รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ The Tree ดินแดง – ราชปรารภ คอนโด Low Rise ในซอยดินแดง 1 ใกล้สี่แยกดินแดง จาก พฤกษา [รีวิวฉบับที่ 2031]

29 มกราคม 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1641.… โครงการ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ คอนโดใหม่ล่าสุดจาก Pruksa เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนดินแดง ในซอยดินแดง 1 เดินทางสะดวกใกล้ BTS อนุสาวรีย์ ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช เน้นการใช้พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่สีเขียว มีห้องฟังก์ชันลงตัวหลากหลายขนาด เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์และคนชอบธรรมชาติ ในราคาน่าสนใจเริ่มต้นที่ 1.49 ล้านบาท

Fact @ 25 July 2018

  • The Tree Dindaeng – Ratchaprarop (เดอะ ทรี ดินแดง – ราชปรารภ)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซ.ดินแดง 1  แขวงดินแดง  เขตดินแดง
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 226 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 72 คันคิดเป็น 32% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 1-2-75.9 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ต.ค. 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. 2562
  • Studio 22.05 – 24.5 ตร.ม. จำนวน 49 ยูนิต
  • 1 Bedroom 23.1 – 34.3 ตร.ม. จำนวน 117 ยูนิต
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท*
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 92,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1793

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.762161, 100.547749

แผนที่จากทางโครงการครับ ตั้งอยู่ในซอยดินแดง 1 บนถนนดินแดง กรุงเทพฯ

มาดูแผนที่จริงกันครับ โครงการ The Tree ดินแดง – ราชปรารภ ตั้งอยู่ในซอยดินแดง 1 บนถนนดินแดง เป็นทำเลที่อยู่ระหว่างแยกใหญ่ๆ สำคัญอย่าง แยกพระราม 9 กับแยกสามเหลี่ยมดินแดงและอนุสาวรีย์ชัยฯ โดยอยู่ใกล้กับแยกดินแดงซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างถนนดินแดงกับถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่รู้จักในนาม “แฟลตดินแดง” โดยในปัจจุบันมี “โครงการฟื้นฟูชุมชนดินแดง” ทำให้คุณภาพชีวิตและสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยของคนในพื้นที่ให้ดีขึ้น โดยถนนดินแดงมีความสำคัญในการเชื่อมต่อถนนหลักสำคัญหลายสายทั้งถนนพระราม 9 ตัดกับถนนรัชดาภิเษกที่บริเวณแยกพระราม 9 สามารถใช้ไปยังลาดพร้าวหรือลัดเลาะไปยังถนนเลียบด่วนรามอินทราและไปลาดกระบังได้ หรือเชื่อมต่อกับถนนวิภาวดี-รังสิตที่บริเวณแยกดินแดง สามาถไปรังสิต-ปทุมธานี ดอนเมืองได้ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับถนนราชปรารภและถนนราชวิถีที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง โดยถนนราชปรารภเป็นถนนที่ตัดผ่านถนนจตุรทิศและถนนเพชรบุรี สามารถไปเพลินจิต สาทรได้ ส่วนถนนราชวิถีสามารถไปสะพานกรุงธน เพื่อใช้ข้ามไปฝั่งธนและผ่านอนุสาวรีย์ชัยฯ ที่สามารถใช้ถนนพหลโยธินขึ้นเหนือไปทางดอนเมือง-รังสิต หรือลงใต้มาทางพระราม 4 สุขุมวิทได้  ส่วนเรื่องทางด่วนต่างๆก็มีให้เลือกใช้หลายเส้นทาง สามารถเข้า – ออกเมืองได้ง่าย ถือเป็นทำเลที่สะดวกสำหรับคนใช้รถใช้ถนนมากเลยทีเดียว

เรื่องความอุดมสมบูรณ์ต้องเข้าใจก่อนว่าทำเลนี้เป็นชุมชนหนาแน่นที่มีมานาน และเป็นเส้นทางที่คนส่วนใหญ่ใช้เป็นทางผ่านเพื่อเข้า – ออกเมือง หรือไปขึ้นทางด่วนต่างๆมากกว่า โดยภายในถนนดินแดงซอย 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการนั้นจะไม่มีร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารคึกคักเหมือนตัวเมืองมากนัก จะมีก็แต่ร้านขายของชำเล็กๆ 1 – 2 ร้าน กับร้านอาหารตามสั่งและร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆอย่างละร้านที่หน้าปากซอยเท่านั้น หรือออกทางทางถนนดินแดงก็จะมีตลาดดินแดงอยู่ ดังนั้นความเจริญจริงๆจึงต้องไปแถวๆอนุสาวรีย์ชัยฯ แยกพญาไท และแยกพระราม 9 ซึ่งจะเห็นได้ว่าทำเลนี้อยู่ระหว่างกลางของแหล่งความเจริญต่างๆนั่นเอง

โดยอนุสาวรีย์ชัยฯนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นศูนย์รวมการคมนาคมที่คึกคักมากอีกแห่งหนึ่งของคนกรุงเทพฯ เป็นทั้งจุดต่อรถเมล์ วินรถตู้ต่างๆ และยังมีรถไฟฟ้า BTS ตั้งอยู่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีทั้งตลาด ห้าง Center One และโรงพยาบาลใหญ่ๆอย่างโรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี อีกด้วย ถัดมาอีกนิดบนถนนรางน้ำก็จะมีทั้งห้าง Century KingPower และร้านอาหารขวัญใจพนักงานออกฟิศในย่านนี้หลายร้านเลยทีเดียว โดยพนักงานออฟฟิศเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมาจากอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล แถวๆแยกพญาไทหรือถนนจตุรทิศ ได้แก่ อาคารวรรณสรณ์ อาคารสิริภิญโญ อาคารศรีอยุธยาโรงพญาบาลพญาไท 1 และโรงพญาบาลพญาไท 2 เป็นต้น

และความเจริญอีกจุดหนึ่งคือบริเวณแยกพระราม 9 ซึ่งจะมีห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานมากมายอยู่ตลอดสองข้างทางของถนนรัชดาภิเษก โดยทำเลนี้ถือเป็น New CBD ใหม่ที่สำคัญของย่านนี้เลยทีเดียว ประกอบด้วยห้าง Central พระราม 9 , ห้าง Fortune Town , Tesco Lotus , อาคารสำนักงาน G Tower , อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือเลยไปอีกหน่อยก็จะมีทั้ง The Street , Esplanade , ตลาดรถไฟ และตลาดห้วยขวางอีกด้วย

ตัวโครงการตั้งอยู่ภายในซอยดินแดง 1 โดยอยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ประมาณ 150 m. และจะมีวินมอไซค์อยู่บริเวณหน้าปากซอย ซึ่งมีระยะห่างจากตัวโครงการประมาณ 140 m.

นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลอีกด้วย มีทั้ง BTS สายสีเขียว (หมอชิต – สำโรง) , Airport Link (พญาไท – สนามบินสุวรรณภูมิ) , MRT (บางซื่อ – หัวลำโพง) รวมถึงจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน – สุวินทวงศ์) เกิดขึ้นใกล้ๆในอนาคตอีกด้วย ซึ่งตามกำหนดการนั้นมีแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ ตุลาคม 2565 และจะเปิดใช้บริการภายในปี 2566

โดยสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดที่เปิดให้บริการในปัจจุบันคือ BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.2 km. และถ้ารถไฟฟ้าสายสีส้มก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีสถานีที่ใกล้คือ สถานีดินแดง บนถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1 km.

การเดินทางด้วยรถยนต์นับว่าสะดวกเลยทีเดียว เพราะเป็นทำเลที่ใกล้ทางด่วนหลายสายทำให้สามารถเข้า – ออกเมืองได้ง่าย โดยมีจุดขึ้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ

  • เส้นทางสีเหลือง มีจุดขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์อยู่ที่ถนนวิภาวดี – รังสิต สามารถใช้มุ่งหน้าไปดอนเมือง รังสิต ปทุมธานีได้ โดยมีระยะทางประมาณ 1.7 km.
  • เส้นทางสีส้ม มีจุดขึ้นทางด่วนศรีรัชที่ถนนพหลโยธิน สามาถใช้มุ่งหน้าไปปากเกร็ด สาทร หรือไปลาดกระบังได้ โดยมีระยะทางประมาณ 2 km.

ส่วนจุดลงทางด่วนนั้นก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันมาก โดยมีจุดลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ

  • เส้นทางสีฟ้า เป็นจุดลงทางพิเศษเฉลิมมหานคร บนถนนวิภาวดี – รังสิต เป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุดโดยวิ่งตรงมาอย่างเดียวผ่านแยกดินแดงมาแล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยได้เลย โดยมีระยะทางประมาณ 1.6 km.
  • เส้นทางสีน้ำเงิน เป็นจุดลงทางด่วนศรีรัช ซึ่งจะต้องไปกลับรถใต้ทางด่วนอีกทีแล้วขับมาตามถนนราชวิถี ลงอุโมงค์เพื่อข้ามแยกดินแดงมาออกที่ถนนดินแดงแล้วจึงกลับรถเพื่อมาเข้าซอยดินแดง 1 โดยมีระยะทางประมาณ 1.8 km.

สำหรับการเดินทางในวันนี้เราเริ่มต้นกันที่ถนนพหลโยธิน ขับรถมุ่งหน้าเข้าเมืองมาทางอนุสาวรีย์ชัยฯ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนราชวิถีมุ่งหน้าไปทางดินแดงประมาณ 450 m. ผ่านแยกสามเหลี่ยมดินแดงมาประมาณ 350 m. จะเจอกับ Sale Gallery ของโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งต้องขอบอกไว้ก่อนว่า Sale Gallery จะตั้งอยู่คนละที่กับที่ตั้งโครงการนะครับ แต่เดี๋ยวเราจะพาไปดูกันต่อหลังจากแวะสำนักงานขายกันเสร็จ

เริ่มต้นบนถนนพหลโยธิน ขับรถมุ่งหน้าเข้าเมืองไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯตรงไปเรื่อยๆ

เมื่อถึงแยกอนุสาวรีย์ชัยฯ ให้ชิดซ้ายแล้วเบี่ยงไปทางซ้ายเพื่อไปทางถนนดินแดงครับ

ขับตรงไปเรื่อยๆ มาประมาณ 450 m. แล้วขับผ่านแยกสามเหลี่ยมดินแดงไปอีก

ขับตรงมาประมาณ 350 m. มีจุดสังเกตว่าใกล้ถึง Sale Gallery แล้วคือเราจะขับผ่านสำนักงาน ปปส. ทางซ้ายมือ และขับตรงมาอีกนิดจะมีเซเว่นและสะพานลอย ให้ชะลอรถแล้วชิดซ้ายได้เลยครับ

เมื่อขับเลยสะพานลอยมานิดเดียวให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยบุญอยู่ได้เลยครับ โดยตึกสีแดงหน้าปากซอยคือ Sale Gallery ของโครงการนั่นเอง

เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยบุญอยู่แค่นิดเดียวจะเห็นป้ายทางเข้าที่จอดรถด้านหลังของสำนักงานขาย ให้เลี้ยวรถเข้าไปจอดได้เลยครับ

ส่วนต่อไปเราจะเดินทางไปยังที่ตั้งของโครงการกันต่อ จากสำนักงานขายให้เราขับรถไปบนถนนดินแดงผ่านแยกดินแดงมาประมาณ 800 m. แล้วกลับรถ จากนั้นขับย้อนกลับมาประมาณ 680 m. แล้วจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนดินแดงซอย 1 ซึ่งอยู่ก่อนถึงแยกดินแดง จากนั้นให้ขับรถตรงเข้ามาในซอยอีกประมาณ 150 m. จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือ

ต่อจากหน้า Sale Gallery เมื่อสักครู่เราจะวิ่งชิดขวาตามป้ายประชาสงเคราะห์เพื่อลงอุโมงค์ลอดใต้แยกดินแดงไปครับ

เมื่อออกมาจากอุโมงค์ ให้เราเบี่ยงออกซ้ายไปตามป้าย รัชดาภิเษก เพื่อเลี่ยงการขึ้นสะพานลอยข้ามแยกโบสถ์แม่พระเพื่อไปกลับรถใต้สะพาน

กลับรถเพื่อไปเข้าซอยดินแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามครับ

เมื่อกลับรถมาแล้วให้ชิดซ้ายแล้วขับตรงต่อมาประมาณ 680 m. จะเจอกับดินแดงซอย 1 ทางซ้ายมือ มีจุดสังเกตคือสัญญาณไฟจราจรและอาคารสูงทางขวามือซึ่งเป็นแฟลตดินแดงใหม่นั่นเอง

เมื่อถึงตรงสัญญาณไฟจราจรแล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนดินแดงซอย 1 ได้เลย

เมื่อเลี้ยวเข้ามาแล้วให้ขับตรงเข้าไปอีก สังเกตบริเวณหน้าปากซอยจะมีวินมอไซค์คอยให้บริการอยู่ด้วยครับ

เมื่อขับเข้ามาประมาณ 150 m. จะพบกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือซึ่งมีการล้อมรั้วเมทัลชีทกันแล้วเรียบร้อย

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการจะเห็นได้ว่าเต็มไปด้วยชุมชนและบ้านพักอาศัย โดยจะมีอาคารสูง 3 – 4 ชั้น และทางด้านหลังติดทางด่วนเฉลิมมหานคร สามารถสรุปได้ ดังนี้

  • ด้านทิศเหนือ ติดกับ อาคารตึกแถวสูง 3 ชั้น

  • ด้านทิศใต้ ติดกับ อาคารร้างสูง 4 ชั้น

  • ด้านทิศตะวันออก ติดกับ ถนนดินแดงซอย 1 เป็นทางเข้าหลักโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น

  • ด้านทิศตะวันตก ติดกับ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ซึ่งเป็นทางยกระดับ และมีถนนอยู่ใต้ทางด่วน

เรามาลองเดินดูรอบๆโครงการกันต่อเลยครับ ด้านหน้าที่ตั้งโครงการกำลังมีการล้อมรั้วเมทัลชีทกันอยู่ ทำให้มองเห็นด้านหลังโครงการจะเป็นทางด่วนยกระดับเฉลิมมหานครซึ่งมีความสูงเทียบเท่าประมาณตึก 2 – 3 ชั้น

เรามาดูทางด้านซ้ายกันก่อน ซอยโครงการเป็นถนนดินแดงซอย 1 มีความกว้างประมาณ 2 เลน ซึ่งเป็นซอยชุมชน

ติดกับรั้วโครงการทางด้านซ้ายเป็นอาคารร้างที่ก่อสร้างไม่เสร็จสูง 4 ชั้น

ถัดจากตึกร้างเป็นบ้านสูง 2 ชั้น และอพาร์ทเม้นท์สูง 4 ชั้น

มองย้อนกลับมาทางหน้าปากซอย ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้นยาวตลอดแนว

ที่ใต้ตึกแถวหน้าโครงการมีจุดบริการตู้ซักผ้าหยอดเหรียญเล็กๆของชาวบ้านอยู่ด้วยนะ

กลับมาที่หน้าโครงการอีกครั้ง คราวนี้เราจะไปดูทางด้านขวากันบ้าง ติดกับรั้วด้านขวาของโครงการก็เป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น

ฝั่งตรงข้ามด้านหน้าโครงการเลยมีร้านขายของชำเล็กๆอยู่ด้วย

เดินต่อมาก็ยังคงเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้นยาวตลอดแนวเช่นเคย ใต้ตึกหนึ่งมีร้านตัดผมเล็กๆอยู่

สถาพแวดล้อมของตึกแถวในย่านนี้ก็จะประมาณนี้ เป็นอาคารตึกแถวที่ประกอบธุรกิจขายส่งหรือตัดเย็บเสื้อผ้าสิ่งทอต่างๆ และหน้าปากซอยจะมีร้านขายของชำและร้านอาหารเล็กๆอีก 1 ร้าน

หันกลับมามองฝั่งเดียวกับโครงการมีร้านก๋วยเตียวเล็กๆอีก 1 ร้าน ขอบอกว่าก๋วยเตี๋ยวต้มยำอร่อยมากไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย ถูกปากผู้เขียนมากๆครับ

เมื่อมาถึงหน้าปากซอยจะเป็นทางแยก ถ้าไปทางขวาจะออกสู่ถนนหลักดินแดง แต่ถ้าไปทางขวาจะเป็นทางไปชุมชนดินแดง(แฟลตดินแดง)ได้ครับ

และที่หน้าปากซอยนี้จะมีวินมอไซค์อยู่ด้วย พี่วินใจดีฝากบอกให้คนที่ซื้อคอนโดนี้มาใช้บริการกันได้เยอะๆเลยจ้า อัตราค่าบริการตามนี้ เส้นทางที่ใช้บ่อยสุดน่าจะเป็น BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ ราคา 40 บาท

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น 800 m.
  • สวนสันติภาพ 1.1 km.
  • อนุสาวรีย์ชัยฯ 1.4 km.
  • Center One 1.4 km.
  • รร.แม่พระฟาติมา 1.6 km.
  • King Power รางน้ำ 1.6 km.
  • โรงพยาบาลราชวิถี 1.7 km.
  • Century Mall 1.8 km.
  • โรงพยาบาลพญาไท 1 2.2 km.
  • โรงพยาบาลพญาไท 2 2.2 km.
  • โรงพยาบาลพระมงกุฏ 2.3 km.
  • อาคารวรรณสรณ์ 2.3 km.
  • อาคารสิริภิญโญ 2.4 km.
  • Fortune town 2.5 km.
  • ททบ. 5 3.1 km.
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 3.4 km.
  • กระทรวงแรงงานฯ 3.6 km.
  • ม.หอการค้า 3.6 km.
  • Esplanade 3.7 km.
  • ห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ 4.3 km.
  • Central Rama 9 4.4 km.
  • G Land Tower 4.4 km.
  • Siam Paragon 4.6 km.
  • ตลาดประตูน้ำ 4.6 km.
  • Platinum Fashion mall 4.7 km.
  • Central World 5.1 km.
  • รร.สุรศักดิ์มนตรี 5.2 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูภาพรวมของโครงการกันครับ โครงการ The Tree ดินแดง – ราชปรารภ เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 226 ยูนิต บนที่ดินขนาด 1-2-75.9 ไร่ ออกแบบด้วยแนวคิด “นวัตกรรมคู่ธรรมชาติ” เน้นการใช้พื้นที่ส่วนกลางที่จัดแบบ Forestry คือร้ายล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีทั้งสวนพักผ่อนที่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง และสวนแนวตั้งที่อยู่ตาม Facade อาคาร ทำให้รู้สึกร่มรื่นมากขึ้น มีการจัดวางฟังก์ชันอย่างเป็นสัดส่วน ออกแบบให้อาคารมีลักษณะตัว U โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเพื่อสร้างบรรยากาศภายในให้มีความน่าอยู่มากยิ่งขึ้น เพิ่มความน่าสนใจและความโดดเด่นด้วยสีแดงอิฐและเทา

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณโถง Black Forestry Lobby ออกแบบด้วยโทนสีเข้ม พื้น Black Forestry Lobby เป็นหินอ่อน Black Forest พื้นหินสีดำ เส้นแร่สีเทา ทำให้ดูหรูหราและโปร่งโล่งด้วยฝ้าเพดานสูง Double Volume ผนังด้านหนึ่งเป็นผนังกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ช่วยถึงแสงธรรมชาติและสามารถ Take View สวนภายนอกได้ มีชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนอยู่ทางด้านซ้าย และมีโถงลิฟต์อยู่ทางด้านขวา

จุดเด่นของโครงการคือพื้นที่ส่วนกลางบริเวณชั้น 2 ที่ถูกโอบล้อมด้วยอาคารพักอาศัยทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวและช่วยสร้างบรรยากาศวิวทิวทัศน์ที่ดีให้กับภายในโครงการ โดยจัดให้มีต้นไม้และที่นั่งเล่นอยู่ล้อมรอบสระว่ายน้ำทำให้ได้บรรยากาศที่ร่มรื่นเหมือนแนวความคิดแบบ Foresty ของโครงการ และมีจุดไว้เล่นสนุกแปลกๆที่ทางโครงการจัดมาช่วยเพิ่มสีสันให้ได้เล่นสนุกกันเช่น จุดนั่งเล่นแบบ Forestry Retreat Seat ซึ่งเป็นที่นั่งแบบตาข่ายบนพื้นชั้นสองที่มองลงไปทะลุพื้นด้านล่างให้ได้นั่งเล่นแบบตื่นเต้น  หรือจะเป็นสวนตรงกลางชั้น 1 ยังมีเก้าอี้ชิงช้าที่สามารถเลื่อนไปตามราวไม้ด้านบนอีกด้วย

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Black Marble Lift Hall โถงลิฟต์ของอาคารบริเวณชั้น 2 โดยรอบพื้นและผนังปูด้วยหินอ่อน Black Forest มีช่องหน้าต่างกระจกให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับ Facilities ภายนอกและรู้สึกโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น พื้นและผนังเป็นกระเบื้องโทนสีเข้มเช่นเดียวกับ Black Forestry Lobby ให้ความรู้สึกเท่และเรียบหรู

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Forestry Working Space & Acoustical Study Room ภายในจัดให้มีพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่นั่งทำงานหลายจุด มีทั้งแบบโซฟาและโต๊ะเก้าอี้ รวมถึงมีห้องเล็กๆที่กั้นด้วยผนังกระจก สามารถใช้นั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือประชุมแบบต้องการสมาธิซึ่งได้ความเป็นส่วนตัวดี ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกที่ Take View ภายนอกไปยังสวนและสระว่ายน้ำด้านนอกในชั้นเดียวกัน ทำให้สดชื่นและโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Forestry Fitness ตกแต่งสไตล์เรียบหรูสอดคล้องกับพื้นที่อื่นๆของโครงการ มีเครื่องออกกำลังกายหลายชิ้นและมีผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกทำให้ Take View ไปยังสวนและสระว่ายน้ำภายนอกได้เหมือนกับห้อง Forestry Working Space ทำให้สามารถออกกำลังกายไปด้วยและมองวิวภายนอกไปได้ด้วยจะได้ไม่น่าเบื่อหรืออึดอัด

ภาพบรรยากาศจำลองห้อง Acoustical Multi-purpose Room ซึ่งภายในจะจัดเป็นชุดโซฟาและทีวีเอาไว้สำหรับใช้เป็นห้องอเนกประสงค์เช่น นัด Meetting ดูหนัง ร้องคาราโอเกะ จัดปาร์ตี้ หรือเป็นห้องประชุมส่วนตัวแบบไม่เป็นทางการก็ได้

เรามาดูโมเดลจริงกันครับ โครงการ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร มีการจัดวางผังอาคารเป็นรูปตัว U ด้านหน้าติดถนนดินแดงซอย 1 มีทางเข้าออก 1 ทางเยื้องไปทางซ้ายเพื่อง่ายต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น ทางด้านซ้ายเป็นอาคารร้างสูง 4 ชั้น ส่วนทางด้านขวาเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น รั้วด้านหน้าอาคารมีการปลูกแนวต้นไม้เพื่อเพิ่มความร่มรื่นและช่วยพรางสายตาจากบุคคลภายนอก ทำให้ชั้นด้านล่างของอาคารมีความเป็น่วนตัวมากขึ้น ตัวอาคารใช้สีเทาเข้มแบบโมเดิร์นตัดกับสีแดงเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับโครงการได้ดี

ทางเข้า – ออก มี 1 จุดทางด้านหน้า ทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยแบ่งออกเป็นทางเข้าออกรถยนต์และทางคนเดินออกจากกันเพื่อความปลอดภัย โดยทางเข้าออกรถยนต์จะมีไม้กระดกกั้น เข้าออกด้วยระบบ Easy pass และระบบ Urban Forestry Living Assistance หรือระบบผ่านประตู Access Control ซึ่งจะมีเครื่องแจ้งสถานะจำนวนที่จอดรถเหมือนกับในห้างสรรพสินค้าเลยครับ

มาดูโมเดลทางด้านหลังกันบ้าง ซึ่งที่ดินของโครงการจะอยู่ติดทางด่วนยกระดับเฉลิมมหานคร ซึ่งมีความสูงประมาณตึก 2 – 3 ชั้น โดยทางโครงการได้จัดวาง Facilities ไว้ตรงกลางและมี Acoustical Forestry Wall หรือ Green Wall ช่วยบังสายตาจากคนที่ใช้ทางด่วนได้ ทำให้พื้นที่ส่วนกลางมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แต่ในเรื่องของการช่วยป้องกันฝุ่นและเสียงจากทางด่วนนั้นทางผู้รีวิวยังไม่ขอคอนเฟิร์มว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน เพราะยังไม่แน่ใจในเรื่องของโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ ต้องรอดูของจริงกันอีกทีนะครับ ส่วนการจัดวางอาคารก็ทำได้ดี โดยเอาส่วนด้านแคบหรือส่วนด้านทึบของอาคารหันเข้าหาทางด่วนแทน แล้วหันส่วนของห้องพักอาศัยส่วนใหญ่เข้าหาพื้นที่ส่วนกลางแทนซึ่งได้จัดบรรยากาศสวนและสระ ได้วิวทิวทัศน์ภายในโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการอยู่บริเวณชั้น 2 ถูกโอบล้อมไปด้วยอาคารรูปตัว U และเชื่อมต่อกับชั้น 2 ของอาคารด้วยสะพานเล็กๆ ออกแบบด้วยแนวติด Foresty คือจัดเป็นสวนต้นไม้และที่นั่งเล่นอยู่โดยรอบสระว่ายน้ำเต็มพื้นที่ส่วนกลางทำให้มีความร่มรื่นดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น  รวมถึงมี Forestry Working Space และ Forestry Fitness อยู่ภายในซึ่งเป็นผนังกระจกสามารถ Take View ภายนอกมายังพื้นที่ส่วนกลางได้

และอีก 1 จุดเด่นของโครงการคือ Facade ที่จัดให้มีกระถางต้นไม้และต้นไม้ทรงสูง ทำให้ได้พื้นที่สวนแนวตั้งและมีความร่มรื่นใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น โดยสวนในส่วนนี้จะเป็นของส่วนกลางที่ดูแลโดยโครงการไม่ได้เป็นพื้นที่ขายและไม่มีผลต่อราคาห้องแต่อย่างใด ซึ่งถ้าใครชอบหรืออยากมีสวนที่ระเบียงอยู่แล้วก็เหมาะที่จะเลือกห้องที่มีสวนนี้อยู่ที่ระเบียงได้เลยครับ

มาดู Master Plan กันต่อครับ ที่ชั้นล่างจะเป็นชั้นจอดรถทั้งหมด มีทางเข้า – ออก 1 ทาง สามารถจอดรถได้ประมาณ 72 คันคิดเป็น 32% ไม่รวมจอดซ้อนคัน และเดินรถทางเดียวตามเข็มนาฬิกาวนรอบสวนและ Black Forestry Lobby ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งถ้าใครต้องการจะ Drop – off หรือรับ – ส่ง คนที่ Black Forestry Lobby ก็จะต้องเข้าไปวนด้านในก่อนนะ สวนตรงกลางเป็น Tree Hanging คือเป็นเก้าอี้ชิงช้าที่สามารถเลื่อนไปตามรางได้ และมี Smart Locker ซึ่งมีข้อดีคือสามารถรับ – ฝากของได้โดยไม่ต้องเจอปัญหาเวลามาติดต่อนอกเวลาทำการของนิติบุคคลแล้วไม่เจอนั่นเอง

แปลนชั้น 2 เป็นชั้นที่มีทั้งห้องพักอาศัยและ Facilities หลักของโครงการ โดยมีการแบ่งแยกการเข้า – ออกโซนพักอาศัยกับโซนพื้นที่ส่วนกลางออกจากกันด้วยระบบ Key Card Access อีกชั้นหนึ่ง ตัวอาคารเป็นอาคารรูปตัว U วางโถงลิฟต์และส่วนงานระบบเอาไว้ค่อนไปทางซ้ายของอาคาร มีบันไดหนีไฟ 3 ตำแหน่ง และมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว โดยมีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคารอยู่ที่ 113:1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมากครับ

เมื่อออกมาจากลิฟต์จะเป็นโถงที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางที่แยกออกเป็นภายในและภายนอกอาคาร เริ่มจากส่วนกลางภายในประกอบด้วยห้อง Acoustical Multi-purpose Room ซึ่งเป็นห้องอเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆของลูกบ้านได้ ต่อมาเป็นพื้นที่ Forestry Working Space & Acoustical Study Room ที่มีห้องน้ำในตัวแยกชาย – หญิงให้เรียบร้อย ภายในมีชุดโต๊ะ เก้าอี้ และโซฟาสำหรับนั่งทำงานหลายจุด รวมถึงมีการกั้นห้องแยกเป็นห้องเล็กๆที่ใช้ทำงานหรือการประชุมที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและต้องการความเงียบสงบได้

และด้านในสุดเป็นห้อง Forestry Fitness ซึ่งการจะเข้ามายังห้องนี้ได้นั้นจะต้องเดินผ่านส่วน Forestry Working Space & Acoustical Study Room มาก่อน ทำให้เกิดการเชื่อมต่อและสร้างบรรยากาศที่คึกคักในการทำงานหรืออกกำลังกายได้ดี แต่ถ้าใครต้องการใช้สมาธิทำงานแบบเป็นส่วนตัวก็มีห้องแยกให้ทำงานเหมือนที่ได้บอกไปแล้วอีกด้วย ส่วน Facilities ภายนอกจะเชื่อมต่อกับโถงลิฟต์ชั้น 2 ด้วยสะพานเล็กๆ ภายนอกมีสระว่ายน้ำและสวนที่มีพื้นที่นั่งพักผ่อนโดยรอบช่วยสร้างความร่มรื่นและบรรยากาศที่ดีให้กับภายในโครงการ

ต่อมาเป็นโซนพักอาศัยที่กั้นด้วยประตู Key Card Access อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งชั้นนี้มีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 28 ยูนิต โดยรูปแบบห้องในชั้นนี้ประกอบไปด้วย

  • Studio : 22.05 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
  • Studio : 22.60 – 22.75 ตารางเมตร จำนวน 5 ห้อง
  • Studio : 24.45 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 23 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 25.80 – 28.30 ตารางเมตร จำนวน 18 ห้อง
  • 1 Bedroom : 34.25 ตารางเมตร จำนวน 2 ห้อง

ต่อมาเป็นแปลนชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor และวางอาคารเป็นรูปตัว U โดยห้องที่มีวิวดีที่สุดจะเป็นห้องที่หันเข้าสู่ด้านในของโครงการซึ่งจะมองเห็นพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำส่วนกลางได้ และยังมีการนำบันไดหนีไฟมาไว้ในส่วนปลายของอาคารและหันด้านข้างในส่วนที่แคบที่สุดและไม่มีระเบียงห้องออกไปทางฝั่งทางด่วน

การจัดวางห้องพักตั้งแต่ชั้น 3 – 8 จะเหมือนกันหมดทุกชั้น แต่จะมีจุดที่แตกต่างกันคือระเบียงต้นไม้ภายนอกซึ่งในแต่ละชั้นจะอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน และต้นไม้บริเวณปลายทางเดินของแต่ละชั้นซึ่งจะมีตำแหน่งที่สลับกันไปได้แก่ชั้น 3 , 5  และ 7 โดยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไปจะมีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 33 ยูนิต โดยรูปแบบห้องในชั้นนี้ประกอบไปด้วย

  • Studio : 22.05 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
  • Studio : 22.60 – 22.75 ตารางเมตร จำนวน 5 ห้อง
  • Studio : 24.45 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 23 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
  • 1 Bedroom : 25.80 – 28.30 ตารางเมตร จำนวน 23 ห้อง
  • 1 Bedroom : 34.25 ตารางเมตร จำนวน 2 ห้อง

ส่วนห้องพักในชั้นอื่นๆจะมีจำนวนยูนิตและตำแหน่งห้องพักเหมือนกัน แต่จะมีตำแหน่งระเบียงต้นไม้ที่ต่างกันออกไปดังนี้ครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1 : Main Building

  • Black Forestry Lobby (โถงต้อนรับ)
  • Tree Hanging (โซนพักผ่อน)
  • Smart Locker (สมาร์ท ล็อคเกอร์)
  • Mail Box Zone (ห้องตู้จดหมาย)

ชั้น 2 : Acoustical Forestry Yard ประกอบด้วยส่วนกลาง

  • Forestry Working Bar (โซนพักผ่อน)
  • Forestry Sunken Seat (โซนพักผ่อนบริเวณสระว่ายน้ำ)
  • Forestry Retreat Seat (โซนพักผ่อน)
  • Forestry Bridge (สะพานทางเชื่อมส่วนกลาง)
  • Acoustical Forestry Wall (กรีนวอลล์)
  • Acoustical Fountain (น้ำพุล้น)
  • Forestry Swimming Pool (สระว่ายน้ำ)
  • Forestry Fitness (ห้องฟิตเนส)
  • Forestry Working Space & Acoustical Study Room (โซนอเนกประสงค์และห้องอนกประสงค์)
  • Black Marble Lift Hall (โถงลิฟต์)
  • Acoustical Multi-purpose Room (ห้องอเนกประสงค์)
  • Wi-fi ที่พื้นที่ส่วนกลาง
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 113:  1
  • ที่จอดรถประมาณ 72 คันคิดเป็น 32% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card ใช้ร่วมกับระบบ Bluetooth  access
  • ระบบผ่านเข้าออกโครงการ Urban Forestry Living Assistance (ระบบผ่านประตู Access Control, เครื่องแจ้งสถานะจำนวนที่จอดรถ, สมาร์ท ล็อคเกอร์)


Product Walkthrough

สำหรับแบบห้องของโครงการนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ คือ Studio และ 1 Bedroom ขายแบบ Fully Fitted คือมีให้เฟอร์นิเจอร์และงาน Drop ฝ้าให้บางส่วน ซึ่งห้องพักจะมีให้เลือกดังนี้

  • Studio ขนาดพื้นที่ใช้สอย 22.05 ตารางเมตร
  • Studio ขนาดพื้นที่ใช้สอย 22.60 – 22.75 ตารางเมตร
  • Studio ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.45 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25.80 – 28.30 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.25 ตารางเมตร

โดยทางโครงการมีห้องตัวอย่างให้ดู 1 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.25 ตารางเมตรครับ

มาดูห้องตัวอย่างกันครับ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.25 ตารางเมตร เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการและมีการแบ่งฟังก์ชันอย่างเป็นสัดส่วน เมื่อเข้ามาภายในจะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น และได้ห้องนอนซึ่งกั้นด้วยผนังทึบทำให้ได้พื้นที่ที่เป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้องโดยยังคงมีพื้นที่โดยรอบเหลือสามารถใช้งานและเดินผ่านได้สะดวก พื้นที่ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าและมีที่เหลือสามารถวางชั้นวางทีวีปลายเตียงได้ ผนังด้านหนึ่งมีหน้าต่างช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่ง สามารถเปิดระบายอากาศได้ ส่วนห้องครัวสามารถเข้าได้จากห้องนั่งเล่นซึ่งถูกกั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อนทำให้ได้พื้นที่ครัวปิดและยังมีพื้นที่เชื่อมต่อกับระเบียงที่สามารถเปิดออกไปใช้งานและเปิดระบายอากาศได้ ห้องนี้จึงเหมาะกับการทำอาหารหนักๆหรือทำอาหารได้จริงจัง และยังมีพื้นที่สามารถวางโต๊ะทานข้าวได้ด้วย ส่วนห้องน้ำสามารถเข้าได้จากทางห้องครัว มีการแยกพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ภายในมีสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งาน

เริ่มต้นเมื่อเข้ามาภายในห้องจะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น และมีประตูเชื่อมต่อไปยังส่วนอื่นๆของห้องทำให้ฟังก์ชันแต่ละส่วนมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น ผนังของจริงจะเป็นฉาบเรียบฉาบเรียบทาสี มีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.5 m. และปูพื้นด้วยลามิเนตลายไม้สีธรรมชาติ

สามารถวางโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งไว้ทางฝั่งขวา และผนังด้านหลังจะได้เป็นฉาบเรียบทาสีไม่ได้ Built มาให้แบบนี้ ทำให้สามารถขยับโซฟาไปด้านหลังได้อีกประมาณ 40 cm. ทำให้ห้องดูมีปริมาตรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและได้ระยะทีวีเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย

โดยระยะดูทีวีเมื่อรวมกับพื้นที่ตู้ Built in ด้านหลังโซฟาแล้วจะมีระยะประมาณ 3.4 m. สามารถเลือกใช้ทีวีขนาด 46 – 50 นิ้วได้

ส่วนฝั่งตรงข้ามโซฟาทางโครงการได้จัดเป็นชั้นวางทีวีและชุดโต๊ะอเนกประสงค์มาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ของจริงเราจะไม่ได้แบบนี้นะ จะเป็นพื้นที่โล่งๆเอาไว้ให้ จะเห็นได้ว่ายังมีพื้นที่เหลืออีกค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าให้ Built เป็นตู้เก็บของและตู้รองเท้าเพิ่มเติมเพื่อใช้พื้นที่แนวตั้งให้เกิดประโยชน์มากที่สุดครับ

ส่วนฝ้าเพดานด้านบนจะได้เป็นฉาบเรียบทาสี มีไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 จุด พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยมาให้อีก 1 จุด และมีการ Drop ฝ้าให้บริเวณเหนือเครื่องปรับอากาศยาวตลอดแนว เพื่อไว้สำหรับเดินงานระบบด้านบน และมีการซ่อนไฟให้แบบนี้ด้วยเลย แต่ฝ้าที่ Drop ทางด้านขวาเราจะไม่ได้นะ และจะได้เครื่องปรับอากาศให้ตำแหน่งนี้อีก 1 จุด

ส่วนต่อไปเป็นทางเข้าห้องนอนกับห้องครัวซึ่งเราจะไปดูห้องนอนที่อยู่ทางขวาก่อน ผนังห้องนอนถูกกั้นด้วยผนังทึบทำให้ได้พื้นที่ที่เป็นสัดส่วนและมีความเป็นส่วนตัว ประตูห้องของจริงจะเป็นประตูไม้บานทึบ HDF ทำสี

ภายในห้องนอนสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ มีพื้นที่ทางด้านขวาและปลายเตียงเหลือสามารถใช้งานได้สะดวก

หน้าต่างได้เป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ทำให้ Take View ได้ดีขึ้นโดยไม่มีเส้นขอบหน้าต่างมาบังสายตา ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ภายในห้องสว่างและไม่อึดอัด ส่วนช่องทางด้านซ้ายเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้

ห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตชิดกับหน้าต่างทางด้านซ้าย เพื่อให้มีพื้นที่ทางด้านขวาใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ ซึ่งห้องจริงจะไม่มีโต๊ะเครื่องแป้งให้ สามารถเลื่อนเตียงนอนมาทางขวาได้ระยะโดยรอบมากขึ้นด้านละประมาณ 65 cm. ทำให้สามารถวางโต๊ะข้างเตียงทั้งสองข้างและมีพื้นที่เดินหรือลุกออกจากเตียงได้สะดวกมากขึ้น

ส่วนพื้นที่ด้านซ้ายของเตียงกว้างประมาณ 1 m. ทางโครงการจัดไว้เป็นโต๊ะข้างเตียงและโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ส่วนผนังด้านบนจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้อีก 1 เครื่อง

พื้นที่ปลายเตียงวัดจากเตียงถึงผนัง กว้างประมาณ 1 m. สามารถเดินผ่านได้สะดวก

พื้นที่ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าซึ่งทางโครงการ Built in มาให้ และมีพื้นที่ผนังด้านขวาเหลือสามารถติดทีวีปลายเตียงได้

ตู้เสื้อผ้าออกแบบให้บานตู้ข้างหนึ่งมีกระจกเงาทำให้สามารถยืนแต่งตัวหน้าตู้ได้ มีช่องเก็บของด้านบนซึ่ง Built มาให้ถึงเพดานเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ดี ภายในตู้มีราวแขวนเสื้อด้านบน และด้านล่างทางซ้ายเป็นราวแขวนที่ใช้แขวนพวกกางเกงหรือผ้าเช็ดตัวได้ ส่วนทางขวาเป็นลิ้นชักและช่องเก็บของ สามารถเก็บของได้พอสมควร

ลิ้นชักมี 1 ช่อง และติดโช๊คช่วยลดการกระแทกเวลาใช้งานมาให้เรียบร้อย

ที่เปิดตู้ออกแบบเป็นขอบอลูมิเนียมยาวตลอดแนวตู้ ช่วยให้เปิดใช้งานได้สะดวก

ฝ้าเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวไลท์แบบฝังฝ้า 2 จุด พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยติดตั้งมาให้ และ Drop ฝ้าทางด้านขวาเพื่อเดินงานระบบที่ด้านบนและมีไฟซ่อนให้แบบห้องนั่งเล่นทางด้านนอกเลย แต่ฝ้าที่ Drop ทางด้านซ้ายจะไม่ได้ทำให้นะ

ส่วนต่อไปเป็นห้องครัวที่เข้าได้จากทางห้องนั่งเล่น กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมพ่นสีเทาเข้มทำให้ได้พื้นที่ครัวปิด สามารถทำอาหารได้จริงจัง

ประตูบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมพ่นสีเทาเข้ม กระจกใสธรรมดา และเดินรางไว้ด้านบนทำให้ไม่มีรางด้านล่างให้เดินสะดุดหรือเก็บฝุ่นทำให้ยากต่อการทำความสะอาด

ภายในห้องครัวมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง โดยมีชุดเคาน์เตอร์ครัวอยู่ทางด้านซ้าย และยังมีพื้นที่เหลือสามารถวางโต๊ะทานอาหารไว้ทางด้านขวาได้ มีประตูกระจกบานเลื่อนช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในทำให้ห้องครัวสว่างและเปิดระบายอากาศได้

พื้นที่ครัวมีความกว้างประมาณ 1.7 m. สามารถใช้งานพื้นที่หน้าเคาน์เตอร์ครัวได้ดี และเมื่อวางโต๊ะทานอาหารไปแล้วยังมีพื้นที่เหลืออีกประมาณ 1 m. สามารถเดินผ่านได้สะดวก ปูพื้นด้วยแกรนิตโต้สีขาวสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

เคาน์เตอร์ครัวจะได้เหมือนกับห้องตัวอย่าง มีพื้นที่เก็บของทั้งชั้นบนและล่าง มีช่องวางไมโครเวฟอยู่ที่ตู้ด้านล่างช่วยให้คุณผู้หญิงตัวเล็กๆสามาถใช้งานได้สะดวก หรือถ้าเป็นคนตัวใหญ่ก็มีพื้นที่เหลือให้นั่งหรือก้มหยิบได้ง่ายครับ

ตู้ด้านบนเมื่อเปิดออกมาสามารถเก็บของได้พอสมควร หน้าบานตู้เป็น Laminate ลายไม้ โดยตู้ทางขวาจะเป็นแบบไม่มีหน้าบาน อาจใช้วางของที่ใช้งานบ่อยๆจะได้หยิบจับได้สะดวกเช่นแก้วน้ำหรือเครื่องปรุงอาหาร เป็นต้น

Top เคาน์เตอร์เป็นหินนสังเคราะห์ Geoluxe สามารถทนความร้อนและกรดด่างได้ดี ผนังด้านหลังของจริงจะกรุด้วยกระเบื้องสีดำ ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

ทางด้านซ้ายได้เตาเซรามิคแบบ 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันของ Franke และมีพื้นที่ด้านขวาเหลือสามารถประกอบอาหารได้ แต่ผนังทางด้านซ้ายนี้จะเป็นผนังเปล่าฉาบเรียบทาสี แนะนำให้กรุกระเบื้องหรือติดฉากป้องกันน้ำมันกระเด็นเลอะผนังเพิ่มจะดีครับ

ส่วนทางด้านขวาจะได้อ่างล้างจานแบบฝังเคาน์เตอร์ 1 หลุมของ Franke และมีพื้นที่ด้านซ้ายเหลือสามารถวางจานชามได้ ผนังด้านหลังมีปลั๊กสำหรับเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าด้านบนได้ด้วย

ส่วนตู้ด้านล่างมีช่องเก็บของที่สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆเช่น หม้อ กระทะ และจานชามได้พอสมควร และมีลิ้นชักซึ่งมีถาดใส่ช้อนซ้อมมาให้พร้อมใช้งาน

บานตู้ทั้งหมดติดตั้งระบบ Solf close มาให้ช่วยป้องกันการกระแทกเวลาเปิด-ปิด ส่วนตู้บนเตาทางด้านซ้ายบนจะเป็นแบบกดกระเด้งทำให้ง่ายต่อการใช้งาน

บานตู้ออกแบบที่เปิดเป็นแบบปาดมุมและติดโช๊คที่ลิ้นชักช่วยลดการกระแทกเวลาใช้งาน

ส่วนทางขวาของเคาน์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่วางตู้เย็น มีขนาดประมาณ 1.1 x 0.65 m. สามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่และตู้ทรงสูงได้เพราะไม่มีตู้ด้านบนมาจำกัดความสูง

ส่วนฝั่งตรงข้ามสามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้แบบนี้ และยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือสามารถเดินผ่านได้สะดวก

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 จุดพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยมาให้อีก 1 จุด

พื้นที่ต่อไปเป็นพื้นที่ระเบียงซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในทำให้ห้องครัวสว่างและสามารถเปิดระบายอากาศหรือเปิดออกไปใช้งานระเบียงได้

บานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมพ่นสีเทาเข้ม กระจกเป็นสีเขียวตัดแสง และมีธรณีประตูยกสูงขึ้นมาประมาณ 14 cm. ช่วยป้องกันน้ำฝนสาดและไหลซึมเข้ามาภายในได้

พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.8 x 2.3 m. สามารถออกมาใช้งานได้จริง ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 cm. ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งสูง 1.1 m.

พื้นที่ทางด้านซ้ายสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ โดยทางโครงการได้ต่อท่อและเดินงานระบบเอาไว้ให้เรียบร้อย แนะนำให้ใช้เครื่องแบบฝาหน้าเพราะด้านบนจะติดเครื่อง Condensing unit

มี Condensing unit แขวนอยู่ด้านบน 2 ตัว เป่าลมร้อนออกไปด้านนอกทำให้ระเบียงไม่ร้อนสามารถออกมาใช้งานได้จริง ราวระเบียงฝั่งนี้จะได้สูงจากพื้นถึงฝ้าช่วยพรางสายตาจากภายนอกทำให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี และติดไฟส่องสว่างมาให้ 1 ดวง

สุดท้ายเป็นพื้นที่ห้องน้ำซึ่งสามารถเข้าได้จากทางห้องครัว ข้อดีคือเราสามารถเปิดประตูห้องน้ำกับประตูระเบียง และปิดประตูบานเลื่อนห้องนั่งเล่นจะทำให้สามารถระบายอากาศและความชื้นของห้องน้ำได้ดีขึ้นโดยไม่รบกวนพื้นที่พักอาศัยภายในห้อง

ธรณีประตูยกขอบสูงขึ้นประมาณ 7 cm. และ Top ด้านบนเป็นหินเทียม

ภายในห้องน้ำมีการแบ่งแยกพื้นที่การใช้งานส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ได้กระจกเงาบานใหญ่เต็มผนังและชุดสุชภัณฑ์ครบพร้อมใช้งาน แต่ฉากกั้นอาบน้ำเราจะไม่ได้นะครับ

พื้นที่ใช้งานส่วนแห้งมีขนาดประมาณ 1.5 x 1.5 m. สามาถใช้งานได้สะดวก

พื้นที่ส่วนแห้งประกอบด้วยอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์เป็นฟังก์ชันมาตรฐานทั่วไป ใช้งานได้สะดวกครับ

อ่างล้างหน้าได้เป็นของ Cotto มีพื้นที่ตรงขอบเหลือเล็กน้อยสามารถวางของได้นิดหน่อย แต่เคาน์เตอร์หลังอ่างจะมีขอบกว้างประมาณ 10 cm. สามารถวางของได้ยาวตลอดแนว

ที่ผนังด้านซ้ายติดราวสแตนเลสมาให้ด้วย สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้

โถสุขภัณฑ์เป็นของ Cotto มีพื้นที่โดยรอบเหลือสามารถใช้งานได้สะดวกไม่อึดอัด

ติดสายชำระมาให้ทางด้านหลังซ้าย และมีที่แขวนกระดาษชำระอยู่ทางด้านขวาพร้อมใช้งาน

สุดท้ายเป็นส่วนพื้นที่อาบน้ำ อย่างที่บอกว่าฉากกั้นอาบน้ำของจริงเราจะไม่ได้นะครับ ซึ่งถ้าใครต้องการก็สามารถให้ช่างมาติดตั้งฉากกั้นกระจกหรือจะติดม่านพลาสติกเพิ่มเองได้ เพื่อจะได้แยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน เวลาอาบน้ำจะได้ไม่เปียกเข้ามาในส่วนแห้ง

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.1 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้สะดวก มีขอบสูงประมาณ 5.5 cm. ช่วยกันน้ำไหลซึมเข้ามายังพื้นที่ส่วนแห้งได้ดี

ติดตั้ง Hand Shower สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้ เจาะช่องที่ผนังด้านซ้ายสามารถใช้วางของและอุปกรณ์อาบน้ำ ส่วนผนังมุมขวาบนมีการทิ้ง Junction box สำหรับต่อเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้พร้อมใช้งาน

Hand Shower สแตนเลสขนาดพอดีมือ และมีก๊อกน้ำแบบก้านโยกสามารถปรับแรงดันน้ำได้

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี และได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 จุด พร้อมติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้พร้อมใช้งาน

สวิตซ์ไฟภายในห้องจะได้เป็นของ Panasonic หน้าตาแบบนี้เลยครับ

นอกจากนี้ภายในห้องยังมีอุปกรณ์ 2 ชิ้นแถมมาให้ด้วยคือ IOT และ IR ซึ่งเป็นตัวรับและตัวกระจายสัญญาณ เชื่อมต่อกับระบบ Home Automation ใน Application บนโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

หน้าตาของ Application จะเป็นประมาณนี้ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาและปรับปรุงให้สวยงามและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีระบบสามารถสั่งเปิด-ปิดไฟ ทีวี และเครื่องปรับอากาศผ่านมือถือได้

 

สำหรับห้อง Type อื่นๆ มีดังต่อไปนี้ครับ

ห้อง Studio ขนาด 22.05 ตารางเมตร เป็นห้องขนาดเล็กสุดของโครงการและเป็นห้องมุมที่มีชั้นละ 1 ห้อง จึงมีช่องแสงถึง 2 ด้าน ทำให้ห้องมีความโปร่งโล่งมากขึ้นและระบายอากาศได้ดี เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับประตูทางเข้าห้องน้ำอยู่ทางขวามือ ภายในมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกกันพื้นที่ส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนและมีสุขภัณฑ์ครบพร้อมใช้งาน ต่อมาเป็นพื้นที่ Common area ซึ่งเป็นพื้นที่รวมกันระหว่างครัวกับห้องนั่งเล่น โดยพื้นที่ส่วนแรกจะเป็นครัวรูปตัว I และได้เป็นพื้นที่ครัวเปิด ติดกันเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นซึ่งด้านหลังโซฟาเป็นช่องหน้าต่างช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและมีหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ พื้นที่ด้านในสุดเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบที่ Built เป็นตู้เสื้อผ้าเอาไว้ แล้วมีช่องทางเดินให้สามารถเดินผ่านได้ ทำให้ได้พื้นที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นแต่ยังคงได้พื้นที่เป็นสัดส่วน ภายในห้องนอนสามารถวางเตียง 5 ฟุตไว้กลางห้อง มีประตูกระจกบานเลื่อนทางด้านขวาช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในและสามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ โดยที่ระเบียงจะมีพื้นที่สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ด้วย

ห้อง Studio ขนาด 22.60 – 22.75 ตารางเมตร ห้องนี้มีฟังก์ชันและการจัดห้องคล้ายกับห้องตัวอย่างเลยครับ แต่จะมีขนาดพื้นที่ที่เล็กกว่า เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ โดยพื้นที่ส่วนแรกเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาวางอยู่ทางด้านซ้ายและชั้นวางทีวีอยู่ทางด้านขวา เชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนอนซึ่งจะไม่มีผนังทึบกั้นเหมือนห้องตัวอย่างทำให้ได้พื้นที่ที่ค่อนข้างเปิดโล่ง สามารถวางเตียงเอาไว้กลางห้อง และมีพื้นที่ปลายเตียงสามารถวางตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งได้ ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงมีช่องหน้าต่างช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องทำให้ดูโปร่งโล่งและสามารถเปิดหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อระบายอากาศได้ด้วย

ห้องครัวถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนทำให้ได้เป็นพื้นที่ครัวปิดสามารถทำอาหารได้จริงจัง มีประตูกระจกบานเลื่อนช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและสามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงได้ ซึ่งระเบียงก็มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ด้วย ส่วนสุดท้ายเป็นห้องน้ำซึ่งเข้าได้จากห้องครัวทำให้สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศและความชื้นของห้องน้ำได้โดยไม่รบกวนส่วนพักอาศัย ภายในห้องน้ำมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และมีสุขภัณฑ์ต่างๆพร้อมใช้งาน

ห้อง Studio ขนาด 24.45 ตารางเมตร และเป็นห้องมุมซึ่งมีเพียงชั้นละ 1 ห้องจึงมีช่องแสงถึง 2 ด้าน ทำให้ห้องมีความโปร่งโล่งมากขึ้นและระบายอากาศได้ดี เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ พื้นที่ส่วนแรกเป็นเคาน์เตอร์ครัว เชื่อมต่อกับโต๊ะทานอาหารซึ่งอยู่ติดกับโซฟาของห้องนั่งเล่น หลังโซฟาเป็นช่องหน้าต่างช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและสามารถเปิดหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อระบายอากาศได้ ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีซึ่งอยู่หน้าห้องน้ำ ข้อเสียคือจากแปลนห้องนี้ทีวีจะไม่อยู่ Center กับโซฟานั่นเอง ส่วนห้องน้ำนั้นจะอยู่กลางห้อง ภายในมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และมีสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งาน พื้นที่ต่อมาภายในห้องเป็นห้องนอนซึ่งแยกพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ฝั่ง เริ่มจากทางด้านขวาเป็นพื้นที่วางเตียงนอน ผนังปลายเตียงเป็นช่องหน้าต่างกระจกช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและมีหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าโดยมีพื้นที่หน้าตู้สามารถเดินผ่านหรือยืนแต่งตัวได้สะดวก ติดกันมีประตูกระจกบานเลื่อนสามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ จากแปลนตัวอย่างจัดให้สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้ แต่จะมีพื้นที่ใช้งานแค่พอดีตัวเท่านั้นนะครับ

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 23 ตารางเมตร เป็นอีกห้องที่มีเพียง 1 ห้องต่อชั้นเท่านั้น ภายในมีการจัดฟังก์ชันการใช้งานอย่างเป็นสัดส่วน เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวเป็นอันดับแรก และได้เป็นพื้นที่ครัวเปิดแต่สามารถทำประตูกั้นเพื่อให้กลายเป็นครัวปิดที่สามารถทำอาหารจริงจังได้ ทางด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์ครัว ส่วนทางด้านซ้ายเป็นห้องน้ำซึ่งภายในมีการแยกพื้นที่การใช้งานส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ถัดเข้ามาด้านในเป็นห้องนั่งเล่นมีพื้นที่วางโซฟาและชั้นวางทีวีได้ แต่ทีวีจะไม่ Center กับโซฟาอีกแล้วครับ อาจต้องเอียงทีวีหรือดูแบบเฉียงๆเอา ติดกันมีประตูกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ โดยระเบียงมีพื้นที่สามารถวางเครื่องซักผ้าด้านนอกได้ด้วย ส่วนสุดท้ายเป็นห้องนอนซึ่งกั้นด้วยผนังทึบทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ภายในสามารถวางเตียงไว้ชิดทางด้านขวาซึ่งเป็นช่องหน้าต่างช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและมีหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า และที่ผนังปลายเตียงสามารถติดทีวีแขวนผนังได้ด้วย

สุดท้ายเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.80 – 28.30 ตารางเมตร ซึ่งห้องขนาด 28 ตารางเมตร เป็น Type ที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ แต่ละขนาดมีการจัดวางฟังก์ชันที่เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ห้องขนาด 25.80 ตารางเมตร จะไม่มีโต๊ะทานอาหารในห้องครัวเพราะพื้นที่จะน้อยกว่า และจะมีห้อง 28 ตารางเมตรบางห้องที่เป็นห้องมุมและจะได้หน้าต่างเข้ามุมที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้มากขึ้นและทำให้ได้มุมมองภายนอกที่กว้างขึ้นด้วย

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ทางด้านขวาเป็นห้องน้ำซึ่งภายในมีการแยกพื้นที่การใช้งานส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ถัดเข้ามาด้านในห้องจะมีพื้นที่แยกออกจากกันระหว่างส่วนใช้งานกับส่วนพักอาศัย เริ่มจากทางด้านซ้ายเป็นห้องครัวซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนทำให้ได้พื้นที่ครัวปิดสามารถทำอาหารได้จริงจังและยังสามารถดึงแสงธรรมชาติจากระเบียงเข้ามาในห้องนั่งเล่นทำให้ห้องดูสว่างได้ด้วย โดยครัวยังมีประตูกระจกบานเลื่อนอีกชุดหนึ่งที่สามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกและสามารถเปิดระบายอากาศได้ นอกระเบียงมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าพร้อมต่อท่องานระบบต่างๆพร้อมใช้งาน ส่วนสุดท้ายเป็นห้องนอนซึ่งกั้นด้วยผนังทึบทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ภายในสามารถวางเตียงชิดผนังด้านที่เป็นกระจกที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและมีหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ ด้านซ้ายของเตียงมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและสามารถวางทีวีปลายเตียงได้

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25 July 2018 

  • Studio 22.05 – 24.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 23.1 – 34.3 ตร.ม.
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท*
  • ราคาห้องโซนหน้าสวนเริ่มต้น 2.xx ล้านบาท*
  • ราคา + โปรโมชั่น (ค่ากองทุน/ส่วนกลาง/ของ/สัญญา)
  • โปรโมชั่น : ส่วนลด 100,000 บาท* รับ Gift Voucher สูงสุด 10,000 บาท* เมื่อจ่ายเงินจองพร้อมทำสัญญาสูงสุด 30,000 บาท*
  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 15,000-25,000 บาท
  • ผ่อนเริ่มต้น 1,999 บ.าท/เดือน
  • ห้อง 28 ตร.ม. ผ่อนดาวน์ 3,999 บาท จำนวน 10 งวด และ 35,000 บาท อีกจำนวน 2 งวด
  • ห้อง 34.25 ตร.ม. ผ่อนดาวน์ 4,999 บาท จำนวน 10 งวด และ 35,000 บาท อีกจำนวน 2 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 54 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – โครงการ The Tree ดินแดง – ราชปรารภ ตั้งอยู่ในซอยดินแดง 1 บนถนนดินแดง โดยถนนดินแดงสามารถไปเชื่อมต่อถนนหลักสำคัญหลายสายทั้งถนนพระราม 9 ตัดกับถนนรัชดาภิเษก หรือไปถนนวิภาวดี-รังสิตและยังเชื่อมต่อกับถนนราชปรารภ ถนนราชวิถีได้ จึงถือเป็นทำเลที่ค่อนข้างสะดวกในการใช้รถ ด้านความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยดินแดงซอย 1 ที่ตั้งของโครงการไม่มีร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารมากนัก จะมีร้านขายของชำเล็กๆ 1 – 2 ร้าน กับร้านอาหารตามสั่งและร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆอย่างละร้านเท่านั้น ความอุดมสมบูรณ์จริงๆจึงไปอยู่แถวอนุสาวรีย์ชัยฯ แยกพญาไท และแยกพระราม 9 ที่ใกล้ที่สุดคืออนุสาวรีย์ชัยฯซึ่งเป็นศูนย์รวมการคมนาคมที่คึกคักมาก เป็นทั้งจุดต่อรถเมล์ วินรถตู้ รถไฟฟ้า BTS นอกจากนี้ยังมีทั้งตลาด ห้าง ร้านอาหาร และโรงพยาบาลชื่อดังต่างๆมากมาย

การเดินทางโดยใช้รถ – ถือว่าสะดวกมาก นอกจากถนนดินแดงจะเชื่อมต่อกับถนนสำคัญหลายสายแล้วยังอยู่ใกล้กับจุดขึ้น-ลงทางด่วนหลายจุด สามารถเข้า–ออกเมืองได้ง่าย มีจุดขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์อยู่ที่ถนนวิภาวดี – รังสิต ห่างจากโครงการประมาณ 1.7 km.  จุดขึ้นทางด่วนศรีรัชที่ถนนพหลโยธิน ใช้มุ่งหน้าไปปากเกร็ด สาทร หรือไปลาดกระบังได้ ห่างจากโครงการประมาณ 2 km. ที่จอดรถประมาณ 72 คันคิดเป็น 32% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาน้อยไปหน่อย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – โครงการอยู่ในซอยเข้าไปประมาณ 150 m. หน้าปากซอยมีวินมอไซค์อยู่ หรือรียกรถแท็กซี่จากปากซอยถนนใหญ่ได้ง่าย ส่วนถ้าจะใช้รถไฟฟ้าใกล้ที่สุดคือ BTS สถานีอนุสาวรีย์ ห่างจากโครงการประมาณ 1.2 km.ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน – สุวินทวงศ์) ผ่านไม่ไกลจากโครงการ ก็จะทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกมากยิ่งขึ้น

การออกแบบโครงการ – เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร จัดวางผังอาคารเป็นรูปตัว U โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ภายใน และมี Acoustical Forestry Wall หรือ Green Wall ช่วยบังสายตาจากคนที่ใช้ทางด่วนด้านหลังได้ พื้นที่ส่วนกลางเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ในเรื่องการช่วยป้องกันฝุ่นและเสียงจากทางด่วนนั้น ยังไม่ขอยืนยันว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ยังไม่แน่ใจในเรื่องของโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ ต้องรอดูของจริงกันอีกที ส่วนการจัดวางอาคารทำได้ดี โดยเอาส่วนด้านแคบของอาคารหันเข้าหาทางด่วนแทน แล้วหันด้านหน้ารับวิวเข้าส่วนกลางแทนได้บรรยากาศวิวสวนและสระ เป็นส่วนตัวในการใช้งานมากขึ้น

การออกแบบห้องพัก – โครงการเน้นห้อง Studio และ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่ออกแบบและจัดฟังก์ชันได้ลงตัว เป็นสัดส่วนใช้ได้ สำหรับห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom มีการแยกส่วนใช้งานกับส่วนพักอาศัยออกจากกันชัดเจน ห้องนั่งเล่นและพื้นที่ห้องนอนมีผนังทึบกั้นเป็นสัดส่วนได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนพื้นครัวได้ครัวปิดมีประตูกระจกบานเลื่อนสามารถทำอาหารได้จริงจัง ประตูกระจกบานเลื่อนช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามา สามารถเปิดระบายอากาศได้ดี ระเบียงมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าต่อท่องานระบบต่างๆให้พร้อมใช้งาน ห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งเชื่อมต่อครัวและระเบียงทำให้สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศและความชื้นได้ดีขึ้น ภายในห้องน้ำมีการแยกพื้นที่การใช้งานออกเป็นสัดส่วนและมีสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งาน

วัสดุ – ให้มาครบตามตามมาตรฐานคอนโดระดับราคานี้ พื้นไม้ลามิเนต , หน้าต่างบานใหญ่ , พื้นครัวกระเบื้องแกรนิตโต้ , พื้นระเบียงกระเบื้องเซรามิก , กระจกห้องน้ำบานใหญ่ ขายแบบ Fully Fitted ได้เครื่องปรับอากาศ ,  ตู้เสื้อผ้าติดกระจกเงาและมีราวแขวนเสื้อ 2 ชั้นเก็บเสื้อได้พอสมควร , ชุดครัว Built in พร้อมชุดเตาไฟฟ้า-เครื่องดูดควันของ Franke และ Top เคาน์เตอร์หินสังเคราะห์ ผนังกรุกระเบื้องสีดำ ได้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Cotto แต่ไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำ มีระบบ Home Automation แถมมาให้อีกด้วย

สาธารณูปโภค – ถือว่าออกแบบมาได้สวยน่าใช้ เน้นพื้นที่สีเขียวตามแนวคิดโครงการ พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดอยู่ที่ชั้น 2 มีทั้งภายในและภายนอกอาคาร ภายในประกอบด้วยห้องอเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆของลูกบ้านได้แก่  Forestry Working Space & Acoustical Study Room สำหรับนั่งทำงานหลายจุด มีการกั้นห้องแยกเป็นห้องเล็กๆใช้ทำงานหรือประชุมที่เป็นความเป็นส่วนตัวเงียบสงบได้ และห้อง Forestry Fitness ซึ่งทั้ง Forestry Working Space & Acoustical Study Room และ Forestry Fitness ใช้ผนังกระจกมองออกไปสวนภายนอกได้ ภายนอกมีสระว่ายน้ำและพื้นที่สวน มีพื้นที่นั่งพักผ่อนโดยรอบ อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 113 : 1

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 92,000 บาท/ตร.ม., 25 July 2018

  • ทำเล 6.5/10 – ทำเลในซอยย่านชุมชน หาของกินยาก ด้านหลังติดทางด่วน
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวกมาก ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนและถนนหลักหลายเส้นทาง
  • ไม่ใช้รถ 6.5/10 – เข้าซอยไม่ลึก มีวินปากซอย ต้องต่อรถถ้าจะไป BTS อนุสาวรีย์
  • วัสดุ 7.5/10 – ขายแบบ Fully Fitted ครบแต่ต้องแต่งเพิ่ม ให้ระบบ Home Automation
  • แบบ 7.75/10 – ฟังก์ชันลงตัว ได้ความเป็นส่วนตัว ใช้งานสะดวก
  • สาธารณูปโภค 8/10 – เน้นพื้นที่สีเขียวน่าใช้งาน มี Smart Locker ช่วยอำนวยความสะดวก

  • UPPER CLASS
  • 7.15 / 10.00

**หมายเหตุ : สำหรับคะแนนทำเลหากเป็นคนในพื้นที่ที่คุ้นเคยกับทำเลในย่านนี้ดีก็สามารถเพิ่มคะแนนในส่วนนี้เองได้ตามความเหมาะสมนะครับ

BOTTOM LINE

The Tree ดินแดง – ราชปรารภ เหมาะกับคนที่คุ้นชินกับทำเลย่านดินแดง หรือคนที่ต้องการความสะดวกในการใช้รถใช้ทางด่วนบ่อยๆ ได้ห้องที่จัดฟังก์ชันลงตัวเป็นส่วนตัว ขนาดห้องเหมาะกับอยู่อาศัย 1-2 คน ครอบครัวเล็ก ส่วนกลางสวยน่าใช้เน้นธรรมชาติ ราคาหยิบจับง่ายในทำเลนี้ มีงบประมาณระดับ 1.49 – 3 ล้าน