รีวิวฉบับที่ 2032 … วันนี้จะพาไปชม MULBERRY GROVE SUKHUMVIT ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของ MQDC กันค่ะ แบรนด์นี้จะเน้นการออกแบบเพื่อรองรับคนทุก Generation โดยมีการออกแบบคำนึงถึงการใช้งานของเด็กและผู้สูงอายุ ทั้งพื้นที่ส่วนกลางที่มี Wellness Facility และมีบริการ Complimentary Afternoon Tea รวมถึง Care Giver , Wellness manager , Concierge และในห้องพักที่เน้นห้องขนาดใหญ่ สามารถ Combine ห้องเพื่ออยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ได้เลย ภายในห้องไม่มีการลดระดับพื้นเพื่อรองรับการใช้งาน Wheelchair ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท ห่างจาก BTS เอกมัย 250 เมตร ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท เราไปดูกันเลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
23 January 2020
- MULBERRY GROVE SUKHUMVIT (มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท)
- บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด
- SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนน สุขุมวิท เขต วัฒนา
- ที่ดินประมาณ 2-2-01.2 ไร่
- คอนโด High Rise 37 ชั้น (ใต้ดิน 2 ชั้น) 1 อาคาร 287 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 6 ยูนิต (ต่อโซน)
- ที่จอดรถประมาณ 100 % (Auto Parking – Conventional Parking)
- เริ่มก่อสร้าง : ก.ค. 2563
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ต.ค. 2566
- 1 Bedroom 47.00 – 56.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท (โปรโมชั่น)
- 2 Bedrooms 87.00 – 135.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- 3 Bedrooms 162 ตร.ม
- Penthouse 180 – 241.5 ตร.ม
- ฝ้าเพดานสูง 3.00 เมตร (ครัวและห้องน้ำ 2.70 เมตร)
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 250,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1265
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.717810, 100.587878
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ MULBERRY GROVE SUKHUMVIT ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูง ถ้าใช้เส้นทางมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกจะสามารถไปยังอ่อนนุช, บางนา ได้ หรือถ้าใช้เส้นทางไปยังฝั่งตะวันตกจะสามารถเชื่อมต่อไปยังย่าน CBD อย่างเพลินจิต หรือแหล่ง shopping ยอดฮิตของวัยรุ่นอย่างสยามได้เลย จากที่ตั้งโครงการถ้ากลับรถไปทางซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่จะมีซอยสุขุมวิท 42 , 40, 38 และสุขุมวิท 36 ที่เชื่อมต่อไปยังถนนพระราม 4 ได้ส่วนในซอยฝั่งเลขคี่อย่างซอยทองหล่อและซอยเอกมัย ท้ายซอยจะไปบรรจบกับถนนเพชรบุรีซึ่งเราสามารถใช้เส้นทาง ไปยังอโศก ประตูน้ำ ราชเทวี พญาไท หรือออกเมืองไปยังถนนพัฒนาการได้ค่ะ ทำให้การเดินทางโดยใช้รถของถนนเส้นนี้มีความสะดวกทีเดียว แต่ก็เนื่องจากเป็นถนนเส้นหลัก จึงมีการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดทั้งในช่วงเช้าและช่วงเย็นจนถึงค่ำ อาจจะทำให้ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางมากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องรู้เส้นทางลัด ซอยต่างๆเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง เช่นใช้ซอยทองหล่อ10 ไปเชื่อมกับซอยเอกมัย 12 ไปออกซอยสุขุมวิท71 หรือ ซอยปรีดีพนมยงค์ได้ เป็นต้น
ที่ตั้งของโครงการอยู่ติดกับซอบสุขุมวิท 65 ซึ่งมีระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัยประมาณ 250 เมตร สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและอาคารสูง ด้านหน้ามีร้านค้า ร้านอาหารที่เป็นตึกแถวข้างทางอยู่ค่อนข้างเยอะ มีความคึกคักตลอดทั้งวัน เดินไป-กลับรถไฟฟ้าได้สบายๆค่ะ
นอกจากนั้นทำเลนี้ยังมีทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์เป็นตัวเลือกให้เดินทางได้รวดเร็วมากขึ้นโดยมีจุดขึ้น-ลงทางด่วน ดังนี้
จากตัวโครงการมีระยะถึงจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ประมาณ 1.7 กิโลเมตร เมื่อวิ่งออกจากโครงการแล้วสามารถเลี้ยวซ้าย ผ่านสถานีพระโขนงแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเพื่อขึ้นทางด่วนได้เลยค่ะ
ทางลงทางด่วนเมื่อลงมาแล้วให้วนขวาเพื่อเข้าถนนสุขุมวิทแล้วไปกลับรถด้านหน้าโครงการได้เลย ระยะทางรวมประมาณ 3.4 กิโลเมตร
แหล่งความอุดมสมบูรณ์ในทำเลนี้ ถือว่าเป็นทำเลยอดฮิตโดยเฉพาะซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) และสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย) ที่เป็นหนึ่งในทำเลที่มีค่าครองชีพและราคาที่ดินสูงที่สุดทำเลหนึ่งของกรุงเทพมหานครเลยก็ว่าได้ค่ะ ทำเลนี้มีครบทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้า แหล่งท่องเที่ยว shopping และร้านอาหารระดับ Hi-end มากมาย มีความคึกคักทั้งในเวลากลางวันและมีสีสันมากขึ้นในเวลากลางคืน เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร Community Mall ที่เน้น Lifestyle อย่างเช่น Park Lane, The Taste, The Commons , J Avenue เป็นต้น และด้านหน้าโครงการเองก็มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven อยู่ระหว่างสถานีเอกมัยกับโครงการเลยค่ะ ซึ่งนอกจากร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งแล้ว ทำเลนี้ก็ยังมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างโรงเรียน, โรงพยาบาล และสวนสาธารณะอยู่ใกล้เคียงครบครัน เช่น โรงเรียนนานาชาติ Ekkamai International School, St.Andrews International School, โรงพยาบาลคามิลเลียน, โรงพยาบาลสุขุมวิท และ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เป็นต้น
สำหรับใครที่มองหาห้างสรรพสินค้าให้เดินเล่นในวันหยุด ก็ไม่ต้องไปไหนไกลเพราะมี 2 ห้างใหญ่ในย่านไว้รองรับเรียบร้อย ทั้ง Major Cineplex เอกมัย ห้างเก่าแก่ในย่านนี้ที่เน้นไปที่โรงภาพยนต์ในชั้นบน และมีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ในชั้นล่างให้ได้เลือกกิน ซึ่งจะไม่ได้เน้นไปที่ของแพงมากนัก ส่วนใหญ่คนที่เดินภายในจะเป็นวัยนักเรียน นักศึกษาในย่านค่อนข้างเยอะ หากใครไม่ชอบความวุ่นวายก็ขยับมาที่ Gateway เอกมัย ห้างที่เน้นเอาใจชาวญี่ปุ่น ด้วยสไตล์และร้านค้า ร้านอาหารภายในที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่นชัดเจน ที่เป็นแบบนี้เพราะย่านเอกมัย-ทองหล่อปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นอีกย่านดังของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน หรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย และหลักๆ ที่เห็นเยอะเลยคือชาวญี่ปุ่นนี่เองค่ะ
การเดินทางที่เราจะพาไปชมวันนี้เป็นเส้นทางการเดินทางสถานี BTS เอกมัย เพื่อไปยังโครงการ ระยะทางประมาณ 250 เมตร โดยเราจะพาไปดูบรรยากาศรอบๆว่าจะมีอะไรบ้างค่ะ เริ่มจากทางออกที่ 3 เดินไปยังฝั่งพระโขนงประมาณ 250 เมตรก็จะเห็นทางเข้าโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ
เส้นทางการเดินทาง
เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัย ให้เรามองหาทางออกที่ 3 ซึ่งบริเวณทางออกก็จะมีร้านค้าอยู่ประมาณ 2-3 ร้าน
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
โครงการ MULBERRY GROVE SUKHUMVIT เป็นโครงการติดถนนใหญ่จึงมีความคึกคักด้านหน้าโครงการค่อนข้างมาก เหมาะกับคนที่ชอบการเดินทางสะดวก โครงการมีทางเข้า-ออกอยู่ทางทิศใต้ (ติดถนนสุขุมวิท) สภาพแวดล้อมในระยะใกล้เคียงส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัย สูง 2-4 ชั้น และมีอาคารสูงที่มองเห็นในระยะใกล้เคียง คืออาคาร The Lofts เอกมัย ที่สูง 28 ชั้น ส่วนทางทิศอื่นๆจะได้วิวเปิดโล่งค่ะ
จากภาพแสดงตำแหน่งของอาคารข้างเคียงที่ติดกับโครงการ ตามทิศได้ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ ชุมชนและบ้านพักอาศัย สูง 2 ชั้น เห็นวิว เมืองเปิดโล่ง
- ทิศตะวันออก ติดกับ ซอยสุขุมวิท 65 , โชว์รูม Mazda สุขุมวิท 65
- ทิศใต้ ติดกับ ถนนสุขุมวิท ฝั่งตรงข้ามเป็น St Andrews International School Bangkok (High School)
- ทิศตะวันตก ติดกับ The Lofts เอกมัย สูง 28 ชั้น
วิวทางทิศใต้ ฝั่งถนนสุขุมวิท มองเห็นวิวภายในซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ เป็นวิวเปิดโล่งเนื่องจากไม่มีอาคารสูงอยู่ในระยะประชิด ห้องที่อยู่ต่ำกว่าชั้น 10 จะเห็นวิวโรงเรียน Andrews International School Bangkok , สนามไดร์ฟกอล์ฟ และ อาคารสูงที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 36 อย่าง Rhythm Sukhumvit สูง 36 ชั้น ค่ะ
มุมมองที่ความสูง 52 เมตร หรือประมาณชั้น 17
วิวทางทิศเหนือ ฝั่งสุขุมวิทซอยเลขคี่ มองเห็นวิวชุมชนพักอาศัยในเอกมัย เป็นวิวเปิดโล่ง ที่ชั้นต่ำกว่า 10 จะเห็นอาคาร One Sukhumvit 67 สูง 9 ชั้น อยู่บ้าง ถ้าสูงเกินกว่าชั้น 20 จะเห็นเป็นวิวเปิดโล่งทั้งหมดค่ะ
มุมมองที่ความสูง 52 เมตร หรือประมาณชั้น 17
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- BTS Ekkamai 250 M.
- ห้างสรรพสินค้า & Lifestyle
- Gateway Ekkamai 300 M.
- Major Ekkamai 600 M.
- EM District 2.4 Km.
- J AVENUE Thonglor 2.4 Km.
- The Commons 2.5 Km.
- Benchasiri Park 2.6 Km.
- Benchakitti Park 4.3 Km.
- Sukumvit Hospital 150 M.
- Kluaynamthai Hospital 1.2 Km.
- Samitivej Sukhumvit Hospital 2.6 Km.
- St Andrews International School 30 M.
- Kids’ Academy International School 800 M.
- Bangkok International Preparatory & Secondary School 1.4 Km.
- Wells International School 1.7 Km.
- OISCA International 2.4 Km.
รายละเอียดโครงการ
โครงการ MULBERRY GROVE SUKHUMVIT เป็นคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury แบรนด์ใหม่ของ MQDC ที่ออกแบบด้วยแนวคิด Inter Generation สามารถอยู่ได้หลาย Gen เน้นห้องขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ซึ่งการออกแบบภายในก็มีรายละเอียดและคำนึงถึงการใช้งานของทุกช่วงวัยพอสมควรเลย ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่ส่วนกลางที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้สูงอายุ เน้นไปที่เรื่องของสุขภาพ มีการบริการชายามบ่ายให้ฟรี และเน้นห้องพักอาศัยขนาดใหญ่ สำหรับภาพรวมของโครงการ ตัวโครงการมีที่ดิน 2-2-01.2 ไร่ สูง 37 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 2 ชั้นสำหรับ EV Charger , Visitor Parking และที่จอดรถแบบ Conventional ชั้น 1 เป็นพื้นที่ Lobby และช่องจอด Auto Parking (ชั้น 2-6) ห้องพักอาศัยมีทั้งหมด 287 ยูนิต โดยจะแบ่งเป็นชั้นพักอาศัยอยู่ที่ชั้น 7 ไปจนถึงชั้น 36 และมี Facility แยกตามชั้นต่างๆมีอะไรบ้าง ไปชมกันค่ะ
ชั้น 1 มีทางเข้า-ออกโครงการอยู่ทางทิศใต้ติดกับถนนสุขุมวิท เป็นทางเข้า-ออกทางเดียว สามารถควบคุมความปลอดภัยได้สะดวก การเดินรถรอบอาคารเป็นทางเดียวตามเข็มนาฬิกา มีจุด Drop Off อยู่ด้านหน้า สามารถเข้าไปยัง Lobby อาคารได้เลย และมีทางลงลานจอดรถชั้นใต้ดินอยู่ด้านข้างอาคาร (ลูกศรสีน้ำเงิน) ส่วนที่ Auto Parking จะอยู่ด้านหลังอาคาร มีทั้งหมด 4 ช่องจอด สามารถจอดบริเวณลูกศรสีส้มได้เลยค่ะ แผ่นจอดรถจะเลื่อนเข้าไปภายในช่องจอดเอง ทำให้มีความสะดวกมากขึ้น สำหรับคนที่จะมารับรถก็สามารถรอที่ Lobby แล้วมารับรถด้านหน้าช่องจอดได้เลย
บริเวณชั้น 1 จะมีพื้นที่สวนทั้งหมด 3 จุดค่ะ
- English Courtyard : สวนด้านหน้าสไตล์อังกฤษเป็นส่วนต้อนรับบริเวณ Drop Off
- Intergeneration Courtyard : สวนนั่งเล่นยามเช้าพาผู้สูงอายุออกมารับลม หรือพาเด็กๆมาวิ่งเล่นได้
- Gourmet Courtyard : สวนปลูกผักสวนครัว ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาดูแลและเก็บผักเพื่อแจกจ่ายให้กับลูกบ้านค่ะ
เข้ามาภายในอาคารแล้วจะเจอกับ Mulberry’s Greeting Gallery (Lobby) มีพื้นที่แยกเป็นที่นั่ง 3 ส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัว สามารถมองเห็นวิวสวนของโครงการได้ ส่วนโถงลิฟต์จะอยู่ตรงกลางอาคารแบ่งออกเป็น 2 โซนทิศเหนือ-และทิศใต้ โดยคนที่อยู่ห้องพักอาศัยฝั่งทิศเหนือก็จะต้องขึ้นลิฟต์ทางฝั่งทิศเหนือ ทิศใต้ก็เช่นกันค่ะ ส่วนชั้นพักอาศัยที่มีการแยกโซนนั้นมีข้อดีคือ ทำให้ลดความหนาแน่นของจำนวนยูนิตต่อชั้นลงครึ่งหนึ่งและช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านได้มากขึ้นทีเดียวค่ะ ลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 4 ตัว แบ่งเป็นโซนละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์เฉลี่ยอยู่ที่ 72 : 1 (โดยรวม) ถือว่าหนาแน่นน้อยมากๆ ช่วยลดระยะเวลาในการรอลิฟต์ลงได้ นอกจากนั้นยังมีลิฟต์ Service มาให้ 1 ตัวด้วยค่ะ
ภาพบรรยากาศบริเวณทางเข้าของโครงการที่ติดกับถนนสุขุมวิท เข้า-ออกสะดวก ในขณะเดียวกันก็เว้นระยะจากถนนใหญ่พอประมาณทำให้ด้านในอาคารไม่วุ่นวายจากภายนอกค่ะ
บริเวณ Lobby โถงสูง Double Floor มีกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานทำให้ดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด เน้นการตกแต่งโดยใช้สีน้ำตาลทอง มีความเรียบหรู และแบ่งเป็น 3 ส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัว
บรรยากาศจำลองบริเวณ Gourmet Courtyard ที่มีการปลูกผักสวนครัว ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแล และเก็บผลผลิตให้กับลูกบ้าน สำหรับคนที่ชอบทำสวน หรืออยากมีพื้นที่ให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรม ก็ตอบโจทย์ค่ะ
ชั้น 2 เป็นชั้นลอยที่สามารถเดินขึ้นมาจากชั้น 1 ได้ค่ะ บริเวณนี้จะมีพื้นที่ Children’s Room ห้องพักคอยของเด็กๆเวลาพี่เลี้ยงพามารอพ่อกับแม่กลับจากที่ทำงานก็มารอที่ห้องนี้ได้ค่ะ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ The Mulberry’s Library ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงให้ลูกบ้านมานั่งทำงาน อ่านหนังสือติวสอบกันได้ตลอดทั้งวัน ด้านข้างยังมีพื้นที่ Private Study Studio แบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับคนที่จ้างครูสอนพิเศษมาตัวต่อตัว สำหรับคนที่ไม่อยากให้คนนอกขึ้นไปที่ห้องนั่นเอง
ชั้น 7 – 18 เป็นชั้น Typical Floor Plan ที่มองผ่านๆจะเห็นว่ามีห้องพักอาศัยทั้งหมด 12 ยูนิต แต่โครงการนี้มีการออกแบบโดยการกั้นโซนและแยกการใช้ลิฟต์ จากแปลนจะเห็นว่าภายใน 1 ชั้นมีการแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนทางฝั่งทิศเหนือและฝั่งทิศใต้ ซึ่งลูกบ้านจะต้องขึ้นลิฟต์ให้ถูกฝั่งตั้งแต่ชั้น 1 เลยค่ะ เพราะมีการกั้นเป็นสัดส่วน การแบ่งโซนนี้จะทำให้ยูนิตต่อชั้นในแต่ละโซนอยู่ที่ 6 ยูนิตเท่านั้น ถึงแม้ว่าโถงทางเดินจะถูกออกแบบมาเป็น Double Corridor แต่พอมีการแบ่งโซน ความหนาแน่นของจำนวนยูนิตก็ลดลงทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
ส่วนตำแหน่งของห้องพักอาศัยถูกออกแบบวางผังให้มองเห็นวิวได้แค่ 2 ฝั่งคือทางทิศใต้ วิวฝั่งถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นวิวเมืองและอาจจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ไม่มีอาคารสูงอยู่ในระยะประชิด ส่วนทิศเหนือเป็นวิวชุมชนพักอาศัยแนวราบเป็นส่วนใหญ่ ได้วิวโล่งเช่นกันค่ะ ส่วนห้องที่เราทำสีแดงไว้ในแปลนคือตำแหน่งห้องที่สามารถทุบเชื่อมต่อกันได้ สำหรับคนที่ต้องการอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ หลาย Generation ทางโครงการก็มีการคิดเผื่อไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
ชั้น 19 – 30 เป็นชั้น Typical Floor Plan ชั้นสูงขึ้นจะมีการเปลี่ยนห้อง 1 Bedroom ทางทิศตะวันออกเป็นห้อง 2 Bedroom ซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนค่อนข้างเยอะเลยค่ะ โดยส่วนใหญ่เรามักจะเห็นโครงการทำห้องเล็กจำนวนมากกว่าแต่โครงการนี้เน้นการอยู่อาศัยแบบครอบครัว หลากหลาย Generation ทำให้มีห้องพักอาศัยขนาดใหญ่ 2 Bedroom พอๆกับ 1 Bedroom เลย
ด้านบนอาคารชั้น 32 ไปจนถึงชั้น 37 จะมีพื้นที่ส่วนกลางและห้องพักอาศัยแบบ Penthouse สลับกันไปค่ะ บรรยากาศจะเป็นอย่างไร เลื่อนลงไปดูได้เลย
ชั้น 32 เป็นชั้นที่มีการออกแบบให้เป็น INTERGENERATION WELLNESS มี Facility ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพเหมาะกับผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถขึ้นมาใช้งานได้ทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ ภายในชั้นนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดประกอบด้วยสระว่ายน้ำ 4 สระทางด้านหน้า แบบโซนต่างๆ ดังนี้
- Infinity Sky Pool : สำหรับว่ายน้ำออกกำลังกายทั่วไป ชมวิวทางทิศใต้ฝั่งถนนสุขุมวิทได้ ด้านหน้ามีพื้นที่ Sky-high Sun Deck และ Family Cabana สำหรับนั่งพักผ่อน
- Thermal Pool : สระแช่น้ำปรับอุณหภูมิ 35-38 องศาเซลเซียส เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย
- Hydrotherapy Pool : สระแช่น้ำนวดตัวด้วยหัว Jet 3 จุด พร้อมจอฉายภาพยนต์ให้ดูระหว่างแช่น้ำ
- Children’s Pool : สระเด็ก ที่มีพื้นที่ด้านข้างให้ผู้ใหญ่ดูแลได้อย่างใกล้ชิด
ฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นพื้นที่ Sky-High Gym Studio มองเห็นวิวถนนสุขุมวิท และพื้นที่ Private ต่างๆ มีทั้งห้อง Sauna แยกชาย-หญิง ห้อง Private Sky-High Onsen สำหรับแช่น้ำร้อน, Private Style Atelier พื้นที่สำหรับจ้างช่างแต่งหน้าทำผมมาให้บริการโดยที่ไม่ต้องพาไปที่ห้องพัก , Private Spa มีเตียงนวดและอ่างอาบน้ำสำหรับ 2 ท่าน และพื้นที่ Golf Simulator & Entertainment Room สำหรับคนที่อยากพาเพื่อนมาพูดคุย นั่งเล่น ออกกำลังกายเบาๆค่ะ ซึ่งข้อดีของการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางมาไว้ที่ชั้นสูงๆ จะทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้มาใช้งาน และได้วิวมุมมองที่กว้างขึ้นค่ะ
บรรยากาศจำลองบริเวณ Infinity Sky Pool ระบบเกลือความกว้าง 6.00 เมตร ยาว 25.00 เมตร ลึก 1.2 เมตร สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริง และมองเห็นวิวเมืองฝั่งถนนสุขุมวิทได้ค่ะ
บรรยากาศจำลองบริเวณ Thermal Pool (ซ้าย), Hydrotherapy Pool (กลาง) และ Children’s Pool แยกกันเป็นสัดส่วน ทำให้ไม่รบกวนและมีความเป็นส่วนตัว มองเห็นวิวทางทิศเหนือฝั่งเอกมัยนั่นเองค่ะ
บรรยากาศจำลองภายในห้อง Private Sky-High Onsen มีพื้นที่แช่น้ำพร้อมกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวชุมชนพักอาศัยในเอกมัยได้กว้าง
บรรยากาศจำลองภายในห้อง Private Style Atelier สำหรับจ้างช่างขึ้นมาให้บริการ โดยจะมีเก้าอี้รองรับสำหรับนั่งทำเล็บให้ด้วยค่ะ มีหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นวิวฝั่งเอกมัยได้เช่นกัน
บรรยากาศจำลองภายในห้อง Private Spa มีเตียงนวดจำนวน 2 ท่าน สำหรับจ้างคนนวดมาให้บริการแบบเป็นส่วนตัวค่ะ
ภายในห้อง Sky-High Gym Studio มีเครื่องออกกำลังกายค่อนข้างเยอะเหมาะสมกับจำนวนยูนิต และสามารถมองเห็นวิวทางทิศใต้ ฝั่งถนนสุขุมวิท ผ่านกระจกบานใหญ่เต็มผนังด้านหน้าโครงการ
ชั้น 33 เป็นชั้นพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลาง โดยพื้นที่ส่วนกลางจะต้องเดินขึ้นบันไดมาจากชั้น 32 ค่ะ ขึ้นมาแล้วจะมีห้องออกกำลังกายโยคะ และห้องเรียนบัลเล่ต์อย่างละ 1 ห้อง และมีพื้นที่ลาน Outdoor สำหรับเล่นกีฬากลางแจ้งด้วย ส่วนห้องพักอาศัยภายในชั้นนี้จะเป็นห้อง Penthouse ซึ่งมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 2-3 Bedroom เลยค่ะ
ชั้น 37 เป็นชั้น INTERGENERATION SOCIAL LIFESTYLE SUITE บนสุดของอาคาร โดยจะมีพื้นที่ Residence Lounge สำหรับพักผ่อน ลูกบ้านที่ขึ้นมาใช้บริการจะได้รับ Complimentary Afternoon Tea มีบริการเสิร์ฟชา ขนม ฟรี สำหรับลูกบ้านทุกวัน ให้เป็นระยะเวลา 2 ปี (ซึ่งเป็น service จาก MQDC ค่ะ) นอกจากนั้นก็จะมีห้องต่างๆ ดังนี้
- Game Room & Pool Table ห้องเล่นเกมและโต๊ะพูล
- Children’s Play Room ห้องเด็กเล่นสำหรับรอผู้ใหญ่ มีผนังเป็นกระจกสามารถมองเห็นเด็กๆในสายตาได้ตลอด
- Grand Private Living room เชื่อมต่อกับ Grand Private Dining Room และ Kitchen สำหรับชวนเพื่อนๆมาจัดปาร์ตี้ในห้องใหญ่ หรือจ้างเชฟจากภายนอกเข้ามาทำอาหารให้รับประทานได้เลยค่ะ (มีอุปกรณ์ให้บริการ)
- Family Living Room เชื่อมต่อกับ BBQ Garden สำหรับจัดปาร์ตี้กันในครอบครัว มีพื้นที่ครัวให้บริการเช่นกัน
บรรยากาศภายในห้อง Residence Lounge เป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับลูกบ้านที่มีบริการ Complimentary Afternoon Tea ให้ทุกวัน โดยจะตกแต่งให้บรรยากาศเหมือนกับส่วน Lobby แต่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น พร้อม Grand Piano ให้กับลูกบ้าน
บรรยากาศภายในห้อง Grand Private Living room เชื่อมต่อกับ Grand Private Dining Room เปิดให้จองสำหรับลูกบ้านที่ต้องการจัดปาร์ตี้เป็นกลุ่มใหญ่ๆได้เลยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1
- Gourmet Courtyard
- English Courtyard
- Intergeneration Courtyard
- Mulberry’s Greeting Gallery (Lobby)
- Care Giver’s Office
- Autonomous GarageTechnology (Auto Parking)
- Private Study Studio
- The Mulberry’s Library
- Children’s Room
- สระว่ายน้ำ Infinity Sky Pool ระบบ เกลือ ขนาด 6 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร
- Hydrotherapy Pool
- Children’s Pool
- Thermal Pool
- Sky-high Sun Deck
- Family Cabana
- Sky-High Gym Studio
- Sauna
- Private Sky-High Onsen
- Private Style Atelier
- Private Spa
- Golf Simulator & Entertainment Room
- Patio Gym
- Yoga Suite
- Ballet Suite
- Family Living Room
- BBQ Garden
- Kitchen
- Grand Private Dining Room
- Grand Private Living Room
- Children’s Play Room
- Game Room & Pool Table
- Residence Lounge
- Observation Patio
แบบห้อง
ห้องพักอาศัยภายในโครงการทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้ค่ะ
- 1 Bedroom 47.00 – 56.50 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 87.00 – 135.00 ตร.ม.
- 3 Bedrooms 162 ตร.ม
- Penthouse 180 – 241.5 ตร.ม
โดยภายในห้องเป็นการขายแบบ Fully Fitted พร้อมชุดครัว, ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ Built-in, เครื่องปรับอากาศแบบ Concealed Type และชุดสุขภัณฑ์ พร้อมกับ SMART HO ME & ENERGY MEASUREMENT UNIT ช่วยควบคุมแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศได้ มีการแสดงการใช้ พลังงานไฟฟ้ารายวัน เดือน และปีเพื่อให้สามารถติดตามการใช้พลังงานไฟฟ้า และควบคุมการใช้พลังงานของเราได้เอง มาให้ทุกยูนิต ซึ่งวันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่าง 1 Bedroom และ 2 Bedroom กันค่ะ
ห้องแรกเรามาเริ่มกันที่ 1 Bedroom ขนาด 56.50 ตารางเมตร อยู่ในตำแหน่งทิศเหนือมองเห็นวิวชุมชนพักอาศัยในซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วนครัวก่อน ซึ่งจะได้เป็นครัวปิดมีผนังกระจกกั้นให้ สามารถทำอาหารที่จริงจังมีกลิ่นได้โดนไม่ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องค่ะ และภายในครัวก็มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้เลย ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและห้องนั่งเล่น ซึ่งโครงการนี้จะไม่มีระเบียงนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบใช้งานที่ระเบียงและต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในที่มากขึ้น แต่ถ้าใครอยากปลูกต้นไม้ทางโครงการก็ทำประตูกั้นไว้ให้เหมือนเป็นระเบียงแบบ Semi-Outdoor ได้ ข้อดีของการปรับพื้นที่ระเบียงเป็นพื้นที่ภายในก็คือจะได้ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ สามารถวางชุดรับประทานอาหาร 4 ที่นั่งและโซฟาขนาด 3-4 ที่ พร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ มีช่องแสงขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้ทั่วถึงทั้งห้อง ส่วนระบบปรับอากาศของที่นี่จะเป็น ระบบ VRV รวบรวม Condensing Unit ไว้ด้านนอกไม่ทำให้เสียพื้นที่ภายในห้องค่ะ
ส่วนของห้องนอนจะแยกออกมาเป็นสัดส่วนขนาดค่อนข้างใหญ่พร้อม กับพื้นที่ Walk-in Closet เป็นสัดส่วนสามารถกั้นปิดได้ เชื่อมต่อกับห้องน้ำ ใช้งานได้สะดวก ภายในห้องนอนสามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ โดยมีการคำนึงถึงพื้นที่รอบเตียงที่สามารถเข็นรถ Wheelchair ผ่านได้ เพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะและยังมองเห็นวิวได้กว้าง ภายในห้องน้ำจะมีการแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจนและมีอ่างล้างอาบน้ำมาให้ทุกยูนิตค่ะ
มาดูที่ทางเข้าห้องกันก่อนค่ะ ด้านหน้าห้องจะมีตู้เก็บของ Built-in มาให้ สามารถเก็บของได้ 3 จุด ช่องตรงกลางเป็นช่องจดหมายที่ทางนิติบุคคลจะมาส่งให้ถึงหน้าห้องเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นพัสดุขนาดใหญ่หน่อยจะไม่ได้มาส่งให้นะคะ หน้าบานตู้เป็นวัสดุลามิเนตลายไม้ เข้ากันกับบานประตูห้อง ซึ่งให้มาเป็นบานใหญ่สูง 2.7 เมตรเลย
บานประตูห้องติด Digital door lock จาก Philips มาให้ มีระบบล็อคอัตโนมัติ ลิ้นล็อค 3 จุด สามารถใช้งานได้ 5 ระบบ คือ รหัส กุญแจ ลายนิ้วมือ One Time Password (OTP) และ Key Card ค่ะ
เข้ามาภายในห้อง จะมีไฟต้อนรับหน้าประตูติดอัตโนมัติ ฝั่งซ้ายเป็นห้องครัว ส่วนฝั่งขวามือเป็นชั้นเก็บของ Built-in มาให้ค่ะ บริเวณด้านหน้าห้องจะมี Master Switch สวิตซ์ไฟหลักที่สามารถตั้งค่าให้ เปิด-ปิด แสงสว่าง, เครื่องปรับอากาศ, ระบบระบายอากาศ ตามที่ตั้งค่าไว้ได้ภายในปุ่มเดียว เช่น เวลาที่รีบออกจากบ้านแล้วกลัวว่าจะลืมปิดไฟ ก็สามารถกดที่ Master Switch ให้ปิดหมดทุกอย่างได้เลยในครั้งเดียวค่ะ
ตู้เก็บของทางด้านข้างจะ Built-in มาให้หน้าตาเหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ มีชั้นเก็บของด้านบนซึ่งมีระบบ Main Board อยู่ด้านบน ส่วนชั้นล่างเป็นชั้นเก็บรองเท้าสามารถเก็บได้ประมาณ 15 คู่ เลย
ตรงกลางจะเป็นชั้นวางของมาให้ เวลาเข้าบ้านมาถ้าอยากจะวางกระเป๋า, กุญแจ ก็วางไว้ได้เลย ตรงนี้ยังมีช่องเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ไว้ให้ด้วย
มาดูห้องครัวกันบ้าง ภายในครัวจะได้เป็นครัวปิดพร้อมกระจกเข้ามุม ทำให้ดูโปร่ง ไม่อึดอัดได้เป็นแบบเดียวกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ มีประตูบานเลื่อนกระจกติดตั้งมาให้แล้ว ข้อดีของครัวปิดก็คือสามารถทำอาหารได้โดยไม่มีกลิ่นฟุ้งกระจายออกมาด้านนอกนั่นเอง
พื้นห้องครัวปูกระเบื้อง Porcelain แบบกันลื่น ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร มาให้เป็นผิวด้านเวลามีน้ำหกหรือคราบน้ำมันก็จะไม่ลื่น
เคาน์เตอร์ครัวที่ได้เป็นรูปตัว L TOP หิน QUARTZ สีขาวชนิด Food Grade ภายในครัวจะสามารถมองเห็นห้องนั่งเล่นได้จากกระจกบานใหญ่เต็มผนังทำให้รู้สึกเหมือนครัวเปิดเลยค่ะ
อ่างล้างจานที่ได้เป็นอ่างสเตนเลสขนาดใหญ่ จาก Panasonic ซึ่งมีผิว นูนทำความสะอาดง่าย ไม่มีรอยต่อ (Gapless) ช่องระบายน้ำมีการป้องกันกลิ่นและแมลง สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ตัวก๊อกน้ำรองรับระบบน้ำร้อน-น้ำเย็นได้ จาก Blanco ซึ่งเป็นแบรนด์เยอรมัน สามารถยืดท่อออกมาทำความสะอาดได้ทั่วถึง
ด้านล่างอ่างล้างจานเป็นพื้นที่เก็บของ ซึ่งจะมีถังขยะติดตั้งมาให้เปิดฝาอัตโนมัติเมื่อเปิดบ้านตู้และมีท่อเดินไว้ให้รองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน รวมถึงชั้นเก็บของสเตนเลสมาให้แบบในภาพซ้ายล่างเลยค่ะ
หน้าบานตู้เป็นบาน Laminate anti fingerprint ทำให้ไม่มีรอยนิ้วมือติด ส่วนช่องเก็บของตรงมุมก็มีชั้นเก็บของเพื่อให้ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประโยชน์สูงสุดค่ะ
ชุดครัวจะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า Induction 2 หัว และเครื่องดูดควัน ติดตั้งมาให้สำหรับทำอาหารที่มีกลิ่น นอกจากนั้นยังมีเตาอบ ที่เป็นไมโครเวฟได้ (2 ฟังก์ชัน) ติดตั้งมาให้ด้านล่างเคาน์เตอร์ อุปกรณ์ทั้งหมดจาก Kuppersbusch แบรนด์ครัวมาตรฐานจาก เยอรมัน เช่นกันค่ะ
นอกจากนั้นด้านล่างเคาน์เตอร์จะมีช่องเก็บช้อน ส้อม ซึ่งทางโครงการมีถาดไม้แบ่งช่องไว้ให้เรียบร้อย ออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานวางเป็นแนวนอนทำให้ไม่ต้องงอข้อมือในการหยิบค่ะ (ภาพซ้ายล่าง) และมีชั้นลื่อนเก็บของด้านข้าง (ภาพขวา) สำหรับเก็บขวดซอสต่างๆ โดยใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนชั้นเก็บของด้านบนก็ Built-in มาให้หน้าตาเหมือนในห้องตัวอย่างเลย และที่คิดว่าเป็นข้อดีของห้องครัวโครงการนี้ก็คือจะมีการติดตั้งช่องดูดอากาศออกมาให้อีกจุดนึงนอกเหนือจากเครื่องดูดควัน ทำให้ระบายอากาศภายในครัวได้มากขึ้น และมีกลิ่นจากการทำอาหารน้อยลงค่ะ
ด้านหลังของครัวจะมีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้ามาให้ โดยต่อท่อระบายน้ำต่างๆไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถวางเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ 10 กิโลกรัมได้ค่ะ
ถัดมาจะเป็นตู้เย็น Built-in หน้าบานเข้ากันกับบานตู้ จาก Liebherr (ลีบแฮรร์) แบรนด์ตู้แช่เย็นจากเยอรมัน โดยจะแบ่งเป็นช่องแช่เย็นด้านบน และชั้นล่างเป็นช่องแช่เข็งค่ะ
ถัดมาเป็นพื้นที่ Common Area พื้นที่รับประทานอาหาร เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นดูกว้าง พื้นห้องจะปูด้วยหิน Synthetic Marble ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร มาให้ และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3.00 เมตร ส่วนครัวและห้องน้ำอยู่ที่ 2.70 เมตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงทำให้ห้องดูโปร่งค่ะ แต่จะได้เป็นฝ้าฉาบเรียบมี Drop ซ่อนรางม่านให้นะคะ
พื้นที่รับประทานอาหารค่อนข้างกว้างเลย สามารถจัดเป็นโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่งได้สบายๆ
มองกลับไปที่ส่วนครัวที่มีฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตรเนื่องจากมีงานระบบ และซ่อนเครื่องปรับอากาศแบบ Concealed Type ไว้ ระบบปรับอากาศของที่นี่จะเป็นระบบ VRV จาก Daikin รวบรวม Condensing Units ไว้ด้านนอกทำให้ไม่เสียพื้นที่ภายในห้องค่ะ
รีโมตเครื่องปรับอากาศจะติดไว้ให้ที่ผนังห้องนั่งเล่นและห้องนอนแลย ส่วนสวิตช์ไฟ มีดีไซน์เรียบหรู จาก Schneider
ห้องนั่งเล่นมีขนาดประมาณ 3.60 x 3.00 เมตร ซึ่งค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะกลางได้สบายๆ มีระยะดู TV อยู่ที่ 3.30 เมตร เหมาะกับ TV ขนาด 42-46 นิ้วค่ะ โดยภายในห้องนั่งเล่นทางโครงการจะไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์มานะคะ สามารถเลือกตกแต่งเพิ่มเติมได้ตามความชอบของเจ้าของห้องได้เลย
ภายในห้องนั่งเล่นจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ ทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งสบาย โดยที่นี่จะไม่มีระเบียงภายนอกมาให้เพื่อเพิ่มเป็นพื้นที่ภายใน แต่ก็มีประตูบานเลื่อนมาให้อีกชั้นหนึ่งเพื่อใครอยากใช้พื้นที่ภายนอกเป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้ค่ะ
ประตูบานเลื่อนเป็นบานกระจก กรอบบานอลูมิเนียม สูง 3.00 เมตร 4 ตอน ทำให้ดูโปร่งสบาย ถ้าไม่ใช้งานก็สามารถเลื่อนเก็บได้ไม่กินพื้นที่ โดยจะออกแบบรางให้อยู่ด้านบนไม่เก็บฝุ่นและเดินแล้วไม่เจ็บเท้าด้วยค่ะ
ห้องภายนอกติดริมหน้าต่างมีขนาดประมาณ 3.60 x 1.15 เมตร สามารถทำเป็นพื้นที่ทำงาน หรือห้องสำหรับเด็กได้ โดยกระจกภายนอกที่ได้หากเป็นห้องทางทิศเหนือจะเป็นกระจก Laminate ประหยัดพลังงาน ถ้าเป็นห้องทางทิศใต้จะได้เป็นกระจก Laminate IGU ป้องกันความร้อนและเสียงมีค่า STC มากกว่า 33 (ลดความดังของเสียงพูดคุยปกติได้)
พื้นที่ห้องภายนอกมีช่องเปิดระบายอากาศ 2 ข้าง และมี Floor Drain ระบายน้ำสำหรับคนที่ต้องการใช้เป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในห้องได้
เรามาดูห้องนอนกันบ้างค่ะ ห้องนอนจะอยู่ด้านหลังผนังที่ติดตั้ง TV โดยประตูห้องภายในจะมีความสูงอยู่ที่ 2.40 เมตรเป็นบานเปิด และมีความกว้างพอที่รถ Wheelchair จะผ่านได้
ระหว่างพื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนก็จะไม่ยกระดับ เพื่อให้สะดวกในการใช้ Wheelchair ตามแนวคิดการออกแบบของโครงการค่ะ
ห้องนอนมีความกว้างประมาณ 3.50 x 3.20 เมตร ซึ่งสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 6 ฟุต ได้สบายๆมีพื้นที่เดิน (และใช้ Wheelchair ) ได้รอบเตียง สามารถวางชั้นวาง TV หรือโต๊ะข้างเตียงเพิ่มเติมได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ ส่วนพื้นห้องนอน ปูด้วย Engineered Teak Wood 15 มิลลิเมตร ผิวไม้สัก ให้ความรู้สึก Homey
ภายในห้องนอนยังมีระบบ INTELLIGENT FRESH AIR ระบบเติมอากาศด้วยเครื่อง ERV (ประหยัดไฟ) จะช่วยเติมออกซิเจนเข้ามาเพิ่มภายในห้องอัตโนมัติค่ะ
เมื่อวางเตียง 6 ฟุต จะเหลือพื้นที่ด้านข้างสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ ห้อง 1 Bedroom บางแบบจะได้กระจกเข้ามุมที่หัวเตียงด้วยค่ะ
ปลายเตียงมีระยะเหลือสามารถเข็นรถ Wheelchair ได้
ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงกว้างสูงขึ้นจากพื้น 45 เซนติเมตร เนื่องจากคำนึงถึงการใช้งานของผู้สูงอายุหรือบางคนกลัวความสูงในชั้นสูงๆ ซึ่งจะมีบานเปิดระบายอากาศมาให้ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่างจะเป็นห้องน้ำและ Walk-in Closet ที่แยกเป็นสัดส่วนอยู่ในห้องนอน ทำให้ใช้งานสะดวก แต่อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปหน่อยถ้ามีแขกมาเข้าค่ะ
พื้นที่ Walk-in Closet จะมีประตูกั้นปิดมาให้ เป็นสัดส่วนดี และมีช่องระบายอากาศทำให้อากาศสามารถไหลผ่านภายในห้องไปออกยังช่องดูดอากาศได้ค่ะ
ห้อง Walk-in Closet จะติดตั้งตู้เสื้อผ้า Built-in แบบในห้องตัวอย่างมาให้เลยค่ะ (ยกเว้นโต๊ะเครื่องแป้ง) โดยจะมีไฟ Motion Sensor ติดอัตโนมัติเมื่อเราลุกมาเข้าห้องน้ำ
ตู้เสื้อผ้าจะเป็นราวแขวนแบบไม่มีบานเปิดปิด มีลิ้นชักเก็บเสื้อผ้าชิ้นเล็กมาให้ พร้อมกับออกแบบมาให้วางของชิ้นใหญ่อย่างกระเป๋าเดินทาง ถุงกอล์ฟ และมีช่องวางตู้เซฟขนาดเล็กได้ค่ะ
ห้องน้ำมีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน ภายในห้องตกแต่งด้วยผนังและพื้นกระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อน มีการเดินระบบท่อออกไปด้านนอกของตัวห้อง เมื่อต้องแก้ไขก็สามารถแก้จากโถงทางเดินได้เลยไม่รบกวนห้องที่อยู่ชั้นอื่นๆ
กระจกเงาที่ได้เป็นบานสูง มีช่องเปิดเก็บของมาให้ 2 บานสามารถวางของได้เยอะพอสมควรเลย มีไฟซ่อนด้านล่างมาให้ดูสวยงาม อ่างล้างหน้า Duravit พร้อมก๊อก จาก Hansgrohe มีชั้นเก็บของด้านล่างที่เดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำร้อนมาให้ค่ะ
บานกระจกเมื่อปิดแล้วจะมีช่องด้านล่าง สามารถเสียบปลั๊กด้านในแล้วนำสายออกมาใช้งานด้านนอกได้
โถสุขภัณฑ์เป็นโถชิ้นเดียวระบบอัตโนมัติ จาก TOTO
พื้นที่อาบน้ำกั้นส่วนเปียก-แห้งด้วยฉากกั้นกระจกบานเปิด สูง 2.40 เมตร ช่วยกันไม่ให้น้ำไหลออกมาด้านนอก และมีอ่างอาบน้ำมาให้ทุกยูนิตค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.40 x 0.90 เมตร สามารถยืนอาบได้สบายๆ และมีการลดระดับไม่มากพร้อมปาดมุมเพื่อให้สามารถใช้ Wheelchair ได้
ฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower จาก Hansgrohe มีช่องเก็บของในผนังมาให้วางของได้ค่อนข้างเยอะ และได้ Floor Drain ยาวดีไซน์เป็นหนึ่งเดียวกับพื้นห้องน้ำค่ะ
ด้านในพื้นที่อาบน้ำมีอ่างแบบ Custom Made ผิว Solid มาให้พร้อมก๊อกและฝักบัว
ห้องต่อมาเราจะพาไปดูห้อง 2 Bedroom ขนาด 114.00 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่ที่สุด อยู่มุมอาคารทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มองเห็นวิวทางทิศใต้ฝั่งถนนสุขุมวิท และสุขุมวิทซอยเลขคู่ ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้าง ประมาณ 15 เมตร แบ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนอยู่ด้านนอกสามารถมองเห็นวิวได้ทุกจุด และมีส่วน Service เช่นห้องน้ำ, Walk-in Closet และห้องครัวอยู่ด้านใน เมื่อเข้าห้องมาแล้วจะเจอกับส่วนครัว เชื่อมต่อกับ Common Area ตรงกลาง พื้นที่ครัวจะได้ครัวปิดขนาดใหญ่ มีห้องน้ำ Powder Room มาให้ 1 ห้อง และพื้นที่ Laundry สำหรับวางเครื่องซักผ้าเป็นสัดส่วน เดินเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร ทำให้ดูโปร่งกว้าง และทางโครงการมีการออกแบบห้องอเนกประสงค์เล็กๆไว้สำหรับเป็นมุมพักผ่อนส่วนตัว หรือห้องทารกเพื่อรองรับทุก Generation ได้
ห้องนอนจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งมีความเป็นส่วนตัว โดยจะได้ห้องนอนขนาดใหญ่ทั้ง 2 ห้อง ห้องแรกทางฝั่งขวามือจะเหมือนกับห้องนอนในห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ ส่วนห้องทางซ้ายมือจะเป็นห้อง Master Bedroom มี Walk-in Closet ขนาดใหญ่ขึ้น และภายในห้องน้ำมีอ่างล้างหน้า His & Her แบ่งเป็นห้องสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 คนค่ะ
ทางเข้าห้องพักอาศัยจะมีตู้เก็บของ Built-in เหมือนกันกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ
ด้านในสามารถเก็บของได้ 3 จุด ช่องตรงกลางเป็นช่องจดหมายที่ทางนิติบุคคลจะมาส่งให้ ช่องด้านบนมีราวแขวนร่มและเก็บของได้ค่ะ
ประตูทางเข้าห้องของ 2 Bedroom จะมีขนาดใหญ่ขึ้นสามารถเปิดได้ 2 ฝั่ง เป็นบานใหญ่ 90 เซนติเมตร และบานเล็กอีก 40 เซนติเมตร สำหรับขนของชิ้นใหญ่ๆ เช่น โซฟา, เปียโน เป็นต้น
เข้ามาในห้องแล้วเราจะเจอกับพื้นที่ครัวปิดทางด้านซ้ายมือ ฝั่งขวามือเป็นชั้นเก็บของ ห้องน้ำและ Laundry ถ้ามองตรงไปจะเป็นพื้นที่ Common Area ดูกว้างเนื่องจากห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้างค่ะ
มองกลับไปที่ประตูจะมีไฟต้อนรับหน้าประตูติดอัตโนมัติมาให้เช่นกัน พื้นห้องจะปูด้วยหิน Synthetic Marble ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร มาให้ และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3.00 เมตร ส่วนครัวและห้องน้ำอยู่ที่ 2.70 เมตรค่ะ
มาดูทางฝั่งขวามือของประตูกันก่อนนะคะ ตรงนี้จะประกอบด้วยช่อง Laundry (ซ้ายมือ) ห้องน้ำ (ตรงกลาง) และชั้นเก็บของ (ขวามือ)
ตู้เก็บของ Built-in มาให้ หน้าตาเหมือนกับที่ได้ภายในห้อง 1 Bedroom แต่แคบกว่าเล็กน้อย มีชั้นเก็บของด้านบนเป็น Main Board ควบคุมไฟภายในห้องและชั้นรองเท้าด้านล่างเก็บได้ประมาณ 9 คู่ค่ะ
ห้องน้ำเป็นห้อง Powder Room ไม่มีพื้นที่อาบน้ำนะคะ จะได้อ่างล้างหน้าพร้อมชั้นเก็บของด้านล่างและสุขภัณฑ์เหมือนในห้องตัวอย่างเลย ส่วนกระจกเงาที่ได้จะเป็นกระจกบานสูง กว้างครึ่งหนึ่งของห้องค่ะ
ช่อง Laundry มีขนาดใหญ่ ประมาณ 1.00 x 1.50 สามารถวางเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าและเก็บ, แขวนของเพิ่มเติมได้อีก มีพื้นที่ด้านหน้าเครื่องสำหรับวางตะกร้าผ้าได้ นอกจากนั้นภายในห้องนี้ยังมีช่องดูดอากาศออกช่วยระบายอากาศให้ไม่มีกลิ่นอับชื้นด้วยค่ะ
ภายในครัวจะได้เป็นครัวปิดขนาดใหญ่ขึ้นมา พร้อมกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานทำให้รู้สึกเหมือนเป็นครัวเปิด โปร่งสบายไม่อึดอัด ในขณะเดียวกันก็สามารถกันไม่ให้กลิ่นฟุ้งกระจายออกไปห้องอื่นๆได้ พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้อง Porcelain แบบกันลื่น ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
บานกระจกที่มีขนาดใหญ่ทำให้ดูโปร่งโล่ง เวลายืนล้างจานหรือทำอาหารภายในครัวก็สามารถดู TV ไปด้วยได้เลยค่ะ
พื้นที่เคาน์เตอร์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถเตรียมอาหารได้สบายๆ อ่างล้างจานที่ได้เป็นอ่างสเตนเลสขนาดใหญ่ จาก Panasonic ด้านล่างเป็นช่องเก็บของ มีถังขยะติดตั้งมาให้เปิดฝาอัตโนมัติเมื่อเปิดบานตู้และมีท่อเดินไว้ให้รองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน รวมถึงชั้นเก็บของสเตนเลส (ภาพขวาล่าง) จะได้แบบนี้เลย ด้านข้างก็มีลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำครัวต่างๆด้วยค่ะ
ช่องเก็บของภายในครัวของห้อง 2 Bedroom จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เก็บของได้เยอะ หน้าบานเป็นบาน Laminate anti fingerprint ทำให้ไม่มีรอยนิ้วมือติด พร้อม Soft Close ทั้งหมด
บานเปิดแต่ละบานจะมีร่องสำหรับจับได้ถนัดมือ (ภายซ้ายบน) มีช่องเก็บของบริเวณมุมตู้เพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่ให้ได้มากที่สุดค่ะ (ภาพซ้ายล่าง) ส่วนลิ้นชักเก็บช้อน ส้อมก็มีการออกแบบมาให้เข้ากับมือ โดยไม่ได้งอข้อมือเวลาหยิบนั่นเอง (ภาพขวาบน) นอกจากนั้นบนเคาน์เตอร์ยังมีปลั๊กไว้สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น เครื่องปั่น, หม้อหุงข้าว เป็นต้น (ภาพขวาล่าง)
ชุดครัวจะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า Induction 4 หัว และเครื่องดูดควัน ติดตั้งมาให้สำหรับทำอาหารที่มีกลิ่น นอกจากนั้นยังมีเตาอบและ ไมโครเวฟแยกมาให้จาก Kuppersbusch
ชั้นเก็บของด้านหลังจะมีตู้เย็น Side by side ขนาดใหญ่จาก Liebherr (ลีบแฮรร์) และช่องเก็บอุปกรณ์ต่างๆค่อนข้างเยอะเลยค่ะ นอกจากนั้นก็ยังมีการติดตั้งช่องดูดอากาศออกมาให้ด้านบนนอกเหนือจากเครื่องดูดควัน ทำให้ระบายอากาศภายในครัวได้มากขึ้น และลดกลิ่นจากการทำอาหารลงได้
เมื่อเข้ามาอีกจะเจอกับพื้นที่ Common Area กว้างประมาณ 6.80 x 4.45 เมตร แบ่งเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร 4-6 ที่นั่ง, พื้นที่นั่งเล่น และห้องอเนกประสงค์ NOOK MULTI-PURPOSE
SPACEพื้นที่อเนกประสงค์ทางซ้ายมือค่ะ บริเวณนี้จะได้ผนังกระจกเต็มบานสูง 3.00 เมตร เท่ากับความสูงจากพื้นที่ถึงฝ้าเพดาน มองเห็นวิวได้กว้างมากๆ และช่วยรับแสงธรรมชาติเข้ามาเพียงพอต่อการใช้งาน โดยจะได้เป็นบานกระจก Laminate IGU ป้องกันความร้อนและเสียงมีค่า STC >33
พื้นที่อเนกประสงค์จะอยู่ด้านหน้าห้องนอนรอง สามารถกั้นปิดได้ โดยจะใช้เป็นห้องเลี้ยงเด็ก หรือวางเก้าอี้นวดสำหรับงีบหลับโดยที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้ หรือบางคนชอบปลูกต้นไม้ บริเวณนี้ก็จะคล้ายกับระเบียงที่มีช่องเปิดระบายอากาศ และ Floor Drain ระบายน้ำมาให้ค่ะ
ส่วนนั่งเล่นจะอยู่ด้านหน้าห้อง A SPACIOUS MASTER BEDROOM มีขนาดประมาณ 4.45 x 3.00 เมตร สามารถวางโซฟา 3-4 ที่นั่ง โต๊ะกลางและชั้นวาง TV ได้สบายๆ
มีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 3.00 เมตร เหมาะกับ TV ขนาด 40-46 นิ้วค่ะ หรือใครที่อยากดู TV จากพื้นที่รับประทานอาหารด้วย ก็ติดตั้ง TV ขนาดใหญ่ขึ้นได้นะคะ
มาดูห้องนอนรองกันก่อนนะคะ ห้องนี้จะเหมือนกับห้องนอนในห้อง 1 Bedroom เลยแต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น อยู่ที่ประมาณ 3.5 x 4.2 เมตร ซึ่งสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 6 ฟุต ได้สบายๆมีพื้นที่เดิน (และใช้ Wheelchair ) ได้รอบเตียง ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงกว้างสูงขึ้นจากพื้น 45 เซนติเมตร เนื่องจากคำนึงถึงการใช้งานของผู้สูงอายุหรือบางคนกลัวความสูงค่ะ
เมื่อวางเตียง 6 ฟุต จะเหลือพื้นที่ด้านข้างสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ
ปลายเตียงมีระยะเหลือสามารถเข็นรถ Wheelchair ได้
ฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่างจะเป็นห้องน้ำและ Walk-in Closet ที่แยกเป็นสัดส่วนอยู่ในห้องนอน ทำให้ใช้งานสะดวก บริเวณประตูมีช่องสำหรับอากาศไหลผ่านได้เช่นกันค่ะ
ห้อง Walk-in Closet จะติดตั้งตู้เสื้อผ้า Built-in แบบในห้องตัวอย่างมาให้เลยค่ะ (ยกเว้นโต๊ะเครื่องแป้ง) โดยจะมีไฟ Motion Sensor ติดอัตโนมัติเมื่อเราลุกมาเข้าห้องน้ำด้วย
ห้องน้ำมีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน ภายในห้องตกแต่งด้วยผนังและพื้นกระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อน เหมือนกับห้องน้ำ 1 Bedroom ทุกอย่างเลยค่ะ
ถัดมาเรามาดูห้อง Master Bedroom ฝั่งตรงข้ามกันบ้าง
ภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดพื้นที่ส่วนพักผ่อนประมาณ 3.50 x 4.30 เมตร สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 6 ฟุตได้ มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง และสามารถวางชั้นวาง TV หรือโต๊ะข้างเตียงเพิ่มเติมได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ
นอกจากนั้นภายในห้อง Master Bedroom ยังได้กระจกเข้ามุม มองเห็นวิวได้กว้าง และมีฝ้า Drop สำหรับซ่อนรางม่านมาให้ดูสวยงาม
ภายในห้องนอนทุกห้องจะมี ระบบ INTELLIGENT FRESH AIR ระบบเติมอากาศด้วยเครื่อง ERV (ประหยัดไฟ) ติดตั้งมาให้ ทำให้มีอากาศบริสุทธิ์ในช่วงเวลาที่เรานอนค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่างจะเป็นห้องน้ำและ Walk-in Closet ที่แยกเป็นสัดส่วนมาให้เช่นกันค่ะ โดยประตูจะสามารถเปิดซ่อนเข้าไปในผนังได้เลย
พื้นที่ Walk-in Closet ในห้องนี้กว้างประมาณ 1.80 เมตร สามารถยืนแต่งตัวได้สบายๆ และมีพื้นที่แขวนเสื้อผ้าค่อนข้างเยอะเลยค่ะ แต่จะไม่ได้โต๊ะเครื่องแป้งนะคะ เป็นพื้นที่เว้นไว้ให้ Built-in เพิ่มเติมได้เองค่ะ
ตู้เสื้อผ้าจะเป็นราวแขวนแบบไม่มีบานเปิดปิด มีลิ้นชักเก็บเสื้อผ้าชิ้นเล็กมาให้ พร้อมกับออกแบบมาให้วางของชิ้นใหญ่อย่างกระเป๋าเดินทาง ถุงกอล์ฟ และมีช่องวางตู้เซฟมาให้เช่นกัน นอกจากนั้นยังมีช่องระบายอากาศ (ช่อง Return Air) ช่วยลดความชื้นภายในห้อง Walk-in Closet ได้
ภายในห้องน้ำของ Master Bedroom จะแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นสัดส่วน ภายในห้องตกแต่งด้วยผนังและพื้นกระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อน ด้านซ้ายเป็นพื้นที่อ่างล้างหน้า ตรงกลางมีอ่างอาบน้ำ และมีพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ส่วน
อ่างล้างหน้าเป็นแบบ His & Her สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 คน จาก Duravit ได้กระจกเงาบานใหญ่ พร้อมชั้นเก็บของทั้ง 2 ฝั่งเช่นกันค่ะ พื้นที่ด้านใต้อ่างล้างหน้ามีงานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนเช่นกันค่ะ
อีกฝั่งเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบ Hand Shower และโถสุขภัณฑ์ แบ่งเป็น 2 ห้องสามารถเข้าพร้อมกัน 2 คนได้เลย
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่และมีที่นั่งเผื่อสำหรับผู้สูงอายุ มีฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower จาก Hansgrohe และช่องเก็บของที่ผนังมาให้ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
แบบแปลน
1 Bedroom 47 sq.m.
ราคา
23 January 2020
- 1 Bedroom / เนื้อที่ 47.00 ตร.ม. / ราคา 8.9 ล้านบาท (โปรโมชัน)
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 3.00 เมตร (ครัวและห้องน้ำ 2.70 เมตร)
- Kitchen & Sink / ท็อปหินควอทซ์ (Food Grade)
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Kuppersbusch
- จอง
- 1 Bedroom 100,000 บาท
- 2 Bedroom 200,000 บาท
- 3 Bedroom / Penthouse 300,000 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
โครงการ MULBERRY GROVE SUKHUMVIT ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท (ติดถนนใหญ่) เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถสาธารณะ ภายในทำเลนี้มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูง สามารถเชื่อมต่อไปยังย่าน CBD อย่างเพลินจิต หรือแหล่ง shopping อย่างสยามได้ง่าย มีแหล่งให้จับจ่ายใช้สอยไม่ไกล เนื่องจากอยู่ใกล้กับซอยสุขุมวิท 63 หรือเอกมัย มีครบทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้า แหล่งท่องเที่ยว ชอปปิ้งและร้านอาหารระดับ Hi-end มากมายอย่างเช่น Gateway เอกมัย, Major Cineplex เอกมัย เป็นต้น ที่ริมถนนสุขุมวิทเองเดินออกมาหน้าซอยก็จะเจอกับร้านอาหารเรียงรายเกือบตลอดทั้งเส้น รวมถึงมีโรงเรียนนานาชาติ St. Andrew ตั้งอยู่ตรงข้ามโครงการและอยู่ใกล้โรงพยาบาลสุขุมวิทเพียงร้อยกว่าเมตร
การเดินทางโดยใช้รถ :
การเดินทางด้วยรถก็ถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ เนื่องจากอยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่าใจกลางเมือง เชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกจะสามารถไปยังอ่อนนุช, บางนา ได้ หรือถ้าใช้เส้นทางไปยังฝั่งตะวันตกจะสามารถเชื่อมต่อไปยังย่าน CBD อย่างเพลินจิต, ชิดลม หรือสยามได้ นอกจากนั้นยังเชื่อมต่อไปยังถนนพระราม 4 ได้จากซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ ส่วนในซอยฝั่งเลขคี่อย่างซอยทองหล่อและซอยเอกมัย ท้ายซอยจะไปบรรจบกับถนนเพชรบุรีซึ่งเราสามารถใช้เส้นทาง ไปยังอโศก ประตูน้ำ ราชเทวี พญาไทได้ สำหรับใครที่ต้องการใช้ทางด่วน ก็จะมีทางด่วนที่สามารถเดินทางไปขึ้นได้ง่ายคือ ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ (ทางพิเศษฉลองรัช) ห่างจากโครงการไม่เกิน 4 กิโลเมตร และทางโครงการก็ได้ให้ที่จอดรถมา 100 % เลยค่ะ (มีทั้ง Auto Parking และ Conventional Parking)
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ ถือว่าสะดวก เพราะโครงการอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเอกมัย สามารถเดินได้ในระยะประมาณ 250 เมตรค่ะ นอกจากนั้นยังมีมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า หรือจะเรียก Taxi ผ่าน Application ก็ทำได้ง่าย รอไม่นาน เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่เลย
วัสดุ :
วัสดุภายในโครงการให้มาคุ้มค่ากับราคาทีเดียวค่ะ ภายในห้องได้ Fully Fitted พร้อม Home Automation ได้ชุดครัว Built-in Top หิน Quartz และ อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครันไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควันระบบดูดออก, เตาไฟโครเวฟ จาก Kuppersbusch , ตู้เย็น Built-in จาก Liebherr และที่น่าประทับใจคือได้ประตูบานสูง และหน้าต่างบานใหญ่แบบ Full Height กระจก Laminate IGU พื้นห้องได้ Synthetic Marble ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ห้องนอนปูด้วย Engineered Teak Wood 15 มิลลิเมตร ผิวไม้สักปูแบบลายก้างปลา ส่วนครัวและห้องน้ำเป็นพื้น Porcelain กันลื่น เครื่องปรับอากาศแบบ VRV จาก Daikin โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ Toto Washlet และอุปกรณ์อื่นๆภายในห้องน้ำจาก Duravit และ Hansgrohe มีอ่างอาบน้ำมาให้ทุกห้องค่ะ
การออกแบบ :
การออกแบบภายในโครงการถือว่าทำได้ดีเลยค่ะ เป็นโครงการเดียวในทำเลนี้ที่ออกแบบตามแนวคิด Inter Generation มีพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัวที่รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ และเด็ก เช่น การมี Facility ที่คำนึงถึงสุขภาพ และเป็นส่วนตัว จุดเด่นของโครงการนี้อีกอย่างคือการแบ่งโซนห้องพักอาศัยออกเป็น 2 โซนฝั่งทิศเหนือเห็นวิว เปิดโล่งในซอยสุขุมวิทเลขคี่ และฝั่งทิศใต้ มองเห็นวิวถนนสุขุมวิท แยกการใช้งานลิฟต์ชัดเจน ทำให้จำนวนยูนิตต่อชั้นไม่หนาแน่นอยู่ที่ 6 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้นเองค่ะ ถือว่าน้อยมากๆ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
ห้องพักอาศัยมีให้เลือกหลากหลายขนาด ห้องเล็กสุดเริ่มที่ 47.00 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดค่อนข้างกว้าง มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3.00 เมตร พร้อมกับหน้าต่างภายในห้องขนาดใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่งกว้าง ภายในห้องมีการแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วนดี ได้ครัวปิดและพื้นที่ Laundry เปลี่ยนพื้นที่ระเบียงเป็นพื้นที่ใช้สอย Indoor ส่วนห้องนอนจะมี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวใช้งานได้ง่าย
สาธารณูปโภค :
ภายในโครงการมี Facility มาให้ใช้หลากหลาย และรองรับการใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย เหมาะสมกับจำนวนยูนิต เริ่มตั้งแต่ชั้นล่างของตัวอาคาร จะประกอบไปด้วยสวน 3 จุด มี Care Giver’s Office เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องสุขภาพและปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีบริการจาก Concierge Service และพื้นที่ The Mulberry’s Library ชั้น 2 ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆจะอยู่ที่ชั้น 32, 33 เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ 4 สระ, Fitness มี Wellness Manager บริการให้คำแนะนำในการออกกำลังกายและจัดกิจกรรมออกกำลังกายให้ และห้อง Private ต่างๆ นอกจากนั้นยังมี INTERGENERATION SOCIAL LIFESTYLE SUITE (Sky Facility) อยู่ที่ชั้น 37 ชั้นบนสุดของอาคารประกอบด้วย Family Living Room, BBQ Garden, Grand Private Living and Dining Room, Children’s Play Room, Game Room & Pool Table และไฮไลท์อยู่ที่ ResidenceLounge ที่มีบริการ Complimentary Afternoon Tea ให้ทุกวันค่ะ ภายในอาคารมีลิฟต์โดยสาร 4 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 72 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นค่ะ
Judgement
ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ ULTIMATE CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เนื่องจากเป็นสินค้าประเภท Unique เสียส่วนใหญ่
- ULTIMATE CLASS
BOTTOM LINE
โครงการ MULBERRY GROVE SUKHUMVIT เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดติดถนนสุขุมวิทในย่านเอกมัย เดินทางสะดวกทั้งขับรถยนต์และใช้งานรถไฟฟ้า อยู่หลาย Generation มีการออกแบบดีเทลรองรับการใช้งานของเด็กและผู้สูงอายุ ชอบพื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย ได้ครัวปิด และอ่างอาบน้ำมาให้ทุกห้อง มีงบประมาณเริ่มต้น 10 ล้านบาท
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving