สวัสดีค่ะ.. แฟนๆบ้าน “ภูริปุรี” ที่ชื่นชอบดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน วันนี้มีโครงการเปิดใหม่ที่เราจะพาไปแนะนำ กับโครงการ BaanPuripuri ลาดพร้าว 41 Home Office ซึ่งเป็นตัวแรกของทาง ABVJ ที่หันมาทำโฮมออฟฟิศขนาดกลาง ต้อนรับยุคสมัยที่คนหันมาทำ Startup กันมากขึ้น พร้อมดีไซน์โดดเด่น และคงกิมมิคของแบรนด์ไว้ ทั้งพื้นที่สีเขียว+ช่องแสงขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมี Highlight อื่นๆ ที่น่าสนใจอะไรบ้าง

  • ทำเล : ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 41 แยก 6-7  หรือคนในย่านนี้เรียกกันว่าซอยภาวนา ที่สามารถเข้าออกได้หลากหลายเส้นทาง ทั้งถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก และถนนลาดพร้าว-วังหิน ใกล้สี่แยกรัชดา ซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้า Interchange ในอนาคตด้วยนะคะ
  • รูปแบบ : ลักษณะโครงการไม่จัดสรร ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนกลางรายปีให้จุกจิกกวนใจ มีแบบบ้านทั้งหมด 6 ยูนิต โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 3 ยูนิต ที่มีแปลงมุมมากถึง 4 ยูนิต ข้อดีคือตัวบ้านไม่ติดกัน ได้ความเป็นส่วนตัว
  • ฟังก์ชันตัวบ้าน : ตัวบ้านหน้ากว้าง 7.5 เมตร ที่ดิน 30-39 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม. รองรับพื้นที่จอดรถมากถึง 6 คัน ซึ่งถือว่าเยอะกว่าโครงการในละแวกนี้เลยนะคะ ตัวโครงการออกแบบมาสำหรับทำโฮมออฟฟิศเป็นหลัก
  • ช่องแสงขนาดใหญ่ : การวางบันไดไว้ฝั่งเดียวยาวตั้งแต่หลังบ้านจนถึงหน้าบ้าน ทำให้สามารถเปิดช่องแสงได้ถึง 3 ด้าน ที่ทำให้ลืมบรรยากาศทาวน์โฮมแบบเดิมๆไปเลยนะคะ แถมยังช่วยเพิ่มบรรยากาศในการทำงานอีกด้วย

ข้อมูลโครงการ

Baan Puripuri Ladprao 41 Home Office (บ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41 โฮมออฟฟิศ) ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564

 ชื่อโครงการ   BaanPuripuri Ladprao 41 Home Office (บ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41 โฮมออฟฟิศ)
 ชื่อผู้ประกอบการ    บริษัท ABJV
(เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Assetwise กับบริษัท บ้านภูริปุรี จำกัด)
 SEGMENT CLASS   LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ซ.ลาดพร้าว 41 แยก 6-7 เขตจตุจักร
 ที่ดิน  0-2-24.1 ไร่
 จำนวนยูนิต  จำนวน 6 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Standard ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 30 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 1 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 16.5 ล้านบาท (Promotion)
  • Corner ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 39 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 1 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 17.7 ล้านบาท (Promotion)

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   ชั้น 1 : 2.3 ม. ชั้น 2+ลอย 2.9 ม. ชั้น 3 : 3.3 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ                      55,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2563
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2565
 เว็บไซต์โครงการ   https://assetwise.co.th/house/baanpuripuri-ho-lp41/
 โทร   02-168-0000
 Call Center   N/A 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.808099, 100.587101
หรือสามารถ : คลิกที่นี่ 

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

BaanPuripuri ลาดพร้าว 41 Home Office ตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าว-วังหิน ซึ่งเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยโครงการจัดสรรแนวราบเยอะเลยนะคะ เพราะด้วยศักยภาพของทำเลนี้ถือว่าใกล้แหล่งงาน และเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก โดยถ้าสังเกตดีๆเราจะเห็นว่าทำเลนี้ถูกรายล้อมไปด้วยถนนหลัก 5 เส้น ได้แก่ ถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนพหลโยธิน, ถนนประเสริฐมนูกิจ และถนนประดิษฐ์มนูธรรม ที่มีถนนย่อยภายในเชื่อมต่อถึงกันได้หมด คนแถวนี้จึงใช้เป็นเส้นทางลัดเลาะเลี่ยงรถติดได้ดีเลยทีเดียว เนื่องจากทางแยกต่างๆของย่านนี้ก็มีการจราจรหนาแน่นทีเดียว

โดยทำเลอยู่ไม่ไกลจากแหล่งงาน เช่น รัชโยธิน, รัชดา-พระราม 9, ห้าแยกลาดพร้าว-จตุจักร, เกษตรนวมินทร์ เป็นต้น ข้อดีของการที่เลือกโฮมออฟฟิศในย่านนี้ นั้นก็คือรายล้อมด้วยรถไฟฟ้าหลากหลายสาย ทั้ง BTS สายสีเขียว, MRT สายสีน้ำเงิน และ Monorail สายสีเหลือง ที่ทำให้พนักงานเดินทางมาทำงานได้ง่าย โดยตัวโครงการจะอยู่ภายในซ.ลาดพร้าว 41 แยก 6-7 ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 1.2 กม. นั่นเองค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์ : นอกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ตามถนนหลัก ทั้งบริเวณห้าแยกลาดพร้าว (เซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนียนมอลล์) และเลียบด่วนรามอินทรา (เซ็นทรัลอีสวิลล์, CDC, Crystal Park รามอินทรา) ก็ยังมี Hyper Market คอมมูนิตี้มอลล์ และร้านอาหาร กระจายตัวภายในถนนลาดพร้าว-วังหิน-โชคชัย 4 ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เหมาะเป็นสถานที่ทำงาน ที่พนักงานสามารถหาของกินได้ง่ายเลยนะคะ

ส่วนการใช้งานทางด่วนนั้น ใกล้ๆก็มี “ทางด่วนพิเศษฉลองรัช” หรือคนในย่านเรียกกันติดปากว่า ทางด่วนรามอินทรา ซึ่งข้อดีคือมีซอยย่อยให้ใช้งาน โดยใช้ถนนสังคมสงเคราะห์ และถนนโชคชัย 4 ที่ไม่ต้องออกมาเจอรถติดบนถนนลาดพร้าว ระยะทางประมาณ 7.3-8.4 km. ซึ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนจะมีปริมาณรถหนาแน่นทีเดียว เนื่องจากย่านลาดพร้าวเป็นโซนที่มีบ้านพักอาศัยเป็นจำนวนมาก ยังไงก็อย่าลืมเผื่อเวลาเดินทางกันไว้ด้วยนะคะ

ปลายปี 2565 รถไฟฟ้าสายสีเหลือง “ลาดพร้าว-สำโรง” ก็จะเปิดให้บริการกันแล้วนะคะ โดยเป็นรถไฟฟ้าระบบรางเดี่ยว หรือ Monorail ทั้งหมด 23 สถานี ที่จะวิ่งอยู่บนถนนเส้นหลักอย่าง ถนนลาดพร้าว ถนนศรีนครินทร์ และถนนเทพารักษ์ ไปสิ้นสุดที่ถนนสุขุมวิท เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวใต้ (BTS แบริ่ง)

โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือ “สถานีภาวนา” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้กับหน้าปากซอยลาดพร้าว 41 มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.2 km. ทำให้ต้องนั่งพี่วินมอไซค์เข้ามาในโครงการอีกทีนะคะ หรือจะนั่งรถกระป้อไปลงที่ปากซอยลาดพร้าว 41 แยก 6-7 ก็ได้ แล้วค่อยต่อพี่วินหรือเดินเข้าไปประมาณ 350 เมตร ก็ได้นะคะ

การเดินทางในวันนี้ เราขอเริ่มจากแยกรัชดา-ลาดพร้าว ให้ขับตรงมาเรื่อยๆ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยลาดพร้าว 41 หรือคนย่านนี้เรียกกันติดปากว่า “ซอยภาวนา” > หลังจากนั้นให้ขับตามทางไปเรื่อยๆ ซึ่งจะต้องเลี้ยวซ้าย-ขวา เยอะนิดนึงนะคะ แต่ก็ขับไม่ยากเพราะเส้นทางบังคับอยู่แล้ว > จากนั้นเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 41 แยก 6 (ที่สามารถขับไปออกถนนลาดพร้าว-วังหิน) แต่ให้เราเลี้ยวซ้ายที่แยก 6-7 นะคะ (ระวังขับเลยซอยนะ) > โดยหลังจากนั้นให้ขับตรงไป โครงการจะอยู่ฝั่งขวามือนะคะ / ซึ่งบรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไรบ้าง เราไปชมภาพด้านล่างพร้อมๆกันได้เลยค่ะ

Image 1/15
เริ่มต้นการเดินทางที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ขับผ่านแยกไปวิ่งบนถนนลาดพร้าว

เริ่มต้นการเดินทางที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ขับผ่านแยกไปวิ่งบนถนนลาดพร้าว

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อม : บริเวณโดยรอบโครงการจะเป็นชุมชนแนวราบทั้งหมดเลยนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น และบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น โดยฝั่งตรงข้ามเป็นหอพักสูง 8 ชั้น บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ถนนทางเข้าบ้าน ถัดไปเป็น+หอพักสูง 8 ชั้น
  • ทิศใต้ : ติดกับ พื้นที่บริษัท + อาคารสูง 3 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ร้านจักรยานไฟฟ้า(บ้านสูง 2 ชั้น)
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น

บรรยากาศถนนด้านหน้าโครงการ : ถนนสาธารณะกว้างประมาณ 7 เมตร ขับรถสวนทางก็ได้สบายๆ โดยโครงการตั้งอยู่ฝั่งขวามือ ตัวบ้านวางเป็นแนวยาวขนานไปกับถนนเลยนะคะ / สุดซอยนี้จะเป็นทางตัน ที่มีรถขับผ่านไปมาน้อยนะคะ

ปัจจุบันตัวบ้านอยู่ระหว่างก่อสร้างทั้งหมด 6 ยูนิต คาดว่าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ช่วงปี 65 นะคะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า/ตลาด

  • ตลาดโชคชัย 4 ~ 2.7 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลเฟสติวัลอีสต์วิลล์ ~ 4.4 กิโลเมตร
  • Big C Extra ลาดพร้าว 2 ~ 4.5 กิโลเมตร
  • เดอะคริสตัล​พาร์ค​ ~ 5.1 กิโลเมตร
  • เมเจอร์รัชโยธิน ~ 6 กิโลเมตร
  • CDC ~ 6.1 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 6.4 กิโลเมตร
  • ตลาดหัวมุม ~ 6.6 กิโลเมตร
  • สวนจตุจักร ~ 7.6 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 8.7 กิโลเมตร

โรงเรียน/มหาวิทยาลัย

  • มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ~ 3.6 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ~ 5.8 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ~ 7 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ~7.7 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

ในส่วนของโครงการจัดสรรและไม่จัดสรร นั้นจะมีข้อกำหนดทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องจำนวนยูนิตในโครงการ พื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ซึ่งรูปแบบของอาคารไม่จัดสรรอย่างโครงการ BaanPuripuri ลาดพร้าว 41 Home Office ก็จะเป็นการซื้ออาคารพร้อมที่ดินครั้งเดียวและจบเลยค่ะ ไม่มีพันธะเรื่องค่าส่วนกลาง การประชุมหมู่บ้าน เลือกนิติบุคคลอะไรต่างๆตามมา ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ชอบการที่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายจุกจิกต่างๆ และไม่ต้องการใช้พื้นที่ส่วนกลางอยู่แล้วนั่นเองค่ะ โดยส่วนตัวเรามองว่าเหมาะกับอาคารที่ทำเป็น Home Office อยู่พอสมควร คนที่ติดต่อ เข้า-ออกก็มาได้เลยไม่ต้องแลกบัตรใดๆ

  • เรื่องระบบรักษาความปลอดภัย : ด้วยความที่ตัวบ้านติดถนนสาธารณะ โครงการติดตั้งประตูบานเลื่อนระแนงกลม + รีโมทเปิด-ปิดอัตโนมัติ สูง 2.7 เมตร, พร้อมรั้วรอบบ้านสูง 2.7-2.9 เมตร และภายในบ้านติดตั้ง CCTV ทั้งหมด 4 ตัว + Digital Door Lock ถึง 2 จุด
  • เรื่องที่จอดรถ : หลายๆโครงการก็จะใช้ถนนส่วนกลางเป็นที่จอดรถเพิ่มเติมแต่โครงการนี้สัดส่วนพื้นที่จอดรถในที่ดินของตัวเองก็สามารถจอดได้ 6 คันอยู่แล้ว ถือว่าปริมาณมากกว่าหลายๆโครงการในละแวกนะคะ
  • เรื่องความเป็นส่วนตัว : ด้วยความเป็นทาวน์โฮมที่มีผนังติดกับเพื่อนบ้าน แต่โครงการจัด Layout ให้ส่วนใช้งานไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลย ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงออกแบบให้กำแพงหนาถึง 20 ซม. ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี

ก่อนไปดูบรรยากาศภายในโครงการ เรามาพูดถึง Master Plan โครงการนี้กันสักหน่อยก่อนนะคะ BaanPuripuri ลาดพร้าว 41 Home Office มีทั้งหมด 6 ยูนิต แบ่งขายออกเป็น 2 ช่วง ข้อดีคือทำให้มีแปลงกลางเพียง 2 ยูนิต (A2,A5) และแปลงมุม 4 ยูนิต (A1, A3, A4, A6) โดยบ้านหลังมุมจะได้พื้นที่ด้านข้างใช้งานเพิ่มเติม แต่ที่น่าสนใจคือถ้าใครซื้อบ้านแปลง A3,A4 จะสามารถจอดรถเพิ่มได้มากถึง 9 คันเลยนะคะ

Layout ตัวบ้าน : ถ้าเราสังเกตดีๆโครงการออกแบบให้บันไดวางไว้ฝั่งเดียวกันติดกับผนังเพื่อนบ้าน และการที่โครงการวางตัวบ้านมาช่วงละ 3 หลัง ทำให้ตัวบ้านใช้งานจริงๆ ไม่ติดกัน และวางส่วนบันไดเอาไว้ติดกันแทนนะ นอกจากนี้การวางบันไดไว้ฝั่งเดียว ทำให้ช่องแสงส่องเข้ามาได้ถึง 3 ฝั่งเลย โปร่งโล่งดี

หลังจากที่ประสบความสำเร็จ และได้รับทั้งเสียงตอบรับที่ดี ทั้งจากกลุ่มลูกค้าจริง และรางวัลในการออกแบบมาแล้วมากมายจากหลายโครงการก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวแรกของทาง ABJV ที่ทำเป็น Home Office ซึ่งตัวนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ พื้นที่สีเขียว + ช่องแสงขนาดใหญ่ แต่ตัวนี้การออกแบบจะไม่มีเหมือนตัวที่ผ่านๆมา เพราะเป็นการออกแบบพื้นที่ทำงาน ที่แตกต่างกับพื้นที่อยู่อาศัยทั่วไป ส่วนรายละเอียดมีอะไรน่าสนใจบ้าง และเราจะมีความคิดเห็นกับโครงการนี้อย่างไร ไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ระบบ CCTV ภายในบ้านทั้งหมด 4 ตัว
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.7-2.9 เมตร
  • ประตูบานเลื่อนระแนงกลม มีรีโมทเปิด-ปิดบานเลื่อนอัตโนมัติ

แบบบ้าน

จุดที่น่าสนใจของการออกแบบ

  • เรื่องแรก คือ โครงการโฮมออฟฟิศที่เรามักจะเห็นส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนทาวน์โฮมหรือว่าตึกแถวที่มีผนังด้านข้างติดกับเพื่อนบ้าน แต่ที่ Ban Puripuri Home Office จะมีลักษณะเป็นทาวน์โฮมที่ตัวบ้านไม่ติดกัน
  • เรื่องที่สอง คือ การวางโถงบันได หรือ Main Service ไว้ฝั่งเดียวกันกว้างประมาณ 2 เมตร พร้อมหลังคา Skylight ที่ทำให้สามารถวางต้นไม้ใหญ่ภายในอาคาร รวมถึงไม่ว่าจะอยู่จุดไหนของบ้านก็สามารถ
    ใกล้ชิดธรรมชาติได้นะ (แสง ท้องฟ้า และพื้นที่สีเขียว)
  • เรื่องที่สาม คือ การออกแบบ Facade ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น โดยออกแบบเป็นเสารูปทรงกระบอก ขนาดและสีแตกต่างกัน ที่ช่วยเพิ่มแสงเงา และทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้น ได้ความเป็นส่วนตัว แต่ยังได้แสงสว่างจากภายนอกอยู่นะคะ
  • เรื่องที่สี่ คือ การแบ่งแยกพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วน ได้แก่ ส่วนพักอาศัยแยกกับพื้นที่ทำงานชั้นล่าง, พื้นที่โถงบันได (Main Service) แยกกับพื้นที่ทำงาน  ไม่รบกวนการใช้งานกันเอง
  • เรื่องสุดท้าย ปิดท้ายด้วยพื้นที่จอดรถ ซึ่งโครงการก็จัดเต็มมาให้ถึง 6 คันเป็นมาตรฐาน ส่วนถ้าเป็นบ้านแปลงมุมก็สามารถจอดรถเพิ่มได้ถึง 9 คันด้วยนะ

**ขอเสริมอีกสักหน่อยนะคะ สำหรับบ้านทาวน์โฮมของโครงการนี้จะก่อสร้างด้วยผนังก่ออิฐหนา 20 ซม. ที่ทำให้ไม่มีเสาภายในบ้าน จัดวางพื้นที่การใช้งานได้ง่ายขึ้น รวมถึงป้องกันเสียงรบกวนได้ดี ส่วนพื้นเป็นลักษณะ Post-Tension ที่ตัวพื้นไม่หนามาก และทำให้ Floor to Floor สูง 2.9-3.3 เมตร นอกจากนี้โครงการยังติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Cassette Type มาให้ถึง 5 จุด ภายในบ้าน

แบบบ้าน – ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 30 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม. ฟังก์ชัน 1 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ ในราคาเริ่มต้น 16.5 ล้านบาท (Promotion) ก่อนจะเข้าไปในตัวบ้านเรามาดูแปลนกันก่อนนะคะ

  • ชั้นที่ 1 : ชั้นล่างเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด 6 คัน ซึ่งถ้าใครอยากติดตั้งลิฟต์ก็สามารถติดได้ในตำแหน่งเดียวกับในแปลนเลยนะคะ แต่ก็จะเสียที่จอดรถไป 1 คันเลยนะคะ นอกนั้นจะมีพื้นที่เก็บของใต้บันได และห้องน้ำ 1 ห้อง ถัดไปฝั่งซ้ายมือสุดเป็นพื้นที่โถงบันได (Main Service) วางตัวเป็นแนวยาวจากหน้าบ้านจนถึงหลังบ้านแยกกับส่วนที่ใช้งาน
  • ชั้นที่ 2 : ลักษณะพื้นที่ทำงานเต็มชั้น โดยจะวางเป็นแนวยาวตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงหลังบ้านที่แยกกับพื้นที่ทำงาน ด้านหลังบ้านฝั่งซ้ายเป็นตำแหน่งห้องน้ำ Powder Room ที่หน้าห้องน้ำทำเป็น Pantry ครัวเพิ่มเติม นอกจากนี้ด้านหน้าบ้านยังเป็นตำแหน่ง Double Volume สูง 6 เมตร พร้อมช่องแสงสูงทำให้ห้องนี้ดูค่อนข้างโปร่งที่เดียวค่ะ
  • พื้นชั้นลอย : พื้นที่ทำงานครึ่งชั้นพร้อมกระจกรอบด้าน ที่แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่ และมองเห็นพื้นที่สีเขียวบริเวณบันไดได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังต่อเนื่องกับ Double Volume ด้านล่าง ส่วนด้านหลังมีห้องน้ำ Powder Room ให้ใช้งาน 1 จุด
  • ชั้นที่ 3 : เป็นห้อง Master Bedroom แบบเต็ม Floor เลยนะคะ ที่แบ่งโซนการใช้งานได้ตามใจชอบเลย โดยวางเป็นแนวยาวจากหน้าบ้านถึงหลังบ้าน ที่นอกจากการจัดเป็นห้องนอนแล้ว ยังเพิ่มเติมเป็นพื้นที่ Private Living, พื้นที่ครัว + โต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ ซึ่งบริเวณนี้โครงการเตรียมงานระบบมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ

Facade ดีไซน์

ถัดมาขอพามาดูจุดชูโรง หรือคอนเซ็ปต์ของโครงการกันต่อ กับไอเดียที่ออกแบบบ้านให้เป็นมากกว่าทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ทั่วไป เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานแสงสว่างในเวลากลางวัน สำหรับคนทำงาน ดังต่อไปนี้

  • Facade : ออกแบบให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยการเลือกใช้เสารูปทรงกระบอก  ที่มีขนาดและสีแตกต่างกัน ทำให้เวลาแสงตกกระทบจะทำให้เกิดแสงเงาที่แตกต่างกันไป ตัวอาคารดูมีมิติ แถมยังช่วยบังแดดเวลาทำงานได้อีกด้วยนะคะ
  • ช่องแสง : ถูกออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าถึงทั้งด้านหน้าอาคาร ด้านข้าง และด้านหลัง ที่เข้าได้ถึง 3 ด้าน แต่สำหรับแปลงมุมนั้นจะมีช่องเปิดรอบทิศเหมือนบ้านเดี่ยวเลยนะคะ พร้อมหน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติเต็มที่
  • พื้นที่สีเขียว : ออกแบบให้มีพื้นที่ปลูกต้นไม้กระจายอยู่ทั่วบ้าน ที่ไม่ว่าเราจะอยู่ตำแหน่งไหนก็สามารถมองเห็นต้นไม้ได้จากมุมทำงาน ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการทำงาน

บริเวณ Facade หน้าบ้านแปลงมุมนั้น เราจะได้เสาทรงกระบอก 2 ฝั่ง พร้อมขนาดและสีที่ไม่เท่ากัน รวมถึงความสูงของเสาที่ทำให้ตัวบ้านดูสูงชะลูด สวยงามดี

เสาบริเวณนี้จะไม่เป็นทรงกลมซะทีเดียวนะคะ ทางโครงการออกแบบเป็นลักษณะเหลี่ยมนิดๆ ที่เวลาแสงตกกระทบจะทำให้เสาดูมีมิติมากขึ้นนะคะ

ทางเข้าและที่จอดรถ

ประตูประตูบานเลื่อนระแนงกลม มีรีโมทเปิด-ปิดบานเลื่อนอัตโนมัติ โดยมีความสูง 2.7 เมตร เท่ากับรั้วข้างบ้าน เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงติดตั้ง CCTV มาให้บริเวณชั้นล่าง 2 จุด ความสูงบริเวณนี้  2.4 เมตร ซึ่งก็เพียงพอที่รถใหญ่จอดได้นะคะ

พื้นที่จอดรถกว้าง 5.1 เมตร ลึกเท่าตัวบ้านที่สามารถจอดรถซ้อนคันได้ถึง 6 คัน ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สลับโทนสีเทาแบบบ้านตัวอย่างเลยนะคะ / พื้นบริเวณลงเสาเข็มมาให้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวทรุดในอนาคตนะคะ

บริเวณใต้พื้นที่บันไดเราสามารถทำเป็นห้องเก็บของเพิ่มเติมได้ รวมถึงห้องน้ำชั้นล่างเป็นแบบ Full Option ที่มีพื้นที่อาบน้ำให้พนักงานใช้งาน กรณีที่ปั่นจักรยาน หรือไปออกกำลังกายมาในตอนเช้า หรือจะเปิดให้บุคคลภายนอก ที่ไม่ต้องเดินผ่านพื้นที่ทำงานชั้นบนค่ะ

นอกจากนี้ทางโครงการยังเตรียมพื้นที่ให้สามารถติดตั้งลิฟต์โดยสารเพิ่มเติมได้ด้วยนะคะ แต่เราจะต้องยอมเสียพื้นที่จอดรถไป 1 คันนะคะ

โถงบันได (Main Service)

มาดูทางขึ้นชั้นบนกันต่อ โดยบริเวณนี้เป็นโถงบันไดขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 2 เมตร ซึ่งเราขอเรียกเองว่า Main Service ที่ทำให้ทางเข้าหลักดูอลังการแบบมินิมอลดีนะ

ความน่าสนใจมุมนี้คือมี Detail ของตัวบันไดทรายล้างเล่นโทนสีเทาหลายเฉดนะคะ ด้านข้างเป็นผนังทาสีฉาบเรียบมีเซาะร่องให้เป็นดีเทลน่าสนใจมากขึ้น และยังช่วยเรื่องรอยแตกร้าวของผนังได้ด้วย / นอกจากนี้ด้านหน้ายังมีเก้าอี้ปูนให้นั่งเปลี่ยนรองเท้าได้ ส่วนด้านบนสามารถติดป้ายชื่อบริษัทได้เพิ่มเติม

**จุดนี้เป็นจุด Semi-Outdoor ที่อยู่ภายในบ้านแล้ว ด้านบนเป็นหลังคา Skylight ที่ช่วยบังฝน บังแดดได้ระดับนึง กรณีถ้าฝนแรงอาจจะมีสาดเข้ามาด้านในได้บ้างนะคะ

มาดูที่ Highlight โครงการกันต่อก็คือโถงบันไดหรือ Main Service ที่ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ + พื้นที่สีเขียวภายในอาคาร ตามคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ “บ้านภูริปุรี”   แต่ความพิเศษของโครงการนี้คือทำโถงบันไดกว้าง 2 เมตร พร้อมพื้นที่โปร่งโล่งจนถึงชั้นบน และหลังคาเป็นลักษณะ Skylight ที่แสงส่องเข้ามาได้เต็มที่

ข้อดีของโถงบันไดอันนี้ คือช่วยให้ส่วนใช้งานได้ช่องแสงเข้าถึง 3 ฝั่ง ที่เราสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียว และแสงเงาตกกระทบ ขณะทำงาน เป็นการเพิ่มบรรยากาศให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โครงการออกแบบประตูบานใหญ่มาให้ใช้งานเพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัยในเวลาค่ำคืน แต่ที่ชอบเลยคือความเก๋ของประตูที่ซ่อนเข้าไปในผนังบ้าน ตอนเราเดินมาครั้งแรกเราไม่รู้เลยนะคะ ว่าบริเวณนี้จะเป็นประตู

พื้นที่ชั้น 2

ประตูทางเข้าหลักทางโครงการเลือกเป็นประตูไม้อัดโอ๊ตบานใหญ่ พร้อมมือจับแบบ Digital Door Lock ยี่ห้อ Hafele มาให้ รองรับการใช้งานด้วยระบบ Password, Keycard และ Finger Scan / มีหน้าต่างบานใหญ่แบบ ที่ออกแบบ Full Height หรือสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้า ที่ทำให้รับแสงได้มากขึ้น

เราขอเริ่มต้นกันที่โซนหน้าบ้านของพื้นที่ชั้น 2 โดยบริเวณนี้จะมีช่องแสงสูงจากพื้นถึงฝ้าทั้ง 2 ด้าน รวมถึงได้ฝ้าเพดานแบบ Double Volume จึงค่อนข้างโปร่งโล่งและสว่างมากๆ / บ้านตัวอย่างตกแต่งมาเป็นห้องประชุม หรือ Meeting Room ที่รองรับการประชุมของพนักงาน 8-10 คนได้สบายๆเลยนะคะ

Double Volume สูง 6.1 เมตร ที่มองเห็นพื้นที่ชั้นลอย ให้ความรู้สึกต่อเนื่องกันของพื้นที่ทำงาน รวมถึงเรายังมองเห็นพื้นที่สีเขียวภายนอกได้จากทุกจุด ซึ่งนักวิชาการค้นพบว่า การมองสีเขียวของต้นไม้ ช่วยให้ตาผ่อนคลายมากขึ้นนะคะ / บ้านของจริงโครงการจะทำเป็นกำแพงกันตกขึ้นมาประมาณ 90 ซม.

พื้นชั้น 2 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทาสลับโทนสีหน้าตาแบบนี้เลย ส่วนผนังเป็นลักษณะปูนเปลือยฉาบเรียบ ที่เราสามารถตกแต่งตามคอนเซ็ปต์ของออฟฟิศตัวเองได้เลย

หลังบ้านเป็นตำแหน่งห้องน้ำ Powder Room (ไม่มีส่วนอาบน้ำ) ซึ่งด้านหน้าห้องน้ำเราสามารถทำ Pantry เล็กๆ เอาไว้บริการพนักงานได้นะคะ

ห้องน้ำลักษณะ Powder Room ภายในติดตั้งอ่างล้างมือ + โถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ COTTO พร้อมกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น ส่วนด้านบนติดหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ระบายกลิ่นได้ดี

ถัดไปพื้นชั้นลอยกันต่อนะคะ โดยบันไดทางขึ้นจะอยู่ติดหลังบ้าน ซึ่งมีหน้าต่างบานใหญ่เปิดให้อากาศถ่ายเทได้ดี / ลักษณะบันไดเหล็ก กว้าง 80 ซม. พร้อมราวจับให้เดินใช้งานได้กำลังดี ซึ่งจุดเด่นของบันไดที่นี่จะไม่มีลูกตั้งปิด เพื่อให้ดูโปร่งโล่งมากขึ้น ส่วนลูกนอนพ่นทรายล้างนะคะ

บริเวณชั้นลอยนั้นจะมีพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้แบบลงดินได้ ซึ่งทางโครงการจะทำเป็นลักษณะกระถางขนาดใหญ่ 2 x 2 ม. (โดยประมาณ) และมีความลึกประมาณ 1.2-1.5 ม. ซึ่งเป็นความลึกที่สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ได้เลยนะคะ / โดยบ้านหลังจริงจะไม่มีต้นไม้มาให้ แต่โครงการเค้าจะมีพันธุ์ไม้แนะนำให้กับลูกบ้านค่ะ

บริเวณกระถางต้นไม้นั้นก็จะมีการเดินสายสปริงเกอร์ให้เป็นมาตรฐาน พร้อมระบบระบายน้ำ Floor Drain มาให้ใช้งานค่ะ

พื้นที่ชั้นลอย

พื้นที่ชั้นลอยเป็นลักษณะประตูบานเลื่อนสูงแบบ Full Height หรือสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้า ทำให้รับแสง และมองวิวพื้นที่สีเขียวด้านนอกได้เต็มที่

พื้นที่ชั้นลอยทำเป็นห้องทำงานได้อีก 1 จุด โดยบริเวณนี้มี Floor to Floor 2.9 เมตร ที่ทางโครงการเดินสายไฟเป็นระบบสวยงาม ซึ่งเราสามารถเปิดฝ้าเพดานโล่งสไตล์ Loft ได้เลย เราไม่จำเป็นต้องปิดฝ้าเพดานนะคะ

สำหรับพื้นที่ทำงานชั้นลอย มาพร้อมหน้าต่างรอบด้านรับแสงได้เต็มที่ รวมถึงมีหน้าต่างให้มองลงไปพื้นที่ทำงานชั้นล่าง ให้ความรู้สึกต่อเนื่องกันดีนะคะ

ด้านหลังเราสามารถวางตู้หนังสือเป็น Partition ที่ช่วยกั้นห้องทำงานให้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้นนะคะ

หลังบ้านมีห้องน้ำ Powder Room 1 จุด ตำแหน่งเดียวกับชั้นที่ 2 ซึ่งด้านหน้ามีพื้นที่เหลือให้วางชุด Pantry ได้เช่นกันค่ะ

ภายในห้องน้ำมีอุปกรณ์ครบครันเป็นมาตรฐานแบบเดียวกับชั้นล่างนะคะ

โถงบันได (Main Service)

บันไดวางเป็นรูปตัว U ติดกับหลังบ้าน ที่มาพร้อมช่องแสงขนาดใหญ่(สูงเกือบเต็มผนัง) + หน้าต่างบานเลื่อน ที่สามารถเปิดให้ลม Flow พัดผ่านได้ดีมากยิ่งขึ้น

เดินขึ้นไป Private Residence ชั้นบนสุดกันต่อนะคะ บริเวณนี้ถือเป็นจุดที่แสงส่องมากที่สุดของตัวบ้านเลยนะคะ ซึ่งจัดวางต้นไม้ใหญ่ลงช่องกระถางที่มีดิน หรือเราจะแขวนกระถางลอยเพิ่มเติมแบบบ้านตัวอย่างก็ได้นะคะ

หลังคา Skylight วัสดุเป็น Virgin Polycarbonate (โพลีคาร์บอเนต) ลักษณะเป็นแผ่นตันหนา 3-4 มม. ที่มีน้ำหนักเบาทนทานต่อการกระแทกมากกว่ากระจก 100 เท่า และทนทานต่อความร้อน ไม่ลามไฟค่ะ

พื้นที่ชั้น 3

สำหรับชั้นที่ 3 จะเป็นห้อง Master Bedroom ทั้งชั้นนะคะ บรรยากาศเหมือน Penthouse เลยนะคะ สำหรับความสูง Floor to Ceiling 3.3 เมตร / ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องไวนิลลายไม้ แบบคลิปล๊อค ที่ทนต่อแรงกระแทก รอยขีดข่วน กันน้ำและกันปลวกได้ดี

ลักษณะห้องนี้เป็นห้องโล่งๆ ไม่ได้มีการกั้นโซนมาให้ แต่ลูกบ้านสามารถ Built-in และกั้นโซนเองได้เลย เช่นเดียวกับบ้านตัวอย่างที่ทำมาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเราก็แนะนำให้กั้นโซนนะคะ

ห้องนอนได้หน้าต่างบานใหญ่ รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ซึ่งบริเวณริมหน้าต่างเราสามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นที่เก็บของได้ด้วย ทำให้ภายในห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีนะ

ด้วยขนาดแล้วสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ รวมถึงมีพื้นที่ด้านข้างที่สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือมุมทำงานส่วนตัวได้ด้วยค่ะ

หันมาอีกฝั่งเป็นตำแหน่งห้องน้ำ และพื้นที่ครัวขนาดใหญ่

ภายในห้องนอนเตรียมพื้นที่วางครัวมาให้ ซึ่งบ้านตัวอย่างจัดวางพื้นที่มาให้ดูเป็นไอเดีย การ Built in ครัวเป็นแนวยาว + โต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ ที่รองรับแขกมาปาร์ตี้เล็กๆที่บ้านได้

ห้องน้ำวางเป็นแนวยาวที่แบ่งโซนแห้ง-เปียกด้วยฉากกั้นกระจก ภายในมีอุปกรณ์ครบครันที่อัพเกรดดีกว่าห้องน้ำด้านล่าง มาพร้อมหน้าต่างบานใหญ่รับแสงได้ดี / สุขภัณฑ์ยี่ห้อ COTTO, TOTO และ GROHE

อ่างล้างหน้าวางบนเคาน์เตอร์ลอย ทำความสะอาดง่าย ส่วนโถสุขภัณฑ์อัพเกรดขึ้นมา พร้อมอุปกรณ์ครบครัน ถัดไปส่วนเปียกมีพื้นที่อาบน้ำขนาด 1.5 x 1 เมตร ที่ยืนใช้งานได้สบายๆ รวมถึงฝักบัวอาบน้ำได้ทั้งแบบ Rain และ Hand Shower เลยนะคะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

Baan Puripuri ลาดพร้าว 41 Home Office ราคา ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564

  • Standard ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 30 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 1 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 16.5 ล้านบาท (Promotion)
  • Corner ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 39 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 1 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 17.7 ล้านบาท (Promotion)
  • จองและทำสัญญา n/a บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 55,000 บาท
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :

ย่านลาดพร้าว-วังหิน-โชคชัย 4 นับว่าเป็นทำเลยอดฮิตของคนส่วนใหญ่ที่อยากมีบ้านแนวราบ แล้วสามารถเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองได้สะดวกค่ะ เนื่องจากถูกรายล้อมไปด้วยถนนหลักถึง 5 สาย และภายในยังมีทางลัดเลาะเชื่อมต่อถึงกันได้หมดใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงรถติดได้ดี นอกจากนี้โครงการตั้งอยู่ภายในซอยลาดพร้าว 41 หรือคนแถวนี้เรียกกันติดปากว่า “ซอยภาวนา” ที่หน้าปากซอยเป็นตำแหน่งสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงอยู่ใกล้สี่แยกรัชดาซึ่งจะเป็นจุด Interchnge ของรถไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย

อีกทั้งยังมีความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมาก มีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ๆบนถนนเส้นหลัก อย่างถนนลาดพร้าว, ถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทรา) กับ Hyper Market (Tesco Lotus,Big C) คอมมูนิตี้มอลล์ และร้านอาหารชื่อดังมากมายที่อยู่ภายในซอยลาดพร้าว-วังหิน-โชคชัย 4 เพียงแต่..ที่ตั้งของตัวโครงการจะอยู่ในซอยแยกย่อยค่อนข้างลึก แต่ก็ได้มาซึ่งความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :

โครงการนี้เป็นโครงการไม่จัดสรร จึงไม่มีรั้วทางเข้าหลักของโครงการ พื้นที่ส่วนกลาง เรียกว่าหน้าบ้านติดถนนสาธารณะที่คนขับผ่านไปผ่านมาได้ แต่ข้อดีคือซอยโครงการเป็นทางตันที่อาจจะมีรถขับผ่านไป-มามากนัก ดังนั้นระบบรักษาความปลอดภัยที่มีก็จะอยู่ที่ตัวบ้านทั้งหมด ซึ่ง BaanPuripuri ลาดพร้าว 41 Home Office จะมีรั้วบ้านเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ และติดตั้ง CCTV ไว้รอบๆบ้าน 4 จุด รวมถึงประตูบานใหญ่ปิด 1 ชั้น ก่อนเข้าไปด้านในบ้าน ส่วนประตูทางเข้าหลัก และประตูห้องนอน โครงการติด Digital Door Lock มาให้ด้วย สรุปเบื้องต้นจะมีเท่านี้ค่ะ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :

ก่อนอื่นเราคงต้องบอกก่อนว่า.. โฮมออฟฟิศที่นี่ไม่ได้เป็นลักษณะ Mass หรือเน้นพื้นที่ใช้สอยมากนัก เนื่องจากบ้านของแบรนด์ BaanPuripuri ทุกโครงการถูกออกแบบโดยสถาปนิกเจ้าของโครงการ ซึ่งที่นี่เป็นโฮมออฟฟิศที่เน้นบรรยากาศภายใน ที่เป็นมากกว่าสถานที่ทำงานทั่วไป จุด Highlight ของที่นี่เลย คือบริเวณ Main Service พร้อมหลังคา Skylight  ข้อดีคือ 1.ทำให้ตัวบ้านไม่ติดกันแม้จะเป็นลักษณะทาวน์โฮม 2.ช่องแสงขนาดใหญ่ที่สามารถปลูกต้นไม้ภายในอาคารได้ 3.ทำให้แสงส่องเข้ามาได้สามฝั่ง หรือถ้าเป็นบ้านหลังมุมก็รอบเปิดช่องแสงรอบทิศ อารมณ์เหมือนบ้านเดี่ยวเลยนะคะ 4.การระบายอากาศหรือ Ventilation ก็ทำได้ค่อนข้างดี ด้วยการใช้บันไดโปร่งให้ลมผ่านได้ด้วย

จุดเด่นที่เห็นได้ชัด คือไม่ว่าเราจะอยู่ตำแหน่งไหนของตัวบ้าน เราก็สามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากสำหรับการอยู่บ้านลักษณะนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์เก่าๆของทาวน์โฮมทั่วไปเลยนะ รวมถึงการมี Double Volume สูง 6.1 เมตร บรรยากาศค่อนข้างโปร่งโล่งดีเลย ปิดท้ายด้วยการแยกสัดส่วนพื้นที่ทำงานและพื้นที่อยู่อาศัยชัดเจน ที่แบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วนดี หรือถ้าใครอยากติดลิฟต์เพิ่มเติม บริเวณหลังบ้านทางโครงการเตรียมพื้นที่รองรับการใช้งานมาให้แล้วเรียบร้อย

วัสดุ :

วัสดุได้ตามาตรฐานทั่วไป ชั้น 1,ชั้น 2 และชั้นลอย ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สลับโทนสีเทา ส่วนชั้นที่ 3 ปูด้วยกระเบื้องไวนิลลายไม้ / ผนังชั้นทำงานบ้านหลังจริงเป็นผนัง + ฝ้าเพดานปูนเปลือย พร้อมเดินสายงานระบบมาให้เรียบร้อย เหมาะกับออฟฟิศที่มีสไตล์ไม่เหมือนกัน สามารถตกแต่งเองได้เลยนะคะ แต่ชั้นบนสุดทำผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาวมาให้เป็นมาตรฐาน / ส่วนสุขภัณฑ์ยี่ห้อ COTTO, TOTO และ GROHE, หน้าต่างได้กรอบบานอลูมิเนียม + กระจกเขียวใส หนา 6 มิลลิเมตร และประตูไม้อัดโอ๊คสีไม้และอลูมิเนียม

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :

ถึงแม้โครงการนี้จะไม่ได้เป็นโครงการจัดสรร แต่ Concept ในการออกแบบที่จัด Main Service ไว้ฝั่งเดียวกันทั้งหมด พร้อมกระถางขนาดใหญ่ที่ใส่ดินได้ ทำให้สามารถปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ในบ้านได้ และมีการแขวนต้นไม้เพิ่มเติมที่หลังคา ให้ดูร่มรื่นมากยิ่งขึ้น ถือว่าออกแบบมาเหมาะกับพื้นที่ทำงานในช่วงเวลากลางวัน ที่ช่วยพักผ่อนสายตาได้ดีนะคะ

สาธารณูปโภค :

เนื่องจากโครงการเป็นโฮมออฟฟิศขนาดเล็กมีเพียง 6 ยูนิต ที่มีทางเข้าออกติดถนนสาธาณะ จึงไม่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ต้องแชร์กันระหว่างลูกบ้าน ข้อดีคือจะไม่มีพันธะเรื่องค่าส่วนกลาง ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทุกปี ดังนั้น รีวิวโครงการนี้จะไม่มีสรุปสิ่งอำนวยความสะดวกนะคะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 16 – 20 ล้านบาท, 18 พฤศจิกายน 2564

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ทำเลในซอย เป็นส่วนตัว เข้า-ออกได้หลายทาง อุดมสมบูรณ์ แต่ไม่ใช่ในระยะเดิน
  • ความปลอดภัย 7/10 – รั้วโครงการสูง 2.7-2.9 m., ประตูระแนงกลม มีรีโมทเปิด-ปิดบานเลื่อนอัตโนมัติ, CCTV 4 ตัว, ประตูติด Digital Door Lock มาให้ 2 จุด
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – คอนเซ็ปต์ชัดเจน ออกแบบสวย เน้นช่องแสงขนาดใหญ่ + พื้นที่สีเขียว ตอบโจทย์การทำงานในเวลากลางวัน
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้ (ต้องตกแต่งเพิ่มหลายจุด)
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – เราสามารถวางต้นไม้ใหญ่ภายในบ้าน พร้อมตำแหน่งที่กระจายรอบตัวบ้าน
  • 7.67 / 9.00 (ไม่คิดสาธารณูปโภค)

Baan Puripuri ลาดพร้าว 41 Home Office เหมาะกับใคร

สำหรับคนที่กำลังมองหาโฮมออฟฟิศย่านลาดพร้าว เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า จุดเด่นของโครงการนี้คือดีไซน์ที่สถาปนิกคิดมาให้แล้ว ทำให้โฮมออฟฟิศเป็นมากกว่าทาวน์โฮมทั่วไป แต่เน้นบรรยากาศใช้งานภายใน ที่ตอบโจทย์คนทำงานในช่วงเวลากลางวัน ทั้งช่องแสงเยอะ พื้นที่สีเขียว และบรรยากาศโปร่งโล่ง ออกแบบมารองรับพนักงาน 10-15 คนกำลังดี พร้อมที่จอดรถถึง 6 คัน ซึ่งมากที่สุดเมื่อเทียบกับโครงการในละแวกนี้ ในราคาเริ่มต้น 16.5-17.7 ล้านบาทค่ะ


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc