Walk-in รีวิว… เพิ่งผ่านรอบพรีเซลไปไม่นาน สำหรับโครงการ The Issara Sathorn จาก ชาญ อิสสระ ซึ่งเป็นคอนโด High Rise บนถนนจันทน์ ที่ขับรถเข้าเมืองไปทางสีลม-สาทรได้ง่าย แถมมีที่จอดรถ Auto Parking 100% โครงการโดดเด่นเรื่องพื้นที่ส่วนกลาง ที่ให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต และที่ชั้นสูงๆก็ยังได้วิวแม่น้ำ-บางกะเจ้าอีกด้วย รายละเอียดที่นำมาฝากกันวันนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามผมไปชมพร้อมๆกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

3 March 2020

  • ดิ อิสสระ สาทร ( The Issara Sathorn )
  • บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
  • HIGH – LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
  • ที่ตั้งโครงการ : ถนน จันทน์ เขต สาทร
  • คอนโด Hige Rise 37 ชั้น 1 อาคาร 270 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 270 คันคิดเป็น 100% (Auto Parking)
  • ที่ดินประมาณ 1-2-60 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  ปี 2563
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2565
  • 1 Bedroom ขนาด 32.66 – 47.21 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 37.21 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms ขนาด 58.96 – 90.32 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms Plus ขนาด 88.14 – 88.17 ตร.ม.
  • 3 Bedrooms ขนาด 93.44 – 110.74 ตร.ม.
  • Penthouse ขนาด 134.88 – 188.76 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท (ราคาพิเศษตั้งแต่รอบ Presale)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 160,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 150,000 – 170,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-380-2222

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.709306, 100.540472
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการ The Issara Sathorn ตั้งอยู่บนถนนจันทน์ช่วงตอนปลาย ใกล้กับถนนนางลิ้นจี่ที่เป็นย่านชุมชน จึงมีความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับถนนเส้นใหญ่ๆ อย่าง ถนนนราธิวาส หรือถนนพระราม 3 ที่จะเป็นห้างหรือซูปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ กับคอมมูนิตี้มอลล์ที่ต้องใช้รถในการเดินทางเป็นหลัก แต่ถนนจันทร์และถนนนางลิ้นจี่ จะมีร้านค้าร้านอาหารที่อยู่ในระยะเดินได้ ทำให้เป็นย่านที่เหมาะกับการอยู่อาศัยครับ

สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างของถนนเส้นนี้คือ สามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่าย และตรงทางแยกของถนนจันทน์ เรายังเราสามารถเลือกที่จะเลี้ยวซ้ายหรือขวา เพื่อเข้า-ออกเมืองไปสีลม-สาทร ซึ่งเป็นแหล่ง CBD ที่สำคัญได้สะดวก (วงกลมสีแดง) โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลากลับรถเลยครับ แลกกับถนนเส้นนี้รถก็ค่อนข้างติดในเวลาเร่งด่วนอยู่เหมือนกัน

รวมถึงถนนนางลิ้นจี่ก็ยังสามารถลัดเลาะไปออกสาทร หรือพระราม 4 ผ่านถนนเย็นอากาศและถนนสวนพลูได้อีกด้วย (วงกลมสีเขียว) และบริเวณนี้เองก็ยังเป็นแหล่งสถานศึกษาชื่อดังอีกหลายแห่งทีเดียว ใครมีลูกเรียนแถวนี้ก็สามารถนั่งวินมอไซค์ไปเรียนได้เลยนะ และยังมีทางด่วนให้ใช้ได้อีก 2 จุด ส่งผลให้ทำเลนี้เหมาะกับการใช้รถยนต์ได้สะดวกมากๆครับ

อีกสิ่งหนึ่งคือ.. หลายๆคนอาจคาดหวังกับ “วิวแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้า” โดยทิศทางดังกล่าวจะมีโครงการเพื่อนบ้านสูง 28 ชั้นบังวิวบางส่วนเอาไว้ ซึ่งห้องชั้นล่างๆก็ยังพอจะมีช่องว่างให้ได้เห็นวิวอยู่บ้างครับ

แต่ถ้าเป็นชั้นสูงๆ อย่างส่วนกลางและห้องพักอาศัยชั้นที่ 30 ขึ้นไป ผมว่าน่าจะเห็นได้แน่นอนเต็มๆอย่างแน่นอน (ทางโครงการมีภาพวิวของจริงให้ดูที่หน้างานด้วยนะ สามารถขอชมกันได้เลยครับ)

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

ภาพวิวจากโครงการเพื่อนบ้าน Parco ชั้น 11 ในวันที่ผมได้มีโอกาสไปชมโครงการ

บริบทโดยรอบโครงการปัจจุบัน จะมีโครงการเพื่อนบ้านที่เป็นตึกสูงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดมากนัก ซึ่งผมมองว่าที่ดินทั้ง 2 ด้านที่ติดกับโครงการนั้น ไม่แน่..อนาคตก็อาจมีโครงการขึ้นมายังวิวได้เหมือนกัน

ดังนั้นห้องที่จะได้วิวจริงๆก็จะเป็นด้านหน้าและด้านหลังโครงการมากกว่า แน่นอนว่าถ้ายิ่งเป็นชั้นสูงๆ ก็จะยิ่งเหมาะกับคนชอบวิวครับ ส่วนตัวผมจะชอบทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้านหลัง เพราะได้วิวที่เปิดโล่ง และเห็น City View ไกลๆฝั่งสาทรสวยงาม สามารถสรุปได้ดังนี้

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ติดกับบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ 2 – 3 หลัง และได้วิว Market Place บนถนนนางลิ้นจี่ มองไปทางเย็นอากาศ และพระราม 4

ทิศตะวันตกเฉียงใต้ : ติดกับร้านครัวสาทร และ Apartment สูง 10 ชั้น (ที่ห่างออกไป 60 m.) กับอาคาร TPI Tower (ที่ห่างออกไป 220 m.) และยังพอได้วิวฝั่งถนนนราธิวาสฯ-พระราม 3

ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : เป็นด้านหน้าโครงการ ติดกับถนนจันทน์ ฝั่งตรงข้ามเป็นปั๊มแก๊ส และอาคารแนวราบ มีคอนโด Parco สูง 28 ชั้นอยู่เยื้องๆกัน และมองเลยไปจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาและบางกะเจ้าที่ชั้นสูงๆ

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : ติดกับ Niti Court คอนโดสูง 6 ชั้น และอาคารแนวราบ ได้วิวค่อนข้างเปิดโล่ง เห็นสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ส่วนระยะไกลจะได้ City View ฝั่งสาทร

เรามาเดินดูทำเลรอบๆโครงการกันครับ ด้านหน้าของที่ดินจะอยู่ติดกับถนนจันทน์ รวมถึงมีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ด้วย ซึ่งทางชาญอิสสระเค้าก็จะเก็บรักษาเอาไว้ ให้เป็นส่วนหนึ่งของสวนด้านหน้าโครงการอีกด้วยครับ

และปัจจุบัน Sale Gallery ก็สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย ใครสนใจก็สามารถเข้าไปชมห้องตัวอย่างของจริงกันได้ แต่ถ้าใครไม่ค่อยมีเวลาไปด้วยตัวเอง ก็ตามผมไปชมพร้อมๆกันได้เลยครับ

ซ้ายมือติดกับร้านอาหารครัวสาทร และมี Apartment สูง 10 ชั้น กับอาคารสำนักงานที่อยู่ถัดออกไป ทำให้ย่านนี้ค่อนข้างคึกคัก มีพนักงานเดินผ่านไป-มาอยู่เหมือนกันครับ ถ้าขับรถตรงไปจะไปเชื่อมต่อกับถนนนราธิวาสฯ-เจริญกรุง และเลี้ยวขวาไปทางสีลม-สาทรได้เลย

ส่วนทางขวาจะอยู่ติดกับบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ สูง 1 – 2 ชั้น จึงทำให้ยังได้พื้นที่เปิดโล่งอยู่ ซึ่งตรงไปอีกหน่อยก็จะเชื่อมต่อกับถนนนางลิ้นจี่แล้วครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามโครงการที่ผมยืนอยู่เมื่อกี้ จะเป็นปั๊มแก๊สที่มีลักษณะที่ดินหน้ากว้างแต่ตื้น ดังนั้นจึงอาจขึ้นได้แค่อาคารพานิชย์ที่ไม่สูงมากนัก (ถ้าไม่มีใครซื้อบ้านด้านหลังมารวมเป็นแปลงที่ดินขนาดใหญ่นะ) เยื้องๆกันทางซ้ายคือโครงการเพื่อนบ้าน Praco สูง 28 ชั้น

และจะเห็นได้ว่าบริเวณนี้จะมีทั้งรถแท็กซี่ และรถสองแถวมาจอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด แม้ว่าทัศนียภาพแบบนี้บางคนอาจไม่ชอบ เพราะดูไม่ค่อยสวยงามนัก แต่ถ้ามองในแง่การใช้งานก็สามารถเรียกรถสาธารณะได่ง่ายนะครับ

ต่อไปผมจะลองพาทุกคนเดินไปยังจุดที่อุดมสมบูรณ์ที่ใกล้ที่สุดของโครงการ ซึ่งก็คือ Market Place ที่อยู่ตรงแยกถนนนางลิ้นจี่ ห่างจากโครงการเพียง 200 m. เท่านั้นครับ

ซึ่งหน้าโครงการจะมีทางเท้าให้เดินค่อนข้างกว้าง และมีร่มไม้อยู่บ้าง เมื่อมาถึงแยกถนนนางลิ้นจี่แล้ว ถ้าเราไปทางขวาแล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 340 m. ก็จะเจอกับตลาดนางลิ้นจี่ แต่ถ้าเรามองมาทางซ้ายมือ ก็จะเห็น Market Place ตั้งอยู่บริเวณตรงแยกนี้เลยครับ

สำหรับ Market Place เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดกลาง ที่ด้านในมีร้านค้าร้านอาหารค่อนข้างคึกคักทีเดียวครับ ที่สำคัญคือมีทั้ง Tops Market ให้เรามาซื้ออาหารและของสดไปทำกับข้าวที่บ้านได้ มีร้านกาแฟสตาร์บัคให้นั่งจิบกาแฟหรือรับรองแขกได้ รวมถึงมีโฮมโปรอยู่ที่ชั้นใต้ดิน สามารถซื้ออุปกรณ์และของใช้เข้าบ้านได้ง่ายๆอีกด้วยครับ

ส่วนบรรยากาศภายในซึ่งผมมาวันธรรมดาช่วงกลางวัน ก็มีทั้งแม่บ้านละแวกนี้ และพนักงานออฟฟิศมาเดินกันอยู่เยอะแยะเลยล่ะครับ ถือว่าเป็นแหล่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและใกล้โครงการมากๆเลยล่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Market Place นางลิ้นจี่ ~ 200 m.
  • ตลาดนางลิ้นจี่ ~ 540 m.
  • Makro สาทร ~ 850 m.
  • Garden International school ~ 1 km.
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ~ 1 km.
  • The Up Rama 3 ~ 1.6 km.
  • Crescent International school ~ 1.9 km.
  • Vanilla Moon ~ 2.2 km.
  • โรงพยาบาล BNH ~ 2.3 km.
  • Central Plaza Rama 3 ~ 2.9 km.
  • โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ~ 3.2 km.
  • โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ~ 3.3 km.
  • สวนลุมพินี ~ 3.5 km.
  • โรงเรียนเซนต์หลุยส์ ~ 3.8 km.
  • วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ ~ 3.8 km.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ~ 4.2 km.

รายละเอียดโครงการ

The Issara Sathorn เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น 270 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-2-60 ไร่ และมีที่จอดรถ(แบบ Auto Parking) 100% เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต แต่สำหรับสิทธิในการจอดนั้น เท่าที่เซลล์บอกผมมา ถ้าเป็นห้องใหญ่ๆมากกว่า 2 Bedrooms เค้าจะให้สิทธิ์จอดรถได้ 2 คันด้วยครับ

นั่นหมายความว่า ถ้าอนาคตคนอยู่ที่โครงการนี้เต็ม และมีรถส่วนตัวกันทุกห้อง และห้องใหญ่ๆ ก็มีรถมากกว่า 1 คัน ถ้าคิดตามสิทธิ์แล้วก็อาจจะจอดไม่พอก็ได้ครับ (แต่ในความเป็นจริงแล้วคนก็อาจอยู่ไม่เต็มก็ได้ เพราะบางคนก็ซื้อเกร็งกำไร หรือลงทุนปล่อยเช่าก็มี)

ส่วนการออกแบบตัวอาคารก็น่าสนใจนะ ที่เราเห็นเป็นลักษณะขั้นบันไดเพราะเกิดจาก ระยะ Setback ตามกฎหมายจากถนนด้านหน้า รวมถึงมีการไล่เฉดจากเข้มไปอ่อน ซึ่งเป็นแนวคิดตามคอนเซ็ปต์ทำเลที่ตั้งของตัวโครงการ ที่อยู่ระหว่างความเป็นตัวเมืองและความเป็นธรรมชาติ

โดยด้านหน้าที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้า จะใช้เป็นอลูมิเนียมสีน้ำตาล แทนการใช้ไม้จริงที่มีราคาและค่าดูแลรักษาสูง โดยจะไล่สีให้อ่อนลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นสีเงินที่ดูทันสมัย ซึ่งหันไปทางวิวเมืองฝั่งสีลม-สาทรครับ

Master Plan จะมี The Park หรือสวนด้านหน้าที่เกิดจากการ Setback ของตัวอาคารเข้าไปด้านหลัง 20 กว่าเมตร ช่วยเพิ่มความร่มรื่น สร้างความเป็นส่วนตัว และกันมลพิษความวุ่นวายภายนอกได้ดีเลยครับ ส่วนทางเดินรถจะวนทางเดียวไปด้านซ้าย และมีลิฟต์จอดรถ 3 ช่องด้วยกัน (ที่ด้านหน้าจะมีป้ายบอกอยู่ ว่าเราต้องขับไปจอดช่องไหนครับ)

และเมื่อจอดเสร็จแล้วก็จะมีประตูเล็กๆให้เราเข้ามาภายในอาคาร ที่ห้อง OTW (On The Way) ซึ่งเป็นห้องพักคอยรถได้ครับ ส่วนแขกที่มารอที่ Lounge หรือ Lobby เข้าจะเข้ามาในโถงลิฟต์ไม่ได้ เพราะต้องใช้ Key Card Access บริเวณวงกลมสีแดงก่อน เพื่อความเป็นส่วนตัว และนอกจากนี้ยังมีบันไดขึ้นไปชั้น 2 ได้ด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนของนิติบุคคล และ Store Me หรือห้องเก็บของให้เช่า เผื่อบางคนมีของเยอะๆ ไม่อยากเก็บไว้ในห้องตัวเอง หรือที่เก็บมีไม่พอ ก็มาเช่าพื้นที่ได้ครับ

และชั้น Main Facilities จะมีอีกทีคือชั้น 30 ซึ่งกินพื้นที่ทั้งชั้นเลยทีเดียว ประกอบด้วย The Water เป็นสระว่ายน้ำในร่ม ที่ว่ายกลางวันก็ได้ ไม่ต้องกลัวแดดร้อนหรือฝนตก ที่ผมชอบเป็นส่วนตัวก็คือ มีจุดให้นั่งชมวิวริมสระ มองออกไปทางฝั่งนางลิ้นจี่-เย็นอากาศได้ครับ ติดกันคือ The Therapy เป็นบ่อวารีบำบัดที่ปรับอุณหภูมิได้ถึง 38 องศา ให้มานั่งแช่น้ำผ่อนคลายกันได้

ด้านหน้าโครงการถูกจัดเป็นพื้นที่สวน ให้มานั่งเล่นชมวิวไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้าได้ และมีพื้นที่เชื่อมต่อกับ The Space ซึ่งด้านในเป็นทั้ง Co-Working Space และ Co-Kitchen ให้สามารถขึ้นมานั่งทำงาน และจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆได้ ส่วนอีกด้านจะเป็น The Sky GYM มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีห้อง Game Room อยู่ภายในด้วยครับ สุดท้ายคือในห้องน้ำจะมี Stream แยกชาย-หญิงด้วยนะ

Facilities อีกจุดหนึ่งอยู่บนชั้น Roof Top วิธีการขึ้นมาคือต้องใช้บันได (สีแดง) มาจากชั้น 37 ครับ โดยครึ่งแรกนี้จะเป็น The Herb เป็นพื้นที่ปลูกผักสวนครัวของโครงการ (วิธีการจัดการขึ้นอยู่กับนิติบุคคลในอนาคต)

และถ้าเราเดินขึ้นบันได (สีชมพู) ก็จะขึ้นมายังดาดฟ้าอีกชั้นหนึ่งได้ เป็น Active Sky ที่จะมีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งให้มาใช้งาน รวมถึงมี The Horizon ให้มานั่งชมวิวกันได้ด้วยครับ

เรามาวิเคราะห์แปลนชั้นพักอาศัยกันบ้างครับ สำหรับ Typical Floor Plan จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 10 – 28 ส่วนชั้นที่สูงกว่านี้ห้องจะเป็น Type ที่ใหญ่ขึ้น และมีจำนวนเพื่อนบ้านต่อชั้นลดลง เป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ

สิ่งที่เห็นได้ชัดในแปลนนี้คือ เค้าวางโถงทางเดินเป็นตัว H และมีคอร์ลิฟต์ตรงกลาง ทำให้ทุกห้องเป็น Single Corridor ได้ความเป็นส่วนตัว แลกกับโถงนี้จะไม่มีช่องแสงเลย ทำให้ต้องเปิดไฟกับพัดลมดูดอากาศตลอดเวลา รวมถึงห้องแต่ละ Type จะหันไปในทิศที่ต่างกันชัดเจน และมีตำแหน่งที่น่าสนใจดังนี้

  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่ได้วิวฝั่งนางลิ้นจี่-เย็นอากาศ-พระราม 4 ซึ่งตำแหน่งห้องกรอบสีชมพูน่าสนใจตรงที่ ห้อง Plus ของเค้าจะหันมุมไปทางทิศใต้ ในชั้นสูงๆจึงมีโอกาสเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้าได้ และเป็นตำแหน่งที่เป็นส่วนตัวกว่าตำแหน่ง 09 ที่อยู่ตรงโถงลิฟต์พอดี ส่วนตำแหน่งกรอบสีส้มราคาจะถูกหน่อย เพราะอยู่ตรงข้ามกับห้องทิ้งขยะครับ
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : เป็นห้อง 2 Bedrooms Plus เพียง 2 ยูนิตต่อชั้น แน่นอนว่าที่ชั้นสูงๆจะมีโอกาสเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้าได้ แลกกับเป็นทิศที่แดดส่องเข้าห้องเต็มๆ อาจต้องติดฟิล์มและม่านป้องกันดีๆเพิ่มเติมครับ
  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ : เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นของโครงการ เหมาะกับคนที่มีงบจำกัด ชอบห้องกว้างๆ และไม่เน้นวิวมากนัก ซึ่งตำแหน่งที่น่าสนใจคือกรอบสีฟ้า เพราะจะหลบไปอยู่ด้านหลังโครงการ ได้ความเป็นส่วนตัว
  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : เป็นทิศที่ผมชอบที่สุดเป็นการส่วนตัว เพราะวิวด้านหลังจะเป็นชุมขนแนวราบที่เงียบสงบ ไม่โดนบังวิว และเห็นแนวตึกของฝั่งสาทรสวยงามมากๆครับ โดยทิศนี้จะมีห้องอยู่ 2 แบบ คือ 2 Bedrooms ซึ่งห้องกรอบสีน้ำเงินจัดเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด ทั้งเรื่องวิวและแดดก็ไม่ร้อนด้วย ส่วนห้องในกรอบสีแดงจะเป็น 1 Bedroom ห้องพิเศษ ที่มีพื้นที่ใหญ่สุด และมีเพียงห้องเดียวต่อชั้นเท่านั้นครับ

ส่วนห้องในชั้นอื่นๆจะมีตามนี้เลยครับ ทั้ง 3 Bedrooms และ Penthouse จะอยู่ที่ชั้น 31 ขึ้นไปทั้งหมดเลย พิเศษหน่อยสำหรับชั้น 34 จะมีจุดชมวิวด้วยนะครับ ซึ่งคนจากชั้นอื่นๆก็สามารถขึ้นมาใช้ได้เหมือนกัน แต่ที่ผมชอบก็คือ โถงทางเดินของชั้นเหล่านี้จะไม่ปิดทึบเหมือนชั้นล่างๆแล้วนั่นเอง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • The Lounge (Lobby)
  • The Park (Garden)
  • OTW (ห้องพักคอยรถยนต์)
  • EV Charger 2 Stations

  • ชั้น 2
    • Store Me (พื้นที่เก็บของส่วนกลาง (ให้เช่า)
    • Juristic (สำนักงานนิติบุคคล)

  • ชั้น 30
    • The Water (สระว่ายน้ำ) ขนาด 5 x 22 เมตร
    • The Therapy (สระน้ำร้อนวารีบำบัด 38 องศา)
    • The GYM (Fitness)
    • The Game
    • The Space (Co-Working & Co-Kitchen Space)
    • Steam (แยกชาย – หญิง)

  • ชั้น 34
    • The View (จุดชมวิว)

  • Roof Top
    • The Herb (สวนสมุนไพร)
    • Active Sky (พื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง)
    • The Horizon (จุดชมวิว)

  • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 67 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 270 คันคิดเป็น 100% (Auto Parking)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card
  • แบบห้อง

    สำหรับโครงการนี้จะมีแบบห้องให้เลือกค่อนข้างเยอะเลยครับ ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็จะหันไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน ได้วิวที่ต่างกันด้วย ปัจจุบันขายแบบ Fully Fitted คือให้เฉพาะชุดครัว เครื่องปรับอากาศ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ประกอบด้วย

    • 1 Bedroom ขนาด 32.66 – 47.21 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus ขนาด 37.21 ตร.ม.
    • 2 Bedrooms ขนาด 58.96 – 90.32 ตร.ม.
    • 2 Bedrooms Plus ขนาด 88.14 – 88.17 ตร.ม.
    • 3 Bedrooms ขนาด 93.44 – 110.74 ตร.ม.
    • Penthouse ขนาด 134.88 – 188.76 ตร.ม.

    โดยที่ Sale Gallery จะมีห้องตัวอย่างให้ดู 1 แบบครับ คือ 1 Bedroom Plus ขนาด 37.21 ตร.ม. จะเป็นอย่างไรบ้างตามผมไปชมกันเลย

    ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 37.21 ตร.ม. ห้องนี้ผมชอบอยู่ 3 จุดหลักๆด้วยกันคือ

    1.) พื้นที่นั่งเล่นไม่ได้อยู่ด้านหน้าติดกับประตูห้อง ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่ต้องรู้สึกว่ามีคนเดินผ่านห้องไป-มา เวลาเรานั่งดูทีวีอยู่ เพราะมีครัวเปิดมาคั่นไว้ แต่ถ้าเป็นคนชอบทำอาหารก็อาจกั้นห้องเพิ่มได้นะครับ

    2.) ห้องอเนกประสงค์อยู่ติดกับหน้าต่าง หมายความว่าห้องนี้ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันนี้มากกว่าพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีซะอีกครับ ดังนั้นคนที่เลือกซื้อห้องนี้ก็อาจต้องการใช้งานห้องอเนกประสงค์นี้บ่อยๆเช่นกัน เช่น ใช้เป็นห้องทำงาน หรือปรับเป็นห้องนอนแขกและห้องนอนลูกน้อยในอนาคตได้ แต่จุดที่น่าเสียดายสำหรับผมคือ เราไม่ได้กระจกเข้ามุม Bay Window นั่นเองครับ

    3.) ห้องนอนกั้นด้วยผนังทึบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ แต่ก็ยังมีช่องกระจกเชื่อมต่อกันเพื่อความโปร่งโล่ง และไม่เน้นระเบียงหรือชมวิว แต่จะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน โดยเฉพาะพื้นที่ Built in ตู้เสื้อผ้าของห้องนี้ มีขนาดค่อนข้างใหญ่มากๆเลยล่ะ เหมาะกับคนมีของเยอะๆครับ และการใช้ห้องน้ำตอนกลางคืนก็อาจไม่สะดวกนัก แต่จะได้ความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาหาแทน

    4.) ผนังห้องแต่ละจุดจะใช้วัสดุไม่เหมือนกัน อย่างผนังกรอบสีแดงที่กั้นระหว่างยูนิตจะเป็น Double Wall แบบ 2 ชั้น ช่วยป้องกันเสียงและกันไฟได้เป็นอย่างดี ส่วนในกรอบสีน้ำเงินที่กั้นห้องนอน จะใช้เป็นผนังอิฐมวลเบา สุดท้ายคือผนังห้องน้ำในกรอบสีส้มจะใช้เป็นผนังอิฐมอญแดงครับ

    ผมพามาดูห้องตัวอย่างคร่าวๆกันครับ เมื่อเข้ามาภายในจะพบกับ Common area เป็นตอนลึก ซึ่งแสงจากหน้าต่างอาจส่องมาถึงหน้าห้องได้น้อยหน่อย แต่ฝ้าเพดานเค้าสูงถึง 2.7 m. จึงทำให้รู้สึกโปร่งโล่งดีเหมือนกัน

    ปูพื้นด้วย SPC (Stone Plastic Composite) ที่เป็นลายไม้ ทนน้ำหรือความชื้นได้ดี และไม่ลามไฟอีกด้วยครับ สิ่งที่โครงการให้ก็คือ เครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง (ห้องนั่งเล่น ห้องอเนกประสงค์ และห้องนอน) ชุดครัว Top หินสังเคราะห์ อ่างล้างจาน และ Hob&Hood ของ Teka ครับ

    ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่โต๊ะทานอาหารและโซฟานั่งเล่น เชื่อมต่อกับห้องอเนกประสงค์ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อความโปร่งโล่ง และช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้

    อีกอย่างคือเวลาเรานั่งทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ ก็สามารถดูทีวีไปด้วยได้ จึงใช้งานเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ได้ด้วยนั่นเองครับ

    ส่วนห้องอเนกประสงค์จะมีขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก โดยห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องทำงานมาให้ดู ก็ถือว่าน่าใช้งานทีเดียว หรือเราจะปรับเป็นห้องอื่นๆก็ได้ตาม Lifestyle ของแต่ละคน

    มองย้อนกลับเข้ามาด้านในห้อง คราวนี้เราไปดูพื้นที่อีกส่วนหนึ่งตรงหน้าห้องกันบ้างนะ

    สำหรับคนที่ชอบทำอาหารเราสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ แลกกับความโปร่งโล่งที่ลดลง ส่วนฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวและหลังประตูทางเข้าห้อง จะมีพื้นที่ว่างเหลือให้ Built in เป็นตู้รองเท้าและตู้เก็บของเพิ่มเติมได้ ถือว่าห้องนี้มีพื้นที่เก็บของเยอะดีทีเดียวครับ รวมถึงมีห้องน้ำอยู่ด้านหน้าด้วย

    ภายในแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน ให้ของทั้งหมดตามนี้และรวมถึงฉากกั้นกระจกด้วยครับ ส่วนสุขภัณฑ์จะเป็นห้อง Toto นะ

    ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่กว้างขวางเลยทีเดียว สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุต ได้สบายๆ แล้วยังมีพื้นที่เหลืออีกเยอะ โดยเฉพาะทางขวามือผมนี้สามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เต็มผนังเลยครับ

    และสำหรับปลายเตียงจะเป็นช่องผนังกระจกบาน Fixed ที่เชื่อมต่อกับห้องด้านนอก เพื่อความโปร่งโล่ง แต่ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัว ก็สามารถติดม่านหรือมู่ลี่เพิ่มเติมได้ครับ

    คราวนี้เรามาลองดูตัวอย่างแปลนห้องอื่นๆกันบ้างนะ..

    ห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.66 ตร.ม. ในส่วนของห้องนอนจะกั้นด้วยผนังกระจกครับ ซึ่งเวลาเราเปิดพื้นที่ 2 ฟังก์ชันเชื่อมต่อกัน ก็จะทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งโล่งมากๆ ฟังก์ชันอื่นๆจะคล้ายกับห้องตัวอย่างที่เราเพิ่งดูกันมา แต่จะไม่มีห้องอเนกประสงค์ จึงทำให้โซฟานั่งเล่นอยู่ติดกับหน้าต่าง ดูทีวีไปชมวิวไปด้วยได้เลย

    ส่วนห้องน้ำก็จะเข้าจากภายในห้องนอนได้ ทำให้สะดวกสำหรับเจ้าของห้องตอนกลางคืน แต่เวลามาแขกมาก็อาจเสียความเป็นส่วนตัวอยู่บ้างครับ และนอกจากนี้ก็ยังมีอีกห้องที่ฟังก์ชันเหมือนกัน แต่จะมีขนาด 47.21 ตร.ม. ซึ่งอยู่ด้านหลังโครงการที่มีชั้นละห้องเท่านั้น ก็จะมีขนาดห้องที่ใหญ่ และได้ความโปร่งโล่งมากๆครับ

    ห้อง 2 Bedrooms Plus ขนาด 88.14 – 88.17 ตร.ม. เป็นห้องที่อยู่ด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้าได้ครับ โดยห้องนี้จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ Common area ในกรอบสีแดงมากๆ ซึ่งห้องอเนกประสงค์ก็มีขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน สามารถปรับเป็นห้องนอนเพิ่มได้สบายๆเลยครับ ส่วนอีกจุดหนึ่งคือห้อง Master Bedroom ในกรอบสีน้ำเงิน ที่มีทั้ง Walk in closet และห้องน้ำ พร้อมมีอ่างอาบน้ำในตัวอีกด้วย

    และด้วยความที่ห้องนี้เป็นห้องมุม จึงทำให้ได้ช่องแสงถึง 2 ด้าน มีความสว่างและโปร่งโล่งดีมาก และยังคงเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในเป็นหลัก ซึ่งระเบียงจะมีขนาดแค่พอใช้งานพอดีๆเท่านั้น และจะอยู่ในห้องนอนเล็กครับ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวอยู่มากๆเหมือนกัน เพราะจะหลบไปอยู่ด้านใน รวมถึงห้องน้ำด้วยครับ ห้องนี้จึงเหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย และเป็นคนที่ชอบวิว หรือเผื่อที่จะขยับขยายสมาชิกเพิ่มได้ในอนาคตด้วยนะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

    ราคา

    3 March 2020

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 เมตร
    • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Teka
    • จอง 50,000 – 100,000 บาท
    • ทำสัญญา ประมาณ 4% ของราคาห้อง
    • ดาวน์ 20% ผ่อนดาวน์ 37 งวด
    • ค่ากองทุน 800 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 75 บาท/ตร.ม./เดือน (จ่ายล่วงหน้า 1 ปี)

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

    บทสรุป

    เอาล่ะครับทุกคน.. ตอนนี้ผมก็เดินกลับมานั่งสตาร์บัคที่ Market Place แล้วนะ (เห็นมั๊ยว่าใกล้มากๆ เดินได้สบายๆ) ซึ่งหลังจากที่เราไปชมโครงการกันมาเสร็จแล้ว เราก็มาสรุปกันดีกว่าครับว่า โครงการนี้จะเหมาะกับใคร มีความน่าซื้อมาก-น้อยแค่ไหน

    ส่วนตัวผมมองว่าโครงการนี้เด่นเรื่อง “ทำเล” เพราะถนนจันทน์สามารถเลี้ยวตรงแยกต่างๆ เพื่อเข้า-ออกเมืองได้ง่าย รวมถึงมีทางด่วนให้ใช้อยู่ไม่ไกล แลกมากับการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นอยู่เหมือนกัน (นี่ยังไม่รวมเวลาคอย Auto Parking อีก 3 นาทีต่อคัน กับค่าบำรุงรักษาในอนาคตด้วยนะ)

    และอีกอย่างคือ “ความอุดมสมบูรณ์” ผมถือว่าดีเลยทีเดียว สามารถเดินไปทานข้าว/ซื้อของได้ง่ายๆ มีร้านค้าให้เลือกเยอะ และถ้าใครที่คาดหวังกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้า ผมแนะนำให้เป็นชั้นสูงๆหน่อยจะดีครับ

    ส่วนรูปแบบโครงการเค้าจะเด่นเรื่อง “Facilities” ที่นอกจากจะสวยงามน่าใช้แล้ว ผมถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต รวมถึงการนำไปอยู่ตำแหน่งชั้นสูงๆ เพื่อรับวิวที่ดี ก็แสดงถึงการให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนนี้ค่อนข้างมากครับ

    หากเทียบกับเพื่อนบ้านที่มีโปรดักส์ใกล้เคียงที่สุดคือ โครงการ Regal Condo บนถนนนราธิวาสฯ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก็ยังถือว่าเป็นคนละระดับ Segment กันครับ เพราะ The Issara มีราคาที่สูงกว่า แน่นอนว่าทั้งการดีไซน์และวัสดุที่ใช้ก็ค่อนข้างดีกว่าด้วยเช่นกัน ดังนั้น “ราคา” จึงเป็นตัวคัดกรองเพื่อนบ้านที่จะเข้ามาอยู่อาศัยร่วมกันได้ด้วยนั่นเองครับ

    สุดท้ายคือห้องพักอาศัย สำหรับโครงการนี้แล้วรูปแบบห้องมีผลกับวิวที่เราจะได้ด้วยนะครับ เพราะแต่ละ Type จะหันไปในทิศทางที่ต่างกัน ซึ่งจุดเด่นที่สุดของแปลนห้องโครงการนี้คือ การให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยภายใน ด้วยการทำระเบียงไม่ใหญ่มาก เชื่อมต่อฟังก์ชันภายในด้วยผนังกระจกเพื่อความโปร่งโล่ง

    มีพื้นที่อเนกประสงค์ หรือมุมห้องให้เรา Built ตู้เพิ่มพื้นที่เก็บของได้เยอะ รวมถึงความเป็นส่วนตัวของห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบ หรือแยกไปอยู่ในโซนที่เป็นนส่วนตัวของห้องอีกด้วย ซึ่งแต่ละ Type จะตอบโจทย์คนที่มี Lifestyle ที่ไม่เหมือนกัน

    และจากที่ผมได้พูดคุยกับเซลล์ ตอนนี้โครงการขายได้แล้วประมาณ 30% (เฉพาะในช่วงรอบ VVIP และ Presale ที่ผ่านมา) ซึ่งห้องที่ขายดีจะเป็นห้องขนาดใหญ่ที่ชั้นสูงๆครับ รวมถึงห้องในตำแหน่งที่ผมได้แนะนำไปก่อนหน้านี้อีกด้วย

    ปัจจุบันยังมีห้องราคาพิเศษ เหมือนช่วง Presale อยู่นะครับ ถ้าใครสนใจก็สามารถเข้าไปชมหรือสอบถามที่ Sale Gallery ได้เลย ก่อนที่จะมีการปรับราคาใหม่อีกครั้งนะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 150,000 – 170,000 บาท/ตร.ม., 3 March 2020

    • ทำเล 8/10 – ติดถนนจันทน์ เข้าเมืองง่าย มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดิน
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – มีทางลัดเลาะเข้าเมืองง่าย ใกล้ทางด่วน จอดรถ 100%
    • ไม่ใช้รถ 8/10 – ติดถนนใหญ่ เรียกรถสาธาณะได้ง่าย
    • วัสดุ 7.5/10 – ให้วัสดุดี ขาย Fully Fitted ต้องแต่งเพิ่ม
    • แบบ 8/10 – มีแบบห้องให้เลือกเยอะ เป็นสัดส่วน ใช้งานง่าย
    • สาธารณูปโภค 8.25/10 – ให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต สวยงามน่าใช้ อยู่ชั้นสูงได้วิว

    • HIGH – LUXURY CLASS
    • 7.91 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Issara Sathorn เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดบนถนนจันทน์ ขับเข้าเมืองไปทางสีลม-สาทรได้ง่าย ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดิน ชอบใช้และชมวิวที่พื้นที่ส่วนกลาง มีแบบห้องให้เลือกหลากหลาย เน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน ฟังก์ชันเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว มีงบประมาณระดับ 4.99 – 15.21 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 35,000 – 106,000 บาท/เดือนขึ้นไป


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving