นวัตกรรมเพื่อบ้านแห่งความสุข by MAGNOLIA ตอนที่ 1
ก่อนทำบ้านให้เย็นสบาย …. เรามาเข้าใจสภาพภูมิอากาศกัน

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวว่าเราเป็นทีมนักวิจัยฯ ของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่จะมาเล่าเกร็ดต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสร้างความสบายภายในบ้านในรูปแบบต่างๆ ให้กับเพื่อนผู้อ่านได้รับรู้เป็นตอนสั้นๆ ในซีรี่ยส์ของ นวัตกรรมเพื่อบ้านแห่งความสุขทั้ง 26 ตอน เพื่อให้สามารถเข้าใจและนำเทคนิคต่างๆ ไปปรับใช้ได้ด้วยตัวเองกันนะคะ

เนื้อหาของตอนแรกนี้ ก่อนที่เราจะทำบ้านให้เย็นสบายกันนั้น ขอแนะนำให้ “รู้จัก” และ “เข้าใจ” เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศบ้านเรากันก่อนเพื่อการนำเทคนิคต่างๆ ไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไปค่ะ

แน่นอนว่าทุกคนคงอยู่ในเมืองไทย ที่มีสภาพอากาศอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่คราวนี้เราจะมา “รู้และเข้าใจ” ที่มาของปัญหาการเกิดความร้อนจนอยู่ในบ้านแล้วรู้สึกไม่สบาย และความเข้าใจจะทำให้เรารู้ว่าจะจัดการกับสิ่งที่เป็นอยู่นี้อย่างไรให้เกิดความเย็นสบายกัน

สภาพอากาศบ้านเราเป็นอย่างไร
ประเทศไทยของเรามีอุณหภูมิอากาศร้อนชื้นเกือบตลอดทั้งปี

  • อุณหภูมิอากาศตอนกลางวันอยู่ระหว่าง 30-35 องศาเซลเซียส ความชื้นในอากาศ 50-70%RH
  • ตอนกลางคืนอยู่ประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส ความชื้นในอากาศ 70-90%RH

โดยทั่วไปคนเราจะรู้สึกสบาย หรือที่เรียกว่า “สภาวะน่าสบาย” เมื่ออุณหภูมิอากาศอยู่ที่ 22-27 องศาเซลเซียส ความชื้นในอากาศ 20-75%RH ซึ่งสภาพอากาศบ้านเราไม่อยู่ในช่วงดังกล่าว ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอยู่ตลอดค่ะ แต่หากสามารถปรับสภาพแวดล้อมรอบบ้านด้วยร่มเงา ต้นไม้ และละอองน้ำ จะช่วยให้อุณหภูมิรอบบ้านลดลงได้ และอยู่ในทิศที่ลมพัดผ่านเข้าบ้าน ก็จะช่วยให้พัดพาอุณหภูมิที่เย็นลงนั้นเข้าบ้านมาสร้างความรู้สึกเย็นลงได้อีกด้วย

แล้วลมประจำ….พัดมาทางทิศไหน
ความจริงแล้วลมจะมาจากทุกทิศทาง แต่จะมีทิศทางที่ลมพัดประจำอยู่ 2 ช่วงของปี คือ

  • ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – กันยายน ลมประจำอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้
  • ช่วงเดือนตุลาคม – มกราคม ลมประจำอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศเหนือ
  • ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศที่บ้านเราไปตั้งอยู่ด้วย เช่น ติดภูเขา แม่น้ำ หรืออาคารสูง ซึ่งจะทำให้ทิศทางของลมเปลี่ยนไปตามการกระทบและไหลของลม

ช่วงเวลาที่เราต้องการลมเพื่อการสร้างความรู้สึกสบายจะเป็นช่วงฤดูร้อน หรือช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งมีทิศลมประจำอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ ดังนั้น ช่องเปิดของบ้านควรหันมาทางทิศนี้ แต่ควรมีการปรับสภาพแวดล้อมให้อุณหภูมิลดลงก่อน ด้วยการสร้างร่มเงา ปลูกหญ้า ต้นไม้ และการระเหยของน้ำ เพื่อให้ลมพัดพาอุณหภูมิที่เย็นลงแล้วนั้นเข้ามาสร้างความสบายภายในบ้าน

รูปที่ 1 แสดงแนวคิดของโครงการแมกโนเลียส์ I ที่ได้มีการปรับปรุงพื้นที่รอบบ้านให้เป็นต้นไม้ หญ้า และมีการระเหยของน้ำจะช่วยลดอุณหภูมิให้สภาพแวดล้อมเย็นลงได้ และเลือกวัสดุปูพื้นที่น้ำซึมผ่านได้ ช่วยดึงความเย็นจากดินมาใช้ประโยชน์ได้

รูปที่ 2 แสดงลักษณะการเอียงของแสงแดดในช่วงเวลาต่างๆ ทิศเหนือจะเป็นทิศที่โดนแดดน้อยที่สุด และทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตกจะได้รับอิทธิพลจากแสงแดดมาก โดยเฉพาะยิ่งช่วงบ่ายที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดของวัน

แสงแดดมาพร้อมความร้อน…จากทางทิศไหน
การขึ้น-ลงของดวงอาทิตย์มีผลต่อความร้อนโดยตรง แต่ละวันแสงแดดตอนเช้าเริ่มจากทางทิศตะวันออก อ้อมเอียงไปทางทิศใต้ (หรือเหนือ) และเอียงต่ำทางทิศตะวันตกในตอนเย็น

  • แดดเอียงอ้อมไปทางทิศเหนือ ช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม (4 เดือน)
  • แดดเอียงอ้อมไปทางทิศใต้ ช่วงเดือนมกราคม – เมษายน และเดือนกันยายน – ธันวาคม (8 เดือน)

การเอียงทำมุมกับอาคารนี้เองที่มีผลต่อการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน หากเราเข้าใจจะสามารถหันทิศทางอาคารในทิศที่โดนแดดน้อยได้ หรือการบังแดดในทิศที่ได้รับอิทธิพลจากแสงแดดโดยตรง

นอกจากนั้น ช่วงบ่ายที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดของวันประกอบกับทิศทางการเอียงของแสงแดด ทำให้ทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตกได้รับอิทธิพลจากแสงแดดเฉลี่ยมากที่สุดตลอดทั้งปี ดังนั้น อาคารต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงการทำผนังในทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตก เพื่อลดพื้นที่การรับอิทธิพลจากแสงแดดให้มากที่สุด

เมื่อเรา “รู้และเข้าใจ” สภาพอากาศบ้านเราแล้ว ตอนต่อไปจะเป็นการแนะนำเทคนิคทำให้บ้านของเราเย็นขึ้น แนวทางการออกแบบที่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงความร้อนให้กับอาคาร พร้อมกับแนวทางการเพิ่มความรู้สึกสบายภายในอาคารกันนะคะ

แบ่งปันข้อมูล : ฝ่ายวิจัยและพัฒนา
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด