เมื่อพูดถึงความต้องการในพื้นที่พักอาศัย ผมเชื่อว่าสิ่งที่แว๊บขึ้นมาในหัวของใครหลายๆคนเป็นอันดับแรกๆคงหนีไม่พ้น “พื้นที่ใช้สอย” อย่างแน่นอน เพราะใครๆก็อยากจะอยู่อาศัยในพื้นที่โล่งสบาย ไม่อึดอัดกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อที่พักอาศัยขนาดใหญ่ได้ และคงมีอีกไม่น้อยที่อาศัยอยู่ในห้องที่มีขนาดค่อนข้างจำกัด.. ซึ่งการจัดและเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญที่มาช่วยให้พื้นที่จำกัด ดูลงตัวและมีฟังก์ชันการใช้งานครบ วันนี้ผมจึงมาแนะนำวิธีการเลือกและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ห้อง เพื่อช่วยให้ห้องของคุณใช้พื้นที่ใช้สอยภายในได้อย่างคุ้มค่า ลองเข้าไปดูกันครับ

ตอนเด็กๆ ผมฝันมาตลอดว่าอยากมีบ้านหลังเล็กๆ เป็นของตัวเองสักหลัง เพื่อจะได้แต่งและเลือกรูปแบบฟังก์ชันตามสไตล์ที่เราชอบ ขนาดไม่ต้องใหญ่มากเพราะผมไม่ได้ขยันปัด กวาด ถูสักเท่าไร พอเรียนจบแล้วได้มาทำงานในเมืองหลวงก็เริ่มจะทำตามความฝันอยากได้ “บ้านเล็ก” ไม่ไกลที่ทำงาน ซึ่งความฝันกับความเป็นจริงช่างสวนทางกันเสียเหลือเกิน ราคาบ้านในตัวเมืองซึ่งมนุษย์เงินเดือนตัวกระจิ๊ดอย่างผมนั้นคงจะไกลเกินเอื้อมไปหน่อย แต่ความหวังของผมก็ยังพอมีทาง เพราะที่นี่ยังมีอสังหาฯให้ผมพอซื้อด้วยตัวเองได้ นั่นคือ “คอนโดมิเนียม” คอนโดฯใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้า เป็นที่ตอบโจทย์สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศในยุคสมัยนี้ ถึงแม้ว่าจะมีราคาต่อตารางเมตรที่สูงมาก แต่ก็ยังดีที่ผู้ประกอบการหลายเจ้า เค้าลดขนาดห้องลงเพื่อให้ราคารวม นั้นพอเพียงต่อกลุ่มมนุษย์เงินเดือนอย่างผมพอจะซื้อได้นี่ละครับ

ทีนี้ “ห้องเล็ก” มันก็ช่างเล็กเสียเหลือเกิน แต่ว่ามันก็คงไม่เล็กไปกว่านี้แล้วล่ะเพราะเค้ามีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเอาไว้ ซึ่งกฎหมายนั้นกำหนดเอาไว้ว่า คอนโดมิเนียมต้องมีพื้นที่ห้ามต่ำกว่า 20 ตารางเมตร ผู้ประกอบการทั้งหลายเลยจัดแบบ 21 – 25 ตารางเมตรกันมาเสียหลายแบบเลย ฟังดูก็ยังเล็กอยู่ดีใช่ไหมล่ะ แต่ว่าปัญหาห้องเล็กนั้นก็มีเทคนิคที่คนเราสามารถจะอยู่กับมันได้โดยไม่อึดอัดเกินไปอยู่นะครับ

สิ่งที่ช่วยให้ “พื้นที่เล็ก” นั้นถูกใช้งานอย่างคุ้มค่าและง่ายที่สุดก็มีหัวข้อหลักๆประมาณนี้
– การจัดวางตำแหน่งอย่างเหมาะสม
– การใช้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้ง
– การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์หลากฟังก์ชัน

1. การจัดวางตำแหน่งอย่างเหมาะสม
การจัดแต่งเฟอร์นิเจอร์นั้นทำได้หลากหลาย ถึงแม้จะอยู่ด้วยพื้นที่ที่เล็กลงแต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กขนาดกะทัดรัดเสมอไป เพียงแต่ควรหาตำแหน่งในการจัดวางในพื้นที่ที่เหมาะสม อย่าให้ขวางกั้นทางเดิน บดบังหน้าต่างหรือประตูบ้านก็พอ

พื้นที่เชื่อมต่อนั้นสำคัญมากต่อห้องขนาดเล็ก การ Built-In สามารถเข้ามาช่วยทำให้มีการต่อเนื่องของฟังก์ชันการใช้งาน ทำให้สูญเสียพื้นที่ว่างเปล่าน้อยลง และช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น เดินไปมาได้สะดวกและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ยกตัวอย่างจากในรูปพื้นที่การใช้งานจะไล่มาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการเสียเปล่าหรือ Waste Space เลย.. คือ พื้นที่วางตู้เย็น > ชุดครัว(มีหน้าบานและตู้เก็บของ) > ชั้นวางทีวี > ชุดตู้โชว์ ชั้นเก็บหนังสือ เก็บของ > ที่สำคัญพื้นที่ด้านล่างยังเป็นชั้นเก็บรองเท้าหรือเป็นที่เก็บของใช้ทั่วไปได้อีกด้วย

นอกจากนี้พื้นที่เชื่อมต่อที่พูดถึงนั้น ไม่ควร “กั้นพื้นที่” นะครับ พยายามสร้างความต่อเนื่องภายในพื้นที่ไว้ให้มากที่สุด ไม่ควรกั้นผนังทึบ เพราะจะยิ่งทำให้บ้านดูแคบลงไปอีก หากต้องการแบ่งพื้นที่ใช้งานภายในห้องควรกั้นผนังแบบโปร่ง โดยการทำชั้นวางของแบบเปิดโล่ง เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน หรืออีกวิธีหนึ่งคือ การแบ่งพื้นที่ด้วยการเปลี่ยนสีหรือพื้นผิวของพื้นและผนัง จะทำให้เรารับรู้สัดส่วนของพื้นที่อย่างชัดเจน และปรับเปลี่ยนอารมณ์เวลาเปลี่ยนพื้นที่ได้ด้วย

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ “เข้ามุม”
ก็ช่วยลดการสูญเสียพื้นที่ไปอย่างเปล่าประโยชน์ และทำให้ห้องของเราดูมีมิติและสมส่วนมากขึ้น แต่ก็อย่าลืมเว้นระยะให้กับพื้นที่บางส่วนเอาไว้ด้วยนะอย่างเช่นพื้นที่ของผ้าม่าน ประมาณ 20 ซม. หรือพื้นที่เดินเข้าไปทำความสะอาด

ภาพประกอบจาก Living Idea ตอนที่ 35 – การจัดครัวในพื้นที่เล็ก

การออกแบบและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ซ้อนในพื้นที่เดียวกัน ก็ถือว่าเป็นการประหยัดพื้นที่ได้ดีมากๆ สำหรับห้องเล็ก โดยเราสามารถวัดขนาดของพวกช่องพื้นที่เก็บของและเลือกซื้อหรือสั่งทำ ให้เก็บซ้อนหรือทับกันได้ อีกทั้งยังช่วยให้ดูมีระเบียบเรียบร้อยเวลาจัดเก็บและมีพื้นที่ทางเดินไปมาสะดวกได้มากขึ้นด้วย

2. การใช้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้ง

นอกจากพื้นที่ใช้สอยตามแนวราบขนาดของห้องแล้ว อย่าลืมมองข้าม.. พื้นที่แนวตั้งกันบ้างนะ เคยได้ยินไหมว่าโครงการนี้บอกว่าให้ห้องที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร ของเจ้านี้ให้ 2.80 เมตร บางเจ้าให้ถึง 3.0 เมตรเลยก็มี นั่นหมายถึงว่าคุณจะได้ปริมาตรห้องที่เพิ่มมากขึ้น หรือหมายความว่าจะได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มไปในตัวนั้นเอง

การติดตั้งชั้นวางของที่ผนัง เป็นการเพิ่มพื้นที่เก็บของ แทนที่จะวางของเกะกะไปทั่วห้อง ซึ่งจะทำให้ห้องเล็กๆของคุณดูรกและเล็กเข้าไปอีก แต่ก็อย่าให้ชั้นวางของนี้กินเนื้อที่ในแนวนอนมากเกินไป เพราะแทนที่ห้องจะดูโปร่ง กลับทำให้ดูรก ดูเยอะ ดูน่าอึดอัดเข้าไปอีก

ทีนี้เทคนิคการแต่งบ้านด้วยชั้นวางของติดผนังแนวตั้ง นอกจากจะสวยงามแล้วยังใช้ประโยชน์ได้มากมาย การแต่งบ้านในแนวตั้งลักษณะนี้ต้องอาศัยเฟอร์นิเจอร์เข้ามาช่วย อาจจะเป็นชั้นวางแบบเปลือย ชั้นวางแบบมีลิ้นชัก มีหน้าบานแบบเก๋ๆตามโทนสีความชอบตามแนวของแต่ละคน นอกจากนั้นชั้นวางของขนาดสูงแบบนี้จะมีพื้นที่ให้คุณได้เก็บสมบัติอย่างเหลือเฟือแล้ว ความสูงแบบต้องเงยหน้าขึ้นไปมองยังช่วยให้บ้านดูหรูหรามากขึ้น ดูมีลูกเล่น และก็มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนต่อเติมบ้านแล้ว

เคล็ดลับที่จะทำให้พื้นที่เล็ก ๆ ดูกว้างขึ้นก็คือ การใช้พื้นที่แนวดิ่งตามระนาบแนวกําแพงให้คุ้มค่าทุกตารางนิ้วด้วย ชั้นเก็บของแบบสูง จะเป็นชั้นแขวนกุญแจ หรือแม้แต่ใต้โต๊ะ เตียง โซฟา ก็สามารถประยุกต์ให้กลายเป็นคลังเก็บของสารพัดประโยชน์ได้นะ แต่อย่าลืมจัดระเบียบข้าวของในห้องทุกชิ้นอย่างสม่ำเสมอ หลังจากหยิบเข้าหยิบออกมาใช้งาน ไม่งั้นจะกลายเป็นรกกว่าเดิม

3. การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์หลากฟังก์ชัน

คอนโดขนาดเล็กอย่างห้อง Studio คงไม่เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์หลายๆชิ้นแน่นอน ถ้าเราเลือกซื้อมาจัดวางไว้เยอะเกินไปจะไม่เหลือที่ให้เดินเอา ไม่ยากครับ เรามีรุ่นพี่ให้ศึกษามาก่อนอยู่แล้วอย่างประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง ใต้หวัน ลอนดอน พวกนี้เค้าอยู่ด้วยคอนโดห้องไซส์เล็กๆกันมานานแล้วเพราะที่ดินใจกลางเมืองแพงสุดๆกันไปเลย เลยได้เห็นเฟอร์นิเจอร์ร่างผสม(แบบอเนกประสงค์) ที่ใช้งานได้อย่างหลากหลายในชิ้นเดียว เช่น ตู้เก็บของที่กางออกเป็นเตียงได้, Sofa-Bed (ได้ทั้งโซฟาและเตียง), โต๊ะกาแฟที่เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ หรือชั้นวางของที่ทั้งวางทั้งแขวนได้ในชิ้นเดียวกัน เป็นต้น

แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้จะต้องนำเข้ามาอย่างเดียวนะครับ อย่าลืมว่าช่างฝีมือหลายคนในประเทศเราก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน หลังจากเห็นไอเดียของประเทศเหล่านั้นแล้ว บวกกับคอนโดใจกลางเมืองบ้านเราที่เล็กลงเรื่อย ก็เลยมีผู้นำมาประยุกต์สร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์หลากฟังก์ชันในบ้านเราแล้ว เรียกได้ว่าซื้อแค่ชิ้นเดียวใช้งานได้ครอบคลุมจนไม่ต้องขนซื้อเฟอร์นิเจอร์มากชิ้นมาให้รกบ้าน

ทีนี้ผมจะพาไปดูทีละจุดของของเฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชันเหล่านี้ ว่าเป็นรูปแบบประมาณไหนให้เห็นหน้าของจริงกัน โดยจะไปดูทีละ Area เป็นส่วนๆไปว่าพื้นที่นี้ จะมีเฟอร์นิเจอร์ลูกเล่นแบบนี้
Living Area – ในส่วนของห้องนั่งเล่น เป็นส่วนเป็นหน้าตาหลักของห้องเพราะเป็นที่รับรองแขกไปใครมาในตัวด้วย ดังนั้นเลยอาจจะเห็นฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายในพื้นที่นี้ อาทิเช่น นั่งเล่นดูทีวี รับแขก เป็นพื้นที่ทำงาน มีชั้นเก็บของ บางทีก็มีมุมเป็นพื้นที่ทานอาหารด้วย

ลองนึกถึงว่าถ้ามีโต๊ะอาหารไซส์แบบ 2 ที่นั่งในห้อง Studio ดูสิครับ ถ้ามันวางอยู่ใกล้กับครัวถึงแม้จะอยู่ชิดผนังแล้วก็ตาม นอกจากขนาดหรือความยาวที่ดูเทอะทะเมื่อเทียบกับขนาดห้องแล้ว ยังกินพื้นที่ทางเดินอีก เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ด้านบนเป็นส่วนของชั้นวางของเป็นชั้นๆ แต่ลูกเล่นของมันคือ ดูจากหมายเลข 1 – 4 ถ้าเรากางชั้นด้านล่างออกมาจะกลายเป็นโต๊ะทานอาหาร หรือโต๊ะทำงานเล็กได้ แต่หมายเลข 5 – 7 ตัวโต๊ะนั้นสามารถยืดออกได้อีกครึ่งนึง ทำให้การเป็นโต๊ะทำงานที่ใหญ่ขึ้น หรือเป็นโต๊ะทานอาหารแบบสองที่นั่งได้ และสุดท้ายหมายเลข 8 – 9 นั้นยังเพิ่มเป็นที่รีดผ้าไปในตัวได้อีก ลูกเล่นมันช่างหลากหลายดีจริง

ใครนั้นชอบทำอาหารทานเองในบ้าน ชอบแบบมีพื้นที่ในการทานหน่อย ก็มีไอเดียของการ Built-In แบบนี้ครับ คือตอนที่เราออกแบบทำ Island พื้นที่ทำอาหารเพิ่มเราก็เสริมฟังก์ชัน โดยให้ด้านหลังก่อเป็น Wall ชั้นสูงขึ้นมาหน่อยเป็นชั้นเก็บของใช้เพิ่มเติมได้ หรือจะวางกระถางต้นไม้เพิ่มสีเขียวในห้องหน่อยตรงจุดนี้ก็ได้เพราะเห็นเด่นชัดมาก และถัดไปตรงนี้เราสามารถทำเป็นโต๊ะแบบพับขึ้นมา เจ้าโต๊ะพับนี้ก็เป็นได้ทั้งโต๊ะทานอาหาร หรือโต๊ะทำงานไปในตัวก็ได้นะ

หรือถ้าไม่ได้ Built-In ก็อาจจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว 2 in 1 แบบเจ้าชั้นวางทีวีตัวนี้ครับ ซึ่งหน้าบานของมันสามารถพับขึ้นมาและกลายเป็นโต๊ะทานอาหารขนาดเล็กได้ ถ้าจะประหยัดพื้นที่ขึ้นไปอีกก็เลือกเก้าอี้แบบพับเก็บได้ เวลาไม่ใช้ก็เก็บเข้าไปในตู้ชั้นวางทีวีนี่ด้วยซะเลย

ต่อมาดูไอเดียของโต๊ะกลางกันบ้าง เชื่อว่าในห้องขนาดเล็ก โต๊ะกลางนั้นคงกินพื้นที่ของบริเวณนั่งเล่นรับแขกกันพอสมควร เพราะฉะนั้น เราไม่ควรเลือกโต๊ะกลางแบบธรรมดา มาวางเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันโต๊ะกลางนั้นมีลูกเล่นหลากหลายให้เลือกกันมากมายแล้วนะครับ ยกตัวอย่างรูปภาพประกอบด้านบน ตัวโต๊ะนั้นสามารถแยกออกเป็นชั้นๆได้ เพื่อเอาไว้เก็บของใช้ได้ถึง 3 ชั้นด้านล่าง แยกเป็นหมวดหมู่ได้เลย

ส่วนแบบนี้หลายๆคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้วเพราะ Index ได้ทำมาหลายปีแล้วเหมือนกันนะ ตัวฟังก์ชันของมันคือ เป็นได้ทั้งโต๊ะกลางแบบปกติและก็สามารถยืดเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงาน ถ้าความสูงระดับนี้ก็สามารถเป็นโต๊ะทานอาหารเล็กๆแบบคนเดียวได้เหมือนกันนะ

สุดท้ายแบบของโต๊ะกลางที่ผมเห็นเป็นไอเดียจากเมืองนอก เจ้าโต๊ะกลาง+โซฟาตัวนี้เป็นแบบประกอบรวมร่างครับ การมีโต๊ะกลางแบบนี้จะช่วยในเรื่องของพื้นที่ทางเดินกลางห้อง ถ้าเราต้องการให้ห้องมีพื้นที่ทางเดินสะดวก เวลาไม่ได้ใช้งานก็รวมร่างไปกับโซฟาได้

โซฟาเบด เป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่เมื่อก่อนนั้นหาซื้อได้ยากมาก แต่ปัจจุบันนั้นมีให้เลือกกันหลากหลายเลยทีเดียวละ อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นด้วยพื้นที่เล็กลง ทำให้หลายคนมองเห็นว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและลงมาแข่งขันกันผลิต ผลดีก็ตกมาอยู่กับผู้บริโภคที่หาโซฟาขนาดเล็กและพ่วงฟังก์ชันแถมอย่างพวกเรานี่แหละครับ

ตัวอย่างโซฟาเบดตัวนี้ ถูกพัฒนาไอเดียให้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าทุกส่วน โดยสามารถกลายร่างจากโซฟาเป็นเตียงขนาดเล็กได้ และพนักวางมือด้านข้างสามารถเปิดเป็นช่องเก็บของใช้ อย่างหนังสือ พวกรีโมท มือถือ และมีการเจาะรูทำเป็นที่วางแก้วได้ด้วย และที่สำคัญคือจากตามร้านขายโซฟาเบดพวกนี้ สามารถสั่งทำโดยฟิคความยาวได้ด้วย ซึ่งเราสามารถวัดพื้นที่จากพื้นที่ห้องของเราไปสั่งทำได้อย่างพอดี

ไม่ได้มีแต่โซฟาเบดนะครับที่ยืดออกมาเป็นเตียงได้ สำหรับใครที่ต้องการ ลดพื้นที่ ในการวางเตียงนอนออกไป หรือ บางทีจะมีแขกแวะมานอนบ้างบางครั้งคราว ก็มีเจ้าโซฟาแบบนี้ที่สามารถแปลงร่างเป็นเตียง 2 ชั้นได้

หรือถ้าห้องของใครมีพื้นที่ของ Living Area ที่ขนาดไม่พอให้กางเป็นโซฟาเบด ก็คงต้องใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าโดยการเลือกโซฟาเป็นที่เก็บของใช้แบบนี้ละครับ โดยการสั่งทำเจาะรู เจาะช่องในพื้นที่ต่างๆ เน้นเปิดปิดเป็นช่องเก็บของในตัวให้จัดเก็บได้มากที่สุดที่ทำได้ครับ

Bedroom Area – จะสังเกตได้ว่าห้องนอนมักจะเป็น Area ที่กินพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดถ้าเทียบกับห้องอื่นๆ เพราะว่าจะต้องวางเตียงนอนนั่นเอง และยังมีโต๊ะหัวเตียงหรือชั้นเก็บของอื่น บางที่อาจจะมีโต๊ะทำงานอ่านหนังสือมารวมในห้องนี้ด้วยถ้าห้องนั่งเล่นเล็กเกินไป รวมไปถึงพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้งตู้เสื้อผ้าอีก ผมจะยกเคสตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์หลากฟังก์ชันในส่วนนี้ให้ดู

“เตียงนอน” เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่กินพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2-4 ตารางเมตรเลยนะครับ ส่วนใหญ่ห้องแบบเล็กจะมีปัญหาเรื่องระยะทางเดินรอบๆเตียงซึ่งมันช่างเหลือให้เดินแบบพอดี หรือไม่ก็ถึงขนาดต้องเดินตะแคงกันเลย แต่ว่าเจ้าเตียงตัวนี้ที่หยิบยกมาให้ดู มันสามารถพับเก็บไปกับผนังได้น่ะสิ… เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ
นอกจากนั้น พื้นที่ติดผนังหัวเตียงด้านข้างเราสามารถใช้ประโยชน์ต่อเนื่องได้ด้วย อย่างเป็นชั้นวางหนังสือ เก็บของอเนกประสงค์ หรือเป็นตู้เสื้อผ้าเก็บหมอนผ้าห่มได้ จะเห็นว่าการทำเฟอร์นิเจอร์แบบในรูปนี่จะใช้ประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอยได้เต็มที่จากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยล่ะ

เวลาแขกมาเยี่ยม หรือถ้าเราต้องการเดินไปมาอยากให้ห้องมีทางเดินกว้างขวางก็แค่พับเก็บขึ้น เจ้าเตียงพับแบบนี้มันจะติดตั้งพวกระบบโช๊ค รับน้ำหนัก Balance เอาไว้นะครับ ไม่ต้องกลัวมันหล่นใส่เราเวลามันไหลลงจะค่อยๆ Soft ไหลลงมาเบา รวมถึงตอนพับขึ้นเก็บด้วยเช่นกัน ถ้าใครอยากเห็นวีดีโอประกอบสามารถเข้าไปดูใน Youtube Channel ของ ThinkOfLiving : Living Idea ตอนที่ 34 – การจัดคอนโดขนาดเล็ก ได้นะครับ

“เตียงพับ” เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เนี่ย เมืองนอกเค้ามีกันมานานแล้วล่ะ ทำให้มันมีการพัฒนาลูกเล่นของมันไปอีกระดับนึงแล้ว อย่างเจ้าชิ้นนี้ ผมว่ามันเจ๋งมาก เป็นมัลติฟังก์ชันมากกว่า 2 อย่างขึ้นไป เป็นทั้งเตียง, โซฟา, ชั้นวางของแนวตั้ง โต๊ะทำงานและที่เก็บของใต้โซฟาได้ด้วย

สุดท้ายสำหรับเตียงนอน อันนี้เป็นไอเดียจากผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์อิตาลี Dielle ได้สร้างสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “Container Bed” ซึ่งเป็นเตียงนอนที่ออกแบบให้ยกสูงขึ้นจากพื้น โดยจะมีพื้นที่จัดเก็บอยู่ใต้เตียง มันเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ออกแบบมาสำหรับพื้นที่อยู่อาศัยขนาดเล็กที่มักจะไม่ได้มีพื้นที่จัดเก็บมากพอ
ด้วยการออกแบบที่เป็นแบบแยกส่วนการใช้งาน แต่ทุกอย่างล้วนเชื่อมต่อกันจึงสามารถปรับและเลือกมุมบันไดทางขึ้นเตียงได้ว่าจะให้อยู่ด้านไหนแล้วแต่ความสะดวก อีกทั้งพื้นที่ด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่งยังใช้เป็นชั้นเก็บของและชั้นวางหนังสือไปในตัว พื้นที่ใต้เตียงถูกใช้เป็นห้องเก็บเสื้อผ้าขนาดเล็กโดยมีประตูขนาดเล็ก ช่วยให้สามารถเข้าถึงเวลาใช้งานแบบง่ายๆโดยไม่ต้องยกเตียงขึ้น หรือถ้าต้องการใช้งานแบบเต็มที่ก็สามารถยกเตียงขึ้นเพื่อให้เข้าไปใช้จัดเก็บแบบเต็มที่ก็ได้

เคสนี้เป็นพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้งแต่งหน้า ซึ่งตำแหน่งจะอยู่ระหว่างโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้า แต่ดันติดที่ว่าเวลาเราจะหยิบจับเอาเสื้อผ้าจากบานฝั่งซ้ายจะทำได้ลำบากหน่อย เลยเอาตัวอย่างของโต๊ะเครื่องแป้งแบบพับเก็บติดผนังได้มีลิ้นชักในตัวด้วย ซึ่งเวลาใช้งานเสร็จก็พับขึ้นได้เลยและช่วยให้หยิบเสื้อผ้าทางฝั่งซ้ายได้ง่ายด้วย

เทคนิคเสริมอื่นๆที่ช่วยให้ห้องคุณดูไม่ “เล็ก”

– การเลือกสีผนัง ควรใช้โทนสีสว่างเป็นหลัก การทาผนังด้วยสีอ่อนอย่างสีครีม สีเทา สีเหลืองอ่อน หรือสีขาว จะช่วยให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นโดยทันที ฉะนั้นแทนที่จะแต่งบ้านด้วยสีมืดทึบ ก็เลือกแต่งบ้านด้วยสีอ่อนดีกว่า แถมสีนวลตายังช่วยให้บ้านดูสดใสและมีชีวิตชีวากว่ากันเยอะเลย

– การตกแต่งผนังด้วยลายทาง หากคุณรู้สึกว่าการใช้สีพื้นกับทั้งห้องดูราบเรียบเกินไป ลองทาสี, ติดวอลเปเปอร์ลายทาง หรือใช้ไม้กรุผนังแบบแนวตั้งดูสิ จะช่วยให้เพดานห้องดูสูงขึ้นอีกด้วย แต่ก็ควรระวังเรื่องสีที่เลือกใช้ ควรเลือกให้เข้ากับบรรยากาศของห้องและไม่ขัดกับเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่

– ใช้เฟอร์นิเจอร์ประเภทโปร่งแสง อะคริลิก หรือวัสดุแวววาว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ห้องไม่ดูมีการกระจายแสงและดูไม่ทึบ

– การติดกระจก สามารถขยายขนาดพื้นที่ให้ดูกว้างขวางขึ้นโดยไม่ต้องแต่งเติมอะไรเพิ่มเข้าไปเลย ลองติดบริเวณพื้นที่แคบหรือใกล้กับช่องแสงในห้องดู จะช่วยกระจายแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องเพิ่มได้ ถือเป็นเทคนิคทางสายตาอีกอย่างนึง แค่นี้บ้านก็ดูกว้างขึ้นแล้วครับ

– การเพิ่มแสงสว่าง แสงสว่างเปรียบเหมือนตัวช่วยขยายพื้นที่อีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้นหากจุดไหนที่มืดทึบไม่ค่อยมีแสงไฟ ควรติดตั้งโคมไฟเพิ่มเติมเข้าไป ก็ช่วยขยายมุมมองให้ดูกว้างขึ้นได้เหมือนกัน หรือจะตกแต่งผนังให้เล่นกับแสงไฟ โดยอาจจะทาสีสว่างๆตรงผนังแล้วติดตั้งโคมไฟแทรคไลท์ (Track Lighting) ตรงส่วนที่แสงไฟจะสะท้อนมากระทบ เท่านี้บ้านก็ดูกว้างและสบายตาขึ้นแล้ว

– การเลือกใช้กระเบื้อง และการปูพื้นกระเบื้องในแนวทแยงมุม จะช่วยหลอกตาให้บ้านดูกว้างขึ้นได้โดยทันที แต่ก็ต้องเลือกปูกระเบื้องโทนสีสีสว่างๆ ด้วยนะครับ

– การใช้ประตูบานเลื่อน ก็เป็นอีกทางออกที่ดีสำหรับห้องพื้นที่แคบ ซึ่งนอกจากจะลดพื้นที่ในการเปิด-ปิดประตูแล้ว ประตูบานเลื่อนยังช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้นไปอีกเพราะส่วนใหญ่จะเป็นบานกระจกทำให้แสงธรรมชาติส่องผ่านไปยังห้องต่างๆได้ด้วย ทำให้ห้องดูไม่มืดไปหมด


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving