ก่อนหน้านี้เรามีโอกาสไปงานสัมนาของแสนสิริ “BEYOND THE BLUEPRINTS” 60 วัน หลังแผ่นดินไหว ก้าวต่อด้วยพลังความร่วมมือ แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่คุณเพ็ญไพสิฐ จันทร์พรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเน่ จำกัด (มหาชน) หนึ่งใน Partner ลิฟต์โดยสารของคอนโดในเครือแสนสิริ ได้มีโอกาสพูดถึงเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจัดการลิฟต์โดยสารในช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา โดยเล่าว่า..
“กว่า 90% ที่ลิฟต์เกิดความเสียหาย มักเกิดจากการใช้งานลิฟต์ในขณะที่เกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้ลิฟต์ค้าง และมีคนติดอยู่ภายในลิฟต์ จนหลายๆครั้งจำเป็นต้องหาทางช่วยเหลือในการงัดลิฟต์ ส่งผลให้ลิฟต์หลายๆตัวต้องเกิดความเสียหายตามไปด้วย”
ซึ่งการคมนาคมด้วยลิฟต์ในอาคารสูงนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่การอพยบหรือการให้ความช่วยเหลือคนเจ็บเท่านั้น แต่รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปตรวจสอบ และประเมินความเสียหายของอาคารได้อย่างรวดเร็วที่สุดด้วยนั้นเอง
ซึ่งบริษัทฯ KONE มีเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า “เทคโนโลยีตรวจจับแผ่นดินไหวในลิฟต์โดยสาร” ซึ่งช่วยยกระดับความปลอดภัย และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเหตุฉุกเฉินในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยเซ็นเซอร์นี้จะตรวจจับการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว และช่วยหยุดลิฟต์อัตโนมัติพร้อมกับเดินทางไปยังชั้นที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้ผู้โดยสารออกจากลิฟต์ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนวัตกรรมนี้สามารถทำได้ทั้งในอาคารก่อสร้างใหม่ และสามารถปรับปรุงลิฟต์โดยสารในโครงการที่มีอยู่เดิมเพื่อให้รองรับบริการนี้ได้เช่นกัน
นอกจากนี้เรายังได้ลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับ ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวของลิฟต์มาเพิ่มเติมด้วย ซึ่งสามารถแบ่งแยกออกเป็น 2 ระบบใหญ่ๆดังนี้
1. ระบบ Earthquake Emergency Return Operation with Primary Wave sensor (EER-P)
จะทำงานเมื่อเครื่องที่ติดตั้งไว้ในบริเวณบ่อลิฟต์ สามารถตรวจจับคลื่นแนวราบได้ ระบบจะทำการยกเลิกการใช้งานของลิฟต์โดยการยกเลิกการเรียกชั้นภายในลิฟต์ และทำการหยุดลิฟต์เปิดประตูเพื่อให้ผู้โดยสารออก เมื่อระบบตรวจสอบแล้วไม่พบคลื่นแผ่นดินไหวภายใน 60 วินาที ระบบจะสั่งให้ลิฟต์ทำงานตามปกติแบบอัตโนมัติ
2. ระบบ Earthquake Emergency Return Operation with Secondary Wave sensor (EER-S)
จะทำงานเมื่อเครื่องที่ติดตั้งไว้บริเวณห้องเครื่อง สามารถตรวจจับคลื่นแนวตั้งฉากได้ ระบบจะทำการยกเลิกการใช้งานของลิฟต์โดยการยกเลิกการเรียกชั้นภายในลิฟต์ และทำการหยุดลิฟต์เปิดประตูเพื่อให้ผู้โดยสารออก เมื่อระบบตรวจสอบแล้วไม่พบคลื่นแผ่นดินไหวภายใน 60 วินาที ระบบจะสั่งให้ลิฟต์ทำงานตามปกติแบบอัตโนมัติ แต่ถ้าความรุนแรงของคลื่นแผ่นดินไหวมากกว่า 150 gal เครื่องจะทำการล๊อคระบบและสามารถทำการปลดล๊อคได้โดยนายช่างผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ ลิฟต์นั้นๆ
หลักการความปลอดภัยพื้นฐาน :
- ลิฟต์ต้องมีระบบเตือนและหยุดทำงานเมื่อบรรทุกเกินน้ำหนัก
- ลิฟต์ต้องมีระบบป้องกันประตูหนีบและไม่เคลื่อนที่เมื่อประตูปิดไม่สนิท
- ประตูต้องไม่เปิดในขณะลิฟต์กำลังเคลื่อนที่หรือจอดไม่ตรงชั้น
- ลิฟต์ต้องมีระบบติดต่อกับภายนอกและสัญญาณแจ้งขัดข้อง
- ลิฟต์ต้องมีแสงสว่างทั้งในห้องและนอกห้อง
- ลิฟต์ต้องมีระบบระบายอากาศ
- กฎหมายกำหนดให้มีการตรวจสอบลิฟต์อย่างสม่ำเสมอ เช่น การทดสอบลิฟต์ประจำเดือนและประจำปี (ต้องดำเนินการโดยบุคคลที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย)
สาเหตุหลักที่ทำให้ลิฟต์โดยสารค้าง
จากข้อมูลของสมาคมลิฟต์แห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ลิฟต์ค้างมี 3 กรณี
- กระแสไฟฟ้าดับ : ในอาคารที่ไม่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Generator) หรือชุด Bettery Back up ลิฟต์ จะค้างทันทีที่ไฟดับ และเมื่อได้รับการจ่ายกระแสไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ระบบควบคุมจะสั่งให้ลิฟต์เคลื่อนตัวไปยังชั้นที่ใกล้ที่สุด และสามารถใช้งานต่อได้ตามปกติ
- อุปกรณ์นิรภัย (Safty Device) ตรวจพบสิ่งผิดปกติในระหว่างการใช้งาน : หากอุปกรณ์นิรภัยตรวจสิ่งผิดปกติ เช่น พบว่าอุปกรณ์/ชิ้นส่วนชำรุดหรือเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้งาน เช่น ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก ลิฟต์จะหยุดการทำงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
- ระบบควบคุมการทำงานขัดข้อง : กรณีนี้ลิฟต์จะไม่ค้างทันทีแต่จะเคลื่อนตัวสู่ชั้นที่ใกล้ที่สุด ประตูเปิดให้ผู้โดยสารออกอย่างปลอดภัยและหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ
ควรทำอย่างไรเมื่อลิฟต์ค้าง?
ลิฟต์โดยสารส่วนใหญ่มักจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว ดังนั้นหากไม่ใช่เหตุการณ์ร้ายแรงจนสายสลิงขาดหรือตึกถล่มลงมา ก็ยังไม่มีอันตรายจนถึงชีวิตครับ แต่สิ่งที่เราจะต้องรู้และปฏิบัติเบื้องต้นเมื่อลิฟต์เกิดค้างก็จะมีดังนี้
- ควรตั้งสติให้ดี : และไม่ต้องกังวลว่าจะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากลิฟต์ได้ถูกออกแบบให้มีระบบระบายอากาศที่เพียงพอ แม้ว่าพัดลมระบายอากาศจะไม่ทำงานก็ตาม
- กดปุ่มสัญญาณ EMERGENCY CALL : เพื่อขอความช่วยเหลือจากบุคคลภายนอก (กรณีไฟฟ้าดับ ชุดไฟส่องสว่างจากแบตเตอรี่สำรองฉุกเฉินจะทำงาน โดยให้แสงสว่างเพียงพอสำหรับการมองเห็นแผงปุ่มกดได้อยู่แล้ว)
- ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ที่กำลังให้ความช่วยเหลือ : เช่น มีผู้โดยสารกี่คน มีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่ และพยายามสังเกตชั้นที่ใกล้เคียงที่สุดก่อนที่ลิฟต์ค้าง เพื่อให้ทราบตำแหน่งที่ค้างอยู่ผ่านทาง Interphone จากนั้นให้รอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
- อย่าพยายามงัดหรือเปิดประตูจากด้านในโดยเด็ดขาด : ซึ่งในขณะที่ทำการช่วยเหลือ ลิฟต์อาจจะมีการเคลื่อนที่เพื่อให้จอดตรงตำแหน่งระดับชั้นที่ใกล้ที่สุดก็อย่าเพิ่งตกใจ
- ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกระทำการใดๆ โดยพลการเด็ดขาด : เจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือจะต้องผ่านการฝึกอบรมและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดเท่านั้น
- การให้การดูแลบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี : โดยช่างที่มีความรู้ความชำนาญการเปลี่ยนอุปกรณ์อะไหล่ตามคำแนะนำ และหลีกเลี่ยงการใช้อะไหล่เทียม จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุและช่วยยืดอายุการใช้งาน
ตัวอย่างแผนการดำเนินการ 3Rs จากบริษัท KONE
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น หัวใจสำคัญที่บริษัทลิฟต์อย่าง KONE ให้ความสำคัญมาเป็นอันดับต้นๆเลยก็คือ “ความรวดเร็ว และความปลอดภัย” โดยได้ส่งทีมช่างและวิศวกรลงพื้นที่ทันที เพื่อให้ลิฟต์กลับมาใช้งานได้เร็วที่สุด จึงได้กำหนดแผนงานเร่งด่วน 3Rs ประกอบไปด้วย
- Recover (ฟื้นฟู) : เร่งฟื้นฟูลิฟต์โดยสารอย่างน้อยหนึ่งตัวในอาคาร ให้สามารถใช้งานได้ภายใน 48 ชั่วโมงแรก
- Repair (ซ่อมแซม) : ดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก เปลี่ยนอุปกรณ์ และซ่อมแซมอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าลิฟต์โดยสารทุกตัวปลอดภัยสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
- Rebuild (ปรับปรุงหรือสร้างใหม่) : อัปเกรดและปรับปรุงลิฟต์โดยสาร เพื่อลดความเสียหายระยะยาวในอนาคต และเพิ่มความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรองรับฟังก์ชันการตรวจจับความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
ทั้งนี้ แต่ละบริษัทผู้ให้บริการติดตั้งลิฟต์โดยสารแบรนด์อื่นๆ ก็จะมีวิธีการดำเนินการที่ได้มาตรฐานในแนวทางของตัวเอง ซึ่งต่างก็ได้ผ่านบทเรียนราคาแพงครั้งใหญ่มาเหมือนๆกัน เราเชื่อว่าต่อจากนี้ไปวงการลิฟต์โดยสารก็น่าจะมีเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยทำให้ลิฟต์โดยสารมีความปลอดภัยและน่าใช้งานมากขึ้นกว่านี้อีกครับ ยังไงก็เอาใจช่วยและติดตามกันต่อๆไปนะครับ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้การติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับแผ่นดินไหวในลิฟต์โดยสาร ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ง่ายและใช้งบประมาณน้อยที่สุด แต่อาจสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการใช้งานของเราได้อีกมากมายในอนาคต ยังไงก็สามารถนำไปปรับใช้กันได้นะครับ ครั้งหน้า Think of Living จะมีบทความดีๆอะไรมาฝากกันอีกก็อย่าลืมติดตามกันน้าาา
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่