De LAPIS จรัญ81

รีวิวฉบับที่ 1925 …  สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ สำหรับโครงการ De LAPIS จรัญ81 โครงการ High Rise ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางพลัดระยะ 100 เมตร ถึงแม้หน้าอาคารเป็นด้านแคบที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา แต่พอได้ดูโครงการจริง ห้องอื่นๆที่อยู่ด้านข้างก็ยังได้วิวแม่น้ำเช่นกันค่ะ เรียกได้ว่าปัจจุบันรอบๆยังเปิดโล่งทำให้ได้วิวแม่น้ำแทบทุกด้านเลย ราคาเริ่มต้นตอนนี้อยู่ที่ 2.69 ล้านบาท เราไปชมโครงการพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ

Fact @ 14 August 2019

  • De LAPIS Charan 81 (เดอ ลาพีส จรัญ 81)
  • Grand Unity Development Co.,Ltd.
  • UPPER to HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางพลัด
  • ที่ดินประมาณ 3-1-3.7 ไร่
  • คอนโด High Rise 32 ชั้น 1 อาคาร 635 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • อาคารจอดรถ 8 ชั้น 1 อาคาร
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิตที่ชั้น 2-14
  • ที่จอดรถประมาณ 260 คันคิดเป็น 41% ไม่รวมจอดซ้อนคัน หรือประมาณ 322 คิดเป็น 51% รวมจอดซ้อนคัน
  • เริ่มก่อสร้าง : มกราคม 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กรกฎาคม 2562 (พร้อมเข้าอยู่)

  • Studio 26.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 26.3 – 26.7 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 34.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Corner 34.5 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 60 ตร.ม.

  • ฝ้าเพดานสูง 2.75 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ Average 101,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • พาชมทำเล รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายบางซื่อ – ท่าพระ (ภาพรวม) : คลิกที่นี่
  • อ่านรีวิวห้องตัวอย่าง : De LAPIS จรัญ81
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-652-4000
  • สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.7915608,100.5019355
    หรือสามารถ คลิกที่นี่

    แผนที่จากทางโครงการค่ะ De LAPIS จรัญ81 เป็นโครงการ High Rise ตั้งอยู่ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สถานีบางพลัดค่ะ ซึ่งสถานีนี้คาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในช่วงปี 2563 หรือปีหน้านี้แล้ว  ถ้าสร้างเสร็จ จากหน้าโครงการสามารถเดินไปใช้งานรถไฟฟ้าได้เลยในระยะประมาณ 100 เมตร รถไฟฟ้าสายนี้จะช่วยเรื่องการเดินทางเข้าเมืองไปยังโซนบางซื่อ จตุจักร หรือรัชดาฯได้ค่อนข้างสะดวกเลยค่ะ ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่ทำงานแถวรัชดาหรือบางซื่อ ที่อยากได้คอนโดพักอาศัยในราคาที่ต่ำลงมาหน่อย มีวิวแม่น้ำจรรโลงใจ แต่ก็ยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้สะดวก หรือจะเป็นคนในชุมชนดั้งเดิมที่อยากหาที่อยู่อาศัยใหม่บนทำเลที่คุ้นเคยค่ะ

    โครงการนี้เราเคยทำรีวิวห้องตัวอย่างไว้แล้ว ซึ่งได้เขียนอธิบายเกี่ยวกับทำเลนี้ไว้ค่อนข้างละเอียดเลยค่ะ ใครอยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับทำเลเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปอ่านได้ที่
    > ทำเลโครงการ De LAPIS จรัญ81

    อัพเดทสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    ถึงแม้ว่าจะเป็นทำเลที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า แต่ด้วยสภาพทั่วๆไปของย่านนี้ไม่ใช่ย่านที่มีแหล่งงานมากนัก เป็นอาคารประเภทตึกแถวสองข้างทาง เเละที่พักอาศัยดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วง 2-3 ปีนี้ นอกจากตัวสถานีที่กำลังสร้างค่ะ และด้วยสภาพทำเลที่ไม่ใช่แหล่งงานขนาดใหญ่ และไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์แบบที่เป็นห้าง ร้านใหญ่ตั้งอยู่นัก ทำให้บริเวณนี้จึงยังไม่มีโครงการขึ้นมามากเท่าไหร่ค่ะ แต่ในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการ ความเจริญทางด้านอื่นๆน่าจะพัฒนาตามกันมาแน่นอน

    • ทิศเหนือ ติดกับที่ดินเปล่า ที่พักอาศัย และตึกแถว
    •  ทิศใต้ ติดกับคลองบางพลัด และที่อยู่อาศัยแนวราบ
    • ทิศตะวันออก ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นอาคารพาณิชย์
    • ทิศตะวันตก ติดกับที่อยู่อาศัยแนวราบ

    ทิศตะวันออกเฉียงใต้ มองไปยังหน้าโครงการจะเป็นถนนจรัญสนิทวงศ์ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารพาณิชย์

    หันไปทางซ้ายจะเป็นซอยจรัญฯ 81 ซึ่งใช้เป็นชื่อของโครงการนั่นเองค่ะ เราจะเห็นได้ว่าโครงการเราใกล้กับรถไฟฟ้ามาก

    ภายในซอยจรัญฯ 81 จะเป็นซอยตัน สภาพภายในซอยเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นส่วนใหญ่

    ทิศเหนือ อาคารที่อยู่ด้านข้างนี้ จะเป็นตึกแถวพาณิชย์สูง 4-5 ชั้นค่ะ

    เลยอาคารพาณิชย์นั้นมาจะเป็นที่ดินเปล่า ซึ่งยังไม่มีแผนว่าจะถูกพัฒนาไปเป็นอะไร ซึ่งถ้าในอนาคตตรงนี้มีตึกสูงขึ้นก็จะเป็นอาคารที่สามารถบังวิวของตึกเราได้นะคะ

    จุดกลับรถจะอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้าเลย จากหน้าโครงการสามารถกลับรถตรงนี้ได้ แต่ด้วยระยะที่สั้นมากไม่ถึง 100 เมตร ก็อาจจะลำบากหน่อย ต้องรอดูจังหวะที่ไม่มีรถขับผ่านให้ดีๆนะคะ

    ทางขึ้นลงของฝั่งนี้ใกล้สุดจะอยู่ตรงกลางตัวสถานีเลยค่ะ จะเป็นลิฟต์กับบันได ระยะห่างจากตรงนี้ไปยังหน้าโครงการอยู่ที่ประมาณ 100 เมตร

    มาดูที่ทิศใต้กันบ้าง ติดกับที่ตั้งโครงการเลยจะเป็นคลองบางพลัดค่ะ

    เดินมาฝั่งนี้จะมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า ตรงไปจะเป็นซอยจรัญ 79 ที่เป็นซอยวัดบางพลัด ตรงซอยนั้นจะมี 7-eleven อยู่หน้าปากซอย และภายในซอยจะมีร้านอาหารระดับชุมชนอยู่เยอะเลยค่ะ เดินไปได้ ไม่ไกลมาก

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • สำนักงานเขตบางพลัด – 260 เมตร
    • โรงพยาบาลยันฮี – 1.3 กิโลเมตร
    • Tesco Lotus สาขา บางพลัด – 1.5 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
    • ตลาดบางอ้อ – 1.8 กิโลเมตร
    • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย – 2.8 กิโลเมตร
    • ท่าเรือสะพานกรุงธนบุรี – 2.9 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
    • โรงแรม Riverside Bangkok – 3.2 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
    • โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ – 3.3 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
    • โรงเรียนทิวไผ่งาม – 4.1 กิโลเมตร
    • สวนสาธารณะพระราม7 – 4.1 กิโลเมตร
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้านครเหนือ – 4.4 กิโลเมตร
    • เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า – 4.9 กิโลเมตร
    • โรงเรียนเซนต์คาเบรียล – 4.9 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
    • โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ – 5 กิโลเมตร
    • โรงเรียนราชินีบน – 5.2 กิโลเมตร
    • รัฐสภาใหม่ – 6.3 กิโลเมตร
    • เมเจอร์ ปิ่นเกล้า – 8.1 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)


    เจาะลึกตัวโครงการ

    De LAPIS จรัญ 81 เป็นคอนโด High Rise ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน สถานีบางพลัดระยะ 100 เมตร ที่ตั้งโครงการมีขนาดประมาณ 3 ไร่ครึ่ง ยาวลึกเข้าไปจากถนนจรัญสนิทวงศ์

    โครงการนี้จะแบ่งเป็น 3 อาคาร อาคารแรกคืออาคารที่อยู่ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ปัจจุบันเป็นสำนักงานขาย ในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นร้านค้า ซึ่งยังไม่ระบุว่าจะเป็นร้านอะไรนะคะ ทางโครงการแจ้งว่าจะเป็นร้านกาแฟ 1 ร้านและร้านสะดวกซื้ออีก 1 ร้านค่ะ ถัดเข้าไปจะเป็นอาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น (เป็นที่พักอาศัยตั้งแต่ชั้น 2-30) และมีอาคารจอดรถแยกออกไปอยู่ท้ายโครงการสูง 8 ชั้น 1 อาคาร จอดรถได้ 260 คัน

    ทางเข้าออกรถยนต์จะเปิดทางเข้าออกอยู่ฝั่งเดียวกัน ส่วนอีกฝั่งจะถูกจัดเป็นสวนภายในโครงการ การเเยกพื้นที่ออกจากกันแบบนี้ก็จะช่วยลดพื้นที่พื้นถนนภายในอาคารลงให้อยู่ฝั่งเดียว ควบคุมการเข้า – ออกของรถได้ง่าย และเมื่อลูกบ้านมาใช้งานพื้นที่สีเขียวอย่างสวนที่อยู่ชั้น 1 ก็จะไม่ถูกรบกวนจากรถที่วิ่งผ่านเข้า – ออก รวมไปถึง ฝุ่น ควัน มลพิษจากรถยนต์ด้วยค่ะ ส่วนตัวอาคารที่ชั้น 1 และชั้นลอย จะถูกจัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางและที่ทำงานของนิติบุคคล ประกอบไปด้วย  Lobby , Mail room และที่ทำงานนิติบุคคลที่ชั้น 1 และ C0-working Space กับ Laundry room ที่ชั้นลอยค่ะ

    ที่ชั้น 2-30 จะเป็นชั้นพักอาศัยค่ะ โดยจะมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์ Service 1 ตัว ทางเดินหน้าห้องพักจะเป็นแบบ Double Corridor มีห้องขนาบทั้งสองฝั่งทางเดิน แต่ที่ปลายสุดของทางเดินทั้งสองฝั่งจะมีช่องแสงที่เป็นหน้าต่าง ที่คอยช่วยให้การระบายอากาศในห้องทำได้ดีขึ้น จำนวนยูนิตสูงสุดอยู่ที่ 23 ห้องต่อชั้น ที่ชั้น 2-14 ค่ะ พอมีจำนวนห้องเยอะก็อาจจะมีคนเดินผ่านหน้าห้องเยอะขึ้น ความเป็นส่วนตัวก็อาจจะลดลงไปนั่นเองค่ะ ในการวางรูปแบบห้องจะมีห้อง Studio อยู่ที่ท้ายอาคาร ซึ่งห้องที่อยู่ท้ายอาคารก็จะมีข้อดีตรงที่ใกล้ลิฟต์นะคะ เดินสะดวก ส่วนห้องที่อยู่ด้านหน้าอาคารจะถูกวางเป็นห้องขนาดใหญ่ อย่างห้อง 1 Bedroom Corner และห้อง 2 Bedrooms ซึ่งอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แตกต่างกันที่ระดับชั้น ห้องมุมนี้จะมีข้อดีที่เป็นห้องที่วิวดีที่สุดเลยค่ะ หันหน้าเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา มองไปไกลๆเห็นตึกใบหยก  ส่วนห้องที่อยู่กลางอาคารจะเป็นห้อง 1 Bedroom และห้อง 1 Bedroom Plus ที่เป็นแบบห้องที่มากที่สุดในโครงการนี้(เดี๋ยวเราจะพาไปชมกันที่ห้องตัวอย่าง)

    นอกจากชั้น 1 แล้ว พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้นสูงสุดของอาคาร ซึ่งก็คือชั้น 31 และชั้น 32

    ที่ชั้น 31 จะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง ภายในจะมี Locker ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ และห้อง Sauna ส่วนที่ชั้น 32 จะเป็นSky Lounge , Garden , Fitness และสระว่ายน้ำค่ะ เราชอบที่ยกพื้นที่ส่วนกลางไว้ที่ชั้นบนสุดนี้นะคะ เพราะไม่ว่าจะห้องไหนในอาคารก็ยังสามารถขึ้นมาชั้นนี้เพื่อชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้หลายๆมุมเท่าเทียมกันค่ะ

    ทางเข้าออกโครงการจะอยู่ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ มีสำนักงานขายตั้งอยู่ด้านหน้า ในอนาคตตรงนี้จะเปิดเป็นร้านค้า (ยังไม่กำหนดว่าจะเป็นร้านอะไร)

    โดยร้านค้าตรงนี้จะเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช้งานได้ ดังนั้นการเข้าถึงจึงสามารถเดินเข้าไปได้เลย แต่ถ้าจะเดินเข้าไปภายในส่วนที่พักอาศัยจะมีประตูอีกบานที่ต้องใช้ Keycard ในการเข้า-ออกค่ะ ตรงนี้ก็ถือว่าดีนะคะ ส่วนพักอาศัยก็ยังได้ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวจากบุคคลภายนอกที่มาใช้งานร้านค้าตรงนี้ แต่ก็ยังได้ความสะดวกสบายจากร้านค้าหน้าโครงการด้วย เรามองว่าถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้งานพื้นที่ร้านค้าตรงนี้น่าจะเป็นทำเลที่คนพลุกพล่านใช้ได้เลยค่ะ

    ทางเข้าที่จอดรถจะมีการจัด Landscape เป็นพุ่มไม้เตี้ยขนาบทางเดินรถ โดยฝั่งที่ติดกับที่ดินจะมีแนวผนังตกแต่งเป็นป้ายชื่อโครงการ De LAPIS จรัญ 81 เอาไว้เดินผ่านไปผ่านมา หรือขับรถผ่านก็เห็นชัดดีค่ะ

    ทางเข้า – ออกจะอยู่จุดเดียวกันค่ะ เข้าชิดซ้าย ออกชิดขวา มีไม้กั้นกระดก และมีพี่รปภ.อยู่ฝั่งขวา ผู้มาติดต่อจะต้องแลกบัตรก่อนเข้าไปนะคะ

    การเข้าออกจะใช้ Keycard และมี CCTV ติดตั้งไว้ที่ทางเข้า

    พอเข้ามาเราสามารถวนรถไปทางซ้ายเพื่อเข้าไปยังจุด Drop-off ส่งผู้โดยสารก่อนได้ หรือจะตรงเข้าไปยังที่จอดรถที่อยู่ท้ายโครงการเลย

    รอบๆจุด Drop off ทางหน้าอาคารจะมีที่จอดรถชั่วคราวอยู่ ตอนนี้เป็นที่จอดรถของผู้มาที่ Sale Gallery หรือแขกที่มาเยี่ยมเยียนผู้อาศัยค่ะ

    จากภายในโครงการจะมีประตูเล็กๆเชื่อมไปยัง Shop ที่อยู่ด้านหน้า โดยการเข้าออกประตูนี้จะต้องใช้ Keycard เช่นกันค่ะ

    เดี๋ยวเราจะพาไปดูอาคารจอดรถที่อยู่ด้านหลังกันก่อนนะคะ ถนนที่เห็นจะเป็นทางสัญจรหลักของรถยนต์ในโครงการ ใต้อาคารที่ฝั่งนี้ก็สามารถจอดรถได้เช่นกัน บริเวณนี้จัดเป็น Hardscape อยู่พอสมควร คือดูเป็นพื้นถนนคอนกรีต ไม่ได้ออกแบบหรือตกแต่งด้วยพื้นที่สีเขียวเท่าไหร่ ซึ่งจะตรงกันข้ามกับอีกฝั่งของอาคารที่จะจัดเป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับนั่งพักผ่อนค่ะ

    เข้ามาในสุดจะเป็นอาคารจอดรถสูง 8 ชั้น แยกออกมาจากอาคารพักอาศัยค่ะ โดยที่จอดรถของโครงการ De LAPIS จรัญ 81 นี้ จะสามารถจอดได้ 260 คัน หรือประมาณ 41% ซึ่งถือว่ายังเป็นจำนวนไม่มากเท่าไหร่นะคะ แต่ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ห่างจากรถไฟฟ้า 100 เมตรเช่นกัน ดังนั้นคนที่ซื้อห้องโครงการนี้อาจจะต้องการพึ่งพาการเดินทางด้วยรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าเป็นหลักด้วยค่ะ ข้อดีของการแยกที่จอดรถไว้อีกอาคารก็คือ การวนรถเข้าออก หรือขึ้นลงอาคารไม่ไปรบกวนส่วนพักอาศัย แต่ข้อเสียคือเดินไกลหน่อยนะคะและถ้าฝนตกอาจจะเปียกฝนได้เวลาเดินไปเอารถ

    ส่วนการขึ้นไปจอดบนอาคารก็ต้องใช้ Keycard อีกครั้งค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันสิทธิ์ของผู้พักอาศัยด้วย เพื่อนหรือแขกที่มาหาลูกบ้านอาจจะต้องจอดใต้อาคารหรือว่าจอดด้านหน้าอาคารแทน

    บรรยากาศอาคารจอดรถค่ะ โดยอาคารนี้จะมีอยู่ 8 ชั้น และมีลิฟต์ให้บริการอยู่ 2 ตัว โดยที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถจะจัดเป็นพื้นที่สวนเอาไว้ด้วย แต่พื้นที่สวนนี้ยังไม่ค่อยเรียบร้อย ดังนั้นเราจึงไม่มีรูปภาพมาให้ชมกันนะคะ

    ออกมาจากอาคารจอดรถจะเจอกับพื้นที่สวนด้านข้างอาคารค่ะ การออกแบบตรงนี้จะไม่ได้เน้นสนามหญ้าสีเขียวทั้งหมด แต่จะมีการแทรก Landscape ต้นไม้ และหญ้าที่เล่นระดับไปตามความยาวด้านข้างของอาคาร

    โดยจะมีมุมนั่งเล่นพักผ่อน Outdoor อยู่ค่ะ สามารถมานั่งเล่นช่วงเย็นๆตอนที่พระอาทิตย์ตกได้ จะได้ไม่ร้อนจนเกินไป

    อาคารพักอาศัยจะมีห้องพักเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไป แต่เนื่องจากชั้น 1 จะเป็นชั้นที่มีความสูงแบบ Double volume และมีชั้นลอย ทำให้คนที่มาใช้งานบริเวณสวนด้านข้างนี้ไม่สามารถมองเข้าไปยังห้องที่ชั้น 2 ได้ ยูนิตพักอาศัยนั้นๆก็ยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่นั่นเองค่ะ

    ด้านข้างนี้จะมีประตูเข้า-ออกอีกจุด เผื่อใครที่เดินเลียบสวนมาจากที่จอดรถก็มาเข้าอาคารตรงนี้ได้ (จริงๆมีทางเข้าอาคารจากอีกจุด ใกล้กับที่จอดรถใต้อาคารอีกฝั่ง จุดนั้นสามารถเดินมาจากที่จอดรถได้ใกล้กว่าค่ะ)

    เดินมาดูที่ทางเข้าหลักกันนะคะ ตรงนี้จะมีทางวนรถเป็น Drop-off ให้ก่อนเข้าไปในอาคาร  drop-off นี้จะมีหลังคาปกคลุม สามารถเรียกรถ วนรถ ขนของขึ้นลงรถได้สบายกายค่ะ ไม่ร้อน ไม่โดนฝน การออกแบบส่วนนี้จะเป็นการเลือกใช้กระเบื้องลายหินอ่อนมาทำเป็นลวดลายบนผนัง

    เข้าไปดูภายในกันเลยนะคะ ทางเข้าตรงจุดนี้ยังไม่ต้องใช้ Keycard ค่ะ เผื่อเพื่อนมาหา ก็สามารถนั่งรถตรงนี้ได้

    Lobby ของโครงการนี้จะมีความสูงแบบ Double Volume เลย เเละมีขนาดใหญ่มาก เรียกได้ว่าเข้ามาบรรยากาศเหมือนกับโรงแรมเลยค่ะ

    ภายใน Lobby ก็จะมีการจัดชุดโซฟาไว้หลายชุดเลยค่ะ

    นั่งเดี่ยว นั่งคู่ นั่งเป็นกลุ่ม นั่งชมวิว หรือนั่งคุยงานก็มานั่งเล่นบริเวณนี้ได้เลย โทนการตกแต่งจะเน้นไปที่ Earth tone ทำให้บรรยากาศดูสบายๆ ไม่ต้องตาม Trend อยู่ได้นานๆ

    เดินตรงเข้ามาจะเจอกับบันไดทางขึ้นไปชั้นลอยส่วนที่เป็น Co-working Space ค่ะ

    พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ต้องใช้ Keycard ในการเข้าใช้งานแล้วนะคะ ทั้งนี้เพื่อความสงบ และความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

    พื้นที่ส่วนนี้จะมีขนาดเล็กลง เพื่อให้บรรยากาศดูเหมาะสมกับการทำงานมากขึ้น ไม่เน้นความโอ่โถงแบบ Lobby ทำให้สามารถ Focus กับการทำงานได้มากขึ้นค่ะ

    นอกจากพื้นที่ที่เป็นโต๊ะยาว ชุดโซฟาเเล้วยังจะมีห้องอีกหนึ่งห้องอยู่ด้านใน

    ตรงนี้จะเป็นห้องประชุมที่สามารถใช้งานได้ 8-10 ที่ ในอนาคตจะมีจอ Projector ติดตั้งไว้ที่ผนัง เพื่ออำนวยความสะดวกเพิ่มให้กับลูกบ้านค่ะ

    เดินมาอีกฝั่งจะเป็นโถงลิฟต์และห้องซักรีดค่ะ พื้นที่ด้านในยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ เลยไม่ได้พาเข้าไปชมนะคะ

    กลับมาดูที่ชั้น 1 กันอีกครั้งนะคะ ทางเดินไปยังโถงลิฟต์จะต้องผ่านห้องนิติบุคคลก่อน โดยหน้าห้องนิติฯจะมีโซฟาตั้งอยู่ เดินตรงไปจะสามารถไปยังอาคารที่จอดรถได้ ระยะทางตรงนี้จะเดินไปใกล้กว่า อย่างที่บอกไปค่ะ

    ชั้น Lobby อาจจะเป็นส่วนที่คนนอกยังสามารถเข้าถึงได้ แต่พอเข้ามายังหน้าโถงลิฟต์นี้จะต้องใช้ Keycard ในการเข้ามาเท่านั้นค่ะ โดยตรงข้ามกับลิฟต์ที่ชั้น 1 จะเป็นห้อง Mail Room

    Mail Room จะมีอยู่จุดเดียวที่ชั้นนี้ค่ะ ใช้งานสะดวกดีเพราะอยู่หน้าลิฟต์เลย ทุกคนต้องผ่านแน่นอน

    ลิฟต์โดยสารของที่นี่จะมีให้ 3 ตัว (ไม่รวมลิฟต์ Service) อัตราส่วนลิฟต์ต่อห้องพักอยู่ที่ 212:1 ถือว่าแน่นอยู่นะคะ อาจจะต้องรอกันหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วน

    ภายในลิฟต์จะมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ ลิฟต์ของที่นี่จะเป็นลิฟต์ล็อคชั้นที่ต้องใช้ Keycard แตะอีกครั้งเพื่อขึ้นไปที่ห้องพักหรือส่วนกลางที่อยู่ด้านบนค่ะ

    มาดูที่ส่วนกลางชั้นอื่นกันต่อ ตอนนี้เราขึ้นมาที่ชั้น 31 แล้วนะคะ โถงลิฟต์ที่ชั้นนี้บริเวณผนังและพื้นจะตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนค่ะ มีหน้าต่างเป็นช่องเเสง มองวิว และระบายอากาศได้

    ที่ชั้น 31 นี้พื้นที่ส่วนกลางจะมีแต่ห้องน้ำค่ะ และมีบันไดที่สามารถเดินขึ้นชั้น 32 ได้

    ห้องน้ำชาย – หญิงจะแยกจากกัน แต่การตกแต่งของทั้ง 2 ห้องนี้จะคล้ายกันค่ะ

    ด้านในจะมี Locker ไว้ให้สามารถมาเก็บของก่อนเดินขึ้นไปเล่นฟิตเนสหรือว่ายน้ำได้ค่ะ

    มาดูที่ห้องน้ำชายก่อน โทนการตกแต่งจะเริ่มมีการนำไม้มาผสม เพิ่มให้บรรยากาศดูอบอุ่นมากขึ้น

    ด้านในจะมีห้อง Sauna ให้บริการ (อาจจะมีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ ตรงนี้อาจจะต้องถามกับทางนิติบุคคลอีกทีในอนาคต)

    ภายในห้องน้ำก็จะมีห้องอาบน้ำและสุขาให้บริการด้วยค่ะ

    ส่วนห้องน้ำหญิง โทนการออกแบบจะเหมือนกัน แต่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นและยาวขึ้น (คุณผู้หญิงต้องการพื้นที่เผื่อแต่งหน้า เติมปาก วางอุปกรณ์ต่างๆมากกว่าคุณผู้ชายนั่นเอง)

    แน่นอนค่ะว่ามีห้องอาบน้ำและห้องสุขาให้มาภายในเช่นกัน

    และมีห้อง Sauna แยกมาให้ด้วย

    ขึ้นมาที่ชั้น 32 นะคะ ที่ชั้นนี้ลิฟต์สามารถขึ้นมาถึงได้ ใครที่ไม่ต้องการเก็บของที่ล็อคเกอร์ก็ขึ้นตรงมาใช้งานได้ทันที

    ออกจากลิฟต์เลี้ยวซ้ายมาด้านหลังสุดจะมีสนามหญ้าเล็กๆไว้ เป็นพื้นที่สีเขียวพักสายตาค่ะ แต่ด้วยรอบๆเป็นผนังก่อสูง เลยไม่ได้เป็นจุดสำหรับมองวิวเท่าไหร่นัก

    มาดูที่ห้อง Sky Lounge กันค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้องกระจกล้อมรอบ เปิดมุมมองได้เต็มที่ค่ะ ด้านในติดแอร์ไว้ สามารถขึ้นมานั่งทำงานชมวิวได้ ใครกลัวร้อนก็ขึ้นมาดูตอนกลางคืนก็จะได้บรรยากาศอีกแบบ

    เราว่าโครงการนี้จัดพื้นที่สำหรับนั่งเล่นไว้หลายส่วนเลย ขนาดค่อนข้างใหญ่ด้วย เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตที่ 635 ยูนิต

    เดินออกมาอีกห้องจะเป็นห้องฟิตเนสค่ะ ขนาดของ Space หรือพื้นที่จะพอๆกับ Sky Lounge เลยค่ะ เป็นห้องกระจกเช่นกัน สามารถขึ้นมาออกกำลังกายไปพร้อมๆกับชมวิวไปด้วยได้

    ห้องมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ มีเครื่องเล่นให้เลือกเล่นเยอะเลยค่ะ

    เรียกว่าครบเกือบหมด จะ Cardio หรือ Weight training ก็เเล้วแต่โปรแกรมของแต่ละคนเลย เดี๋ยวนี้เราเห็นหลายๆคนก็เริ่มจะมีการจ้าง Trainer ให้มาสอนส่วนตัวที่คอนโดเลย คือเสียค่า Services เองแต่ใช้ Equipment หรือ อุปกรณ์ของโครงการค่ะ

    เดินออกมาจากห้องฟิตเนสจะเป็นส่วน Outdoor แล้ว เราจะเห็นได้ว่าที่ชั้นนี้ก็จะถูกออกแบบให้มีฝ้าเพดานที่สูงเช่นเดียวกับชั้น 1 เลยค่ะ ส่วนที่เป็น Outdoor ก็จะมีการจัดพื้นที่นั่งที่มีหลังคาปกคลุม ทำให้สามารถมานั่งเล่นเวลากลางวันได้ นอกจากวิวดีแล้ว ยังลมพัดดีด้วยค่ะ

    มองย้อนกลับไปทางซ้ายมือจะเป็นห้องฟิตเนส ทางขวามือจะเป็นห้อง Sky lounge และมีทางเดินลงไปยังห้องน้ำที่อยู่ชั้น 31

    แอบเห็นร่องรางน้ำที่ทำไว้ ไม่ เมื่อเวลาฝนตกน้ำจะได้ไม่ไหลเทลงไปที่ชั้น 31 มากเกินไปค่ะ (แต่ด้วยพื้นที่เปิดโล่งแบบนี้ เลี่ยงไม่ได้นะคะที่น้ำจะไหลลงไปอยู่)

    ด้านข้างก็จะมีที่นั่งจัดไว้ Outdoor เช่นกัน มาใช้ตอนพระอาทิตย์ตกไปแล้วน่าจะนั่งเล่นลมพัดสบาย

    มาดูที่สระว่ายน้ำกันค่ะ สระว่ายน้ำของที่นี่จะถูกจัดหักมุมเป็นรูปตัว L และมีสระเด็กให้มาด้วย โดยสระเด็กจะมีขนาด 3 x 3.5 เมตร ลึก 0.30 เมตร

    ตัวสระสามารถเป็นวิวให้กับห้องฟิตเนสได้ด้วย ขนาดสระว่ายน้ำหลักขนาด 5.7 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร

    ราวกันตกของสระว่ายน้ำจะเป็นกระจกใส ทำให้สามารถมองวิวไปได้ไกลเลย เราว่าสวยดีค่ะ ภาพนี้คือหันไปด้านข้างอาคารยังเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้อยู่

    ส่วนที่เป็นมุมของสระว่ายน้ำค่ะ เป็นอีกมุมที่สวยเลย

    มาที่อีกฝั่งของสระว่ายน้ำ ตรงนี้จะมี daybed ตั้งไว้อยู่และเป็นพื้นที่ที่มีหลังคาปกคลุม

    นอนริมสระชมธรรมชาติอย่างท้องฟ้าและวิวเมืองได้เลย

    ก่อนที่จะเข้าไปยังตัวห้องมาดูโถงทางเดินหน้าห้องพักกันก่อนนะคะ ทางเดินของที่นี่จะมีห้องพักอยู่สองฝั่งทางเดิน และที่ปลายสุดทั้งสองฝั่งจะมีช่องเเสงที่ช่วยระบายอากาศ และพอให้แสงเข้ามาภายในทางเดินได้บ้างค่ะ แต่เนื่องจากตัวอาคารค่อนข้างยาวเลย ทำให้บริเวณกลางทางเดินอาจจะต้องเปิดไฟช่วยบ้างในเวลากลางวัน

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby
    • Co-Working Space
    • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ แบ่งออกเป็นสระผู้ใหญ่ขนาด 5.7 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร และ สระเด็กขนาด 3 x 3.5 เมตร ลึก 0.30 เมตร
    • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
    • Sky Lounge
    • สวนหย่อมรอบโครงการ + พื้นที่พักผ่อน
    • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 212 : 1
    • Service Lift : 1 ตัว
    • ที่จอดรถประมาณ 260 คันคิดเป็น 41% ไม่รวมจอดซ้อนคัน หรือประมาณ 322 คิดเป็น 51% รวมจอดซ้อนคัน
    • ระบบ CCTV / Access Card


    Product Walkthrough

    โครงการ De LAPIS จรัญ81 มีแบบห้องให้เลือกตั้งแต่แบบ Studio ไปจนถึงห้องแบบ 2 Bedrooms รวมทั้งหมด 635 ยูนิต รายละเอียดห้องต่างๆจะมีดังนี้

    • Studio 26 ตร.ม.
    • 1 Bedroom 26 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus 34.5 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Corner 34.5 ตร.ม. (ชั้น 2-14)
    • 2 Bedrooms 60 ตร.ม. (ชั้น 15-30)

    โดยในรีวิวนี้เราจะมีห้องมาให้ดูอยู่ 2 แบบนะคะ ห้องแรกเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งเป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุดภายในโครงการเลย และอีกแบบเป็นห้อง 2 Bedrooms ห้องนี้ถือว่าเป็นห้องไฮไลท์ของ De LAPIS จรัญ81 ก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็นห้องที่หันหน้าไปทางแม่น้ำเต็มๆ รูปแบบการขายของที่นี่จะขายเป็นแบบ  Fully Fitted นะคะ แต่จะมีตู้รองเท้าและตู้เสื้อผ้าที่ทำ Built-in เพิ่มเข้ามาให้ นอกเหนือจากนี้ก็อาจจะต้องกระซิบถามกับทางโครงการดูอีกที เพราะอย่างวันที่เราไปชมโครงการ แอบเห็นว่าจะมีโปรโมชันแถมเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic ให้ด้วย แต่ว่าจะจัดโปรโมชันถึงวันไหน เฟอร์นิเจอร์หน้าตาจะเป็นอย่างไร อาจจะต้องไปติดตามกันเอาเองนะคะ ส่วนในรีวิวนี้เราไปชมห้องตัวอย่างพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ

    1 Bedroom Plus 34.5 sq.m.

    ห้องนี้ถือว่าเป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตเยอที่สุดในโครงการเลยค่ะ ถือว่าเป็นห้องหน้ากว้างที่สามารถจัดพื้นที่ออกเป็นสองส่วนได้ ส่วนเเรกคือส่วนพักผ่อนที่เราจะเจอเป็นส่วนแรกตั้งแต่เข้ามาภายในห้องเลย เป็นพื้นที่โล่งที่สามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่น ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านในสุดได้ด้วยประตูบานเลื่อนกระจก และพื้นที่อีกฝั่งจะเป็นพื้นที่ส่วนบริการ อย่างห้องครัว ห้องน้ำ ระเบียงซักล้าง เเละ 1 ห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบค่ะ สำหรับผังของห้องนี้เรามองว่าสามารถจัดออกมาได้ค่อนข้างลงตัวนะคะ ในแง่ฟังก์ชันใช้สอยก็จัดมาให้ครบเลย แต่ว่าครัวที่ได้นั้นจะเป็นครัวเปิด เพราะฉะนั้นถ้าใครที่ชื่นชอบทำอาหารทานเองแล้วอาจจะต้องลองกั้นประตูเพิ่มหน้าเคาน์เตอร์ทานอาหาร (เคาน์เตอร์ชิ้นนี้ให้มาพร้อมห้อง ซึ่งเดี๋ยวเราจะได้เห็นหน้าตากันอีกที) เพื่อให้การทำอาหารสามารถทำได้เต็มที่ กลิ่น ควัน ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนอื่นๆด้วยค่ะ

    ประตูทางเข้านั้นจะเป็นไม้สำเร็จรูปสีขาว มีติดตั้งกลอนและมือจับประตู Digital Door Lock ของ Hafele มาให้ค่ะ การเข้าออกห้องสามารถใช้ Keycard, Password หรือใช้กุญแจไขเพื่อเข้าห้องได้ และระหว่างพื้นทางเดินกับพื้นภายในห้องจะมีตัวเก็บขอบวัสดุที่สูงขึ้นจากระดับพื้นเล็กน้อย เหมือนเป็นธรณีประตูที่ช่วยกันฝุ่น ผง จากทางเดินหน้าห้อง ไม่ให้ไหลปลิวเข้ามาภายในห้องนอนเราได้ค่ะ 

    เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นพื้นที่ห้องครัวที่อยู่หลังโซฟา เเละมีห้องอเนกประสงค์อยู่ใกล้ๆ พอพื้นที่ต่างๆถูกแบ่งเป็นส่วนๆแล้ว ทำให้ภายในห้องดูมีพื้นที่ใช้สอยเยอะอยู่นะคะ

    ลองมองย้อนกลับไปที่ประตู ข้างๆจะมี Built-in ชั้นวางรองเท้าเอาไว้ มีขนาด 0.55×0.35 เมตร เป็นชั้นวางแบบที่ปรับระดับชั้นเองได้ ซึ่งตรงนี้เรามองว่าดีนะคะ เพราะแต่ละคนขนาดรองเท้าที่มีหรือความชอบรองเท้าแตกต่างกัน บางคนก็มักจะมีแต่รองเท้าส้นสูง บางคนมีแต่ Sneakers บางคนรองเท้าเยอะ บางคนรองเท้าน้อย แต่ละคนก็สามารถเลือกปรับระดับได้ตามขนาดรองเท้าที่มี หรืออาจจะเป็นช่องเก็บของอื่นๆเพิ่มเติมก็ได้ค่ะ

    มาดูที่พื้นที่ส่วนแรกกันค่ะ ตรงนี้ในห้องจริงจะให้มาเป็นพื้นที่เปล่าๆนะคะ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ให้มา พื้นจะเป็นลามิเนต ผนังจะฉาบเรียบทาสีมาให้ ความสูงของฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.75 เมตร ถือว่าสูงอยู่นะคะ เลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง บวกกับชุดประตูบานเลื่อนเข้าห้องนอนที่กว้างและสูงเต็มความสูงด้วย แสงสว่างจากภายนอกเลยสามารถเข้ามายังพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้อยู่ค่ะ

    พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดลึกอยู่ที่ประมาณ 3.4 เมตร  วางโซฟาขนาด 1.6 เมตร ได้ ฝั่งตรงข้ามวางชั้นวางทีวี ตรงกลางอาจจะต้องทำเป็นทางเดินนะคะ ไม่เหมาะกับการจัดเป็นโต๊ะหน้าทีวีเท่าไหร่ เพราะจะขวางทางเดินหลักที่เป็นทางเดินเข้า-ออกห้องเอา อย่างห้องตัวอย่างจะเหลือทางเดินอยู่ 1.2 เมตร เดินเข้าออกสบาย

    ถ้าใครที่มีข้าวของเยอะ หรืออยากได้ห้องอยู่เองถาวรก็อาจจะทำ Built-in ชั้นวางของเป็นชุดเดียวกันกับชั้นวางทีวีเลยก็ได้นะคะ พอสัมภาระของเรามีที่เก็บ ภายในห้องขนาดกะทัดรัดก็จะได้ดูเรียบร้อยสะอาดตา

    ตอนแรกที่เราเห็นผังเราก็แอบคิดว่าทำไมต้องเอาโซฟามาวางไว้กลางห้องด้วย? มันจะไม่เกะกะหรอ? แต่เพราะพื้นที่ส่วนครัวที่มีเคาน์เตอร์ตรงกลางให้มา ทำให้เวลาวางโซฟาไปแล้วก็จะพอดีกับเคาน์เตอร์เลย พื้นที่ส่วนนั่งเล่นเลยไม่ได้เชื่อมกับห้องนอนได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเชื่อมกับครัวได้เช่นกัน สามารถเดินไปเอาขนมมาทานระหว่างดูซีรีย์ได้ง่าย หรือจะทานอาหารบนเคาน์เตอร์ครัวไป มองดูทีวีไปก็ได้เช่นกันค่ะ

    มาดูที่ห้องนอนกันค่ะ ทางเข้าห้องนอนจะถูกแบ่งพื้นที่ด้วยกระจกบานเลื่อน 3 ตอน กรอบบานสีขาว ตัวบานเป็นกระจกใส แสงสว่างเลยสามารถเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นได้เต็มที่ด้วย ตรงนี้ถ้าใครอยากให้ห้องนอนมิดชิดมากขึ้นก็อาจจะติดม่านเพิ่มปิดทึบไปเลย เผื่อคนนึงดูทีวี คนนึงนอนหลับแสงสว่างจะได้ไม่รบกวนกัน หรือจะเอาสติ๊กเกอร์ขุ่นมาติดกระจกเพื่อให้ห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น แต่ห้องนั่งเล่นยังได้ความสว่างก็ได้เช่นกันนะคะ เเล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย

    ตัวรางแม้จะไม่ได้ฝังพื้น แต่ก็ไม่ได้สูงจากระดับพื้นมากค่ะ ทำให้เดินไม่สะดุดเท่าไหร่ รางเลื่อนแบบมีทั้งรางบนและรางล่างนี้ก็จะช่วยให้เลื่อนเปิด ปิดได้สะดวก แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องฝุ่นที่จะเกาะอยู่ตามซอกบ้าง อาจจะต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นหมั่นดูดทำความสะอาดนะคะ

    มาดูที่ห้องนอนกันค่ะ ภายในห้องนอนนี้ความสูงยังอยู่ที่ 2.75 เมตรเหมือนกันกับห้องนั่งเล่นที่อยู่ด้านนอก ขนาดห้องจะอยู่ที่ 2.45×3.45 เมตร ฝั่งหัวเตียงและปลายเตียงจะเป็นผนังทึบค่ะ สามารถตกแต่งด้วย Wallpaper ภาพต่างๆ หรือจะหาฮุกมาแปะไว้ เผื่อแขวนข้าวของเครื่องใช้ได้ เช่นกระเป๋าที่เรามักใช้เป็นประจำ หรือเสื้อผ้าที่เตรียมไว้สำหรับจะใส่ในวันถัดไปก็ได้ค่ะ

    ห้องนี้สามารถวางเตียง 5-5.5 ฟุตได้ แต่ถ้าเป็นขนาด 6 ฟุตเรามองว่าแอบใหญ่ไปนิด พื้นที่ข้างเตียงก็จะไม่ค่อยเหลือทางเดินเท่าไหร่

    พอมีพื้นที่เหลือด้านข้างเตียงเราก็อาจจะปรับเป็นโต๊ะหัวเตียงไว้วางของ เช่นโทรศัพท์มือถือ หรือขวดน้ำดื่มได้

    พื้นที่ปลายเตียงจะเหลือขนาดไม่ค่อยมาก จะอยู่ที่ประมาณ 45 ซม. (ไม่ว่าจะเป็นเตียงแบบไหนก็ตาม เพราะขนาดเตียงส่วนใหญ่สิ่งที่ต่างกันมากๆจะเป็นความกว้างมากกว่าค่ะ) สามารถเดินเข้าออกได้ แต่ไม่สบายเท่าไหร่

    ห้องนอนนี้มีมุมหน้าต่างเข้ามุมให้เล็กๆ ดูเป็นลูกเล่นให้กับห้องนอนนี้ด้วยค่ะ ข้างๆกับหน้าต่างเข้ามุมจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่ทำ Built-in มาให้เลย หน้าบานจะเป็นกระจกใสสีเข้มเกือบดำแบบนี้

    ตู้เสื้อผ้าขนาดกะทัดรัดหน่อยกว้าง 1 เมตร มีลิ้นชักเก็บของ ชั้นวางของ และราวเเขวนผ้าต่างๆให้มาค่ะ

    สำหรับใครที่อยากติดทีวีในห้องนอน จริงๆก็สามารถทำได้นะคะ แต่ว่าเวลาเดินเข้าออกไปหยิบเสื้อผ้าที่ตู้ก็ต้องระวังเดินชนกันสักนิด แนะนำให้เดินออกไปดูข้างนอกดีกว่าค่ะ ไม่กี่ก้าวเอง

    ไปดูพื้นที่ส่วนต่อมากันดีกว่าค่ะ ห้องครัวนั่นเอง

    สำหรับพื้นที่ครัวนี้จะไม่มีประตูกั้นมาให้นะคะ แต่วัสดุพื้นจะเปลี่ยนจากลามิเนตไปเป็นกระเบื้องค่ะ ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งานครัวมากกว่า น้ำเปื้อนพื้นก็จะทำความสะอาดง่าย พื้นไม่บวมค่ะ

    ภายในครัวจะมีเคาน์เตอร์ครัว สำหรับประกอบอาหารตั้งอยู่ชิดผนังห้อง มีตู้เก็บของทั้งชิ้นบนและชิ้นล่างให้มา และมีเคาน์เตอร์ที่เป็นได้ทั้งส่วนเตรียมอาหารและทานอาหารวางอยู่อีกฝั่งค่ะ ทั้งสองเคาน์เตอร์นี้จะเป็นส่วนที่ให้มาพร้อมกับตัวห้องนะคะ ใครที่อยากได้ครัวปิดก็อาจจะกั้นประตูบานเลื่อนเพิ่มหน้าเคาน์เตอร์ทานอาหารนี้ได้ พื้นที่ส่วนครัวจะมีขนาดอยู่ที่ 2×2.4 เมตร

    เคาน์เตอร์ที่เป็นส่วนรับประทานอาหารและเตรียมอาหาร ด้านหน้าจะเป็นหน้าบานทึบ แต่ฝั่งด้านในครัวจะโล่ง ทำให้เราสามารถเก็บหรือสอดเก้าอี้เข้าไปด้านในได้ค่ะ ตัวเคาน์เตอร์นี้จะสูงกว่าระดับโต๊ะทานอาหารทั่วไปอยู่นะคะ ถ้าจะเลือกเก้าอี้มาเเนะนำให้เลือกเป็นเก้าอี้สตูลหรือจะเป็นแบบที่ปรับระดับได้ก็ดีค่ะ เคาน์เตอร์ส่วนนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 1.2×0.70 เมตร

    นั่งทานไปดูทีวีไปได้ค่ะ หรือจะใช้เคาน์เตอร์นี้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร หรือโต๊ะทำงานด้วยก็ได้

    มาดูชุดครัวที่ให้กันต่อนะคะ ส่วนนี้อย่างที่บอกไปจะมีตู้บนและตู้ล่างให้มา พร้อมกับเว้นที่วางตู้เย็นเอาไว้ให้ค่ะ

    ภายในตู้จะมีช่องเก็บของต่างๆตามนี้ สามารถวางไมโครเวฟได้ด้านล่าง ขนาดกว้าง 1.2 เมตร

    บนเคาน์เตอร์จะติดตั้งกระเบื้องไว้ให้ที่ผนังด้านหลัง ทำให้ทำความสะอาดคราบหรือเขม่าควันที่เกิดจากการทำอาหารได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้จะมีปลั๊กไฟไว้ให้ เผื่อใช้เครื่อใช้ไฟฟ้าค่ะ (เราอาจจะหาฝาครอบเอาไว้ ป้องกันน้ำจากอ่างล้างจานกระเด็นเข้าไปยังปลั๊ก)

    ชุดครัวจะได้ของ  Hafele ทั้งหมดเลยค่ะ เตาที่ได้เป็นเตาไฟฟ้า พร้อมเครื่องดูดควันแบบดูดออกนอกห้อง ส่วนตัวอ่างล้างจานก็จะมีฝาปิดไว้ให้ ช่วยเพิ่มพื้นที่วางของตอนประกอบอาหาร หรือจะช่วยพักน้ำหลังจากล้างจานชามก็ได้เหมือนกันค่ะ

    ถัดจากห้องครัวเข้าไปด้านในจะเป็นห้องน้ำค่ะ

    จากห้องครัวกับห้องน้ำจะมีธรณีประตูยกสูงขึ้นมา สามารถทำความสะอาดแยกทีละส่วนได้ง่าย ฝุ่น ผม และความเปียกที่เกิดขึ้นภายในห้องน้ำก็จะไม่ปลิวออกมายังพื้นที่ด้านนอก

    เข้ามาในห้องน้ำจะแบ่งส่วนเปียกกับส่วนแห้งแยกไว้

    ได้กระจกเงาเต็มความกว้างของพื้นที่เลยค่ะ 1 เมตร ตรงกับหน้าประตูพอดี ส่วนตัวอ่างจะเป็นของ Hafele เช่นกัน มีขอบอ่างวางข้าวของเล็กน้อย และมีชั้นวางของอยู่ใต้อ่างแบบไม่มีหน้าบานปิดให้มา

    ส่วนสุขภัณฑ์ก็จะเข้ามุมพอดีกับพื้นที่กว้าง 80 ซม. เป็นของ Hafele ให้มาพร้อมที่ใส่กระดาษชำระและสายฉีดชำระค่ะ

    ห้องอาบน้ำจะแยกออกไป มีขนาด 1.2×0.80 เมตร มีฉากกั้นกระจกติดตั้งให้มาด้วย เป็นแบบเปิดเข้า ทำให้น้ำที่เกาะกระจกหลังจากการใช้งานอาบน้ำ ไม่หยดเลอะเทอะพื้นที่ส่วนแห้งที่อยู่ด้านนอก ส่วนฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower หน้าตาแบบในรูปเลยค่ะ ด้านในห้องน้ำไม่มีที่วางของให้มานะคะ อาจจะต้องหามาติดเพิ่มเอง เอาไว้วางอุปกรณ์อาบน้ำ เช่น สบู่ แชมพู เป็นต้น

    ตรงข้ามกับห้องน้ำจะเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ ประตูทางเข้าจะเป็นบานเลื่อนกระจก 2 ตอน เปิดได้ 2 ฝั่ง

    ห้องนี้จะได้เป็นห้องโล่งๆนะคะ ขนาดอยู่ที่ประมาณ 1.95×2.48 เมตรค่ะ

    สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็กได้ เป็นห้องทำงาน หรือใครที่เสื้อผ้าเยอะก็ทำเป็นตู้เสื้อผ้าพร้อมห้องแต่งตัวได้ค่ะ และห้องนี้จะเป็นห้องที่เชื่อมต่อกับระเบียงอีกทีผ่านกระจกบานเลื่อน 3 ตอนค่ะ

    พื้นระเบียงจะเป็นกระเบื้องเซรามิค ลดระดับลงจากพื้นห้องเล็กน้อย ทำให้ฝุ่นและความสกปรกจากระเบียงไม่ปลิวเข้าห้องนอนค่ะ ตัวระเบียงจะมีขนาด 1.1×1.75 เมตร

    สำหรับโครงการนี้ระเบียงของทุกห้องจะเป็นระเบียงที่มีระแนงปิดแบบนี้ทุกห้องเลยค่ะ ลมสามารถพัดผ่านได้ แต่จะไม่ใช่ระเบียงสำหรับพักผ่อนมองวิวเท่าไหร่ การออกแบบนี้เพื่อความสวยงามของหน้าตาภายนอกอาคาร ดังนั้นระเบียงตรงนี้จึงเหมาะกับการเป็นพื้นที่ซักล้าง วางเครื่งซักผ้า ตากผ้า และวาง CDU แอร์ไว้ด้านบนค่ะ (อย่าลืมหันให้เป่าลมร้อนออกนอกอาคารนะคะ ภายในระเบียงจะได้ไม่ร้อนเกินไป)

    2 Bedrooms 60 sq.m.

    มาดูที่อีกห้องนึงกันนะคะ ห้องนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งห้องที่ได้ตำแหน่งดีของโครงการเลย (หันไปที่ถนนจรัญฯ หรือหันหน้าไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาแบบตรงๆเลยค่ะ) ซึ่งห้องแบบนี้จะมีอยู่ที่ชั้น 15-30 เท่านั้น เลยทำให้วิวที่ได้จะเป็นวิวชั้นสูงๆ เปิดโล่งมากขึ้นอีก ด้วยความที่เป็นห้องหัวมุม เลยทำให้สามารถเปิดมุมมองได้สองฝั่งผนัง ซึ่งการออกแบบตัวห้องก็เรียกได้ว่า เปิดเต็มความกว้างผนังตลอดทั้งแนวไปเลยค่ะ

    ห้องนี้จะเป็นห้องหน้ากว้าง ที่แบ่งส่วนที่เป็น Common Area หรือพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหาร ครัวแยกกับพื้นที่ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนออกจากกันคนละฝั่งค่อนข้างชัดเจน โดยพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหาร และครัวจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกัน และเป็นตำแหน่งมุมห้องพอดี ทำให้สามารถเปิดวิวได้เต็มที่ทั้งสองฝั่งผนัง บริเวณนี้จึงดูสว่าง และโปร่งโล่งค่ะ ส่วนห้องนอนนั้นจะแยกออกมาโดยห้องนอนเล็กจะถึงก่อน มีห้องน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าห้องนอน ใช้ร่วมกับพื้นที่นั่งเล่น ถือว่าเดินมาใช้ได้สะดวก ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัว และมีพื้นที่ Walk-in Closet อยู่หน้าห้องน้ำค่ะ สำหรับผังห้องนี้เราชอบพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอนใหญ่นะคะ แต่สำหรับห้องนอนเล็กที่รูปร่างไม่ใช่สี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ ทำให้สามารถนอนได้แค่คนเดียวเท่านั้นค่ะ

    เข้ามาในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ห้องครัวก่อนเลย ต่อเนื่องไปกับพื้นที่ทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนมุมของอาคารพอดี ทำให้สามารถเปิดหน้าต่างได้สองฝั่ง เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้เต็มที่ แอบติดตรงที่มีเสากลางห้องนิดนึง ไม่งั้นวิวจะได้เป็นแบบ Panoramic ไปเลย

    ลองมองย้อนกลับไปค่ะ ส่วนที่เป็นทางเข้าจะถูกออกแบบไว้ให้เป็นห้องครัว โครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted แต่จะมีชุดครัว ชั้นวางรองเท้า และเคาน์เตอร์ตรงกลางให้มาบริเวณนี้

    พื้นที่ทางเดินจะกว้างที่ 1.2 เมตร สามารถเดินเข้าออกได้สะดวกค่ะ ส่วนนี้จะได้พื้นปูกระเบื้องเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

    ชุดครัวจะได้เหมือนเดิมนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นของ Hafele ขนาดเคาน์เตอร์อยู่ที่ 1.2 เมตร เท่ากันกับห้องแบบ 1 Bedroom Plus ค่ะ

    อ่างล้างจานมีฝาปิดครอบ สามารถเพิ่มเป็นพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารได้ เป็นการออกแบบเพื่อใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้านหลังปูกระเบื้องให้มาเช่นกัน

    ตู้รองเท้าขนาดกว้าง 55 ซม. เท่ากับห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งพอเป็นห้อง 2 Bedrooms ที่มีจำนวนผู้อยู่อาศัยมากขึ้น เราอาจจะต้องหาชั้นมาวางเพิ่มหรือทำ Built-in เพิ่มข้างๆอีกซักชั้น เพื่อเก็บข้าวของที่มีมากขึ้นนั่นเอง

    ห้องนี้จะมีเคาน์เตอร์ให้มาตรงกลางเป็นเหมือน Island ตรงนี้เราสามารถทำเป็นโต๊ะเตรียมอาหาร หรือว่าโต๊ะทานข้าวได้นะคะ ที่ชอบคือมีปลั๊กที่พื้นไว้ให้ เผื่อเราจะวางอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างเครื่องทำกาแฟ เครื่องต้มน้ำร้อนหรือหม้อหุงข้าวที่เคาน์เตอร์นี้ก็ได้ค่ะ (ดูจากเคาน์เตอร์ครัวหลักที่วางอาจจะไม่พอ)

    ในห้องตัวอย่างจะมีไอเดียที่เอาโต๊ะทานอาหารวางชิดกับเคาน์เตอร์ไปเลย สามารถจัดที่นั่งได้ 4 ที่ เดินวนรอบๆโต๊ะและเคาน์เตอร์ก็ได้

    ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหารเข้าไปจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นเเล้วค่ะ โดยพื้นที่ทั้งหมดนี้จะเปิดโล่งเชื่อมถึงกัน และสามารถมองวิวไปทางหน้าอาคารได้ (แอบเสียดายเสาอาคารตรงนี้นะคะ ถ้าเป็นกระจกโล่งหมดวิวก็จะตื่นตาตื่นใจกว่านี้อีก)

    ลองมองออกไปหน้าโครงการ จะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มๆเลยค่ะ มองข้ามไปอีกฝั่งแอบเห็นตึกใบหยกอยู่ด้วยนะ มีใครเห็นไหมค่ะ?

    มาดูการจัดวางเฟอร์นิเจอร์กันต่อค่ะ พอผนังเป็นกระจกสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดาน การวางเฟอร์นิเจอร์ชิดกับกระจกก็อาจจะทำให้เมื่อมองเข้ามาจากภายนอกไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ไม่เหมาะกับชั้นวางสูงๆด้วยค่ะ อาจจะต้องหาชั้นวางทีวี ดีไซน์เก๋ๆ มาวาง บริเวณหน้าต่างทางโครงการจะติดตั้งผ้าม่านไว้ให้นะคะ ตอนดูทีวีแสงจากนอกอาคารจะได้ไม่สะท้อนเข้ามาให้แสบตา

    ฝั่งตรงข้ามกับผนังกระจกจะมีพื้นที่เหลือสามารถจัดเป็นมุมโซฟาพักผ่อนได้ค่ะ ตรงนี้กว้าง 2.3 เมตร

    พื้นที่ตรงนี้ถือว่ากว้างอยู่นะคะ สามารถเลือกวางโซฟาได้หลายแบบอยู่ จะเป็นรูปตัว L ก็ได้ หรือจะเป็นชุดโซฟา 3-4 ที่นั่งก็จัดได้สบายเลยค่ะ เราว่าระยะระหว่างทีวีกับโซฟาค่อนข้างห่างอยู่ ปลายสุดของโซฟารูปตัว L กับชั้นวางทีวีก็ห่างประมาณ 1.5 เมตรเลย ขนาดสบายๆ สามารถจัดวางโต๊ะหน้าโซฟาก็ได้เช่นกันค่ะ

    จากพื้นที่ส่วนนั่งเล่นตรงนี้จะมีทางออกไปยังระเบียงอยู่ ซึ่งถ้ายังจำห้องแรกที่เราพาไปชมกันได้ พื้นที่ระเบียงของโครงการนี้จะถูกออกแบบให้เป็นระเบียงสำหรับซักล้างและวาง CDU ห้องนี้เลยออกแบบประตูทึบปิดไปแยกออกเป็นอีกส่วนให้เรียบร้อยค่ะ

    พื้นระเบียงจะเป็นกระเบื้อง มีขนาดกว้าง 1.2×2.2 เมตร ถือว่ากว้างอยู่นะคะ สามารถตั้งราวตากผ้าตรงนี้ได้เลย

    ต่อไปเราไปดูพื้นที่ห้องนอนกันต่อนะคะ พื้นที่ตรงนี้จะแยกออกไปเป็นสัดส่วน

    ทางเดินจะกว้าง 1 เมตร ทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ที่ต้องใช้ร่วมกับห้องนั่งเล่น ทางขวามือจะเป็นห้องนอนเล็ก ส่วนห้อง Master Bedroom จะอยู่ลึกสุดทางเดินค่ะ

    มาดูที่ห้องน้ำก่อนนะคะ ห้องน้ำจะแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง พื้นและผนังจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคค่ะ

    ขนาดส่วนแห้งจะอยู่ที่ 1.9×1.3 เมตร ถือว่าเป็นระยะที่เดินเข้า-ออกได้สะดวกอยู่นะคะ

    กระจกเงาที่ได้จะกว้างเต็มความกว้างของห้องส่วนนี้ สุขภัณฑ์ต่างๆจะใช้ของ Hafele เหมือนกันกับห้องที่แล้ว

    ส่วนห้องน้ำจะมีฉากกั้นให้มา ภายในห้องอาบน้ำจะมีขนาด 0.85×0.90 เมตร สามารถยืนอาบ และหมุนตัวได้สบายๆค่ะ

    มาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อ ห้องนี้จะเล็กหน่อยนะคะ เพราะสามารถวางได้แค่เตียง 3-3.5 ฟุตเท่านั้น

    ขนาดห้องจะลึก 3.5 เมตร แต่ส่วนที่อยู่ติดหน้าต่างจะกว้างเพียง 1.50 เมตร ทำให้พอวางเตียงลงไปจะไม่เหลือที่พอให้เดินเท่าไหร่นะคะ

    ที่ห้องนี้จะมีตู้เสื้อผ้าที่ Built-in มาให้ ขนาด 1.00 เมตรค่ะ

    ส่วนบริเวณทางเข้าห้องจะมีขนาดกว้างมากกว่า จัดมุมโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ

    โดยรวมห้องนี้จัดว่าเป็นห้องขนาดกะทัดรัดไปหน่อย ด้วยขนาดและช่องเปิดทำให้ห้องดูอึดอัดไปนิดนึง แต่ถ้าใครอยู่อาศัย 1-2 คน ก็สามารถปรับเป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัวได้

    มาดูห้องสุดท้ายคือห้อง Master Bedroom ค่ะ เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่กลางห้องก่อน โดยห้องนี้จะแบ่งออกเป็น 2 โซนชัดเจนได้แก่โซนนอนพักผ่อนริมหน้าต่างและโซนแต่งตัวที่อยู่ด้านในค่ะ

    หันมาทางขวามือจะเป็นพื้นที่วางเตียงนอน โดยเตียงจะอยู่ใกล้หน้าต่างทำให้สามารถนอนชมวิวได้

    หน้ากว้างของห้องอยู่ที่ 2.475 เมตร ส่วนที่เป็นเตียงนอนจะมีความลึก 3.6 เมตร เลือกวางเตียงขนาดใหญ่ได้เลยค่ะ วางโต๊ะหัวเตียงสองฝั่งได้เลย

    แต่ปลายเตียงจะมีขนาดกะทัดรัดหน่อย ประมาณ 45 ซม. เดินเข้าออกอาจจะต้องเบี่ยงตัวหน่อย

    พื้นที่ชิดกับกระจกอาจจะทำเป็นมุมโต๊ะทำงานยาวเต็มความกว้างของห้องก็ได้นะคะ เพิ่มฟังก์ชันใช้สอยภายในห้องนอนได้ด้วย

    ลองไปดูอีกฝั่งกันค่ะ พื้นที่ Walk-in Closet กับห้องน้ำ

    บริเวณนี้จะมี Built-in ตู้เสื้อผ้าให้มา ขนาดใหญ่ขึ้นจากห้องอื่นๆที่พาไปดู อยู่ที่ 1.5 เมตร ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นๆไม่ได้มีให้มา สามารถจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือ ชั้นวางของเพิ่มได้ค่ะ

    ตู้เสื้อผ้าด้านในดีไซน์และฟังก์ชันเหมือนเดิม แต่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาค่ะ

    ด้านในสุดจะมีพื้นที่เหลือ 50×90 ซม. หาชั้นวางของหรือตู้เก็บของมาวางเพิ่มไว้ตรงนี้ก็ได้นะคะ

    ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านในสุด ห้องนี้จะไม่มีหน้าต่างอยู่ด้านใน จึงจะมีติดตั้งพัดลมระบายอากาศเอาไว้ให้ด้วย ภายในห้องน้ำจะแยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งไว้ คล้ายๆกับห้องน้ำอีกห้องค่ะ

    ขนาดของห้องน้ำและดีไซน์จะใกล้เคียงกันค่ะ

    สุขภัณฑ์ของพื้นที่ส่วนแห้งจะอยู่ฝั่งนึง ไม่ขวางทางเดิน และมีพื้นที่ใต้อ่างล้างหน้า กับผนัง Low wall ด้านหลังวางข้าวของอุปกรณ์ตกแต่งและของใช้ภายในห้องน้ำได้ค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 August 2019

    • Studio ขนาด 26.54 ตร.ม. ราคา 2.7 ล้านบาท หรือ 101,356 บาทต่อตร.ม.
    • 1 Bedroom ขนาด 26.3 ตร.ม. ราคา 2.55 ล้านบาท หรือ 97,300 บาทต่อตร.ม. (ห้องโปรโมชัน)
    • 1 Bedroom Plus ขนาด 35.5 ตร.ม. ราคา 3.5 ล้านบาท หรือ 102,058 บาทต่อตร.ม.
    • 2 Bedrooms ขนาด 60 ตร.ม. ราคา 7.05 ล้านบาท หรือ 117,500 บาทต่อตร.ม.

    • รูปแบบการขาย  Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.75 เมตร
    • Kitchen & Sink ท็อปหินสังเคราะห์สีขาว
    • Hob & Hood ของ Hafele
    • จอง + สัญญา 5,000 บาท (Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus)
    • จอง + สัญญา 10,000 บาท (2 Bedrooms)
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม./เดือน
    • มี Promotion เปิดโซนพิเศษ วิวแม่น้ำเจ้าพระยา รับ Furniture Cash Voucher by Chic Republic สูงสุด 100,000 บาท* จำนวนจำกัด ถึง 30 ก.ย เท่านั้น

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล : ที่ตั้งโครงการอยู่ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงปลาย ระหว่างสะพานซังฮี้กับสะพานพระราม 7 ซึ่งเป็นถนนที่มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตัดผ่าน สภาพแวดล้อมทั่วไปของช่วงนี้จะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ มีร้านอาหารแนวชุมชนตามอาคารพาณิชย์ ยังไม่มีความอุดมสมบูรณ์ที่เป็นตลาดใหญ่หรือห้างใหญ่อยู่ใกล้ๆเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่ Hyper Market อย่าง Tesco Lotus อยู่ใกล้ๆค่ะ ถ้าจะหาร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดตอนนี้อาจจะต้องเดินย้อนไปยังซอยวัดบางพลัดหรือจรัญฯ 79 ที่ปากซอยจะมี 7-eleven อยู่ และภายในซอยจะมีร้านอาหารอยู่ค่ะ ในกรณีถ้าอยากไปห้าง อาจจะต้องไปยังโซนปิ่นเกล้าที่จะมีห้างหลายๆห้างตั้งอยู่ตรงนั้นแทน แต่ในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าเปิด อาจจะมีความเจริญอื่นๆพัฒนาตามๆกันมา แล้วก็อย่าลืมว่าภายในโครงการของเราเอง ก็จะมี Shop อยู่ด้วยเช่นกันนะคะ ไปลุ้นกันดีกว่าว่าจะเป็นร้านอะไร

    การเดินทางโดยใช้รถ : โครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ที่ถือว่าเป็นถนนหลักที่คนย่านนี้ใช้สัญจร สามารถเดินทางข้ามมาฝั่งเมืองได้จากสะพานพระราม 7 หรือว่าสะพานซังฮี้นะคะ เลยทำให้มีตัวเลือกว่าจะเดินทางไปยังโซนประชาชื่น บางซื่อหรือจตุจักรผ่านสะพานพระราม 7 หรือจะไปยังฝั่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิโดยสะพานซังฮี้ได้ นอกจากนี้จะมีทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกที่สามารถใช้เพื่อเดินทางหลีกเลี่ยงรถติดไปยังราชพฤกษ์ หรือจตุจักรได้สะดวกค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย ทำให้ค่อนข้างสะดวกในการเรียกใช้บริการรถสาธารณะ ทั้งรถเมล์ รถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์ หรือแท็กซี่ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือโครงการใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีบางพลัดในระยะ 100 เมตร ทำให้เดินไปใช้งานรถไฟฟ้าได้สบาย และจากรถไฟฟ้าก็สามารถเดินทางไปยังฝั่งท่าพระก็ได้ หรือจะเข้ามายังโซนบางซื่อ จตุจักร หรือจะไปยังรัชดา สุขุมวิทก็ได้เช่นกันค่ะ รถไฟฟ้าช่วงนี้ มีแผนว่าจะเปิดให้บริการในปี 2563 นะคะ รอดูกันต่อไป

    วัสดุ : ที่นี่จะขายเป็น Fully Fitted มีห้องน้ำ ครัว Built-in ชั้นวางรองเท้าและตู้เสื้อผ้าให้มา พื้นห้องหลักๆได้เป็นลามิเนต พื้นส่วนครัว ห้องน้ำ และระเบียงจะได้เป็นกระเบื้องเซรามิค ผนังฉาบเรียบทาสีให้ ไฟเป็นดาวน์ไลท์ ความสูงของห้องจะอยู่ที่ 2.75 เมตร ชุดครัวและสุขภัณฑ์ต่างๆจะให้ของ Hafele มา Topครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว

    การออกแบบ : ตัวอาคารจะเเยกออกเป็นสามอาคาร ส่วนที่เป็น Shop , อาคารพักอาศัย และอาคารจอดรถ ทำให้การใช้งาน การเข้าถึงพื้นที่ต่างๆเป็นสัดส่วนได้ความเป็นส่วนตัว ไม่รบกวนกัน ตัวอาคารจะออกแบบโดยเน้นสไตล์เรียบๆ ไม่หวือหวา แต่ดูหรูแบบนิ่งๆ ใช้งานได้ยาวนานไม่เป็น Trend ที่ตกไปตามกาลเวลา ส่วนตัวห้องจัดออกมาค่อนข้างเป็นสัดส่วน จัดพื้นที่ใช้สอยต่างๆภายในห้องได้ดี แต่จะมีบางรายละเอียดเช่นห้อง 2 Bedrooms ที่มีเสากลางห้องและห้องนอนเล็กที่ยังดูไม่ลงตัวเท่าไหร่ อาจจะด้วยข้อจำกัดของพื้นที่และโครงสร้างในการออกแบบ

    สาธารณูปโภค : ถือว่าให้มาครบครันตามมาตรฐานของคอนโดสมัยนี้ มี Lobby, Co – working Space, fitness สระว่ายน้ำ การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางจะเน้นขนาดที่ดูโอ่โถงด้วยความสูงที่สูงแบบ Double Volume เลยทำให้บรรยากาศดูกว้างสบาย น่าใช้งาน และมีการยกพื้นที่ส่วนกลางไปไว้ที่ชั้นบนสุด ทำให้ไม่ว่าจะอาศัยที่ยูนิตไหน หรือชั้นใดก็ตาม สามารถขึ้นมาชมวิวด้วยกันที่ชั้นดาดฟ้าได้ค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 101,000 บาท/ตร.ม., 14 August 2019

    • ทำเล 7.5/10 – ตั้งอยู่บนนถนนจรัญฯ เป็นย่านชุมชมอยู่อาศัยเดิม ไม่เปลี่ยว
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน
    • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบางพลัด 100 เมตร ติดถนนใหญ่เรียกใช้รถสาธารณะได้สะดวก
    • วัสดุ 7.75/10 – ได้มามาตรฐาน ใกล้เคียงกับโครงการโดยรอบ
    • แบบ 7.5/10 – แบบห้องจัดมาได้เป็นสัดส่วน
    • สาธารณูปโภค 8/10 – นำพื้นที่ส่วนกลางไว้บนดาดฟ้า วิวสวย

    • UPPER To High CLASS
    • 7.81 / 10.00

    BOTTOM LINE

    De LAPIS จรัญ 81 เหมาะกับคนที่ทำงานในเมืองหรือว่าคนในพื้นที่ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยทำเลนี้ที่กำลังมองหาคอนโด High Rise พร้อมอยู่ วิวแม่น้ำ ใกล้รถไฟฟ้า ติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวกทั้งรถส่วนตัวและรถสาธารณะ ชอบการออกแบบที่เรียบง่ายแต่อยู่สบาย มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ครบ มีงบประมาณ 3-5 ล้านบาท (สำหรับห้อง Studio ถึง 1 Bedroom) หรืองบ 8-10 ล้านบาทสำหรับห้อง 2 Bedrooms รวมค่าตกแต่ง  มีกำลังผ่อน 18,000 – 56,000 บาทต่อเดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving