รีวิวฉบับที่ 1964 … สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปดูคอนโดริมแม่น้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จแบบใหม่แกะกล่องในย่านบางโพ จาก พฤกษา กับโครงการ Chapter One Shine บางโพ เป็นคอนโด High Rise 33 ชั้น วิวแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 มีห้องหลายแบบ จัดมาให้แบบ Fully Furnished พร้อมอยู่ พร้อมส่วนกลางน่าใช้งานหลายส่วน ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท จะเป็นอย่างไร ตามผมมาเลยครับ
Fact @ 16 October 2019
- Chapter One Shine Bangpo (แชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ)
- บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 (บางโพ) เขตบางซื่อ
- คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร 607 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 5 ชั้น 1 อาคาร
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 280 คันคิดเป็น 46% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 3-1-40 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q4 2017
- แล้วเสร็จ : Q3 2019
- Studio 22.50 – 23.35 ตร.ม.
- 1 Bedroom 28.80 -29.30 ตร.ม.
- 1 Bedroom Exclusive 48.90 ตร.ม.
- 1 Bedroom Riverfront 44.90 ตร.ม.
- 2 Bedroom Riverfront 56.80 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 112,563 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1739
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด Google Maps : 13.812272, 100.520709
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ที่ตั้งของโครงการ Chapter One Shine บางโพ ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์สาย 1 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 โครงการอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงตลาดศรีเขมาและโรงเรียนโยธินบูรณะ ใกล้กับทางด่วนเปิดใหม่ ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก และไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าบางโพ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีนำ้เงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ด้วย
ทำเลที่ตั้งของโครงการ Chapter One Shine บางโพ จัดว่าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพตอนเหนือ ในย่านบางโพ ที่สามารถไปเชื่อมต่อกับจังหวัดนนทบุรีได้ หรือเข้าเมืองได้สะดวก ไม่ไกลจนเกินไป แต่เดิมจัดเป็นย่านชุมชนบ้านพักอาศัยแนวราบ ที่มีตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล ในลักษณะของชานเมืองที่มีครบ แต่เมื่อเมืองเริ่มขยายตัวขอบเขตกว้างมากขึ้น ความเจริญก็ตามมา โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟฟ้าที่พาดผ่านถนนประชาราษฎร์สาย 2 ทำให้พื้นที่เร่ิมมีการเปลี่ยนแปลง มีคอนโดมิเนียม High Rise เข้ามาเปิดตัวเกาะพื้นที่สถานีเพิ่มมากขึ้น และเริ่มกระจายออกมาที่ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ที่อยู่ใกล้เคียงกัน สำหรับที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนประชาราษฎร์สาย 1 เป็นถนนเส้นขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมเป็นแหล่งชุมชนคนจีน นิยมค้าไม้ต่างๆ ทั้งไม้แปรรูป และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ปัจจุบันก็ยังคงมีร้านค้าและโรงงานไม้อยู่ในพื้นที่อยู่ จัดเป็นทำเลอยู่อาศัยที่เดินทางได้สะดวก นอกจากนั้นก็ยังไม่ไกลจากแถวจตุจักร งามวงศ์วาน และติวานนท์ หรือจะข้ามสะพานพระราม 7 ไปยังแถวจรัญสนิทวงศ์ได้ อีกทั้งปัจจุบันมีทางด่วนตัดใหม่ที่ข้ามไปลงเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชตรงจตุจักร ก็ยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ ถือว่ามีให้เลือกพอสมควร เพราะมี Gateway บางซื่อ มาเปิดเป็นแหล่งให้ไปจับจ่ายใช้สอยกันได้แหล่งล่าสุดในระยะประมาณ 1 กิโลเมตร แถมเดิมก็มีตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร Hypermarket อย่าง BigC วงศ์สว่าง, Lotus บางซื่อ ให้ไปจับจ่ายซื้อของกันได้อยู่แล้ว ที่อยู่ใกล้โครงการในระยะเดิน คือ ตลาดศรีเขมา เป็นตลาดสดรุ่นเก๋าขายเช้า-เย็น ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ เลยจากหน้าตลาดมาหน่อยจะมีถนนที่พ่อค้าแม่ขายนิยมมาเปิดแผงเป็นตลาดเช้าให้ซื้อของกันได้ ห่างออกไปหน่อยก็จะมี The Mall งามวงศ์วาน หรือไม่ก็ข้ามไป Central ลาดพร้าว ซึ่งก็อยู่ในระยะทางที่ขับรถพอไหวไม่ไกลจนเกินไป ในส่วนของสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีครบ ย่านบางโพ เลยยาวไปจนถึงถนนสามเสน จัดเป็นย่านที่รวมโรงเรียนเก่าแก่ชื่อดังอยู่หลายแห่ง เช่น โรงเรียนโยธินบูรณะ โรงเรียนราชินีบน โรงเรียนเซนต์คาเบรียล หรือออกไปทางถนนวงศ์สว่างก็มี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ อีกทั้งในพื้นที่ก็มีโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ คือ โรงพยาบาลบางโพ
การเดินทางโดยใช่รถยนต์ ถือว่าเดินทางสะดวก โครงการติดถนนใหญ่ ไม่ต้องเข้าซอยซับซ้อน ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 สามารถไปเชื่อมต่อถนนสายหลักอื่นๆได้หลายสายทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง และตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนเปิดใหม่ ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่ทำให้เข้า-ออกเมืองสะดวกมาขึ้น เพียง 600 m. เลยโรงเรียนโยธินบูรณะไปหน่อยก็เลี้ยวขวาขึ้นทางด่วนได้เลย โดยทางด่วนเส้นนี้จะไปบรรจบกับทางด่วนศรีรัช ตรงบริเวณจตุจัตร-หมอชิต ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางและหนีการจราจรที่ติดขัดได้มากเลยครับ แถมภายในโครงการก็มีพื้นที่จอดรถให้ใช้งานประมาณ 280 คันคิดเป็น 46% รวมจอดซ้อนคัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถ้าต้องการใช้รถประจำทาง ที่ป้ายรถเมล์ก็อยู่ห่างจากโครงการไปเพียง 300 m. ที่ตั้งโครงการติดถนนหลักทำให้เรียกรถสาธารณะ แท็กซี่ ต่างๆได้ง่าย ยังมีเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งโซนบางโพ-เตาปูน ไปจนถึงบางซื่อ นี้ มีสถานีรถไฟฟ้าที่เป็นจุดเชื่อมถึง 3 สาย คือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ, รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วเรียบร้อย
ส่วนสถานีบางโพจะเป็นสถานที่ใกล้กับโครงการเรามากที่สุด ห่างประมาณ 600 เมตร ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนมีนาคมปีหน้า (2563) นะครับ หากอยากเปลี่ยนเส้นทางไปรถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็นั่งรถไฟฟ้ามาที่ สถานีเตาปูน ซึ่งเป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีม่วง (ห่างจากโครงการประมาณ 1.6 กิโลเมตร) และหากอยากเปลี่ยนเส้นทางไปแถวๆชานเมืองอย่างรังสิต ก็นั่งรถไฟฟ้าจากสถานีบางโพถัดไปอีก 2 สถานี ลงที่สถานีบางซื่อ ซึ่งจะเป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีแดงค่ะ (ห่างจากโครงการ ประมาณ 2.6 กิโลเมตร) ซึ่งในอนาคตถ้าวิ่งเชื่อมต่อกันครบระบบตามเส้นทางทั้งหมด ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไปที่ต่างๆมากขึ้นแน่นอน
นอกจากนั้นทางโครงการจะมี Shuttle Van ให้บริการรับส่ง 2 สายนะครับ สายแรกคือ MRT สถานีบางโพ (เมื่อเปิดใช้งาน) ส่วนอีกสายจะวิ่งตามเส้นทางโรงเรียนรอบๆโครงการ ซึ่งยังไม่กำหนดเส้นทางอย่างชัดเจน (ต้องรอประชุมลูกบ้านเพื่อสรุปว่าลุกบ้านส่วนใหญ่อยู่ที่โรงเรียนไหนบ้างอีกที) ข้อมูลในส่วนนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้นะครับ
วันนี้เราจะเริ่มเดินทางมาจากฝั่งถนนประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านแยกประชาชื่น แยกเตาปูน และเลี้ยวขวาที่แยกบางโพ เพื่อวิ่งต่อไปบนถนนประชาราษฎร์สาย 1 อีกประมาณ 600 เมตร จะเจอตัวโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ
ตรงมาเรื่อยๆบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านแยกประชาชื่น มุ่งหน้าไปยังแยกบางโพครับ
ตรงต่อมาเรื่อยๆจะเจอ MRT เตาปูน ซึ่งปัจจุบันก็เปิดให้ใช้บริการกันไปแล้ว ให้เราตรงต่อไปเลยครับ
จากนั้นจะเจอแยกบางโพ มี MRT สถานีบางโพอยู่ด้านบน ให้เราเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ครับ
จากนั้นตรงต่อมาบนถนนประชาราษฎร์สาย 1 อีกประมาณ 600 เมตร จะเจอตัวโครงการ Chapter One Shine บางโพ ทางฝั่งซ้ายมือครับ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
บริเวณโดยรอบโครงการ Chapter One Shine บางโพ วางอาคารตามแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก ทำให้จะได้วิวทิศเหนือและใต้เป็นหลัก และมีระยะห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 250 เมตร ซึ่งสำหรับใครที่คาดหวังวิวแม่น้ำแบบใกล้ชิดเต็มๆอาจจะไม่ได้มีจากห้องพักอาศัยส่วนใหญ่ของโครงการนี้ แต่จะได้รับวิวโค้งแม่น้ำไกลๆจากด้านข้าง และ City View ผสมไปด้วยแทนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนวิวแม่น้ำแบบเต็มๆก็ยังมีให้อยู่ในส่วนของห้องที่อยู่มุมอาคารฝั่งทิศตะวันตก (2ยูนิต/ชั้น) และส่วนกลางของโครงการอยู่นะ
โครงการทางทิศตะวันออกจะติดถนนประชาราษฎร์ สาย 1 ทางทิศเหนือ ทางด้านหน้าจะติดกับ อาคารพาณิชย์ และบ้านพักอาศัยส่วนบุคคล เลยถัดเข้ามาพื้นที่ว่าง ทางทิศใต้อาคารพาณิชย์ และบ้านพักอาศัย ทางทิศตะวันตก ติดกับ บ้านพักอาศัย เลยถัดไปเป็นพื้นที่ของโกดังเก็บไม้ โดยภาพรวมสิ่งปลูกสร้างรอบๆโครงการยังคงเป็นชุมชนแนบราบตั้งเดิมในพื้นที่ ส่วนมากเป็นบ้านพักอาศัย ส่วนอาคารสูงจะมีอยู่ทางเหนือของโครงการเป็นอาคารของทางราชการ กรมราชองครักษ์ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดมีแนวคลองกั้นอยู่ โดยรอบยังมีวิวเปิดโล่งอยู่ที่ระยะความสูง 2 ชั้นขึ้นไป และไม่มีแหล่งเสื่อมโทรม หรือแหล่งที่เกิดมลภาวะต่างๆที่จะรบกวนการอยู่อาศัย
ไหนๆตึกก็เสร็จแล้ว เราลองขึ้นไปดูวิวจากบนอาคารกันบ้างดีกว่า ว่าแต่ละทิศจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
มุมมองทิศเหนือจากชั้น 33 – ฝั่งนี้จะเป็นหนึ่งในวิวหลักของโครงการ จะเห็นอาคารปฎิบัติการและที่พักเตรียมพร้อมของกรมราชองครักษ์ และโรงเรียนโยธินบูรณะ มีระยะห่างออกไปพอสมควร แต่ในระยะประชิดจะมีอาคารของ Chapter One Flow บางโพ ขึ้นติดถนนประชาราษฎร์สาย 1 ซึ่งจะแล้วเสร็จในปีหน้านะครับ
มุมมองทิศตะวันออกจากชั้น 33 – จะเห็นถนนประชาราษฎร์สาย 1 และชุมชนพักอาศัยแนวราบ ทำให้วิวฝั่งด้านนี้ค่อนข้างโล่ง แต่ไม่ใช่วิวหลักของโครงการนะครับ
มุมมองทิศใต้จากชั้น 33 – เป็นวิวหลักของโครงการ ซึ่งจะเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา และ City View ด้วยเช่นกัน
มุมมองทิศตะวันตกจากชั้น 33 – ฝั่งนี้จะวิวหลักของพื้นที่ส่วนกลาง เป็นวิวฝั่งที่เห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเต็มๆ ส่วนห้องพักอาศัยจะมีเพียงห้องมุมอาคาร 2 ห้องต่อชั้นเท่านั้นที่ได้วิวฝั่งนี้
ลงจากบนอาคารมาเดินดูรอบๆกันต่อบ้างนะครับ เริ่มจากเดินไปฝั่งถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ซึ่งจะเป็นทางไปยัง MRT สถานีบางโพด้วยนั่นเอง
ด้านข้างถนนหลักหน้าโครงการจะมีแนวอาคารตึกแถว เปิดเป็นร้านค้าต่างๆ
ถัดมาจะมีแนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านหลังเห็นแนวอาคารของเราด้วยนะ
เป็นอาคารตึกแถวสภาพยังใหม่อยู่เลย
ฝั่งตรงข้ามมีโรงไม้ ซึ่งมีให้เห็นกันเรียงรายอยู่แล้วในย่านนี้
ถัดมาจะมีแนวอาคารเปิดเป็นร้านค้าและโรงไม้ ร้านแปรรูปต่างๆ
เดินต่อมาอีกหน่อยจะมีซอยประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 25 ซอยนี้ด้านในจะอยู่ติดกับพื้นที่โครงการของเรา ลองวนเข้าไปดูกันหน่อยนะครับ
ด้านหน้าก็เป็นซอยถนนสองเลนปกติครับ ภายในเป็นซอยตัน
มีบ้านชุมชนพักอาศัย บริบทค่อนข้างเงียบสงบ จะเห็นอาคารพักอาศัยของเราอยู่ด้านหน้า ส่วนที่ติดกับซอยด้านในคือ อาคารจอดรถของโครงการเราครับ
ด้านในสุดของซอยคือโรงไม้เก่ามีพื้นที่ยาวไปจนถึงแม่น้ำเลยครับ
ออกจากซอยประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 25 ออกมา เดินต่ออีกนิด จะมีแนวอาคารตึกแถวเรียงยาวต่อไปอีก
ฝั่งตรงข้ามจะพวกร้านค้าร้านอาหารให้บริการ เริ่มคึกคักขึ้นมาหน่อย
เพราะใกล้กับพื้นที่โรงเรียนนั่นเอง ตรงนี้มีโรงเรียนกุลวรรณศึกษา
มาดูอีกฝั่งกันบ้างครับ เดินไปทางถนนวงศ์สว่าง บริบทติดถนนใหญ่จะใกล้เคียงกันกับฝั่งที่เราเดินไปมาเมื่อสักครู่ แต่จะมีจุดที่แตกต่างในช่วงใกล้โรงเรียนโยธินบูรณะ เราไปดูกันครับ
บริเวณริมถนนสายหลักจะมีบริบทเป็นพวกโรงไม้ และร้านแปรรูปไม้ต่างๆ เช่นเดียวกันกับฝั่งก่อนหน้านี้
ถัดมาจะมีคลองวัดเสาหิน พร้อมพื้นที่ด้านข้างสำหรับเดินได้ทั้งสองฝั่ง คลองนี้ส่งกลิ่นใช้ได้เลย ถ้าใครที่ต้องเดินผ่านบริเวณนี้เป็นประจำอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ตัวโครงไม่มีผลกระทบนะครับ
อีกฝั่งของคลองจะเป็นอาคารปฎิบัติการและที่พักเตรียมพร้อมของกรมราชองครักษ์ และโรงเรียนโยธินบูรณะ จะมีผลเรื่องมุมมองทางฝั่งทิศเหนือ ไม่ได้ประชิดมากแต่ทำให้ไม่โล่งนั่นเอง
เดินต่อมาจะมีรั้วของอาคารปฎิบัติการและที่พักเตรียมพร้อมของกรมราชองครักษ์ และโรงเรียนโยธินบูรณะ
มีป้ายรถประจำทางให้ใช้บริการที่จุดนี้
พร้อมสะพานลอยสำหรับข้ามฝั่งไปยังฝั่งตรงข้าม เพราะจะมีความเจริญค่อนข้างสูงกว่า ลองข้ามไปดูกันครับ
บรรยากาศของถนนประชาราษฎร์สาย 1 ฝั่งมุ่งหน้าไปถนนวงศ์สว่าง ในช่วงกลางวันก็ไม่วุ่นวายนัก แต่ช่วงเวลารับ-ส่ง โรงเรียนจะค่อนข้างแน่นอยู่เหมือนกันครับ
บนสะพานลอยจะมองเห็นพื้นที่ด้านข้างที่เป็นสนามฟุตบอลของโรงเรียนโยธินบูรณะ
อีกฝั่งของถนนฝั่งมุ่งหน้าไปยังถนนประชาราษฎร์สาย 2
มองเห็นโครงการของเราจากจุดนี้ด้วยเช่นกัน
ลงมาจากสะพานลอยก็มีร้านค้าร้านอาหารเลยล่ะครับ ทั้งร้านไก่ทอด ขนม ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต่างๆ ได้รับอิทธิพลมาจากโรงเรียนต่างๆรอบๆนี้
ด้านข้างมี Family Mart ขนาดใหญ่ให้บริการ พร้อมร้านค้าต่างๆ ยาวไปตามแนวถนน ไปดูกันเลย
เพราะบริเวณนี้มีผู้คนที่เดินผ่านไปมามากขึ้น จึงเริ่มมีร้านค้าขายของปลีกมากขึ้นตามมา
ถัดมาจะมีซอยที่เข้าไปยังโรงเรียนวีระพิทยา ซึ่งภายในก็มีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหารต่างๆ ด้วยเช่นกัน ปากซอยมี 7 Eleven ให้บริการ
ถัดมาอีกหน่อยจะมีตลาดศรีเขมาซึ่งเป็นตลาดสดเก่าแก่ที่เปิดตลอดทั้งวัน มีทั้งของสด ของแห้ง ร้านอาหารรายล้อม เป็นอีกหนึ่งจุดความเจริญของย่านนี้เลย
เลยถัดมาตามทางฝั่งข้างโรงเรียนโยธินบูรณะก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีความคึกคักไม่น้อย เริ่มด้วยเซเว่นที่หัวมุม
มาพร้อมพี่วินมอเตอร์ไซค์รอให้บริการ
ด้านข้างมีตลาดนัดวัฒนานันท์ เป็นตลาดขนาดไม่ใหญ่นัก มีที่จอดรถให้ด้านใน จะเริ่มมาตั้งกันช่วงเย็น ปิด 3-4 ทุ่มเลยทีเดียว
ส่วนฝั่งด้านข้างโรงเรียนโยธินบูรณะ จะมีแนวร้านค้าร้านอาหารที่ตอบโจทย์วัยรุ่นมากกว่า เช่นร้านชาบู ร้านสเต็ก ร้านอาหารนานาชาติ ขนมหวานต่างๆ เป็นห้องแอร์เกือบจะทั้งหมด
ฝั่งเดียวกับโรงเรียนก็มี Whitemall เป็น Avenue เล็กๆ ที่มี Max Valu 24 Hours ให้บริการ พร้อมโรงเรียนกวดวิชาภายใน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดศรีเขมา ~ 230 เมตร
- โรงเรียนโยธินบูรณะ ~ 350 เมตร
- โรงพยาบาลบางโพ ~ 750 เมตร
- Gateway บางซื่อ ~ 1 กิโลเมตร
- สถานีตำรวจนครบาลบางโพ ~ 1.5 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ~ 1.5 กิโลเมตร
- ตลาดเตาปูน ~ 1.7 กิโลเมตร
- รัฐสภาใหม่ ~ 1.7 กิโลเมตร
- Tesco Lotus บางซื่อ ~ 2 กิโลเมตร
- สำนักงานเขตบางซื่อ ~ 2.5 กิโลเมตร
- Makro สามเสน ~ 2.7 กิโลเมตร
- ศูนย์การค้าสุพรีม คอมเพล็กซ์ ~ 2.8 กิโลเมตร
- โรงเรียนราชินีบน ~ 3 กิโลเมตร
- BigC วงศ์สว่าง ~ 3 กิโลเมตร
- The Mall งามวงศ์วาน ~ 6.7 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว ~ 8.4 กิโลเมตร
ก่อนจะเข้าไปภายในมาทำความรู้จักโครงการ Chapter One Shine บางโพ กันคร่าวๆอีกรอบก่อนนะครับ.. โครงการนี้เป็นคอนโด High Riseใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา สูง 33 ชั้น 607 ยูนิต บนพื้นที่ 3-1-40 ไร่ มีแนวคิดในการออกแบบที่โดดเด่นทั้งภายในและภายนอก รวมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ ในทุกรายละเอียดภายในโครงการ มี Concept หลักของโครงการคือ ออกแบบสไตล์ Modern Chinese โดยดึงเอาจุดเด่นทางกายภาพของพื้นที่เดิมที่เป็นชุมชนชาวจีน นิยมค้าไม้ในย่านบางโพ มาผสมผสานในการออกแบบ เน้นทำอาคารที่สามารถเปิดมุมมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบมุมกว้างในทุกยูนิตของการอยู่อาศัย ออกแบบห้องหลากหลายขนาด ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกขนาดห้องที่เหมาะสมกับตนเองได้ตั้งแต่ครอบครัวขนาดเล็ก 1-2 คน ไปจนถึงครอบครัวขนาดกลาง 2-3 คน ให้เฟอร์นิเจอร์แต่งครบออกแบบลงตัวกับพื้นที่ใช้สอยแบบพร้อมอยู่อาศัย อีกทั้งยังการจัดพื้นที่ส่วนกลาง Facilities ในส่วนต่างๆแบบเต็มพื้นที่ ไม่เหลือพื้นที่ว่างในโครงการโดยเปล่าประโยชน์ จัดส่วนกลางไว้บนชั้นบนสุดของอาคารได้เรื่องของทัศนียภาพ วิวแบบมุมสูงโดยรอบ มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและมีลมพัดผ่านตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เน้นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่พักผ่อนต่างๆ ที่หลากหลายให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม ทีนี้ลองเข้าไปดูของจริงกันเลยครับ
ภายในโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร คือ ส่วนอาคารพักอาศัย 33 ชั้น และ อาคารจอดรถ 5 ชั้น จะเห็นว่าโครงการจะวางตำแหน่งอาคารตามรูปที่ดินเนื้อที่ดินประมาณ 3-1-40 ไร่ โดยรอบของพื้นที่โครงการมีระยะร่นรอบอาคาร ทางเข้าหลักของโครงการจะเข้าได้จากถนนประชาราษฎร์ สาย 1 เมื่อเข้ามาในพื้นที่โครงการจะมีทางแยกของถนนที่จะมีโครงการ Chapter One Shine บางโพ และ Chapter One Flow บางโพ ใช้ทางเข้าออกบริเวณติดถนนหลักนี้ร่วมกัน ให้เราชิดซ้ายตรงเข้ามาจะเจอกับโครงการของเรา ภายในมีแนวถนนทางขวามือ มีจุด drop off ที่อาคารส่วนพักอาศัย การจัดเส้นทางเดินรถสองเลนสวนทางกันภายในโครงการ โดยจะมีทางลาดขึ้นไปที่จอดรถทางด้านหลังอาคารจอดรถ สามารถวนเข้าไปจอดรถที่อาคารจอดรถได้ รวมที่จอดรถทั้งโครงการประมาณ 280 คันคิดเป็น 46% รวมจอดซ้อนคัน
พื้นที่บริเวณชั้น 1 ประกอบด้วย Lobby Facilities พื้นที่นั่งพักผ่อนและพื้นที่สีเขียวโดยรอบ และห้องควบคุมงานระบบอาคารต่างๆจะอยู่ทางด้านหลังของตัวอาคาร มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ลิฟต์ Service 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 202 : 1 ค่อนช้างแน่นไปหน่อย และมีบันไดหนีไฟ 2 ตำแหน่ง พื้นที่ตรงหัวและท้ายอาคาร จัดเป็นพื้นที่สีเขียว มี Walking Track โดยรอบๆตัวอาคารจอดรถ ส่วนใหญ่พื้นที่สีเขียวจะเน้นไปที่บริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ และพื้นที่ระหว่างอาคารของโครงการเป็นหลัก เน้นให้พื้นที่ส่วน Facilities ที่ ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถมาใช้งานได้อย่างทั่วถึง
ทางเข้าโครงการจะเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย ด้านข้างมีแนวต้นไผ่ให้เข้ากับ Concept โครงการ (Chinese Modern) ถนนส่วนนี้จะใช้ร่วมกันกับโครงการ Chapter One Flow ด้านในที่กำลังก่อสร้าง
ด้านข้างมีแนวทางเดินยกระดับแยกให้ด้วย มีแนวต้นไม้กั้นไว้ให้ระหว่างถนนเพื่อเว้นระยะความปลอดภัย ต้นไผ่ด้านข้างพึ่งถูกนำมาปลูก ต้องให้เวลาน้องนิดนึงนะครับ สักพักจะดูหนากว่านี้ และนำเชือกที่รัดจัดทรงไว้ออกได้
ตรงเข้ามาจะมีทางแยก ระหว่าง 2 โครงการครับ ของเราให้ชิดซ้ายไว้เลย
เข้ามาภายในก็มีแนวต้นไผ่และแยกรั้วโครงการกันอย่างชัดเจน ยังคงเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายอยู่นะครับ
ด้านในจึงจะมีจุดรปภ. อีกจุดพร้อมพื้นที่จอดรถ Service ด้านข้าง เข้าออกอาคารได้ด้วย แต่ถ้าเป็นลูกบ้านปกติก็ตรงต่อเข้าไปเลยครับ
แวะเข้ามาดูพื้นที่ Service ด้านข้างกันนิดนึง ตรงนี้จะสามารถเชื่อมต่อเข้าภายในอาคารได้เช่นกัน แต่ไม่มีที่จอดรถถาวรนะครับ สำหรับแค่ชั่วคราวเท่านั้น
ทางโครงการจะมี Shuttle Van ให้บริการรับส่ง 2 สายนะครับ สายแรกคือ MRT สถานีบางโพ (เมื่อเปิดใช้งาน) ส่วนอีกสายจะวิ่งตามเส้นทางโรงเรียนรอบๆโครงการ ซึ่งยังไม่กำหนดเส้นทางอย่างชัดเจน (ต้องรอประชุมลูกบ้านเพื่อสรุปว่าลุกบ้านส่วนใหญ่อยู่ที่โรงเรียนไหนบ้างอีกที) ข้อมูลในส่วนนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้นะครับ
พื้นที่ Service ของตัวอาคารครับ
ด้านหลังจะมีอาคารจอดรถ 5 ชั้นอยู่ ดูเขียวขจีเชียวล่ะ
ระหว่างอาคารจอดรถด้านหลังและอาคารพักอาศัย มีการจัดสวนคั่นตรงกลาง ช่วยเป็นช่องลมให้กับพื้นที่ภายใน และเป็นพื้นที่พักกาย พักใจและสายตาได้ด้วยเช่นกัน
กลับมาดูฝั่งด้านเข้าไปจอดรถของลูกบ้านกันนะครับ ตรงเข้ามาด้านในจะมีพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายยาวเข้าไปถึงด้านในเลย ด้านข้างก็มีแนวต้นไม้ให้ความชุ่มชื่นยาวตลอดแนวเช่นกัน
ตรงมาไม่กี่เมตร จะมีทางเข้าอาคาร ที่เป็น Drop Off ของโครงการ
ส่วนนี้มีข้อดีคือจะอยู่ใต้อาคาร ทำให้เวลาเราจอดรับหรือส่งใครก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแดดและฝนเลย
ด้านหน้าจะมี Sculpture รูปตัว O ติดตั้งไว้ด้วย อันนี้ไม่แน่ใจหมายถึงอะไร.. ผมเข้าใจว่าน่าจะหมายถึง One จาก Chapter One นะครับ ใครที่ทราบบอกผมด้วยได้นะครับ ฮ่าๆ
ลองเลยเข้าไปดูด้านหลังกัน ส่วนภายในอาคารด้านข้างนี้ปัจจุบันเป็นสำนักงานขาย ส่วนในอนาคตหลังจากขาย โอนกันหมดแล้ว บริเวณนี้จะเปลี่ยนเป็น 7 Eleven ครับ
ด้านหลังจะเป็นทางเลี้ยวเพื่อเข้าไปจอดรถบนอาคาร จุดนี้ต้องขับช้านิดนึงนะครับ เพราะเป็นทางเดินรถสวนกัน
ด้านหลังนี้ถึงจะมีทางเข้าออกแบบเป็นรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ
เข้าออกด้วยระบบ Keycard Access แบบ Easy Pass ทั้งทางเข้าและทางออก มี CCTV คอยดูแลรักษาความปลอดภัย
มาดูส่วนอาคารจอดรถ 5 ชั้นด้านหลังนี้กันบ้าง เพราะไม่ได้เป็นแค่พื้นที่จอดรถนะครับ แต่มีบทบาทอื่นที่น่าสนใจด้วย ไปดูกันเลย
ระหว่างอาคารพักอาศัยและอาคารจอดรถจะมี Walking Track สำหรับเดินเล่น ท่ามกลางต้นไม้ สวน และแนวทางเดินที่ถูกออกแบบมาค่อนข้างน่าสนใจ แถมยังมีการดูแลค่อนข้างดีเลย สภาพต้นไม้โต ให้ร่มเงาได้ ส่วนที่พื้นก็มีการดูแลจัดการใบไม้ต่างๆได้ดี ดูสะอาดสะอ้าน
พื้นคอนกรีตพิมพ์ลายจะไล่ยาวจากหน้าทางเข้ามาจนถึงหน้าอาคารจอดรถเลย
ภายในพื้นและฝ้าเป็นคอนกรีตฉาบเรียบแบบง่ายๆทั่วไป มีไฟส่องสว่างให้เป็นจุดๆ ส่วนท่อก็ทาเป็นสีเดียวดูเรียบร้อยดี
ทุกชั้นจะมีโถงลิฟต์ให้ ส่วนของชั้น 1 นี้ก็จะเป็นทางเชื่อมต่อไปยังอาคารพักอาศัยครับ เข้าออกด้วยระบบ Keycard
ด้านนอกมีแนวทางเดินตกแต่งมาให้เรียบร้อยสวยงาม
มาเชื่อมต่อกับสวนด้านนอกที่เราเห็นกันมาเมื่อสักครู่ครับ
ทางเดินส่วนนี้จะมีแนวหลังคาให้ด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องฝน แต่ด้วยระดับที่ยกสูง ถ้าฝนตกหนักๆก็อาจจะสาดได้เหมือนกัน
กลับเข้ามาภายในอาคารจอดรถ เป็นการเดินรถ 2 ทางแบบสวนกันทั้งหมด ภายในจัดว่าสว่างและปลอดภัยดีครับ ทั้งที่มีช่องแสงธรรมชาติเจาะให้ แต่ก็มีไฟส่องสว่างภายในให้แบบจัดเต็มอีกด้วย
ที่ชั้น 2 ก็มีโถงลิฟต์เช่นกัน มีตำแหน่งติดกับบันไดหนีไฟ ภายในมีช่องแสงขนาดใหญ่ให้ด้วย
ถ้าขึ้นมาที่ชั้น 3 จะมีทางเชื่อมระหว่างอาคารจอดรถกับอาคารพักอาศัย ใช้ Keycard ในการเข้าถึงเช่นกัน
เป็นทางเดินที่ทำมาอย่างเรียบร้อย มีชายคาและไฟตลอดแนว พร้อมวิวสวนด้านล่างให้ชมระหว่างเดิน ระเบียงเป็นระแนงเหล็กจึงทำให้ลมสามารถพัดผ่านไปมาได้ตลอด
จากชั้น 3 ของอาคารจอดรถ จะมาเชื่อมเข้ากับชั้น 2 ของพื้นที่พักอาศัยครับ ทำให้ต้องมีจังหวะเดินลงด้วยเช่นกัน ยังไงก็ต้องเดินระวังกันหน่อย ในกรณีซื้อของเข้าบ้านหรือต้องแบกสัมภาระต่างๆ
ตรงนี้จะมีพื้นที่เหมือนเป็น Transition Space ให้ก่อนเข้าตัวอาคารนิดนึง สำหรับพักคอย วางของ นั่งเล่น ได้ก่อนจะเปลี่ยนพื้นที่
จากนั้นจะเชื่อมเข้ากับโถงลิฟต์ของอาคารพักอาศัยชั้น 2 ซึ่งต้องใช้ Keycard ในการเข้าถึงทั้งสองฝั่ง
กลับลงมาที่ด้านล่างกันต่อสักหน่อยนะครับ มีพื้นที่สวนที่เขาจัดไว้รอบอาคารจอดรถเช่นกัน สำหรับใครที่อยากลงมาเดินเล่น คิดงาน คุยโทรศัพท์ หรือพักผ่อน
ทางเดินท่ามกลางธรรมชาติส่วนนี้จะค่อนข้างแคบ ใครที่อยากมาเดินจับมือกันหวานแหว๋วอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ถ้ามาเดินพักผ่อนรับความร่มรื่น จัดว่าได้อย่างเต็มที่เลยล่ะ
พื้นที่ด้านหลังนี้จะมีการปลูกต้นไม้หลากหลายชนิดเลย ทั้งไม้ใหญ่ ไม้พุ่ม รวมถึงแนวต้นไม้ด้านข้างด้วย
พื้นที่ด้านหลังนี้มี CCTV คอยดูแลตลอดเวลาครับ
เดินอ้อมแล้วจะมาโผล่ตรงนี้ครับ ซึ่งก็มีแนวทางเดินต่อเข้าถึงตัวอาคารเลยนะ
ตอนนี้เรากำลังยืนอยู่บริเวณหน้า Lobby ครับ บริเวณ Drop Off มีพื้นที่พักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 2 เลยไม่ได้ยกฝ้าเพดานขึ้นสูงที่บริเวณนี้ด้วย แต่ในเชิงการใช้งานก็ถือว่าใช้ได้ดีนะครับ สามารถกันแดดกันฝนได้ 100% และพื้นที่บริเวณนี้และ Lobby ภายใน ก็ยังสามารถรับแสงได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ได้รับความร้อนจากแสงแดดด้วย
หลังจากที่พาไปทัวร์รอบๆโครงการกันมาแล้ว ผมว่าได้ฤกษ์เข้าไปภายในอาคารกันแล้วล่ะ
นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บริเวณ Drop Off ไม่ได้ยกฝ้าเพดานขึ้นสูงด้วย เพราะพื้นที่ภายในยกเพดานขึ้นสูง ใช้หลักการออกแบบ Shock Space เป็นการเปลี่ยนพื้นที่จากพื้นที่แคบสู่พื้นที่กว้าง หรือพื้นที่เตี้ยไปสู่พื้นที่สูง ซึ่งการออกแบบนี้จะสร้าง Space ที่ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้เข้าใช้งาน ตื่นเต้น ดูโอ่อ่าและสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้ผู้เข้ามาใช้พื้นที่ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น Lobby ยังมีลักษณะเป็นสมมาตร พื้นที่รับรองแบ่งออกเป็นฝั่งซ้ายและขวาที่มีรูปร่างเหมือนกัน สามารถเชื่อมต่อกับภายนอกได้แบบเดียวกัน
ฝั่งสำนักงานขายจะเป็นทางตัน ซึ่งจะเป็นพื้นที่โล่งกว้าง เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน มองออกไปด้านหลังจะเห็นพื้นที่สวน มีการตกแต่งเป็นสไตล์ Chinese Modern ใช้วัสดุที่ดูทันสมัยเช่นกระจก หินอ่อน แต่ยังมีเฟอร์นิเจอร์แบบจีนมาผสมกันอย่างลงตัว ไม่ได้ดูขัดกันแต่อย่างใด และที่สำคัญคือมีการนำน้ำมาใช้ตกแต่งจากภายนอกด้วย ลองออกไปดูกัน
เมื่อเปิดประตูกระจกออกไปจะเจอกับพื้นที่นั่งพักผ่อนแบบ Sunken Seat มีสระน้ำโดยรอบปลูกต้นไม้ และสวนตรงกลางระหว่างพื้นที่อาคารพักอาศัยและอาคารจอดรถเพื่อความร่มรื่น
เป็นพื้นที่นั่งที่เมื่อลงไปนั่งจะอยู่ในระดับเดียวกันกับน้ำ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
มีให้เลือกใช้หลายจุดเหมือนกัน สำหรับกรณีใช้กันหลายคน ก็สามารถหามุมส่วนตัวได้
ส่วนอีกฝั่งของ Lobby ก็จะมีลักษณะเหมือนกัน ขนาดพื้นที่ การตกแต่ง และรูปแบบต่างๆ แต่จะมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังภายในของอาคาร
เป็นแนวทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ นิติบุคคล Mail Box และห้องน้ำครับ มีแนวกระจกให้แสงสว่าง และบริเวณนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวของภายนอก สำหรับใครที่นั่งคอยอยู่ก็จะเห็นได้ไม่ยากเลย
เดินเข้ามาภายในจะเจอกับบันไดหนีไฟที่เชื่อมต่อไปยังภายนอก ได้นะครับ ส่วนนี้จะเป็นทางที่เชื่อมกับอาคารจอดรถส่วนของชั้น 1 ที่ผมพาไปชมก่อนหน้านี้
ส่วนแรกที่จะเจอคือนิติบุคคล ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับคอยดูแลลูกบ้านภายใน ทั้งจะเห็นการเดินผ่านไปมา และง่ายแก่การเข้าถึง
ด้านข้างจะมีห้อง Mail Box ตั้งอยู่ ฝั่งตรงข้ามกับโถงลิฟต์ Mail Box ของที่นี่จะถูกแยกเป็นตู้ๆ ซึ่งต้องเปิดและใช้งานเป็นส่วนๆไป ดูเรียบร้อยดีนะ เลขที่บ้านของที่นี่จะขึ้นต้นด้วย 999 ทุกห้องเลยนะ
ด้านหลังจะมีห้องน้ำและห้องคุณป้าแม่บ้าน พร้อมทั้งประตู Service ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ Service ที่ผมพาไปชมกันมาครับ
ฝั่งตรงข้ามห้อง Mail Box เป็นโถงลิฟต์ ตกแต่งด้วยลายหินอ่อนและกระจก เข้าออกด้วยระบบ Keycard ลองเข้าไปดูกันครับ
ภายในจะค่อนข้างกว้าง ประกอบไปด้วยลิฟต์ 3 ตัว มีแผงไฟด้านบนที่สว่างทั้งพื้นที่ และด้วยพื้นและผนังสีขาว รวมถึงกระจกก็ยิ่งทำให้พื้นที่นี้ดูสว่างและโล่งมากขึ้นไปอีก
ขึ้นมาดูส่วนของ Facilities ของโครงการ โครงการจะแบ่งพื้นที่ส่วนกลางออกให้ใช้งานเป็น 2 ส่วน คือ ที่บริเวณชั้นบนสุดของอาคารจอดรถ 5 ชั้น โดยจะเน้นจัดเป็นพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่สีเขียวต่างๆ ที่หลากหลายให้เลือกใช้งานตามความชอบของแต่ละคนได้ ประกอบด้วย –
- Co-Working Space
- Zen Chamber
- Play Yard
- Private Court
- Yoga Yard
- Meditation Area
ส่วนกลางหลักอีกส่วนหนึ่งจะอยู่บนชั้น 32-33 ของอาคารพักอาศัย เน้นไปที่พื้นที่ออกกำลังกายรับวิวแม่น้ำ ประกอบด้วย
- สระว่ายน้ำ แบบ Infinity Pool
- Sky Fitness
- Sunset Deck
- Sky Lounge
- Sky Garden
การจัดส่วนกลางไว้บนชั้นบนสุดของอาคารลักษณะนี้ จะได้เรื่องของทัศนียภาพ วิวแบบมุมสูงโดยรอบ มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและมีลมพัดผ่านตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เพราะอยู่สูงเกินระยะสายตาจากภายนอกแล้วนั้นเอง โดยพื้นที่ส่วนกลางทั้ง 2 อาคาร จะมีลิฟต์โดยสารขึ้นไปถึงเลย สามารถขึ้นไปใช้งานได้สะดวก มีบันไดหนีไฟเพื่อความปลอดภัยให้พร้อม
ข้ามขึ้นมาดูพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 5 ของอาคารจอดรถกันก่อนเลย หลังจากขึ้นลิฟต์จากชั้นจอดรถมาจะมีประตูบานใหญ่ให้เดินออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางภายนอก เข้าออกด้วยระบบ Keycard ครับ
เปิดออกมาจะมีทางเดินยาวให้เลือกไปได้ทั้งซ้ายและขวาเลย ด้านนอกนี้จะรับลมได้ค่อนข้างดี เพราะตัว Partition ตรงทางเดินจะเป็นแบบโปร่ง รับและแสงลมได้ตลอด
ด้านข้างมีที่นั่งที่เจาะพื้นที่ด้านบนเห็นเป็นท้องฟ้า มีต้นไม้ตรงกลาง พร้อมพื้นที่นั่งโดยรอบ สามารถมานั่งเล่นจับกลุ่มคุยกัน หรือมานั่งรับลืมดูดาวกันบริเวณนี้ก็ได้
จากนั้นจะมีพื้นที่ให้เดินเข้าตัวสวนตรงกลางของชั้นนี้ครับ
ตรงนี้จุดเด่นคือการเล่นระดับพื้น ทำให้สามารถได้มุมมองที่หลากหลาย และเป็นการแบ่งพื้นที่ไปในตัว ทั้งทางเดินที่มองลงไปเห็นสวนตรงกลาง และพื้นที่ตรงกลางเอง ที่ใช้บันไดรอบๆเป็นที่นั่งได้ด้วย
ตรงนี้จะมีพื้นที่นั่งเล่น รับลมชมสวนกันไป แต่จะเหมาะกับการใช้งานช่วงเย็นๆ นะครับ กลางวันแดดจะร้อนหน่อย ไม่มีหลังคา
ถ้าจะนั่งช่วงกลางวันอาจจะต้องนั่งบริเวณบันไดที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน amphitheatre (อัฒจันทร์) ไปในตัว เพราะจะได้ตัวอาคารช่วยบังแดดในช่วงกลางวัน
ส่วนตรงนี้จะมีทางเดินยาวไปด้านหลัง ก่อนเราจะไปด้านหลังกันมาดูส่วนห้องกระจกนี้กันก่อนเลย
พื้นที่ที่ถูกยกฝ้าเพดานให้สูงรับแสงจากสองฝั่งแบบนี้ ช่างเหมาะที่จะเป็น Co-Working Space ซะเหลือเกิน ภายในมีที่นั่งให้เลือกหลากหลายรูปแบบ มาพร้อมกับ Free Wifi และแอร์เย็นฉ่ำ ส่วนภายนอกก็รับวิวต้นไม้และท้องฟ้าด้วยกระจกแผ่นใหญ่สูงถึงฝ้า เหมาะจะเป็นที่มานั่งคิดงาน และอ่านหนังสือ
มีมุมโต๊ะประชุมสำหรับรองรับการใช้งานแบบกลุ่มด้วย
ส่วนด้านบนก็มีอีกมุมให้เลือกใช้งานเช่นกัน บริเวณนี้ก็จะได้มุมมองที่แตกต่างไปอีก
พร้อมมุมนั่งเล่น นั่งคุยที่ดูจะเป็นกันเอง สบายๆ ขึ้นมาหน่อยนะครับ
จากนั้นเราเดินมาดูด้านหลังกันเลย เขาใช้การตกแต่งที่ดูเรียบง่าย คุมโทนสีให้ดูสบายตา ใช้หญ้าเทียมในการตกแต่งพื้นด้านล่าง เพราะง่ายแก่การดูแลจัดการ และคงความสวยงามได้นาน แนวเสาแต่ละต้นก็มีไฟกิ่งประดับมาให้เป็นแนว ผมว่าตอนกลางคืนน่าจะมีบรรยากาศดีไม่น้อยเลยล่ะ
ด้านในของพื้นที่นี้จะมี Playground เล็กๆ ที่มีสไลเดอร์และบ่อทรายสำหรับเด็ก
ด้านข้างมี amphitheatre แบบกลางแจ้งมาให้นั่งใช้งานหรือทำกิจกรรมกลุ่มกันได้ด้วย
ส่วนด้านหลังที่จะวนกลับไปยังโถงลิฟต์ได้ก็มีทางเดินที่ถูกจัดเป็นสวนไว้ให้ด้วยเช่นกัน ทางนี้จะเป็นพื้นที่ของทางลาด สามารถใช้งานรถเข็นได้นะครับ
ส่วนด้านในสุดของอาคาร ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีพื้นที่ที่เรียกว่าเป็น Meditation Area หรือพื้นที่ที่มีความสงบ เหมาะสำหรับการนั่งสมาธิ เล่นโยคะ
ทีนี้เราข้ามมาดูพื้นที่ส่วนกลางของชั้น 32-33 ที่อาคารพักอาศัยกันบ้าง ผมขอเริ่มที่ชั้น 33 ก่อนนะครับ เพราะเป็นส่วนหลักของพื้นที่ส่วนกลาง เมื่อเดินออกจากโถงลิฟต์ (ในรูปซ้ายมือ) ออกมาก็จะพบกับพื้นที่ Semi-Outdoor ที่เป็นตัวแบ่งไปยังพื้นที่ต่างๆ บริเวณนี้จะมีลมพัดค่อนข้างตลอดเวลา เพราะอยู่สูงและมีลักษณะเป็นช่องลมพอดี
ส่วนแรกที่เราจะเจอเมื่อเดินออกมาจากโถงลิฟต์ของชั้น 33 คือส่วน Fitness หรือห้องออกกำลังกายนั่นเอง
เป็นพื้นที่ออกกำลังกายทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่รับวิวภายนอกได้ 2 ฝั่งเต็มๆ ส่วนอีกด้านตกแต่งด้วยกระจกเงา และมีฝ้าเพดานที่ยกสูงทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งมากขึ้น ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังกายทั้งแบบ Cardio และ Weight Training ครบพร้อมใช้งาน
ออกจากห้อง Fitness มา ด้านหลังจะมีพื้นที่ด้านบนให้เดินขึ้นไป เป็นส่วนของ Sky Lounge นั่นเอง
ด้านบนก็จะมีพื้นที่หน้าห้องเล็กน้อย สำหรับยืนรับลมและชมวิวได้เลย
ส่วนในห้องจะติดแอร์ และมีท่ีนั่งรับรอง ส่วนนี้จะมี Free Wifi สำหรับใครที่อยากขึ้นมานั่งทำงานอ่านหนังสือก็เชิญนะครับ
ลองเดินลงไปชมส่วนสระว่ายน้ำกันต่อ เพราะเรียกได้ว่าคงเป็นพระเอกของชั้นนี้เลยล่ะ ส่วนนี้จะมีพื้นที่นั่งชมวิวอยู่ด้านข้างด้วยนะครับ
Sunset Deck หรือพื้นที่นั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน จากมุมนี้เราจะเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งพระอาทิตย์ตกดินในทิศตะวันตกด้วยเช่นกัน
ด้านข้างจะมีพื้นที่ลดระดับเป็นบันไดลงไปยังสระว่ายน้ำที่ชั้น 32 ในช่วงระหว่างขั้นบันได้ก็มีพื้นที่นั่งเล่นให้ด้วย
วิวจากพื้นที่นั่งบริเวณนี้ ก็จัดว่าสบายตาดีเหมือนกันนะ แถมไม่ร้อน และยังได้รับลมแบบเต็มๆด้วยแหละ
เมื่อเดินลงมาจะเจอกับพื้นที่สระว่ายน้ำระบบเกลือ 25 x 6 เมตร เป็นสระขนาด Half-Olympic ซึ่งเป็นระยะที่สามารถว่ายออกกำลังกายได้ หรือใครสายแช่น้ำชมวิวก็มีพื้นที่รับรองให้เช่นกัน
ด้านข้างจะมีแนวทางเดินและพื้นที่สำหรับวางเตียงนอนรับวิวอาบแดดสบายๆกันไป
ส่วนสายแช่น้ำชมวิวก็มีพื้นที่ด้านในตรงนี้จัดไว้ให้ครับ มีทางเดินขึ้นลง พร้อมระบบน้ำพุและน้ำ Bubble Jet นวดหลังให้ด้วย ที่สำคัญสระนี้เป็นสระ Infinity Edge Pool หรือ สระไร้ขอบ ทำให้จะให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับแม่น้ำด้านล่างได้มากยิ่งขึ้น
มองย้อนกลับขึ้นไปจะเห็นตัวอาคารที่เราพึ่งเดินลงมากัน ซึ่งจะมีส่วนที่รับวิวแม่น้ำอีกด้วยนะ และด้านล่างก็มีพื้นที่ด้านในด้วย ไปดูกัน
จริงๆก็เป็นพื้นที่ริมสระนั่นแหละครับ แต่ส่วนนี้จะอยู่ในร่ม ไว้ใช้กรณีที่แดดร้อนหรือฝนตกก็เข้ามาหลบวางของได้ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ระหว่างสระว่ายน้ำกับห้องน้ำด้วย
เราเดินเข้ามาภายในจะมีโถงลิฟต์ของชั้น 32 และพื้นที่โล่งกว้าง ส่วนด้านหลังจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิงสำหรับสระว่ายน้ำครับ
ในโถงลิฟต์ของชั้น 32 ก็จะมีทางออกไปสวนด้านหลังได้ด้วยนะ สำหรับใครที่อยากได้ทั้งวิวและพื้นที่สีเขียว
เป็น Sky Garden พื้นที่สวนที่ชั้น 32 ภายในจะถูกจัดเป็นมุมที่นั่งต่างๆ
ทีนี้เรามาดูส่วนพักอาศัยกันบ้าง… โถงทางเดินของชั้น 2, 3, 4 จะมีห้องพักอาศัยเพียงฝั่งเดียว ส่วนอีกฝั่งจะเว้นว่างด้านข้างไว้ ไม่มีห้องพักอาศัยทางฝั่งติดกับอาคารจอดรถ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน
สุดแนวทางเดินจะมีช่องแสงที่สามารถเปิดรับลมระบายอากาศได้
โถงทางเดินของชั้น 2 จะมีช่องแสงให้ด้วยครับ แถมจำนวนเพื่อนบ้านในชั้นก็น้อย แลกกับการที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งอาจจะไม่ได้วิวที่ดีนักและมีเสียงรบกวนได้ง่าย
ส่วนชั้น 3-4 จะเป็นแนวทางเดินแบบ Single Corridor Loaded เช่นกัน แต่จะปิดทึบนะครับ จะเห็นว่าแสงสว่างที่แนวทางเดินจะค่อนข้างเยอะเลย ดูสว่างและปลอดภัย ส่วนชั้นที่สูงกว่า 4 ขึ้นไปจะเป็นโถงทางเดินแบบ Double Corridor Loaded นะครับ
โครงการมีการจัดพื้นที่ภายในโครงการทั้งส่วนของห้องพักอาศัย เริ่มจากชั้น 2 ขึ้นไป ในชั้น 2-4 จัดแบบ Typical plan สำหรับชั้นที่อยู่ด้านล่าง อาจจะไม่ได้วิวแม่น้ำแต่จะได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor Loaded และจำนวนยูนิตต่อชั้นทั้งหมดเพียง 12 ยูนิต / ชั้น เป็นจำนวนที่ไม่มาก เน้นความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย แบ่งออกเป็น
- ห้องแบบ Studio จำนวน 4 ห้อง
- ห้องแบบ 1 Bedroom จำนวน 6 ห้อง
- ห้องแบบ 1 Bedroom Riverfront จำนวน 1 ห้อง
- ห้องแบบ 2 Bedroom Riverfront จำนวน 1 ห้อง
ขยับขึ้นมาที่ชั้น 5-26 โถงทางเดินจะเป็นแบบ Double Corridor Loaded จัดวางห้องพักแบบให้หันออกได้รับวิวโดยรอบจากทางทิศเหนือ ใต้ และตะวันตก ตามแนวตึกรูปตัวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และวางส่วน Service และงานระบบไว้ตรงปลายของตัวอาคาร ทำให้ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่จะได้รับวิวแม่น้ำจากด้านข้าง มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว บันไดหนีไฟในอาคาร 2 ตำแหน่ง ทำให้มีห้องพักอาศัยเพิ่มเป็น 22 ยูนิต/ชั้น ประกอบไปด้วย
- ห้องแบบ Studio จำนวน 11 ห้อง
- ห้องแบบ 1 Bedroom จำนวน 6 ห้อง
- ห้องแบบ 1 Bedroom Riverfront จำนวน 1 ห้อง
- ห้องแบบ 1 Bedroom Exclusive จำนวน 3 ห้อง
- ห้องแบบ 2 Bedroom Riverfront จำนวน 1 ห้อง
ผังชั้น 27-31 จะเน้นจัดห้องพักขนาดใหญ่มากขึ้น ลดจำนวนห้อง Studio และเปลี่ยนเป็นห้อง 1 Bedroom แทน ทำให้ห้องพักอาศัยลดลงเหลือ 19 ยูนิต/ชั้น ประกอบไปด้วย
- ห้องแบบ Studio จำนวน 5 ห้อง
- ห้องแบบ 1 Bedroom จำนวน 9 ห้อง
- ห้องแบบ 1 Bedroom Riverfront จำนวน 1 ห้อง
- ห้องแบบ 1 Bedroom Exclusive จำนวน 3 ห้อง
- ห้องแบบ 2 Bedroom Riverfront จำนวน 1 ห้อง
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby & Outdoor Lobby
- Mail Box
- Infinity Pool
- Sky Fitness
- Sunset Deck
- Sky Lounge
- Sky Garden
- Walking Track
- Zen Chamber
- Play Yard
- Private Court
- Yoga Yard
- Co-Working Space
- Meditation Area
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 202 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 280 คันคิดเป็น 46% รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องพักอาศัยของโครงการนี้จะมีหลายแบบให้เลือกเลย ตั้งแต่ Studio ไปจนถึง 2 Bedroom แบบละหลายขนาด แต่ทุกแบบจะขายในรูปแบบ Fully Furnished ที่เป็นห้องมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์เหมือนในห้องตัวอย่าง เหมาะกับคนที่อยากย้ายเข้าอยู่เลย ไม่ต้องไปหาซื้อให้ยุ่งยาก
ห้องแรกเรามาดูกันที่ห้องพิเศษกันก่อนเลย เรียกว่าเป็น Rare Item ก็ว่าได้ เพราะมีเพียง 1 ห้อง / ชั้น เป็นห้อง 1 Bedroom Riverfront ขนาด 44.55 ตร.ม. จัดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนที่มาขนาดค่อนข้างกว้าง ภายในจะโล่ง ไม่อึดอัด และด้วยขนาดพื้นที่ก็สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ได้ เช่น โต๊ะรับประทานอาหารแบบรองรับหลายที่นั่ง หรือเตียง 6 ฟุตในห้องนอน แถมยังมีพื้นที่เหลือให้สามารถตกแต่ง Built-in ได้อีกเยอะเลย และข้อดีของตำแหน่งห้องนี้คือเป็นห้องตำแหน่งมุม ทำให้สามารถเปิดช่องเปิดได้มากกว่า 1 ฝั่ง และรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
แบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 5 ส่วน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ระเบียงซักล้าง ห้องนอน และห้องน้ำ เมื่อเปิดประตูมาจะเจอพื้นที่ส่วน Common Area ค่อนข้างโล่งกว้าง จัดได้หลากหลายรูปแบบ ห้องครัวจะรวมพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ภายในด้วย ส่วนริมช่องแสงจะมีพื้นที่นั่งเล่น ดูทีวี และเชื่อมต่อไปยังระเบียงเพื่อรับลมได้ ส่วนพื้นที่ห้องนอนจะอยู่อีกฝั่ง ซึ่งมีห้องน้ำอยู่ภายในด้วย จุดนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ในห้องนอน เพราะจะใช้ห้องน้ำได้สะดวก แต่ในเวลามีแขกมาที่ห้อง จะต้องใช้ห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน ซึ่งจะเสียความเป็นส่วนตัวไปตรงจุดนี้
ประตูห้องเป็น HDF สีขาว ที่มาพร้อมก้านโยกสเตนเลสและตัวล็อค
เปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะพบกับห้องที่มีระดับพื้นถึงฝ้าที่ 2.65 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟภายในห้องจะเป็นโคมซาลาเปา แต่จะได้เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU. มาด้วยนะ จำนวนก็แล้วแต่ขนาดห้องเลย
ส่วนแรกของห้องบริเวณนี้จะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งถ้าใครที่ชอบอยู่คนเดียวแบบไม่อึดอัดก็น่าจะชอบ แต่ถ้ามองว่าเสียพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์ เราก็อาจจะวางเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้ เช่นเพิ่มขนาดโต๊ะรับประทานอาหารให้ใหญ่ขึ้นสำหรับรองรับครอบครัว เพิ่มชั้นวางของด้านข้าง หรือไม่ก็ Built-in ตกแต่งเป็นตู้เก็บของ หรือชั้นหนังสือได้
ส่วนด้านหน้าเลยจะมีตู้ที่ Built-in มาให้ค่อนข้างพร้อมเลย ทั้งส่วนของตู้เก็บของเท้า และชุดครัวต่างๆ ทั้งชั้นด้านบนและด้านล่าง บริเวณนี้จะตกแต่งมาให้ค่อนข้างเรียบ ทำให้สามารถตกแต่งได้ง่าย เข้ากับหลายสไตล์
ที่จับจะมีความเป็น Chinese เบาๆ ให้เข้ากับ Concept ของโครงการ
ส่วนเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินสังเคราะห์ มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับประกอบอาหาร สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้ง่าย แต่จะไม่มี Hob & Hood มาให้นะ จะมีในห้อง 2 Bedroom แต่จะให้อ่างล้างจานมานะ เป็นอ่างสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยว จาก MEX พร้อมพื้นที่พักจานด้านข้าง ส่วนผนัง Backsplash ด้านหลังห้องจริงจะได้เป็นคอนกรีตฉาบเรียบนะครับ จะติดกระจกเพิ่มแบบในห้องตัวอย่างก็ดี เพราะเป็นผิวมันทำความสะอาดได้ง่าย
ตู้ส่วนนี้จะติดไฟซ่อนมาให้ด้วย สำหรับใช้งานเคาน์เตอร์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ฝั่งตรงข้ามจะมีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารมาให้ ซึ่งทางโครงการก็ให้มาทั้งชุดแบบในห้องตัวอย่างนะ บริเวณนี้จะมีระยะสำหรับเดินผ่านไปมาในขณะที่มีคนทำครัว หรือนั่งรับประทาอาหารพร้อมกับมีคนทำครัวได้อย่างสะดวก ส่วนถัดไปจะเป็นประตูเข้าสู่ห้องนอนครับ และสุดห้องจะเป็นส่วนพื้นที่รับแขกครับ
ชุดโต๊ะรับประทานอาหารจะได้หน้าตาลักษณะนี้เลยครับ เป็นโต๊ะกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 70 ซม. พร้อมเก้าอี้แบบมีพนักพิง 4 ตัว นั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันได้ แต่ด้วยขนาดพื้นที่เราสามารถเปลี่ยนเป็นโต๊ะใหญ่ขึ้นก็ได้นะครับ สำหรับมีเด็กๆมานั่งทำการบ้าน งานกลุ่มกัน หรือรองรับครอบครัวให้ทานข้าวได้พื้นที่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
พื้นที่ห้องนั่งเล่นมีขนาดกำลังดีและจะได้เฟอร์นิเจอร์แบบนี้เลย จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร เป็นระยะที่เหมาะกับการวางทีวีขนาดประมาณ 45-50 นิ้ว โทนสีและสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์จะเน้นสีพื้นเพื่อง่ายแก่การตกแต่ง และเป็นชุดที่เข้ากันกับส่วนของ Built-in ที่ห้องครัว
โซฟา 2 ที่นั่งสีครีม ขนาดกำลังเหมาะสำหรับ 1-2 คน
โต๊ะกลางก็ให้มาด้วย สำหรับวางของได้เล็กน้อย หากนำขนมมาทานขณะดูทีวีก็มีที่วางได้สะดวกทีเดียว
ชั้นวางทีวีมีลิ้นชักให้ 3 ชั้น พื้นที่ด้านล่างยังสามารถวางของหรือเก็บของได้ แถมยังง่ายแก่การทำความสะอาดด้วย
พื้นที่ภายในห้องจะเป็นไฟแบบโคมซาลาเปาทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่ในระดับราคานี้จะให้เป็นไฟ Downlight กันเกือบหมดแล้วนะ
มาดูส่วนช่องแสงของห้องนี้กันบ้างนะครับ จะได้ประตูกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Anodized กระจกใสครับ การทำสีแบบ Anodized หรือสีชุบ ผิวของวัตถุจะมีความเนียนเรียบ ลื่น ไม่ซีดจางแม้อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอด ทนทานและเหมาะกับการใช้งานภายนอก
พื้นที่ระเบียงจะมีขนาดประมาณ 2.8 x 1 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคแผ่นเล็ก มีแนวรั้วเป็นระแนงเพื่อให้ลมสามารถพัดผ่านได้สะดวก
ด้านในจะมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า และแขวน Condensing Unit ด้านบน ส่วนนี้เครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ แต่เครื่องปรับอากาศให้มาด้วยนะครับ
มาต่อกันที่ห้องนอน ภายในมีขนาดค่อนข้างกว้าง ยังคงเน้นการเป็นห้อง 1 Bedroom ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยที่กว้าง
พื้นที่รอบเตียงจัดว่ากว้างและสะดวกสบาย โต๊ะข้างเตียง 2 ตัวที่ประกบอยู่นั้นก็ให้มาด้วยนะครับ ส่วนนี้จะวางเตียง 6 ฟุตก็มีพื้นที่ให้ใช้แบบสบายๆ
พื้นที่ปลายเตียงสามารถแขวนทีวีได้ ทางโครงการก็เตรียมสวิตช์ไฟไว้ให้พร้อม
พื้นที่ปลายเตียงเหลืออยู่ประมาณ 60 เซนติเมตร สำหรับติดทีวีแล้วยังเดินได้สบายๆครับ
ไฮไลท์ของห้องนี้คือแนวกระจกครับ เพราะเป็นกระจกเข้ามุมที่ยาวต่อกัน ทั้งบาน Fixed และ บานกระทุ้ง
ส่วนนี้จะมีกระจกเข้ามุมมาด้านข้างขนาดประมาณ 1 เมตร ส่วนอีกฝั่งจะมีบานกระทุ้ง 2 บาน บนและล่าง ขนาดประมาณ 1 x 1 เมตร และ 1 x 0.4 เมตร ให้เราสามารถเลือกเปิดได้
มองย้อนกลับเข้ามาในห้องนอน จะเห็นว่ายังมีพื้นที่ภายในให้ใช้งานได้อีกเยอะเลยล่ะครับ
พื้นที่ทางฝั่งนี้จะได้แบบนี้หมดเลยนะครับ ทั้งส่วนของตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมเก้าอี้ ที่สำคัญคือมีพื้นที่ในการใช้งานค่อนข้างเยอะเลย พื้นที่ข้างตู้สามารถ Built-in เพิ่มเป็นตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางของ หรือวางโซฟาตัวเล็กแบบข้างนอกได้เลยนะ
พื้นที่บริเวณนี้สามารถหมุนตัวแต่งตัวได้อย่างเต็มที่ ปูเสื่อออกกำลังกายเล่นโยคะ ก็สามารถทำได้ครับ
ตู้เสื้อผ้าที่ได้มาจะเป็นบานเปิดกระจกสีดำ ภายในเก็บของได้ค่อนข้างหลากหลายเลย ทั้งยังมีชั้นวางของด้านบนสุดที่เอาไว้เก็บของได้เยอะเลย
ส่วนอีกฝั่งขอตู้เสื้อผ้าก็มีโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมเก้าอี้มาให้ ตรงนี้สามารถใช้เป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย พื้นที่ผนังด้านบนก็สามารถทำชั้นวางของหรือชั้นวางหนังสือได้นะครับ
ที่ชอบคือลักษณะของเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มาทั้งหมดของห้องนี้เป็นรูปแบบเดียวกัน ซึ่งจะช่วยทำให้ห้องตกแต่งได้ง่าย เพราะมีรูปแบบที่ชัดเจนอยู่แล้ว
มาถึงส่วนสุดท้ายของห้องนี้กัน คือห้องน้ำนั่นเอง แต่ไม่ใช่ห้องน้ำธรรมดานะครับ เพราะภายในมีขนาดค่อนข้างกว้างเลย ที่สำคัญคือมีช่องเปิดให้รับแสงธรรมชาติและระบายอากาศได้ด้วย พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคแผ่นเล็ก ส่วนผนังเป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่ ใช้สีที่คุมโทนใกล้เคียงกัน
พื้นที่ภายในจัดว่ากว้างเลยทีเดียว เป็นห้องที่มีประตูห้องน้ำเข้าบริเวณตรงกลางห้อง เลยเหมือนเป็นตัวแบ่งส่วนแห้งส่วนเปียกภายในห้องน้ำไปในตัว
อ่างล้างมือแบบแขวนพร้อมเคาน์เตอร์ด้านล่างจาก Lavenz ขนาดประมาณ 46 x 60 cm. และอุปกรณ์ก็อก ของ Prema เหนืออ่างมีพื้นที่ให้วางของใช้ได้ ใต้อ่างเป็นชุดตู้บานเปิด หน้าบานกรุเมลามีนลายไม้สำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ต่างๆได้ สำหรับสาวๆที่อยากจะมีพื้นที่วางอุปกรณ์ต่างๆเพิ่ม แนะนำให้แขวนด้านข้างได้เลยครับ มีพื้นที่ที่สามารถทำได้
ชุดโถสุขภัณฑ์ เป็นของ Cotto หรือเทียบเท่า ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีให้ ได้แก่ สายชำระ และที่แขวนกระดาษชำระ ของ Prema
ที่สำคัญคือมีช่องเปิดภายในห้องน้ำนี้ด้วย กระจกเป็นสีขาวขุ่นเพื่อความเป็นส่วนตัว กรอบบานเป็น Anodized เช่นเดิม ข้อดีคือจะช่วยให้แสงสว่างภายในห้องน้ำในช่วงเวลากลางวัน ที่สำคัญคือช่วยระบายความชื้นจากห้องน้ำด้วยครับ
ช่องเปิดขนาดประมาณ 1 x 0.6 เมตร ที่เป็นบานกระทุ้ง ส่วนด้านล่างขนาดประมาณ 0.45 x 0.6 เมตร เป็นบาน Fixed ครับ
ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมานะด้วยนะครับ แต่สามารถติดตั้งเองได้นะครับ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.2 x 0.8 เมตร ถือเป็นขนาดที่ค่อนข้างกว้างเลยนะ
อุปกรณ์ชุดอาบน้ำครบชุด ของ American Standard หรือเทียบเท่า อันนี้โครงการมีให้นะครับ แต่จะไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ ต้องติดตั้งเองภายหลัง ฝักบัวอาบน้ำ พร้อมชุดอุปกรณ์อาบน้ำ มีที่วางสบู่ ติดตั้งให้พร้อมใช้งาน
ในห้องน้ำจะมีไฟที่เป็นพัดลมดูดอากาศไปในตัวให้มา 1 ดวงครับ
มาดูกันที่ห้องถัดมาครับ เป็นห้องรูปแบบ Studio ขนาด 23.25 เมตร ซึ่งเป็นแบบที่ขนาดใหญ่ที่สุด ห้อง Studio แต่ละแบบไม่ต่างกันมากหรอกครับ จะต่างเพียงแค่ตำแหน่งของเสาโครงการอาคาร ซึ่งจะมีผลกับเฟอร์นิเจอร์ Built-in ภายในที่ให้มาครับ
พื้นที่ห้อง Studio จะประกอบไปด้วย ส่วนครัวด้านหน้า ด้านหน้าจะมีห้องน้ำ ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่พักผ่อน ที่ประกอบไปด้วยเตียงที่มาพร้อมทีวี ส่วนฝั่งริมหน้าต่างจะมีโซฟาและโต๊ะทำงาน และข้างๆจะเป็นระเบียงซักล้างครับ
พื้นที่ภายในจะยังสูง 2.65 เมตร เท่าเดิม พื้นเป็นลามิเนต หนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟโคมซาลาเปา วัสดุภายในต่างๆจะเหมือนเดิมกับห้องที่ผ่านมาครับ
ด้วยขนาดพื้นที่ของห้องนี้ที่ไม่ได้เยอะนัก จึงทำให้ต้องใช้ให้คุ้ม ดังนั้นเมื่อเปิดประตูมาจะเจอกับส่วนของครัวและตู้เสื้อผ้าเลย แต่ไม่มีพื้นที่สำหรับวางรองเท้า ทำให้อาจจะต้องนำเข้ามาวางภายใน สิ่งสกปรกที่ติดมาอาจจะเข้ามาเลอะภายในห้องได้ง่าย
มาดูส่วนครัวกันก่อน ส่วนนี้จะ Built-in มาให้เหมือนกันกับห้องที่ผ่านมาเลยครับ ทั้งวัสดุและสี แต่ขนาดจะปรับตามรูปแบบห้องครับ
ส่วนของเคาน์เตอร์นี่ก็จะเป็นหินสังเคราะห์ มาพร้อมอ่างล้างจานสเตนเลสแบบ 1 หลุม จาก MEX และผนัง Backsplash เป็นผนังฉาบเรียบทาสีเช่นเดิม
ด้านบนเป็นช่องเก็บของ ส่วนด้านล่างจะมีพื้นที่เก็บเครื่องซักผ้าแบบหน้าบานเปิด และลิ้นชักแยกเก็บของตามประเภท
ตู้เสื้อผ้าของห้องนี้ก็จะมีลักษณะเหมือนห้องที่ผ่านมาเลยครับ เป็นกระจกบานเปิดสีดำ ส่วนด้านในเป็นสีขาว มีชั้นวางของด้านบน
มีที่จับสเตนเลสสีดำให้ด้วย ถนัดมือดี
ส่วนต่อมาภายในห้องจะมีห้องน้ำอยู่ด้านข้างครับ ตำแหน่งนี้จะช่วยให้เข้าใช้งานได้ง่าย จากการเข้าห้อง เช่นเมื่อกลับมาห้องสามารถเข้าไปล้างมือล้างเท้าได้ก่อนจะเดินเข้าไปยังส่วนพักผ่อนของตัวห้อง
ภายในจะขนาดเล็กลงกว่าห้องก่อนหน้านี้เล็กน้อย แต่ก็จัดมาให้สำหรับใช้งานคนเดียวได้สบายๆ ด้วยรูปแบบกระเบื้อง วัสดุและสุขภัณฑ์ที่เหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดครับ แต่ส่วนของฉากกั้นอาบน้ำไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ
พื้นที่ภายในแบ่งสัดส่วนให้ค่อนข้างชัดเจน ถ้าติดฉากกั้นอาบน้ำจะช่วยแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกได้ดียิ่งขึ้น
อ่างล้างมือมาพร้อมกระจกเงาสี่เหลี่ยมผืนผ้าเช่นเดิม ด้านล่างมีเคาน์เตอร์ไม้เมลามีนสำหรับเก็บของได้
อ่างล้างหน้าเซรามิคจาก Lavenz และโถสุขภัณฑ์จาก Cotto มาพร้อมอุปกรณ์ชำระล้างติดตั้งพร้อมใช้งาน
ส่วนอาบน้ำสามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเองได้ไม่ยากครับ แนะนำให้ใช้เป็นแบบ 3 ตอนเหมือนในห้องตัวอย่าง จะช่วยให้สามารถเปิดได้กว้างมากที่สุด
พื้นที่ภายในมีขนาดประมาณ 1 x 0.8 เมตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นระยะที่อาบคนเดียวได้สบายๆอยู่นะครับ
อุปกรณ์ชุดอาบน้ำครบชุด ของ American Standard หรือเทียบเท่า อันนี้โครงการมีให้นะครับ แต่จะไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ ต้องติดตั้งเองภายหลัง ฝักบัวอาบน้ำ พร้อมชุดอุปกรณ์อาบน้ำ มีที่วางสบู่ ติดตั้งให้พร้อมใช้งาน
มาดูส่วนพื้นที่พักผ่อนกันบ้าง สิ่งที่เราจะได้คือเตียงชุดนี้เลยครับมาพร้อมกับโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง จะเห็นว่าพื้นที่ด้านข้างก็ยังมีเหลือให้เดินได้อยู่เล็กน้อยประมาณฝั่งละ 40 เซนติเมตร
เตียงจะมีพื้นที่เก็บของด้านล่างด้วย จัดเป็นฟังก์ชันที่เหมาะสมกับห้องขนาดเล็กเช่นนี้ครับ
ที่ปลายเตียงก็มีชั้นวางทีวีมาให้ พร้อมลิ้นชัก 2 ฝั่ง และที่เก็บของด้านล่าง บริเวณนี้สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้เลยนะ หรือถ้าจะแขวนทีวีที่ผนัง ก็จะได้พื้นที่วางของที่ชั้นวางทีวีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ส่วนด้านในส่วนของห้องจะมีช่องแสงให้ 2 จุด ซึ่งก็ถือว่าจัดมาให้เพียงพอต่อขนาดของห้อง ทำให้ห้องสว่างในเวลากลางวัน
มาดูฝั่งโซฟากันก่อน ช่วงนี้จะมีพื้นที่ให้พักผ่อน นั่งเล่น อ่านหนังสือหรือทำงานได้ ซึ่งจะจัดเฟอร์นิเจอร์ทั้ง 3 ชิ้นในรูปมาให้เลย
กระจกส่วนนี้เป็นกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Anodized และกระจกใส เป็นบาน Fixed บานใหญ่ ด้านข้างและด้านล่าง มีบานกระทุ้งขนาดประมาณ 1 x 0.65 เมตร
ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่กระจกเชื่อมต่อไปยังระเบียง เป็นกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Anodized และกระจกใสเช่นกัน
พื้นที่ระเบียงภายนอกมีขนาดประมาณ 1.3 x 1.1 เมตร ตรงนี้เราไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าแล้ว เพราะวางอยู่ใต้เคาน์เตอร์ครัว จึงจัดเป็นขนาดที่ออกมายืนสูดอากาศรับลมได้สบายๆเลย
ผังห้อง Studio ขนาด 22.10 เมตร จะคล้ายกับห้อง Studio ที่เราพาไปชมกัน แต่แตกต่างกันที่ตำแหน่งเสาโครงสร้าง จึงทำให้การวางเฟอร์นิเจอรภายในแตกต่างกันเล็กน้อย ห้องนี้ตู้เสื้อผ้าจะย้ายมาอยู่ปลายเตียงแทน ทำให้เหลือพื้นที่บริเวณผนังหน้าห้องน้ำให้วางตู้รองเท้าได้
ผังห้อง Studio ขนาด 22.45 เมตร ห้องนี้ก็เช่นกัน ขนาดจะเพิ่มขึ้นมาหน่อยและย้ายตำแหน่งเสาโครงสร้างเล็กน้อย
ผังห้อง Studio ขนาด 23.20 เมตร ส่วนห้องนี้ก็เช่นกันครับ จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย เพราะไม่มีเสาโครงสร้างขนาดใหญ่อยู่ภายในห้อง ทำให้จะได้พื้นที่ปลายเตียงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ผังห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.60 เมตร เป็นห้อง 1 Bedroom ที่ขนาดเล็ก จะสังเกตได้ว่าไม่ได้มีพื้นที่เหลือโล่งมากเหมือนกับห้อง 1 Bedroom Riverfront ที่พาไปชมกัน แต่จะถูกจัดวางเฟอร์นิเจอร์มาค่อนข้างแน่นและพอดีตามมุมต่างๆ แต่จะมีการแบ่งกั้นสัดส่วนให้มากกว่าห้อง Studio สำหรับถ้าใครที่ชอบการใช้พื้นที่ที่คุ้มค่าและราคาที่ลดลง ห้องนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ผังห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.95 เมตร ห้องนี้จะคล้ายกับห้อง 1 Bedroom 28.60 ตร.ม. แต่จะมีโครงสร้างเสาภายในห้องลดลง ทำให้พื้นที่จะใช้สอยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ผังห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.60 เมตร ห้องนี้ก็เช่นกันครับ จะมีแนวเสาโครงสร้างแล้วแต่ตำแหน่งห้อง
ผังห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.55 เมตร ห้องนี้ก็เช่นกันครับ จะมีแนวเสาโครงสร้างแล้วแต่ตำแหน่งห้อง
ผังห้อง 1 Bedroom Riverfront ขนาด 44.90 เมตร ห้องนี้ถือเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีพื้นที่ภายในกว้าง และโล่ง สำหรับคนที่ชอบการอยู่ในพื้นที่ที่ไม่อึดอัด มีจุดเด่นที่อยู่ตำแหน่งมุมอาคาร รับวิวและแสงได้ 2 ฝั่ง ได้ระเบียงยาวขนาดใหญ่ออกไปใช้งานได้เต็มที่ และส่วนห้องน้ำก็สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของห้องนอนในกรณีที่มีแขกมาที่ห้อง
ผังห้อง 2 Bedroom ขนาด 56.55 เมตร เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ และเป็นห้อง 2 Bedroom แบบเดียวของโครงการ แยกความเป็นส่วนตัวของห้องนอนทั้ง 2 ห้องออกจากกันด้วยห้องนั่งเล่นที่กั้นตรงกลาง จุดเด่นของห้องนี้คือเป็นห้องมุมรับวิว 2 ฝั่ง และพื้นที่ภายในห้องจะได้แสงธรรมชาติ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 16 October 2019
- Studio A00609 ชั้นที่ 6 ห้อง 09 ขนาด 22.46 ตร.ม. ราคารวม 2.09 ล้านบาท หรือ 93,054 บาท / ตร.ม.
- 1 Bedroom A00803 ชั้นที่ 8 ห้อง 03 ขนาด 28.62 ตร.ม. ราคารวม 2.65 ล้านบาท หรือ 92,592 บาท / ตร.ม.
- 1 Bedroom A01101 ชั้นที่ 11 ห้อง 01 ขนาด 44.54 ตร.ม. ราคารวม 6.12 ล้านบาท หรือ 137,404 บาท / ตร.ม.
- 2 Bedroom A01002 ชั้นที่ 10 ห้อง 02 ขนาด 56.57 ตร.ม. ราคารวม 7.70 ล้านบาท หรือ 136,114 บาท / ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.65 เมตร
- Kitchen & Sink / ท๊อปหินสังเคราะห์
- อ่างล้างจานของยี่ห้อง MEX
- มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ MRT บางโพ และ โรงเรียนโดยรอบ (ยังไม่สรุปแผนการเดินรถอย่างชัดเจน)
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 0 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน จ่ายล่วงหน้า 2 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเล : ของโครงการ Chapter One Shine บางโพ ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์สาย 1 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 จัดเป็นย่านชุมชนบ้านพักอาศัยแนวราบ ที่มีตลาด โรงเรียน ชื่อดัง โรงพยาบาล ถนนประชาราษฎร์สาย 1 เป็นถนนเส้นขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ตัวโครงการก็ไม่ได้อยู่ติดแม่น้ำในระยะประชิด จะห่างออกมาสักหน่อย แต่ยังคงได้วิวแม่น้ำอยู่ การเดินทางถือเป็นทำเลอยู่อาศัยที่เดินทางได้สะดวก เชื่อมต่อไปทางจตุจักร งามวงศ์วาน และติวานนท์ หรือข้ามสะพานพระราม 7 ไปจรัญสนิทวงศ์ได้ มีทางด่วนตัดใหม่ที่ข้ามไปลงเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชตรงจตุจักร ก็ยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ ถือว่ามีให้เลือกพอสมควร มีตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร Hypermarket อย่าง Gateway บางซื่อ ในระยะ 1 กิโลเมตร, BigC วงศ์สว่าง, Lotus บางซื่อ ให้ไปจับจ่ายซื้อของกันได้ ที่อยู่ใกล้โครงการในระยะเดิน คือ ตลาดศรีเขมา ถ้าอยากไปห้างใหญ่หน่อย ที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเป็น The Mall งามวงศ์วาน หรือไม่ก็ข้ามไป Central ลาดพร้าว ในส่วนของสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีครบ ทั้งโรงเรียนตั้งแต่ระดับประถมไปจนถึงมหาวิทยาลัย ไม่ไกลจากสถานที่ราชการและมีโรงพยาบาลบางโพ
การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าเดินทางสะดวก โครงการติดถนนใหญ่ ไม่ต้องเข้าซอยซับซ้อน ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 สามารถไปเชื่อมต่อถนนสายหลักอื่นๆได้หลายสาย ทั้งเข้า-ออกนอกเมือง โครงการอยู่ไม่ไกลจากทางด่วน ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่ทำให้เข้า-ออกเมืองสะดวก ห่างจากโครงการไปประมาณ 600 m. และทางด่วนเส้นนี้จะไปบรรจบกับทางด่วนศรีรัช ตรงบริเวณจตุจัตร-หมอชิต ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง เลี่ยงการจราจรที่ติดขัดได้มาก ส่วนจำนวนที่จอดรถของโครงการนี้ให้มาทั้งหมด 46% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาไม่มากเท่าไหร่สำหรับทำเลที่ไม่ได้สามารถเดินไปรถไฟฟ้าได้ง่ายนัก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ป้ายรถเมล์อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 300 m. โครงการติดถนนหลักทำให้เรียกรถสาธารณะ เช่น แท็กซี่ พี่วิน ได้ง่าย โดยรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางโพ ที่ห่างจากโครงการประมาณ 600 เมตร เป็นระยะที่ผมเองลองเดินแล้วก็เหนื่อยอยู่เหมือนกัน ถ้าต้องเดินไป-กลับทุกวันเห็นจะลำบากอยู่เหมือนกัน ซึ่งสถานีนี้จะเปิดให้ใช้บริการประมาณเดือนมีนาคม ปี 2563 และถ้าหากเปิดแล้วก็คงจะมีพี่วินให้ใช้บริการได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ทางโครงการเองก็มี Shuttle Van ให้บริการ ถึง 2 สาย สายแรกคือ MRT สถานีบางโพ (เมื่อเปิดใช้งาน) ส่วนอีกสายจะวิ่งตามเส้นทางโรงเรียนรอบๆโครงการ ซึ่งยังไม่กำหนดเส้นทางอย่างชัดเจน (ต้องรอประชุมลูกบ้านเพื่อสรุปว่าลุกบ้านส่วนใหญ่อยู่ที่โรงเรียนไหนบ้างอีกที) ข้อมูลในส่วนนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้นะครับ
วัสดุ : แต่งครบแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์ built in ที่มีรูปแบบเดียวกันทั้งหมดและออกแบบตามแนวคิดของโครงการติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน รวมถึงเครื่องปรับอากาศด้วย ข้อดีคือพร้อมอยู่ แค่ซื้อของใช้และเครื่องไฟฟ้าเพิ่มอีกหน่อยก็อยู่ได้เลย และถ้าอยากทำครัวจริงจังในห้อง Studio และ 1 Bedroom อาจจะต้องซื้อ Hob & Hood เพิ่มมาติดเองภายหลังได้ จัดครัวเป็นครัวเปิด ซึ่งถ้าอยากทำอาหารจริงจังเราอาจจะต้องกั้นพื้นที่เป็นบานเลื่อน หรือฉากกั้นเพิ่มเอง พื้นห้องทั้งหมดรวมทั้งส่วนครัวปูด้วยพื้นลามิเนต ห้องน้ำให้ชุดสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ พร้อมอุปกรณ์ชุดอาบน้ำครบที่ต้องใช้งาน แต่ไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำ (สามารถติดตั้งเองได้) แต่ได้เป็นไฟโคมซาลาเปา ซึ่งปัจจุบันโครงการราคาระดับนี้มักจะใช้เป็นไฟ Downlight กันหมดแล้ว
การออกแบบ : Chapter One Shine บางโพ เป็นคอนโด High Rise วิวแม่น้ำ ที่มีแนวคิดในการออกแบบ สไตล์ Modern Chinese เน้นความเรียบง่ายและดึงเอาจุดเด่นทางกายภาพของพื้นที่เดิมที่เป็นชุมชนชาวจีน นิยมค้าไม้ในย่านบางโพ มาผสมผสานในการออกแบบ ซึ่งไม่ได้ดึงอัตลักษณ์ของความเป็นจีนออกมาเยอะแบบหวือหวาอะไรมากนัก แต่มักจะเห็นได้ตาม Details เล็กๆต่างๆ ซึ่งถ้าใครชอบสไตล์ Modern เรียบๆ สบายตา ที่แอบซ่อนกลิ่นไอของความเป็นจีนอยู่จางๆก็น่าจะชอบนะครับ
ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนกลางแยกใช้งานออกเป็นสัดส่วนไม่รบกวนพื้นที่พักอาศัย มีการจัด พื้นที่ Landscape หลายจุด ทำออกมาได้ดูดีนะ พื้นที่ส่วนกลางมีช่องลมและแสงได้ค่อนข้างเยอะ มีห้องทั้งหมด 607 ยูนิต จึงจัดเป็นคอนโดขนาดกลาง มีจำนวนห้องสูงสุดอยู่ที่ 22 ยูนิตให้เฟอร์นิเจอร์แต่งครบออกแบบลงตัวกับพื้นที่ใช้สอยแบบพร้อมอยู่อาศัย ขนาดห้องเริ่มตั้งแต่ 22.5-56.8 ตร.ม. จัดพื้นที่ในส่วนต่างๆ ได้พอดีใช้งานค่อนข้างลงตัว ใช้งานง่าย เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง ให้ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร ห้องไม่ดูอึดอัด ระเบียงมีขนาดค่อนข้างกว้างและใช้งานได้จริงไม่เล็กจนเกินไป
สาธารณูปโภค : มีให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลาย โดยจะแบ่งพื้นที่ส่วนกลางออกให้ใช้งานเป็น 2 ส่วน คือ ที่บริเวณชั้นบนสุดของอาคารจอดรถ 5 ชั้น เน้นจัดเป็นพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่สีเขียวต่างๆ ให้เลือกใช้งานตามความชอบได้ ประกอบด้วย Co-Working Space, Zen Chamber, Play Yard, Private Court, Yoga Yard และ Meditation Area ส่วนกลางหลักอีกส่วนหนึ่งจะอยู่บนชั้น 32-33 ของอาคารพักอาศัย ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ แบบ Infinity Pool, Sky Fitness, Sunset Deck, Sky Lounge และ Sky Garden การจัดส่วนกลางไว้บนชั้นบนสุดของอาคารลักษณะนี้ ได้เรื่องของทัศนียภาพ วิวแบบมุมสูงโดยรอบ มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและมีลมพัดผ่านตลอดเวลา ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว บันไดหนีไฟในอาคาร 2 ตำแหน่ง สามารถเชื่อมต่อลงไปยังชั้นที่ 1 ของตัวอาคารได้ แต่อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 202 : 1 ความหนาแน่นเกินมาตรฐานไป แต่มีลิฟต์ sevice ให้ 1 ตัวแยกส่วนไว้ให้ใช้งานขนของต่างๆได้สะดวกไม่รบกวนลิฟต์โดยสารลูกบ้าน มีบริการรถรับส่ง Shuttle Van ที่อธิบายไปในส่วนของการเดินทางโดยไม่ใช้รถ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 112,563 บาท/ตร.ม., 16 October 2019
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ประชาราษฏร์สาย 1 ย่านชุมชนอยู่อาศัย ความอุดมสมบูรณ์ระยะเดิน แต่ไม่ได้ชิดแม่น้ำ
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วนใหม่ ไปเชื่อมต่อถนนหลายสาย
- ไม่ใช้รถ (ปัจจุบัน) 7/10 – ติดถนนเรียกรถสาธารณะง่าย แต่ไม่มีวินมอเตอร์ไซค์ในระยะใกล้
- ไม่ใช้รถ (ในอนาคต) 7.75/10 – ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีบางโพ 600 ม. มี Shuttle Van 2 สาย
- วัสดุ 7.25/10 – Fully Furnished ให้ครบหลายชิ้น แต่ได้ไฟโคมซาลาเปา ไม่มี Hob & Hood กระจกใส และไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้
- แบบ 7.5/10 – มีแบบห้องให้เลือกหลากหลายขนาด มีสไตล์การออกแบบชัดเจน จัดพื้นที่ Landscape ได้ดี
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ น่าใช้งาน เน้นพื้นที่พักผ่อนสีเขียว
- คะแนนเมื่อ MRT บางโพยังไม่เปิดใช้งาน 7.48 / 10.00
- คะแนนเมื่อ MRT บางโพเปิดใช้งาน 7.6 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Chapter One Shine บางโพ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดวิวแม่น้ำ ติดถนนสายหลัก ใกล้โรงเรียนชั้นนำ สามารถซื้อเพื่ออยู่เองหรือลงทุนได้ มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่แต่งครบ บนทำเลย่านบางโพไม่ไกลตัวเมือง หาของกินของใช้ง่ายและเดินทางสะดวก มีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายให้ใช้ในอนาคต มีห้องให้เลือกหลายขนาด พร้อม Facilities ที่หลากหลาย ด้วยงบประมาณเริ่มต้นที่ล้านปลายๆ หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 40,000 บาท/เดือน ยังไงก็ลองพิจารณากันดูนะครับ
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving