สวัสดีครับ วันนี้ทาง Think of Living  ขอแนะนำคอลัมน์ใหม่ “Vintage Style by ORIGIN” ที่จะหยิบเรื่องราวสไตล์ Vintage ย้อนยุคแต่ร่วมสมัยมาพูดถึง อันเป็นสไตล์การแต่งบ้านยอดนิยมที่มีผู้ชื่นชอบจำนวนมาก ถึงขนาดมีร้านขายของแต่งบ้าน Vintage โดยเฉพาะ หรือแม้แต่ SB Furniture ที่ยังต้องออกคอลเลคชั่น Vintage Passion แยกเป็นร้านใหญ่มากมาให้ตลาดกลุ่มนี้ … ทางเราจึงอยากจะนำเสนอความเป็น “วินเทจ” ให้กับผู้อ่านที่ชื่นชอบทุกคน ซึ่งคอลัมน์นี้ได้รับการสนับสนุนโดย Origin Property และเขียนโดยคุณ Vintage Hart ครับ

Vintage is all around!

ทุกๆวัน เราเห็นสิ่งต่างๆมากมายเข้ามาในชีวิต ทั้งผู้คนมากมาย นกที่เกาะบนต้นไม้ ใบไม้ที่ปลิวไหว หรือแม้แต่สิ่งของที่หยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว สิ่งเหล่านี้เราคุ้นชินกับมันจนเราไม่รู้สึกอะไรกับมันจนเราเองก็ลืมไปว่ามีสิ่งเหล่านั้นอยู่ด้วยซ้ำ แต่หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า “Love is all around” ใช่แล้ว… ความรักก็อยู่รอบๆตัวเรานั้นล่ะ เพียงแค่เราสังเกต เราก็จะมองเห็นประเด็นเล็กๆที่ทำให้หัวใจอบอุ่นขึ้นมา และมีความสุชในทุกๆวัน ความเป็น Vintage ก็เช่นกัน มันก็อยู่รอบตัวเรา เพียงแค่เปิดตา เปิดใจ รับสัมผัสความแปลกใหม่แต่ก็แฝงด้วยประวัติความเป็นมา มีความอบอุ่นแต่ก็แฝงด้วยความทันสมัย และบางครั้งก็ทำให้เรานึกถึงวันเก่าๆที่มีความหมายอีกด้วย

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน Think of Living อยากบอกกับทุกๆคนเหมือนกันว่าในเมื่อความรักอยู่รอบตัวเราได้ ความเป็น vintage ก็อยู่รอบตัวเราเช่นกันค่ะ ก่อนอื่นเลย ถ้าเอ่ยคำว่า Vintage เนี่ย… หลายคนคงสงสัยว่ามันคืออะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความรักหรือเปล่า แน่นอนคะว่า vintage เนี่ย ถ้ารู้จักก็คงรักเลย!

ขอบคุณที่ให้การสนับสนุน Vintage Style ค่ะ

Vintage (วินเทจ) เป็นศิลปะการนำเอาสิ่งที่เคยเป็น เคยมีในอดีตมาตกแต่ง มาประยุกต์ให้เข้ากับศิลปะปัจจุบันอย่างลงตัว และได้ความทันสมัยที่แฝงด้วยความอบอุ่น ตามความหมายดังเดิมของคำนี้มาจากการผลิตไวน์ ซึ่งด้วยคุณสมบัติพิเศษของไวน์นั้นคือ ยิ่งบ่มนาน ยิ่งรสชาติดี ไวน์บางขวดมีประวัติความเป็นมายาวนานมาก และทำให้มีคุณค่าในตัวของมัน ผู้ที่ได้ลิ้มลองไวน์รสเลิศ คงเข้าใจความรู้สึกนี้ จนเป็น Wine Lover ในที่สุด

Vintage อาจจะมีความใกล้เคียงกันกับของเก่าอย่าง Antique แต่สิ่งสำคัญคือของเก่าหรือการนำแฟชั่นในอดีตมาทำใหม่ หรือนำกลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง ต้องไม่โทรม ไม่ดูแล้วมอมสกปรก ซึ่งเมื่อนำมาใช้งานมักจะไม่ค่อยลงตัว ถ้าเป็นบ้านก็เหมือนบ้านร้างเก่าๆ ถ้าเป็นเสื้อผ้าก็ปะๆขาดๆ ออกแนวลดเกรดคนใช้อีกต่างหาก

การนำของ Vintage มาใช้งานจริงจะต้องได้ผลที่ตรงข้ามคือ ลงตัว มี Style ดูดีมีศิลปะ และในความเป็น vintage นั้น บางสำนักมีการกำหนดเป็นปี เช่น หากของสิ่งนั้นอายุเกิน 20-100 ปีขึ้นไป แล้วนำมาตกแต่งได้ผลที่ลงตัว มีรสนิยม มีศิลปะ ดูเท่ห์และดูเก๋า แต่ถ้าหาก นานไม่ถึงแล้วนำมาใช้ อาจจะดูเชยดูตกยุคแทนมากกว่า หรือไม่ก็ดูกันไม่ออกไปเลยว่า vintage เพราะไม่ต่างจากของปัจจุบันเท่าไหร่นัก

ยกตัวอย่างความเป็น Vintage นั้นอยู่รอบตัวเรา ง่ายๆก็เช่น การแต่งตัวแบบ vintage คือการนำเสื้อผ้าที่ดูเหมือนแฟชั่นย้อนยุคนำมาใช้อีกครั้ง ก็จะได้อารมณ์ที่อ่อนหวาน นุ่มนวล ดูมีเสน่ห์

ลอง mix and match เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แว่นตา อาจจะได้ look ใหม่ๆที่ดูดีก็ได้

หรือของแต่งบ้านแบบ Vintage เซ็ตนี้ก็ทำให้ได้อารมณ์ของความคลาสสิค ดูมีระดับ หรูหราขึ้น มีศิลปะจนผู้มาเยือนรู้ว่าเจ้าของบ้านเป็นคนมี Taste นะเนี่ย

เราเริ่มสัมผัสได้ถึงความเป็น vintage กันแล้วใช่ไหมคะ อยากบอกว่าคนที่มีหัวใจรักงาน Vintage จะมีลักษณะสำคัญคือการช่างสังเกต และใช้ idea ประยุกต์ใช้ของ ท้าทายความคิดต้านแรงโน้มถ่วงความเชยสูง สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรามีหลายอย่างคะที่แสดงออกถึงความเป็น vintage เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กำไล กรอบรูป โคมระย้า เก้าอี้ กล่องใส่ของ รูปถ่าย กุญแจ เข็มกลัด หมวก และอื่นๆอีกมากมาย บรรยายไม่จบจริงๆ เอาเป็นว่าครั้งหน้าจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกครั้งว่า สิ่งรอบตัวเราที่เรียกว่า Vintage มีอะไรอีกบ้าง และมันเป็นยังไง สำหรับวันนี้ ลองสังเกตของรอบตัวเป็นการบ้าน หรือลองขอดูของเก่าๆที่คุณปู่คุณย่าเก็บไว้ก็ได้นะคะ รับรองว่าเจอของที่เรียกว่า Vintage แน่นอนคะ…

ขอขอบคุณข้อมูล จาก www.roommag.com, http://chenli.exteen.com, www.welovestreetfashion.com

Vintage Hart