รีวิวโครงการ

คิดเรื่องอยู่ Ep.582 : Citysense ดอนเมือง – สรงประภา by Prinsiri

7 กันยายน 2021

อ่านรีวิวล่าสุด

ใครที่กำลังมองหาทาวน์โฮมเปิดใหม่ในย่านดอนเมือง วันนี้ผมจะพาไปรีวิว Citysense ดอนเมือง – สรงประภา จาก ปริญสิริ ซึ่งนับวันทำเลแถวนี้ก็หาที่ดินผืนใหญ่ เพื่อทำเป็นโครงการจัดสรรได้ยากเต็มทีนะครับ ในขณะที่ยังคงมีความต้องการของคนที่อยากอยู่ในทำเลนี้กันอีกเยอะเลยทีเดียว โดยจุดที่น่าสนใจหรือ Highlights ของโครงการผมคิดว่ามีดังนี้

  • วัสดุ : มีการลงเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้าน ทั้งบริเวณพื้นที่จอดรถหน้าบ้าน และหลังบ้านที่อาจต่อเติมเป็นครัวได้ อีกทั้งยังมีการดรอปฝ้า ซ่อนไฟ และปูกระเบื้องลวดลายสวยงามเหมือนในบ้านตัวอย่างให้ทุกหลังเลย ซึ่งเมื่อเทียบกับราคานับว่าค่อนข้างคุ้มทีเดียว
  • แนวคิดการออกแบบ : มีการจัดผังโครงการได้ถนนล้อมรอบช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว และฟังก์ชันภายในบ้านก็กว้างขวาง ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเดี่ยว โดยเฉพาะหลังหน้ากว้าง 8 m. ซึ่งไม่เหมือนใครในย่านครับ
  • พื้นที่ส่วนกลาง : แนวคิด Oxygen Community ตามสไตล์ของปริญสิริ เค้าจะปลูกต้นไม้ให้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นริมถนน หน้าบ้าน และสวนสาธารณะ ทำให้บรรยากาศโดยรวมดูร่มรื่น แถมยังมีฟังก์ชันที่หลากหลายให้ใช้งาน ซึ่งจะเน้นไปที่กิจกรรมกลางแจ้งภายในสวน และพื้นที่สำหรับเด็กๆครับ
  • ทำเล : ถนนสรงประภามีความอุดมสมบูรณ์ และยังใกล้ทางด่วน 2 จุด ไม่ว่าจะเป็นทางด่วนดอนเมืองโทล์ลเวย์ และทางด่วนอุดรรัถยา สามารถเข้า-ออกเมืองได้ง่าย

ข้อมูลโครงการ

Citysense Donmueang- Songprapa (ซิตี้เซนส์ ดอนเมือง – สรงประภา) ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2564

 ชื่อโครงการ   Citysense Donmueang- Songprapa (ซิตี้เซนส์ ดอนเมือง – สรงประภา)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   MAIN – UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ซอย สรงประภา 22 ถนน สรงประภา เขต ดอนเมือง
 ที่ดิน  ประมาณ 54 ไร่
 จำนวนยูนิต   จำนวน 498 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Summer ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 17.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 114 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
  • Autumn ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 19.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท
  • Rain ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 26 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 158 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.7 – 2.8 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ          100,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2563
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2564 (บางส่วน)
 เว็บไซต์โครงการ   https://prinsiri.plearnarythai.com/th/town/Citysense_Donmueang_Songprapa
 Call Center    1753

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ทำเลอุดมสมบูรณ์ บนถนนสรงประภามีตลาด ร้านค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และสถานศึกษาอยู่พอสมควร อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากสนามบินดอนเมืองด้วยครับ
  • เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน 2 สาย ทั้งทางด่วนอุดรรัถยาด่านศรีสมาน และทางด่วนดอนเมืองโทล์ลเวย์ด่านดอนเมือง นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้ด้วย (สถานี ดอนเมือง)
  • จุดกลับรถ อยู่ไม่ไกลจากปากซอยโครงการ 200 – 370 m. ทำให้สะดวกทั้งขาไป-ขากลับ

พิกัด Google Maps : 13.932636, 100.587649
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการ Citysense ดอนเมือง – สรงประภา ตั้งอยู่ในย่านดอนเมือง ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีครับว่า บริเวณนี้เป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยหนาแน่น การจะหาที่ดินเพื่อมาทำโครงการใหม่ในย่านนี้นับวันก็ยากเต็มที โดยปริญสิริก็ได้แปลงที่ดินผืนใหญ่ในซอยสรงประภา 22 มาทำเป็นโปรดักส์ทาวน์โฮม เพื่อรองรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยแนวราบที่ขยับออกมาจากตัวเมืองหน่อย แต่ยังสามารถเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองได้สะดวกครับ

ซึ่งหากพูดถึงถนนสรงประภาก็เป็นหนึ่งในถนนเส้นหลักของชุมชนดอนเมือง ที่เต็มไปด้วยหมู่บ้านน้อย-ใหญ่เต็มไปหมด ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์และคึกคักพอสมควรทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทั้งตลาด ร้านค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานศึกษา แถมยังอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนถึง 2 สายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางด่วนอุดรรัถยา และทางด่วนดอนเมืองโทล์ลเวย์

อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจของย่านนี้คือ เมื่อเร็วๆนี้รถไฟฟ้าสายสีแดงก็เพิ่งจะเปิดให้บริการ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีดอนเมือง ซึ่งสามารถนั่งไปยังสถานีรังสิต-สถานีกลางบางซื่อได้ รวมถึงยังเป็นสถานีขนาดใหญ่ที่มี Skywalk สามารถเดินเชื่อมเข้าสู่อาคารผู้โดยสารของสนามบินดอนเมืองได้เลยอีกด้วย หากใครที่ทำงานในสนามบินหรือมีโอกาสได้เดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆก็ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียวครับ

ลองซูมเข้ามาดูใกล้ๆกันสักนิด ซอยหลักของโครงการ Citysense ดอนเมือง – สรงประภา จะเป็นซอยสรงประภา 22 แต่ความจริงแล้วซอยต่างๆเหล่านี้จะเชื่อมถึงกันหมด ทำให้เราสามารถเข้า-ออกซอยไหนก็ได้แล้วแต่ความสะดวกเลย (แต่ละซอยจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ขับรถสวนกันได้เพียงแค่พอดีคัน ทำให้เราสามารถใช้ซอยอื่นๆเลี่ยงได้ง่าย)

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ “จุดกลับรถ” ซึ่งจะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณปากซอยมากนัก และหากวัดโดยใช้ซอย 22 เป็นจุดศูนย์กลาง ก็จะมีระยะห่างอยู่ที่ประมาณ 200 – 370 m. เท่านั้นครับ ทำให้สะดวกทั้งขาไป-ขากลับ ไม่ต้องเสียเวลาไปอ้อมกลับรถไกลๆเลย

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดของโครงการจะเป็น ทางด่วนอุดรรัถยา (ด่านศรีสมาน) ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการเพียง 4.4 km. เท่านั้น โดยพอเราออกมาจากปากซอยก็ให้กลับรถ แล้วขับมาเรื่อยๆผ่านถนนเลียบคลองประปาก็จะเจอทางขึ้น-ลงทางด่วนแล้วล่ะครับ

และอีกจุดหนึ่งคือทางด่วนดอนเมืองโทล์ลเวย์ โดยเส้นทางที่ใกล้ที่สุดเราจะต้องขับผ่านถนนประชาอุทิศ และถนนช่างอากาศอุทิศ ก่อนจะมากลับรถบริเวณรางรถไฟที่ถนนกำแพงเพชร 6 ก็จะสามารถออกมาสู่ถนนวิภาวดีได้แล้วครับ ซึ่งบริเวณนี้จะมีสะพานกลับรถของคลังสินค้าสนามบินให้เราได้ใช้ด้วย สามารถกลับรถมาฝั่งขาเข้าเมืองได้เลย แล้วตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับทางขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทล์ลเวย์(ด่านดอนเมือง)แล้วล่ะครับ ระยะทางทั้งหมดก็จะประมาณ 8 – 10 km.

การเดินทาง :

Image 1/16
การเดินทางไปยังโครงการวันนี้ผมมาจากถนนวิภาวดี ให้ใช้ทางออกเพื่อข้ามทางรถไฟไปยังถนนกำแพงเพชร 6 จากนั้นให้ขับตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอกับถนนสรงประภาทางซ้ายมือ สุดท้ายเราก็จะต้องไปกลับรถมาหน่อยก็จะเลี้ยวเข้าสู่ซอยสรงประภา 22 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการที่อยู่สุดซอยได้เลยครับ

การเดินทางไปยังโครงการวันนี้ผมมาจากถนนวิภาวดี ให้ใช้ทางออกเพื่อข้ามทางรถไฟไปยังถนนกำแพงเพชร 6 จากนั้นให้ขับตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอกับถนนสรงประภาทางซ้ายมือ สุดท้ายเราก็จะต้องไปกลับรถมาหน่อยก็จะเลี้ยวเข้าสู่ซอยสรงประภา 22 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการที่อยู่สุดซอยได้เลยครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทรอบๆโครงการจะเป็นชุมชนแนวราบและที่ว่างครับ โดยด้านหลังโครงการทางทิศเหนือเท่านั้นที่จะมีอาคารสูง 5 ชั้นของแฟลตทหาร สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ แฟลตทหารอากาศสูง 5 ชั้น
  • ทิศใต้ : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับซอยสรงประภา 22 และคลองสาธารณะ
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ชุมชนแนวราบและที่ว่าง
  • ทิศตะวันตก : ติดกับชุมชนแนวราบ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Happy Avenue ดอนเมือง ~ 1.7 km.
  • Robinson Lifestyle ศรีสมาน ~ 7.5 km.
  • ศูนย์การค้า IT Square ~ 7.9 km.
  • Tesco Lotus แจ้งวัฒนะ ~ 8.7 km.
  • Makro แจ้งวัฒนะ ~ 9.3 km.
  • Big C แจ้งวัฒนะ ~ 12 km.
  • ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ~ 14.4 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลทหารอากาศ(สีกัน) ~ 2.1 km.
  • โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ~ 8.7 km.
  • โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ~ 9 km.
  • โรงพยาบาลแพทย์รังสิต ~ 15 km.

โรงเรียน

  • รร.พระหฤทัยดอนเมือง ~ 1.7 km.
  • รร.สีกัน(วัฒนานันท์อุปถัมภ์) ~ 1.9 km.
  • รร.นวมินทราชินูทิศ หอวังนนทบุรี ~ 5.5 km.
  • รร.เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ ~ 6.3 km.
  • ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ~ 8 km.
  • ม.รังสิต ~ 10.5 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights:

  • การจัดผังโครงการที่มีถนนล้อมรอบ สามารถขับรถวนก็ได้ ใช้ออกกำลังกายก็ดี และยังได้ความโปร่งโล่งและเป็นส่วนตัวมากกว่าทาวน์โฮมทั่วไป
  • Oxygen Community บรรยากาศโครงการร่มรื่น มีต้นไม้สอดแทรกภายในซอยค่อนข้างเยอะ
  • ส่วนกลาง 2 จุด เพื่อกระจายการใช้งานได้อย่างทั่วถึง มีฟังก์ชันหลากหลายน่าใช้งาน ส่วนใหญ่จะเน้นกิจกรรมแบบ Outdoor และพื้นที่สำหรับเด็ก

Citysense ดอนเมือง – สรงประภา เป็นโครงการจัดสรรขนาดใหญ่ประมาณ 54 ไร่ และมีเพื่อนบ้าน 498 ยูนิต มีแนวคิดการออกแบบ Oxygen Community โดยเน้นให้มีต้นไม้และพื้นที่สีเขียวภายในโครงการค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ทางเข้าด้านหน้า สวนสาธารณะด้านใน ซอยที่พักอาศัย หรือแม้แต่ช่องว่างระหว่างคลัสเตอร์ของทาวน์โฮม ก็ยังทำเป็นทั้งจุดกลับรถและสวนเล็กๆไปด้วยในตัว เห็นได้ชัดเลยว่าเค้าให้ความสำคัญกับบรรยากาศในโครงการ และประโยชน์การใช้สอยของลูกบ้านมากกว่าเน้นพื้นที่ขายซะอีกครับ

นอกจากนี้เค้ายังพยายามวางผังโครงการทาวน์โฮม ให้มีความโปร่งโล่งและเป็นส่วนตัวใกล้เคียงกับสไตล์บ้านเดี่ยวให้มากที่สุด ที่เห็นได้ชัดคือการทำถนนล้อมรอบแปลงที่พักอาศัย (มีบางจุดที่เป็นซอยตันบ้าง แต่ก็เป็นซอยสั้นๆ เพื่อนบ้านไม่เยอะ) ซึ่งทาวน์โฮมแปลงริมก็จะมีการร่นระยะเข้ามาจากแนวรั้วโครงการ ทำให้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น (จากพวกนักย่องเบา หรือน้องสัตว์โลกไม่น่ารัก) และเรายังสามารถขับรถวนได้รอบโดยไม่ต้องเสียเวลากลับรถ รวมถึงทางโครงการยังมีการแบ่งพื้นผิวถนนส่วนหนึ่งเป็นเลนปั่นจักรยาน เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้ออกกำลังกายไปได้ด้วยในตัวครับ

และอย่างที่เห็นว่าส่วนกลางเค้าจัดวางไว้ 2 จุด คืออาคาร Clubhouse ที่เรียกว่า O²Club เป็นส่วนต้อนรับด้านหน้า และ O² Park ที่เป็นสวนสาธารณะอยู่บริเวณตรงกลางโครงการ เพื่อกระจายการใช้งานให้ลูกบ้านแต่ละโซนสามารถมาใช้ได้สะดวก โดยปัจจุบันทางโครงการจะเปิดขายเฟสแรกเป็นบริเวณใกล้สวนก่อนนะครับ และส่วนมากตรงนี้จะเป็นตัวไซส์หน้ากว้าง 8 m. ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับค่อนข้างดีทีเดียว ได้ข่าวว่ายูนิตที่หันหน้าออกมาเห็นสวนเหลือเพียง 2 หลังเท่านั้น (ณ วันที่ผมเข้ามารีวิวนะ) ส่วนซอยอื่นๆก็ยังสามารถเดินลัดผ่านสวนระหว่างคลัสเตอร์ของทาวน์โฮมในแต่ละซอย เพื่อมาใช้งานส่วนกลางนี้ได้สะดวกมากๆเช่นกัน ซึ่งบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ

เริ่มที่สะพานด้านหน้าโครงการ ซึ่งทางปริญสิริได้ทำไว้เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้ประโยชน์ข้ามผ่านไป-มาได้สะดวก โดยขนาดและความกว้างของสะพาน จะเป็นไปตามจำนวนยูนิตและข้อกำหนดตามกฎหมายที่ระบุไว้นั่นเองครับ

(พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน : โครงการที่มีการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเพื่อจำหน่ายตั้งแต่ 300 – 499 แปลง หรือมีเนื้อที่จัดสรรเกินกว่า 50 ไร่ แต่ไม่เกิน 100 ไร่ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยต้องมีความกว้าง ของเขตทางไม่ต่ำกว่า 16.00 เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า 12.00 เมตร)

ซุ้มประตูทางเข้าโครงการจะเป็นแบบ Modern เรียบๆ แยกทางเข้า-ออกของลูกบ้านและ Visitor ชัดเจน โดยบุคคลภายนอกจะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อน ซึ่งบริเวณนี้จะอยู่ใต้ชายคาแดดไม่ร้อนครับ

การเข้า-ออกจะใช้ระบบ RFID ด้วยสัญญาญ Bluetooth ซึ่งประตูจะเปิดออกให้แบบอัตโนมัติสะดวกมากๆ (เหมือน Easy Pass บนทางด่วน) รวมถึงมีกล้อง CCTV คอยช่วยจับภาพด้วยครับ

และเมื่อเราผ่านซุ้มประตูเข้ามาแล้วก็จะเจออาคาร Clubhouse ที่อยู่ทางซ้ายมือแบบนี้ครับ

โดยพื้นที่ส่วนกลางตรงนี้จะออกแบบในสไตล์ Modern Barn ซึ่งทางโครงการให้คำนิยามว่าเป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ Nordic และ Modern เหมือนโรงนาประยุกต์ที่ดูทันสมัยและสูงโปร่ง ให้อารมณ์เหมือนเราได้อยู่เมืองนอกเลยล่ะครับ

อาคารนี้มีชื่อว่า O² Club ซึ่งทางเข้าจะอยู่ด้านข้างติดกับถนนหลักแบบนี้ครับ (มีที่จอดรถให้ด้วย 4 – 5 คันนะ)

เมื่อเดินเข้ามาที่อาคารจะรู้สึกได้ถึงความสูงโปร่งของฝ้าเพดาน ซึ่งเราจะเข้าไปดูห้องกระจกแรกทางซ้ายมือกันก่อนเลยครับ

ภายในคือห้อง Co-Working Space ที่มีชุดโต๊ะเก้าอี้และโซฟาให้เลือกใช้งานกันได้หลายจุด (โดยปัจจุบันทางโครงการใช้เป็นสำนักงานขายอยู่นะครับ ซึ่งถ้าขายหมดแล้วก็จะคืนพื้นที่ให้กับลูกบ้านตามเดิม)

อีกทั้งด้านในยังแบ่งพื้นที่ห้องทำเป็น Kids Room ให้สามารถพาลูกๆหลานๆมาเล่นกันในห้องนี้ได้ ส่วนผู้ใหญ่อย่างเราก็นั่งคุย/นั่งทำงานอยู่ด้านนอกกันไปครับ

ติดกันจะเป็นทางไปห้องน้ำแยกชาย-หญิง และที่เห็นเป็นห้องกระจกด้านหน้า นั่นคือสำนักงานนิติบุคคลในอนาคตครับ

เรามาดูภายนอกอาคารกันบ้างครับ บริเวณสระจะมีพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ซึ่งจะอยู่ในร่มแดดไม่ร้อนเลยครับ

โดยพื้นที่ตรงนี้ในอนาคตอาจมีพวกโต๊ะ/เก้าอี้มาเสริมเพิ่มเติมก็ได้นะ ซึ่งเราก็สามารถมานั่งเล่นและดูลูกๆหลานๆ ที่กำลังว่ายน้ำอยู่ในสระเด็กได้นะครับ เพราะติดกันจะเป็นสระเด็กขนาด 5.1 x 10.8 m. ถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว น้องๆสามารถว่ายออกกำลังกาย หรือเล่นพร้อมๆกันหลายคนได้เลย

ส่วนสระใหญ่จะมีขนาด 24.6 x 10.8 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจังเลยครับ โดยสระทั้งหมดจะเป็นแบบกลางแจ้ง ดังนั้นอาจมาใช้งานช่วงแดดร่มๆน่าจะกำลังเหมาะดีทีเดียว

ต่อไปเราจะเดินมาดูทางด้านซ้ายของสระกันบ้างครับ

ซึ่งจุดแรกจะเป็นจุดล้างตัวก่อนลงสระ มีอยู่ 2 Shower ให้ใช้งาน โดยจะซ่อนอยู่หลังต้นไม้ดูเรียบร้อยและช่วยพรางสายตาได้ระดับหนึ่ง

ถัดมาจะเป็นอาคารขนาดเล็กที่แยกตัวออกมา มีรูปร่างการออกแบบเหมือนอาคารหลักเลยครับ

ภายในเป็นห้อง Fitness ที่ได้ฝ้าเพดานสูง โดยอุปกรณ์ต่างๆก็มีให้ใช้งานครบนะครับ เพียงแต่ลักษณะการจัดวางเครื่องออกกำลังกายจะแปลกๆอยู่สักหน่อย (ไม่ได้หันเข้ากำแพงแยกจากกัน แต่วางเครื่องซ้อนในทิศทางเดียวกัน 2 ชั้น) เพราะเค้าต้องการให้ทุกๆอุปกรณ์สามารถชมวิวสระว่ายน้ำภายนอกได้ด้วยนั่นเอง

ส่วนพื้นที่ริมสระที่เหลือเค้าจะมีการนำพวกโต๊ะ/เก้าอี้ หรือ Day Bed มาลงให้เพิ่มเติมทีหลังนะครับ แต่หน้างานก็จะมีม้านั่งต่างๆ กับซุ้มไม้เลื้อยอเนกประสงค์อยู่แบบนี้ให้ใช้

พาวาร์ปมาชมส่วนกลางจุดที่ 2 ซึ่งอยู่บริเวณตรงกลางโครงการกันต่อนะ (พื้นที่ส่วนอื่นๆปัจจุบันยังมีการก่อสร้างและเตรียมต้นไม้กันอยู่เลย) โดยถนนหลักจะกว้างประมาณ 12 – 16 m. และยังมีการแบ่งเป็น Bike Lane ริมทางแบบนี้ ให้ลูกบ้านสามารถใช้ประโยชน์มาปั่นจักรยาน วิ่งออกกำลัง หรือเล่น Surf Skate กันได้ และจะเห็นว่าบริเวณริมถนนกับสวนส่วนกลางจะมีต้นไม้อยู่เยอะมากๆ ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นดีทีเดียวครับ

สำหรับปริญสิริเค้าจะเน้นพื้นที่สีเขียวภายในโครงการมากๆ (สังเกตได้จากหลายๆโครงการที่ผ่านๆมา) ส่วนหนึ่งก็เป็นความชอบส่วนตัวของทางผู้บริหารเค้าเองด้วย ก็เลยอยากให้ลูกบ้านได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติให้มากที่สุดแบบนี้ครับ

โดยพันธุ์ไม้ที่โครงการเลือกใช้จะมีอยู่หลากหลายชนิดมากๆ ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงา และถ้าเป็นไม้ดอกก็จะมีฤดูที่ออกดอก/ผลิใบ หมุนเวียนแตกต่างกันไปตลอดทั้งปี รวมถึงจะมีป้ายชื่อติดเอาไว้ทุกต้น ให้คนที่สนใจหรือแม้แต่น้องๆหนูๆได้ศึกษาและรู้จักต้นไม้เหล่านี้ไปด้วยในตัวด้วยครับ

คราวนี้เรามาเดินดูในสวนกันดีกว่าครับว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง โดยสวนแห่งนี้มีขนาดประมาณไร่กว่าๆ (ซึ่งถ้าดูตัวเลขแล้วขนาดไม่ใหญ่ใช่มั้ยครับ …ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เพราะเค้ามีการใช้ต้นไม้ใหญ่ค่อนข้างเยอะ เลยทำให้พื้นที่เล็กๆดูมีหลากหลายมุม/หลากหลายมิติมากขึ้น กลายเป็นว่าสวนแห่งนี้ดูใหญ่และน่าใช้งานมากขึ้นเยอะเลย)

สำหรับจุดแรกนี้เรียกว่า Ring Around A Tree เป็นสนามเด็กเล่นรอบต้นไม้ (คล้ายๆบ้านต้นไม้) ให้เด็กๆสามารถวิ่งเล่นขึ้น-ลง และใกล้ชิดกับธรรมชาติได้มากขึ้นครับ อย่างบริเวณชั้นแรกก็สามารถมานั่งเล่นได้ตลอดทั้งวันเลย

บันไดทางขึ้นชั้น 2 ก็จะมีขนาดใหญ่และไม่ชันมากนัก โดยที่พื้นก็จะปูเป็นหญ้าเทียมให้แบบนี้ และระหว่างทางเราจะได้เดินผ่านพุ่มไม้/กิ่งไม้ต่างๆได้อย่างใกล้ชิดเลย ชั้นบนจะมีลานกว้างๆให้เล่นได้ พร้อมตุ๊กตาพี่หมีน่ารักๆตกแต่งอยู่ตลอดทาง

และวิวจากด้านบนนี้ก็จะสามารถมองเห็นสวนแห่งนี้ได้ทั่วเลยล่ะครับ จะเห็นว่ายังมีมุม Activity อย่างอื่นให้ใช้งานอีกด้วย

จุดแรกคือสนามบาสแบบ Outdoor จะมีแป้นเดียวนะครับ สามารถเล่นแบบ 3 ต่อ 3 กับเพื่อนๆได้ (แต่ว่าเวลาเล่นอาจต้องระวังลูกบาสกระเด็นไปไกลนะครับ เพราะเค้าไม่ได้มีรั้วหรือตาข่ายกันไว้ให้)

ส่วนจุดที่สองคือ Trampoline Park เครื่องเล่นกระโดดที่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ ซึ่งเค้ามีมาให้ถึง 3 เครื่องใหญ่ๆเลย น้องๆหนูๆน่าจะชอบกันนะครับ และรอบๆก็จะปูเป็นพื้นยางเอาไว้ช่วยลดอาการบาดเจ็บไว้ให้ด้วย โดยจะเล่นเป็นสีสันต่างๆดูสดใสดีทีเดียว

อีกมุมหนึ่งจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นรอบๆสวนครับ มีทำเป็นลานกว้างๆไว้เผื่อผู้สูงอายุมากายบริหารเบาๆได้ และมีทางเดินแบบขึ้น-ลง/ซิกแซกไป-มา สามารถเดินเล่นได้ไม่น่าเบื่อดีครับ

อย่างที่บอกในช่วงแปลนแล้วว่า บ้านที่อยู่โดยรอบสวนและหันหน้าเข้าหาสวนแบบนี้ จะเป็นหลังใหญ่สุดที่หน้ากว้าง 8 m. ซึ่งได้ผลตอบรับดีมากๆ เพราะบริเวณหน้าบ้านฝั่งตรงข้ามจะดูร่มรื่นมากๆ แถมยังเดินมาใช้งานได้สะดวกอีกด้วย

และระหว่างคลัสเตอร์ของทาวน์โฮม นอกจากจะมีการทำเป็นจุดกลับรถแล้ว ยังมีการทำเป็นสวนและทางเดินให้แบบนี้ ซึ่งลูกบ้านจากซอยอื่นๆก็สามารถใช้ตรงจุดนี้เป็นทางลัด ในการเดินมาใช้ส่วนกลางได้นะครับ รวมถึงยังทำให้บรรยากาศโครงการดูร่มรื่นและน่าใช้งานมากขึ้นอีกด้วย

ส่วนบรรยากาศภายในซอยที่พักอาศัย ก็จะมีการปลูกต้นไม้บริเวณหน้าบ้านให้แบบนี้เป็นมาตรฐานทั้งโครงการด้วยครับ ส่วนภาพสวยๆที่ผมถ่ายมาฝาก เพื่อนๆสามารถกดดูได้ที่ Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยนะ

Image 1/10

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Clubhouse (O² Club)
  • Co-Working Space
  • Kids Room
  • สระว่ายนํ้าระบบเกลือ แยกสระเด็ก สระใหญ่ ขนาด 24.6 x 10.8 ม. สระเด็ก ขนาด 5.1 x 10.8 ม.
  • Fitness
  • สวนสาธารณะในโครงการ (O² Park) พื้นที่ประมาณ 1 ไร่กว่า
  • สนามบาสเก็ตบอล
  • Trampoline Park
  • Ring Around A Tree
  • Bike Lane
  • กล้อง CCTV บริเวณ Maingate และภายในโครงการ รวม 16 ตัว
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 12 – 16 ม. และถนนซอยกว้าง 9 ม.
  • Key Card Access ระยะไกล (RFID ใช้สัญญาณ Bluetooth)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการ รั้วกั้นไม้กระดกแบบเปิดอัตโนมัติ

แบบบ้าน

Highlights :

  • วัสดุให้มาดี มีการลงเสาเข็มมาให้บริเวณพื้นที่จอดรถหน้าบ้านและหลังบ้าน รวมถึงการดรอปฝ้าและซ่อนไฟต่างๆก็จะได้เหมือนบ้านตัวอย่างเป็นมาตรฐานเลยครับ
  • ฟังก์ชันยืดหยุ่น มีห้องอเนกประสงค์และห้องนอนชั้นล่างรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ได้
  • มีการออกแบบแยกฟังก์ชันห้องน้ำเป็น 2 ส่วน โดยนำเอาพื้นที่ส่วนแห้งอย่างอ่างล้างหน้ามาไว้ด้านนอก เลยทำให้สามารถใช้งานพร้อมๆกัน 2 ฟังก์ชันได้

โครงการ Citysense ดอนเมือง – สรงประภา ก่อสร้างด้วยระบบหล่อในที่ (Conventional Construction Method) ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน และมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ประกอบด้วย

  • Summer ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 17.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 114 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
  • Autumn ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 19.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
  • Rain ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 26 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 158 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

  • Rain ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 26 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 158 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

เรามาเริ่มกันที่แบบบ้านหลังใหญ่สุดที่ถือเป็น Highlight ของโครงการนี้กันก่อนเลยครับ ซึ่งหากพูดถึงหน้าตาของตัวบ้านก็จะเป็นสไตล์ Modern เรียบๆและทันสมัย โดยแบบบ้านหลังนี้จะใช้เป็นสีน้ำตาลออกแนว Earth Tone ที่ดูเป็นธรรมชาติหน่อยนะครับ

และจุดที่เค้าตั้งใจออกแบบอีกอย่างก็คือ พื้นที่วาง Compressor ของเครื่องปรับอากาศที่จะซ่อนอยู่ในช่องด้านบน เลยทำให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น ซึ่งลูกบ้านก็ไม่ต้องมาติดแขวนอยู่ที่หน้าบ้านตามผนังหรือระเบียงให้เสียความสวยงามนั่นเองครับ

แปลนบ้านแบบ Rain มีหน้ากว้างถึง 8 m. และยังมักจะอยู่ในโซนบริเวณใกล้สวนในเฟสปัจจุบันที่กำลังเปิดขายอีกด้วยครับ ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะฟังก์ชันและบรรยากาศภายในทำออกมาได้คล้ายบ้านเดี่ยว/บ้านแฝดมากๆ มาพร้อมกับที่จอดรถ 2 คัน โดยเค้าต้องการเว้นระยะไว้ให้สามารถทำพื้นที่สีเขียว ได้ทั้งบริเวณหน้าบ้านและหลังบ้านครับ (บอกแล้วว่าเจ้านี้เค้าเน้นพื้นที่สีเขียวมากจริงๆ)

และด้วยความที่เป็นทาวน์โฮมหน้ากว้างแบบนี้ เลยสามารถแบ่งพื้นที่ภายในชั้น 1 ได้เป็นสัดส่วนมากขึ้น อย่างการทำโถงทางเดินบริเวณกลางบ้าน เพื่อแยกพื้นที่ห้องนอนหรือแม้แต่โถงบันได ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวออกจากพื้นที่ Common Area ส่วนบริเวณกลางบ้านจะมีการกั้นพื้นที่เอาไว้ตามแปลนเลยครับ ซึ่งเราสามารถทำเป็นห้องครัว หรือพื้นที่เตรียมอาหารก็ได้ แต่ถ้าใครจะต่อเติมครัวหลังบ้านอยู่แล้ว ก็อาจทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆเพิ่มก็ยังได้นะครับ

ส่วนชั้น 2 จะมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง ซึ่งเค้าจะให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นที่ใช้สอยภายในมากๆ สังเกตจากการที่เค้าตัดพื้นที่ระเบียงออกไป และต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กที่ด้านนอก ก็เลยทำให้ภายในห้องนอนมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ทุกห้องเลยครับ

สรุปแล้วทาวน์โฮมแบบนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ มีห้องนอนชั้นล่างและห้องน้ำไว้รองรับสำหรับการมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย และถ้าใครมีลูกคนเดียวก็กำลังดีเลยครับ ซึ่งห้องน้ำชั้นบนจะไม่จำเป็นต้องแชร์กับใคร แต่ถ้ามีลูก 2 คนก็อาจต้องพิจารณาเรื่องที่จอดรถเพิ่มอีกสักนิดนึง ว่าเรามีรถใช้คนละคันเลยหรือเปล่า? เพราะเค้าจะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่จอดรถอยู่ที่ 2 คัน และของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมบ้านตัวอย่างกันเลยครับ

หน้าบ้านจะติดตั้งประตูเหล็กบานพับขนาดใหญ่ มาพร้อมกับกริ่งและจุดทิ้งขยะที่อยู่ด้านข้างด้วยครับ ซึ่งจะดูเรียบร้อยมากขึ้นและเรายังสามารถเปิดเพื่อทิ้งขยะจากในบ้านได้สะดวกเลย (จะได้ฟังก์ชันนี้เฉพาะหลังใหญ่สุดเท่านั้นนะ)

พื้นที่จอดรถจะมีการลงเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้าน และมีความกว้างประมาณ 4.75 m. ลึก 5.5 m. สามารถจอดรถ 2 คันได้พอดีๆ และเป็นการจอดรถในร่มแบบครึ่งคันนะครับ ถ้าใครไม่อยากจอดรถกลางแจ้งก็สามารถต่อเติมกันสาดเพิ่มเติมเองได้ โดยพื้นของที่จอดรถทางโครงการจะปูเป็นกระเบื้อง ที่มีสีและลวดลายแบบนี้มาให้ด้วยนะครับ

ส่วนบริเวณด้านข้างทางโครงการจะเว้นไว้ให้ทำเป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งเราสามารถปูหญ้า/จัดสวนได้เองตามใจชอบเลยนะครับ (เค้าจะเตรียมเป็นพื้นที่เปล่าเอาไว้ให้เฉยๆ) โดยบ้านตัวอย่างหลังนี้จะเป็นแปลงมุมที่มีพื้นที่ข้างบ้านด้วยครับ (แต่จะมีเฉพาะบางแปลงเท่านั้น)

ทางเข้าบ้านจะมีเฉลียงในร่มกว้างประมาณ 1 m. มีพื้นที่ให้เราเอาตู้รองเท้าหรือม้านั่งตัวเล็กๆมาวาง เพื่อถอด-ใส่รองเท้าบริเวณตรงนี้ได้สบายๆ ส่วนประตูก็จะเป็นบานเลื่อนกรอบ UPVC สีขาว พร้อมกระจกเขียวตัดแสงขนาดใหญ่ที่ทำให้ดูโปร่งโล่งมากขึ้นครับ

เมื่อเข้ามาเราจะเจอ Common Area เชื่อมต่อพื้นที่ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน บวกกับฝ้าเพดานสูงประมาณ 2.7 m. เลยทำให้รู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้น ซึ่งจะมีการดรอปฝ้าและซ่อนไฟมาให้แบบนี้ด้วยครับ รวมถึงพื้นก็จะปูเป็นกระเบื้องลายหินอ่อนแบบบ้านตัวอย่างนี้เลย

ฟังก์ชันแรกจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและรับแขก มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.7 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 50 – 60 นิ้วได้ รวมถึงเรายังสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งแบบนี้ได้สบายๆเลยครับ

โดยจุดที่ผมชอบที่สุดของบ้านตัวอย่างหลังนี้คือ ช่องแสงบริเวณด้านข้างทีวีทั้งสองจุด ซึ่งเราสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวที่เราจัดไว้ข้างบ้านได้ ทำให้บรรยากาศภายในดูโปร่งโล่งและร่มรื่น ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเดี่ยวเลยล่ะครับ (จะได้เฉพาะหลังแปลงมุมที่มีพื้นที่ข้างบ้านเท่านั้นนะ แต่คือดีอะ…ชอบๆ)

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งบริเวณกลางบ้านยังมีพื้นที่เหลืออยู่ เราสามารถวางเป็นโต๊ะทำงาน หรือตู้เก็บของเพิ่มเติมได้ โดยขนาดของโต๊ะทานอาหารที่เราจะใช้ได้ก็อยู่ที่ประมาณ 4 – 6 ที่นั่งกำลังดีครับ

นอกจากนี้โต๊ะทานอาหารยังตั้งอยู่ใกล้กับช่องหน้าต่างหลังบ้าน ทำให้ได้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามา หรือจะเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศก็ได้ ส่วนบ้านตัวอย่างที่มีพื้นที่ข้างบ้านแบบนี้ เค้าจะมีประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไปยังสวนข้างบ้านได้ด้วยแบบนี้ครับ

ส่วนทางด้านขวาของโต๊ะทานอาหาร เค้าจะมีการกั้นผนังพร้อมเจาะช่องเปิดมาให้แบบนี้เป็นมาตรฐานด้วยครับ

โดยตรงจุดนี้เป็นเหมือนพื้นที่อเนกประสงค์ ที่มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 2 x 2 m. ซึ่งกรณีที่ใครเป็นคนไม่ค่อยทำอาหารเองอยู่แล้ว เราก็สามารถกั้นประตูทำเป็นครัวเล็กๆในบ้านได้ บางคนอาจทำเป็น Pantry หรือส่วนเตรียมอาหารง่ายๆแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้ รวมถึงยังมีประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดออกไปสู่หลังบ้านได้จากบริเวณนี้อีกด้วยครับ

สำหรับพื้นที่หลังบ้านจะกว้างเป็นมาตรฐานอยู่ที่ 2 m. หรือบางหลังอาจมากกว่านี้ก็แล้วแต่แปลงที่ดินนะครับ ซึ่งเค้าจะปูพื้นและลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้านมาให้แบบนี้เลย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อเติมครัวหลังบ้านแล้วพื้นจะทรุดในอนาคต โดยเราเพียงแค่ทำหลังคาและเคาน์เตอร์ครัวเพิ่มอีกนิดหน่อย ก็จะได้ครัวไทยหลังบ้านมาใช้สบายๆแบบนี้เลย และถ้าใครสนใจก็สามารถอ่านบทความดีๆ เกี่ยวกับการต่อเติมครัวได้โดยคลิก >>>

อีกด้านหนึ่งจะมีการเว้นพื้นที่เอาไว้สำหรับปลูกต้นไม้ด้วยครับ โดยถ้าเป็นบ้านมาตรฐานที่ยังไม่ได้มีการต่อเติมครัว ก็จะไม่ได้มีผนังหรือประตูกระจกมากั้นแบบนี้ แต่เราก็สามารถดูเป็นไอเดียได้นะครับ เพราะผมมองว่าทำให้พื้นที่ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้นดี เวลาฝนตกน้ำก็ไม่สาดเข้ามาด้านใน หรือถ้าใครจะทำเป็นครัวแบบกึ่งกลางแจ้ง (Semi-Outdoor) เพื่อให้ระบายกลิ่นหรือควันได้เต็มที่ก็ว่ากันไปนะ

สำหรับขนาดพื้นที่บริเวณนี้จะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็พอจะปลูกผักสวนครัวเพื่อใช้ประกอบอาหารง่ายๆในบ้าน หรืออาจตากผ้าเล็กๆน้อยๆก็ได้ ซึ่งบ้านมาตรฐานเค้าจะเตรียมเป็นพื้นดินธรรมดาไว้ให้ปลูกต้นไม้เพิ่มเติมได้เอง เช่นเดียวกับบริเวณหน้าบ้านและข้างบ้านก่อนหน้านี้ครับ

มาดูกันที่บริเวณโถงบันไดกลางบ้านกันต่อครับ ซึ่งจะหลบอยู่บริเวณด้านหลังผนังแบบนี้ และทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากพื้นที่รับแขกหน้าบ้านได้เป็นอย่างดี เช่น เวลาที่ลูกของเราอาจเดินลงมาทานน้ำทั้งที่ใส่ชุดนอน หรือผู้สูงอายุชั้นล่างจะออกมาเข้าห้องน้ำ คนที่อยู่พื้นที่รับแขกก็จะมองไม่เห็นนั่นเองครับ

นอกจากนี้เค้ายังเว้นพื้นที่ใต้บันไดไว้ให้ใช้งานด้วย โดยเราอาจทำเป็นมุมนั่งทำงานเล็กๆแบบนี้ หรือจะเพิ่มพื้นที่เก็บของก็ได้ ซึ่งการที่ทางโครงการไม่ได้ทำผนังปิดทึบเป็นห้องเก็บของใต้บันไดแบบที่เราคุ้นเคยกันทั่วไป เพราะเค้าต้องการให้บริเวณกลางบ้านนี้ได้รับแสงสว่างจากหน้าต่างเล็กๆ เพื่อความโปร่งโล่งแบบนี้นั่นเองครับ

ส่วนอีก 2 ห้องที่เหลือก็จะเป็นห้องน้ำและห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งจะหลบมุมมองสายตาจาก Common Area เลยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

เริ่มกันที่ห้องนอนชั้นล่างจะมีขนาดประมาณ 3.6 x 2.8 m. ซึ่งเราจะทำเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุที่อาจขึ้น-ลงบันไดไม่สะดวก หรืออาจทำเป็นห้องทำงานจริงจังสำหรับช่วง WFH แบบนี้ก็ได้ครับ

โดยบ้านตัวอย่างเค้าได้วางเตียง 5 ฟุต พร้อมทำมุมแต่งตัวมาให้ดูเป็นไอเดีย จะเห็นว่ายังมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานได้สบายๆครับ และบริเวณหน้าต่างห้องนี้ยังเชื่อมต่อกับสวนหลังบ้านก่อนหน้านี้อีกด้วย ซึ่งถ้าเราปลูกต้นไม้เอาไว้ล่ะก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวที่ดูสดชื่นจากในห้องนี้ได้สบายๆเลยครับ

ติดกันจะเป็นห้องน้ำชั้นล่าง ซึ่งเค้ามีการแบ่งพื้นที่อาบน้ำไว้เพื่อรองรับห้องนอนชั้นล่างไว้ด้วยครับ โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดจะเป็นของ American Standard พื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.35 x 1.45 m. และพวกงานกรุกระเบื้องหรือแม้แต่งานซ่อนไฟต่างๆ เราก็จะได้ครบตามบ้านตัวอย่างนี้เลยนะครับ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะกว้างประมาณ 1.35 x 0.75 m. ที่พื้นจะมีขอบเล็กๆคอยแบ่งฟังก์ชันให้เป็นสัดส่วน โดยเราสามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำ/ม่านพลาสติก เพื่อกันน้ำกระเด็นเปียกไปทั่วห้องได้ครับ นอกจากนี้ก็จะมีการเจาะช่องและชั้นวางของที่ผนัง พร้อมทั้งมี Junction Box สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้พร้อมแล้ว ส่วนหน้าต่างด้านบนก็สามารถเปิดระบายอากาศไปด้านนอกได้ดีเลยครับ

จุดที่ผมชอบการออกแบบห้องน้ำโครงการของปริญสิริคือ เค้ามักจะเว้นขอบของพื้นเอาไว้เพื่อทำเป็นท่อระบายน้ำตรงกลาง ซึ่งจะใช้งานร่วมกันระหว่างพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้ง โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทำท่อ 2 จุดให้ดูแลรักษายาก แถมยังช่วยประหยัดค่าก่อสร้างลงได้อีกนิดหน่อยด้วยนะ

ในส่วนของบันไดบ้านจะมีสิ่งที่น่าสังเกตอยู่ 3 จุดด้วยกันดังนี้ครับ

  1. มีการตัดฝ้าเพดานออกบางส่วน เพื่อเพิ่มความสูงจากบันได-ฝ้า ทำให้เวลาเดินขึ้น-ลงแล้วศีรษะจะได้ไม่ชนให้เกิดอันตราย (โดยเฉพาะคนตัวสูงๆ)
  2. ชานพักบันไดขนาดใหญ่ (ประมาณ 3.4 x 1.8 m.) เพื่อให้เดินขึ้น-ลงได้สะดวกและไม่เป็นอันตราย รวมถึงสามารถหาพวกของประดับและตู้เล็กๆมาวางเพิ่มก็ได้ นอกจากนี้เค้ายังติดตั้งไฟส่องสว่างบริเวณนี้ให้ด้วย (สามารถเปิด-ปิดได้จากสวิตซ์ทั้ง 2 ทาง) เนื่องจากเค้าคำนึงถึงการใช้งานสำหรับเด็กและผู้สูงอายุด้วยนั่นเองครับ
  3. เป็นจุดที่ต้องใช้งานระวังเล็กน้อย คือราวบันไดตรงโถงชั้น 2 จะอยู่ร่นระยะเข้าไปจากพื้น (ไม่ได้บรรจบพอดีกับพื้นทางเดินชั้นบน) เลยทำให้เกิดช่องว่างเล็กๆกว้างประมาณ 5 cm. ซึ่งถ้าบ้านไหนมีลูกเล็กๆก็อาจต้องระมัดระวังสักหน่อยนะครับ (หาอะไรมาปิดสักหน่อยก็ได้)

ขึ้นมาที่ชั้นบนจะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นไม้ลามิเนตลายธรรมชาติ พร้อมทั้งมีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.8 m. โดยจะมีประตูห้องแยกออกไปอีก 4 จุดด้วยกัน ซึ่งขวามือจะเป็นห้องนอนเล็กสุดกับห้องน้ำ ตรงกลางคือห้องนอนใหญ่ และซ้ายมือจะเป็นห้องนอนที่สองทางหน้าบ้านตามลำดับ

เริ่มจากห้องนอนเล็กสุดทางขวามือจะมีขนาดประมาณ 3.5 x 2.9 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตเพื่อทำเป็นห้องนอนลูกคนเล็กได้สบายๆ หรือเราอาจทำเป็นห้องพระและห้องอื่นๆก็ได้ตาม Lifestyle ของครอบครัวครับ

ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะมีขนาด 1.5 x 1.6 m. และพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.5 x 0.75 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ ซึ่งสุขภัณฑ์ก็จะได้เป็นของ American Standard พร้อมทั้งซ่อนไฟและเจาะช่องวางของมาให้เหมือนกับห้องน้ำด้านล่างเลยครับ แน่นอนว่าเราสามารถติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองได้นะ

ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของบ้าน ซึ่งจะอยู่ทางโซนหน้าบ้านและเหมาะกับลูกคนโต มีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2.9 x 4.6 m. ทำให้เมื่อวางเตียงแล้วก็ยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้สะดวก โดยจะทำมุมแต่งตัวเพิ่มก็ได้ หรือโต๊ะทำงานเล็กๆก็ดี และเรายังได้ช่องแสงที่เยอะกว่าห้องเล็กก่อนหน้านี้อีกด้วยครับ

สุดท้ายคือห้อง Master Bedroom ซึ่งจะกินพื้นที่ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน ทำให้เราสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็น 2 ส่วนได้เลย และดูเผินๆก็เหมือนว่านี่คือห้องนอนของบ้านเดี่ยวมากกว่าทาวน์โฮมซะอีกนะครับเนี่ย

เรามาเริ่มกันที่โซนหน้าบ้านทางซ้ายมือ สามารถวางเตียงนอนให้อยู่ใกล้กับริมหน้าต่างได้ ซึ่งหน้าต่างชุดนี้จะมีขนาดใหญ่ สูงจากพื้นเกือบถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียว ทำให้เราสามารถชมวิวภายนอกได้อย่างเต็มที่ และถ้าเป็นแปลงมุมแบบนี้ก็จะได้ช่องแสงตรงหัวเตียงเพิ่มด้วยนะครับ

โดยบ้านตัวอย่างนี้จะอยู่ในเฟสแรกที่อยู่รอบๆสวนสาธารณะ เลยทำให้สามารถชมวิวพื้นที่สีเขียวกว่า 1 ไร่จากในห้องนอนได้สบายๆ ซึ่งมีอยู่คำพูดนึงของเซลล์ที่เล่าให้ฟังแล้วผมชอบมากๆคือ มีลูกค้าท่านหนึ่งพูดว่า “…พี่เป็นคนชอบธรรมชาตินะ แต่อาจรักไม่มากพอ ซึ่งอาจไม่ค่อยมีเวลาปลูกต้นไม้หรือมาคอยดูแลสวนด้วยตัวเองสักเท่าไหร่” ดังนั้นบ้านเฟสนี้ที่มองเห็นวิวสวนสีเขียวจากในบ้านได้ตลอดเวลา เลยเหมาะกับลูกค้าท่านนี้มากๆเลยนั่นเองครับ

และอีกด้านหนึ่งเราสามารถทำเป็นมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำได้แบบนี้เลยครับ ซึ่งบ้านของจริงจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ให้เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าต่างๆเองได้ เพียงพอต่อความต้องการสำหรับสาวๆแน่นอนครับ

ส่วนภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันครบเหมือนห้องอื่นๆเลยครับ เพียงแต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างประมาณ 1.5 x 1.5 m. และพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.5 x 0.8 m. ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

โดยสุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆก็จะได้ครบตามบ้านตัวอย่างที่เห็นอยู่นี้เช่นเคยเลยครับ ซึ่งจะเห็นว่าห้องน้ำของที่นี่จะต้องมีหน้าต่างทุกห้อง เพราะเค้าต้องการเน้นเรื่องของการระบายอากาศ เพื่อความมีสุขอนามัยที่ดีด้วยนั่นเองครับ

  • Summer ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 17.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 114 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ

หน้าตาบ้านจะเป็นสไตล์ Modern และยังคงมีพื้นที่วาง Compressor เอาไว้เรียบร้อยเช่นเดิม เพียงแต่โทนสีที่ใช้จะเป็นขาว-เทา ก็เลยทำให้ดูทันสมัยมากขึ้น และจะไม่มีช่องทิ้งขยะกับพื้นที่ปลูกต้นไม้เหมือนหลังใหญ่ก่อนหน้านี้นะครับ แต่ก็มีจุดที่เค้าตั้งใจออกแบบเพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ “ระเบียงห้องชั้นบนจะต้องไม่อยู่ติดกัน”

นั่นเป็นเพราะทาวน์โฮมแต่ละหลัง จะไม่ได้เกิดจากการวางแปลนที่ Mirror กันเอง (สลับซ้าย-ขวา) แต่เค้าจะวางทุกๆยูนิตให้เหมือนๆกัน โดยให้เหตุผลว่า…เพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นส่วนตัวจากการที่ระเบียงบ้านอยู่ติดกับ ซึ่งบ้างคนก็อาจกังวลว่าจะมีใครแอบปีนข้ามมารึเปล่านั่นเอง (เคยเห็นทาวน์โฮมที่เค้าติดเหล็กดัดยื่นออกมาในแนวตั้ง จากผนังบนชั้น 2 รึเปล่าครับ นั่นแหละคือ…ที่มาของการออกแบบนี้)

สำหรับหลังเล็กสุดจะมีหน้ากว้าง 5 m. ยังสามารถจอดรถ 2 คันได้พอดีๆนะครับ โดยจุดที่น่าสนใจของ Type นี้คือ ฟังก์ชันพื้นที่อเนกประสงค์ใต้บันได ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวจากผนังที่กั้นแยกออกมาจากพื้นที่รับแขก ทำให้เราสามารถทำเป็นมุมทำงานส่วนตัวเล็กๆได้สบายๆเลยครับ ส่วนห้องครัวแน่นอนว่าเราอาจทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆในบ้านก็ได้ หรือจะต่อเติมครัวไทยจริงจังหลังบ้านเหมือนเดิมก็ดี

ส่วนชั้นที่ 2 จะมีห้องอยู่ทั้งหมด 3 ห้องครับ โดยแบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง และห้องอเนกประสงค์อีก 1 ห้อง ซึ่งขนาดพื้นที่ใช้สอยก็พอจะวางเตียง 3.5 ฟุตทำเป็นห้องนอนเล็กอีกสักห้องหนึ่งได้อยู่ หรือใครอาจทำเป็นห้องพระและห้องทำงานอยู่บ้านก็ได้เช่นกัน โดยจุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ห้องน้ำที่แยกพื้นที่ส่วนแห้งออกมาไว้ด้านนอก เพราะเนื่องจากห้องนอนทุกห้องจะต้องมาแชร์ห้องน้ำร่วมกัน ดังนั้นฟังก์ชันแบบนี้เลยทำให้เราสามารถใช้งาน 2 ฟังก์ชันพร้อมๆกันได้สบายๆ ซึ่งปกติผมจะเคยเห็นการออกแบบลักษณะนี้ในห้องคอนโดซะมากกว่า แต่ก็ถือเป็นไอเดียที่จะช่วยประหยัดพื้นที่การใช้งานได้ดีเลยครับ

โดยภาพรวมทำให้ทาวน์โฮมหลังนี้เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง มีลูกคนเดียวกำลังดีครับ หรือถ้ามีสัก 2 คนก็ยังพอไหวอยู่ เพราะมีห้องอเนกประสงค์ให้ปรับฟังก์ชันตาม Lifestyle ของครอบครัวได้ค่อนข้างยืดหยุ่นดี โดยมีสิ่งที่ต้องคำนึงคือจำนวนที่จอดรถที่จำกัดไว้ที่ 2 คันนั่นเอง ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมบ้านตัวอย่างกันเลยครับ

ในส่วนของพื้นที่จอดรถจะมีการลงเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้าน พร้อมทั้งยังปูพื้นกระเบื้องมาให้เหมือนเดิมด้วยครับ เพียงแต่สีของกระเบื้องในแบบบ้านของจริงจะเป็นสีขาว-เทา เพื่อให้เข้ากับโทนสีของบ้าน ซึ่งต่างจากบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ที่จะเป็นสีน้ำตาลครับ

ทางเข้าบ้านจะได้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่เหมือนเดิม พร้อมชานพักขนาดใหญ่ที่สามารถนำตู้เก็บรองเท้า หรือม้านั่งเล็กๆมาวางตรงนี้เพื่อใช้งานได้สะดวกเลย หรือจะแต่งเป็นสวนแนวตั้งแบบบ้านตัวอย่างก็ดูน่ารักดีนะครับ

ภายในบ้านเราจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีและรับแขก โดยมีระยะดูทีวีอยู่ประมาณ 2.7 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 50 – 60 นิ้วได้ รวมถึงพวกความสูงฝ้าเพดานก็ยังคงเท่าเดิมอยู่ที่ 2.7 m. เพียงแต่สิ่งที่ต่างออกไปเล็กน้อยคือ จะไม่ได้มีการดรอปฝ้าหรือซ่อนไฟ รวมถึงพื้นกระเบื้องก็จะเป็นแบบเรียบๆไม่ใช่ลายหินอ่อนแบบหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ครับ

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นโต๊ะทานอาหารที่สามารถวางได้ประมาณ 4 ที่นั่งกำลังดี และติดกันจะเป็นมุมสำหรับทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวได้ครับ แต่ถ้าใครที่จะต่อเติมครัวไทยด้านนอกอยู่แล้ว ก็อาจทำเป็นตู้เก็บของเพิ่มเติมได้นะ

ส่วนหลังบ้านของจริงก็จะทำพื้น และลงเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้านเช่นเดิมครับ โดยเราสามารถทำหลังคาและเคาน์เตอร์ เพื่อทำเป็นครัวไทยหลังบ้านได้แบบนี้เลย

อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งบริเวณด้านหน้าจะมีพื้นที่ให้วางตู้เย็นและชั้นเก็บของได้ด้วย

ภายในห้องน้ำถึงแม้จะเป็นแบบบ้านที่ไม่มีห้องนอนชั้นล่าง แต่เค้าก็จัดให้มีพื้นที่อาบน้ำมาไว้ด้วยครับ เผื่อช่วงเวลาเร่งด่วนก็สามารถแบ่งกันลงมาอาบด้านล่างนี้ได้ด้วยนั่นเอง โดยฟังก์ชันและสุขภัณฑ์จะยังเป็นของ American Standard มีพื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.1 x 1.4 m. และพื้นที่อาบน้ำกว้าง 90 x 75 cm. ให้ใช้งานได้พอดีๆ สามารถติดฉากกั้นหรือม่านได้ด้วยตัวเอง แต่จะได้วัสดุปิดผิวและการดรอปฝ้าซ่อนไฟแบบจัดเต็มเช่นนี้ครบเหมือนเดิมเลยครับ

มาถึงจุดที่เป็น Highlight ของบ้านหลังนี้กันแล้วครับ นั่นคือพื้นที่อเนกประสงค์ใต้บันได ซึ่งเค้าจะอยู่ด้านหลังผนังชั้นวางทีวีแบบนี้ เลยทำให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างดีทีเดียว

โดยพื้นที่ด้านในจะกว้างประมาณ 1.7 m. เราสามารถจัดเป็นมุมนั่งทำงานเล็กๆแบบบ้านตัวอย่างนี้ได้นะครับ ซึ่งส่วนตัวผมค่อนข้างชอบมุมนี้มากๆ มีหน้าต่างเปิดออกไปหน้าบ้านได้ด้วย ช่วยเพิ่มความสว่างและโปร่งโล่งได้ดีทีเดียว ส่วนใต้บันไดก็มีพื้นที่ให้เก็บของได้อีกเล็กน้อยครับ

สำหรับบันไดจะมีราวให้จับอยู่ตลอดทาง เลยทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยดี โดยชั้นบนเราจะเจอกับห้อง 2 ห้องที่อยู่โซนหน้าบ้านแบบนี้ครับ

เริ่มที่ห้องแรกจะเป็นห้องอเนกประสงค์ โดยที่เรียกแบบนี้เพราะขนาดห้องของเค้าจะอยู่ที่ 2 x 2.5 m. ซึ่งยังไม่ถึงขั้นต่ำของขนาดห้องนอน 8 ตร.ม. ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ครับ แต่ในทางปฏิบัติเราก็สามารถทำเป็นห้องนอนเล็กได้นะ

ในบ้านตัวอย่างเค้าได้วางเตียง 3.5 ฟุตมาให้ดู ซึ่งก็ยังเหลือพื้นที่ใช้งานรอบเตียงพอดีๆ และมีมุมเล็กๆให้ทำตู้เสื้อผ้าได้อีกหน่อย หรือใครจะทำเป็นห้องพระและห้องทำงานอื่นๆก็ได้นะครับ

ติดกันจะเป็นห้อง Master Bedroom ซึ่งจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ทีเดียวครับ อย่างตรงปลายเตียงก็สามารถทำชั้นวางทีวีเพิ่มเติมได้สบายๆเลย

ทางด้านซ้ายของเตียงก็ทำเป็นมุมแต่งตัวทั้งตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ได้ครับ

ส่วนทางด้านขวาของเตียงจะมีพื้นที่เหลือติดกับช่องแสงขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นหรือหาโต๊ะทำงานมาวางก็ได้ โดยแบบบ้านนี้จะไม่มีระเบียงนะครับ เพราะจะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในเป็นหลัก แต่เราก็สามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนนี้ให้กลายเป็นกึ่งๆระเบียง Semi-Outdoor แบบนี้ได้ครับ

คราวนี้เราจะไปดูในส่วนหลังบ้านกันบ้างครับ โดยจุดที่ผมชอบคือช่องแสงตรงกลาง ซึ่งจะทำให้โถงทางเดินทางบ้านสว่าง แถมยังช่วยระบายอากาศได้อีกด้วย

และตรงช่องแสงที่ว่าก็คือ บริเวณอ่างล้างหน้าที่เป็นพื้นที่ส่วนแห้งของห้องน้ำ โดยการที่เค้าแยกฟังก์ชันนี้ออกมา ไม่ได้รวมอยู่ในห้องเดียวกันแบบปกติ ก็เลยทำให้เราสามารถใช้งานทั้ง 2 ฟังก์ชันพร้อมๆกันได้นั่นเองครับ (คนนึงล้างหน้าแปรงฟันอยู่ด้านนอก และคนนึงก็อาบน้ำอยู่ด้านใน) ซึ่งตรงพื้นจะปูกระเบื้องเอาไว้ให้ด้วย ขนาดประมาณ 1 x 0.8 m. เลยสามารถล้างทำความสะอาดได้ไม่กลัวน้ำครับ

ส่วนประตูห้องน้ำจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจกฝ้าแบบนี้ เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่เวลาเปิด-ปิดนั่นเองครับ

ภายในจะแบ่งพื้นที่เป็นโถสุขภัณฑ์ 1 x 1.35 m. และพื้นที่อาบน้ำ 0.75 x 1 m. ซึ่งเราอาจกั้นม่านพลาสติกเพิ่มเติมได้นะครับ

ส่วนฟังก์ชันอื่นๆเราก็จะได้ครบตามบ้านตัวอย่างนี้เลย

สุดท้ายคือห้องนอนที่ 2 ซึ่งจะอยู่โซนหลังบ้าน มีขนาดค่อนข้างใหญ่ประมาณ 2.4 x 3.4 m. สามารถใช้งานได้ดีเลยทีเดียว

โดยบ้านตัวอย่างเค้าวางเตียง 5 ฟุตมาให้ดู และจะเห็นว่ายังมีพื้นที่เหลือรอบเตียงให้ใช้งานได้สะดวกดีครับ

  • Autumn ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 19.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ

แบบบ้านขนาดกลางนี้จะมีฟังก์ชันคล้ายกับหลังเล็กที่เราดูกันไปก่อนหน้านี้ครับ แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่หน้ากว้าง 5.7 m. จะสามารถจอดรถไซส์ใหญ่มากขึ้นได้ แถมบรรยากาศของ Common Area ในบ้านก็ยังรู้สึกกว้างขวางมากขึ้นอีกด้วยครับ (สังเกตจากบ้านตัวอย่างเค้าวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 – 8 ที่นั่งได้สบายๆ) รวมถึงมีห้องอเนกประสงค์ทั้งชั้นบนและชั้นล่างเพิ่มเข้ามาด้วย

จึงเป็นแบบบ้านที่มีฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น สามารถรองรับความต้องการห้องนอนได้มากสุดถึง 4 ห้องเลยทีเดียวครับ ส่วนห้องนอนใหญ่ชั้นบนก็จะมีห้องน้ำให้ใช้เป็นส่วนตัวด้วย ซึ่งคนที่เหมาะกับแบบบ้านนี้จึงเป็นได้ทั้งครอบครัวขนาดเล็กและครอบครัวขยายในอนาคต มีลูกสัก 1 – 2 คน หรืออาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็ได้ โดยผมได้ถ่ายภาพบ้านตัวอย่างเป็น Gallery มาให้ชมกันด้วย จะเป็นอย่างไรสามารถกดเลื่อนดูได้ที่ภาพด้านล่างเลยนะครับ

Image 1/15

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Citysense ดอนเมือง – สรงประภา ราคา ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2564

  • Summer ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 17.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 114 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
  • Autumn ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 19.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท
  • Rain ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 26 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 158 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 20,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 100,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตร.วา/เดือน
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ย่านดอนเมือง-สรงประภา เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยที่คึกคักและอุดมสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้วครับ เพราะมีหมู่บ้านจัดสรรค่อนข้างเยอะ เลยมีทั้งตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ และสถานศึกษาอยู่บนถนนสายสั้นๆเส้นนี้ ทำให้การใช้ชีวิตหรือหาของกินไม่ใช่เรื่องยากเลย โดยโครงการจะตั้งอยู่ในซอยสรงประภา 22 เลยเป็นส่วนตัวขึ้นนึดนึง และสามารถเชื่อมต่อกับซอยข้างเคียงได้ด้วย รวมถึงยังใกล้ทางด่วน 2 จุดคือ ทางด่วนอุดรรัถยา และทางด่วนดอนเมืองโทล์ลเวย์ จึงเข้า-ออกเมืองได้ค่อนข้างสะดวก ซึ่งจุดกลับรถก็อยู่ไม่ไกลจากปากซอยเลยครับ ทำให้สะดวกทั้งขาไป-ขากลับเลย

และเมื่อเร็วๆนี้ก็เพิ่งมีการเปิดใช้งานรถไฟฟ้าสายสีแดงใหม่ด้วย โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีดอนเมือง ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการเดินทางได้ดีครับ หรือถ้าใครทำงานที่สนามบินดอนเมือง และเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆก็น่าจะสะดวกไม่น้อย ซึ่งการมาของรถไฟฟ้าก็มักจะทำให้ราคาที่ดิน และรูปแบบในการอยู่อาศัยในทำเลนั้นๆเปลี่ยนไป เพราะปัจจุบันย่านนี้ก็เริ่มหาที่ดินมาพัฒนาเป็นโครงการจัดสรรใหม่ๆได้ยากเต็มที ในอนาคตเราอาจได้เห็นแต่คอนโดมิเนียมเกิดขึ้นแถวนี้เยอะแยะเลยก็เป็นไปได้ครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : มีทางเข้า-ออกแค่ทางเดียว ซึ่งจะต้องผ่านป้อม รปภ. และมีกล้อง CCTV กับไม้กั้นกระดกระบบ RFID หรือเปิดอัตโนมัติแบบ Easypass บนทางด่วนให้เป็นมาตรฐานครับ นอกจากนี้ยังมีการวางผังโครงการให้มีถนนล้อมรอบตัวบ้าน เลยทำให้เกิดระยะร่นของบ้านกับรั้วโครงการเข้ามา จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยจากภายนอกมากขึ้นอีกระดับหนึ่งครับ

การออกแบบโครงการ : เป็นโครงการจัดสรรขนาดใหญ่ ที่มีเพื่อนบ้านถึง 498 ยูนิต แต่เค้าก็มีเทคนิคการวางผังได้น่าสนใจ อย่างการทำถนนหลักให้รถวนได้รอบตัวบ้านโดยไม่ต้องเสียเวลากลับรถ ซึ่งนอกจากเรื่องความปลอดภัยอย่างที่บอกไปแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์จากความกว้างของถนนเพื่อแบ่งไปทำเป็น Bike Lane ให้วิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้านได้ด้วย

อีกทั้งภายในซอยยังมีจุดกลับรถและสวนเล็กๆ อยู่ระหว่างช่องคลัสเตอร์ทาวน์โฮมทุกๆจุดด้วยนะ ซึ่งทำให้บรรยากาศในซอยดูร่มรื่นมากขึ้น และเราก็ยังใช้เป็นทางลัดเดินเชื่อมต่อไปใช้ส่วนกลางซอยถัดไปได้สะดวกอีกด้วยครับ โดยส่วนกลางจะมีอยู่ 2 จุดหลักๆ คืออาคาร Clubhouse ที่อยู่ด้านหน้า และสวนสาธารณะที่อยู่ตรงกลาง เพื่อกระจายการใช้งานให้ทั่วถึงในทุกๆเฟสนั่นเองครับ

การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : มีแบบบ้านให้เลือก 3 Type ซึ่งจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป โดยภาพรวมฟังก์ชันค่อนข้างยืดหยุ่น มีฟังก์ชันอเนกประสงค์ให้ปรับเปลี่ยนได้หลายจุด รวมถึงจะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน ด้วยการตัดฟังก์ชันระเบียงที่จำเป็นน้อยสุดออกไป และหันมาให้ความสำคัญกับพื้นที่ในห้องนอนให้กว้างขึ้นครับ โดยแบบบ้านต่างๆก็จะมีจุดเด่นดังนี้เลย

  • Summer หน้ากว้าง 5 m. จะมีพื้นที่อเนกประสงค์ใต้บันไดชั้นล่างให้ใช้งานแบบส่วนตัวได้ อย่างในบ้านตัวอย่างก็ทำเป็นมุมนั่งทำงานได้น่าใช้งานสุดๆเลย โดยห้องนอนทั้ง 2 ของชั้นบนอาจต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกัน แต่ก็มีการแยกฟังก์ชันอ่างล้างหน้ามาไว้ด้านนอก เพื่อให้สามารถแยกการใช้งานส่วนอาบน้ำไปพร้อมๆกันได้ครับ
  • Autumn หน้ากว้าง 5.7 m. จะมีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างเพิ่มอีกห้อง กลายเป็นว่าจะมีห้องอเนกประสงค์ถึง 2 ห้องในหลังเดียว และสามารถรองรับความต้องการห้องนอนได้สูงสุดถึง 4 ห้องได้ถ้าต้องการครับ รวมถึงพื้นที่ Common Area ก็ค่อนข้างกว้างขวางดี และมีห้องน้ำในตัวสำหรับห้องนอนใหญ่ด้วยนะ
  • Rain หน้ากว้าง 8 m. ถือเป็นตัวที่เด่นที่สุดของโครงการ ซึ่งความกว้างที่เพิ่มขึ้นมาจะเป็นพื้นที่ที่เว้นไว้สำหรับปลูกต้นไม้/ทำสวนในบ้านได้ (ทั้งหน้าบ้าน-หลังบ้าน) อีกทั้งฟังก์ชันภายในก็ยังกว้างและโปร่งโล่ง ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านแฝด/บ้านเดี่ยวเลยครับ มีห้องนอนถึง 4 ห้อง เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ รวมถึงบันไดยังออกแบบให้มีชานพักที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้เด็กๆหรือผู้สูงอายุสามารถใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย

วัสดุ : เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดของโครงการ โดยเฉพาะการปูพื้นและลงเสาเข็มให้ที่บริเวณพื้นที่จอดรถหน้าบ้าน และบริเวณส่วนหลังบ้าน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการต่อเติมของลูกบ้านได้ดี และไม่ต้องกังวลว่าพื้นจะทรุดในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่เพื่อนบ้านย่านเดียวกันมักจะยังไม่มีใครทำให้แบบนี้เลยครับ รวมถึงวัสดุอื่นๆเราก็จะได้แบบจัดเต็มเหมือนบ้านตัวอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นงานกรุกระเบื้อง ดรอปฝ้า และซ่อนไฟต่างๆ เรียกได้ว่างานสถาปัตย์และโครงสร้างหลักๆจัดมาให้ครบเลย ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่ากับราคาดีทีเดียวครับ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : โครงการนี้มีแนวคิดการออกแบบคือ Oxygen Community เพื่อต้องการให้ลูกบ้านได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติมากขึ้น จึงมีการปลูกต้นไม้ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะตรงกลางกว่า 1 ไร่ รวมถึงยังมีตามริมถนนหลักและถนนซอย เลยทำให้ภาพรวมโครงการดูร่มรื่นดีมากๆครับ โดยพันธุ์ไม้ที่เลือกใช้จะมีอยู่หลากหลายชนิดมากๆ ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงา และถ้าเป็นไม้ดอกก็จะมีฤดูที่ออกดอก/ผลิใบ หมุนเวียนแตกต่างกันไปตลอดทั้งปี

แต่ที่ผมมองว่าดีมากๆคือ การใช้ไม้ยืนต้นบริเวณสวนส่วนกลางค่อนข้างเยอะ อย่างที่บอกไปแล้วว่าด้วยปริมาณตัวเลขของสวน ขนาดประมาณ 1 ไร่กว่าๆ เราอาจรู้สึกว่าไม่ได้เยอะมากนัก ถ้าทำเป็นสนามหญ้าแล้วเรากวาดตามองไปรอบเดียวก็คงมองเห็นได้หมด แต่พอเค้าเลือกใช้เป็นต้นไม้ใหญ่ มันเลยทำให้เกิดหลากหลายมุมหลากหลายมิติมากขึ้น เราไม่สามารถมองผ่านต้นไม้เหล่านี้เพื่อเห็นสวนทั้งหมดได้จนกว่าจะค่อยๆเดินไปทีละจุด นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกว่าวิธีการออกแบบและจัดสวนนี้ค่อนข้างเวิร์คพอสมควรเลยทีเดียว

สาธารณูปโภค : เรียกได้ว่าให้มาเยอะที่สุดในย่านเลยก็ว่าได้ครับ แต่ก็แลกมากับการแชร์กับเพื่อนบ้านที่เยอะสักหน่อยนะ โดยมีส่วนกลางอยู่ 2 จุดคือ O²Club เป็นอาคาร Clubhouse ทางด้านหน้าสไตล์ Nordic + Modern ให้อารมณ์เหมือนอยู่เมืองนอกเลยครับ ซึ่งมีฟังก์ชันหลักๆเป็นสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Co-Working Space และ Kids Room

ส่วนจุดที่สองจะเป็นสวนสาธารณะด้านในที่เรียกว่า O²Park เป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้ และจะเน้นเป็นกิจกรรมกลางแจ้งซะเป็นส่วนใหญ่ครับ ไม่ว่าจะเป็น สนามบาสเก็ตบอล, Trampoline Park, Ring Around A Tree และ Bike Lane จะเห็นได้ว่าฟังก์ชันส่วนใหญ่จะส่งเสริมการออกกำลังกาย และเป็นพื้นที่สำหรับเด็กเป็นหลัก ซึ่งเราสามารถพาลูกๆมาเล่นอุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ในหมู่บ้านได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปหาที่เล่นด้านนอกเลยนั่นเอง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 3 – 5 ล้านบาท, 24 สิงหาคม 2564

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – อยู่ในซอยสรงประภา 22 อุดมสมบูรณ์ ใกล้ทางด่วน 2 จุด
  • ความปลอดภัย 7.75/10 – รปภ. 24 ชม. รั้วไม้กั้นกระดกแบบอัตโนมัติ พร้อมกล้อง CCTV
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – ถนนรอบโครงการ ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 – 8 m. ฟังก์ชันยืดหยุ่น รองรับครอบครัวขยายในอนาคตได้
  • วัสดุ 8.5/10 – ลงเสาเข็มให้ทั้งหน้าและหลังบ้าน พร้อมดรอปฝ้า/ซ่อนไฟเหมือนบ้านตัวอย่าง
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 9/10 – ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้เยอะ ทั้งบริเวณสวนและริมถนนโครงการ บรรยากาศดูร่มรื่นดีครับ
  • สาธารณูปโภค 9/10 – ส่วนกลางสวยน่าใช้ ให้ฟังก์ชันมาหลากหลายดี ส่วนใหญ่จะเน้นกิจกรรมกลางแจ้ง แต่อาจมีการแชร์กับเพื่อนบ้านเยอะสักหน่อย
  • 8.16 / 10.00

Citysense ดอนเมือง – สรงประภา เหมาะกับใคร

Citysense ดอนเมือง – สรงประภา เหมาะกับคนที่มองหาทาวน์โฮมในย่านดอนเมือง บนถนนสรงประภาที่เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน และอุดมสมบูรณ์ เน้นโครงการที่มีบรรยากาศร่มรื่น มีส่วนกลางขนาดใหญ่ให้ใช้งาน ตัวบ้านให้วัสดุมาดี มีการลงเสาเข็มลึกมาให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้าน รวมถึงมีฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น สามารถปรับห้องอเนกประสงค์เพื่อรองรับครอบครัวขยายในอนาคตได้ โดยจะต้องมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 2.99 – 4.59 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 21,000 – 32,000 บาท


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc