รีวิวโครงการ
รีวิวตึกเสร็จ XT เอกมัย คอนโด High Rise ติดถนนเอกมัย ห่าง BTS เอกมัย 1.5 กม. จาก แสนสิริ [รีวิวฉบับที่ 2138]
14 ตุลาคม 2020
รีวิวฉบับที่ 1635 … มาแล้วค่ะรีวิว XT เอกมัย จากแสนสิริร่วมทุนกับ Tokyu โดย XT นี้ แบรนด์ใหม่ที่เปิดตัวพร้อมๆกันถึง 3 โครงการ มาในคอนเซ็ปต์ “Extend Your Style” ที่เลือกรูปแบบการอยู่อาศัยได้ตาม Lifestyle ที่แตกต่างกันทั้งพื้นที่ส่วนกลางที่จัดมาให้หลากหลาย และสามารถแชร์ส่วนกลางกับ XT ทำเลอื่นๆได้อีกด้วย ห้องพักอาศัยออกแบบให้มี Flexible Layout สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ในห้องและเฟอร์นิเจอร์ได้ตามใจชอบเลย เราไปชมกันเลยค่ะ
Fact @ 18 July 2018
- XT EKKAMAI (เอ็กซ์ที เอกมัย )
- บริษัท สิริ ทีเค ทู จำกัด
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : วัฒนา
- คอนโด High Rise 38 ชั้น 1 อาคาร 537 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 9 ชั้น , ใต้ดิน 3 ชั้น
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 18 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 266 คันคิดเป็น 49% ( Automated 257 คัน ,จอดปกติ 9 คัน)
- ที่ดินประมาณ 2-3-34 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ก.ค. 2018
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. 2020
- 1 Bedroom 29.75 – 38 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท
- 2 Bedroom 45.5 – 57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.59 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.6/2.8 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 185,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1685
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.733750, 100.587293
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
ทำเลของโครงการ XT เอกมัย ตั้งอยู่บนถนนเอกมัยระหว่างซอยเอกมัย9 และ ซอยเอกมัย 13 โดยทำเลเอกมัยนั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าขึ้นชื่อเรื่องสถานบันเทิง ร้านอาหารชิคๆ เป็นแหล่งที่มีสีสันที่หนึ่งของกรุงเทพ และเป็นแหล่งรวม Office Building จึงมีหนุ่มสาวออฟฟิศค่อนข้างเยอะ มีความคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นย่านหนึ่งที่ไม่เคยหลับ เหมาะกับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ชอบเข้าสังคม ชอบทานข้าวนอกบ้าน และไปสังสรรค์กับเพื่อนบ่อยๆ
ถนนเอกมัยเป็นถนนคู่ขนานกับทองหล่อ ดังนั้นซอยย่อยที่เชื่อมระหว่างถนนเอกมัยกับทองหล่อจึงเป็นซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง(เอกมัยฝั่งเลขคี่) อย่างซอยเด่นๆเช่น ซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) มีร้านอาหารและร้าน Hang out หลากหลาย ทั้ง Wine Replubic, 7th Street, Muse, Myst มี Arena 10 ภายในก็จะมีร้านอาหาร มีสนามฟุตบอลอารีน่า และเป็นที่ตั้งของ Funky Villa โดยซอยนี้สามารถไปทะลุถนนทองหล่อได้ อีกซอยที่เชื่อมกันคือซอยเอกมัย 12 ก็มีร้านบรรยากาศดีๆอย่าง Coffee Bean By Dao, Vanilla Garden ให้ไปทานอาหารพร้อมเบเกอร์รี่กันได้ โดยทางหล่อซอย 10 และเอกมัย 12 นี้จะเป็นทางลัดเชื่อมระหว่างถนนทองหล่อ-เอกมัย-ปรีดี พนมยงค์ อย่างใครที่อยู่เอกมัยจะไปทองหล่อก็เลี้ยวเข้าทองหล่อซอย 10 แต่ถ้าจะไปพระโขนงก็เลี้ยวเข้าซอยเอกมัย 12 ส่งผลให้ถนนเส้นนี้ความอุดมสมบูรณ์สูง และเป็นย่านที่อยู่กึ่งกลางซอยเอกมัยพอดี
โดยถนนเอกมัยนี้เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของถนนเส้นนี้จะมากหรือน้อยก็จะอิงไปกับถนนใกล้เคียงด้วย เพื่อการอธิบายให้เห็นภาพเราจะขอแบ่งถนนเอกมัยออกเป็น 2 โซน คือ เอกมัยโซนใต้ฝั่งที่ติดกับถนนสุขุมวิท และเอกมัยโซนเหนือฝั่งที่ติดกับถนนเพชรบุรี โดยมีซอยทองหล่อ 10 และเอกมัย 12 เป็นถนนเส้นใหญ่ที่แบ่งความอุดมสมบูรณ์ของโซนเหนือและใต้
เอกมัยตอนใต้ ที่ค่อนไปทางสุขุมวิท จะมีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็น Prime โซนของถนนเส้นนี้ เนื่องจากอยู่ใกล้ถนนสุขุมวิทและรถไฟฟ้า BTS เอกมัย จึงมีคอนโดที่พักอาศัยให้เลือกหลายที่ นอกจากนี้ยังมีทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม มีห้างสรรพสินค้าอย่าง เกตเวย์เอกมัย Big C เอกมัย มีร้านอาหารชิคๆราคาแพงๆและร้าน Hang out ให้เลือกหลากหลาย เป็นสีสันในยามค่ำคืนของย่านนี้
ส่วนบริเวณเอกมัยตอนเหนือ ที่ค่อนไปทางเพชรบุรี จะเป็นโซนที่มีความคึกคักน้อยลงมาหน่อย แต่ก็ยังมีร้านอาหาร ร้าน Hang out ให้เลือกและเป็นแหล่งรวมร้านเฟอร์นิเจอร์สไตล์ชิคๆอยู่หลายร้านทีเดียว ซึ่งตัวโครงการเองเนี่ยอยู่บริเวณเอกมัยตอนเหนือที่ค่อนมาทางเพชรบุรีแล้ว ดังนั้นหากจะเทียบความอุดมสมบูรณ์กับโซนใต้ก็คงจะยากหน่อย โดยสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และคอนโดซะเป็นส่วนใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้ที่สุดคือ ร้านค้าร้านอาหารแนว Street Food รอบๆโครงการ และร้านในซอยเอกมัย 30 รวมทั้งตลาดสดเอกมัยให้ไปซื้อของได้ในระยะเดิน ถัดออกไปหน่อยก็มีซอยเอกมัย 21 (ทองหล่อ 20) หรือซอยแจ่มจันทร์ ที่มีร้านอาหารน่านั่งหลายร้านค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถค่อนข้างสะดวก เนื่องจากถนนเอกมัยเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี ซึ่งแม้ว่าจะเป็นที่รู้กันว่าถนนเส้นนี้รถติด แต่ก็ยังมีทางลัดให้เลี่ยงรถติดได้หลายทาง นอกจากนี้ยังมีทางลัดให้สามารถไปทองหล่อได้ เช่น ใช้ซอยทองหล่อ 20 (เอกมัย 21) หรือซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) และทางลัดไปยังถนนปรีดีย์ พนมยงค์ โดยใช้ซอยเอกมัย 28 หรือซอยเอกมัย 12 ก็ได้ค่ะ หากใครต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ และซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้
ส่วนทางลัดที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้ คือซอยเอกมัย 10 (ซอย Health Land) วิ่งลัดๆลงมาออกถนนสุขุมวิทที่ซอย 65 ซึ่งต้องยอมรับจริงๆว่า ถนนตรงนี้ปริมาณรถเยอะทั้งกลางวันและกลางคืน ดังนั้นการเลือกใช้ถนนเชื่อมซอยต่างๆระหว่างถนนทองหล่อ-เอกมัย-ปรีดีย์ พนมยงค์ เพื่อเป็นทางลัดเลี่ยงรถติดก็จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางไปได้ ที่สำคัญคือต้องศึกษาเส้นทางว่าช่วงเวลาไหนรถติดมากติดน้อยดีๆค่ะ สำหรับใครที่ใช้ทางด่วนจะมีทางด่วนรามอินทราช่วงสุดถนนเอกมัย และทางด่วนอาจณรงค์ที่ต้องวิ่งทะลุซอยสุขุมวิท 40 ไปออกฝั่งกล้วยน้ำไทค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถพึ่งพาวินมอเตอร์ไซค์และรถกระป๊อได้สะดวกมากเนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนเอกมัยเลย ไม่ต้องเข้าไปในซอยย่อย นอกจากนี้ยังมีรถแท็กซี่ รถเมล์ วิ่งผ่านหน้าโครงการตลอดทั้งวัน โครงการอยู่ในระยะที่ไม่ได้ใกล้ BTS คือมีระยะประมาณ 1.5 กิโลเมตรจาก BTS เอกมัย แต่โครงการจะมี Shuttle Service รับส่งจึงสามารถใช้รถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้ค่ะ
การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจาก BTS เอกมัย เพื่อดูสภาพแวดล้อมบนถนนเอกมัยที่มีทั้งอาคารสำนักงาน คอนโด ร้านอาหาร ห้าง และ Community Mall หลากหลาย ตรงไปเรื่อยๆประมาณ 1.5 กิโลเมตรก็จะถึงโครงการ โดยโครงการจะอยู่ระหว่างซอยเอกมัย 9 และ ซอยเอกมัย 13 ค่ะ
เริ่มกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัยที่อยู่บนถนนสุขุมวิท สถานีนี้คนจะไม่ได้ขึ้นลงเยอะเหมือนอย่างสถานีสำคัญ เช่น อโศก เวลารอรถก็พอจะมีที่เหลือให้เข้าไปได้ตลอด
จาก BTS เราเลือกใช้ทางออกหมายเลข 1 ที่ใกล้กับซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) มากที่สุด
ลงจากชานชาลามา 1 ชั้น ฝั่งซ้ายจะเห็น Gateway เอกมัย หากใครต้องการไปเดิน Shopping ก่อนก็สามารถเดินเชื่อมไปได้ แต่ต้องเลือกทางออก 4 นะ
เดินมาชมวิวมุมสูงกันหน่อย ด้านล่างคือถนนสุขุมวิท ไป 3 กลับ 3 เลน ส่วนทางลงจะมีทางแยก 2 ทาง คือฝั่งขวามือจะเป็นทางลงไปที่หน้าปากซอยเอกมัยเลย ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางเดินไปเชื่อมกับทางเข้า Major เอกมัย
เดินมาบน Sky Walk จะผ่านหน้าซอยเอกมัยพอดี จากมุมนี้จะเห็นบรรยากาศในซอยเอกมัยช่วงต้น ก็จะมีทั้งตึกสูงสลับกับอาคารพาณิชย์ ปนกันระหว่างอาคารสำนักงาน, คอนโดมิเนียม, ห้างสรรพสินค้า ทำให้บรรยากาศค่อนข้างคึกคักตลอดทั้งวัน
เดินลงมาจาก BTS เอกมัย เราจะเจอทางฟุตบาทค่อนข้างกว้างเดินสบายๆ
ร้านอาหารที่อยู่ฝั่งซ้ายคือร้านบ้านไร่กาแฟ จะเปิดตอนเย็นๆ บนฟุตบาทมีของกินขายอยู่ริมทางหลายร้านเลยช่วยให้บริเวณนี้คึกคักตลอดวันค่ะ
เดินไปอีกนิดนึงจะถึงแยกเอกมัย-สุขุมวิท หากตรงไปจะสามารถเข้าเมืองไปอโศก-สยามได้ ส่วนเราจะเลี้ยวขวาเข้าถนนเอกมัยกัน
จากตรงนี้จะมีทางม้าลายสามารถข้ามไปยัง Gateway เอกมัยได้ด้วย หรือถ้าใครมาจาก BTS แล้วอยากแวะช้อปปิ้งก่อน ก็สามารถใช้ทางเชื่อมจาก BTS เข้า Gateway เอกมัยได้เลย
เดินเลี้ยวซ้ายเข้ามายังถนนเอกมัย ตรงนี้จะเป็นร้านอาหารที่จะเปิดให้บริการในช่วงเย็น บรรยากาศจะคึกคักกว่านี้มาก
มองไปฝั่งตรงข้ามจะมีวินมอเตอร์ไซค์รอให้บริการอยู่ ถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนจะเห็นคนมายืนต่อแถวใช้บริการกันเยอะอยู่นะคะ
ถัดไปจะเห็นโครงการ Horizon อยู่ทางขวามือ โดยเปิดพื้นที่ภายในอาคารให้เช่าเป็นร้านอาหาร, ออฟฟิศ และภายในโครงการเดียวกันยังมีคอนโดมิเนียม สูงประมาณ 15-16 ชั้นด้วย ส่วนทางขวามือคืออาคาร BPS เป็นอาคารสำนักงาน
ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของ Park Lane ที่เป็น Community Mall ด้านในมีร้านค้า ร้านอาหารชิคๆหลายร้าน ด้านหน้ามี True Coffee ให้มานั่งจิบกาแฟ คุยงานกันได้
ถัดจาก Park Lane จะเป็นอาคารสำนักงานสรชัย เป็นอาคารสำนักงานสูง 31 ชั้น ที่มีธนาคารกรุงเทพอยู่ใต้อาคาร
ถัดมาเป็นอาคารสำนักงานอีกแห่ง คือ Bangkok Business Center
บนถนนเส้นนี้จะมีร้านค้า ร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์ อย่างร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านเบเกอรี่ บางร้านก็เปิด 24 ชั่วโมง อย่าง โชคดีติ่มซำ
เลยมาหน่อยจะเจอ Big C Super Center และ Index Livingmall ภายในมีร้านอาหารและ Supemarket ให้มาซื้อของเข้าห้องกันได้
เยื้องๆ Cubic 63 จะเป็น Health Land เอกมัย ที่มีทั้งบริการนวดไทย นวดเท้า นวดอายุรเวท และโปรแกรมอื่นๆ รวมทั้งเอกมัยช็อปปิ้งมอลล์หรือเรียกอีกชื่อว่าเวิ้งโบราณ ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร คาเฟ่น่ารักๆ เช่น ร้าน Perhaps Rabbits’ ที่เป็นร้านเค้ก และร้านบ้านเพื่อน เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มบรรยากศชิลๆที่หลายคนชอบมา Hang out กัน
ถัดมาอีกนิดหนึ่งก็จะถึงสี่แยก หากเลี้ยวซ้ายจะไปยังซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมไปซอยทองหล่อได้ ถ้าเลี้ยวขวาจะไปซอยเอกมัย 12 ซึ่งสามารถเชื่อมไปซอยปรีดี พนมยงค์ได้ เราจะตรงต่อไปมุ่งหน้าถนนเพชรบุรีค่ะ
ตรงมาอีกนิดก็จะถึงกับโครงการ XT เอกมัย แล้วค่ะ สังเกตง่ายๆสีสำนักงานขายค่อนข้างเด่นทีเดียว ^^
สำนักงานขายตั้งอยู่บนที่ดินของโครงการเลยค่ะ ตอนนี้ล้อมรั้วเตรียมก่อสร้างแล้วโดยมีขนาดที่ดินประมาณ 2 ไร่
บรรยากาศภายในสำนักงานขายค่ะ โดยจะมีร้านกาแฟมาบริการให้กับลูกค้าที่แวะเข้ามาด้วย
สำหรับลูกค้า 1 ท่านจะได้ Voucher ทานกาแฟฟรี 1 สิทธิ์ รายละเอียดสอบถามทางโครงการเอานะ
ที่ดินเป็นแปลงยาวๆ ทางเข้า-ออกอยู่ติดกับถนนเอกมัยเลยค่ะ สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และบ้านพักอาศัย ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งถูกขนาบด้วยที่ดินเปล่า ส่วนด้านหลังโครงการจะติดกับคลองเป้งถัดไปเป็นคอนโด Low Rise ซึ่งมีความสูงพอๆกับอาคารจอดรถของโครงการเลย นอกจากนั้นไม่มีตึกสูงมาบังวิวในระยะประชิดแบบตรงๆค่ะ เรามาดูว่าแต่ละด้านของที่ดินติดกับอะไรบ้าง
- ทิศเหนือ – ติดกับที่ดินเปล่าและอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
- ทิศตะวันออก – ติดกับถนนซอยสุขุมวิท63 (เอกมัย)
- ทิศใต้ – ติดกับที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย
- ทิศตะวันตก – ติดกับคลองเป้งและคอนโด Low Rise
ทิศเหนือ ฝั่งด้านข้างโครงการติดกับที่ดินเปล่าและอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
ทิศตะวันออก ติดกับถนนซอยสุขุมวิท63 (เอกมัย) ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
ทิศใต้ ติดกับที่ดินเปล่า สิ่งปลูกสร้างเดิมตอนนี้เป็นที่ดินเปล่ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหมดแล้ว
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น (รวมระยะกลับรถ)
- Health Land ~ 550 เมตร
- อาคารสำนักงาน S.S.P. Tower ~ 600 เมตร
- Arena 10 ~ 650 เมตร
- Big C เอกมัย ~ 750 เมตร
- The Commons ~1.1 กิโลเมตร
- Ekkamai International School ~ 1.1 กิโลเมตร
- อาคารสำนักงานสรชัย ~ 1.1 กิโลเมตร
- J Avenue ~ 1.2 กิโลเมตร
- Seenspace ~ 1.3 กิโลเมตร
- ตลาดเอกมัย ~ 1.3 กิโลเมตร
- Charn Issara Tower 2 ~ 1.4 กิโลเมตร
- Major Cineplex เอกมัย ~ 1.8 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 1.9 กิโลเมตร
- Park Lane ~2 กิโลเมตร
- Gateway เอกมัย ~2.7 กิโลเมตร
XT เอกมัยเป็นคอนโด High Rise 38 ชั้น จำนวน 537 ยูนิต+ร้านค้า 1 ยูนิต และอาคารจอดรถแบบ Mechanical Parking 9 ชั้น ตัวอาคารทำออกมาในสไตล์โมเดิร์น โดยออกแบบให้มีระบบ Natural Ventilation สามารถถ่ายเทอากาศได้ทั้งโครงการ รวมถึงได้นำ Facilities ส่วนใหญ่ไปอยู่บนชั้น Roof Top เพื่อเปิดรับวิวและใช้สีม่วงหลายเฉดมาใช้ในการออกแบบช่วยให้ตัวโครงการมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วยค่ะ
สำหรับแบรนด์ XT นี้เป็นแบรนด์ใหม่จากแสนสิริที่เปิดตัวพร้อมกัน 3 โครงการ 3 ทำเลดังนี้ค่ะ
- XT เอกมัย ซึ่งเป็นโครงการที่แสนสิริร่วมกันพัฒนากับบริษัท โตคิว คอนสตรัคชัน จำกัด ตั้งอยู่ห่างจากสถานี BTS เอกมัย 1.5 กม. ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท
- XT ห้วยขวางตั้งอยู่ห่างจากสถานี MRT ห้วยขวาง 75 ม. ใกล้เซ็นทรัลพระราม 9 ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท
- XT พญาไท ตั้งอยู่ห่างจากสถานีแอร์พอร์ตเรลลิงก์ราชปรารภ 500 ม. และ สถานี BTS พญาไท 600 ม. ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท
สำหรับแบรนด์ XT นั้นทางแสนสิริได้พัฒนาออกมาในลักษณะของ Lifestyle Condominium ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกิจกรรมและความชอบที่หลากหลาย โดยแนวคิดในการออกแบบโครงการนี้คือ
- Extend your style เป็น Concept หลักของโครงการ สามารถเลือกรูปแบบการอยู่อาศัยได้ตาม Lifestyle ที่แตกต่างกัน ทั้งพื้นที่ส่วนกลางและรูปแบบห้องพักที่จัดมาให้หลากหลาย รวมถึงโปรโมชั่นพิเศษ Personalized Privilege ที่มีให้ตามความชอบของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ
- Explore your space มี Flexible Layout ที่สามารถเลือกรูปแบบห้องได้ด้วยตัวเองทั้งพื้นที่ห้องและเฟอร์นิเจอร์
- Expand your lifestyle มี Co-Facilities ที่สามารถใช้แชร์กันได้กับ XT ในทำเลอื่นๆ โดยจองการใช้งานผ่านระบบ Application ซึ่งตรงนี้ถือว่าน่าสนใจดีนะ โดยการเข้าไปใช้ส่วนกลางของโครงการอื่นนี้มีค่าใช้จ่ายนะ แต่รายละเอียดต้องขึ้นอยู่กับทางโครงการและนิติบุคคลต้องสอบถามเพิ่มเติมอีกทีค่ะ
มาดูภาพรวมโครงการกันเข้ามาในโครงการจะมีสวนหย่อมอยู่ด้านหน้า ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น ชั้นล่างเป็น Lobby , Mail room , ห้องนิติบุคคลและโถงลิฟต์ มีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่งที่ชั้น 25 ส่วน Facilities อื่นๆจะถูกจัดเอาไว้ที่ชั้นดาดฟ้าเพื่อเปิดรับวิว ได้แก่ชั้น 37 มีสระว่ายน้ำ ,จุดชมวิว นั่งพักผ่อน+Sunken Seat , Theatre และห้องน้ำ+ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนชั้น 38 เป็น The Bar & Lounge , Game Room และ Co-Playing Space , Fitness , Sky Lounge , Sky Meeting Hub & Library ค่ะ ส่วนด้านหลังสุดของที่ดินจะเป็นอาคารจอดรถ 9 ชั้น ซึ่งในชั้นดาดฟ้าจะมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่ง
ทางเข้าออกโครงการจะอยู่ติดกับถนนเอกมัยเลย โดยด้านหน้าจะเป็นบ่อน้ำและสวนหย่อม เมื่อลูกบ้านเข้ามาในโครงการก็จะเจอพื้นที่สีเขียวๆก่อน มาแวะเดินเล่นก่อนขึ้นห้องพักได้ และถ้าบริเวณสวนทางโครงการปลูกต้นไม้ใหญ่ก็จะสามารถช่วยกรองเสียงและมลพิษจากถนนใหญ่ได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้บรรยากาศภายในโครงการสงบมากขึ้น ถัดเข้าไปจะเจอกับ Drop off อยู่ใกล้ๆกับทางเข้า Lobby
สวนหย่อมนี้จะยาวไปจนถึงท้ายโครงการเลยนะ เนื่องจากเส้นทางเดินรถเป็นแบบเดินทางเดียวค่ะ
มาดูภาพจำลองบรรยากาศของสวนหน้าโครงการกันซะหน่อย อย่างที่บอกไปว่าพอเดินกลับบ้านแล้วเราเจอพื้นที่สีเขียว มีมุมให้นั่งพักผ่อน ได้ยินเสียงน้ำจากบ่อน้ำก็จะช่วยให้ผ่อนคลายได้ค่ะ และต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกจะสามารถบังตาให้เกิดความเป็นส่วนตัวและกรองมลพิษจากถนนได้ในระดับหนึ่งด้วย
ถัดเข้ามาในอาคารชั้น 1 จะประกอบด้วยร้านค้าซึ่งทางโครงการแจ้งมาว่าน่าจะเป็น FamilyMart แบบที่มีของสด อาหาร ผลไม้ เบเกอรี่ และ Service ต่างๆเช่น Kerry express , Credit card , Rabbit Card , Print&Copying machine เป็นต้น ถัดมาเป็น Drop off สำหรับรับส่งคน ซึ่งจะใกล้กับ Lobby , Mail room และโถงลิฟต์ ส่วนด้านหลังของอาคารจะเป็นห้องนิติบุคคลและงานระบบต่างๆ
ตัวอาคารมีการออกแบบโดยใช้เส้นสายทั้งแนวตั้งและแนวนอนทำให้ดูมีมิติมากขึ้น
Workspace Lobby เป็นLobby ที่ออกแบบมาให้มีความเป็นส่วนตัวสามารถใช้พื้นที่ได้ทั้งมานั่งรอ ทำงานรวมถึงทำกิจกรรมอื่นๆ โดยจะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน มีหลายสีสันให้เลือกเพื่อสร้างบรรยากาศที่หลากหลาย หากเหนื่อยล้าจากการทำงานมาก็สามารถเปลี่ยนโต๊ะทำงานที่เห็นในภาพเป็นโต๊ะปิงปองหรือโต๊ะพลูได้ด้วย บริเวณนี้มีฝ้าเพดานสูงโปร่งและด้านข้างเป็นกระจกบานใหญ่เปิดรับแสงและวิวจากภายนอก ถึงแม้จะกั้นเป็นส่วนๆก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดค่ะ เดี๋ยวเราพาไปดูแต่ละโทนสีกันซักหน่อย
เริ่มที่ Lobby BlueRoom สีน้ำเงินสดใส เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกเค้าจะเลือกสีที่ดูตัดกันทำให้บรรยากาศของห้องดูสนุกมากขึ้น มาใช้นั่งพักผ่อนหรือพักคอยได้ ฝ้าเพดานตรงส่วนนี้จะสูงขึ้นไปถึงชั้น 2 เลย
ต่อมาคือห้อง Green Room โทนสีเย็นๆ ห้องนี้จัดให้มีทั้งชุดโซฟานั่งพักผ่อนและโต๊ะทำงานที่สามารถเปลี่ยนการใช้งานเป็นโต๊ะปิงปองหรือโต๊ะพลูได้
ห้อง Stripe Room ตกแต่งด้วยลายทางดูทันสมัยหน่อยๆ
ส่วนอีกห้องสำหรับสายหวานคือ Pink Room ทางมุมซ้ายจะสังเกตว่ามีหุ่นยนต์หน้าตาน่ารักๆยืนอยู่ นั่นก็คือ SANDEE Delivery Bot หุ่นยนต์ที่คิดค้นจากแสนสิริเป็นอีกจุดเด่นของโครงการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านอีกด้วย
SANDEE Delivery Bot ของจริงหน้าตาแบบนี้ค่ะ มีโชว์อยู่ในสำนักงานขาย น้องเค้าสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยบริการส่งจดหมาย พัสดุ และอื่นๆ ด้วยคุณสมบัติของแสนดีที่มีระบบเซ็นเซอร์รอบตัว จึงสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางขึ้น-ลงอาคารโดยใช้ลิฟต์โดยสารผ่านไว-ไฟได้ด้วยตัวเอง โดยใช้เวลาในการส่ง ประมาณ 5-10 นาที พร้อมทั้งส่งของได้จำนวน 3 ห้องภายในหนึ่งเที่ยว จากช่องใส่ของทั้งหมด 3 ชั้น และสามารถรับน้ำหนักสิ่งของได้ถึง 80 กิโลกรัมอีกด้วย
ถัดขึ้นมาจะเป็นพื้นที่สวนหย่อมที่ชั้น 25 สามารถมานั่งเล่นพักผ่อนชมวิวแบบเป็นส่วนตัวได้ วิวจะเป็นมุมสูงหน่อย
มาดูภาพรวมของ Sky Facilities กัน เริ่มจากชั้น 37 ก่อนซึ่งจะมีสระว่ายน้ำโอลิมปิคที่ยาว 50 เมตรที่มี Hot&Cold Jacuzzi เอาไว้แช่ตัวเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า บริเวณปลายสระจะมี Sunken Seat สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวมุมสูง และพื้นที่ดูหนังกลางแจ้ง รวมถึงห้องน้ำ/ห้องเปลี่ยนเสื้อก็จะอยู่ในชั้นนี้ด้วยค่ะ ส่วนชั้น 38 เป็น The Bar & Lounge , Game Room , Meeting Room และ ฟิตเนส
โครงการนี้ยก Facilities หลักเอาไว้ชั้นดาดฟ้าข้อดีหลักๆเลยคือวิวที่สามารถเห็นวิวเมืองมุมสูงได้ สังเกตว่าการออกแบบชั้น 38 จะใช้ผนังเป็นกระจกโดยรอบและเอียงเพื่อเปิดรับวิวได้เต็มๆ อีกทั้งยังเป็นส่วนตัวเพราะไม่ได้จัดวางให้ปนกับชั้นพักอาศัย
บริเวณปลายสระมี Sunken Seat พื้นที่นั่งพักผ่อนชมวิวและยังได้ยินเสียงม่านน้ำตกจากสระว่ายน้ำอีกด้วย ด้านบนที่เห็นเป็นจอฉายหนังคือ Poolside Theatre ค่ะ
บรรยากาศอีกมุมหนึ่งดูชิลล์ดี อย่างมุม Sunken Seat ที่เห็นใสๆโดยรอบคือจะมีกระจกกั้นให้นะคะ สำหรับคนอยากเสพวิวแต่กลัวความสูงก็ไม่ต้องกังวลไป
ACTIVE GYM ห้องฟิตเนสที่สามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับชมวิวแบบ 360 องศา ในการออกแบบจะมีการเพิ่ม Interactive Exercise เข้ามาอำนวยความสะดวกและทำให้การออกกำลังกายง่ายและสนุกขึ้น โดยจะมีไฟ LED มาช่วยสร้างบรรยากาศ มี Virtual Trainer ในห้อง Cycling Studio (คลาสปั่นจักรยาน) พร้อมอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฟิตเนสที่มีเทรนเนอร์อยู่ด้วยจริงๆ และยังมี ICAROS ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเกมส์และการออกกำลังกายเอาไว้ด้วยกันโดยการสร้างสถานการณ์เสมือนจริง ซึ่งโปรแกรมที่วางไว้จะสามารถฝึกการทรงตัวและกล้ามเนื้อได้หลายส่วน อันนี้น่าสนใจดีต้องรอดูกันค่ะว่าของจริงจะทำออกมาเป็นแบบไหน
The Bar & Lounge ที่ชั้น 38 สำหรับสายปาร์ตี้ สามารถชวนเพื่อนๆขึ้นมาจัดปาร์ตี้หรือ Hangout ดื่มเบาๆอย่างเป็นส่วนตัวได้
CO-PLAYING SPACE ใครเครียดหรือคิดงานไม่ออก ทางโครงการจัดมุมนี้ไว้ให้เป็นมุมผ่อนคลาย โดยจะมีโต๊ะพลูดีไซน์แปลกตามาให้เล่น เผื่อสมองโล่งๆแล้วจะได้ไอเดียอะไรใหม่ๆค่ะ
ถัดจากอาคารที่เป็นคอนโดมาจะเป็นอาคารจอดรถ 9 ชั้น เป็นระบบ Mechanical Parking จอดได้ทั้งหมด 257 คันและจอดบนดินได้อีกประมาณ 9 คัน ระบบนี้ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน แต่ในอนาคตถ้าใช้งานไปนานๆก็อาจจะมีเรื่องของค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเข้ามาค่ะ นอกจากนั้นโครงการนี้ยังมีระบบ EV Charger รองรับรถยนต์ที่ใช้ระบบไฟฟ้าอีกด้วย บนดาดฟ้าของตึกจะมีสวนหย่อมที่มีมุมนั่งเล่น พื้นที่สำหรับทำสวน-ปลูกผัก และยังมี Outdoor Pavilion Gym ที่ร่วมมือกันพัฒนากับโรงพยาบาลสมิติเวชให้สามารถออกกำลังกายในรูปแบบที่แตกต่างเช่นปีนเขาบนกำแพง ปีนเขาจำลองเป็นต้น และยังสามารถนำอุปกรณ์ TRX (เชือกที่ใช้ออกกำลังกายช่วงหลังและแขน) มาใช้ในพื้นที่ได้อีกด้วย อาคารจอดรถนี้ตั้งอยู่แยกออกมาจากตัวอาคารข้อดีก็คือไม่ไปรบกวนในส่วนพักอาศัย แต่เวลาใช้งานจะต้องเดินไกลหน่อยและเผื่อเวลาฝนตกอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ค่ะ
ทัศนียภาพจำลองริเวณ Active Green Pavilion บนชั้นบนสุดของที่จอดรถ สำหรับอออกกำลังกายหรือปลูกผักกลางแจ้ง
ผังโครงการเมื่อเข้ามาจะเจอกับสวนหย่อมก่อน ให้เราได้เห็นอะไรเขียวๆก่อนกลับบ้านซึ่งต้นไม้จะช่วยบังสายตาและกรองมลภาวะจากถนนได้บางส่วน ตัวอาคารพักอาศัยอยู่ถัดเข้ามาจากถนนพอสมควรทำให้มีความเป็นส่วนตัว โดยด้านหน้าสุดของอาคารพักอาศัยจะมีร้านค้าที่คาดว่าจะเป็น Family Mart สาขานี้จะมีของสดขายด้วย สะดวกดีถ้าขี้เกียจออกไปนอกโครงการก็ลงมาหาอะไรทานได้เลย ใกล้ๆกันเป็น Drop off พื้นที่สำหรับวนรถมาจอดรับ-ส่ง ส่วนในอาคารมี Lobby ห้องนิติบุคคล ห้องซักรีด (มีระบบ SMART WASH) ห้องจดหมาย (มีระบบ SMART LOCKER) และส่วนของงานระบบต่างๆค่ะ พื้นที่ Lobby จะเป็น Double Space ฝ้าเพดานสูง มีการแบ่งพื้นที่เป็นโซนๆแต่ละโซนตกแต่งในโทนสีที่แตกต่างกัน สามารถเลือกใช้ได้ว่าชอบแบบไหน การออกแบบผังชั้นล่างจะมีทั้งส่วนที่เป็น Indoor และ Semi-outdoor ให้ลมพัดผ่านซึ่งจะช่วยให้มีการระบายอากาศที่ดีในอาคาร ด้านหลังสุดของโครงการคืออาคารจอดรถแบบ Mechanical Parking โดยรถจะเดินทางเดียวจากหน้าโครงการเข้ามายังอาคารจอด มี Car Lift ที่เราสามารถขับเข้าไปจอดได้เลย ส่วนถ้าจะมาเอารถ รถของเราจะกลับหัวออกมาให้เสร็จ พอรถขึ้นมาจากช่องจอดเราก็ขับออกไปได้เลย โดยจะมีห้องสำหรับนั่งรอรถมาให้ด้วยค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยแล้วค่ะ ชั้นนี้มีห้องพักทั้งหมด 18 ห้อง การวางผังจะวางห้องใหญ่เอาไว้ตรงมุมอาคารเพื่อที่จะได้เปิดรับวิวได้หลายด้าน ส่วนห้องเล็กๆจะอยู่ตรงกลาง ห้องพักส่วนใหญ่ถูกวางในแนวทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งดีกว่าทิศตะวันตกที่ได้รับแดดแบบเต็มๆค่ะ ลิฟต์โดยสารมีอยู่ 4 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 134 : 1 ซึ่งอาจจะต้องมีรอบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วน และ ลิฟต์ Service อีก 1 ตัวที่แยกทางเข้า-ออกกันและมีประตูปิด เวลาขนของขึ้นมาที่ห้องหรือแม่บ้านใช้ขนขยะก็จะไม่ไปรบกวนลิฟต์โดยสาร จากผังจะมีบางส่วนเป็น Single Corridor หรือคือโถงทางเดินหน้าห้องที่มีห้องอยู่แค่ฝั่งเดียวด้วย ซึ่งห้องที่อยู่บริเวณนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวเพราะเปิดประตูออกมาจะไม่ไปชนกับใครเลย และถ้าผนังอีกด้านเป็นกระจกก็ได้แสงธรรมชาติและความโปร่งอีกด้วย สำหรับผังชั้นพักอาศัยอื่นๆที่ไม่ใช่พื้นที่ส่วนกลางก็จะคล้ายๆกับแบบนี้แหละค่ะ
ชั้น 25 ในส่วนของห้องพักอาศัยจะคล้ายๆกันนะคะ แต่ชั้นนี้มีสวนหย่อมมาให้ด้วย ถ้าจะออกไปใช้งานจะต้องเดินผ่านประตูที่กั้นออกไปค่ะ
ชั้นบนๆตั้งแต่ชั้น 27 – 35 จำนวนห้องพักจะลดลงตามระยะร่นของตัวอาคารเหลือชั้นละ 13 ห้องทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและได้วิวที่ดีกว่าชั้นล่างๆด้วย
ชั้น 36 จะเป็นงานระบบทั้งชั้นนะคะ ดังนั้นจึงข้ามมาที่ชั้น 37 เลยซึ่งจะเป็น Facilities ล้วนๆไม่มีห้องพักอาศัยปน สามารถใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัว ได้แก่ สระว่ายน้ำแบบโอลิมปิคยาว 50 เมตร จุดชมวิว Sunken Seat , Theatre และห้องน้ำ+ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยจะมีลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นนี้เลยค่ะ
ชั้น 38 ก็เป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกชั้นหนึ่งประกอบด้วย THE BAR & LOUNGE , CO-PLAYING SPACE , Game Room , Meeting และห้องฟิตเนส ชั้นนี้ผนังส่วนใหญ่เป็นกระจกรอบเลยค่ะ สามารถชมวิวได้แบบเต็มที่ ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกอย่างของโครงการนี้
ปิดท้ายด้วยผังของสวนหย่อมชั้นบนของอาคารจอดรถที่มีมุมนั่งเล่น และพื้นที่สำหรับทำสวน-ปลูกผัก และยังมี Outdoor Pavilion Gym ที่ร่วมมือกันพัฒนากับโรงพยาบาลสมิติเวชอีกด้วย
สำหรับวิวโครงการโดยรอบเป็นประมาณนี้ค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Workspace Lobby
- Garden and outdoor recreational area
- Active Rooftop Garden
- SKY LAP POOL ระบบเกลือ ขนาด 3 x 50 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- HOT & COLD JACUZZI
- POOLSIDE THEATRE
- THE BAR & LOUNGE ON 38th
- SKY MEETING HUB & LIBRARY
- ACTIVE GYM
- CO-PLAYING SPACE
- Mechanical Parking
- SHUTTLE SERVICE
- WIRELESS INTERNET
- Self-Laundry
- Mailroom
- EV Charging Station
- Sandee Delivery Bot
- SMART LOCKER
- SMART WASH
- PRIVATE RENTAL LOCKER
- 24 Hours Security
- 24 Hours Guard Service
- ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 134 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 266 คันคิดเป็น 49% ( Automated 257 คัน ,จอดปกติ 9 คัน)
- ระบบ CCTV / Access Card
อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการนี้คือ Explore Your Space กับผังห้องที่มีความ Flexible โดยทางโครงการจะจัด Theme มาให้เลือก 6 แบบด้วยกัน เพื่อให้ตอบรับทุก Life Style ได้มากที่สุดได้แก่
- The Fashionista – เป็นแบบห้องที่ขยายพื้นที่ตู้เสื้อผ้าให้ใหญ่ขึ้น สำหรับคนสายแฟชั่นนิสต้า หนุ่มๆสาวๆที่มีปัญหาอยู่คอนโดแล้วตู้เสื้อผ้าไม่เคยพอก็เหมาะกับห้องนี้
- The Master Chef – ตามชื่อเลยค่ะคือพื้นที่ครัวจะใหญ่ขึ้น เป็นสัดส่วนขึ้น เหมาะกับคนชอบทำอาหารแบบจริงจัง
- The Naturalist – รักธรรมชาติ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบชมวิว ดังนั้นห้องรูปแบบนี้จึงมีระเบียงที่ใหญ่ค่ะ
- The Party Goer – ห้องรูปแบบนี้จะขยายพื้นที่นั่งเล่นให้กว้างขึ้น เพื่อรองรับปาร์ตี้ได้ สำหรับคนที่ชอบชวนเพื่อนมาสังสรรค์
- The Snoozy Head – เหมาะกับคนชอบนอนค่ะ ดังนั้นจึงเป็นแบบที่ขยายพื้นที่ห้องนอนให้ได้ใช้เวลากับเตียงได้เต็มที่ ^^
- The Visionary – ขยายพื้นที่ทำงาน เหมาะกับคนที่ชอบทำงานหรือหอบงานกลับมาทำที่บ้านบ่อยๆ
ถามว่า Flexible Layout มันเป็นยังไง ปรับตรงไหนบ้าง ยกตัวอย่างเช่นรูปนี้ค่ะ Default คือแปลนต้นแบบนะคะ ที่เป็นแบบ Visionary คือมันจะมีโต๊ะที่เอาไว้ใช้นั่งทำงานได้เห็นมั้ย (จริงๆโต๊ะนี้ก็ใช้ทานข้าวได้ด้วย) โดยแปลนนี้จะสามารถปรับสไตล์ได้อีก 2 แบบคือ
- Option 1 – The Fashionista + The Snoozy Head = การจัดผังผนังที่กั้นตรงกลางหายไปจัดวางเตียงไว้ตรงกลางเลย พอเข้าห้องมาก็กระโดดลงเตียงแล้วนอนได้เลยสมกับเป็นห้องแบบ Snoozy Head และยังมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มาให้อีกด้วย
- Option 2 – The Party Goer + The Master Chef = เข้ามาเจอครัวที่เป็นสัดส่วนซึ่งในห้องต้นแบบก็มีอยู่แล้วแต่เอาโซฟาออกไปเปลี่ยนเป็นชุดโต๊ะทานข้าวแทนสำหรับเอาไว้จัดปาร์ตี้
ซึ่งแปลนแบบไหนจะจัดเป็นห้องอะไรได้บ้างและอยู่ตำแหน่งไหนทางโครงการเค้า Fix มาให้แล้ว เราสามารถเข้าไปเลือกที่โครงการได้ สรุปแล้วโครงการนี้จะมีแบบห้องให้เลือกเยอะมากๆนั่นเอง แต่พอเลือกแล้วจะเปลี่ยนใจกลางครันไม่ได้นะ ต้อง Fix เลยตั้งแต่วันจองค่ะ
เรามาชมห้องตัวอย่างกันค่ะ ห้องแรกเป็น 1 ห้องนอน ขนาด 29.75-30.25 ตารางเมตร มาใน Theme The Visionary เข้ามาจะเจอกับครัวที่เป็นสัดส่วน สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ การจัดผังให้ห้องครัวอยู่ด้านหน้ามีข้อดีตรงที่เวลาเราซื้อของทำกับข้าวหนักๆมา พอเข้าห้องก็สามารถเอาไปเก็บในตู้เย็นได้เลย โดยครัวแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ฝั่ง ขนาดเคาน์เตอร์ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบ 1-2 คน ทางฝั่งขวาเป็นโซนสำหรับเตรียมและทำอาหาร ส่วนทางฝั่งซ้ายเป็นตู้เย็นและซักล้างค่ะ ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่นั่งทานข้าว โดยสามารถปรับใช้เป็นพื้นที่ทำงานได้ด้วย ติดๆกันเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน สามารถชมวิวและรับแสงธรรมชาติได้ เนื่องจากตำแหน่งการวางเครื่องซักผ้าถูกจัดให้ไปอยู่ฝั่งหน้าห้องแล้ว เราจึงสามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่อีกทั้ง Condensing Unit ของแอร์ยังแขวนอยู่ด้านบนทำให้เวลาเรามองออกไปที่ระเบียงไม่มีอะไรมาบดบังวิวค่ะ ห้องนอนและห้องน้ำอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตัวห้อง กั้นผนังเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวดี มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าอยู่หน้าห้องน้ำ ส่วนห้องน้ำก็แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้เป็นสัดส่วน เวลาใช้งานต้องเดินผ่านห้องนอนเท่านั้น ซึ่งถ้าใช้งานเองก็ไม่เป็นไน แต่ถ้ามีแขกมาจะต้องเดินผ่านห้องนอนซึ่งถ้าเก็บห้องไม่เรียบร้อยหรือเรากำลังนอนอยู่ก็อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวหน่อยค่ะ
โครงการนี้ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบเลยตามในภาพ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะFix รูปแบบตามห้องที่เราเลือกนะคะ สำหรับห้องตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์จะไม่เหมือนกับของที่ได้จริงเป็นการตกแต่งเพื่อความสวยงามเฉยๆค่ะ
ประตูทางเข้าห้องเป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ครบ
Digital Door Lock เป็นของ igloohome ที่ใช้ได้ทั้งคีย์การ์ด กุญแจ รหัส และเชื่อมต่อผ่านทาง Application ที่สามารถเปิดประตูรับเพื่อน ด้วยการส่ง QR Code ที่กำหนดระยะเวลาได้
เข้ามาในห้องจะเจอกับครัวก่อนถัดมาจึงเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร นั่งเล่นและระเบียง อีกฝั่งของห้องเป็นห้องนอนและห้องน้ำ บรรยากาศในห้องนี้ค่อนข้างโปร่งเพราะได้รับแสงธรรมชาติจากประตูบานเลื่อนกระจกซึ่งเป็นช่องแสงที่มีขนาดกว้างพอสมควร ฝ้าเพดานห้องนี้สูง 2.60 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เราจะได้จะไม่เหมือนในห้องตัวอย่างนะ
พื้นที่หน้าห้องจัดเป็นครัวค่ะถึงแม้ว่าจะไม่ได้กั้นห้องเป็นครัวปิดแต่ก็เป็นสัดส่วนดี ถ้าใครอยากได้ครัวปิดจริงๆก็สามารถกั้นเพิ่มเองได้แต่ความโปร่งและความเชื่อมต่อกันของพื้นที่ใช้สอยก็จะน้อยลง เคาน์เตอร์ครัวแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งแบ่งการใช้งานออกเป็นทำอาหารเตรียมอาหารและซักล้าง
เคาน์เตอร์ครัวสามารถเปิดออกมาเก็บของได้ตามภาพ ลิ้นชักเป็นแบบ Soft-Close ทั้งหมด หน้าบานตู้เป็นลามิเนตสีน้ำเงินแบบนี้เลย Top เคาน์เตอร์เป็นกระเบื้อง Porcelain ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นกระเบื้องที่มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งแผ่น มีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อการขูดขีด และยังมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำเหมาะกับการใช้งานในครัว ส่วน Backsplash (ผนังกันเปื้อนด้านหลัง) ทางโครงการให้ด้วยค่ะเป็นกระเบื้องเซรามิค สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย เราไม่ต้องไปกรุเพิ่มนะ
อ่างล้างจานเป็นแบบหลุมเดียวของ MEX ติดตั้งมาพร้อมก๊อกทรงโค้งที่เหมาะกับการใช้งานในครัว
เตาไฟฟ้าเซรามิคแบบ 2 หัวของ MEX เช่นเดียวกันค่ะ
เครื่องดูดควันของ MEX ขนาด 60 ซม. พร้อมไฟส่องสว่างเป็นระบบแบบที่ดูดควันออกไปนอกโครงการค่ะ
ระหว่างเคาน์เตอร์ครัวทั้ง 2 ฝั่งมีระยะประมาณ 1.7 เมตร สามารถหมุนตัวหยิบจับสิ่งของทำครัวได้สะดวก พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม. เหมาะกับการใช้เป็นพื้นในครัวเพราะสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ระหว่างกระเบื้องกับพื้นไม้ลามิเนตมีการเก็บงานรอบต่อวัสดุด้วยเส้นสแตนเลสเป็นระเบียบเรียบร้อย
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าและตู้เย็นค่ะ
ฝั่งนี้ก็มีเคาน์เตอร์มาให้ โดยพื้นที่ด้านบนสามารถใช้วางของหรือเตรียมอาหารได้ วัสดุก็เหมือนๆกันค่ะ ด้านข้างเป็นตู้เปิดออกมาเก็บของได้อีกด้วย
ถัดมาจากครัวจะเป็นโต๊ะทานข้าวกับพื้นที่นั่งเล่นเรียงกันแบบนี้เลย
โต๊ะอาหารเป็นทรงยาวสามารถปรับใช้เป็นโต๊ะทำงานก็ได้ค่ะ ในห้องตัวอย่างจัดวางเก้าอี้มาแค่ตัวเดียว แต่ของจริงที่เราจะได้โต๊ะจะเป็นแบบขาโปร่งสามารถวางเก้าอี้ตรงด้านข้างได้อีกตัวหนึ่งค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีประมาณ 2.45 เมตร ซึ่งสามารถวางทีวีได้ขนาดประมาณ 52″-55″
ถัดจากพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นระเบียงค่ะ บริเวณนี้จะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียม นั่งมองวิวจากโซฟาได้
ระเบียงขนาดกว้างพอสมควรเลยและไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับเครื่องซักผ้าและCondensing Unit ของแอร์ จึงสามารถเอาเก้าอี้ออกมาวางได้แบบในห้องตัวอย่าง อีกฝั่งเป็นประตูทางออกมาที่ระเบียงจากในห้องนอนค่ะ โดยพื้นระเบียงนี้ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
พื้นระเบียงมีการลดระดับเพื่อความสะดวกในการซักล้างทำความสะอาด น้ำจะได้ไม่ไหลเข้าไปในห้อง และช่วยกันน้ำเวลาฝนตกหนักๆได้อีกด้วย
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.9 x 3.00 เมตรค่ะ กว้างทีเดียว
ห้องนี้ Condensing Unit ของแอร์จะถูกแขวนไว้ด้านบน แบบเป่าลมร้อนออกด้านนอกซึ่งมีข้อดีคือไม่บังวิวและไม่ร้อนเวลาเราออกมายืนใช้งานที่ระเบียง พร้อมทั้งมีระแนงบังตาให้เรียบร้อย ดูเป็นระเบียบ มีติดตั้งไฟมาให้ด้วย
อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นห้องนอนและห้องน้ำ กั้นผนังทึบเป็นสัดส่วน ในห้องจริงจะมีประตูมาให้ด้วยนะคะ
ห้องนอนวางเตียงได้ขนาด 5 ฟุตแล้วมีพื้นที่รอบเตียงเหลือสามารถเดินผ่านได้สบายๆ อีกทั้งยังมีหน้าต่างเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้อีกด้วย ห้องจริงผนังเป็นฉาบเรียบนะไม่ได้มีลูกเล่นแบบนี้
ข้างเตียงทางฝั่งซ้ายมีระยะเหลือประมาณ 70 ซม. ส่วนทางฝั่งขวามีระยะเหลือประมาณ 97 ซม. สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งชุดเล็กๆได้
ส่วนปลายเตียงถึงผนังมีระยะเหลือประมาณ 65 ซม.ค่ะ เดินผ่านได้สบายๆแต่ถ้าจะติดทีวีเพิ่มแนะนำให้แขวนบนผนังดีกว่าเพื่อประหยัดเนื้อที่
ห้องนี้ก็มีหน้าต่างมาให้ใช้เป็นช่องแสงและสามารถเปิดรับลมและระบายอากาศได้
หน้าต่างด้านข้างสามารถเปิดได้เป็นแบบบานกระทุ้ง
ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้าและทางไปห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้อยู่ในห้องนอนนะคะ เวลาใช้งานต้องเดินผ่านห้องนอนเข้ามาอาจจะเสียความเป็นส่วนตัวได้ แต่ในกรณีที่ใช้งานเองก็เดินเข้าห้องน้ำได้สะดวกค่ะ
ตู้เสื้อผ้าที่ได้ขนาดประมาณนี้แหละแต่รูปแบบไม่ใช่แบบนี้นะ
ในห้องน้ำแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกเป็นสัดส่วน สุขภัณฑ์ก็ได้ตามนี้เลยค่ะ พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนผนังเป็นกระเบื้องเซรามิค
ระหว่างพื้นห้องนอนและห้องน้ำจะมีธรณีหิมเทียมกันเพื่อกันน้ำไหลออกมาโดนส่วนอื่นๆ
อ่างล้างหน้าเป็นแบบที่มีเคาน์เตอร์อยู่ด้านล่างสามารถเปิดตู้ออกมาเก็บของได้
มีปลั๊กแบบกันน้ำมาให้ด้วยสำหรับสาวๆที่อยากจะไดร์ผม
กระจกเงาด้านหลังเป็นตู้เปิดออกมาเก็บของใช้เล็กๆน้อยพวกครีมทาผิวและอุปกรณ์อาบน้ำได้ สามารถเปิดไฟได้ด้วย โดยสวิตซ์จะอยู่ด้านใน
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler ค่ะ ทางโครงการไม่ได้ติดสายฉีดชำระมาให้นะ เราต้องหามาติดเองค่ะ
เนื่องจากพื้นที่อาบน้ำมีพื้นที่จำกัด ฉากกั้นจึงต้องทำออกมาเป็นประตูกระจกนิรภัยแบบ 3 ตอน เวลาเปิดเต็มบานจะทำให้มีช่องทางเดินเข้าออกมากขึ้น
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 90 x 86 ซม. ใช้งานได้สะดวกตามมาตรฐาน โดยจะมีธรณีกั้นกันน้ำไหลไปโดนส่วนแห้งด้วย
รอบๆพื้นที่อาบน้ำปูกระเบื้องมาให้แบบนี้ค่ะ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์มาให้ครบ ห้องจริงจะมีงานระบบสำหรับติดเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ด้วยนะคะ
ฝักบัวที่ทางโครงการให้มาของ Englefield
ด้านข้างฝักบัวมีช่องสำหรับเอาไว้วางของได้
สวิตซ์ของ Somfy เป็นแบบ Touch Screen ที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิดผ่าน Application ได้ และปลั๊กเป็นของ bticino ค่ะ
ห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 46.25 ตารางเมตร เข้าห้องมาจะเจอกับห้องนอนเล็กก่อน โดยห้องนี้สามารถปรับการใช้งานเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆตาม Lifestyle ได้ มีห้องน้ำรวมที่ใช้แชร์กันระหว่างห้องต่างๆอยู่ข้างๆหนึ่งห้อง ถัดมาเป็นพื้นที่ที่ใช้ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวประกอบด้วยครัว พื้นที่ทานข้าวและพื้นที่นั่งเล่น โดยครัวเป็นครัวเปิดเช่นเดียวกับห้องแบบ 1 ห้องนอน แต่ได้เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัวแอล ขนาดใหญ่ขึ้นเหมาะกับการทำอาหารทานเองง่ายๆหรือซื้อมาทานมากกว่า สำหรับพื้นที่วางโต๊ะทานข้าวอาจจะไม่ค่อยเป็นสัดส่วนเท่าไหร่นักเพราะอยู่ขวางทางเดินไปส่วนนั่งเล่น การวางเป็นโต๊ะกลมแบบในแปลนจึงประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียง ห้องนอนใหญ่อยู่ด้านในสุดกั้นผนังทึบเป็นสัดส่วนไปเลย ในห้องมีพื้นที่กว้างพอสำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง มีห้องน้ำในตัวค่ะ แต่ขนาดพื้นที่อาบน้ำจะเล็กกว่าห้องน้ำรวมนะ
โฉมหน้าของเหล่าเฟอร์นิเจอร์ห้อง 2 ห้องนอนค่ะ
เข้ามาในห้องทางฝั่งขวาคือห้องนอนเล็กและห้องน้ำ ถัดไปทางฝั่งซ้ายคือครัว พื้นที่ทานข้าว นั่งเล่นและห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวค่ะ วัสดุต่างๆเหมือนกับห้องแบบ 1 ห้องนอนนะ ห้องนี้ก็จัดออกมาดูโปร่งโล่งเช่นเดียวกันเพราะเป็นห้องหน้ากว้างและได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างด้วย
หน้าห้องเข้ามาจะเจอกับห้องน้ำและห้องนอนเล็กก่อนค่ะ
บริเวณหน้าห้องพอเปิดประตูเข้ามาก็จะมีตัวหยุดบานไม่ให้ไปชนกับผนัง เป็นแบบแม่เหล็กดูดค่ะ
ห้องนอนเล็กและห้องน้ำอยู่ข้างๆกันเลย เวลาอยากมาเข้าห้องน้ำก็สามารถเดินออกมาใช้ได้ง่าย
ภายในห้องนอนเล็กนั้นมีขนาด 2.55 x 2.86 เมตร ในห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องทำงานซึ่งถ้าเราจะจัดเป็นเตียงก็สามารถวางเตียงเล็ก 3.5 ฟุตชิดผนังฝั่งที่มีหน้าต่าง ส่วนผนังอีกด้านก็สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ
ภายในห้องน้ำรวมที่ต้องใช้แชร์กับห้องอื่นๆ การตกแต่งและวัสดุเหมือนกับห้องก่อนหน้าเลย แบ่งฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วน ทั้งอาบน้ำ โถสุขภัณฑ์ และ อ่างล้างหน้า
มีการลดระดับและมีธรณีกันน้ำไหลไปโดนส่วนอื่นๆเช่นเดียวกัน
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและสุขภัณฑ์ของ Kohler
มีฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยมาให้เช่นกันค่ะ ทำให้พื้นที่ส่วนเปียกเป็นสัดส่วนเวลาอาบน้ำ น้ำจะได้ไม่กระเด็นมาโดนส่วนอื่นๆ
พื้นที่อาบน้ำห้องนี้มีขนาดประมาณ 80 x 167 ซม. ถือว่ากว้างและสะดวกต่อการใช้งานทีเดียว พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ค่ะ
ติดตั้งฝักบัวมาให้พร้อม ถ้าห้องจริงจะมีเดินงานระบบเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ด้วย
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นส่วนไปยังครัว พื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหาร ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว
หน้าห้องจะเป็นครัวเลยค่ะ เป็นแบบครัวเปิดซึ่งเหมาะกับการทำอาหารแบบง่ายๆหรือซื้ออาหารเข้ามาทาน โดยเคาน์เตอร์จะเป็นแบบตัวแอลมีพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้นกว่าห้องแบบ 1 ห้องนอน
ครัวเปิดออกมาเก็บของได้ตามภาพ มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้าได้ ส่วนวัสดุจะเหมือนเดิมเลยคือหน้าบานลามิเนต Top เคาน์เตอร์เป็นกระเบื้อง Porcelain พร้อมผนังกันเปื้อนด้านหลัง
เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานของ MEX ค่ะ
วัสดุพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม. เหมาะกับการใช้งานในครัวเพราะสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
ถัดเข้ามาเป็นส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารและนั่งเล่นค่ะ อยู่ต่อเนื่องกันเลย
โต๊ะอาหารเป็นทรงกลมวางเข้ามุมได้ประมาณ 2 ที่นั่ง แต่แนะนำว่าควรวางชิดแบบนี้เลยหรือเลือกชุดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะอาจจะเกะกะทางเดินได้
พื้นที่นั่งเล่นวางโซฟาได้ประมาณ 2-3 ที่นั่ง มีระยะดูทีวีประมาณ 2.35 เมตร วางทีวีได้ขนาดประมาณ 52″-55″ ถัดไปเป็นประตูทางออกไปที่ระเบียงค่ะ
ประตูทางออกไปที่ระเบียงเป็นบานเปิดกระจก กรอบบานอลูมิเนียม
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 2.9 x 0.9 เมตร สามารถเอาชุดโต๊ะเก้าอี้ออกมาวางได้ เพราะไม้ต้องเสียพื้นที่ให้เครื่องซักผ้า แต่ห้องนี้ Condensing Unit ของแอร์จะไม่แขวนอยู่ด้านบนแล้ว แต่แขวนเรียงกันอยู่ด้านข้างเป่าลมร้อนออกนอกโครงการ พร้อมกับมีติดตั้งระแนงบังตามาให้เรียบร้อย
ด้านในสุดของห้องเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว ซึ่งมีการกั้นเป็นสัดส่วน
ห้องนี้บรรยากาศดูโปร่งและสามารถมองเห็นวิวได้เต็มที่เพราะมี Bay Window หรือกระจกแบบเข้ามุม
ซึ่งพื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งก็สามารถวางโต๊ะข้างเตียงชุดเล็กๆได้นะ
ปลายเตียงสามารถวางตู้วางทีวีได้นะ ในห้องตัวอย่างพอวางตู้แล้วจะมีระยะเหลือประมาณ 55 ซม. เดินผ่านได้สบายๆ
หน้าต่างแบบเข้ามุมค่ะ โดยจะมีบานที่สามารถเปิดได้แบบบานกระทุ้ง นอกนั้นเป็นบานติดตายทั้งหมด
อีกฝั่งของห้องเป็นห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าที่เราได้หน้าตาไม่ใช่แบบนี้นะคะ
บรรยากาศในห้องน้ำเหมือนเดิมเลยค่ะ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 July 2018
- TYPE 1B แบบ 1 ห้องนอน เนื้อที่ 30.25 ตร.ม. ราคา 6.45 ล้านบาท หรือ 213,355 บาท/ตร.ม.
- TYPE 2B แบบ 2 ห้องนอน เนื้อที่ 46.25 ตร.ม. ราคา 9.87 ล้านบาท หรือ 213,405 บาท/ตร.ม.
- TYPE 2B แบบ 2 ห้องนอน เนื้อที่ 57 ตร.ม. ราคา 9.01 ล้านบาท หรือ 158,211 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.6/2.8 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus
- จอง 1 ห้องนอน 30,000 บาท และ 2 ห้องนอน 50,000บาท
- ทำสัญญา 1 ห้องนอน 50,000/60,000 บาท และ 2 ห้องนอน 70,000/100,000 บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 69 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
XT เอกมัย เป็นแบรนด์ใหม่จากแสนสิริที่เปิดตัวพร้อมกัน 3 โครงการ พัฒนาออกมาในลักษณะของ Lifestyle Condominium ออกแบบมาในคอนเซ็ปต์ Extend your style ที่เราสามารถเลือกรูปแบบการอยู่อาศัยได้ตาม Lifestyle ที่แตกต่างกัน รองรับคนได้หลายกลุ่ม ทั้งพื้นที่ส่วนกลางที่ครบครนและรูปแบบห้องพักที่จัดมาให้หลากหลาย ทำออกมาให้ถึง 6 รูปแบบทั้ง The Fashionista The Master Chef The Naturalist The Party Goer The Snoozy Head และ The Visionary อีกทั้งยังมี Flexible Layout ที่สามารถเลือกรูปแบบห้องได้ด้วยตัวเองทั้งพื้นที่ห้องและเฟอร์นิเจอร์ โดยการวางผังถึงแม้ว่าจะมีหลายแบบแต่ก็ค่อนข้างลงตัว การจัด Zoning ของส่วนต่างๆในอาคารค่อนข้างดี
สาธารณูปโภค จัดมาให้หลากหลาย ชั้นล่างเป็น Lobby , Mail room , ห้องนิติบุคคลและโถงลิฟต์ มีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่งที่ชั้น 25 ส่วน Facilities อื่นๆจะถูกจัดเอาไว้ที่ชั้นดาดฟ้าเพื่อเปิดรับวิว ได้แก่ชั้น 37 มีสระว่ายน้ำโอลิมปิค 50 เมตร ,จุดชมวิว Sunken Seat , Theatre , Meeting Hub & Library และ ฟิตเนส มี Virtual Trainer ในห้อง Cycling Studio (คลาสปั่นจักรยาน) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฟิตเนสที่มีเทรนเนอร์อยู่ด้วยจริงๆ และยังมี ICAROS ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเกมส์และการออกกำลังกายเอาไว้ด้วยกัน ส่วนชั้น 38 เป็น The Bar & Lounge , Game Room และ Co-Living Area ส่วนด้านหลังสุดของที่ดินจะเป็นอาคารจอดรถ 9 ชั้น ซึ่งในชั้นดาดฟ้าจะมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่ง มีมุมนั่งเล่น และพื้นที่สำหรับทำสวน-ปลูกผัก และยังมี Outdoor Pavilion Gym ที่ร่วมมือกันพัฒนากับโรงพยาบาลสมิติเวชให้สามารถออกกำลังกายในรูปแบบที่แตกต่างๆได้ นอกจากนั้นยังสามารถใช้แชร์ Facilities กับ XT ในทำเลอื่นๆได้อีกด้วย
ทำเล ตั้งอยู่บนถนนเอกมัยระหว่างซอยเอกมัย9 และ ซอยเอกมัย 13 ฝั่งที่ค่อนไปทางถนนเพชรบุรีมากกว่า ทำเลนั้นอาจจะไม่อุดมสมบูรณ์เท่าช่วงที่ใกล้กับถนนสุขุมวิทแต่ก็เดินทางสะดวกอยู่ โดยทำเลเอกมัยนั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าขึ้นชื่อเรื่องสถานบันเทิง ร้านอาหารชิคๆ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจร้านค้า แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารอร่อย Hi-end มากมายเปิดทั้งกลางวันกลางคืน ในย่านนี้โดยส่วนใหญ่นิยมกินดื่มนอกบ้าน ดังนั้นย่านนี้จึงเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารชิคๆ มี Community Mall อย่าง Arena 10,The Commons, J Avenue, เวิ้งโบราณ รวมทั้งมีร้านกินดื่มและแหล่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์จำนวนมากในระยะเดินถึง และมีโรงเรียนนานาชาติอีกด้วย เรียกได้ว่าครบเลยค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากถนนเอกมัยเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี ซึ่งแม้ว่าจะเป็นที่รู้กันว่าถนนเส้นนี้รถติด แต่ก็ยังมีทางลัดให้เลี่ยงรถติดได้หลายทาง นอกจากนี้ยังมีทางลัดให้สามารถไปทองหล่อได้ เช่น ใช้ซอยทองหล่อ 20 (เอกมัย 21) หรือซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) และทางลัดไปยังถนนปรีดีย์ พนมยงค์ โดยใช้ซอยเอกมัย 28 หรือซอยเอกมัย 12 ก็ได้ค่ะ หากใครต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ และซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถพึ่งพาวินมอเตอร์ไซค์และรถกระป๊อได้สะดวกมากเนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนเอกมัยเลย ไม่ต้องเข้าไปในซอยย่อย นอกจากนี้ยังมีรถแท็กซี่ รถเมล์ วิ่งผ่านหน้าโครงการตลอดทั้งวัน โครงการอยู่ในระยะที่ไม่ได้ใกล้ BTS คือมีระยะประมาณ 1.5 กิโลเมตรจาก BTS เอกมัย แต่โครงการจะมี Shuttle Service รับส่งจึงสามารถใช้รถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้ค่ะ
วัสดุ ให้มาตามมาตรฐานค่อนข้างไปทางดี มีเฟอร์นิเจอร์ให้ครบแบบ Fully Furnished พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. พื้นครัวเป็นกระเบื้องเซรามิค เคาน์เตอร์ครัวหน้าบานตู้เป็นลามิเนตสีน้ำเงินแบบนี้เลย Top เคาน์เตอร์เป็นกระเบื้อง Porcelain ส่วน Backsplash (ผนังกันเปื้อนด้านหลัง) ทางโครงการให้ด้วยค่ะเป็นกระเบื้องเซรามิค เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างหน้าของ MEX สุขภัณฑ์จาก Kohler
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 185,000 บาท/ตร.ม., 18 July 2018
- ทำเล 7.5/10 – ตั้งอยู่บนถนนเอกมัย ฝั่งค่อนไปทางถนนเพชรบุรี เดินทางสะดวก
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ค่อนข้างสะดวก มีซอยลัดเลาะได้หลายเส้นทาง ไม่ไกลจากทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างจาก BTS เอกมัยประมาณ 1.5 กม. เรียกรถสาธารณะง่าย มี Shuttle Service รับส่ง
- วัสดุ 7.5/10 – ได้ตามมาตรฐานเหมาะกับการใช้งาน Fully Furnished เฟอร์ฯครบเลย
- แบบ 8.5/10 – แบบสวยน่าใช้งานโดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลาง บวกคะแนนความครีเอทในการคิดผังห้องที่มีหลายรูปแบบ
- สาธารณูปโภค 9/10 – ให้มาหลากหลายน่าใช้งาน สามารถแชร์กับโครงการทำเลอื่นๆได้และมี Sky Facilities
- LUXURY CLASS
- 7.78 / 10.00
BOTTOM LINE
XT เอกมัย เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านเอกมัยที่เดินทางสะดวก ต่อรถไป BTS ได้ เป็นคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง ชอบเข้าสังคม อยากได้ห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันตาม Lifestyle ได้ มีงบประมาณ 4.59 – 12 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 32,000 – 84,000 บาท/เดือน