รีวิวฉบับที่ 1883 … รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน – ท่าพระกำลังจะเปิดให้บริการเร็วๆนี้แล้วนะคะ วันนี้เราเลยพามาดูโครงการสร้างเสร็จ The Tree จรัญสนิทวงศ์ 30 จาก พฤกษา คอนโด High Rise บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตั้งอยู่ใกล้ MRT สถานีแยกไฟฉาย ด้วยระยะทาง 250 เมตร ทำเลนี้ถือว่าหาของกินง่ายเนื่องจากอยู่ตรงข้ามตลาดบางขุนศรี ไม่ไกลจาก Makro และ Foodland จรัญฯ มี Facility ชั้น Rooftop ให้มองเห็นวิวเมือง ภายในโครงการจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ
Fact @ 9 JUNE 2019
- The Tree Charansanitwong 30 (เดอะทรี จรัญสนิทวงศ์ 30)
- บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนน จรัญสนิทวงศ์ เขต บางกอกน้อย
- ที่ดินประมาณ 1-3-79 ไร่
- คอนโด High Rise 22 ชั้น 1 อาคาร และคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร รวม 305 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิตที่อาคาร A, B ชั้น Typical Floor
- ที่จอดรถประมาณ 134 คัน คิดเป็น 44% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- เริ่มก่อสร้าง : กันยายน 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มิถุนายน 2562
- 1 Bedroom 23.60 – 41.10 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 43.95 – 45.85 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น
3.2x ล้านบาท2.29 ล้านบาท (update 5/8/2021) - ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ
130,000 บาท/ตร.ม.93,000 บาท/ตร.ม. (update 3/8/2021) - เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1739
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.758633, 100.469712
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ The Tree จรัญสนิทวงศ์ 30 เป็นโครงการบนทำเลจรัญสนิทวงศ์ มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนเพชรเกษม การเดินทางสะดวกทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ เนื่องจากมีเส้นทางลัดเข้าสู่ถนนหลักได้หลายสาย ถ้าจะเข้าเมืองฝั่งพระนครก็สามารถใช้สะพานพระปิ่นเกล้า กับสะพานพระราม 8 หรือถ้าจะออกนอกเมืองก็มีถนนเลียบทางรถไฟและถนนบางขุนนนท์ที่สามารถใช้ทะลุไปเส้นบรมราชชนนีได้ สำหรับการเดินทางไปถนนราชพฤกษ์ก็สะดวกเนื่องจากมีถนนตัดใหม่คือ ถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 มุ่งตรงไปถนนราชพฤกษ์ได้เลยค่ะ และการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวก เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สถานีแยกไฟฉายประมาณ 250 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายค่ะ
ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็หายห่วงเนื่องจากโครงการตั้งอยู่ตรงข้ามกับตลาดบางขุนศรี ที่เป็นแหล่งขายขนม อาหาร แห่งใหญ่เลยทีเดียว นอกจากนั้นยังสามารถเดินไป Makro จรัญสนิทวงศ์ และ Foodland จรัญสนิทวงศ์ได้ และในอนาคตเมื่อร้านค้าในโครงการเปิดก็จะมี 7-Eleven อยู่ที่ชั้น 1 อาคาร A ด้วยค่ะ ทำให้หาซื้อของกันได้ง่ายขึ้นไปอีก
สำหรับทำเลแบบเจาะลึกสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ค่ะ
วันนี้เราจะขอพาไป Update เส้นทางการเดินทางคร่าวๆ เนื่องจากตอนนี้บนถนนจรัญสนิทวงศ์ได้มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าคืบหน้าไปได้มากแล้วนะคะ
การเดินทางที่เราจะพาไปวันนี้เริ่มจากถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า บริเวณโรงละครแห่งชาติ มุ่งหน้าไปยังสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ และตรงไปเรื่อยๆผ่านคลองบางกอกน้อย ผ่านห้าง Makro จรัญฯ จะเจอกับโครงการทางด้านซ้ายมือ ตรงข้ามกับตลาดบางขุนศรีค่ะ ระยะทางรวมประมาณ 3.9 กิโลเมตร
เริ่มจากบนถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ผ่านโรงละครแห่งชาติ มุ่งหน้าตรงไปสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
ขาลงสะพานจะสังเกตเห็นโรงเรียนมัธยมวัดดุสิตารามอยู่ด้านซ้ายมือ และคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ทางด้านขวามือ ให้เราตรงไปค่ะ
สังเกตป้ายบอกทางถนนจรัญสนิทวงศ์ ให้ตรงไปตามป้ายค่ะ
ตรงมาให้ชิดซ้าย เราจะไม่ขึ้นสะพานนะคะ
ตรงมาเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์
เมื่อเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์จะสังเกตเห็นเส้นทางรถไฟฟ้าด้านบน ให้เราตรงไปเรื่อยๆค่ะ
ขับตรงไปผ่านสถานีบางขุนนนท์ จะเห็นว่าสภาพแวดล้อมสองข้างทางส่วนใหญ่เป็นอาคารแถว ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้าบ้างประปราย
ตรงมาเรื่อยๆจะเห็น Makro จรัญสนิทวงศ์ทางด้านขวามือ และเห็นโครงการเราอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
เมื่อเห็นตลาดบางขุนศรีทางขวามือให้เราเตรียมชิดซ้าย ใกล้จะถึงโครงการแล้วค่ะ
ทางเข้าโครงการจะอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ ก่อนถึงซอยจรัญสนิทวงศ์ 30 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่โครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการไม่ค่อยมีอาคารสูง ทำให้มุมมองเมื่อมองจากโครงการจะเห็นเป็นวิวเมืองแนวราบเป็นส่วนใหญ่ เมื่ออยู่ชั้นสูงๆจะสามารถมองเห็นสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 2 ฝั่งทางทิศเหนือ (สถานี บางขุนนนท์) และทิศใต้ (สถานี แยกไฟฉาย)ได้ ทิศตะวันออกมองเห็นวิวเมืองฝั่งคลองบางขุนศรี มองเห็นวัดรวกสุทธาราม ทิศใต้มองเห็นโรงงานผลิตน้ำธนบุรี และถ้าอยู่ชั้นสูงๆจะสามารถมองเห็นสะพานพระราม 8 ได้ค่ะ โดยรอบๆโครงการมีที่ดินติดกับสถานที่ต่างๆ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ อาคารแถวสูง 3 ชั้น, ที่ดินเปล่า
- ทิศตะวันออก ติดกับ โรงงานผลิตน้ำธนบุรี
- ทิศใต้ ติดกับ อาคารแถวสูง 4 ชั้น
- ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนจรัญสนิทวงศ์ , ตลาดบางขุนศรี
ด้านหน้าโครงการทางทิศใต้ติดกับอาคารแถวสูง 4 ชั้น ด้านล่างเป็นบริษัทขายรถยนต์
บรรยากาศด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางทิศใต้ ฝั่งสถานี แยกไฟฉาย
ฝั่งทิศตะวันตกติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงข้ามเป็นตลาดบางขุนศรี และร้านแว่นท็อปเจริญ
บรรยากาศด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางทิศเหนือฝั่งสถานี บางขุนนนท์ จะเห็นตลาดบางขุนศรี
ติดกับโครงการด้านหน้าฝั่งทิศเหนือเป็นอาคารแถวสูง 3 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านเหล็กค่ะ มีสะพานลอยข้ามไปยังตลาดบางขุนศรี
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดบางขุนศรี 140 เมตร
- Foodland จรัญสนิทวงศ์ 180 เมตร
- MRT สถานี แยกไฟฉาย 250 เมตร
- Makro จรัญสนิทวงศ์ 400 เมตร
- MRT สถานี บางขุนนนท์ 570 เมตร
- ตลาดพรานนก 1.7 กิโลเมตร
- รพ.ธนบุรี 2.0 กิโลเมตร
- รพ.ศิริราช 2.8 กิโลเมตร
- Central ปิ่นเกล้า 4.8 กิโลเมตร
- ช่างชุ่ย 7.6 กิโลเมตร
- Major ปิ่นเกล้า 7.9 กิโลเมตร
โครงการ The Tree จรัญสนิทวงศ์ 30 เป็นคอนโด 2 อาคาร ประกอบด้วย High Rise 22 ชั้น 1 อาคาร (อาคาร A) อยู่ด้านหน้าติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ และ Low Rise 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น 1 อาคาร (อาคาร B) ด้านหลัง รวมทั้งหมด 305 ยูนิต มี Facility อยู่ที่ชั้น 3 ,ชั้น 22 และดาดฟ้า โครงการมีการใช้สีแดงที่ผนังอาคารบางส่วนแทนแนวคิดในการทำโครงการให้เป็นอัญมณี (ทับทิม) ในย่านจรัญสนิทวงศ์ จึงให้สีแดงที่เป็นสีของทับทิมนั่นเองค่ะ บรรยากาศภายในโครงการจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยค่ะ
มาดูที่ผังกันก่อนนะคะ จะเห็นว่าโครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 อาคาร อาคาร A ที่เป็น High Rise จะอยู่ด้านหน้าฝั่งที่ติดถนนใหญ่ ข้อดีคือเดินเข้า-ออกได้ง่าย ชั้นบนๆสามารถเห็นวิวเมืองได้สวย และมีพื้นที่ส่วนกลางเยอะ เหมาะกับคนที่ชอบห้องวิวดี ชอบใช้ส่วนกลาง เดินเข้าถึงได้ง่ายจากด้านหน้าโครงการ ส่วนด้านหลังคืออาคาร B เป็นอาคาร Low Rise ข้อดีคือ มีจำนวนยูนิตน้อย (60 ยูนิต) เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวายค่ะ
ทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ทางทิศตะวันตก เดินรถทางเดียวรอบอาคารตามเข็มนาฬิกา มีที่จอดรถอยู่ที่อาคาร B ชั้นใต้ดิน 2 ชั้นและชั้น 1- 3 รวมทั้งหมด 134 คัน คิดเป็น 44% ถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไปในโครงการที่สามารถเดินทางด้วยรถสาธารณะได้สะดวกค่ะ ซึ่งอาคาร B ชั้นล่างจะไม่มี Facility นะคะมีแค่ลานจอดรถ และโถงลิฟต์สำหรับขึ้นอาคาร ส่วน Drop Off จะอยู่ด้านข้างอาคาร A ทางทิศใต้ สามารถเข้าสู่ Lobby ได้เลย บริเวณรั้วรอบโครงการจะมีการปลูกต้นไม้มาให้เพิ่มความร่มรื่นและสร้างบรรยากาศที่ดีแก่การอยู่อาศัยค่ะ สำหรับทางเดินเข้าอาคาร A จะเข้าได้ที่ด้านหน้าตามลูกศรสีน้ำเงินเข้ามาทาง Mail Room ก่อนเข้าสู่ Lobby หรือจะเดินเข้าทาง Drop Off ก็ได้เช่นกันค่ะ ภายในอาคารจะมี Shop อยู่ด้านหน้า 2 ยูนิต ทางโครงการแอบกระซิบมาว่าจะเป็น 7-Eleven ค่ะ ซึ่งเมื่อ Shop เปิดจะทำให้ลูกบ้านสามารถซื้อของกินของใช้ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น บริเวณ Lobby จะมีพื้นที่นั่งพักคอยมาให้ เชื่อมต่อไปยังส่วนโถงลิฟต์ของอาคาร A แต่สำหรับลูกบ้านฝั่งอาคาร B ก็สามารถใช้ลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นของตัวเองได้โดยตรงเลยค่ะ ซึ่งลิฟต์โดยสารจะมีให้อาคารละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการจะอยู่ที่ 76 : 1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมาก แต่ถ้าคิดเป็นแต่ละอาคาร ลิฟต์โดยสารที่อาคาร B จะมีความหนาแน่นน้อยกว่าอาคาร A พอสมควรเลย ทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานในชั่วโมงเร่งด่วนค่ะ
ทางเข้าด้านหน้าโครงการติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นทางเข้า-ออก อย่างละ 1 ช่องทาง ไม่มีเกาะกลางแบ่งแยกชัดเจนเนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ค่ะ
เข้ามาภายในโครงการจะเจอกับ Shop อยู่ด้านหน้าซึ่งจะเป็นร้าน 7-Eleven ค่ะ สำหรับรถยนต์จะต้องขับไปทางด้านซ้ายมือ เพื่อไปจอดรถที่อาคาร B ทางเข้า-ออกเป็นไม้กั้นกระดก ใช้ระบบ Key Card Access ระยะใกล้ค่ะ
สำหรับคนที่ไม่ใช้รถก็สามารถเข้า-ออกโครงการจากประตูเล็กด้านหน้าอาคารได้เลย ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ Mail Room ด้านในค่ะ
บรรยากาศถนนภายในจะมีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่ริมรั้วเป็นระยะให้บรรยากาศร่มรื่น ตัวถนนค่อนข้างกว้าง ในกรณีที่มีรถจอดด้านข้างก็ยังสามารถวิ่งได้สะดวกค่ะ
ทางเข้าพื้นที่ลานจอดรถในอาคาร B จะเป็นพื้นที่ลาดลงไประดับต่ำกว่าถนนภายในโครงการเล็กน้อย
ภายในลานจอดรถมีลักษณะเป็นช่องจอด 2 ฝั่ง และรถสามารถวิ่งสวนกันได้ค่ะ ซึ่งทางนี้จะเป็นทางลงไปจอดที่ชั้น B1 และ B2 (ชั้นใต้ดิน)
ฝั่งขวามือเป็นทางขึ้นไปจอดที่ชั้น 1 – 3 ค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ประจำตรงจุดนี้ด้วย
ทางขึ้นเป็นทางลาดวิ่งสวนกัน 2 ช่องทาง เวลาขึ้น-ลงจะต้องใช้ความระมัดระวังสักเล็กน้อยค่ะ
ขึ้นมาแล้วก็จะเจอกับลานจอดรถลักษณะเหมือนกับชั้นล่าง สามารถจอดได้ทั้งหมด 134 คันไม่รวมซ้อนคัน หรือประมาณ 44 % ค่ะ
สำหรับทางออกจากลานจอดรถเมื่ออกมาแล้วก็จะเจอกับอาคาร A ซึ่งบริเวณนี้ไม่มีต้นไม้ปลูกประดับให้นะคะ จะเป็นรั้วโครงการติดตั้งไฟมาให้แทนค่ะ
ตรงมาหน่อยจะเป็นพื้นที่ Drop Off เข้าไปยัง Lobby ได้เลย ตรงนี้น่าจะมีหลังคากันสาดยื่นออกมาสักหน่อยจะทำให้ไม่เปียกฝนเวลามารับ-ส่งลูกบ้านค่ะ
บริเวณประตูทางเข้าจะเป็นประตูกระจกบานเปิด 2 บานต้องใช้ Key Card เพื่อแตะเข้านะคะ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกบ้าน ด้านข้างเป็นผนังกระจกสูง Double Floor มองเห็น Lobby ด้านในได้ชัดเจน และช่วยนำแสงธรรมชาติเข้าสู่โถง Lobby ด้วยค่ะ
บรรยากาศภายในโถง Lobby เน้นการตกแต่งด้วยกระเบื้องลวดลายหินอ่อน บริเวณนี้มีที่นั่งพักคอยให้ 1 จุด และเป็นพื้นที่แจกไปยังส่วนต่างๆ เช่น ห้อง Mail Room, โถงลิฟต์ เป็นต้น
พื้นที่นั่งสำหรับพักคอยจะแยกออกมาเป็นสัดส่วน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้มาใช้งาน มีโซฟายาวมาให้ 4 ตัว และจากตรงนี้สามารถมองเห็นสวนริมรั้วด้านนอกได้ค่ะ
ฝั่งซ้ายมือเมื่อเข้ามายัง Lobby จะเป็นห้องนิติบุคคลและพื้นที่ Mail Room ให้ลูกบ้านมาหยิบจดหมายของตัวเองได้สะดวก
จาก Mail Room สามารถเดินทะลุไปออกประตูเล็กด้านหน้าอาคารได้ค่ะ
ส่วนฝั่งขวามือของ Lobby จะเป็นทางเข้าไปยังโถงลิฟต์ค่ะ
บรรยากาศโถงลิฟต์อาคาร A ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนเข้ากับส่วน Lobby มีเลขชั้นอยู่ทางด้านซ้ายมือ ดีไซน์เป็นรูปใบไม้ และฝั่งขวาเป็นลิฟต์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์เฉพาะอาคาร A ประมาณ 132 : 1 ค่อนข้างหนาแน่น เนื่องจากอาคาร A มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่าอาคาร B
ลิฟต์จาก Schneider ภายในเป็นกระจกเงา 1 ด้านทำให้ลิฟต์ดูกว้างขึ้น และที่ปุ่มเลขชั้นจะมีอักษรเบลล์กำกับ ทำให้ผู้พิการทางสายตาสามารถใช้งานได้
อาคาร A ชั้น 2 เป็นชั้นพักอาศัยเริ่มแรกของอาคาร A มีทั้งหมด 11 Units ตัวห้องวางผังไปในแนวทิศเหนือ-ใต้ ตามรูปทรงของอาคาร ทำให้ทางเดินตรงกลางเป็นแบบ Double Corridor ตำแหน่งประตูห้องของทั้ง 2 ฝั่งไม่ตรงกันทำให้แต่ละห้องมีความเป็นส่วนตัว โถงลิฟต์ของอาคาร A จะอยู่ค่อนมาทางด้านหลังทำให้ห้องที่อยู่ข้างหน้าจะเดินไกลกว่าห้องทางด้านหลัง
ความเป็นส่วนตัว : ห้องที่เป็นส่วนตัวมากที่สุดจะอยู่ที่ตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นห้องที่ไม่มีผนังติดกับห้องอื่นๆเลย และอีกตำแหน่งนึงก็คือห้องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ติดกับบันไดหนีไฟ แทบจะไม่มีผนังติดกับห้องอื่นเลยค่ะ
วิว : ห้องที่หันไปทางทิศเหนือจะเห็นวิว สวนภายในโครงการ และอาคารแถวสูง 3 ชั้น, ทิศตะวันตก มองเห็นวิวถนนจรัญสนิทวงศ์ และรถไฟฟ้า, ทิศใต้มองเห็นวิวอาคารแถวสูง 4 ชั้น, ส่วนทิศตะวันออกส่วนใหญ่เป็นผนังทึบ ถ้ามองเห็นวิวก็จะเห็นอาคาร B ค่ะ ดังนั้น ในชั้นนี้ห้องที่เห็นวิวดีคือห้องทางทิศเหนือ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ
อาคาร B ชั้น 3 เป็นพื้นที่จอดรถชั้นสุดท้าย สำหรับคนที่อยู่อาคาร B ก็สามารถขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นของตัวเองได้เลย ส่วนคนที่อยู่อาคาร A ก็ต้องใช้ทางเดินเชื่อมอาคารที่ชั้น 4 หรือลงมาขึ้นลิฟต์ที่ Lobby ของอาคาร A ค่ะ
อาคาร A ชั้น 3 การวางผังห้องพักเหมือนกับชั้น 2 แต่จะเปลี่ยนห้องริมด้านหลังอาคารเป็นพื้นที่ Facility มีการกั้นประตูแยกระหว่างทางเดินส่วนกลางและทางเดินห้องพักอาศัยชัดเจน ต้องใช้ Key Card แตะเข้า ช่วยให้ลูกบ้านชั้นนี้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ ส่วน Facility จะประกอบด้วยห้อง Meeting Room และห้อง Co-Working Space มองเห็นวิวทิศเหนือและใต้ และเป็นชั้นที่สามารถเดินเชื่อมไปยังอาคาร B ชั้น 4 ได้
อาคาร B ชั้น 4 เป็นชั้นพักอาศัยชั้นแรกของอาคาร B มีทั้งหมด 12 Units ตัวห้องวางผังไปในแนวทิศเหนือ-ใต้ ทางเดินตรงกลางเป็นแบบ Double Corridor ตำแหน่งประตูห้องของทั้ง 2 ฝั่งไม่ตรงกันทำให้แต่ละห้องมีความเป็นส่วนตัว เหมือนกับอาคาร A แต่จะมีโถงลิฟต์อยู่ด้านหน้าสุดริมอาคาร ทำให้ห้องที่อยู่ด้านหลังจะเดินไกลสักหน่อยค่ะ ที่อาคาร B ชั้น 4 สามารถเดินออกมายังสวนและ Fitness ได้ โดย Fitness จะแยกส่วนกับอาคาร B เวลาจะเข้าใช้งานจะต้องเดินผ่านสวนมาค่ะ ห้อง Fitness มีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำ, Locker และพื้นที่นั่งพัก ส่วนชั้นบนจะเป็นพื้นที่ Fitness Area
ความเป็นส่วนตัว : ห้องที่เป็นส่วนตัวมากที่สุดจะอยู่ที่ตำแหน่งทิศตะวันออกริมอาคารทั้ง 2 ห้อง เนื่องจากอยู่ติดกับห้องอื่นเพียงฝั่งเดียว และจะไม่มีคนมาเดินผ่านหน้าห้องบ่อยๆค่ะ
วิว : ห้องที่หันไปทางทิศเหนือจะเห็นวิว สวนภายในโครงการ และอาคารแถวสูง 3 ชั้น, ทิศตะวันตกจะเป็นผนังทึบทั้งหมด เพราะเป็นทางเดินไปยังสวนส่วนกลาง, ทิศใต้มองเห็นวิวสวนส่วนกลาง บรรยากาศร่มรื่น แต่อาจจะมีเสียงรบกวนจากผู้ที่มาใช้ส่วนกลางบ้างเล็กน้อย, ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะได้วิวทั้ง 2 ฝั่งเนื่องจากเป็นห้องมุม ส่วนห้องทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับบันไดหนีไฟจึงเห็นวิวทางทางทิศใต้แทนค่ะ
บรรยากาศโถงลิฟต์ชั้น 3 จะมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเงาสีโทนอ่อน ผนังฝั่งลิฟต์เป็นลวดลายไม้ลามิเนต มีช่องเปิดมาให้ 1 จุด ช่วยระบายอากาศโถงทางเดินและนำแสงเข้ามาทำให้โถงลิฟต์สว่างค่ะ
ที่ชั้น 3 จะมีทางเชื่อมไปยังอาคาร B ทางประตูด้านขวามือ ส่วนลูกบ้านที่อยู่ชั้นนี้ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องความปลอดภัยค่ะ เพราะทางโครงการมีประตูกั้นระหว่างทางเดินส่วนกลางกับทางเดินด้านหน้าห้องมาให้ ต้องใช้ Key Card แตะเข้าค่ะ
เมื่อเดินไปยังทางเชื่อมอาคาร B จะเจอกับพื้นที่ Co- Working Space ขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียวค่ะ
ทางเข้า Co-Working Space จะอยู่ทางด้านขวามือ ส่วนทางเข้าทางซ้ายเป็นห้อง Meeting Room ค่ะ ถ้าเดินตรงไปจะเป็นทางเชื่อมอาคาร A และ B
บรรยากาศภายในห้อง Meeting Room ประชุมได้ 8-10 คนมีกระจกมองเห็นวิวทางทิศเหนือด้วย
ส่วนห้อง Co-Working Space ออกแบบมาให้ดูโปร่งสบาย มีกระจกรอบด้านสามารถเข้ามาทำงาน อ่านหนังสือ หรือพูดคุยธุระกันได้ค่ะ
ภายในห้องแบบออกเป็นหลายโซน ทั้งพื้นที่นั่งเล่น อ่านหนังสือที่โซฟา หรือจะนั่งโต๊ะทำงานแบบกั้นเป็นส่วนตัวก็มีเช่นกัน
ทางเชื่อมระหว่างอาคาร A ชั้น 3 จะเชื่อมต่อกับอาคาร B ที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นแรกของชั้นพักอาศัย ทางเดินมีหน้าต่างทั้ง 2 ฝั่งทำให้มองเห็นวิวด้านนอกได้และดูไม่อึดอัด ซึ่งถ้าไปทางซ้ายมือจะเป็นโถงลิฟต์ของอาคาร B และทางขวามือเป็นพื้นที่สวน และทางไปห้อง Fitness ค่ะ
บรรยากาศโถงลิฟต์อาคาร B จะสามารถมองเห็นห้อง Meeting Room ที่อาคาร A ได้ มีลิฟต์โดยสารมาให้ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์เฉพาะอาคาร B จะอยู่ที่ประมาณ 30 : 1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นเลย ทำให้ไม่ต้องรอนานและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ทางเดินออกไปยังสวนและห้อง Fitness มีประตูกั้นมาให้
เมื่อออกมาจะเจอกับพื้นที่สวน มีต้นไม้ใหญ่ปลูกมาให้พอสมควรเลยค่ะ บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นน่ามานั่งเล่น
ซึ่งในบริเวณสวนเขาก็จะทำที่นั่งตามจุดต่างๆมาให้ สำหรับห้องของอาคาร B ที่ติดกับสวนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมองเข้าไปในห้องค่ะ เพราะโครงการเว้นระยะระหว่างห้องพักกับสวนประมาณ 1 เมตรและปลูกไม้พุ่มเป็นแนวบังสายตาไว้ให้
ส่วน Fitness จะอยู่แยกออกมาจากตัวอาคาร B มีความสูง 2 ชั้น เป็นผนังกระจกมองเห็นวิวสวนได้ชัดเจน
ทางเข้าส่วน Fitness มีหลังคายื่นออกมากันแดดและฝนให้ด้วยค่ะ แต่เนื่องจาก Fitness อยู่แยกกับตัวอาคารถ้าฝนตกแล้วต้องการมาเล่นจะต้องกางร่มเดินผ่านบริเวณสวนมาค่ะ
เข้ามาแล้วทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางไปห้องน้ำค่ะ
ซึ่งจะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงมาให้สำหรับคนมาเล่น Fitness โดยเฉพาะเลย
ภายในห้องน้ำมี Locker เก็บของให้ด้วย และมีห้องน้ำกับห้องอาบน้ำมาให้อย่างละ 1 ห้อง สำหรับคนที่ชอบอาบน้ำหลังออกกำลังกาย
ฝั่งขวามือเป็นพื้นที่นั่งเล่นมองวิวด้านนอกอาคารฝั่งทิศตะวันออกได้ และเป็นทางขึ้นไปยัง Fitness
อาคาร A ชั้น 4,5 เป็นชั้นพักอาศัย Typical Floor มีทั้งหมด 12 Units วางผังเหมือนกับชั้น 2 ค่ะแต่จะเพิ่มห้องทางทิศใต้ที่ติดกับบันไดหนีไฟขึ้นมา 1 ยูนิต
อาคาร B ชั้น 5,6 เป็นชั้นพักอาศัย Typical Floor เหมือนกับชั้น 4 แต่จะต่างกัน 2 จุดคือ 1. ห้องพักอาศัยด้านหน้าสุดทางทิศตะวันตก จะเป็นห้อง 2 Bedroom มองเห็นวิวได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ 2. ผังส่วน Fitness ซึ่งจากอาคาร B ชั้น 5 จะตรงกับชั้น Fitness ที่เป็นพื้นที่เครื่องเล่น ประมาณ 10 ตัว มีกระจกรอบด้านทำให้มองเห็นวิวสวนทางทิศตะวันตกและวิวทางทิศตะวันออกได้ ส่วนอาคาร B ชั้น 6 จะตรงกับหลังคาห้อง Fitness ค่ะ
บรรยากาศห้อง Fitness มีการเล่นไฟเป็นเส้นเฉียงให้ความรู้สึก Active เหมาะกับการออกกำลังกาย และยังมีผนังกระจกรอบด้านทำให้ออกกำลังกายไปด้วยมองวิวไปด้วยได้ค่ะ
Fitness มีเครื่องเล่นให้ค่อนข้างหลากหลายทั้งลู่วิ่ง ปั่นจักรยาน และ Weight Training รวมแล้วประมาณ 10 กว่าเครื่องค่ะ
อาคาร A ชั้น 6-8 เป็นชั้นพักอาศัย Typical Floor มีทั้งหมด 12 Units วางผังเหมือนกับชั้น 4-5 แต่ที่ชั้น 8 ห้องทางทิศตะวันออกจะมองเห็น Roof Top ของอาคาร B ค่ะ
วิว : ห้องที่หันไปทางทิศเหนือจะเห็นวิว Makro จรัญสนิทวงศ์ และเส้นทางรถไฟฟ้าฝั่งสถานีบางขุนนนท์, ทิศตะวันตกจะเห็นวิวตลาดบางขุนศรี และวิวเมืองฝั่งวัดรวกสุทธาราม, ทิศใต้มองเห็นวิวเส้นทางรถไฟฟ้าฝั่งสถานีแยกไฟฉาย และ Foodland จรัญสนิทวงศ์, ส่วนทิศตะวันออกจะเห็นวิวอาคาร B ค่ะ
อาคาร B ชั้น 7-8 เป็นชั้นพักอาศัย Typical Floor มีทั้งหมด 12 Units วางผังเหมือนกับชั้น 5-6 ซึ่งชั้น 8 เป็นชั้นที่สูงสุดของอาคาร B ค่ะ
วิว : ห้องที่หันไปทางทิศเหนือจะเห็นวิว Makro จรัญสนิทวงศ์ และเส้นทางรถไฟฟ้าฝั่งสถานีบางขุนนนท์, ทิศตะวันตกจะเห็นวิวอาคาร A , ทิศใต้มองเห็นวิวเส้นทางรถไฟฟ้าฝั่งสถานีแยกไฟฉาย และ Foodland จรัญสนิทวงศ์, ส่วนทิศตะวันออกจะเห็นวิวโรงงานผลิตน้ำธนบุรี และวิวเมืองฝั่งถนนอิสรภาพ
อาคาร A ชั้น 9 -11 เป็นชั้นพักอาศัย Typical Floor มีทั้งหมด 12 Units วางผังเหมือนกับชั้น 6-8 แต่จะมีขนาดห้องที่ต่างกันเล็กน้อยเนื่องจากขนาดของโครงสร้างอาคารที่ลดลงตามความสูงของอาคารค่ะ
ความเป็นส่วนตัว : ห้องที่เป็นส่วนตัวมากที่สุดจะอยู่ที่ตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นห้องที่ไม่มีผนังติดกับห้องอื่นๆเลย และอีกตำแหน่งนึงก็คือห้องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ติดกับบันไดหนีไฟ แทบจะไม่มีผนังติดกับห้องอื่นเลยค่ะ
วิว : ห้องที่หันไปทางทิศเหนือจะเห็นวิว Makro จรัญสนิทวงศ์ และเส้นทางรถไฟฟ้าฝั่งสถานีบางขุนนนท์, ทิศตะวันตกจะเห็นวิวตลาดบางขุนศรี และวิวเมืองฝั่งวัดรวกสุทธาราม, ทิศใต้มองเห็นวิวเส้นทางรถไฟฟ้าฝั่งสถานีแยกไฟฉาย และ Foodland จรัญสนิทวงศ์, ส่วนทิศตะวันออกจะเห็นวิวโรงงานผลิตน้ำธนบุรี และวิวเมืองฝั่งถนนอิสรภาพ
บรรยากาศทางเดินภายในห้องพัก ตกแต่งด้วยโทนสีขาวดูสะอาดตา ไม่มีช่องแสงที่ปลายทางเดิน จะใช้แสงส่วนใหญ่จากไฟ Down light ที่ติดตั้งมาให้ตลอดทางเดินค่ะ
อาคาร A ชั้น 22 เป็นชั้นสูงสุดของโครงการ มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 8 Units มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชั้นอื่นๆ เนื่องจากเป็นชั้นที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดค่ะ โดยห้องพักอาศัยจะอยู่ทางครึ่งด้านหน้าของอาคาร แยกส่วนกันด้วยประตูกั้น Key Card ทำให้ลูกบ้านมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ด้านหลังอาคารจะเป็นพื้นที่งานระบบ, ห้อง Sky Lounge สำหรับนั่งพักผ่อน มองเห็นวิวทางทิศเหนือและทิศตะวันออก และมีห้องน้ำส่วนกลางให้สำหรับคนที่มาให้พื้นที่ Facility ที่ชั้น 22 และชั้น Roof Top ค่ะ
บรรยากาศภายในห้อง Sky Lounge ชั้น 22 เป็นห้องสำหรับให้ลูกบ้านขึ้นมาพักผ่อนชิลล์ๆ ชมวิวเมืองรอบๆได้
รอบๆข้างของโครงการไม่มีอาคารสูงมาบดบังทัศนียภาพเท่าไรนักทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองได้กว้างพอสมควรเลยค่ะ
ภายในห้อง Sky Lounge มีที่นั่งให้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นโซฟากลุ่มสำหรับคนที่มาเป็นครอบครัว หรือที่นั่งส่วนตัวชมวิวริมหน้าต่าง เหมาะสำหรับคนที่ชอบมานั่งอ่านหนังสือ ชมวิว แบบเป็นส่วนตัว
ฝั่งตรงข้ามห้อง Sky Lounge จะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิง สำหรับคนที่มาใช้ส่วนกลางชั้น 22 และชั้น Roof Top ค่ะ
ทุกชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางจะมีประตูกั้นแยกระหว่างทางเดินส่วนกลางและส่วนห้องพักอาศัยมาให้ ทำให้ลูกบ้านสบายใจได้เรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
ทางขึ้นไปยังชั้น Roof Top จะต้องเดินบันไดขึ้นไปนะคะ ซึ่งทางโครงการก็ตกแต่งมาให้สวยงาม
อาคาร A ชั้น Roof Top เป็นชั้น facility ปูหญ้าเทียมมาให้ มีการเล่นระดับขึ้น – ลง บันได หลาย Step สามารถมองเห็นวิวได้รอบด้าน 360 องศา มีสระว่ายน้ำ Lap Pool ระบบเกลือขนาด 25.00 x 5.00 เมตร มองเห็นวิวทางทิศเหนือและทิศตะวันออก , พื้นที่หนีไฟทางอากาศ,ห้อง Stream และพื้นที่สวนสำหรับมานั่งเล่นกินลมชมวิวค่ะ
บรรยากาศทางเดินเมื่อขึ้นมาถึงชั้น Roof Top
ชั้น Roof Top จะเป็นพื้นที่เล่นระดับ พื้นปูหญ้าเทียมมาให้เพื่อความคงทนสวยงาม มีกระถางปลูกต้นไม้ใหญ่มาให้หลายจุด ทำให้บรรยากาศร่มรื่น
สระว่ายน้ำจะอยู่ทางทิศเหนือของอาคาร มีรั้วเป็นกระจกบานเปลือยทั้งหมดทำให้เมื่อว่ายน้ำอยู่ก็สามารถมองเห็นวิวเมืองรอบๆได้ชัดเจน เหมือนกับไม่มีรั้วกั้นอยู่เลยค่ะ
สระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือ ขนาดประมาณ 25.00 x 5.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร เป็น Lap Pool สามารถว่ายออกกำลังกายจริงจังได้ มีพื้นที่นั่งเล่นมาให้ที่ข้างสระ
มีจุดอาบน้ำล้างตัวมาให้ 2 ชุด มีทั้งฝักบัวและ Rain Shower ค่ะ
ด้านขวาเป็นพื้นที่นั่งอาบแดด อาจจะใช้สำหรับมานั่งเล่นชมวิวสบายๆในวันที่อากาศไม่ร้อนได้ค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของอาคารใต้พื้นที่หนีไฟทางอากาศ จะมีห้อง Stream แยกชาย-หญิงมาให้ใช้งานด้วยค่ะ
จะมีให้สำหรับชาย-หญิงอย่างละ 1 ห้อง
ภายในมี Locker สำหรับเก็บของและห้อง Stream
วิวทางทิศตะวันออกเมื่อมองจากชั้น 22 จะเห็นสถานีรถไฟฟ้าแยกไฟฉาย และวิวเมืองฝั่งถนนพรานนก
วิวทางทิศใต้เมื่อมองจากชั้น 22 จะเห็นโรงงานผลิตน้ำธนบุรี และวิวเมืองฝั่งถนนอิสรภาพ
วิวทางทิศเหนือเมื่อมองจากชั้น 22 จะเห็นห้าง Makro และสถานีรถไฟฟ้าบางขุนนนท์ค่ะ
วิวทางทิศตะวันตกเมื่อมองจากชั้น Roof Top จะเห็นวัดรวกสุทธาราม และวิวเมืองฝั่งคลองบางขุนศรี
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- The Prime Lobby : Lobby ชั้น 1 และ Mailbox (อาคาร A)
- Exclusive Working Space : Co-Working Space ชั้น 3 (อาคาร A)
- Private Meeting Room ชั้น 3 (อาคาร A)
- Hideaway Garden ที่ชั้น 4 (อาคาร B)
- Garden View Gym : Fitness ที่ชั้น 4 (อาคาร B) ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
- สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 25.00 x 5.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 76 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 132 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 30 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 134 คัน คิดเป็น 44% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card
ห้องพักอาศัยภายในโครงการจะมีทั้งหมด 2 แบบ คือ
- 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 23.60 – 41.10 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาดตั้งแต่ 43.95 – 45.85 ตร.ม.
การขายแบบ Fully Fitted มีรายการส่งเสริมการขายเป็น Built-in ชุดครัว (รวมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน), เครื่องปรับอากาศ, Built-in ตู้เสื้อผ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.40 ตารางเมตร และห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.30 ตารางเมตรกันค่ะ
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.40 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ การจัดพื้นที่ใช้งานเป็นสัดส่วน เข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นพื้นที่แจกไปยังห้องอื่นๆ ห้องนั่งเล่นเหมาะกับการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง สามารถวางโต๊ะกลางได้ ไม่ขวางทางเดินค่ะ มีประตูกั้นส่วนครัวเป็นบานเลื่อนกระจก ครัวที่ได้เป็นครัวปิดเชื่อมต่อกับระเบียง ซึ่งจะช่วยไม่ให้กลิ่นฟุ้งกระจายเวลาทำอาหารได้ดี และทำให้สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้อีกทางนึงค่ะ พื้นที่ครัวสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งได้ และเว้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้ สำหรับคนที่มีเครื่องซักผ้า ทางโครงการจะเดินงานระบบรองรับไว้ให้ที่ระเบียงค่ะ ห้องน้ำสามารถเข้า-ออกได้สะดวกจากห้องนั่งเล่น แยกพื้นที่ส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาใช้ชัดเจน พร้อมติดตั้งฉากกั้นกระจกพื้นที่อาบน้ำมาให้ ส่วนห้องนอนมีพื้นที่วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดี มี Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ค่ะ ห้องนี้โดยรวมแล้วเหมาะกับคนที่อยู่คนเดียว ต้องการพื้นที่ใช้งานเป็นสัดส่วน สามารถทำอาหารจริงจังได้ เป็นต้น ภายในห้องจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ
ด้านหน้าประตู เป็นประตูปิดผิวลามิเนตลายไม้ มีช่องตาแมวและติดตั้ง Digital Door Lock เป็นมือจับมาให้ในตัวค่ะ
Digital Door Lock ที่ได้เป็นของ Samsung รองรับระบบ Key Card และการตั้งรหัสผ่าน ดีไซน์ทรงเหลี่ยมจับถนัดมือ
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน ซึ่งห้องนั่งเล่นจะได้แสงและวิวผ่านทางห้องครัวค่ะ พื้นห้องปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูป หนา 8 มิลลิเมตร มีความสูงถึงฝ้าเพดาน 2.65 เมตร พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้ โดยมีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 3.10 เมตร เหมาะสำหรับวาง TV ขนาด 40-42 นิ้วค่ะ
เมื่อมองกลับไปที่ประตูจะเห็นว่าสามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่ขวางทางเดินเข้า-ออกหลัก สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่วางรองเท้าอาจจะ Built-in ตู้ที่มุมห้องเพิ่มเติมได้ค่ะ
ความกว้างห้องนั่งเล่นจะอยู่ที่ประมาณ 2.00 เมตร เหมาะกับการวางโซฟาไม่เกิน 2 ที่นั่ง จะมีพื้นที่ด้านข้างสามารถวางโต๊ะเล็กหรือโคมไฟได้
เครื่องปรับอากาศจะติดตั้งมาให้ที่ห้องนั่งเล่น 1 จุดเป็นแบบ Wall Type และมีจุดต่อสัญญาณโทรทัศน์ สามารถรองรับการติดตั้งเคเบิ้ล TV ได้ในอนาคต ส่วนห้องน้ำจะเข้า-ออกได้จากห้องนั่งเล่นค่ะ ซึ่งจะทำให้ใช้งานสะดวก เมื่อมีแขกมาแล้วต้องการเข้าห้องน้ำก็สามารถเข้าได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านห้องอื่นๆค่ะ
ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้งมาให้ พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ พื้นปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร และผนังกรุกระเบื้องเซรามิคและกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้ค่ะ
อ่างล้างหน้าจะติดตั้งบนเคาน์เตอร์ มีช่องเก็บของด้านล่างมาให้ สามารถเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดได้ และติดตั้งกระจกเงาแบบมีที่วางของมาให้ด้วยค่ะ ซึ่งอ่างล้างหน้าที่ได้เป็นของ Kohler
โถสุขภัณฑ์มีระยะที่นั่งได้สบายไม่อึดอัด กว้างประมาณ 0.80 เมตร ติดตั้งพร้อมอุปกรณ์ต่างๆจาก Kohler ทั้งหมดค่ะ
ฉากกั้นอาบน้ำที่ได้จะเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ เป็นบานกระจกเปิดเข้าด้านใน ช่วยกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมายังส่วนแห้ง
พื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 1.00 x 0.82 เมตร สามารถยืนอาบได้สบายๆ พร้อมติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจาก Kohler และเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เลย
มาดูห้องครัวกันบ้างค่ะ ครัวเป็นแบบปิดมีประตูกั้นเป็นบานเลื่อนกระจก 2 ตอน กรอบอลูมิเนียมสีขาว ช่วยให้แสงธรรมชาติจากระเบียงสามารถส่องผ่านห้องครัวเข้ามายังพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้
ภายในห้องครัวกว้างประมาณ 2.00 x 2.25 เมตร มีพื้นที่วางตู้เย็นและชุดโต๊ะรับประทานอาหารได้ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรสีครีม ความสูงฝ้าภายในห้องครัวประมาณ 2.50 เมตรค่ะ
เหมาะสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง หรือใครที่ชอบรับประทานอาหารที่ห้องนั่งเล่นมากกว่า ก็จะเหลือที่ว่างสำหรับทำครัวได้กว้างมากขึ้นค่ะ
ชุดครัว Built-in กว้างประมาณ 1.50 เมตร มีช่องเก็บของด้านบนเป็นบาน Hi Gloss สีขาว สำหรับเก็บจาน ชาม หรืออุปกรณ์ทำครัวต่างๆ ติดตั้ง Soft Close มาให้ทุกบาน เวลาปิดจะเสียงไม่ดังค่ะ ส่วนช่องเก็บของด้านล่างมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องไมโครเวฟมาให้ ช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารด้านบนเคาน์เตอร์ได้ ช่องเก็บของด้านล่างเป็นหน้าบานลามิเนตลายไม้ เข้ากับพื้นห้องค่ะ
บนเคาน์เตอร์ครัว เป็น Top หินเทียมสีขาว ติดตั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันระบบดูดออกด้านนอกมาให้
อ่างล้างจานที่ได้เป็นอ่าง Stainless ทรงสี่เหลี่ยม พร้อมก๊อกน้ำทรงโค้งจาก Franke และด้านข้างเป็นเตาไฟฟ้าเซรามิค 2 หัว จาก Franke เช่นกันค่ะ
ประตูระเบียงเป็นบานเลื่อน 2 ตอนกระจกลามิเนตหนา 6 มิลลิเมตร (ฟิล์มสีเทา) กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ ช่วยกรองแสงและความร้อนได้ในระดับนึงค่ะ
ระเบียงกว้างประมาณ 1.95 x 0.80 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค มีระบบเดินท่อสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้ และติดตั้ง Condensing Units แบบหันออก ช่วยให้ลมร้อนเป่าออกสู่ด้านนอกไม่ทำให้ระเบียงร้อนค่ะ พร้อมกับราวกันตกและระแนงบังสายตาเชื่อมต่อกัน
ห้องนอนจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ความกว้างเกือบเต็มผนัง รับแสงธรรมชาติและมองเห็นวิวได้กว้าง พื้นที่ห้องกว้างประมาณ 2.75 x 2.80 เมตร เหมาะสำหรับวางเตียงขนาด 5 ฟุตค่ะ แต่ถ้าใครที่ต้องการพื้นที่เดินได้รอบเตียงก็แนะนำเป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุต จะเหลือพื้นที่กว้างขึ้นค่ะ
ห้องนอนมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เลย ทำให้ขนาดพอดีกับพื้นที่ไม่ต้องยุ่งยากในการซื้อมาติดตั้งเองค่ะ
ตู้เสื้อผ้าติดตั้งบานกระจกมาให้ สะดวกในการแต่งตัว สามารถเลื่อนเปิดได้ 2 ฝั่ง มีราวแขวนและลิ้นชักเก็บของมาให้ค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงมีประมาณ 0.70 เมตร สำหรับคนที่อยากติดตั้งชั้นวาง TV แนะนำเป็นชั้นความกว้างไม่เกิน 30 เซนติเมตร หรือติดตั้ง TV แบบติดผนัง จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงเดินได้สะดวกค่ะ
ภายในห้องนอนมีช่องเปิดบานกระทุ้งมาให้ 1 จุด สามารถเปิดระบายอากาศภายในห้องได้ หน้าต่างเป็นบานกระจกลามิเนต กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat สีดำค่ะ
มาดูห้อง 1 Bedroom ขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยกับพื้นที่ 34.30 ตารางเมตร ซึ่งห้องนี้เป็นห้องตำแหน่งมุมอาคารอยู่ทางทิศตะวันตก มองเห็นวิวด้านหน้าทางถนนจรัญสนิทวงศ์ และตลาดบางขุนศรีค่ะ การจัดวางพื้นที่ของห้องนี้เน้นพื้นที่นั่งเล่นกว้าง และห้องนอนแยกออกมาเป็นสัดส่วน เข้ามาภายในห้องจะเจอกับทางเดิน มีห้องน้ำอยู่ทางขวามือ แยกส่วนเปียก-แห้งมาให้ พร้อมฉากกั้นพื้นที่อาบน้ำทางซ้ายมือเป็นห้องนอนยื่นออกมาจากตัวห้องทำให้มองเห็นวิวได้ 2 ฝั่ง ตรงกลางเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ เชื่อมต่อไปยังพื้นที่ครัวปิด มองเห็นวิวด้านนอกและได้กระจกเข้ามุม ส่วนระเบียงแยกส่วนกับพื้นที่ครัว ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1-2 คน ชอบพื้นที่ค่อนข้างกว้างและมีพื้นที่การใช้งานแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนค่ะ
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับทางเดินกว้างประมาณ 1.20 เมตร มองเห็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นตรงกลางเชื่อมต่อไปยังห้องครัวและระเบียง ประตูทางฝั่งขวามือเป็นห้องน้ำ ส่วนทางซ้ายเป็นห้องนอนค่ะ ห้องนี้จะมีความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.65 เมตร เท่ากับห้องอื่นๆ พื้นปูด้วยลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มิลลิเมตรและมีเครื่องปรับอากาศมาให้ 2 จุดค่ะ
เมื่อมองกลับไปที่ประตู ห้องนี้จะไม่มีพื้นที่ Built-in ตู้รองเท้านะคะ สำหรับคนที่ต้องการเก็บเป็นสัดส่วนอาจจะทำตู้รองเท้าที่บริเวณห้องนั่งเล่น หรือชั้นวางด้านหน้าห้องน้ำได้
ห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน พร้อมติดฉากกั้นกระจกพื้นที่อาบน้ำมาให้ ผนังที่ยื่นออกมาสามารถวางของได้ โดยรวมแล้วห้องน้ำจะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom แรกที่เราพาไปดูค่ะ
ตัวอ่างล้างมือมีชั้นเก็บของด้านล่างมาให้ พร้อมติดกระจกเงาแบบมีชั้นวางของมาให้เช่นกัน โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก Kohler
พื้นที่โถสุขภัณฑ์กว้าง 0.75 เมตร นั่งได้สบาย ติดตั้งมาให้พร้อมสายชำระ และที่แขวนกระดาษชำระ จาก Kohler
ฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปิดกระจก ช่วยไม่ให้เวลาอาบน้ำแล้วน้ำกระเด็นออกมาด้านนอกค่ะ
พื้นที่อาบน้ำห้องนี้อยู่ที่ประมาณ 1.10 x 0.95 เมตร สามารถยืนอาบได้สบายๆ มีฝักบัวสายอ่อนและเดินระบบติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้
ห้องนั่งเล่นเป็นห้องแนวยาว พื้นที่ประมาณ 2.90 x 3.70 เมตร สามารถแบ่งพื้นที่เป็นส่วนนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารได้ และได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาจากทางห้องครัวและระเบียงทำให้ห้องไม่มืดจนเกินไปค่ะ
โดยถ้าแบ่งเป็นส่วนนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารด้านหลังจะเหลือระยะดู TV ประมาณ 2.0 เมตร สำหรับใครที่อยากให้ห้องดูกว้าง แนะนำให้วางโซฟาติดผนังด้านหลัง และวางโต๊ะรับประทานอาหารไว้ด้านข้างแทน จะทำให้มีระยะดู TV เพิ่มขึ้นเป็น 3.40 เมตร วาง TV ได้ถึงขนาด 46 นิ้วค่ะ
ในห้องตัวอย่างจะมีพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ด้านหลัง เหมาะสำหรับวางโต๊ะ 2 ที่นั่งค่ะ
ประตูระเบียงเป็นประตูบานเลื่อน2 ตอนกระจกลามิเนต กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ
พื้นที่ระเบียงรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง 1.50 x 1.50 เมตร มีงานระบบเดินท่อสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้ Condensing Units เป็นแบบแขวนหันหน้าเข้าระเบียง แต่จะมีแผงเปลี่ยนทิศทางลมติดตั้งมาให้ค่ะ ช่วยให้ระเบียงไม่ร้อน ออกมาใช้งานได้สบายๆ
ห้องครัวเป็นครัวปิด พื้นครัวจะปูกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้ทำความสะอาดได้ง่าย มีประตูเป็นบานเลื่อนกระจกช่วยกันไม่ให้เวลาทำอาหาร แล้วกลิ่นฟุ้งกระจายไปยังส่วนอื่นๆของห้อง ทำให้สามารถทำอาหารจริงจังได้เลย
ส่วนครัวมีช่องเปิดระบายอากาศเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ 1 จุด และได้ช่องแสงเข้ามุม ทำให้แสงเข้ามายังพื้นที่ครัวได้มาก และทำให้มองเห็นวิวได้กว้างด้วยค่ะ เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในครัว
ชุดครัว Built-in กว้างประมาณ 1.50 เมตรเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ทั่วไป มีช่องเก็บของด้านบนเป็นบาน Hi Gloss สีขาว สำหรับเก็บจาน ชาม หรืออุปกรณ์ทำครัวต่างๆ ติดตั้ง Soft Close มาให้ ส่วนช่องเก็บของด้านล่างมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องไมโครเวฟ จะได้ประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารบนเคาน์เตอร์ ช่องเก็บของด้านล่างเป็นบานลามิเนตลายไม้ค่ะ
บนเคาน์เตอร์ครัว เป็น Top หินเทียมสีขาว ติดตั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันครบ
อ่างล้างจานที่ได้เป็นอ่าง Stainless ทรงสี่เหลี่ยม พร้อมก๊อกน้ำทรงโค้งและ ด้านข้างเป็นเตาไฟฟ้าเซรามิค 2 หัว จาก Franke
ห้องนอนกว้างประมาณ 3.45 x 2.85 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ ห้องนี้จะได้ช่องแสงกว้างเข้ามุม มองเห็นวิวภายนอกและรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ และติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้ 1 จุดค่ะ
สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เดินได้รอบเตียง แนะนำให้ใช้เป็นเตียงขนาด 5 ฟุตนะคะ ปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 0.80 เมตร สามารถวางชั้นวาง TV ได้ แต่จะเสียพื้นที่เดินไปหน่อยค่ะ
เตียงนอนไม่จำเป็นต้องวางฝั่งเดียวกับห้องตัวอย่างนะคะ ถ้าใครที่ไม่ต้องการดู TV ในห้องนอน สามารถวางเตียงแนวขวางได้และจะเหลือพื้นที่ด้านข้างวางโต๊ะเล็กๆข้างเตียงค่ะ ห้องนอนมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ทางด้านขวามือด้วยค่ะ
ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อนเปิดได้ 2 ฝั่ง เป็นบานกระจก 1 บาน ทำให้สะดวกในการแต่งตัว ด้านบนมีช่องเก็บของมาให้ ส่วนด้านในเป็นราวแขวนผ้า และลิ้นชักเก็บของค่ะ
ลิ้นชักเก็บของด้านในมี 3 ช่องสำหรับเก็บผ้าที่พับหรือเครื่องประดับต่างๆแยกเป็นสัดส่วนได้ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 JUNE 2019
- 1 Bedroom / อาคาร A ชั้น 2 / เนื้อที่ 34.70 ตร.ม. / ราคา 3.64 ล้านบาท หรือ 104,900 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom / อาคาร A ชั้น 7 / เนื้อที่ 26.40 ตร.ม. / ราคา 3.27 ล้านบาท หรือ 123,863 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom / อาคาร A ชั้น 10 / เนื้อที่ 26.40 ตร.ม. / ราคา 3.48 ล้านบาท หรือ 131,818 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom / อาคาร A ชั้น 9 / เนื้อที่ 40.7 ตร.ม. / ราคา 4.75 ล้านบาท หรือ 116,855 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom / อาคาร A ชั้น 15 / เนื้อที่ 26.55 ตร.ม. / ราคา 3.53 ล้านบาท หรือ 132,956 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom / อาคาร A ชั้น 20 / เนื้อที่ 44.20 ตร.ม. / ราคา 6.30 ล้านบาท หรือ 142,534 บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.65 เมตร
- Kitchen & Sink / ท๊อปหินเทียม
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล :
โครงการ The Tree จรัญสนิทวงศ์ 30 ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยจรัญฯ30 มุ่งหน้าฝั่งถนนเพชรเกษม เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นชุมชน มีแหล่งความอุดมสมบูรณ์หลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นตลาดตามชุมชน โครงการตั้งอยู่ตรงข้ามกับตลาดบางขุนศรี ซึ่งเป็นแหล่งของกินขนาดใหญ่ และสามารถเดินไปยัง Makro จรัญฯ, Foodland จรัญฯ ได้ นอกจากนั้นยังใกล้โรงพยาบาลธนบุรี, โรงพยาบาลศิริราช, ตลาดวังหลัง เป็นต้น ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ :
การเดินทางโดยใช้รถสามารถทำได้สะดวกเนื่องจากอยู่ติดถนนใหญ่ คือ ถนนจรัญสนิทวงศ์ สามารถข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาฝั่งพระนครได้โดยใช้ สะพานพระราม 8 และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าได้ นอกจากนั้นยังมีเส้นทางไปยังถนนสายหลักอีกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ถนนเพชรเกษม, ถนนบรมราชชนนี, ถนนราชพฤกษ์, และไปถึงถนนพุทธมณฑล เป็นต้น และทางโครงการก็มีที่จอดรถแบบ Conventional มาให้ 134 คัน คิดเป็น 44% ถือว่าให้มาไม่น้อยค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
การเดินทางโดยรถสาธารณะค่อนข้างสะดวก เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้กับเส้นทางรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีแยกไฟฉาย ระยะทางประมาณ 250 เมตร ซึ่งสามารถเดินไปได้ หรือใครที่ชอบเรียกรถก็จะมีรถสองแถว รถกระป้อ วินมอเตอร์ไซค์และรถประจำทางผ่านอยู่ตลอดทั้งวัน นอกจากนั้นอาจจะใช้เรือด่วนเจ้าพระยาที่สถานีท่าวังหลัง ห่างจากโครงการประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นตัวเลือกในการเดินทางอีกวิธีหนึ่งในการเลี่ยงรถติดด้วยค่ะ
วัสดุ :
โครงการมีการขายแบบ Fully Fitted พร้อมชุดครัว Top หินเทียม Hob & Hood & Sink / ของยี่ห้อ Franke , เครื่องปรับอากาศ, สุขภัณฑ์ จาก Kohler, และได้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน (ตามเงื่อนไขการขายจากทางโครงการ) พื้นปูลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตร ส่วนครัวปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ได้ Digital Door Lock จาก Samsung โดยรวมถือว่าให้มาตามมาตรฐานราคานี้ค่ะ
การออกแบบ :
การออกแบบอาคาร มีพื้นที่ส่วนกลางสวยน่าใช้งาน เข้าถึงง่ายเนื่องจากมี Facility กระจายตามชั้นต่างๆ ของอาคาร มีการวางผังแยกพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ห้องพักอาศัยชัดเจน ทำให้ลูกบ้านมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ทางเดินห้องพักเป็น Double Corridor มีการวางห้องให้ประตูไม่เปิดมาตรงกัน ช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน และแต่ละชั้นมียูนิตที่ไม่หนาแน่นเกินไปค่ะ
การออกแบบภายในห้องเป็นสัดส่วนชัดเจน ได้ครัวปิดทุกห้อง ทำให้สามารถทำอาหารที่มีกลิ่นได้ ออกแบบให้ห้องน้ำสามารถเข้าได้สะดวกจากห้องนั่งเล่น แยกส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน และมีพื้นที่ระเบียงสำหรับวางเครื่องซักผ้าได้
สาธารณูปโภค :
จัดมาให้ครบครัน พื้นที่ส่วนกลางกระจายตามชั้นต่างๆ เช่น ที่ชั้น 1 มี Lobby และ Mailbox ชั้น 3,4 มีห้อง Co-Working Space, Meeting Room, Fitness, สวน และ Facility ชั้น 22, Roof Top มองเห็นวิวเมืองย่านจรัญสนิทวงศ์ มีห้อง Sky Lounge, Stream แยกชาย-หญิง, สระว่ายน้ำระบบเกลือยาว 25.00 เมตร เน้นมองเห็นวิว มีลิฟต์มาให้อาคารละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการประมาณ 76 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นมาก แต่ถ้าแยกตามอาคาร อาคาร B ที่มียูนิตน้อยกว่าจะได้ความเป็นส่วนตัว และมีอัตราส่วนลิฟต์น้อยกกว่าค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 100,000 บาท/ตร.ม., 9 JUNE 2019
- ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ หาของกินง่าย มีความอุดมสมบูรณ์สูง
- เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – เดินทางสะดวก มีทางไปออกถนนเส้นหลักได้หลายสาย ที่จอดรถ 44%
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – เดินไป MRT สถานี แยกไฟฉายได้ 250 เมตร มีรถประจำทาง วินฯ และเรือด่วนเจ้าพระยา
- วัสดุ 7/10 – ได้ Fully Fitted ระดับมาตรฐาน
- แบบ 8/10 – ออกแบบโครงการและห้องพักเป็นสัดส่วนลงตัว ไม่หนาแน่นมาก
- สาธารณูปโภค 8/10 – Facility ให้มาหลากหลาย เน้นวิวสวย
- HIGH CLASS
- 7.70 / 10.00
BOTTOM LINE
The Tree จรัญสนิทวงศ์ 30 เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าย่านจรัญสนิทวงศ์ หาของกินง่าย เดินทางสะดวก ชอบโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางให้หลากหลาย และน่าใช้งาน เน้นวิวสวย ชอบห้องพักอาศัยที่ออกแบบเป็นสัดส่วนชัดเจน พื้นที่ครัวปิด ทำอาหารจริงจังได้ มีงบประมาณระดับ 3 – 6 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 21,000 – 42,000 บาท/เดือน