รีวิวฉบับที่ 1982 … ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปี ในที่สุดโครงการ Lumpini Selected สุทธิสาร – สะพานควาย จาก LPN ก็สร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้วนะครับ เป็นคอนโด High Rise บนถนนสุทธิสาร ตัวแรกๆของแบรนด์นี้ที่ใช้การออกห้องระบบ Interlocking ทำให้ได้ห้องคู่ 2 ห้อง ที่มีฟังก์ชันที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีส่วนกลางที่ชั้นบนให้ใช้งานอีกด้วย ของจริงสร้างเสร็จจะเป็นอย่างไร เราไปชมพร้อมๆกันครับ

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 5 November 2019

  • Lumpini Selected Sutthisan-Saphan Khwai (ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร – สะพานควาย)
  • บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยอินทามระ 4 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย เขตพญาไท
  • คอนโด High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 389 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 157 คันคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 1-3-55 ไร่
  • แล้วเสร็จพร้อมอยู่ : ปี 2562
  • Studio 25 – 26.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 27 – 34.5 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 46.5 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้อง 27 ตร.ม. เริ่มต้น 2.99 ล้านบาท (โปรโมชัน) หรือ 110,750 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 152,903 – 157,682 บาท/ตร.ม. (ราคาขายปัจจุบัน)
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 02-689-6888

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.788935, 100.553864
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Lumpini Selected สุทธิสาร-สะพานควาย ตั้งอยู่บนถนนสุทธิสารวินิจฉัย ฝั่งเลขคู่ ซึ่งถนนเส้นนี้แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก อาจเรียกว่าเป็นถนนซอยก็ได้ครับ เพราะว่ามีแค่ 2 เลนเท่านั้น แต่ก็มีความสำคัญและคึกคักมากๆ เพราะเชื่อมถนนหลัก 3 สายเข้าด้วยกัน ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดี-รังสิต และถนนรัชดาภิเษก โดยตำแหน่งที่ตั้งของโครงการจะเป็นช่วงต้นถนนใกล้กับฝั่งพหลโยธิน ทำให้สามารถเดินทางไปจตุจักร-ห้าแยกลาดพร้าวได้ง่ายมากๆ ซึ่งเป็นจุดที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานและแหล่งงานมากมาย หรือจะเป็นช่วงแยกรัชดา-สุทธิสาร บริเวณนี้ก็มีแหล่งออฟฟิศและความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหารการกินเยอะแยะเลยครับ แต่ถ้าใครอยากเดินทางไกลและสะดวก ก็ต้องเป็นถนนวิภาวดี-รังสิต ที่เป็นถนนเส้นใหญ่ จะไปรังสิต-ปทุมธานีก็ได้ หรือจะไปดินแดง-บางนาก็สะดวกอีกเช่นกัน

อีกหนึ่งการเดินทางที่สะดวกของทำเลนี้ก็คือรถไฟฟ้า BTS มีสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีสะพานควาย ห่างจากโครงการประมาณ 1 km. ซึ่งก็เป็นโชคดีของทำเลนี้ครับ ที่มีพี่วินมอไซค์ตั้งอยู่ใกล้ๆ (เยื้องๆกับโครงการ) เพราะอย่างที่บอกครับว่าถนนเส้นนี้รถหนาแน่นตลอดทั้งวัน นั่งวินไปไวกว่าเยอะ แต่ถ้าใครที่อยากหาของกินง่ายๆ ก็ไม่ต้องไปไกลถึงด้านนอกครับ เพราะบริเวณใกล้ๆโครงการในระยะเดินก็มีร้านให้ฝากท้องได้เช่นกัน เพราะย่านนี้แต่เดิมก็มีคอนโด Low Rise มากมายอยู่ตามซอยย่อยต่างๆ พ่อค้าแม่ค้าจึงเข้ามาเปิดร้านในพื้นที่นี้เยอะครับ

สำหรับการเดินทางในวันนี้ ผมเลือกมาคนละเส้นทางกับที่พี่ดาเคยพามาเมื่อคราวก่อนนะ โดยผมมาจากทางด่วนศรีรัชนะครับ และมาลงที่ถนนพหลโยธิน จากนั้นเลี้ยวซ้ายมาทางแยกประดิพัทธ์ พอถึงแยกแล้วก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ขับตรงมาตามทางเรื่อยๆก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือครับ

Image 1/8
ตอนนี้ผมอยู่บนทางพิเศษศรีรัชนะ ให้ใช้ทางออกตามป้ายบอกทาง ถนนพระราม 6 ครับ

ตอนนี้ผมอยู่บนทางพิเศษศรีรัชนะ ให้ใช้ทางออกตามป้ายบอกทาง ถนนพระราม 6 ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนแนวราบนะครับ แต่จะมีแค่ทางทิศตะวันตกเท่านั้นที่จะมีคอนโดเพื่อนบ้านในอนาคตที่สูง 38 – 40 ชั้นเกิดขึ้นครับ โดยวิวของจริงจะเป็นอย่างไรบ้างผมถ่ายรูปมาฝากทุกคนด้วยนะ จะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ

ทิศเหนือ : เป็นชุมชนแนวราบ และอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น ระยะไกลได้วิวฝั่งจตุจักร-ห้าแยกลาดพร้าวครับ

และถ้าเราก้มมองลงมาจะเห็นว่าเป็นด้านหน้าโครงการ ซึ่งอยู่ติดกับถนนสุทธิสารวินิจฉัย และถ้าเป็นปีกอาคารฝั่งขวานี้จะมองเห็นสวนบนอาคารที่อยู่ชั้น 7 ด้วยนะครับ

ทิศใต้ : เป็นชุมชนแนวราบอีกเช่นกันครับ ค่อนข้างได้วิวเปิดโล่ง และต้นไม้สีเขียว ระยะไกลมองเห็น City View ฝั่งพญาไทครับ

แต่ถ้าเราก้มมองลงมาด้านล่าง จะเห็นว่าเป็นถนนซอยอินทามระ 4 ซอยเล็กๆด้านหลังโครงการ อาคารด้านซ้ายเป็นสถานีสูบจ่ายน้ำของกรมประปานครหลวง ส่วนอาคารด้านขวาเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้นครับ

ทิศตะวันออก : ได้วิวเปิดโล่งเพราะเป็นชุมชนแนวราบครับ มองไปได้ไกลจนถึงแนวตึกที่อยู่บนถนนวิภาวดีกันเลยทีเดียว

แต่ถ้าเราก้มลงมาดูด้านล่างจะเห็นว่า โครงการตั้งอยู่ติดกับสถานีสูบจ่ายน้ำของกรมประปานครหลวง ที่ด้านหน้าจะเป็นทางเข้าเล็กๆ แต่จะมีพื้นที่และอาคารขนาดใหญ่ด้านในที่เราเห็นกันไปก่อนหน้านี้ครับ

ทิศตะวันตก : เป็น City View ฝั่งถนนพหลโยธินครับ ค่อนข้างมีอาคารสูงเกิดขึ้นเยอะกว่าทิศอื่น

แต่ถ้าเราก้มลงมาดูด้านล่าง จะเห็นว่าพื้นที่ข้างๆโครงการกำลังมีการก่อสร้างกันอยู่ เป็นคอนโดที่มีความสูง 38 – 40 ชั้นครับ ทำให้ทิศทางด้านหน้าจะโดนบังวิวได้ในอนาคตนะ

คราวนี้เรามาลองเดินดูทำเลของจริงกันบ้างดีกว่าครับ เริ่มจากด้านหน้าโครงการจะติดกับถนนสุทธิสารวินิจฉัยแบบนี้เลย และฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครับ

เราจะมาเริ่มดูจากทางด้านซ้ายของโครงการกันก่อนนะ ซึ่งเป็นทางที่จะมุ่งหน้าไปถนนวิภาวดี-รังสิต

ติดกับโครงการก็อย่างที่บอกไปครับ ว่าจะเป็นสถานีสูบจ่ายน้ำของการประปานครหลวง

ส่วนฝั่งตรงข้ามกับเซเว่น (ฝั่งเดียวกับโครงการ) จะมีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่ครับ รวมถึงด้านข้างของเซเว่นเองก็จะมีวินมอไซค์ตั้งอยู่อีกด้วย นั่งวินไป BTS ก็เริ่มที่ 20 บาทนะ

คราวนี้เราจะไปดูทางด้านขวาของโครงการกันบ้างครับ ซึ่งด้านหน้าที่อยู่ติดกับถนนจะมีอาคารพาณิชย์สูง 4  ชั้นตั้งอยู่

ติดกันจะเป็นโครงการคอนโดเพื่อนบ้านที่กำลังล้อมรั้วก่อสร้างอยู่

และถ้าเราเดินต่อมาอีกหน่อย จนถึงบริเวณแยกซอยอินทามระ 3 และอินทามระ 4 จะมีเซเว่นตั้งอยู่ รวมถึงมีปั๊มน้ำมัน Esso ซึ่งในปั๊มเองก็มีทั้ง Lotus Express และร้านกาแฟ D’Oro ตั้งอยู่ด้วยครับ ส่วนในซอยข้างๆเซเว่นเองก็มีร้านอาหารตามสั่ง หรือจะเดินเลยปั๊มต่อไปอีกหน่อย ก็จะมีร้านอยู่เป็นระยะๆครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Big C สะพานควาย ~800 ม.
  • AIS Tower ~ 1 กม.
  • โรงพยาบาลเปาโล เมมโมเรียล ~1 กม.
  • โรงพยาบาลประสานมิตร ~1.2 กม.
  • IBM Tower ~1.5 กม.
  • ตลาดนัดสวนจตุจักร ~1.5 กม.
  • กรมการขนส่งทางบก ~2 กม.
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ~2 กม.
  • สวนจตุจักร ~2.5 กม.
  • โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ~2.5 กม.
  • บริษัทการบินไทย ~2.5 กม.
  • สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ~3 กม.
  • โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ~3 กม.
  • โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ~3 กม.
  • โรงเรียนหอวัง ~4 กม.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~4 กม.
  • Tesco Lotus ~4 กม.
  • สวนรถไฟ ~4.5 กม.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ Lumpini Selected สุทธิสาร – สะพานควาย เป็นคอนโด High Rise สูง 28 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 389 ยูนิต ภายนอกออกแบบสไตล์ Modern ดูเรียบง่าย ทาสีอาคารด้วยน้ำเงิน เทา และชื่อโครงการจะเป็นตัวอักษรสีเหลืองขนาดใหญ่เห็นได้เด่นชัด

Master Plan เริ่มจากทางเข้าด้านหน้าจะอยู่ติดถนนสุทธิสาร เมื่อผ่านป้อมยามและไม้กั้นกระดกเข้าจะสามารถตรงมา และวนรถรับ-ส่งคนที่จุด Drop-Off ให้เดินเข้า Lobby ได้ง่ายๆ ก่อนจะเลยไปขึ้นที่จอดรถในอาคารที่อยู่ด้านหลังครับ แต่ถ้าเราอ้อมไปหลังอาคารก็จะมีที่จอดสำหรับมอเตอร์ไซค์/คนพิการ/หรือจอดรถขนของขึ้นตึกด้วยนะ รวมถึงมีที่จอดรถชั่วคราวสำหรับล้างรถได้อีกด้วย

ส่วน Facilities หลักๆของชั้นนี้จะเป็นสวนด้านหน้าโครงการ ซึ่งทำหน้าที่เป็น Buffer กันมลพิษและความวุ่นวายภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนด้านใน พร้อมกับมีศาลาให้นั่งเล่นกันได้ ส่วน Co-Working Space เค้าเลือกที่จะวางไว้ด้านหน้าสุด และแยกทางเข้าจาก Lobby นั้น ก็เพราะ เผื่อนัดแขกหรือเพื่อนมาคุยงานกันจะได้สะดวก ไม่ต้องเข้ามาด้านในโครงการให้เสียความเป็นส่วนตัวครับ ส่วน Lobby จะมีขนาดใหญ่มาก และที่ขาดไม่ได้คือสำนักงานนิติบุคคลขนาดใหญ่ สามารถเดินมาติดต่อกันได้สะดวกก่อนขึ้นห้อง ด้านในสุดเป็นโถงลิฟต์ซึ่งจะต้องใช้ Key Card Access เพื่อความปลอดภัยครับ

เรามาเริ่มดูของจริงจากทางเข้าด้านหน้าก่อนเลยดีกว่า จะเป็นไม้กั้นกระดกแบบนี้ครับ และมีป้อมยามคอยดูแลอยู่ทางซ้ายมือตลอด 24 ชม. แน่นอนว่าลูกบ้านสามารถเข้าได้เลย แต่ถ้าเป็น Visitor จะต้องแลกบัตรก่อนนะ

ระบบการเข้า-ออกใช้เป็น RFID คือเป็นสัญญาณ Bluetooth ที่ไม้จะเปิดออกอัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน จะได้ไม่ต้องเปิดกระจกลงมาแตะบัตรให้แดดร้อนหรือเปียกฝน รวมถึงมีกล้อง CCTV คอยจับภาพเพื่อความปลอดภัยด้วยครับ

เข้ามาด้านในจะมีทางตรงเข้าไปเพื่อไปจอดรถด้านหลัง หรือจะวนมาส่งคนที่จุด Drop-Off ซ้ายมือก่อนก็ได้

นอกจากนี้ยังมีสวนเล่นระดับที่อยู่ทางด้านหน้าโครงการ สามารถมาเดินหรือนั่งเล่นกันได้ ซึ่งพอต้นไม้เหล่านี้เติบโตก็จะให้ร่มเงา และช่วยเป็น Buffer ได้ดียิ่งขึ้นในอนาคตครับ

ถัดเข้ามาตรงมุมที่ดินโครงการจะมีที่ต่อยมวยและศาลานั่งเล่นอยู่ด้วยครับ

และถ้าเราเลี้ยวขวาตรงมุมอาคารนี้ ก็จะเป็นทางเชื่อมไปเข้าด้านข้างอาคารได้ครับ

กลับมาที่เส้นทางหลักด้านขวาของโครงการอีกครั้ง พอเราขับรถตรงเข้ามาจะเจอกับทางขึ้นที่จอดรถด้านซ้ายมือครับ ซึ่งในระหว่างทางจะมีการปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่นได้ในอนาคต มีเสาไฟให้แสงสว่าง และกระจกเงาเพื่อความปลอดภัยอยู่เป็นระยะๆครับ

ขึ้นมาดูชั้นจอดรถกันครับ ทางขึ้น-ลงจะเป็นแบบต้องขับรถสวนทางกันนะ จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นชั้นจอดแบบ Split level สลับซ้าย-ขวาระหว่างชั้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้ Slope และความยาวของ Ramp น้อยลงครับ โดยชั้นจอดทางฝั่งซ้ายนี้จะมีการปลูกต้นรางจืด เป็นไม้เลื้อยเพื่อตกแต่ง facade และช่วยบังแดดให้รถได้ด้วยนะ

ส่วนชั้นจอดทางฝั่งขวาจะมีโถงลิฟต์ด้วยครับ ซึ่งใช้ขึ้น-ลง ได้เฉพาะชั้นจอดรถ 1 – 6 เท่านั้น โดยไม่ต้องใช้ Key Card

พอเราลงลิฟต์กลับลงมาชั้น 1 จะมีทางแยกออกซ้าย-ขวาครับ ซึ่งถ้าเราออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวขวาจะเป็นทางไปเข้า Lobby นะ

แต่ถ้าเราเลี้ยวซ้ายมาก็จะมีประตูกระจกอีกชุดหนึ่ง เป็นทางเข้า Co-Working Space ทางด้านหลังครับ เผื่อเวลาใครนัดแขกที่ขับรถมา พอเค้าจอดรถเสร็จก็ลงลิฟต์มา แล้วเดินเข้ามาหาได้เลยโดยไม่ต้องไปอ้อมไกลๆ

ส่วนฝั่งตรงข้ามกับประตูกระจกจะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง ให้ได้มาใช้งานกันได้สะดวกๆ รวมถึงยังมีทางเดินด้านซ้ายให้เดินไปต่อได้อีกด้วยครับ

และพอผมเดินต่อมาก็จะมาโผล่ที่ด้านข้างของอาคาร จุดเดียวกับที่เรามองเห็นได้จากสวนด้านหน้าในตอนแรกนั่นเอง จะเป็นที่จอดรถคนพิการครับ รวมถึงเป็นที่จอดรถชั่วคราวเพื่อขนของด้วย เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากลิฟต์ขนของมากนัก ซ้ายมือจะมีจุดจอดพิเศษ ซึ่งป้ายเขียนไว้ว่าเป็นจุดบริการล้างรถครับ

นั่นหมายความว่า เราสามารถน้ำรถมาจอดและล้างรถเองได้ที่ตรงนี้ครับ มีก๊อกน้ำเอาไว้ให้พร้อมเลย แต่จะต้องเตรียมอุปกรณ์มาเองนะ นอกนั้นก็จะเป็นถังแยกขยะตามแบบฉบับของ LPN รวมถึงเค้าได้ใช้จุดตรงนี้เป็นที่สูบบุหรี่ด้วยนะครับ เนื่องจากว่าบนอาคารเค้าห้ามสูบนะ ใครที่ต้องการสูบก็รบกวนมาตรงจุดนี้ได้เลยครับ

กลับมาที่จุด Drop-Off ด้านหน้ากันอีกครั้ง ซึ่งจะอยู่ใต้อาคารแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องกลัวแดดร้อนหรือเปียกฝนเลยครับ ซ้ายมือจะเป็นทางเข้า Co-Working Space ส่วนตรงกลางจะเป็นทางเข้า Lobby นะ

เรามาดู Co-Working Space ทางด้านซ้ายกันก่อน ซึ่งปัจจุบันยังคงใช้เป็นสำนักงานขายอยู่นะครับ แต่ถ้าอนาคตสามารถขายโครงการได้หมดแล้ว ก็จะคืนพื้นที่นี้ให้กับลูกบ้าน และจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้มาวางไว้ให้นั่งทำงานอ่านหนังสือกันได้ โดยรอบจะเป็นผนังกระจก สามารถชมวิวสวนและต้นไม้ที่อยู่ด้านนอกได้ครับ

ส่วน Lobby จะมีขนาดใหญ่และโปร่งโล่งมากครับ มีชุดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งหลายชุดแบบหลวมๆ และกระจายตำแหน่งกัน เน้นตกแต่งผนังด้วยวัสดุประเภทไม้ เพื่อความเป็นธรรมชาติและอบอุ่น ผนังด้านขวาเป็นกระจกทั้งหมด มองเห็นแนวต้นไม้สีเขียวด้านนอกได้ครับ

ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นประตูเชื่อมต่อมาจากลิฟต์ชั้นจอดรถก่อนหน้านี้ และมีสำนักงานนิติบุคคลตั้งอยู่

ตรงกลางเป็น Reception ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยนั่งดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา รวมถึงบริการเรียกรถแท็กซี่ให้ได้ด้วยนะ

ด้านซ้ายของ Reception จะมีประตูกระจกแยกออกไปอีก 2 ห้องครับ ซึ่งประตูซ้ายมือจะเป็นห้องตู้หยอดเหรียญ ส่วนประตูขวามือจะเป็นทางเข้าโถงลิฟต์ครับ

ภายในห้องตู้หยอดเหรียญปัจจุบันมีตู้กดน้ำของ True ตั้งอยู่ครับ และในอนาคตก็จะมีตู้อื่นๆเข้ามาอีกเรื่อยๆนะ

ส่วนประตูทางเข้าโถงลิฟต์จำเป็นต้องใช้ Key Card Access เพื่อความปลอดภัยครับ เฉพาะลูกบ้านเท่านั้นที่จะผ่านเข้าไปได้

เมื่อผ่านประตูเข้ามาจะมีทางแยก 2 ทางครับ คือตรงเข้าไปทางซ้ายมือจะเป็นโถงลิฟต์ แต่ทางด้านขวานี้ก็จะมี Mail Room และห้อง Laundry ที่มีพวกเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญพร้อมเลยครับ มีที่นั่งคอยได้อยู่ที่ม้านั่งหน้าห้องนะ

ส่วนโถงลิฟต์จะมีลิฟต์ทั้งหมด 3 ตัวครับ โดยที่ลิฟต์ขวามือด้านในสุดจะใช้เป็นลิฟต์ขนของด้วยนะ เป็นตัวเดียวที่จะสามารถจอดชั้น 2 – 6 ที่เป็นชั้นจอดรถได้ครับ ส่วนถ้าใครที่ต้องการขนของแล้วมาจอดที่ด้านหลังอาคารชั้น 1 ก่อนหน้านี้ ก็จะมีทางให้เดินมาใช้ลิฟต์ตัวนี้ได้จากประตูทางซ้ายมือด้านในครับ

ภายในลิฟต์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเป็นลิฟต์แบบล็อคชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวครับ

ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปครับ ซึ่งเป็นความสูงที่จะพ้นระยะของอาคารแนวราบโดยรอบส่วนใหญ่แล้วนะ อีกทั้งยังเป็นชั้นที่มี Facilities อย่างสวนและลานออกกำลังกายกลางแจ้งอีกด้วย แต่ที่ผมชอบก็คือการจัดวางตำแหน่งของโถงลิฟต์ครับ คือถ้าเป็นคนที่อยู่ชั้นอื่น แล้วต้องการมาใช้งานสวนชั้นนี้ ก็จะเดินมายังสวนได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องเดินผ่านหน้าห้องอื่นๆให้เสียความเป็นส่วนตัวเลยครับ และสำหรับห้องพักของชั้นนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 23 ยูนิต ซึ่งจะมีห้องที่อยู่ติดกับสวนเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น โดยตำแหน่งที่ผมมองว่าน่าสนใจแตกต่างกันออกไปดังนี้

  • กรอบสีแดง : เป็นห้องติดสวนที่ไม่อยู่ติดกับห้องไหนเลยครับ ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากเฉพาะในกรณีที่ไม่มีคนมาใช้งานเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าระเบียงห้องนี้เท่านั้นนะ แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบใช้งานฟังก์ชันนี้อยู่แล้วก็เหมาะเลยครับ เหมือนมีเป็นของส่วนตัวหลังบ้านเลย
  • กรอบสีส้ม : เป็นห้องติดสวนที่ผมคิดว่าเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่คนจะต้องเดินผ่านเพื่อมาใช้สวน และยังมีแนวต้นไม้คอยกั้นให้ถึง 2 ชั้นเลยครับ
  • กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งห้องที่เป็นส่วนตัวมากที่สุด เพราะโถงทางเดินหน้าห้องจะได้เป็น Single Corridor ครับ

ตอนนี้ผมอยู่ตรงโถงลิฟต์ของชั้น 7 แล้วนะ ซ้ายมือเป็นทางไปโซนห้องพักอาศัย ส่วนขวามือจะเป็นทางไปสวนครับ

พอออกมาจะมีทางเดินผ่านระเบียงห้องชั้นนี้ไปก่อน ซึ่งเค้าจะมีทางเดินออกมาใช้สวนนี้ได้จากระเบียงโดยตรงได้อีกด้วย และสวนจริงๆจะอยู่บริเวณกลางๆ มีทั้งพื้นที่นั่งพักผ่อน และมีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งครับ

และนี่ก็เป็นภาพรวมของสวนบนชั้น 7 นี้นะครับ จริงๆแล้วก็มองไม่ค่อยเห็นช่องหน้าต่างของห้องพักชั้นนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะมีแนวต้นไม้คอยพรางสายตาไว้ให้ ส่วนชั้น 8 – 9 ถ้าเงยหน้าขึ้นไปก็ยังมองเห็นได้มากกว่า แต่เค้าก็สามารถมองลงมาชมสวนได้เหมือนกัน และในอนาคตถ้าต้นไม้เหล่านี้เติบโต และแผ่กิ่งก้านมีพุ่มหน้ามากกว่านี้ ก็จะช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวและร่มรื่นขึ้นได้อีกเยอะเลยครับ

มองเงยหน้าขึ้นไปมองชั้นบนสักหน่อย จะเห็นรูปทรงของอาคารที่ลดลงเป็นขั้นบันไดด้วยนะ จะเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวเราค่อยๆตามไปดูกันทีละชั้นกันเลยครับ

กลับเข้ามาที่โถงลิฟต์กันอีกครั้ง จุดที่ผมมองว่าแปลกจากโครงการอื่นที่ผมเคยเห็นก็คือ ลักษณะของประตูที่เค้าเลือกใช้เป็นประตูบานทึบขนาดใหญ่แบบนี้ แทนที่จะเป็นประตูกระจกครับ อีกทั้งไม่มีที่แตะ Key Card อีกด้วย นั่นเป็นเพราะว่า เค้าออกแบบทางเดินไปสวนแยกออกจากโซนพักอาศัยชัดเจนอยู่แล้ว ใครที่ไม่ได้อยู่ชั้นนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเลี้ยวมาทางนี้เลยจริงมั๊ยครับ

ส่วนบรรยากาศโถงทางเดินก็จะเป็นแนวยาวลึกอยู่เหมือนกัน อาจต้องมีการเปิดไฟช่วยบ้างในตอนกลางวันเพื่อให้ไม่มืด ที่ปลายทางแต่ละจุดจะมีหน้าต่างให้แสงเข้าและระบายอากาศได้ครับ รวมถึงห้องทิ้งขยะก็จะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ตรงกับประตูห้องไหนโดยตรงอยู่แล้ว ด้านในมีปูนก่อให้ซักล้างได้ และมีพัดลมดูดระบายอากาศด้วยครับ และติดกันจะเป็นบันไดหนีไฟนะ

แปลนชั้น 8 – 17 เป็นชั้น Typical Floor Plan และยังคงมีห้องพักอาศัย 23 ห้องต่อชั้นเหมือนเดิมครับ ผังอาคารเป็นรูปตัว L และวางโถงลิฟต์เอาไว้ตรงกลาง อัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการคือ 129 : 1 ซึ่งถือว่าหนาแน่นอยู่เหมือนกันนะ โดยในแต่ละด้านนั้นจะได้วิวที่เปิดโล่งอยู่ในปัจจุบันครับ

ยกเว้นแต่วิวทางทิศตะวันตกที่กำลังจะมีคอนโดตึกสูง 40 ชั้นของเพื่อนบ้านมาบังวิวไปบ้าง และห้องพักที่อยู่ใน“กรอบสีน้ำเงิน” ก็ยังคงเป็นตำแหน่งที่เป็นส่วนตัวมากที่สุดเช่นเคยครับ ส่วนห้องพักใน“กรอบสีส้ม”จะเป็นห้องที่มีตำแหน่งประตูตรงกับฝั่งตรงข้ามเลย ทำให้เวลาเปิดประตูมาเจอกันพอดีก็อาจเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างครับ

แปลนชั้น 18 จะเป็นชั้นที่ห้องพักด้านหน้าหายไป 3 ยูนิต จึงมีเพื่อนบ้านน้อยลงก็จริง แต่ก็เป็นชั้นที่มี Facilities อย่างสวนอยู่ด้วย ทำให้คนจากชั้นอื่นจะมาที่ชั้นนี้ได้ และต้องเดินผ่านโถงทางเดินของหลายๆห้องไปก่อน จึงทำให้ห้องทางฝั่งซ้ายมีความเป็นส่วนตัวลดลงไปบ้างครับ

ส่วนนี่คือสวนบริเวณด้านหน้า จะมีที่นั่งและต้นไม้โดยรอบ ตรงกลางเป็นโต๊ะทรงสูงให้นั่งชมวิวทางทิศเหนือได้ครับ ซึ่งช่วงบ่ายๆแบบนี้แดดก็ไม่ร้อนแล้วนะ เพราะเงาอาคารช่วยบังแดดให้แล้ว ขึ้นมาใช้งานกันได้เลยครับ

แปลนชั้น 19 – 20 จะเป็นชั้นพักอาศัยเหมือนกับชั้น 18 เลยครับ เพียงแต่จะไม่มีสวนแล้ว จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า

แปลนชั้น 21 เป็นชั้นที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดของโครงการคือ 10 ห้องเท่านั้น เพราะครึ่งหนึ่งของชั้นนี้จะกลายเป็นห้องเครื่องของ Facilities ที่อยู่ชั้นบนครับ จะขาดความเป็นส่วนตัวก็แค่ตอนที่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลเท่านั้นเอง

แปลนชั้น 22 เป็นชั้น Main Facilities แบบเต็ม Floor เลยครับ หลักๆจะประกอบด้วยสระว่ายน้ำ และพื้นที่นั่งเล่นต่างๆ รวมถึงมีห้อง Yoga และ Fitness แยกโซนมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งด้วย โดยตรงกลางจะเป็นห้องน้ำสามารถใช้งานได้สะดวกทั้ง 2 ฝั่งครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมกันเลยดีกว่า

ขึ้นมาที่โถงลิฟต์ของชั้น Facilities จะมีการตกแต่งต่างจากชั้นอื่นเล็กน้อย ด้วยการเพิ่มกรอบลายไม้ตรงประตูลิฟต์ครับ

และเมื่อเราเดินออกมาด้านนอกก็จะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นริมสระว่ายน้ำก่อนเลยครับ

โดย Day Bed นี้จะตั้งอยู่บนส่วนน้ำตื้น และอยู่ใต้ชายคาอีกทีนะ ทำให้สามารถนั่งพักผ่อนหรือชมวิวได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกลัวแดดร้อนหรือฝนตกเลยครับ แต่สำหรับทิศนี้ในอนาคตจะมีตึกของเพื่อนบ้านที่สูง 40 ชั้นเกิดขึ้น ซึ่งจะสูงกว่าโครงการเราซะอีก แต่ต้องรอดูของจริงอีกทีว่าจะบังมาก/น้อย หรือมีระยะห่างสักขนาดไหนครับ (ผมลองกะคร่าวๆน่าจะประมาณ 30 m.)

ส่วนสระว่ายน้ำจริงๆจะอยู่ทางขวามือที่เป็นสระกลางแจ้งครับ

สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ มีขนาด 5.3 x 15 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้เลยครับ

ซึ่งนอกจากนี้ยังออกแบบเป็นสระ Infinity Edge Pool โดยรอบเป็นผนังกระจก ทำให้ว่ายน้ำไปและชมวิว(ปัจจุบัน)ไปได้ด้วยแบบนี้เลยครับ

และถ้าเรามองย้อนกลับขึ้นไปที่อาคารชั้นบน จะเห็นห้องพักที่อยู่ชั้นสูงกว่านี้ที่จะมีช่องหน้าต่างด้านข้าง ดังนั้นเค้าจึงได้วิวสระว่ายน้ำจากห้องตัวเองได้ด้วยครับ รวมถึงพื้นที่ข้างซ้ายของสระก็ยังจัดเป็นสวนและพื้นที่นั่งพักผ่อนอื่นๆอีกด้วยนะ

ซึ่งถ้าใครต้องการนั่งพักจากการว่ายน้ำ ก็จะมีพื้นที่ Day Bed อยู่ปลายสระนี้อีกจุดหนึ่ง ให้ได้ชมวิว(ปัจจุบัน)กันแบบเต็มๆแบบนี้ครับ

หรือจะเป็นม้านั่งตัวใหญ่แบบไม่เปียกน้ำ ก็สามารถมานั่งใต้ร่มไม้ตรงนี้ พร้อมกับชมวิวสระและตึกโดยรอบได้ด้วยเช่นกันครับ

และก่อน/หลังจากว่ายน้ำแล้วต้องการล้างตัว ก็จะมีจุดให้ล้างตัวได้อยู่ด้านหลังผนังนี้นะ

กลับมาที่จุดเริ่มแรกอีกครั้ง ต่อไปเราจะไปดูทางด้านซ้ายของโถงลิฟต์กันบ้างครับ

บริเวณปลายทางเดินจะมีพื้นที่ยกระดับขึ้นไปด้านบน เรียกพื้นที่นี้ว่า Co-Living Area ครับ

โดยรอบเป็นราวกันตกกระจก สามารถขึ้นมานั่งชมวิวระยะไกล หรือนั่งรอคนที่มาว่ายน้ำจากบนนี้ก็ได้ เพราะจะมองเห็นได้ทั่วทั้งชั้นเลยครับ

เลี้ยวซ้ายมาจะมีโถงทางเดินนำไปสู่ฟังก์ชันอื่นๆอีกนะ โดยหลังเสาขวามือนี้จะเป็นจุดที่มี รปภ. นั่งประจำอยู่ คอยช่วยดูแลความปลอดภัยชั้นนี้ทั้งหมดเลยครับ

ถัดมาเราจะเจอกับห้องน้ำแยกชาย-หญิงนะ โดยตรงมุมผนังจะเห็นว่ามีตู้กดน้ำคอยให้บริการฟรีตั้งอยู่ด้วย

ภายในห้องน้ำจะมีทั้งอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำครบเลยครับ แต่จะไม่มีตู้ล็อคเกอร์นะ (ไม่แน่ว่าในอนาคตเค้าอาจใส่เพิ่มก็ได้ เพราะยังไม่พื้นที่ว่างๆเหลืออยู่)

เดินต่อมาจะเจอกับห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ 2 ห้องครับ

เริ่มจากห้องทางขวามือจะเป็นห้อง Yoga Room ซึ่งภายในจะเป็นพื้นที่โล่งๆอยู่ครับ ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกเงา ส่วนผนังที่เหลือจะเป็นหน้าต่างไว้ชมวิวได้รอบทิศเลย

ส่วนห้องทางด้านซ้ายจะเป็น Fitness ซึ่งจะมีเครื่องเล่นอยู่หลายชิ้น โดยเฉพาะแบบคาร์ดิโอ (Cardio) ที่อยู่ซ้ายมือ และอยู่ติดกับหน้าต่างซึ่งสามารถออกกำลังกายเผาผลาญไขมันไป และชมวิวไปได้ด้วยครับ

โดยวิวที่ได้จากทั้ง 2 ด้านก็จะเป็นวิวที่เปิดโล่งแบบนี้เลยครับ ซึ่งฝั่งปั่นจักรยานทางซ้ายมีแอบเห็นสระว่ายน้ำเมื่อกี้ได้ด้วยนะ

ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็น Weight Training สำหรับคุณผู้ชายทั้งหลายที่อยากจะเพิ่มกล้ามและ Six pack ครับ

สุดท้ายคือแปลนชั้น 23 – 28 จะเป็นชั้นสูงสุดของโครงการ ซึ่งเหลือเพื่อนบ้านเพียง 11 ห้องเท่านั้นครับ ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงอยู่เหมือนกัน แต่ห้องที่น่าสนใจจริงๆคือ ห้อง 2 Bedrooms ในกรอบสีแดงครับ ซึ่งจะมีเพียงชั้นละ 1 ห้อง ทั้งโครงการมีแค่ 6 ยูนิตเท่านั้นครับ และก็ขายหมดแล้วด้วยนะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Co-Working Zone
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 5.3 x 15 m.
  • Fitness
  • Yoga Room
  • Co-Living Area
  • Infinity Garden
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร (มี Service Lift 1 ตัว)
  • ลิฟต์ชั้นจอดรถ (6 ชั้น) 1 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 129 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 157 คันคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card ระบบ RFID
  • ค่าชดเชยพื้นที่ส่วนกลางที่จอดรถ เรียกเก็บโดยนิติบุคคลอาคารชุด สิทธิ์ในการจอดสามารถเลือกใช้ยานพาหนะอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น (รถยนต์ 500 บาท/คัน/เดือน, รถจักรยานยนต์ 150 บาท/คัน/เดือน)

แบบห้อง

มาถึงเรื่องห้องพักกันแล้วนะครับ โดยแบบห้องของโครงการนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 3 Type นะ ขายแบบ Fully Fitted มีเฟอร์นิเจอร์บางส่วนอย่างชุดครัว ตู้เสื้อผ้า เครื่องปรับอากาศ และสุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำให้ รวมถึงได้ระบบ Home Automation ด้วยครับ ประกอบด้วย

  • Studio ขนาด 25 – 26.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 27 – 34.5 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms ขนาด 46.5 ตร.ม.

แต่ปัจจุบันต้องขอบอกก่อนว่าโครงการนี้ขายไปแล้วประมาณ 90% และกำลังอยู่ในช่วงเตรียมจะโอนในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งสำหรับห้อง Studio และ 2 Bedrooms ตอนนี้ขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ นั่นเป็นเพราะห้อง Studio ตอนนั้นเค้าขายพร้อมโปรโมชัน แถม Fully Furnished มูลค่า 300,000 บาทให้ด้วย ส่วนห้อง 2 Bedrooms นั้นมีจำนวนน้อยมากๆเลยหมดไว และห้องที่ยังมีเหลืออยู่ในปัจจุบันคือ

  • ห้อง 1 Bedroom  ขนาด 27 ตร.ม.
  • ห้อง 1 Bedroom  ขนาด 31 ตร.ม.
  • ห้อง 1 Bedroom  ขนาด 31.5 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างแรกคือ 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร เป็นหนึ่งในห้อง Standard (มาตรฐาน) ของโครงการที่มีจำนวนมากที่สุด และยังเป็นห้องระบบ Interlocking กับอีกห้องที่อยู่ติดกัน ซึ่งถือว่าโครงการนี้เป็นโปรเจคแรกๆของ LPN ที่ใช้ระบบนี้ในการออกแบบอีกด้วยครับ

อ่านบทความเพิ่มเติมคลิก : INTERLOCKING CONDOMINIUM…บทความจากหนังสือ อยู่ นอก กรอบ

ซึ่งส่วนที่มา Interlocking กันคือ ฟังก์ชันห้องน้ำที่ยื่นออกมาด้านข้างของห้อง ข้อดีคือจะทำให้พื้นที่ Common area ไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับห้องน้ำ เราจึงได้ห้องที่ดูโปร่งโล่งมากขึ้น ไม่มีเหลี่ยมมุมเสายื่นออกมาบังสายตาครับ โดยจากแปลนจะกั้นห้องด้วยผนังกระจก เพื่อให้ห้องนั่งเล่นจะยังได้แสงธรรมชาติ และกันไม่ให้กลิ่นอาหารจากครัวเข้าไปรบกวนในห้องนอนได้ด้วยครับ แต่อาจจะไม่ถึงกับทำครัวจริงจังมากนักเพราะเป็นครัวเปิด แต่ฟังก์ชันที่หายไปก็คือโต๊ะทานอาหาร ซึ่งโครงการได้ออกแบบให้ใช้งานร่วมกับโต๊ะหน้าทีวีนั่นเองครับ ส่วนพื้นที่ในห้องนอนเค้าค่อนข้างให้ความสำคัญมาก เพราะมีขนาดใหญ่ แถมยังมีพื้นที่อเนกประสงค์และระเบียงให้ใช้งานอีกด้วย เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนสบายๆครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไร ตามผมไปชมพร้อมๆกันเลย

เริ่มจากประตูหน้าห้องที่เป็นไม้บานทึบ มีตาแมว และที่เปิดแบบก้านโยก แต่จะไม่มี Stopper ด้านหลัง ดังนั้นเวลาเปิดประตูต้องระวังกระแทกด้วยนะครับ รวมถึงจะไม่มี Digital Door Lock ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าใครต้องการก็สามารถหาซื้อมาติดตั้งเพิ่มเองได้เลยครับ ส่วนพื้นหน้าห้องจะมีขอบบัวยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อช่วยกันเศษฝุ่นจากด้านนอกไม่ให้เข้ามาภายในห้องได้ครับ

เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับ Common area ซึ่งจะเชื่อมต่อกับห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้แสงธรรมชาติส่องมาถึงหน้าห้อง มีความโปร่งโล่ง พื้นที่ดูมีความเชื่อมต่อกันดี และได้ฝ้าเพดานจะสูง 2.4 m. ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตครับ

ส่วนแรกบริเวณหน้าห้องจะเป็นครัวเปิด จึงอาจไม่เหมาะที่จะทำอาหารจริงจังมากนัก และผมไม่แนะนำให้กั้นเพิ่มแล้ว เพราะจะทำให้ห้องดูแคบลงครับ

ครัวชุดนี้จะ Built in มาให้แบบนี้เลยครับ สามารถเก็บของได้พอประมาณ หลังตู้ชั้นบนยังมีพื้นที่เหลือใต้ฝ้าอีก 40 cm. เอาของเก็บใส่กล่องแล้ววางเพิ่มอีกได้ครับ แต่ที่ผมชอบคือตู้ด้านล่างที่เปิดด้านข้างได้ ซึ่งเราสามารถใช้เป็นที่เก็บรองเท้าได้เลยครับ หยิบใส่ตอนเข้า-ออกจากห้องได้สะดวกทีเดียว

Top ครัวเป็น Particle และสำหรับโครงการนี้จะไม่ได้ติด Hob&Hood มาให้นะครับ จึงทำให้มีพื้นที่ประกอบอาหารกว้างถึง 90 cm. แต่ถ้าใครที่อยากทำอาหารจริงๆ ก็แนะนำให้ใช้เตา Indruction ที่สามารถถอดเก็บได้ก็จะสะดวกดีครับ เวลาไม่ใช้งานจะได้มีพื้นที่วางของเยอะๆ ซ้ายมือมีอ่างล้างจานฝังเคาน์เตอร์ 1 หลุม ขนาด 50 x 40 cm. ลึก 19 cm. ส่วนที่ผนังจะติด Blacksplash กระเบื้องเซรามิคมาให้ จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆครับ

ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ ซึ่งประตูของที่นี่เค้าจะเป็นบานเปิดออกมาด้านนอกแบบนี้ครับ ถ้าอยู่กัน 2 คน ต้องเปิดระวังๆนิดนึง ไม่งั้นจะชนคนด้านนอกเอาได้นะ ส่วนผนังหลังประตูเข้าห้องด้านซ้าย ความจริงถ้ามีระยะความลึกอีกสัก 30 – 40 cm. จะดีมากๆเลย เพราะจะสามารถทำตู้หรือชั้นวางของเพิ่มได้ครับ แต่กรณีห้องนี้ผมแนะนำให้ติดเป็นที่แขวนของห้องชั้นวางของเล็กๆแทนก็ได้นะ จะได้ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

ภายในห้องน้ำถึงแม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็แบ่งฟังก์ชันแยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันชัดเจนดี โดยส่วนแห้งด้านหน้าจะมีขนาดประมาณ 2 x 0.8 m. และมีขอบธรณีสูง 10 cm. กันไม่ให้น้ำไหลออกมาด้านนอกครับ

สุขภัณฑ์ที่ได้ทั้งหมดจะเป็นของ American Starndard ซ้ายมือคืออ่างล้างหน้าขนาด 60 x 40 cm. ลึก 12 cm. และมีที่วางของด้านข้างมาให้ด้วย ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นโถสุขภัณฑ์ พร้อมอุปกรณ์อื่นๆครบครับ

พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาด 1.15 x 0.8 m.  สามารถใช้งานได้สบายๆ กั้นด้วยฉากกั้นกระจกบานเลื่อน 3 ตอนมาให้ เวลาเปิด-ปิด จะได้ไม่มีระยะบานสวิงค์มากวนใจ ซึ่งด้านในจะมี Hand Shower พร้อมเสาที่ปรับระดับความสูงกับองศาได้ตามต้องการ พร้อมมีที่วางแชมพู และติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้แบบนี้เลยครับ

ถัดเข้ามาในห้องจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นครับ ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.35 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 46 นิ้วได้ และมีพื้นที่ให้วางโซฟาได้ขนาด 3 ที่นั่งแบบนี้เลย จะได้นอนดูทีวีได้ครับ ผนังด้านหลังเค้าตกแต่งด้วยกระจกเงา เป็นไอเดียที่ดีที่ทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น หรือถ้าใครที่มีของเยอะ จะทำเป็นตู้แขวนหรือชั้นลอยเพิ่มก็ได้นะครับ

และนอกจากนี้ตรงกลางยังมีพื้นที่มากพอให้วางโต๊ะหน้าทีวีได้อีกด้วย ซึ่งทางโครงการก็เลือกเป็นโต๊ะตัวใหญ่ เพื่อใช้เป็นโต๊ะทานอาหารไปได้ด้วยในตัว หรือจะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ นั่งทำงานไป ดูทีวีไปด้วยแบบนี้ก็ไม่เลว (หรือเลือกใช้เป็นโต๊ะที่ปรับระดับความสูงได้ ก็มีขายทั่วไปครับ)

ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนครับ เปิดออกได้กว้าง 1.4 m. เดินผ่านได้สะดวก (ระแนงขวามือเป็นการตกแต่ง) วางรางด้านล่างซึ่งอาจเก็บฝุ่นอยู่บ้าง ทำให้ต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆกันหน่อยนะ กรอบเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกใสธรรมดา และจะไม่มีตัวล็อคประตูนะครับ ส่วนถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็สามารถติดม่านไว้เลื่อนปิดได้

เข้ามาในห้องนอนจะมีขนาดพื้นที่กว้างเหมือนที่ผมบอกในช่วงแปลนเลยใช่มั๊ยครับ เหมาะกับคนที่ชอบห้องนอนใหญ่ๆมากๆ แล้วยังได้ช่องแสงแบบเต็มๆ ทั้งจากหน้าต่างและระเบียงห้อง

ซ้ายมือจะมีตู้เสื้อผ้าที่เค้าจะ Built in มาให้แบบนี้เลยครับ หน้าบานเป็นกระจกเงาใช้ส่องแต่งตัวได้ ด้านในเก็บของได้ประมาณนึง มีที่เปิดเป็นแถบอลูมิเนียม ส่วนพื้นที่แต่งตัวก็กว้าง 1.2 m. ใช้งานได้สบายๆ

ปลายเตียงตกแต่งไว้ให้เป็นไอเดียนะครับ ซึ่งมีพื้นที่เหลือเยอะเลย สามารถทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง/โต๊ะอเนกประสงค์ตัวยาวแบบนี้ และติดทีวีนอนดูบนเตียงก็ได้ หรือถ้าใครที่มีของเยอะก็อาจ Built เป็นตู้เก็บของหรือชั้นวางของเต็มผนังได้เลยครับ

ส่วนด้านขวาของเตียงจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่าง ขนาดประมาณ 1.9 x 0.8 m. สามารถจัดเป็นโซฟานั่งเล่นแบบนี้ หรือทำเป็นโต๊ะนั่งทำงานอ่านหนังสือก็ได้ครับ แล้วแต่ Lifestyle ของแต่ละคนเลย

ส่วนกระจกที่ได้นี้ค่อนข้างใหญ่เลยล่ะ ยาวเกือบถึงพื้นเลยนะ แต่พอดีมีโซฟาบังเอาไว้บางส่วน ซึ่งช่องขวาบนจะสามารถเปิดระบายอากาศได้ด้วยครับ

สุดท้ายคือระเบียงซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน และเปลี่ยนเป็นกระจกสีเขียวตัดแสง เพื่อลดความร้อนจากแสงแดดภายนอก ส่วนพื้นที่ระเบียงจะกว้าง 1.8 x 0.75 m. ขวามือสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ครับ เพราะเค้าจะติดตั้งงานระบบเอาไว้รองรับแล้ว ด้านบนจะแขวน Condensing Unit อยู่เหนือประตู จะได้ไม่บังวิวในห้อง พร้อมมีระแนงพรางสายตา เวลามองมาจากภายนอกอาคารจะได้ดูเรียบร้อยครับ

และสำหรับห้องนี้จะพิเศษหน่อย เพราะอยู่ชั้น 7 ฝั่งที่ติดกับสวนส่วนกลาง จึงมีฟังก์ชันประตูที่ราวระเบียง สามารถเปิดออกไปเดินเล่นในสวนจากตรงนี้ได้โดยตรง แต่ในเรื่องความปลอดภัยก็จะต้องพึ่งตัวล็อคด้วยแม่กุญแจ และตัวล็อคที่ประตูกระจกบานเลื่อนนะครับ หรือถ้าเป็นไปได้ ก็อาจติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมจะดีมากเลยครับ

และถ้าใครที่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวทางช่องหน้าต่าง ทางโครงการก็ได้ปลูกแนวต้นไม้มาช่วยพรางสายตาให้ได้ในระดับหนึ่งแล้วครับ เมื่อรวมกับม่านหรือมู่ลี่ที่อยู่ในห้อง ก็จะยังพอได้ความเป็นส่วนตัวอยู่นะ

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.5 ตารางเมตร เป็นห้อง Interlocking ที่อยู่ติดกับห้องเมื่อสักครู่นี้ครับ ซึ่งฟังก์ชันภายในที่จัดออกมาจะแตกต่างจากห้องที่แล้วอย่างสิ้นเชิงเลยครับ โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าห้อง ที่จากเดิมเป็นห้องนั่งเล่นดูทีวี ก็จะกลายเป็น Walk in closet ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำ ทำให้ใช้งานได้สะดวก เหมาะกับคุณผู้หญิง หรือคนที่ชอบการแต่งตัว ส่วนห้องครัวจะอยู่ด้านหน้าเหมือนเดิม แต่พอกั้นตรงกลางห้องด้วยประตูกระจกบานเลื่อนอีกที เลยช่วยกันกลิ่นอาหารจากหน้าห้องได้ดีครับ ส่วนในห้องนอนก็จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้างเหมือนเดิมนะ พร้อมมีระเบียงในตัว กับพื้นที่อเนกประสงค์มาให้ แน่นอนว่าเราไม่ต้องเสียพื้นที่ข้างเตียงให้กับตู้เสื้อผ้าแล้ว เลยสามารถทำเป็นชุดโซฟานั่งเล่นเพิ่มเติมได้ครับ

โดยฟังก์ชันที่ยังขาดไปคือ “โต๊ะทานอาหาร” เหมือนห้องที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วก็อาจต้องหามุมทานอาหารหน้าโซฟา หรือตรงริมหน้าต่าง แน่นอนว่าคงหลีกเลี่ยงเรื่องกลิ่นไม่ได้ครับ ซึ่งถ้าใครที่ไม่ค่อยทานอาหารบนห้องอยู่แล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครซีเรียสเรื่องนี้ ผมแนะนำให้ใช้โต๊ะพับเก็บตัวเล็กๆ มากางที่ตรงกลางครัว ในเวลาต้องการจะทานอาหาร เพราะสามารถวางได้ 2 ที่นั่งแบบพอดีๆ เวลาไม่ใช้ก็พับเก็บไป ซึ่งจะได้พื้นที่โปร่งโล่งเหมือนเดิม ของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยดีกว่า

เมื่อเปิดประตูเข้ามาความรู้สึกที่แตกต่างจากห้องที่แล้วคือ “ความโปร่งโล่ง” ที่น้อยกว่าครับ เนื่องจากตรงกลางห้องมี Walk in closet ที่เป็นผนังทึบยื่นออกมาบังพื้นที่ที่อยู่ด้านในไปเกินครึ่ง จึงทำให้ห้องนอนของห้องนี้ได้ความเป็นส่วนตัวไปในตัวครับ และโถงทางเดินตรงกลางนี้ก็ยังทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นฟังก์ชันของบ้านแนวราบอีกด้วยนะ

พื้นที่ทำครัวด้านหน้าถ้าวัดจากตู้จนถึงผนังจะกว้าง 1.2 m. สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆครับ และชุดครัวจะ Built in มาให้เหมือนกับห้องตัวอย่างที่แล้วทั้งหมดเลยนะ

ส่วนโถงทางเดินตรงกลางจะกว้าง 1.2 m. สามารถเดินนสวนกันได้สะดวก ซ้ายมือคือ Walk in closet ส่วนขวาคือห้องน้ำครับ

โดยฟังก์ชันภายในของห้องน้ำจะเหมือนกับห้องที่แล้วทุกอย่างเลยนะ แม้แต่การเปิดประตูออกมาด้านนอก และได้สุขภัณฑ์ American Standard ก็เหมือนกัน

ส่วน Walk in closet ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะกั้นด้านหน้าด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งเค้าเลือกใช้เป็นกระจกฝ้าก็เพื่อ ให้คนที่อยู่ด้านในใช้แต่งตัวได้นั่นเองครับ ภายในจะเป็นโครงเหล็กให้แขวนผ้าแบบไม่มีหน้าบานแบบนี้ พร้อมมีตู้ลิ้นชักเก็บของตรงกลางให้ด้วย แต่เราอาจต้องติดกระจกเงาเพิ่มเติมนะครับ ซึ่งพื้นที่ด้านในทั้งหมดจะกว้าง 1.85 x 1.6 m. และถ้าตัดระยะตู้แขวนไป จะมีพื้นที่เหลือให้ยืนแต่งตัวกว้าง 90 cm. สามารถใช้งานได้ 1 คนแบบพอดีๆครับ

พื้นที่กลางห้องจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้แสงสว่างสามารถส่องไปถึงหน้าห้องได้ครับ โดยประตูที่เราเห็นตอนแรกนึกว่าเป็นแบบ 2 ตอนใช่มั๊ยครับ จริงๆเป็นบานใหญ่ตอนเดียวนะ แค่เค้าทำเส้นกรอบตรงกลางเพิ่มเท่านั้นเอง ไม่มีตัวล็อคมาให้เหมือนเดิมครับ

ภายในมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียวครับ เหมือนกับห้องที่แล้วที่ผมพาไปดูกันมาก่อนหน้านี้เลย แต่จะตกแต่งคนละสไตล์ และมีฟังก์ชันที่แตกต่างกันเล็กน้อย

สิ่งที่ต่างกันก็คือ พื้นที่ด้านซ้ายของเตียงจะไม่ต้องวางตู้เสื้อผ้าแล้วครับ แต่สามารถวางเป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ครับ

ส่วนปลายเตียงก็สามารถทำเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ นั่งทำงาน และทำชั้นวางทีวี เพื่อดูทีวีจากโซฟาหรือเตียงนอนก็ได้ครับ โดยระยะของห้องนี้มีเหลือเฟือ ประมาณ 3.5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 50 – 60 นิ้วได้เลย ซึ่งเราอาจต้องเลือกสักนิดนึงครับ ว่าเราชอบนอนดูหรือนั่งดูทีวีมากกว่ากัน จะได้วางทีวีให้ตรงกับเซ็นเตอร์นั้นๆได้อย่างถูกต้อง เพราะอีกฟังก์ชันหนึ่งจะต้องมองแบบเฉียงๆเอานะ

ส่วนพื้นที่อเนกประสงค์ของห้องตัวอย่างนี้เค้าจะทำเป็นโต๊ะเคาน์เตอร์ตัวสูง ไว้นั่งทำงานอ่านหนังสือก็ได้ หรือจะนั่งทานอาหารก็ดีครับ

ซึ่งเวลาเรานั่งอยู่ที่โต๊ะนี้แล้วก็จะสามารถชมวิวภายนอกไปได้ด้วยนะ แต่ก็อย่างที่บอกนะครับว่าถ้าเป็นโต๊ะทานอาหาร ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องกลิ่นในห้องนอน ซึ่งถ้าเป็นแค่อาหารเช้า พวกกาแฟ หรือขนมปังเบาๆ แบบนี้ผมว่าโอเคนะ

สุดท้ายคือเรื่องของงานระบบ จะได้เป็นสวิตซ์หน้าตาแบบนี้มาด้วยครับ ซึ่งจะค่อนข้างแปลกนิดนึง เพราะเนื่องจากว่าโครงการนี้ติดตั้งระบบ Home Automation มาให้ด้วย สามารถสั่งเปิด-ปิดไฟ ทีวี และแอร์ได้ ดังนั้นจึงมีอุปกรณ์พ่วงอีก 2 จุดคือ ตรงใต้ทีวี กับแอร์ แบบที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับห้องตัวอย่างทั้ง 2 แบบที่ผมพามาดูกันในวันนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นห้อง Interlocking ที่มีขนาดห้องใกล้เคียงกัน แต่ก็จัดฟังก์ชันออกมาไม่เหมือนกัน เหมาะกับคนที่มี Lifestyle ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แล้วทุกคนล่ะชอบแบบไหน …อย่าลืม Comment บอกกันบ้างนะครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 5 November 2019

  • 1 Bedroom ขนาด 27.27 ตร.ม. ตำแหน่ง A-0807 ราคา 4.3 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 27.27 ตร.ม. ตำแหน่ง A-0907 ราคา 4.3 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 27.27 ตร.ม. ตำแหน่ง A-1007 ราคา 4.3 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 31.27 ตร.ม. ตำแหน่ง A-1502 ราคา 4.74 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. ตำแหน่ง A-1622 ราคา 4.74 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อป Particle
  • ค่ากองทุน 300 บาท/ตร.ม. (จัดเก็บล่วงหน้า 12 เดือน ในปีแรก)
  • ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม./เดือน (จัดเก็บล่วงหน้า 12 เดือน)
  • โปรโมชัน : ห้องขนาด 27 ตารางเมตร ราคา 2.99 ล้านบาท (สิ้นสุด 20 พ.ย. 2562 นี้เท่านั้น)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : โครงการ Lumpini Selected สุทธิสาร-สะพานควาย ตั้งอยู่บนถนนสุทธิสารวินิจฉัย เป็นถนนที่เชื่อมต่อถนนหลักอย่างถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดี-รังสิต และถนนรัชดาภิเษก ซึ่งล้วนแต่เป็นถนนเส้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และแหล่งงานมากมาย โดยเฉพาะแถวจตุจักร-ห้าแยกลาดพร้าว และแยกรัชดา-สุทธิสาร แต่ในระยะเดินใกล้กับโครงการเองก็มีให้ฝากท้องได้เช่นกันครับ ทั้งร้านอาหารตามสั่ง ร้านสะดวกซื้อ และ Lotus Express

ส่วนบริบทรอบๆโครงการในปัจจุบันจะได้เป็นวิวเปิดโล่งครับ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนแนวราบ จะมีก็แค่ฝั่งทิศตะวันตกเท่านั้นที่จะมีโครงการตึกสูงเพื่อนบ้านมาบล็อควิว และราคาในปัจจุบัน 150,000 บาทต่อตารางเมตร ผมมองว่าเป็นราคาที่สามารถซื้อคอนโด High Rise มือสองติดถนนพหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้า BTS ได้เลยล่ะครับ ซึ่งอาจจะต้องเป็นโครงการที่มีอายุหน่อยนะ หรือจะเป็น Low Rise ในซอยย่อยก็จะมีราคาประมาณ 100,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ถ้ากำลังมองหาคอนโด High Rise มือหนึ่ง พึ่งสร้างเสร็จพร้อมอยู่ โครงการบนถนนสุทธิสารวินิจฉัยแบบนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กันครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : ด้วยความที่เป็นทำเลทางลัดไปออกถนนหลักได้หลายเส้นทาง จึงทำให้การใช้รถใช้ถนนค่อนข้างสะดวกครับ แต่ถนนเส้นนี้ก็มีข้อจำกัดเรื่องการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วนอยู่เหมือนกัน ทำให้อาจต้องเผื่อเวลาออกบ้านกันสักหน่อยครับ ส่วนจำนวนที่จอดรถมีอยู่ 40% ผมมองว่าอาจน้อยไปสักหน่อยครับสำหรับโครงการที่ไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ก็ยังดีที่สามารถเรียกใช้บริการรถสาธารณะอย่างอื่นได้ไม่ยากนัก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถนนสุทธิสารวินิจฉัยถึงจะไม่ใช่ถนนเส้นใหญ่มากนัก แต่ปกติแล้วจะมีทั้งรถแท็กซี่ และรถเมล์ขับผ่านครับ อีกทั้งวินมอไซค์หรือป้ายรถเมล์ก็อยู่ห่างจากโครงการแค่ 30 m. เท่านั้นเอง จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สามารถนั่งรถสาธารณะเพื่อไปต่อยังรถไฟฟ้า BTS สะพานควาย หรือขนส่งมวลชนอื่นๆได้สะดวกครับ

การออกแบบโครงการ : อย่างแรกเลยคือลักษณะรูปแบบห้องของโครงการนี้ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นห้องตอนลึก จึงทำให้มีจำนวนยูนิตต่อชั้นค่อนข้างมาก และแสงธรรมชาติจะส่องมาถึงหน้าห้องได้น้อยกว่าห้องหน้ากว้างนั่นเองครับ แต่ส่วนที่ชอบจริงๆคือการจัดฟังก์ชันแต่ละจุดของโครงการนี้ ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวดีครับ เริ่มจาก Co-Working Space ที่อยู่ด้านหน้าสุด มีการแยกทางเข้าออกจาก Lobby และมีทางเข้าอีกด้านจากลิฟต์ของที่จอดรถได้เลย โดยที่ไม่ต้องเข้ามาด้านในโครงการให้ลูกบ้านเสียความเป็นส่วนตัว หรือแม้แต่ตำแหน่งโถงลิฟต์ชั้น 7 ที่เดินออกไปสวนได้เลยโดยไม่ต้องผ่านโซนห้องพักคนอื่นเค้า จะมีก็แค่ชั้น 18 เท่านั้นครับที่เป็นสวนเล็กๆ อาจต้องเดินผ่านสักหน่อย

ส่วนรูปทรงอาคารที่ออกแบบมาเป็นรูปตัว L จึงไม่บังวิวกันเอง และมีความสูงระดับชั้นอาคารไล่เป็นขั้นบันไดตามระยะ set back จากถนน ทำให้ชั้นสูงๆมีเพื่อนร่วมชั้นน้อย เป็นส่วนตัวมากขึ้น และทีเด็ดที่ไม่เหมือนใครคือห้องติดสวนบนชั้น 7 ที่สามารถเข้า-ออกมาที่สวนจากระเบียงห้องได้โดยตรงครับ ซึ่งมีการปลูกต้นไม้พรางสายตาไว้ให้แล้ว แต่อาจต้องเพิ่มความปลอดภัยอีกสักหน่อยจะดีครับ และอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการอยู่ที่ 129 :  1 ถือว่าไม่หนาแน่นมากครับ

การออกแบบห้องพักอาศัย : โครงการนี้เป็นโปรเจคแรกๆของ LPN ที่ใช้ระบบ Interlocking มาออกแบบและวางผังห้องครับ ซึ่งทำให้ได้ของ 2 Type ที่มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็มีฟังก์ชันที่ต่างกันมาก เหมาะกับคนที่มี Life style ที่ไม่เหมือนกันครับ ถ้าคุณเป็นคนชอบที่จะมีห้องกว้างๆโล่งๆเชื่อมต่อกัน และมีห้องนั่งเล่นแยกเป็นสัดส่วน ก็อาจจะเหมาะกับห้องแบบแรกที่ผมพาไปดู แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบแต่งตัวและต้องการ Walk in closet มากกว่าล่ะก็ อาจจะชอบห้องแบบที่สองมากกว่าครับ แต่ที่แน่ๆสิ่งที่เหมือนกันของทั้ง 2 Type นี้คือ จะไม่เน้นห้องครัวเพื่อทำอาหาร แต่จะมีห้องนอนที่มีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากครับ รวมถึงมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ได้ใช้งานกันอีกด้วย

วัสดุ : ถือว่าให้มาได้ตามมาตรฐานของคอนโดทั่วไปครับ พื้นเป็นไม้ลามิเนต ได้ชุดครัว Built in และ Top เคาน์เตอร์ Particle และสุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำครบ รวมถึงยังมีระบบ Home Automation สั่งเปิด-ปิดไฟ ทีวี และเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วยครับ โดยห้อง 1 Bedroom 31 ตร.ม. ห้องแรกจะได้แอร์ 2 เครื่องขนาด 9,000 BTU และห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.5 ตร.ม. ห้องที่สองจะได้แอร์ 1 เครื่องขนาด 18,000 BTU เพียงแต่โครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted ดังนั้นจึงต้องเผื่อเงินในการซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มด้วยนะครับ

สาธารณูปโภค : ชอบตรงที่มีการกระจายตัวของ Facilities ไปยังชั้นต่างๆ เพื่อลดความหนาแน่นในการใช้งานครับ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าให้ส่วนกลางมาเพียงพอต่อจำนวนยูนิต และแต่ละฟังก์ชันก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่และโปร่งโล่งครับ ส่วนใหญ่จะเป็นสวนให้นั่งเล่นพักผ่อน มีทั้งชั้นล่างๆและชั้นสูงๆ รวมถึงพื้นที่ทำงานอย่าง Co-Working Space อีกด้วย ส่วนชั้นบนๆจะเป็นพื้นที่ออกกำลังกายอย่างสระว่ายน้ำ ห้องโยคะ และห้อง Fitness ซึ่งสามารถชมวิวระยะไกลได้ครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 150,000 บาท/ตร.ม., 5 November 2019

  • ทำเล 8/10 – มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดิน ปัจจุบันมี 3 ด้านที่ยังไม่ถูกบล็อควิว
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เชื่อมต่อถนนหลักได้หลายสาย แต่รถติด ต้องเผื่อเวลา มีที่จอดรถ 40%
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – เรียกรถสาธารณะได้ง่าย ทั้งป้ายรถเมล์และวินมอไซค์ นั่งไปต่อ BTS หรือ MRT ได้ไม่ยาก
  • วัสดุ 6.25/10 – ได้ตามมาตรฐานทั่วไป ขายแบบ Fully Fitted ต้องแต่งเพิ่ม
  • แบบ 7.5/10 – มีห้องแบบ Interlocking มีห้องให้เลือกหลายแบบ จัดฟังค์ชันการใช้งานง่าย
  • สาธารณูปโภค 7.25/10 – มีครบ ขนาดใหญ่น่าใช้งาน เพียงพอต่อจำนวนยูนิต

  • UPPER CLASS
  • 7.5 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Lumpini Selected สุทธิสาร-สะพานควาย เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโด High Ries มือหนึ่งบนถนนสุทธิสารวินิจฉัย สร้างเสร็จพร้อมอยู่ มีแบบห้องขนาดเท่ากันแต่ฟังก์ชันต่างกันให้เลือก ส่วนกลางครบ และดูแลบริหารโดยทีม LPN มีงบประมาณระดับ 2.99 – 4.74 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 21,000 – 33,000 บาท/เดือน


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving