุปูพื้นจะเป็นคอนกรีต สลับกับพื้นทรายล้างซึ่งสามารถกันลื่นได้ดีเหมาะกับการใช้งานกับพื้นที่ Outdoor แต่ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดหน่อยเพราะด้วยความที่พื้นมีความขรุขระพอสมควรอาจทำให้มีตะไคร่เกาะพื้นได้เช่นเดียวกันนะคะ
ฝ้าเพดานส่วนที่จอดรถใช้เป็นแบบฉาบเรียบมาตรฐาน ดวงโคมบริเวณนี้จะเป็นแบบ Photo Switch คือเปิดเองอัตโนมัติเมื่อไม่มีแสงแดดภายนอก เช่นเมื่อตกกลางคืนแสงหมด ดวงโคมจะเปิดเองโดยอัตโนมัติค่ะ
สุดทางนั้นฝั่งซ้ายมือสุดเราจะเห็นปลั๊กไฟ 3 เฟสที่ทางโครงการติดตั้งไว้ให้สำหรับรองรับรถไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งเรียกจุดนี้ว่า EV Charger ฝั่งขวามือสุดเป็นประตูทางเข้าบ้านที่ใกล้กับส่วนครัวนะคะ
โดยประตูนี้จะได้ Digital Door lock ซึ่งรองรับได้ทั้งรหัสผ่าน กุญแจ และคีย์การ์ด รวมไปถึงการตั้งรหัสผ่านครั้งเดียวที่เราสามารถบอกรหัสผ่านกับแม่บ้าน ให้เข้ามาทำความสะอาดเป็นครั้งคราวได้ โดยไม่ต้องกังวลใจว่าแม่บ้านจะรู้รหัสผ่านปกติของเรา
หันมาด้านข้างจะเป็นพื้นที่สวนหน้าบ้าน เส้นทางโครงการจะมีจัดไว้ให้เป็นมาตรฐานโดยปูหญ้าและลงต้นไม้ใหญ่ให้ค่ะ
เดี๋ยวเรามาดูรอบๆบ้านกันก่อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้านกันนะคะ บริเวณด้านข้าง มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควรสามารถปลูกต้นไม้ใหญ่หรือจัดสวนเพิ่มเติมได้
ด้านหลังของบ้านทางโครงการออกแบบให้เป็นลานซักล้างแบบพื้นคอนกรีต โดยบริเวณนี้จะเชื่อมกับพื้นที่ของแม่บ้านและทางเข้าห้องครัวจากด้านหลัง เป็นทางที่ทำไว้สำหรับแม่บ้านโดยเฉพาะ ซึ่งหากตอนกลางคืนไม่อยากให้แม่บ้านเข้ามาภายในบ้านก็สามารถล็อกประตูจากฝั่งนี้ได้ค่ะ
บริเวณทางเข้าห้องแม่บ้านนั้นจะทำเป็นพื้นที่ซักล้างแบบ semi Outdoor คือเป็นพื้นที่ในร่ม โดยบริเวณนี้จะติดตั้งอ่างล้างมือและเดินท่อไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าได้ สุดทางที่เห็นเป็นประตู 2 ฝั่งนั้นจะเป็นห้องนอนแม่บ้านและห้องน้ำของแม่บ้านค่ะ
ติดๆ กันเป็นประตูทางเข้าส่วนครัวด้านหลัง
กลับมาที่บริเวณหน้าบ้านกันบ้าง การเข้าสู่ตัวบ้านเราจะได้เจอกับส่วนเฉลียงขนาดใหญ่ สามารถจัดสรรเป็นพื้นที่ว่างไม้ประดับตกแต่งเพิ่มเติมได้ด้วยนะคะ
ประตูทางเข้านั้นใช้เป็นประตูบานเปิดคู่ และมีบาน Fixed ขนาบข้างซึ่งไม่ใช่กระจกธรรมดานะคะ แต่ตรงวงกบมีติดตั้ง Breeze Panel ไว้ให้อีกด้วย เพื่อทำให้ภายในห้องสามารถระบายอากาศได้แม้จะไม่ได้เปิดประตูหรือหน้าต่าง การปรับแต่งของส่วนประตูนี้ใช้วงกบเป็นสีน้ำตาลและมีการเล่นลวดลายกระจกที่เน้นเส้นสายมากขึ้นตามแนวความคิดของโครงการ
เข้ามาภายในบ้านเราจะพบกับส่วน Transition Space เป็นพื้นที่เปลี่ยนผ่านก่อนเข้าสู่พื้นที่พักผ่อนภายในบ้านจริงๆ ซึ่งลักษณะพื้นที่จะลดระดับจากพื้นที่ภายในบ้านอีกระดับนึง บริเวณนี้สามารถจัดสรรเป็นพื้นที่ถอดรองเท้าเก็บรองเท้าเหมือนฟังก์ชันของบ้านตะวันออก ทำให้เราสามารถใส่รองเท้าเข้าบ้านแล้วค่อยไปถอดภายในตัวบ้านได้ ไม่ต้องถอดไว้หน้าบ้านที่จะทำให้รองเท้าโดนฝุ่น หรือเลอะเทอะได้
เข้ามาด้านในเป็นพื้นที่ Common Area ซึ่งด้านหน้าเลยจัดให้เป็นพื้นที่รับแขก/นั่งเล่น ที่เชื่อมกับพื้นที่ด้านหลังที่เป็นพื้นที่รับประทานอาหารค่ะ โดยบริเวณนี้ปูพื้นด้วยแกรนิตโต้ ผนังติด Wallpaper ลายมาตรฐานให้ ส่วนฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบ ดวงโคม Downlight ใช้หลอดไฟ LED ทั่วทั้งหลัง
บริเวณพื้นที่รับแขกนี้จะอยู่ติดหน้าบ้านเลย เวลามีแขกมาก็ใช้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ต้อนรับได้ดีค่ะ บรรยากาศบริเวณนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งดีทีเดียวนะคะ ด้วยการที่ได้ช่องเปิดขนาดใหญ่ถึง 2 ฝั่งด้วยกัน ทั้งจากหน้าบ้านและหน้าต่างบานเลื่อนด้านหลังโซฟา ส่วนขนาดของพื้นที่รับแขกนี้สามารถรองรับชุดโซฟาขนาดใหญ่แบบ 3 ที่นั่งสบายมากและยังสามารถวางเก้าอี้โซฟาเพิ่มเติมได้อีกด้วย
ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่เชื่อมกับส่วนเตรียมอาหารด้านข้าง บริเวณพื้นที่รับประทานอาหารนี้เราสามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่รองรับได้มากถึง 6-8 ที่นั่งเลยนะคะ
ส่วนด้านหลังสุดเป็นหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่รับแสงธรรมชาติหรือจะเปิดระบายอากาศก็ดีเช่นเดียวกัน ซึ่งก็มี Breeze Panel ติดตั้งให้ด้วยในส่วนนี้สามารถระบายอากาศได้ระดับนึงแต่ไม่ได้มากนักนะคะ ซึ่งใครที่ไม่ชอบเปิดแอร์ในบ้านอยากให้ลมพัดเข้าบ้านสบายๆ ไม่มีแมลงเข้าแนะนำให้ติดตั้งมุ้งลวดเพิ่มเติมจะดีมากเลยค่ะ
มาที่ห้องนอนผู้สูงอายุกันบ้างนะคะ ข้อพิเศษของห้องนอนผู้สูงอายุนี้คือการออกแบบเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะเลย ใช้วัสดุและหลักการออกแบบ Universal Design เข้ามาใช้ด้วย เริ่มต้นจากพื้นห้องจะใช้เป็น Shock Absorption Floor คือตัวพื้นเองมีความนุ่มระดับนึง มากกว่าพื้นลามิเนตหรือ Engineering Wood ทั่วไป เพื่อกันกระแทกได้ระดับนึง เผื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุจะได้ไม่บาดเจ็บมากนัก และเดินแล้วมีความนุ่มเท้ามากกว่าด้วย
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องน้ำในห้องนอนนี้ก่อนนะคะ โดยเริ่มจากประตูห้องน้ำเฉพาะห้องนี้จะได้เป็นประตูบานเลื่อนเพื่อให้ผู้สูงอายุเปิด-ปิดได้ง่ายและสะดวกในการใช้งานมากกว่า เพราะใช้แรงน้อยกว่า รวมไปถึงหากนั่ง Wheel Chair เข้า ก็สามารถเปิด-ปิดเองได้เลย
ภายในห้องน้ำนี้จะแตกต่างจากห้องน้ำห้องอื่นๆ คือจะไม่ได้แยกส่วนเปียกและแห้งออกจากกัน และไม่มีการฉากกั้นกระจกมาให้ เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากที่สุด ส่วนระดับพื้นห้องน้ำเสมอกับพื้นห้องเลย โดยจะใช้รางระบายน้ำอยู่ด้านหน้าห้องน้ำแบบนี้ เพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมาภายนอกค่ะ ส่วนภายในเองก็มี Floor Drain ให้เหมือนเดิมนะ แต่เวลาตรวจบ้านก็ควรจะเน้นที่ตรงพื้นที่จะต้องมี Slope ที่ลาดได้ดี ระบายน้ำได้เร็ว ไม่ย้อนเข้าส่วนแห้งมากนัก ส่วนของผนังมีการเซาะพื้นที่ไว้สำหรับเป็นพื้นที่วางครีมอาบน้ำ และแชมพูต่างๆ ให้เรียบร้อย
วัสดุอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุทั้งหมดทางโครงการใช้จาก SCG Elder Care โดยเฉพาะ โดยทางโครงการมีเสริมมาว่าในบ้านตัวอย่างนี้อาจจะไม่มีการวางอุปกรณ์สำหรับเป็นห้องน้ำผู้สูงอายุแบบเต็มที่ เช่นราวจับต่างๆ เพราะต้องการให้บรรยากาศของห้องน้ำผู้สูงอายุไม่ดูหดหู่ไปนัก แต่หากสมาชิกผู้สูงอายุของลูกบ้านจำเป็นต้องใช้ราวจับหรืออุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มเติมทางโครงการสามารถติดตั้งให้ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ
โซนเตียงนอนวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้กำลังดีค่ะ ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าเพิ่มเติมได้ ส่วนความรู้สึกโปร่งโล่งนั้นมาจากช่องหน้าต่างบานเลื่อนด้านข้าง
และอีกฝั่งที่เป็นประตูบานเลื่อนกระจกออกไปยังเฉลียงส่วนตัวได้ (Balancing Space)
บรรยากาศบริเวณ Balancing Space ในบ้านมาตรฐาน มีพื้นที่ขนาดใหญ่ วางชุดเฟอร์นิเจอร์จะเป็นรูปแบบโซฟานั่งเล่น หรือโต๊ะขนาด 5-6 ที่นั่งก็ยังได้นะคะ
ฝั่งขวามือที่เชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหารนั้นจะเป็นส่วนพื้นที่เตรียมอาหารและลึกเข้าไปคือครัว รวมๆ แล้วโซนนี้จะเป็นโซนเซอร์วิสแล้วนะคะ
ชุด Pantry ที่เห็นนั้นจะได้ตามมาตรฐานของบ้านตัวอย่างเลย แต่ไม่รวมของตกแต่งและเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ ลักษณะ Pantry เป็นรูปทรงตัว L พร้อมชุดชั้นและตู้ Built-in ด้านบน ไว้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้เน้นทำอาหารเหมือนครัวด้านใน มีพื้นที่ด้านข้างเป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่แบบบานเปิดคู่ได้
อ่างล้างจานให้มาเป็นหลุมเดี่ยวเพราะไม่ได้เน้นการล้างจานใหญ่ หรืออาหารหนักต่างๆ จะเน้นเป็นของว่างและแก้วใส่เครื่องดื่มเป็นหลักค่ะ ส่วนก็อกน้ำมีให้ทั้งแบบก็อกมาตรฐานและแบบก็อกแบบสายอ่อน ง่ายในการใช้งานดี
ด้านหลังบ้านติดหน้าต่างบานเลื่อนขนาดกะทัดรัดไว้ให้บริเวณนี้ด้วย เพื่อระบายความชื้นต่างๆ ในส่วน Pantry ได้ดียิ่งขึ้น
ถัดมาจากส่วนเตรียมอาหาร ฝั่งขวาเป็นส่วนครัว และฝั่งซ้ายคือประตูทางเข้าบ้านจากส่วนที่จอดรถ บันไดขึ้นชั้น 2 และทางตรงไปห้องน้ำค่ะ เดี๋ยวเราไปดูครัวกันก่อนนะคะ
ภายในครัวจะได้ชุดครัวตามนี้เป็นมาตรฐานจาก SB Furniture โดยชุด Pantry จัดให้เป็นสัดส่วนและตำแหน่งที่ถูกต้อง เริ่มจากฝั่งขวาที่จัดให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร ให้ Hob&Hood ดูดควันออกไปด้านนอกจาก FRANKE และฝั่งที่ติดกับหน้าต่างจัดให้เป็นอ่างล้างจาน 2 หลุมพร้อมที่พักจานด้านข้าง ด้านบน Built-in ชั้นวางของต่างๆ ให้ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้จริงดีทีเดียวค่ะ เพราะหลังจากล้างจานเสร็จแล้วก็สามารถเก็บจานด้านบนได้ รวมทั้งการอยู่ใกล้นหน้าต่างก็ช่วยเรื่องระบายความชื้นจากอ่างล้างจานได้ดีอีกด้วย
สำหรับวัสดุของ Pantry ครัวนั้นท็อปจะใช้เป็นหินแท้ บานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนต มีช่องสำหรับระบายอากาศภายในให้เพื่อให้ชั้นเก็บของด้านในไม่อับเกินไป รวมทั้งผนังด้านหลังของ Pantry ก็กรุผนังด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ให้เป็นมาตรฐานซึ่งง่ายต่อการทำความสะอาดได้ดีค่ะ
อีกฝั่งของห้องครัว ก็มี Built-in ชั้นวางของและPantry เตรียมอาหารให้อีกจุดด้วย ด้านข้างมีเว้นพื้นที่ว่างไว้สำหรับวางตู้เย็นได้ แต่ขนาดไม่ใหญ่เท่ากับด้านนอกบริเวณเตรียมอาหารนะคะ
อีกฝั่งเป็นประตูเปิดออกไปยังส่วนลานซักล้างด้านนอกค่ะ
มาที่อีกฝั่งของบ้านกันบ้างนะคะ เริ่มจากใต้บันไดที่ได้ห้องเก็บของ ตรงกลางเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันในชั้นล่าง ไว้สำหรับรับรองแขกด้วย
บริเวณทางเดินไปห้องน้ำนั้นมีลดระดับลงเล็กน้อยเนื่องจากห้องน้ำนี้อยู่ใต้บันไดดังนั้นการลดระดับพื้นลงจะทำให้ห้องน้ำได้ฝ้าเพดานสูงขึ้นนั่นเองค่ะ
ภายในห้องน้ำชั้นล่างออกแบบให้เป็น Powder Room คือไม่มีพื้นที่อาบน้ำให้เพราะในทุกห้องนอนออกแบบให้มีห้องน้ำส่วนตัวทั้งหมดแล้ว ห้องน้ำห้องนี้จึงทำไว้สำหรับต้อนรับแขกเป็นสำคัญ ด้านบนติดตั้งหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ให้เรียบร้อย สำหรับระบายอากาศและช่วยให้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องน้ำได้บ้าง ส่วนผนังนอกจากมีการเล่นลายและกรุกระจกเงาให้แล้วก็มีทำ Low Wall ให้สำหรับวางของใช้หรือของตกแต่งได้ค่ะ
บริเวณอ่างล้างมือติดกระจกเงา ซ่อนไฟ และให้ Low Wall เหมือนห้องน้ำในห้องนอนผู้สูงอายุเลยค่ะ ส่วนอ่างล้างมือใช้สุขภัณฑ์จาก Kohler
โถสุขภัณฑ์ Kohler เพิ่มเติมที่แตกต่างจากห้องน้ำอื่นคือได้ฝาอัตโนมัติด้วย สามารถเปิด-ปิดเองได้ผ่าน Censor เมื่อเราจะใช้งาน รวมทั้งระบบสั่งการแบบฉีดน้ำ และเป่าลมก็มีครบครัน โดยรูปแบบโถสุขภัณฑ์นี้จะมีเฉพาะห้องน้ำนี้และห้องน้ำภายในห้อง Master Bedroom นะคะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 กันต่อนะคะ บริเวณโถงบันไดนี้ก็มีความพิเศษแตกต่างจากโครงการทั่วไปอยู่พอสมควรเลยค่ะ เริ่มจากโคมระย้าที่ให้มาเป็นมาตรฐานในทุกหลังเลย แต่อาจจะมีหน้าตาของโคมระย้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละแบบบ้านนะคะ
ส่วนลักษณะบันไดเป็นรูปตัว U ซึ่งมีความกว้างกำลังดีในการใช้งาน โครงสร้างบันไดใช้เป็นคอนกรีตทาสี ส่วนลูกนอนและชานพักบันไดเป็นไม้สำเร็จรูป ราวบันไดใช้โครงเหล็กทำสี และท็อปไม้สำเร็จรูป
ส่วนด้านข้างบันไดมีทำไฟทางระดับเดียวกับพื้นบันไดให้ด้วยนะ ดูสวยงามดีทีเดียวค่ะ ลักษณะการเดินสายไฟของไฟนำทางนี้จะเป็นแบบ 2 way คือเปิดไฟจากด้านล่างก็ไปปิดไฟด้านบนได้ การใช้งานจะประมาณนี้ ตอบโจทย์ลักษณะการใช้งานจริงได้ดี
ขึ้นมาถึงเจอกับห้องนอนเล็กฝั่งซ้าย (หลังบ้าน) ห้องนอนกลาง (หน้าบ้าน) ตรงไปเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ หรือพื้นที่พักผ่อนชั้นบน และในสุดคือห้อง Master Bedroom ค่ะ
สังเกตบริเวณด้านบนฝ้าเพดานเราจะเห็นกล่องที่มีไฟสีฟ้าขึ้นมาใช่ไหมคะ กล่องนั้นคือ Control Box หรือกล่องแสดงการทำงานของ Solar Attic ที่เป็นระบบพัดลมและช่องระบายอากาศช่วยลดความร้อนใต้หลังคา โดยใช้พลังงานจากโซล่าเซลล์ ลักษณะการใช้งานทั้งหมดจะเป็นระบบอัตโนมัตินะคะ กล่องนี้จะแสดงผลในเรื่องของการทำงานพัดลม สถานะของฟิวส์ และ Solar Panel ที่ติดด้านบนหลังคาให้ ซึ่งไฟสีฟ้าอย่างที่เห็นในรูปแสดงถึงว่าระบบกำลังทำงานค่ะ หากเป็นไฟสีเขียวจะแปลว่าอาจจะทำงานอยู่แต่มีความสว่างภายนอกลดลง และหากไฟเขียวดับลงนั้นหมายถึงเข้าสู่สภาวะหลับ ไม่มีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ในระบบค่ะ
เริ่มจากห้องนอนกลางกันก่อนนะคะ ห้องนี้เฉพาะส่วนเตียงนอนมีขนาดประมาณ 4 x 4.9 ม. สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายมากค่ะ ด้านข้างเตียง 2 ฝั่งได้หน้าต่าง และมีประตูบานเปิดกระจกออกไปยังส่วนระเบียงด้านนอก
ระเบียงที่ได้มีขนาดประมาณ 1.1 x 5 ม. เลยทีเดียว สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวได้ หรือจะจัดสวนกระถางหย่อมๆ ตามบ้านตัวอย่างก็ได้เช่นกันนะคะ สำหรับราวกันตกนี้ให้เป็นราวกันตกกระจกใสอีกด้วย
หันมาด้านข้างก็จะเจอกับระเบียงส่วนพื้นที่นั่งเล่นชั้นบนนะคะ เค้าไม่ได้ออกแบบมาอยู่ในระดับเดียวกันที่มองเห็นกันได้เลย แต่มีการขยับเข้าไปด้านในอีกสเต็ปเพื่อให้ระเบียงแต่ละระเบียงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
จากพื้นที่เตียงนอนแล้วเลยเข้าไปด้านในจะเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำในตัวนะคะ
พื้นที่แต่งตัวได้ขนาด 2.1 x 3.2 ตร.ม. สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ สุดทางมีหน้าต่างให้ 1 ชุดเพิ่มความสว่างให้พื้นที่แต่งตัวมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับการจัดให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ
ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกและแห้งให้โดยการยกธรณีขึ้นสูงเล็กน้อยกั้นระหว่างเปียกและแห้ง แต่ไม่ได้ให้ฉากกั้นกระจกมานะคะ แนะนำให้ลูกบ้านติดตั้งเพิ่มเติม
ส่วนแห้งซึ่งประกอบไปด้วยโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือจาก Kohler ด้านหลังทำ Low Wall ให้เรียบร้อยพร้อมกรุกระจกเงาขนาดใหญ่เต็มผนัง
สำหรับพื้นที่อาบน้ำให้มาขนาดใหญ่ทีเดียวนะคะ อาบน้ำได้สบายๆ เลย ด้านบนทำหน้าต่างบานกระทุ้งกระจกฝ้าให้ช่วยระบายความชื้น และให้แสงสว่างเข้ามาได้กำลังดีค่ะ ส่วนบริเวณฝักบัวได้เป็นฝักบัวสายอ่อน ด้านข้างติดตั้งชั้นวางของให้และมีติดตั้งเดินสายไฟสำหรับลูกบ้านมาติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้เลย
มาที่ห้องนอนเล็กกันต่อ เข้ามาเราจะเจอห้องน้ำในห้องนอนก่อนนะคะ และถัดไปเป็นส่วนเตียงนอน
ห้องน้ำมีขนาดกะทัดรัดลงมาจากห้องนอนกลางอยู่หน่อยนะคะ แต่การตกแต่งและชุดสุขภัณฑ์ให้มาเหมือนกันเลยค่ะ
ถัดมาภายในบริเวณเตียงนอนสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต ได้กำลังดี โดยรอบได้หน้าต่าง 2 ฝั่งทำให้ภายในห้องดูโปร่งโล่ง
บริเวณพื้นที่พักผ่อนนี้ในบ้านตัวอย่างจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นกึ่งทำงาน ซึ่งตอบโจทย์คนที่ต้องการพื้นที่ทำงานแบบสบายๆ แต่เป็นสัดส่วน โดยบริเวณนี้นอกจากมีความโปร่งโล่งแล้วยังสามารถมองวิวภายนอกได้ดีอีกด้วย เพราะฝั่งซ้าย (หน้าบ้าน) ได้เป็นประตูบานเลื่อนกระจก และฝั่งขวาก็เป็นหน้าต่างอีกด้วย
ขนาดพื้นที่บริเวณนี้ประมาณ 3.85 x 3.9 ม. สามารถวางโต๊ะที่รองรับที่นั่งได้ถึง 4-6 ที่นั่ง หรือชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งกำลังพอดีๆ เลย ด้านนอกสุดคือประตูบานเลื่อนกระจกที่เชื่อมกับระเบียงภายนอก
ระเบียงนี้ได้ขนาดใหญ่เช่นกันสามารถวางโต๊ะเก้าอี้ขนาดกะทัดรัดออกมานั่งเล่นได้สบายเลย
มาที่ห้องนอนใหญ่กันแล้วนะคะ สำหรับห้องนอนใหญ่ได้พื้นที่ขนาดใหญ่ทีเดียว และยังเป็นห้องที่สามารถได้หน้าต่าง/ประตูเปิดรับแสงธรรมชาติ ระบายอากาศต่างๆ ได้ถึง 3 ทิศด้วยกันทีเดียวค่ะ เข้ามาภายในห้องเจอกับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถวางเตียงนอน และจัดพื้นที่นั่งเล่นเพิ่มเติมได้
ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่จึงสามารถจัดพื้นที่นั่งเล่นได้เป็นสัดส่วน ขนาดพื้นที่สามารถวางชุดโซฟาประมาณ 2 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้นั่งเล่นและโต๊ะกลางได้กำลังดี
สำหรับพื้นที่เตียงนอนนี้อยู่ด้านในชิดมุม เหมาะกับวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต กำลังดีเลยค่ะ
ระเบียงที่ได้จะคล้ายคลึงกับระเบียงทั้งห้องนอนกลางและพื้นที่นั่งเล่นชั้น 2 นะคะ แต่จะมีจุดที่พิเศษแตกต่างขึ้นมาหน่อย
จุดที่แตกต่างคือการทำระแนงบังสายตาให้เพิ่มเติมได้ ซึ่งสามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้
นอกจากนี้บริเวณระเบียงนี้ยังทำเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง (Double Volume) มองไปด้านล่างเห็นส่วน Balancing Space และสวนหน้าบ้าน ซึ่งหากดูจากบ้านตัวอย่างจะมีการทำบ่อปลาให้เป็นตัวอย่างในการตกแต่งนะคะ
เข้ามาด้านในบริเวณใกล้กับพื้นที่เตียงนอนมีจอมอนิเตอร์โชว์แปลนชั้น 1 และ 2 ซึ่งแสดงระบบแสงสว่างและการเปิด-ปิดหน้าต่างภายนอก เป็นหนึ่งในระบบ Home Automation ที่ได้เป็นมาตรฐานจากยี่ห้อ inim
ติดกับพื้นที่เตียงนอนมีห้องแต่งตัวที่ทำเป็นห้องชัดเจนเลยนะคะ มีประตูปิดเรียบร้อยเป็นสัดส่วน โดยสามารถวางตู้เสื้อผ้าให้มาขนาดใหญ่ได้ทั้ง 2 ฝั่ง ตรงกลางมีหน้าต่างบานเลื่อน ซึ่งด้วยความที่จัดมาให้เป็นห้องชัดเจนเลยหากลูกบ้านไม่ได้ต้องการพื้นที่แต่งตัวขนาดนี้ก็ยังสามารถปรับเป็นฟังก์ชันอื่นๆ ได้ด้วยนะคะ
และสุดท้ายคือห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ที่มีความใหญ่และความพิเศษอยู่ในนี้ โดยภายในจะแบ่งเป็น 3 โซนด้วยกัน ตรงกลางเป็นโซนแห้งซึ่งประกอบด้วย โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวพร้อมฝาอัตโนมัติและอ่างล้างมือขนาดใหญ่จาก Kohler ด้านหลังทำ Low Wall ที่มีปลั๊กไฟกันน้ำไว้สำหรับให้คุณผู้หญิงสามารถเสียบปลั๊กไดร์ผมได้ รวมไปถึงกรุกระจกเงาบานใหญ่สวยงาม ส่วนฝั่งขวามือนั้นมีอ่างอาบน้ำให้เป็นมาตรฐานเฉพาะห้องนอนใหญ่ และฝั่งซ้ายคือพื้นที่อาบน้ำค่ะ
มาดูบริเวณอ่างอาบน้ำกันต่อ สำหรับอ่างนี้มีขนาดความยาวประมาณ 1.8 ม. ไว้ให้นอนแช่ผ่อนคลายและสำหรับบ้าน Type นี้จะได้อ่างแบบที่สามารถทำ Bubble Massage ได้ด้วยนะคะ ติดกับอ่างอาบน้ำก็มีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่แบบกระจกฝ้ามาให้ด้วย จึงทำให้แสงเข้ามาภายในห้องน้ำได้ดีมาก ช่วยให้ภายในโปร่งโล่ง
ถัดมาอีกฝั่งเป็นพื้นที่อาบน้ำซึ่งจะมีฉากกั้นกระจกให้เป็นมาตรฐานกันน้ำกระเด็นออกมาด้านนอกได้ดีมากค่ะ
ฝักบัวได้ 2 แบบด้วยกันคือ ฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower ด้านข้างทำ Low Wall ไว้วางของและยังมีม้านั่งไว้สำหรับนั่งอาบน้ำได้ด้วยนะคะ
ถัดมาเป็นบ้านตัวอย่างแบบ Jovial (โจ-เวียล) พื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ เป็นบ้านขนาดเล็กลงจากบ้านหลังแรก โดยยังสามารถรองรับจำนวนสมาชิกลูกบ้านได้เช่นเดียวกับบ้านหลังแรกเลย เนื่องจากมีห้องนอน 4 ห้องนอนเช่นเดิมนะคะ เพียงแต่มีพื้นที่ใช้สอยที่กระชับมากขึ้นหน่อย และห้องน้ำชั้นล่าง 1 ห้อง ส่วนฟังก์ชันอื่นโดยรวมยังมีเหมือนเดิม
ชั้น 1 – ลักษณะบ้านยังคงเป็นบ้านแบบหน้ากว้างเช่นเดิม เข้ามาก็จะเจอกับส่วนโถงทางเข้า (Transition Space) เชื่อมกับ Common Area ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานและพื้นที่เตรียมอาหาร บริเวณนี้จะได้พื้นที่โปร่งโล่งเพราะได้ช่องเปิดถึง 2 ฝั่งด้วยกัน ถัดจากนั้นเป็นห้องนอนชั้นล่างที่อยู่บริเวณด้านหน้าบ้านนะคะ ยังคงออกแบบให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุเช่นเดิมโดยหลักๆ เพียงแต่ไม่มีห้องน้ำที่ออกแบบสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ให้ออกมาใช้ร่วมกับห้องน้ำแขกชั้นล่างซึ่งจะมีพื้นที่อาบน้ำไว้ให้เรียบร้อยนะคะ เดินได้ในระยะใกล้ แต่ไม่ได้ออกแบบไว้เป็นห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุ
ถัดมาส่วนครัวได้พื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทำอาหารแบบจริงจังได้ดีเลยค่ะ เชื่อมกับพื้นที่ส่วนแม่บ้านด้านนอกและส่วนซักล้างแบบ Semi-Outdoor
ชั้น 2 – ขึ้นมาจากโถงทางเดินเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น หรือพื้นที่อเนกประสงค์ ติดกันนั้นเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้องซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน ข้อดีเลยคือลูกๆ ทั้ง 2 คนได้ขนาดห้องเท่าๆ กันนะคะ ส่วนห้อง Master Bedroom เป็นห้องลักษณะยาวตั้งแต่หน้าบ้านไปถึงหลังบ้านเลยทีเดียว และเป็นห้องเดียวที่ได้ระเบียงส่วนตัวไว้ชมวิวภายนอก มานั่งเล่นชิลๆ ได้
สำหรับประตูหน้าบ้านก็จะเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติเช่นเดียวกับบ้านหลังแรกนะคะ เพียงแต่มีขนาดความยาวของประตูเล็กลงมาตามขนาดของที่ดินบ้าน
ส่วนที่จอดนี้มีความกว้างประมาณ 5.5 x 7.6 ม. สามารถจอดรถ 2 คันได้กำลังพอดีๆ นะคะ ส่วนใครที่มีที่ดินมากหน่อยจริงๆ สามารถจอดซ้อนได้อีก 2 คัน เป็น 4 คันได้ แต่จะมี 2 คันด้านในที่ได้หลังคาในร่ม หากใครที่ต้องการพื้นที่หลังคาเพิ่มเติม ก็สามารถติดตั้งหลังคาผ้าใบ หรือจะเป็นการต่อเติมหลังคาเบาเลยก็ได้เช่นกัน
บริเวณที่จอดรถนั้นจะมีโคมไฟติดผนังที่มี CCTV ในตัว ติดตั้งให้ด้วยนะคะ โดยจะให้เป็นมาตรฐานในทุกหลังเลย ตัว CCTV นี้สามารถตรวจจับคน สัตว์ รถ หรือวัตถุที่เคลื่อนไหวเข้ามาในบ้าน โดยจะส่ง Notification เข้าสู่ Smart Phone ของเจ้าของบ้านโดยอัตโนมัติ รวมทั้งเจ้าของบ้านสามารถดูการเคลื่อนไหวบริเวณพื้นที่นี้แบบ Real Time ผ่าน Smart Phone ได้เช่นกันถือเป็นข้อดีมากๆ เพราะสามารถใช้งานได้ทั้งไฟส่องสว่างและรักษาความปลอดภัยภายในตัว น่าจะเป็นโครงการแรกๆ ของแบรนด์เศรษฐสิริที่นำมาใช้เลยนะคะ
ถัดมาด้านข้างเป็นส่วนสวนหน้าบ้าน ซึ่งในบ้านมาตรฐานก็จะได้พื้นที่ดินประมาณนี้เลยนะคะ ใครที่ชอบสวนสามารถจัดต้นไม้ใหญ่ได้ หรือจะทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบบ้านตัวอย่างก็ได้เช่นกันนะคะ
บริเวณส่วนเฉลียงหน้าบ้านมีพื้นที่พอสมควรสามารถวางชั้นวางรองเท้าและวางต้นไม้ตกแต่งได้พอสมควรเลยค่ะ ในส่วนของประตูทางเข้าเป็นชุดประตูแบบเดียวกับบ้านตัวอย่างแรก โดยจะเป็นชุดประตูบานเปิดกระจกแบบคู่ มีบาน Fixed ด้านข้างพร้อม Breeze Panel
ตัวบานประตูสามารถล็อกได้ทั้ง 2 ฝั่งและเป็นตัวล็อกตรงกลาง ดูสวยงาม
เข้ามาก็จะเจอกับส่วน Transition Space เช่นเดียวกับบ้านตัวอย่างหลังแรกนะคะ ด้านข้าง Built-in ชั้นวางรองเท้าและชั้นเก็บของได้เลย
เข้ามาด้านในเจอกับส่วน Common Area ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมกันทั้งหมดระหว่างฟังก์ชัน พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่เตรียมอาหาร ด้วยความที่เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันและช่องแสงที่ได้จากทั้ง 3 ฝั่ง คือหน้าบ้าน ข้างบ้านและหลังบ้าน ทำให้บรรยากาศภายในบ้านโปร่งโล่งดีทีเดียว
สำหรับส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี้มีขนาดประมาณ 3.4 x 4.3 ม. สามารถรองรับชุดโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่ง รวมโต๊ะกลางและเก้าอี้โซฟาด้านข้างได้
ฝั่งตรงข้ามนี้จริงๆ แล้วเป็นพื้นที่ส่วนชั้นวางทีวีและชุด Built-in ต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านนะคะ อย่างบ้านตัวอย่างนี้ก็ทำพื้นที่วางทีวีเป็นชุดเก้าอี้โซฟาแทน
ถัดมาคือพื้นที่รับประทานอาหาร บริเวณนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งดีทีเดียวนะคะ เพราะมีประตูบานเลื่อนเชื่อมไปออกสวนด้านข้างได้ด้วย ส่วนพื้นที่นี้สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบกลม 6 ที่นั่ง หรือจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารยาวประมาณ 6-8 ที่นั่งก็ได้กำลังดี
ติดกันนั้นเป็นส่วนรับประทานอาหารนะคะ ตรงไปอีกหน่อยคือห้องครัว และฝั่งขวานั้นจะเป็นห้องนอนผู้สูงอายุค่ะ
สำหรับพื้นที่เตรียมอาหารนี้จะได้ตามมาตรฐานเช่นเดียวกับบ้านตัวอย่างหลังแรกเลยค่ะ โดยจะได้ชุด Pantry และชุดตู้ชั้นบน Built-in ครบเรียบร้อย ส่วนขนาดของพื้นที่ตู้เย็นที่ทางโครงการเว้นไว้ให้สามารถวางตู้เย็นแบบ Side by Side
ถัดจากพื้นที่เตรียมอาหาร ฝั่งซ้ายเป็นห้องครัว ตรงกลางคือโถงบันได ถัดมาฝั่งขวาไล่ไปตามลำดับคือ ห้องนอนชั้นล่าง, ประตูออกไปยังส่วนที่จอดรถ และห้องน้ำชั้นล่างค่ะ
ภายในครัวเห็นแบบไหนในบ้านตัวอย่างก็ได้แบบนั้นในบ้านมาตรฐานเลยค่ะ ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นและของตกแต่งเท่านั้นเลย ขนาดของห้องครัวอยู่ที่ประมาณ 3.05 x 3.6 ม. การจัดวาง Pantry เป็นรูปตัว U เป็นลักษณะการจัดวางครัวที่เหมาะกับการทำอาหารได้ดี แบ่งโซนเตา อ่างล้างจาน และตู้เย็นไว้แยกกันคนละส่วน ซึ่งเป็นลักษณะการวางตำแหน่งที่ถูกต้องและเหมาะกับการใช้งานมากที่สุด
ด้านข้างเตาเป็นประตูออกไปยังส่วนของแม่บ้านและพื้นที่ซักล้าง
ถัดจากส่วนครัวแล้วจะเชื่อมกับพื้นที่ซักรีดนะคะ ซึ่งตัวพื้นจะลดระดับลงจากพื้นครัวเล็กน้อยและก็เปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ในโซนถัดไปนี้จะเป็นโซนสำหรับแม่บ้านแล้วค่ะ เกรดของวัสดุต่างๆ จะรองลงมาจากภายในตัวบ้านนะคะ ในส่วนพื้นที่ซักรีดนี้จะเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor ข้อดีคืออยู่ในพื้นที่ปิดกันแดดกันฝนได้ดี รวมถึงยังสามารถระบายอากาศได้เช่นกัน
ตำแหน่งฝั่งซ้ายนั้นเป็นส่วนห้องน้ำและห้องนอนของแม่บ้านนะคะ
ห้องน้ำแม่บ้านก็ทำได้ดีเลยนะคะ เข้ามาจะเป็นส่วนอ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ ในส่วนของยี่ห้อสุขภัณฑ์ของห้องน้ำแม่บ้านจะใช้ยี่ห้อ Karat ค่ะ
ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2.2 x 2.3 ม. วางเตียง Single Bed ได้กำลังดี หรือเบียดหน่อยจะวางเป็น Single Bed 2 เตียงก็ได้นะคะ ไว้สำหรับอยู่อาศัย 2 คน ได้หน้าต่าง 1 ฝั่ง ใช้ระบายอากาศได้ และทำให้ตัวห้องดูโปร่งโล่ง ส่วนพื้นห้องนอนแม่บ้านจะใช้เป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.ค่ะ
ด้านข้างมีพื้นที่ที่เตรียมเดินระบบไว้ให้เรียบร้อย สำหรับวางเครื่องซักผ้า
ถัดมาที่ส่วนด้านข้างของโถงบันไดเป็นโถงทางเดินเชื่อมเข้าห้องนอนชั้นล่าง ประตูเข้า-ออกฝั่งที่จอดรถและลึกเข้าไปในสุดคือห้องน้ำชั้นล่างค่ะ
เริ่มต้นกันที่ห้องนอนชั้นล่างนะคะ ห้องนี้มีขนาดประมาณ 3.75 x 3.9 ม. จัดว่ามีขนาดใหญ่ทีเดียว สามารถวางเตียง 5-6 ฟุต และมีพื้นที่รอบข้างสามารถจัดวางชุดโซฟานั่งเล่นได้ และพื้นที่แต่งตัวได้ ความพิเศษของห้องนี้คือชุดหน้าต่างบานใหญ่สามารถมองวิวจากสวนหน้าบ้านได้ และยังทำให้ตัวห้องได้ความโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วยนะคะ
ด้านข้างเตียงเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าซึ่งสามารถวางตู้ขนาดใหญ่ถึง 4 บานเปิด
ถัดมาที่ห้องน้ำชั้นล่างนะคะ ห้องนี้จะมีพื้นที่อาบน้ำให้เรียบร้อยสำหรับรองรับห้องนอนในชั้นล่าง โดยบริเวณพื้นที่อาบน้ำมีการยกขอบขึ้นแยกส่วนเปียกและแห้งให้ แต่ไม่ได้ให้ฉากกั้นกระจกมานะคะ ลูกบ้านต้องติดตั้งเองอีกที ในส่วนของสุขภัณฑ์ใช้ของ Kohler ทั้งหมด โดยโถสุขภัณฑ์จะไม่ได้ให้เป็นฝาอัตโนมัติ เช่นเดียวกับบ้านหลังใหญ่นะคะ
บริเวณโถงบันไดเป็นรูปตัว U มีชานพักขนาดกำลังดี เดินได้ง่ายทีเดียวค่ะ ส่วนชุดหน้าต่างบริเวณโถงนี้ก็มี Breeze Panel ให้ด้วยนะคะ เงยหน้าขึ้นไปที่ด้านบนส่วนโคมระย้าก็จะได้มาในบ้านเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกัน
ขึ้นมาเราจะเจอกับห้องนอนเล็กก่อนเลยเป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ
ขนาดของพื้นที่ห้องนอนเล็กที่อยู่บริเวณหน้าบ้านนี้อยู่ที่ประมาณ 3.65 x 3.75 ม. จัดว่ามีขนาดพอสมควรนะคะ สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้กำลังดี โดยหากต้องการวางเตียงใหญ่นั้นตำแหน่งของเตียงจะไม่ได้วางตามบ้านตัวอย่างนะคะ แต่วางตามแปลนบ้าน ที่วางตำแหน่งหัวเตียงขนาบข้างกับบานหน้าต่าง 2 ฝั่งแทน และหันปลายเท้าเข้าสู่ภายในบ้าน ส่วนพื้นที่รอบๆ ก็สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น โต๊ะเรียนหนังสือได้
ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk in Closet ได้เป็นสัดส่วนค่ะ
ติดกับส่วน Walk in Closet เป็นส่วนห้องน้ำที่แยกส่วนเปียกและแห้งให้เรียบร้อย โดยการยกขอบธรณีขึ้นมาแต่ไม่ได้ให้ฉากกั้นกระจกเช่นเดิม
เข้ามาอีกหน่อยฝั่งขวาเป็นทางเข้าห้องนอนเล็กฝั่งหลังบ้าน ส่วนตรงกลางเป็นทางเข้าสู่ห้อง Master Bedroom ฝั่งซ้ายเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นชั้นบนนะคะ
บริเวณพื้นที่นั่งเล่นชั้นบนมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 2.8 x 5.85 ม. ลักษณะจะเป็นพื้นที่โล่งมีชุดหน้าต่างพร้อม Breeze Panel ให้บริเวณหน้าบ้าน เพื่อให้พื้นที่นี้สามารถระบายอากาศได้ดี และมีความโปร่งโล่งมากขึ้นจากแสงธรรมชาติภายนอก ด้วยเนื้อที่แล้วสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ดี วางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบาย หรือจะจัดสรรให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆ ตามไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านก็ได้นะคะ เช่นห้องทำงาน ห้องสมุด ต่างๆ เป็นต้น
เข้าสู่ห้องนอนเล็กอีกห้องแต่อยู่ฝั่งหลังบ้านกันบ้าง เข้ามาเจอกับพื้นที่แต่งตัวฝั่งซ้ายมือก่อน ถัดมาคือทางเข้าห้องน้ำ และฝั่งขวาสุดนั้นเป็นพื้นที่ห้องนอนค่ะ
จากประตูทางเข้าห้อง จะมีพื้นที่ว่างเข้าไปด้านในไว้สำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้
ภายในห้องน้ำมีการตกแต่ง จัดวางฟังก์ชัน และใช้วัสดุสุขภัณฑ์ในรูปแบบเดียวกันกับห้องน้ำในห้องนอนเล็กฝั่งหน้าบ้านเลยค่ะ
ภายในพื้นที่เตียงนอนสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายมาก ชุดหน้าต่างได้ทั้ง 2 ฝั่งทำให้ระบายอากาศได้ดีและแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้มากส่งผลให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น
พื้นที่ข้างเตียงมีพอสมควรนะคะ สามารถวางชุดเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้ เช่นเป็นพื้นที่ของเล่นของเด็กๆ หรือโต๊ะทำงานก็ยังได้ค่ะ
ปลายเตียงเหลือพื้นที่อีกพอสมควรสามารถจัดสรรฟังก์ชันเพิ่มเติมได้อีก นอกจากโต๊ะทำงานแล้วอาจจะ Built-in ชั้นวางของสะสมต่างๆ ได้นะคะ
มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ห้องนอนนี้จะยาวตั้งแต่หน้าบ้านไปสุดหลังบ้านเลยทีเดียวนะคะ โดยชุดเตียงสามารถวางไซส์ 6 ฟุตได้เลยค่ะ ส่วนที่ติดกับระเบียงภายนอกกั้นด้วยชุดประตูบานเลื่อนกระจกแบบเปิดคู่ สามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างมากขึ้น ทำให้พื้นที่ภายในเชื่อมต่อกับส่วนระเบียงได้ดี
บรรยากาศส่วนระเบียงน่าใช้งานทีเดียว ด้วยความที่เป็นระเบียงในร่มมีหลังคายื่นเลยระเบียงไปอีก ทำให้ไม่โดนแดดโดนฝนมากนัก สามารถวางชุดเก้าอี้โซฟามานั่งเล่นชิลๆ ริมระเบียงได้เลยนะคะ
อีกฝั่งของเตียงหรือโซนด้านหลังบ้านเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่นี้ค่ะ
บรรยากาศส่วน Walk in Closet ค่อนข้างเป็นสัดส่วนทีเดียว แม้จะไม่ได้เป็นห้องชัดเจนเหมือนบ้านตัวอย่างหลังใหญ่ที่เราพาไปดูมาแต่พื้นที่นี้สามารถกั้นประตูเองเพิ่มเติมได้นะคะ สำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว ในส่วนของพื้นที่ภายในสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ สุดทางจัดให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งจะเหมาะสมสุดค่ะ เพราะอยู่ติดกับหน้าต่าง
ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกและแห้งเรียบร้อย พร้อมกับมีฉากกั้นกระจกและอ่างอาบน้ำให้เป็นพิเศษแตกต่างจากห้องน้ำห้องอื่นๆ
ส่วนเรื่องของสเปควัสดุจะไม่ต่างกับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ของบ้านแบบแรกนะคะ ยกเว้นโถสุขภัณฑ์ที่เป็นแบบชิ้นเดียวจาก Kohler ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
เจาะลึกตัวโครงการ
เริ่มต้นกันที่หน้าทางเข้าโครงการในส่วนที่ติดกับถนนเทพรักษ์ สังเกตทางเข้า-ออกได้ค่อนข้างง่ายทีเดียวค่ะ เพราะป้ายโครงการใหญ่มาก
บริเวณถนนเส้นนี้แบ่งเลนเป็น 2 เลน สำหรับวิ่งเข้า-ออกชัดเจน โดยคั่นกลางด้วยเกาะกลางที่ปลูกด้วยต้นไม้ใหญ่ รวมไปถึงทั้ง 2 ข้างด้วยเช่นกัน สร้างบรรยากาศในร่มรื่นมากยิ่งขึ้นนะคะ ซึ่งถนนเส้นที่เป็นถนนภาระจำยอมที่จะใช้ร่วมกับพื้นที่ข้างเคียงของโครงการ โดยในอนาคตทางแสนสิริจะมีการพัฒนาเป็นโครงการในอนาคตโดยยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นโครงการในลักษณะใด
ตรงมาสุดทางเราจะเห็นพื้นที่สวนตรงกลาง บริเวณสวนนี้จัดให้ค่อนข้างสวยทีเดียวนะคะ เพราะทำเป็นพื้นที่ลดระดับลงไปมีสวนหินล้อมรับตรงกลางเป็นต้นไม้ใหญ่ เป็นจุดรวมสวยตาได้ดี ในส่วนของการใช้งานจะเป็นเหมือนวงเวียนนะคะ เนื่องจากฝั่งซ้ายเป็นซุ้มทางเข้า-ออกโครงการ ส่วนฝั่งขวานั้นจะเป็นถนนโครงการไปเชื่อมกับซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 16 ที่สามารถลัดไปเชื่อมกับถนนสุขาภิบาล 5 ได้
บรรยากาศถนนที่จะทำไปเชื่อมเข้ากับซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 16 นะคะ
บริเวณสวนวงเวียนตรงกลางก่อนเข้าสู่ซุ้มโครงการ
ซุ้มโครงการออกแบบมาสวยและแตกต่างจากโครงการอื่นๆ แม้จะเป็นแบรนด์เศรษฐสิริด้วยกันก็ตามนะคะ เพื่อให้แต่ละโครงการของแบรนด์มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างเป็นที่ภาคภูมิใจของลูกบ้านในโครงการ โดยโครงการนี้มาในแนวความคิดคือ Crafted Eastern Design ซึ่งผสมผสานระหว่างงานประดิษฐ์มือกับสไตล์ของตะวันออก ซึ่งจะเห็นทั้งภายในโครงการและการออกแบบบ้านด้วยนะคะ
หน้าซุ้มโครงการตกแต่งด้วยบ่อน้ำดูสวยงามและหรูหรามากขึ้น
บริเวณซุ้มโครงการแบ่งช่องทางการเข้า-ออกเป็น 2 แบบหลักๆ คือ คนเดินเข้าด้านข้างมีฟุตบาทชัดเจน ส่วนการเข้า-ออกรถนั้นแยกเป็น 2 ทาง ส่วน Visitor กับ Residence ชัดเจน เพื่อไม่ต้องมาจอดรถต่อแถวรอให้เสียเวลาค่ะ โดยบริเวณทางเข้า-ออกจะกั้นด้วยไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ และประตูรั้วบานเลื่อนอัตโนมัติด้านหลังอีกที ใช้ระบบ Keycard Access ระยะไกล แบบ Easy Pass ทางด่วน
เข้ามาภายในโครงการแล้ว ตั้งแต่บริเวณนี้เป็นต้นไปจะเป็นถนนส่วนบุคคลในโครงการนะคะ ไม่ได้อนุญาตให้ใครขับเข้า-ออกได้เหมือนถนนภาระจำยอมที่ต้องใช้ร่วมกับลูกบ้านโครงการอื่นในอนาคต โดยถนนหลักนี้จะมีความกว้างประมาณ 19-22 ม. เลยทีเดียว สามารถแบ่งเส้นทางสัญจรได้ 2 ฝั่ง คั่นกลางด้วยเกาะกลางต้นไม้ใหญ่เช่นเดิมนะคะ เพิ่มความร่มรื่นให้กับโครงการมากยิ่งขึ้น
ด้านข้างริมที่ดินโครงการก็ปลูกต้นไม้พร้อมจัดสวนให้เรียบร้อย ในส่วนถนนหลักนี้เราอาจจะเห็นเป็นเกาะกลางยาวไปเลยนะคะ แต่จริงๆ จะมีจุดกลับรถให้อยู่ตลอดทาง ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องไปกลับรถไกลค่ะ
ถัดเข้ามาหน่อยจะเจอกับส่วนวงเวียนตรงกลางซึ่งที่เราเห็นทางโครงการล้อม Metal Sheet นั้นจะเป็นส่วน Club House ของโครงการนะคะ โดยปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอยู่ ซึ่งจะประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 25 ม. (จัดเป็นความยาว Half Olympic) พร้อมพื้นที่เดินในน้ำมีราวจับสำหรับให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายได้ , Fitness, Library + Co-Working Space, Steam และ Educational Playground ซึ่งจะเป็นสนามเด็กเล่นศึกษาร่วมกันกับทางโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อออกแบบสนามด็กเล่นให้เด็กได้มีการเรียนรู้และพัฒนาการที่มากขึ้น ซึ่งกำหนดการส่วนพื้นที่ส่วนกลางนี้จะอยู่ช่วงราวๆ ต้นปีหน้านะคะ
ส่วนถนนในซอยย่อยนั้นจะมีความกว้างอยู่ที่ 9 ม. โดยแต่ละซอยมีจำนวนเพียง 8 ยูนิตเท่านั้นนะคะ (บ้านฝั่งละ 4 ยูนิต) เพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 25 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- Library & Co-Working Space
- Steam
- Educational Playground
- สวนสาธารณะ 2 จุด
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- Key Card Access ระยะไกล
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก และประตูบานเลื่อนไฟฟ้า
- Home Security ทุกหลัง
- ถนนหลักกว้าง 19-22 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
พิกัด : 13.875806, 100.651554
ที่ตั้งโครงการ เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล ตั้งอยู่บนช่วงสุดทางของถนนเทพรักษ์ ซึ่งจัดว่าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่เข้ามาตั้งอยู่บนถนนตัดใหม่ไม่นานนี้อย่างถนนเทพรักษ์ ศักยภาพของถนนนี้ จุดเด่นเลยคือถนนที่เชื่อมเข้าถนนพหลโยธิน ช่วงสะพานใหม่ ทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองค่อนข้างสะดวก และนอกจากนี้ยังเชื่อมเข้าถนนหลักๆ อีก 2 เส้นด้วยกันคือ ถนนวัชรพลและถนนสุขาภิบาล 5 โดยถนน 2 เส้นนี้เป็นถนนที่มีหมู่บ้านต่างๆ มาตั้งอยู่ในเยอะมากจนจัดเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของความอุดมสมบูรณ์และความคึกคักก็ย่อมตามมาเช่นกัน ทำให้เรื่องอาหารการกินในระยะขับรถใกล้ๆ นั้นหมดห่วงค่ะ และสุดท้ายสำหรับใครที่เน้นการเดินทางด้วยทางด่วน ตัวโครงการก็จัดว่าอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์นะคะ โดยรวมแล้วเป็นทำเลที่เดินทางในย่านพหลโยธิน-รามอินทรา ค่อนข้างสะดวกค่ะ
ในอนาคตอันใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจากหมอชิต-คูคตก็จะใกล้ได้ใช้แล้วประมาณปี 2563 นะคะ ซึ่งจะถัดผ่านถนนพหลโยธินไป โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือสถานีสายหยุด อยู่เลยจากหน้าปากทางถนนเทพรักษ์ไปอีกหน่อย ถ้านับระยะห่างจากโครงการจะอยู่ที่ประมาณ 5.5 กม. ซึ่งก็ยังจัดว่าเป็นโครงการแนวราบที่อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก แต่ยังต้องอาศัยขับรถออกจากบ้านไปขึ้นรถไฟฟ้าอยู่นะคะ ส่วนความสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้ ข้อดีเลยคือสามารถวิ่งตรงเข้าใจกลางเมืองได้ ทั้งสยาม ชิดลม ทองหล่อ โดยไม่ต้องสลับสายรถไฟฟ้าเลยค่ะ
ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าในระยะใกล้ๆ จะอยู่บริเวณถนนวัชรพลเป็นส่วนใหญ่นะคะ โดยจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร มี Hyper Market และตลาดสดอยู่ แต่ถ้าเน้นขับรถไปซื้อของง่ายเลยก็จะเป็นบริเวณหน้าถนนเทพรักษ์ที่เชื่อมกับถนนพหลโยธิน ซึ่งมี Big C สะพานใหม่และเยื้องไปหน่อยเป็นตลาดยิ่งเจริญ ตลาดขนาดใหญ่มีของซื้อของขายครบครัน ส่วนใครที่ชอบเดินห้าง ช็อปปิ้งใกล้ๆ ก็จะแนะนำไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือเลียบด่วนรามอินทรา มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังเยอะให้เลือกนะคะ ทั้ง Central East Ville, CDC, Crystal Design เป็นต้น การเดินทางจากโครงการค่อนข้างง่าย ใครไม่ชอบรถติดวิ่งขึ้นด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ได้เลยสบายมากแปปเดียวถึงค่ะ
การเดินทางในวันนี้เริ่มต้นจากถนนรามอินทรานะคะ จากนั้นตรงเข้าถนนวัชรพล ขับเลยห้าแยกลาดพร้าวมุ่งหน้าไปทางถนนเทพรักษ์ เมื่อวิ่งเข้าถนนเทพรักษ์แล้วให้เตรียมกลับรถจุดที่ใกล้ที่สุด จากนั้นวิ่งตรงจนสุดถนนแล้วกลับรถอีกรอบก็ถึงโครงการแล้วค่ะ
การเดินทางเริ่มต้นกันที่ถนนรามอินทราช่วงใกล้กับทางเข้าสู่ถนนวัชรพลนะคะ โดยเราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อวิ่งเส้นวัชรพล ไปดูบรรยากาศและสภาพแวดล้อมทำเลที่จัดได้ว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างคึกคักและความอุดมสมบูรณ์สูงกัน
ภายในถนนวัชรพลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านสลับกับอาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งค้าขายและแหล่งที่อยู่อาศัย เมื่อคนจำนวนมากมาอยู่ในทำเลนี้ จึงทำให้มีทั้ง Hyper Market ตลาดสด และ Community Mall เกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของคนในย่าน โดยหนึ่งใน Hyper Market บนถนนวัชรพลนั้นก็คือ Tesco Lotus ตลาด
เราตรงเลยจากเสถียรธรรมสถานไปก็เลี้ยวขวากันเลยค่ะ
ตรงมาผ่านตลาดถนอมมิตร จัดเป็นอีกหนึ่งตลาดขนาดใหญ่ในย่านนี้นะคะ
ตรงมาอีกหน่อยก็เจอกับ Community Mall อย่าง Pleanary Mall
เราขับตรงไปทางห้าแยกวัชรพลที่ตัดกับถนนสุขาภิบาล 5 แต่เราจะวิ่งตรงไปกันก่อนนะคะ เพราะเราจะมุ่งหน้าไปเชื่อมเข้าถนนเทพรักษ์กันค่ะ
เมื่อเข้าถนนเทพรักษ์แล้วให้เริ่มเบี่ยงเข้าขวาทันทีเพื่อให้ทันกับจุดกลับรถแรก
จากนั้นขับผ่านทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์และถนนสุขภิบาล 5 ไปอีกนะคะ ตัวโครงการจะอยู่ทางฝั่งขวาช่วงสุดถนนนี้เลย
เมื่อเราเห็นจุดกลับรถอีกจุดนึงนั้นให้เราเบี่ยงซ้ายและตรงไปอีกหน่อยเพื่อกลับรถเข้าโครงการนะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C สุขาภิบาล 5
- Food Land รามอินทรา
- Ease Park
- The Crystal Veranda
- CDC & SCG Experience
- Central Festival East Ville
- ตลาดยิ่งเจริญ
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – ที่ตั้งโครงการ เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล ตั้งอยู่บนช่วงสุดทางของถนนเทพรักษ์ ในรูปแบบของทำเลจัดว่ายังไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากถนนเทพรักษ์นี้เป็นถนนที่พึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการไม่นานนะคะ ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานถนนนี้จะคึกคักมากขึ้นตามลำดับ เนื่องจากเป็นถนนที่มีคนใช้สัญจรค่อนข้างเยอะ เพราะเชื่อมกับถนนหลายสายด้วยกันค่ะ สำหรับเรื่องการเดินทางค่อนข้างเด่นทีเดียวนะคะ เนื่องจากถนนนี้เป็นถนนที่สามารถเชื่อมได้ทั้ง ถนนพหลโยธิน ช่วงบริเวณแถบสะพานใหม่ ถนนวัชรพล และถนนสุขาภิบาล 5 ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ สามารถวิ่งเข้าเมืองได้สะดวก
สำหรับการเดินทางเข้าใจกลางเมืองอย่างย่านสยาม-ทองหล่อ ต่างๆ ก็ไม่ยากมากนัก เพราะที่ตั้งโครงการจัดเป็นโครงการแนวราบที่อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าด้วยระยะห่างประมาณ 5.5 กม. โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีสายหยุด บริเวณหน้าปากซอยสายหยุด เลยจากช่วงหน้าถนนเทพรักษ์ที่เชื่อมกับถนนพหลโยธินมาเล็กน้อย อาจจะต้องอาศัยเรียกแท็กซี่ไปลงสถานีรถไฟฟ้าอีกต่อนะคะ
ความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่ในระยะใกล้ๆ จะมี 2 โซนด้วยกันคือ บริเวณหน้าถนนเทพรักษ์ที่เชื่อมเข้าถนนพหลโยธิน จะมี Big C Supercenter และเยื้องไปอีกหน่อยคือตลาดยิ่งเจริญ ตลาดสดและร้านค้าภายในเยอะมากทีเดียวค่ะ อีกโซนคือร้านค้าร้านอาหาร รวมทั้งตลาดบนถนนวัชรพลซึ่งเปิดกันค่อนข้างคึกคักทีเดียว ทั้ง 2 โซนนี้ขับรถไปได้ง่ายทีเดียว ส่วนใครที่ชอบช็อปปิ้งนั้นใกล้และสะดวกสุดคือห้างบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ทั้ง Central East Ville, CDC, Crystal Design เป็นต้น ใช้ขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์วิ่งตรงไปลงช่วงถนนประดิษฐ์มนูธรรมได้เลยค่ะ ง่ายมาก
ความปลอดภัย – โครงการนี้จัดว่าค่อนข้างจัดเต็มเรื่องความปลอดภัยทีเดียวนะคะ เริ่มจากหน้าทางเข้าโครงการแยกช่องทางเข้า Visitor และ Resident ชัดเจน เข้า-ออก ด้วยระบบ Key Card Access ระยะไกล เข้ามาภายในโครงการตลอดทางมี CCTV ติดตั้ง และในตัวบ้านเองก็มี Home Security ค่อนข้างครบครันทีเดียว ซึ่งลูกบ้านสามารถดูการเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านได้จาก Smart Phone แบบ Real Time ส่วนภายในมีระบบ Censor ที่สามารถแสดงผลและมีเสียงร้องหากประตูหรือหน้าต่างบริเวณนั้นๆ ของบ้านเปิดขึ้น
การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – ตัวบ้านออกแบบมาในรูปแบบหน้ากว้างทำให้ภายในตัวบ้านดูโปร่งโล่ง กว้างขวาง เนื่องจากได้ช่องแสงขนาดใหญ่และเยอะ จากหน้าบ้าน รวมทั้งสามารถจัดฟังก์ชันได้ง่ายค่ะ สำหรับฟังก์ชันในบ้านของโครงการนี้มีฟังก์ชันพิเศษที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากโครงการอื่นๆ และค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวคือ Transition Space เป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างเฉลียงหน้าบ้านและพื้นที่พักผ่อนภายในบ้าน สามารถจัดวางให้เป็นพื้นที่วางตู้เก็บรองเท้าและใส่รองเท้าต่างๆ ได้ดี ไม่ต้องวางรองเท้าหน้าบ้าน หรือเอาเข้ามารวมกับพื้นที่นั่งเล่นซึ่งก็จะดูไม่เหมาะสมมากนัก อีกฟังก์ชันนึงคือ Balancing Space เป็นพื้นที่เฉลียงขนาดใหญ่เชื่อมระหว่างห้องนอนชั้นล่างและสวนภายนอก ข้อดีเลยคือเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor ที่สามารถรวมสมาชิกในบ้านในมาจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้เช่น กินข้าวริมสวน เป็นต้น หรืออีกอย่างคือเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมสวนส่วนตัวของผู้สูงอายุในบ้านก็ได้ แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน เพื่อให้ผู้สูงอายุในบ้านได้มีเวลาเป็นส่วนตัวของตนเองนะคะ
สำหรับบ้าน Gracious (เกร้-เชียส) จะเหมาะกับกลุ่มครอบครัวใหญ่ที่รองรับสมาชิกในบ้านทั้ง 3 ช่วงวัยอย่างแท้จริง โดยชั้นล่างมีการออกแบบห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ พร้อมห้องน้ำ Universal Design โดยใช้อุปกรณ์ทั้งหมดจาก SCG Elder Care ส่วนชั้นบนขนาดของห้องนอนกลางค่อนข้างกว้างขวางทีเดียว สามารถเป็นห้องนอนใหญ่ได้เลย ซึ่งทางโครงการออกแบบไว้เผื่อสำหรับลูกๆ แต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านได้ ไม่ต้องแยกออกไปอยู่ข้างนอก
บ้าน Jovial (โจ-เวียล) เป็นบ้านขนาดเล็กลงมาหน่อย โดยหลักแล้วจะเหมาะกับครอบครัวที่ลูกๆ ยังอายุไม่มาก และผู้สูงอายุยังแข็งแรงอยู่นะคะ ชั้นล่างยังคงทำเป็นห้องผู้สูงอายุให้อยู่เพียงแต่ห้องน้ำนี้ไม่ได้อยู่ในห้องนอนเลย และไม่ได้ออกแบบตามหลัก Universal Design นะคะ ส่วนชั้นบนการจัดวางจะเน้นให้ห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องมีขนาดเท่าๆ กัน เพื่อความเท่าเทียมกันของลูกๆ แตกต่างจากบ้าน Gracious (เกร้-เชียส) ที่ออกแบบห้องนอนรองให้มีขนาดใหญ่เลยเพื่อรองรับสมาชิกในบ้านที่เพิ่มขึ้นหลังจากมีการแต่งงานขยายครอบครัว
วัสดุ – โครงการนี้จัดว่าให้วัสดุมาคุ้มกับราคาที่จ่ายนะคะ รูปแบบของวัสดุเป็นไปตามเกรด Luxury ของตัวบ้าน เพิ่มเติมขึ้นมาอีกคือการนำ Innovation ต่างๆ ทำให้ตัวบ้านตรงความต้องการกับการอยู่ในอาศัยในยุคสมัยปัจจุบัน เริ่มต้นจาก EV Charger บริเวณที่จอดรถ ซึ่งเป็นไฟฟ้าแบบ 3 เฟส สามารถชาร์จไฟรถพลังงานไฟฟ้าในอนาคตได้เลย, โคมไฟ CCTV, Digital Door Lock แบบมี 1 time password, Home Security ภายในบ้าน, Solar Attic เป็นต้น
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – สภาพโครงการค่อนข้างร่มรื่นและบรรยากาศดี ตามมาตรฐานของโครงการแสนสิริในระดับ Luxury มีต้นไม้ใหญ่ให้ตลอดทาง ในอนาคตเมื่อต้นไม้โตขึ้นจะได้บรรยากาศที่ร่มรื่นมากขึ้นไปอีกทีเดียวนะคะ
สาธารณูปโภค – พื้นที่ส่วนกลางปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างนะคะ เรื่องของความสวยงามต่างๆ จะขอเว้นไว้ แต่จะพูดถึงในเรื่องของปริมาณพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ และมีฟังก์ชันอะไรบ้างแทนนะคะ โดยรวมแล้วทางโครงการให้มาค่อนข้างครบครัน ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาด 8 x 25 ม. (Half Olympic) พร้อมพื้นที่ออกกำลังกายในน้ำของผู้สูงอายุที่เป็นสระน้ำตื้น มีราวกันตกให้จับ, Fitness, Library & Co-Working Space, Steam และ Educational Playground สนามเด็กเล่นที่ร่วมศึกษาและออกแบบกับทางโรงพยาบาลสมิติเวช ให้เป็นสนามเด็กเล่นที่เสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ อย่างตรงจุดค่ะ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 12.59-25 ล้านบาท,16 March 2018
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ทางเข้า-ออกโครงการติดถนนเทพรักษ์ เชื่อมออกถนนได้หลากหลายและใกล้ทางด่วน
- ความปลอดภัย 8/10 – ครบครันด้วย Key Card Access, รปภ., CCTV และ Home Security
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – จัดสรรฟังก์ชันได้ดี ลงตัว และมีฟังก์ชันการใช้งานใหม่ที่น่าสนใจ
- วัสดุ 9/10 – ได้มาตรฐานตามราคา มีอุปกรณ์ Innovation เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยมากขึ้น
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – ร่มรื่น ได้ต้นไม้ใหญ่ตลอดแนวถนน
- สาธารณูปโภค 8/10 – ครบครันและมีดีเทลที่น่าสนใจ
- 8.1 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล เหมาะกับครอบครัวใหญ่อยู่กัน 3 ช่วงวัย เน้นเดินทางสะดวกบนถนนพหลโยธิน-รามอินทรา และทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก ตัวบ้านมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ พร้อมกับ Innovation ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน ในราคาเริ่มต้นประมาณ 12.59-25 ล้านบาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )