วันนี้จะพาไปชมโครงการ 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 Home Office บนทำเลเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งใกล้ทั้งพระราม9, รัชดาภิเษกและเอกมัย ในราคาเริ่มต้น 52 ล้านบาท ซึ่งเกณฑ์ของ Thinkofliving จะจัดโครงการนี้ให้อยู่ในระดับ Super Luxury เลยนะคะ  ตามมาดูกันว่าโครงการ Home Office ระดับนี้จะมีความ Premium อย่างไร

ก่อนอื่นเราสรุปประเด็นที่ดูแตกต่างจากโครงการอื่นๆ เอาไว้ ดังนี้ค่ะ

  • พื้นที่ใช้สอยใหญ่กว่าหลายโครงการของ Developer อื่นๆ ในย่านนี้ที่ทำโปรดักส์ Home Office เหมือนกัน จากที่ Survey มาพื้นที่ใช้สอยจะอยู่ราวๆ 400 ตร.ม. แต่สำหรับที่นี่จัดเต็มมาถึง 600 ตร.ม. สามารถรองรับออฟฟิศที่มีพนักงานราวๆ 20 คน มีระเบียงกว้างให้ออกมารับลมชมวิว หรือคุยโทรศัพท์ได้โดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมงานค่ะ
  • ลักษณะอาคารเป็นโฮมออฟฟิศแฝด จับกันเป็นคู่ๆ จึงเป็นบ้านหลังมุมทุกยูนิต ทำให้บ้านแต่ละหลังจะรับแสงรับลมได้ 2 ฝั่ง อีกทั้งยังสามารถซื้อ 2 หลังเพื่อทุบเชื่อมกันได้
  • ใช้วัสดุ Premium โครงการเลือกใช้วัสดุที่ดี ซึ่งโครงการทั่วๆ ไปไม่ได้ใช้กันเพราะมีราคาสูง เช่น กระจก LowE แบบ Full Height ทุกชั้นทั้งโครงการ (มีราคาสูงกว่ากระจกตัดแสงธรรมดา 4-6 เท่า), พื้นใช้กระเบื้อง Porcelain, Home Appliances ชั้นนำระดับ Hi-End จากเยอรมันทั้ง Miele และ Blanco, อ่างอาบน้ำ Kasch เป็นต้น และใช้วัสดุอุปกรณ์แบบ Touchlessในหลายๆ ฟังก์ชันด้วยค่ะ

บ้านจริงจะเป็นอย่างไรตามไปชมกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

201 AVENUE EKAMAI RAMA IX (201 อเวนิว เอกมัย-พระราม9) ณ วันที่ 23 มกราคม 2566

 ชื่อโครงการ   201 Avenue Ekamai Rama IX (201 อเวนิว เอกมัย-พระราม9)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท อาศัย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
 SEGMENT CLASS   SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ซอยจำเนียร ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เขตวังทองหลาง
 ที่ดิน 1-0-77 ไร่
 จำนวนยูนิต 8 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Relevant Elegance โฮมออฟฟิศ 6 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 47 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 601-603 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 56.4 – 56.8 ล้านบาท
  • Timeless Vision โฮมออฟฟิศ 6 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 45-52 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 601-620 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 52.7 – 54.5 ล้านบาท
  • Urban Retreat โฮมออฟฟิศ 6 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 48 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 578 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 52 ล้านบาท

 เริ่มก่อสร้าง   มกราคม ปี 2564
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   มีนาคม ปี 2566
 เว็บไซต์โครงการ   https://201avenue.com/
 โทร  065-201-0666
 Line   https://lin.ee/1W15LVs

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.764905, 100.598407
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 ค่ะ

ทำเลของโครงการ 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 ตั้งอยู่ในซอยจำเนียรเสริมติดกับ Golden Place สาขาพระราม 9 เข้าซอยจากถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย – รามอินทรา) มานิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วค่ะ หรือจะอธิบายคร่าวๆ ว่าอยู่ซอยเดียวกับคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาก็ได้

ซึ่งทำเลนี้ตั้งอยู่ระหว่างถนนใหญ่ 3 เส้นทางคือ ถนนรัชดาภิเษก, ถนนพระราม 9 และถนนเลียบทางด่วนเอกมัย – รามอินทรา ซึ่งถือว่าสะดวกสำหรับคนที่ต้องใช้รถเดินทางในละแวกนั้นเพราะใกล้กับถนนเส้นหลักและมีทางให้ลัดเลาะทะลุเชื่อมในซอยกันได้ แถมยังมีทางด่วนฉลองรัชและทางพิเศษศรีรัชอยู่หน้าบ้าน ใช้ไปมอเตอร์เวย์, เข้าสยาม, อนุสาวรีย์ชัย, รามอินทรา, อ่อนนุช-บางนา หรือพระราม 3 ได้หมดเลย

ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์นั้น ถ้าเราดูจากแผนที่ก็จะเห็นว่ารอบๆ นั้นอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งโซนเหม่งจ๋าย-ประชาราษฎร์บำเพ็ญ-ทาวน์อินทาวน์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมทั้งร้านเด็ดเจ้าเก่าและร้านอาหารใหม่ๆหลากหลายสไตล์ ส่วนโซนรัชดาภิเษก, เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ก็จะเป็นเส้นที่รวมห้างและ Community Mall ขนาดใหญ่ หรือว่าจะเข้าเมืองมาทางโซนทองหล่อ เอกมัย ก็มีร้านอาหารเก๋ๆ ชิคๆ ให้เปลี่ยนบรรยาาศ ซึ่งเดินทางไม่ยากเลย ประมาณ 3 km. ก็ถึงเอกมัยแล้วค่ะ

ในเรื่องสุขภาพสำหรับทำเลนี้ก็จะมีตัวเลือกของโรงพยาบาลให้เลือกอย่างคับคั่ง เช่น คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา, โรงพยาบาลพระราม 9, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลสมิติเวช และ โรงพยาบาลรามคำแหง ในส่วนของโรงเรียนก็มีโรงเรียนชื่อดังทั้ง Inter และไทยอยู่ในย่านนี้เยอะอีกเช่นกัน

เดิมที Home Office ในย่านนี้จะไปกระจุกตัวกันในทาวน์อินทาวน์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีการทำธุรกิจประเภท Post Production, Casting อยู่เยอะมาก แต่ก็เป็นโซนที่อิงไปทางรามคำแหง-ลาดพร้าวตอนปลาย และต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือใช้วินมอเตอร์ไซค์กันเป็นหลัก ส่วนตัวมองว่าทำเลของโครงการ 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 นี้จะอิงมาทางรัชดาภิเษกและห้วยขวาง พนักงานคนไหนที่พักอยู่โซนนี้ก็เดินทางมาได้ง่ายหน่อย เพราะว่ามีรถสองแถววิ่งจากห้วยขวางผ่านมาบนเส้นประชาอุทิศใกล้ๆ กับโครงการ และตัวโครงการก็อยู่ห่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีศูนย์วัฒนธรรมประมาณ 5 km. ถ้าเรียก Grab Win ก็สามารถลัดเลาะเข้าซอยมาประมาณ 50 บาทค่ะ

นอกจากนี้โซนนี้ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ทุกหัวมุมถนน มีรถเมล์ผ่านเป็นประจำ ส่วนแท็กซี่นี่เยอะมากเพราะเป็นซอยทางลัดที่ทะลุไปได้หลายเส้นทาง และล่าสุดก็กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอยู่ค่ะ ซึ่งทำให้โครงการใกล้กับสถานีรถไฟฟ้ามากขึ้นอีก โดยตัวเลือกการเดินทางสาธารณะเหล่านี้เรามองว่าเป็นข้อดีเหมือนกันนะคะ เนื่องมาจากย่านนี้ล้อมรอบด้วยถนนที่ขึ้นชื่อลือชาว่ารถติดมาก ดังนั้นตัวเลือกสาธารณะกับพี่วินมอเตอร์ไซค์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในช่วงเวลาเร่งด่วนเหมือนกัน

รถติด ถือว่าเป็นข้อเสียของย่านนี้เลยค่ะ แต่อันที่จริงแล้วหากอยู่ไปสักพักจนคุ้นเคยทำเล เราจะสามารถรู้ได้ว่าควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาไหน เช่น เส้นเลียบทางด่วน-รามอินทรา ช่วงใกล้ Central Eastville เสาร์อาทิตย์ไม่ควรไป เวลาโรงเรียนเข้ากับโรงเรียนเลิกไม่ควรออกจากบ้าน หรือว่าช่วงนี้ถนนพระราม9 ติดสาหัสมากก็เลือกขึ้นทางด่วนไปได้เลยค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริเวณโดยรอบโครงการ 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 มีความเป็นชุมชน เป็นโซนพักอาศัยที่ถูกล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง Supermarket, ร้านค้า, ร้านอาหาร, อพาร์ทเมนต์ และคลินิกขนาดใหญ่อย่างศูนย์แพทย์พัฒนา ไม่มีแหล่งเสื่อมโทรมหรือสิ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษในการอยู่อาศัย สรุปแต่ละทิศได้ดังนี้ค่ะ

  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านหน้าโครงการจะติดกับซอยจำเนียรเสริม
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ คลองพลับพลา ฝั่งตรงข้ามคลองเป็น Golden Place
  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับ คลองพลับพลา ฝั่งตรงข้ามคลองเป็น คลีนิคศูนย์แพทย์พัฒนา
  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับ คลองพลับพลา ฝั่งตรงข้ามคลองเป็นอพาร์ทเมนต์ 5 ชั้น

Image 1/8
เรามาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการกันนะคะ โดยเราจะขอเริ่มที่ Golden Place แหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการสุดๆ

เรามาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการกันนะคะ โดยเราจะขอเริ่มที่ Golden Place แหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการสุดๆ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Golden Place ~ 180 m.
  • The Street ~ 4.4 km.
  • Central Festival Eastville ~ 4.6 km.
  • Show DC ~ 4.8 km.
  • Donki Mall ~ 4.9 km.
  • Esplanade ~ 5 km.
  • J Avenue ~ 5.2 km.
  • Crystal Design Center ~ 5.3 km.
  • Central Plaza Rama 9 ~ 5.5 km.
  • The Crystal ~ 6.3 km.

โรงเรียน

  • Regent’s International School Bangkok ~ 700 m.
  • Singapore International School of Bangkok ~ 800 m.
  • KIS International School ~ 1.7 km.

โรงพยาบาล

  • ศูนย์แพทย์พัฒนา ~ 900 m.
  • โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 4.7 km.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 5.8 km.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 Home Office โครงการนี้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเป็นจุดเด่น และดีไซน์ระเบียงใหญ่ล้อมบ้านไว้ส่วนหนึ่ง จึงมีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและได้แสงธรรมชาติเยอะ ไม่อึดอัด ถ้าเทียบกับโครงการจาก Developer อื่นๆ ในย่านนี้ที่ทำโปรดักส์ Home Office เหมือนกันจะเห็นว่า 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 มีพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่กว่า สามารถรองรับออฟฟิศที่มีพนักงานราวๆ 20 คนเลยนะคะ

หากมองเทียบกับอาคารพาณิชย์หรือ Home Office Stand Alone ในโซนทาวน์อินทาวน์-เหม่งจ๋าย จะเห็นว่าพื้นที่ใช้สอยประมาณ 600 ตร.ม.นี้มีประกาศขายอยู่นะคะ ราวๆ 30 ล้านบาท แต่อย่าลืมพิจารณาข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างอาคารเก่า, ความสูงฝ้าเพดาน, ลิฟต์, วัสดุที่ใช้เป็นเกรดไหน, ที่จอดรถเพียงพอมั้ย ซึ่งทั้งหมดนี้อาจแก้ไขได้ด้วยการรีโนเวทใหม่ แต่ก็ต้องใช้เงินและใช้เวลาในการซ่อมแซมปรับปรุง

หากคิดเทียบกับการเช่าอาคารสำนักงานใหญ่ๆในโซนรัชดา สำหรับขนาดพื้นที่ 600 ตร.ม. จะตกราวๆ 400,000 บาท/เดือน ก็พอๆ กับค่าผ่อน Home Office ของโครงการนี้เลยนะคะ เราลองคำนวณเล่นๆ หากซื้อ Home Office 55 ล้านบาท ผ่อน 400,000 บาท/เดือน ดอกเบี้ย 5% ผ่อนจ่ายราวๆ 15 ปี จะได้กรรมสิทธิเป็นของตัวเองเลย ส่วนการเช่าสำนักงานจะเป็นรายปีไม่ผูกพันกันในระยะยาว มีการดูแลเสร็จสรรพไม่ต้อง Maintenance เอง แต่ค่าเช่าก็เสียทิ้งนะ ต้องลองพิจารณาดูก่อนว่าแบบไหนถึงเหมาะกับรูปแบบออฟฟิศของเราค่ะ

โครงการ 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 มีที่ดินโครงการประมาณ 1 ไร่กว่าๆ รูปแบบโฮมออฟฟิศเป็น “โฮมออฟฟิศสูง 6 ชั้น” จำนวน 8 ยูนิต โครงการมีบ้านให้เลือก 3 แบบ หน้าบ้านจะหันทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้เป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศเหนือเป็นทิศยอดนิยมในการเลือกซื้อบ้านอยู่แล้ว ส่วนทิศตะวันตกแม้ว่าแดดจะแรงหน่อยแต่ก็ได้ลมจากทิศใต้ที่แรงเช่นกัน

ตัวอาคารทั้ง 8 หลังจะจับกันเป็นคู่ๆ ทำให้บ้านแต่ละหลังจะรับแสงรับลมได้ 2 ฝั่ง อีกทั้งยังสามารถซื้อ 2 หลังเพื่อทะลุเชื่อมกันได้ด้วยนะคะ แม้ว่าจะเป็นโครงการเล็กๆ 8 หลัง แต่ทางโครงการก็มีการดูแลถนนและต้นไม้ส่วนกลางให้, มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 4 จุด แลดูแลเก็บขยะให้ โดยคิดค่าส่วนกลาง 11,000 บาท/หลัง/เดือนค่ะ

ทางเข้าโครงการจะมีประตูรั้วโครงการแบบรางเลื่อน ซึ่งลูกบ้านสามารถเปิดปิดด้วยระบบรีโมทเลย ในส่วนของ Visitor ทางรปภ. จะเป็นผู้เปิดให้ โดยจะ VDO Door Phone ไปคอนเฟิร์มกับทางลูกบ้านก่อนค่ะ

สังเกตบริเวณกำแพงหน้าโครงการฝั่งขวาจะเป็นชื่อโครงการ ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่ว่างๆ เตรียมไว้ให้สำหรับติดป้ายชื่อบริษัทต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในโครงการ

เข้ามาภายในโครงการดูสะอาดสะอ้าน เพราะทางโครงการนำสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด สำหรับถนนภายในโครงการกว้าง 8 เมตร

โครงการใช้รางระบายน้ำแบบฝังใต้พื้น ทำให้พื้นถนนส่วนกลางเชื่อมต่อกับที่จอดรถเป็นผืนเดียวกันเลยนะคะ ที่สามารถดีไซน์แบบนี้ได้เพราะโครงการลงเสาเข็มถนนส่วนกลางลึกเท่าตัวบ้าน จึงไม่ต้องกลัวระดับการทรุดตัวที่ไม่เท่ากัน พูดง่ายๆก็คือโครงการนี้ลงเสาเข็ม 21 เมตร เท่ากันทั้งโครงการค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ประตูรั้วโครงการแบบรางเลื่อน เปิดปิดด้วยระบบรีโมทและระบบ Bluetooth ผ่าน Application
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 4 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
  • ถนนภายในโครงการกว้าง 8 เมตร
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

แบบบ้าน

Home Office มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ โดยฟังก์ชันของแต่ละแบบจะเหมือนกันเลยค่ะ

  • ชั้น 1 : Reception Area พื้นที่ใช้สอยในบ้านไม่ใหญ่มาก แต่นอกบ้านสามารถจอดรถได้ 6 คันทุกหลัง
  • ชั้น 2 : Office Space  พื้นที่สำหรับสำนักงานเต็มชั้น โดยมีห้องน้ำ 1 ห้องเป็นแบบ Powder Room
  • ชั้น 3 : Office Space พื้นที่สำหรับสำนักงานเต็มชั้นเช่นกัน แต่ห้องน้ำในชั้นนี้จะมีพื้นที่อาบน้ำกั้นมาให้เป็นสัดส่วนด้วย รองรับการปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน กั้นเป็นห้องนอนได้
  • ชั้น 4 : Private Living Area พื้นที่โซน Private ของเจ้าของอาคาร บนชั้นนี้จะมี Living Area ขนาดใหญ่, Pantry ครัว, ห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำ
  • ชั้น 5 : Private Bedroom พื้นที่เต็มชั้น ใหญ่ทุกฟังก์ชันทั้งห้องนอน ห้องน้ำ และห้องแต่งตัว
  • ชั้น 6 : Rooftop เป็นดาดฟ้าของอาคาร สามารถใช้จัด Rooftop Party ได้ นั่งรับลมช่วงเย็นๆ  บนชั้นนี้จะมีพื้นที่ Indoor ที่เป็นห้องซักล้างใช้วางเครื่องซักผ้าได้ และสามารถต่อเติมหลังคาเพิ่มได้ เพราะโครงสร้างรองรับน้ำหนักไว้แล้วนะคะ

ความแตกต่างของบ้านทั้ง 3 Type คือ ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ต่างกันเล็กๆ น้อยๆ การหันหน้าบ้านที่ต่างกันและการวางตำแหน่งของบันไดหนีไฟ ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานยังคงเท่ากันค่ะ

…ส่วนตัวดูจากแปลนแล้วเห็นว่าโครงการนี้เหมาะกับการใช้เป็นโฮมออฟฟิศที่เน้นใช้ที่นี่ไว้ทำงาน ปาร์ตี้กับลูกน้อง นอนค้างบ้างในวันที่ประชุมดึกหรือมีงานด่วน ซึ่งเหมาะกับครอบครัวที่มีบ้านหลังหลักให้อยู่อาศัยพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่แล้วนะคะ เพราะชั้นพักอาศัย 2 ชั้นนั้นไม่ได้มีห้องนอนเล็กรองรับครอบครัวใหญ่สักเท่าไหร่ แต่หากเป็นครอบครัวขยายที่อยู่กันแค่สามีภรรยา มีลูก 1 คน ไม่ได้มีแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงเด็กอยู่ด้วย Home Office หลังนี้ก็ตอบโจทย์ให้อยู่อาศัยเป็นหลังหลักได้เช่นกันค่ะ

หน้าตาอาคาร

ตัวบ้านจะออกแบบมาโดยมีคอนเซปต์ “Juxtaposition” คือการออกแบบให้ตอบโจทย์ทั้งพื้นที่ทำงานและพื้นที่พักอาศัยในอาคารเดียวกัน ส่วนที่เด่นชัดสุดคือหน้าตา Facade ที่ต่างกันของชั้น 1-3 ที่เป็นโซนออฟฟิศจะดูโปร่ง ใช้กระจกสูงเท่าฝ้าตลอดแนวอาคาร เพื่อรับแสงธรรมชาติให้เหมาะกับบรรยากาศของการทำงาน ส่วนชั้น 4-5 ที่เป็นโซนพักอาศัยจะมีระแนงเหล็กอลูมิเนียมครอบไว้อีกชั้น เพื่อลดการมองเห็นและเพิ่มความเป็นส่วนตัวค่ะ

การเลือกใช้โทนสีของอาคารจะเน้นไปที่สีเทาเข้ม เพื่อต้องการให้ลุคดูเข้มแข็ง จริงจัง แต่ก็เพิ่มความหรูหราด้วยการใช้หินอ่อนมาช่วยตกแต่ง ส่วนที่เราชอบคือ การใช้กระจกบานใหญ่ Full Height ในทุกๆ ชั้น แสงเข้าดีมาก ทำให้บรรยากาศภายในดูโปร่ง ไม่อึดอัด

Image 1/3
ฉากกั้นบังสายตา

ฉากกั้นบังสายตา

สำหรับ Gimmick ของหน้าตาอาคารเราขอยกให้กับ เจ้าฉากกั้นบังสายตา มีฟังก์ชันในการบังแดดและช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย สามารถเปิดปิดได้ ติดตั้งให้ที่ชั้น 4 และ 5 ซึ่งเป็นโซนพักผ่อนของครอบครัว

สรุปวัสดุต่างๆ ในบ้าน

  • หลังคาแบบ Flat Slab (ดาดฟ้า)
  • ผนังก่ออิฐฉาบปูนโดยใช้อิฐมอญ สามารถเจาะทุบต่อเติมได้
  • ที่จอดรถลงเสาเข็มเท่าตัวบ้าน ปูด้วยกระเบื้องและทรายล้าง
  • ลานซักล้างลงเสาเข็มเท่าตัวบ้าน ปูด้วย Cobble Stone
  • ประตูรั้วบ้านเป็นบานเลื่อน เปิดปิดโดยรีโมท
  • ประตู-หน้าต่างใช้กระจก Low-E 2 ชั้น ป้องกันความร้อนและลดเสียงรบกวนจากภายนอก
  • พื้นชั้น 1-4 : กระเบื้อง Porcelain
  • พื้นชั้น 5 : พื้นไม้ Engineering Wood ลายก้างปลา
  • ตู้ Built-in ในห้องครัว + ซิงค์ล้างจาน Blanco
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวของแบรนด์ Miele ประกอบด้วย ตู้เย็น 2 ตู้, เตาอบ Combination, เตาไฟฟ้า, ที่ดูดควัน
  • วัสดุในห้องน้ำ Kolher, Kawajun, Kasch, ฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Tempered หนา 10 mm., เครื่องทำน้ำร้อน, เดินระบบท่อน้ำร้อนน้ำเย็น
  • บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้น 1-3 และ 6 ปิดผิวด้วยกระเบื้อง Porcelain , ชั้น 4 ปิดผิวด้วยไม้สัก ทำสีธรรมชาติ
  • แอร์ Daikin จำนวน 8 ตัว Conceal Type (โซนอยู่อาศัย) และ Cassette Type (โซนออฟฟิศ)

เทคโนโลยีในบ้าน

  • Digital Door Lock จำนวน 2 ตัวที่ประตูทางเข้าอาคารชั้น 1 และประตูทางเข้า Living Room  ชั้น 4
  • VDO Door Phone จำนวน 2 ตัวที่ชั้น 1 และ ชั้น 4
  • Smoke Sensor
  • ระบบไฟ 3 เฟส 50(150) รองรับการติดตั้ง Ev Charger ทุกหลัง
    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ


ชั้น 1

Reception Area โซนต้อนรับของสำนักงานหรือหากออฟฟิศไหนไม่จำเป็นต้องมี Reception ก็สามารถปรับเป็นพื้นที่ทำงานได้อีก รองรับการทำงานได้ประมาณ 5 คน มีห้องน้ำรับแขกเป็น Powder Room 1 ห้อง และครัวขนาดย่อมไว้ให้วางตู้เย็น ล้างแก้วได้

สำหรับพื้นที่นอกบ้านสามารถจอดรถได้ 6 คัน มีสวนด้านหลังบ้านที่มาช่วยเพิ่มบรรยากาศร่มรื่น หรือจะต่อเติมครัวไทยหลังบ้านเพิ่มก็ได้ ซึ่งการต่อเติมก็ต้องคำนึงเรื่องข้อกฎหมายด้วยเช่นกันนะคะ

ประตูทางเข้า-ออกบ้านพักอาศัยจะใช้วิธีการเปิด-ปิดด้วยระบบ Remote Control เพื่อเปิดประตูแบบเลื่อนไฟฟ้า

มีประตูเล็กทางด้านข้างสำหรับเดินเข้าแยกการใช้งานไว้ให้ พร้อม Mailbox สำหรับใส่จดหมายแยกไว้ให้แต่ละบ้าน

ที่จอดรถ

ที่จอดรถรอบบ้านจะจอดได้ทั้งหมด 6 คัน โดยแบ่งออกเป็นที่จอดหน้าบ้าน 3 คัน และจอดข้างบ้านได้อีก 3 คัน สำหรับที่จอดรถหน้าบ้านจะเป็นที่จอดรถในร่มมีขนาดประมาณ 7.5×6 m. สามารถจอดรถไซส์ใหญ่ เช่น Toyota Alphard ได้

Image 1/2
ที่จอดรถข้างบ้าน

ที่จอดรถข้างบ้าน

สำหรับที่จอดรถข้างบ้านมีหน้ากว้าง 2.4 เมตร ลึกเข้าไป 15.5 เมตร จึงสามารถจอดรถได้ 3 คันแต่เป็นแบบซ้อนคัน จึงอาจต้องขยับรถเวลาที่คันด้านในต้องการจะออกนะคะ จึงต้องจัดสรรตำแหน่งกันดีๆ

Image 1/3
ที่เก็บของบริเวณหน้าบ้าน

ที่เก็บของบริเวณหน้าบ้าน

บริเวณประตูทางเข้าบ้านจะมีพื้นที่ที่ผู้ออกแบบเว้นพื้นที่ไว้ให้สำหรับ Built-in ตู้เก็บของใช้ต่างๆ ได้ พร้อมปลั๊กไฟสำหรับใช้งานนอกบ้าน

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ระบบไฟของบ้านโครงการนี้จะได้เป็นมิเตอร์ไฟฟ้า 50(150) ระบบไฟฟ้า 3 เฟส รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้ เอื้ออำนวยให้ติดตั้ง EV Charger ได้ง่ายไม่ต้องเดินสายใหม่ค่ะ

ทางเข้าอาคาร

บริเวณหน้าประตูออกแบบมาให้เหมาะกับการเป็นสำนักงานเลย คือมีผนังฝั่งหนึ่งสำหรับติดตั้งป้ายชื่อบริษัทได้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือใช้วัสดุกระจก ทำให้ลูกค้ามองเข้าไปเห็นด้านในได้ ให้ความรู้สึกที่ Freindly โปร่งๆ ไม่ทึบตัน

Image 1/4
ประตูหน้าบ้าน

ประตูหน้าบ้าน

ประตูเป็นบานกระจกเต็มบาน ซึ่งโครงการเลือกใช้กระจก Low-E แบบ Double Glazed มีคุณสมบัติที่ช่วยให้ความร้อนส่องผ่านเข้ามาในอาคารได้น้อยมาก ในขณะที่ตัวกระจกยังสามารถส่งผ่านแสงสว่างให้เข้ามาในตัวอาคารได้มาก ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานในระยะยาว ข้อเสียของกระจกชนิดนี้คือ มีน้ำหนักมากหน่อยเพราะเป็น Double Glazed ทำให้กรอบอลูมิเนียมต้องใช้ไซส์ใหญ่ขึ้นไปด้วยและที่สำคัญคือราคาสูงกว่ากระจกสีเขีวตัดแสงแบบธรรมดา 4-6 เท่า ซึ่งโครงการเลือกใช้กระจกชนิดนี้ทั้งหลังไม่ว่าเป็นประตูและหน้าต่างเลยนะคะ

ด้านหน้าทางเข้ามี Digital Door Lock ติดตั้งมาให้ รองรับทั้งการกดรหัส, Keycard และ Finger Scan ของ Kaadas และมีเส้นกำมะหยี่ช่วยกันเสียงภายนอก ติดตามแนวประตูเรียบร้อย เวลาอยู่ในบ้านจะค่อยข้างเงียบ ไม่ค่อยได้ยินเสียงภายนอกเลยนะคะ

Reception

เข้ามาในอาคารจะเจอกับโถงด้านหน้าก่อนเป็นลำดับแรก เหมาะจะวางโต๊ะ Reception ไว้ต้อนรับ ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้อง Porcelain ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีเนื้อแข็ง หนาแน่นสูง รูพรุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกระเบื้องแกรนิตโต้ที่มีส่วนผสมของหินจริง ซึ่งจะใช้เป็นวัสดุเดียวกันตั้งแต่ชั้น 1-3 ที่เป็นโซนออฟฟิศนะคะ

พื้นที่ใช้งานของชั้นนี้มีขนาด 4×5.3 เมตร หากจัดเฟอร์ฯแบบบ้านตัวย่างจะสามารถจัดวางโต๊ะ Reception และโต๊ะรับรองลูกค้าขนาด 3-4 ที่นั่ง หรือถ้าจัดเป็นโต๊ะทำงานก็รองรับได้ปะมาณ 5-6 คนกำลังดีค่ะ

ด้านในสุดมีประตูเปิดไปสวนหลังบ้านได้ ซึ่งสวนหลังบ้านจะเป็นวิวที่ร่มรื่นให้กับมุมรับรองลูกค้าได้พอดิบพอดี

สวนหลังบ้าน

สวนหลังบ้านจะปูหญ้าให้เป็นมาตรฐาน เราจึงสามารถเลือกพรรณไม้ที่เราชื่นชอบได้ด้วยตัวเอง โดยพื้นที่ปลูกต้นไม้นี้มีขนาดราวๆ 2×6 เมตร แนะนำเลือกพรรณไม้ที่ทรงไม่ใหญ่มาก เช่น พุดซ้อน เป็นต้น ส่วนรั้วบ้านเป็นรั้วทึบสูง 2 เมตร และโครงการจะต่อระแนงสูง 2 เมตร เพิ่มเติมมาให้ รวมเป็น 4 เมตรค่ะ

ในส่วนของประตูหลังบ้านเป็นประตูกระจกเช่นเดียวกัน ซึ่งมีระดับที่ต่างกันของตัวบ้านและพื้นที่หลังบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไม่ไหลย้อนเข้าบ้านนะคะ

Service Zone

สำหรับพื้นที่ส่วนอื่นๆ ในชั้นนี้จะเป็นทางเดินยาวที่จัดฟังก์ชันไว้ทั้ง 2 ฝั่ง ได้แก่ ห้องครัว, ห้องน้ำสำหรับแขก, ลิฟต์ และบันไดค่ะ

จุดแรกก่อนเดินเข้าไปจะเห็นว่ามี VDO Door Phone ติดตั้งไว้ ซึ่งพี่รปภ. จะ VDO มาคอนเฟิร์มก่อนเปิดประตูให้ผู้ติดต่อเข้ามาค่ะ

Image 1/3
Pantry ครัว

Pantry ครัว

Pantry ครัวจะมีประตูปิดมิดชิด โดยพื้นที่ภายในห้องนี้สามารถติดตั้งซิงค์ล้างจาน พร้อมพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น แม้ว่าพื้นที่จะกระทัดรัดหน่อยแต่พอสำหรับเตรียมน้ำเตรียมขนม และเป็นมุมพักผ่อนของแม่บ้านได้ค่ะ

Image 1/6
ห้องน้ำแบบ Powder Room

ห้องน้ำแบบ Powder Room

ห้องน้ำส่วนกลางจะเป็นแบบ Powder Room คือไม่มีพื้นที่อาบน้ำนะคะ แต่พื้นที่ก็ให้มากว้างพอสมควร สุขภัณฑ์ใช้ของ Kohler ก๊อกน้ำของ Kohler แบบมี Censor เพื่อลดการสัมผัส ส่วนที่ชอบคือมีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้

ด้านในสุดทางเดินเป็นตำแหน่งของลิฟต์ ซึ่งเราสามารถตกแต่งผนังที่สุดปลายทางเดินให้ดูแกรนด์ขึ้นได้ โดยการวางของตั้งโชว์หรือติดกรอบรูป

ด้านข้างผนังยังมีพื้นที่ให้ Built-in ซ่อนตู้เก็บของไว้ได้เนียนๆ อันนี้สามารถเก็บเป็นไอเดียในการตกแต่งไว้ได้นะคะ

ลิฟต์ที่โครงการให้เป็นของ Mitsubishi รุ่น Nexiez-s รองรับการใช้งานได้ 450 kg. (ประมาณ 6 คน) ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันล็อคชั้นได้ เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย และมีฟังก์ชัน Touchless ที่เหมาะกับยุคโควิดด้วยค่ะ

สิ่งที่บ้านตัวอย่างแตกต่างจากบ้านมาตรฐานเล็กน้อยคือ สีของขอบอลูมิเนียมที่ใช้ตกแต่งตามขอบวงกบประตู ของจริงที่ได้จะเป็นสีออกทองๆ กว่านี้นะคะ

บันไดโซนออฟฟิศ

ตรงข้ามลิฟต์จะเป็นตำแหน่งของบันได ซึ่งโครงการเป็นโครงสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็กตามมาตรฐาน ปิดผิวด้วยกระเบื้องทำให้ลวดลายเชื่อมต่อกับพื้นดูเป็นเรื่องราวเดียวกัน

Image 1/4
บันไดโซนออฟฟิศ

บันไดโซนออฟฟิศ

บันไดเป็นทรงตัว U มีชานพักให้ตามมาตรฐาน ทำให้เวลาเดินขึ้น-ลง มีจุดพัก และทางขึ้นลงที่เป็นแนวยาวจะมีราวจับให้ตลอดแนวทางไปจนถึงชั้น 2 ค่ะ ซึ่งตัวราวจับมีการซ่อนไฟไว้ให้เป็นมาตรฐานด้วยค่ะ

ชั้น 2

Office Space  พื้นที่สำหรับสำนักงานเต็มชั้น โดยมีห้องน้ำ 1 ห้องเป็นแบบ Powder Room จุดเด่นของชั้นนี้คือได้กระจกแบบ Bay Window ทำให้ดูโปร่ง ได้แสงธรรมชาติเข้ามาเยอะมาก

ขึ้นมาบนชั้น 2 โซนแรกเลยจะเป็น Foyer ซึ่งโถงลิฟต์และบันไดจะมาเชื่อมกันในจุดนี้ การออกแบบลักษณะนี้จึงช่วยประหยัดพื้นที่ Circulation ได้ดีนะคะ

ห้องน้ำ

Image 1/4
ห้องน้ำแบบ Powder Room

ห้องน้ำแบบ Powder Room

ห้องน้ำบนชั้น 2 จะเป็นแบบ Powder Room เช่นเดียวกับชั้นล่าง แต่ห้องนี้จะโถปัสสาวะชายแยกมาให้ด้วยค่ะ

Office Zone

ขยับเข้ามาจะเป็นพื้นที่ออฟฟิศโล่งๆ แหละ แต่บ้านตัวอย่างแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้เป็นโถงทางเดินสำหรับโชว์ผลงานของออฟฟิศ ฝ้าเพดานชั้น 2, 3 จะลดระดับมาเหลือ 2.8 เมตร อาจจะไม่สูงเท่าชั้น 1 แต่ก็ดูไม่อึดอัดนะคะ

ความเก๋ของโถงทางเดินนี้คือ ปลายทางเดินเป็นกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window ให้เป็นมุม โชว์สินค้าสวยๆ ได้

พื้นที่ที่เหลือของชั้นนี้สามารถแบ่งออกเป็นห้องย่อยๆ ได้ 2 ห้อง 2 ฟังก์ชัน หรือถ้าจัดเป็นโต๊ะทำงานก็สามารถรองรับพนักงานได้ประมาณ 10 คนกำลังดี ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่ให้เข้ากับออฟฟิศของเราได้เลย

Image 1/5
ห้องประชุม

ห้องประชุม

ห้องประชุมห้องแรกที่โครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง มีขนาดประมาณ 2.9×3.5 เมตร สามารถวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งได้ และในห้องมีระเบียงขนาดประมาณ 3.1×1.8 เมตร ให้ออกมายืนเปลี่ยนบรรยากาศ หรือวางต้นไม้กระถางช่วยเพิ่มบรรยากาศร่มรื่นในที่ทำงานได้ด้วยนะคะ

Image 1/3
ห้องพักคอย

ห้องพักคอย

อีกห้องหนึ่งจัดเป็นห้องพักคอยมีขนาดประมาณ 4.6×3.5 เมตร สามารถวางโต๊ะประชุมขนาด 6 ที่นั่งก็ได้ หรือจะวางชุดโซฟารับแขกตามแบบในบ้านตัวอย่างก็ได้นะคะ โดยยังคง Gimmick เป็นมุมหน้าต่างแบบ Bay Window ทำให้ห้องดูโปร่งด้วยแสงธรรมชาติมากๆ เลย

ถัดไปเราจะพาไปชมชั้น 3 กันต่อ ซึ่งสเปคของบันไดจะเหมือนกันตั้งแต่ชั้น 1 ถึง ชั้น 3 เลยนะคะ

ชั้น 3

Executive Office ชั้นนี้เป็นพื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับใช้เป็นสำนักงานเต็มชั้นเช่นกัน แต่ห้องน้ำในชั้นนี้จะมีพื้นที่อาบน้ำกั้นมาให้เป็นสัดส่วน รองรับการปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน ให้สามารถกั้นเป็นห้องนอนลูกๆ เพิ่มได้ค่ะ

ขึ้นมาบนชั้น 3 โซนแรกจะเป็นโถงลิฟต์และบันไดเช่นเดียวกับชั้น 2 จึงช่วยประหยัดพื้นที่ทางเดินได้เช่นเดียวกัน ทำให้ใช้พื้นที่ส่วนอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่

Office Zone

Image 1/4
บริเวณนั่งทำงาน

บริเวณนั่งทำงาน

พื้นที่ชั้นสอยในบ้านตัวอย่างจัดชั้นนี้ไว้เป็นพื้นที่ทำงานของพนักงาน รองรับการทำงานของสมาชิกประมาณ 10 คนได้สบายๆ ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่ให้เข้ากับออฟฟิศของเราได้เลย

Image 1/4
ระเบียงยาวล้อมโซนออฟฟิศ

ระเบียงยาวล้อมโซนออฟฟิศ

จุดที่น่าสนใจของชั้นนี้คือมีระเบียงยาว 11 เมตร ทรงตัว L ล้อมโซนนั่งทำงานอยู่ ซึ่งเราสามารถเปิดประตูรับลมธรรมชาติได้แบบกว้างๆ และเดินออกไปรับลม เปลี่ยนบรรยากาศ คุยโทรศัพท์ ได้โดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมงาน อีกทั้งราวกันตกยังเป็นกระจกจึงไม่บังวิวด้านนอก ดูสะอาดตาดีค่ะ

Image 1/3
มุมนั่งทำงานและทางเดิน

มุมนั่งทำงานและทางเดิน

ทางเดินหลักบนชั้น 3 โครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นพื้นที่ Show สินค้า และอีกฝั่งหนึ่งเป็นมุมอ่านหนังสือ ซึ่งดูน่าใช้งานดีนะคะ เอาไว้ให้พนักงานมานั่งเปลี่ยนบรรยากาศ เผื่อได้ไอเดียใหม่ๆ

ห้องน้ำ

Image 1/4
ห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำ

ห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำ

สำหรับห้องน้ำในชั้น 3 จะมีการเพิ่มฟังก์ชันเพิ่มขึ้นจากชั้น 1,2 ให้มีพื้นที่อาบน้ำด้วย สำหรับตัวอ่างล้างมือยังคงใช้ก๊อกน้ำแบบที่มี Censor เพื่อลดการสัมผัสเช่นเดียวกัน ภายในแยกโซนเปียกแห้งไว้เป็นสัดส่วนดีและให้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ มาครบตามบ้านตัวอย่าง

Image 1/3
ภายใน Shower Box

ภายใน Shower Box

พื้นที่อาบน้ำได้มาเป็น Shower Box มีประตูกระจกกั้นแบ่งพื้นที่การใช้งานไว้ให้เป็นสัดส่วน ภายในมีขนาดประมาณ 1.4 x 0.9 m. ซึ่งโครงการจะติดตั้งฝักบัวอาบน้ำมาให้ครบ พร้อมเดินระบบท่อน้ำร้อนน้ำเย็นและหม้อต้มน้ำร้อนมาให้ และติดตั้งและ Built-in ชั้นวางของไว้ให้เรียบร้อย

ชั้น 4

Private Living Area พื้นที่ชั้น 4 จัดไว้ให้เหมาะกับการใช้เป็นพื้นที่พักอาศัยสำหรับเจ้าของบ้านแล้วนะคะ บนชั้นนี้จะมี Living Area ขนาดใหญ่, Pantry ครัว, ห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำ

ขึ้นมาถึงชั้น 4 ส่วนแรกเลยจะเป็นพื้นที่พักคอยหน้าโถงลิฟต์และบันได ซึ่งโครงการเพิ่มความเป็นส่วนตัวในโซนเจ้าของอาคารโดยการติดตั้งประตูอีกชั้นหนึ่ง พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

Digital Door Lock ที่ให้เป็นของ Kassan ใช้งานได้หลายระบบทั้ง Passcode, Keycard และ Finger Scan

Living+Dining Area

Image 1/4
พื้นที่นั่งเล่นและทานอาหาร

พื้นที่นั่งเล่นและทานอาหาร

เข้ามาในโซนพักอาศัยจะมีการเปลี่ยนวัสดุพื้นให้ดู Homey ขึ้น ได้เป็น Engineering Wood ลายก้างปลา ฝ้าเพดานในโซน Living สูงขึ้นเป็น 3.2 เมตร และฟังก์ชันหลักๆ ก็จะเป็นพื้นที่พักผ่อน, ดูทีวี, ทานอาหาร โดยบ้านตัวอย่างจัดวางโซฟาและโต๊ะทานข้าวต่อเนื่องกัน ทำให้เวลานั่งทานอาหารก็สามารถดูทีวีไปด้วยได้ ซึ่งหากจัดเฟอร์ฯ แบบบ้านตัวอย่างจะมีระยะดูทีวี 4 เมตร เลือกใช้ทีวีขนาด 60-70 นิ้วได้ค่ะ

ระเบียง

Image 1/3
ระเบียงในโซนพักอาศัย

ระเบียงในโซนพักอาศัย

จากโต๊ะทานอาหารจะเชื่อมต่อกับระเบียงยาวทรงตัว L ซึ่งเราสามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนได้กว้าง ทำให้ระบายอากาศได้สะดวก แต่ระเบียงชั้นนี้จะไม่ได้เน้นชมวิวนักเพราะฟังก์ชันของชั้นนี้เป็นโซนพักผ่อนทางโครงการจึงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวโดยติดตั้ง “เจ้าฉากบังสายตา” มาให้ ช่วยทั้งบังแดดและบังสายตาของเพื่อนบ้าน

เจ้าฉากกั้นสายตานี้สามารถเปิดปิดได้ด้วยนะคะ เวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็ปิดฉากกั้นเข้ามาได้ หรือเวลาที่ต้องการรับแสงธรรมชาติก็เปิดออกไปได้เช่นกัน

พื้นที่อีกฝั่งของชั้นนี้ที่ไม่ได้ติดระเบียง จะเป็นตำแหน่งของ Pantry ครัว และห้องน้ำ

ห้องน้ำ

Image 1/2
ห้องน้ำ

ห้องน้ำ

ในส่วนของห้องน้ำบนชั้น 4 จะออกแบบให้เหมือนห้องน้ำบนชั้น 3 เป๊ะๆ เลย จัดฟังก์ชันมาให้ครบทั้งพื้นที่โซนเปียกและโซนแห้ง

Pantry ครัว

Image 1/3
พื้นที่ทำอาหาร

พื้นที่ทำอาหาร

Pantry ครัวในบ้านจะ Built-in ชุดครัวมาให้ตามแบบในบ้านตัวอย่างเลยค่ะ รวมถึงอ่างล้างจานที่โครงการเลือกใช้ของ Blanco (บลังโก้) ของเยอรมนี ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของวัสดุว่าไม่เป็นสองรองใคร ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน

Image 1/2
Home Appliances

Home Appliances

ส่วนที่เราคิดว่าเป็น Highlight ขอยกให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในครัวที่ให้ของยี่ห้อ Miele (มีเลอ) แบรนด์ Home Appliances ชั้นนำระดับ Hi-End จากเยอรมัน ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเทคโนโลยี เช่น ตู้เย็นก็จะ Built-in ไปกับชุดครัวให้ เป็นตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่ เปิดปิดแบบ soft-close มีช่อง PerfectFresh ที่ออกแบบมาให้เก็บอาหารได้ยาวนานยิ่งขึ้น สำหรับโซนแช่แข็งจะมีระบบ FreeFrost ที่คอย defrost น้ำแข็งในตัว

และเตาอบไมโครเวฟที่สามารถใช้งานได้ทั้งการอบ การย่าง และโมเครเวฟ มาพร้อมกับประตูเตาอบแบบ Soft-close

Image 1/3
Home Appliances

Home Appliances

เตาไฟฟ้าของ Miele อีกเช่นกัน รุ่นนี้เป็นเตาไฟฟ้า Induction Hob 4 zones ซึ่ง 2 Zone ฝั่งขวาจะมีขนาดใหญ่ Merge รวมกันได้ รองรับกระทะขนาดใหญ่ และมี TwinBooster ช่วยประหยัดเวลาในการทำอาหารด้วยค่ะ

ในส่วนของเครื่องดูดควันจะเป็นผิว stainless steel ทุกชิ้นส่วน มาพร้อมไฟ LED ประหยัดพลังงานและ light-touch switches แค่แตะก็เปิดปิดไฟได้

Image 1/4
ช่องเก็บของต่างๆ ในเคาน์เตอร์ครัว

ช่องเก็บของต่างๆ ในเคาน์เตอร์ครัว

ตู้เก็บของในครัวส่วนใหญ่จะมีบานปิดทำให้ดูเรียบร้อย และถือว่าให้ตู้เก็บของมาเยอะมากนะคะ

Image 1/3
Counter Bar

Counter Bar

ส่วนที่โครงการไม่ได้ Built-in ให้ แต่ตกแต่งไว้ให้เป็นไอเดียคือ เคาน์เตอร์บาร์, เคาน์เตอร์เครื่องดื่มและตู้แช่ไวน์ ซึ่งหากใครยากจัดเฟอร์ฯ แบบนี้สามารถเก็บเป็นไอเดียในการตกแต่งได้นะคะ

บันไดระหว่างชั้น 4 -5

Image 1/4
โถงบันได

โถงบันได

สำหรับบันไดเชื่อมระหว่างชั้น 4 และชั้น 5 จะกรุผิวด้วยไม้สัก เพื่อรักษาบรรยากาศที่ดู Homey ของโซนพักอาศัยเอาไว้ แม้วางทางเดินขึ้นบันไดจะเป็นช่วงที่ต้องเดินขึ้นยาวๆ แต่ก็ดูไม่อึดอัดเพราะได้วิวและแสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างเข้ามาพอดีนะคะ

ชั้น 5

Private Bedroom พื้นที่ห้องนอนเต็มชั้น พร้อมห้องน้ำขนาดใหญ่แยกอ่างล้างหน้าแบบ His&Her โซนที่น่าสนใจคือ Walk-in Closet ที่แยกออกเป็น His&Her ด้วยเช่นกัน

ขึ้นมาบนชั้นนี้จะเป็นแนวทางเดินยาวๆ เพื่อแยกฟังก์ชันออกเป็นห้องย่อยๆ ต่างๆ

Her Walk-in Closet

เริ่มจาก Her Walk-in Closet ของคุณผู้หญิง ที่สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ทั้ง 2 ฝั่ง ด้านในสุดมีตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ติดกับหน้าต่างพอดี ใช้รับแสงธรรมชาติที่จำเป็นต่อการแต่งหน้าได้ หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนของเด็กๆ ก็ได้นะคะ เพราะห้องนี้มีขนาด 4.2×3 เมตร ใช้วางเตียง Queen Size ได้สบายค่ะ

ตรงข้ามกันเป็นตำแหน่งของ Master Bathroom ซึ่งให้พื้นที่มาใหญ่สมชื่อ

Master Bathroom

Image 1/3
อ่างล้างหน้าแบบ His and Her

อ่างล้างหน้าแบบ His and Her

โซนแรกจะเป็นโซนแห้งให้อ่างล้างหน้าให้มาแบบ His & Her ของ Kohler เคาน์เตอร์ค่อนข้างกว้างจึงมีพื้นที่รอบๆให้วางของใช้และอุปกรณ์ในห้องน้ำได้สบายๆ และก๊อกน้ำจะให้มาเป็นแบบหัวผสมพร้อมติดตั้งหม้อต้มน้ำร้อนมาให้

Image 1/2
โซนโถสุขภัณฑ์

โซนโถสุขภัณฑ์

ขยับเข้ามาด้านในจะมีฉากกั้นแยกโซนของชุดโถสุขภัณฑ์ไว้เป็นสัดส่วน ซึ่งจะได้รุ่นที่ดีกว่าห้องนอนอื่นๆ โดยเป็นแบบอัตโนมัติของ Kohler และตัวฉากกั้นจะได้กระจกลอน เป็นดีเทลที่ทำให้ดูหรูหราขึ้นนะคะ

สิ่งที่เราชอบเลยคือหน้าต่างค่ะ โครงการออกแบบมาให้เป็นบานสูงถึง 3 บาน ซึ่งสามารถเปิดออกระบายอากาศได้ทั้งหมด ในส่วนที่เป็นกระจกก็ใช้เป็นกระจกฝ้าให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาได้แต่คนภายนอกมองไม่เห็น แนะนำให้ติดมุ้งลวดจีบที่สามารถพับเก็บได้มาติดตั้งเพิ่มอีกหน่อย เพื่อช่วยกันยุง กันแมลงเข้ามาในห้องนะคะ

โซนแห้งโซนสุดท้ายจะเป็นทางเดินไปยังอ่างอาบน้ำ ซึ่งโครงการจะ Built-in ชั้นวางของมาให้ตามแบบในบ้านตัวอย่างเลยนะคะ เวลาอาบน้ำเสร็จจะได้หยิบผ้าเช็ดตัวได้สะดวก

Image 1/6
พื้นที่อาบน้ำ

พื้นที่อาบน้ำ

ภายในพื้นที่อาบน้ำจะลดระดับลงมานิดหน่อยเพื่อกันไม่ให้น้ำไหลย้อนไปโซนแห้ง อุปกรณ์ชุดอาบน้ำที่ให้มาจะมีทั้งแบบ Rain Shower และฝักบัวอาบน้ำ ผนังด้านข้างเจาะเป็นช่องไว้สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ

ส่วนที่แตกต่างจากห้องน้ำอื่นๆ อีกอย่างก็คือ มีอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวพร้อมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำของ Kasch ยี่ห้อคุณภาพจากยุโรป โดดเด่นด้วยดีไซน์ไร้รอยต่อ มาพร้อมกับฝักบัวของ Kloher และก๊อกน้ำแบบผสมที่สามารถเลือกใช้น้ำร้อนน้ำเย็นได้ ซึ่งทางโครงการได้เดินระบบท่อน้ำร้อน-น้ำเย็นเตรียมไว้ให้แล้วเช่นกัน

โครงการเตรียมตำแหน่งของอ่างอาบน้ำไว้ดีทีเดียวนะคะ ให้อยู่ข้างหน้าต่างบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นต้นไม้เขียวๆ ช่วยเพิ่มความรื่นรมย์ในการนอนแช่อ่างแต่ก็ไม่ต้องกลัวสายตาของเพื่อนบ้านจะมองมาเห็น และหากกลัวห้องน้ำอับชื้นก็สามารถเปิดหน้าต่างบานใหญ่ระบายอากศได้ด้วย เป็นเทคนิคการออกแบบที่ดีทีเดียวค่ะ ปรบมือ

His Walk-in Closet

Image 1/3
พื้นที่แต่งตัวอีกโซนหนึ่ง

พื้นที่แต่งตัวอีกโซนหนึ่ง

ขยับมาดูพื้นที่ His Walk-in Closet กันบ้าง แม้ว่าจะไม่ได้พื้นที่ขนาดใหญ่เท่าคุณผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้เล็กนะคะ สำหรับผู้ชายทั่วไปที่ไม่ใช่ Fashionista ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานค่ะ โดยบ้านตัวอย่างจะแบ่งพื้นที่ฝั่งขวาเป็นกระจกและตู้เก็บของ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นตู้เก็บเสื้อผ้า, กระเป๋าเดินทาง หากใครมีของใช้ประมาณนี้ก็สามารถเก็บเป็นไอเดียในการตกแต่งได้นะคะ

Master Bedroom

Image 1/3
ห้องนอนใหญ่

ห้องนอนใหญ่

เข้ามาที่ห้องนอนกันบ้าง สิ่งที่โครงการเตรียมไว้ให้คืองานตกแต่งฝ้าเพดานที่จะได้ขอบบัว เตรียมรางซ่อนไฟไว้ให้ แต่สำหรับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆจะไม่ได้ให้มานะคะ

ดูจากพื้นที่แล้วเราสามารถวางเตียง King Size ได้สบายและเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง ข้างเตียงเป็นผนังกระจกบานใหญ่ที่ทางโครงการตั้งใจให้ไว้ใช้รับแสงมากกว่าชมวิว จึงได้ออกแบบฉากบังสายตาเอาไว้ แต่เป็นฉากกั้นห่างๆ หากต้องการความมืดสนิทไม่มีแสงธรรมชาติมารบกวนก็แนะนำให้ติดม่านทึบเพิ่ม ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้จัดเป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีได้อีก ซึ่งหากเลือกใช้ทีวีจอใหญ่ๆ ก็สามารถนอนดูทีวีจากบนเตียงได้เลยนะคะ

Image 1/2
ระเบียงในห้องนอนใหญ่

ระเบียงในห้องนอนใหญ่

ติดกับมุมนั่งเล่นจะมีระเบียงยาวให้ออกมารับลม ชมวิวได้ เพราะฉากกั้นสายตานี้สามารถเปิดปิดได้เช่นเดียวกับฉากกั้นบนชั้น 4 ดังนั้นในเวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถใช้ฉากบังสายตาได้อีกชั้นหนึ่ง อีกไอเดียนึงคือหากนำไม้กระถางมาวางไว้ระเบียงนี้ก็จะช่วยสร้างความร่มรื่นให้กับห้องนอนมากขึ้นได้นะคะ ไม้กระถางที่เราแนะนำก็เช่น ยางอินเดีย, ลิ้นมังกร, กวักมรกต กลุ่มนี้ดูแลง่าย แดดไม่จัดก็อยู่ได้ค่ะ

ชั้น 6

Rooftop ดาดฟ้าของอาคารเป็นพื้นที่กว้างๆ ให้สามารถจัด Rooftop Party ได้ นั่งรับลมช่วงเย็นๆ  บนชั้นนี้จะมีพื้นที่ Indoor ที่เป็นห้องซักล้างใช้ติดตั้งเครื่องซักผ้าได้ และสามารถต่อเติมหลังคาเพิ่มได้ เพราะโครงสร้างรองรับน้ำหนักไว้แล้วนะคะ

โถงทางเดินขึ้นดาดฟ้า

Image 1/4
ทางเดินขึ้นชั้นดาดฟ้า

ทางเดินขึ้นชั้นดาดฟ้า

บันไดทางขึ้นดาดฟ้าจะเปลี่ยนวัสดุกลับมาปูด้วยกระเบื้องอีกครั้ง เพื่อให้ทนต่อการใช้งานมากขึ้น ส่วนของประตูดาดฟ้าจะใช้วัสดุเป็นประตูเหล็กทนไฟ เพื่อกันไม่ให้ไฟลามมาถึงชั้นดาดฟ้าได้

ดาดฟ้า

Image 1/4
ดาดฟ้า

ดาดฟ้า

พื้นที่ของดาดฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่โล่งๆ เรียบๆ ให้สามารถใช้จัดปาร์ตี้ได้สะดวก มีขนาดประมาณ 7.7×7.6 เมตร พื้นเทคอนกรีตและลงน้ำยากันซึมไว้เรียบร้อย หากใครกังวลเรื่องน้ำรั่วซึมก็สามารถต่อเติมหลังคาเพิ่มหรือทำเป็น Glass House ได้นะคะ เพราะทางโครงการคำนวนโครงสร้างเผื่อไว้ให้แล้วค่ะ

ห้องซักล้าง

Image 1/3
ห้องซักล้าง

ห้องซักล้าง

ห้องเดียวที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าคือ ห้องซักล้าง ซึ่งโครงการเดินงานระบบไว้รองรับการติดตั้งเครื่องซักผ้าไว้ให้ อีกเรื่องที่น่าสนใจคือภายในห้องจะมีห้องเล็กๆ ที่ใช้วาง Condensing Unit แยกไว้ต่างหาก ดูเป็นสัดเป็นส่วน เรียบร้อยสวยงามดี

บ้านมาตรฐาน Type I

Image 1/37
บ้านมาตรฐาน Type I

บ้านมาตรฐาน Type I

หากใครอยากทราบว่าบ้านมาตรฐานให้อะไรบ้าง เราถ่ายบ้าน Type I มาเป็น Guildlineให้นะคะ เพราะบ้าน Standard Type II ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีค่ะ

ราคา

201 AVENUE EKAMAI RAMA IX (201 อเวนิว เอกมัย-พระราม9) ณ วันที่ 23 มกราคม 2566

  • Relevant Elegance โฮมออฟฟิศ 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 47 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 601-603 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 56.4 ล้านบาท
  • Timeless Vision โฮมออฟฟิศ 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 45-52 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 601-620 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 52.7 – 54.5 ล้านบาท
  • Urban Retreat โฮมออฟฟิศ 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 48 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 578 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องน้ำ / 6 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 52 ล้านบาท
  • จอง 500,000 บาท
  • ทำสัญญา 20%
  • ที่ดินเพิ่ม-ลด ราคาตารางวาละ 350,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 11,000 บาท/หลัง/เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :

ทำเลของโครงการ 201 Avenue เอกมัย-พระราม9 ตั้งอยู่ในซอยจำเนียรเสริมติดกับ Golden Place สาขาพระราม 9 เข้าซอยจากถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย – รามอินทรา) มานิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วค่ะ หรือจะอธิบายคร่าวๆ ว่าอยู่ซอยเดียวกับคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาก็ได้

ซึ่งทำเลนี้อิงมาทางรัชดาภิเษกและห้วยขวาง พนักงานคนไหนที่พักอยู่โซนนี้ก็เดินทางมาได้ง่ายหน่อย เพราะว่ามีรถสองแถววิ่งจากห้วยขวางผ่านมาบนเส้นประชาอุทิศใกล้ๆ กับโครงการ และตัวโครงการก็อยู่ห่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีศูนย์วัฒนธรรมประมาณ 5 km. นอกจากนี้โซนนี้ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ทุกหัวมุมถนน มีรถเมล์ผ่านเป็นประจำ ส่วนแท็กซี่นี่เยอะมากเพราะเป็นซอยทางลัดที่ทะลุไปได้หลายเส้นทาง และล่าสุดก็กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอยู่ค่ะ ซึ่งทำให้โครงการใกล้กับสถานีรถไฟฟ้ามากขึ้นอีก รถติด ถือว่าเป็นข้อเสียของย่านนี้เลยค่ะ แต่อันที่จริงแล้วหากอยู่ไปสักพักจนคุ้นเคยทำเล เราจะสามารถรู้ได้ว่าควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาไหน

ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์นั้น ถ้าเราดูจากแผนที่ก็จะเห็นว่ารอบๆ นั้นอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งโซนเหม่งจ๋าย-ประชาราษฎร์บำเพ็ญ-ทาวน์อินทาวน์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมทั้งร้านเด็ดเจ้าเก่าและร้านอาหารใหม่ๆหลากหลายสไตล์ ส่วนโซนรัชดาภิเษก, เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ก็จะเป็นเส้นที่รวมห้างและ Community Mall ขนาดใหญ่ หรือว่าจะเข้าเมืองมาทางโซนทองหล่อ เอกมัย ก็มีร้านอาหารเก๋ๆ ชิคๆ ให้เปลี่ยนบรรยากาศ ซึ่งเดินทางไม่ยากเลย ประมาณ 3 km. ก็ถึงเอกมัยแล้วค่ะ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :

แม้ว่าเป็นโครงการขนาดเล็กที่ไม่ต้องเข้าจัดสรร แต่ทางโครงการก็เตรียมระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ ไม่แพ้โครงการจัดสรรเลยค่ะ ซึ่งเน้นทั้งความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน เช่นลูกบ้านสามารถเปิดประตูโครงการโดยใช้รีโมทหรือสั่งงานผ่าน Apps ได้ ติดตั้งกล้อง CCTV ที่ Main Gate  และภายในโครงการ ส่วนในตัวบ้านติดตั้ง VDO Door Phone เพื่อให้ลูกบ้านคอนเฟิร์มก่อนเปิดประตูให้ Visitors เข้ามา ตัวบ้านติดตั้ง Digital Door Lock 2 จุด แยกโซนออฟฟิศและโซนพักผ่อน และ Smoke Sensor

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :

อาคาร – โครงการออกแบบให้พื้นที่ใช้สอยใหญ่กว่าหลายโครงการของ Developer อื่นๆ ในย่านนี้ที่ทำโปรดักส์ Home Office เหมือนกัน จากที่ Survey มาพื้นที่ใช้สอยจะอยู่ราวๆ 400 ตร.ม. แต่สำหรับที่นี่จัดเต็มมาถึง 600 ตร.ม. สามารถรองรับออฟฟิศที่มีพนักงานราวๆ 20 คน ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นตามขนาดพื้นที่ด้วยเช่นกันนะคะ

ตัวอาคารมี Gimmick เป็นระเบียงกว้างให้ออกมารับลมชมวิว หรือคุยโทรศัพท์ได้โดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมงาน สำหรับระเบียงในโซนพักอาศัยก็จะมีฉากบังสายตากั้นปิดอีกชั้นหนึ่ง แต่สามารถเปิดได้ในเวลาที่ต้องการรับแสงรับวิวเช่นกัน

โครงการ – เป็นโครงการขนาดเล็กจำนวนบ้านเพียง 8 ยูนิต ลักษณะอาคารเป็นโฮมออฟฟิศแฝด จับกันเป็นคู่ๆ จึงเป็นบ้านหลังมุมทุกยูนิต ทำให้บ้านแต่ละหลังจะรับแสงรับลมได้ 2 ฝั่ง  ส่งผลดีในเรื่องความเป็นส่วนตัวของการพักอาศัยมากๆ เลยค่ะ อีกทั้งยังสามารถซื้อ 2 หลังเพื่อทุบเชื่อมกันได้ 

วัสดุ :

โครงการเลือกใช้วัสดุ Premium ในหลายๆส่วน ซึ่งโครงการทั่วๆ ไปไม่ได้ใช้กันเพราะมีราคาสูง เช่น กระจก LowE แบบ Full Height ทุกชั้นทั้งโครงการ (มีราคาสูงกว่ากระจกตัดแสงธรรมดา 4-6 เท่า), พื้นใช้กระเบื้อง Porcelain, Home Appliances ชั้นนำระดับ Hi-End จากเยอรมันทั้ง Miele และ Blanco, อ่างอาบน้ำ Kasch เป็นต้น และใช้วัสดุอุปกรณ์แบบ Touchlessในหลายๆ ฟังก์ชันด้วย แอบเสียดายนิดนึงว่าเฟอร์ฯ Built-in ก็น่าจะเป็นของแบรนด์ด้วยนะคะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :

บรรยากาศภาพรวมของโครงการดูเรียบร้อยเพราะโครงการวางเสาไฟแบบลงดินทั้งหมดไม่มีสายไฟรกตา

สาธารณูปโภค :

เนื่องจากโครงการนี้ไม่ใช่โครงการจัดสรร จึงไม่มีพื้นที่ส่วนกลางนะคะ แต่ทางโครงการก็มีการดูแลถนนและต้นไม้ส่วนกลางให้, มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 4 จุด แลดูแลเก็บขยะให้ โดยคิดค่าส่วนกลาง 11,000 บาท/หลัง/เดือนค่ะ

Judgement

สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการระดับ Super Luxury เราจึงขอไม่ให้คะแนนนะคะ เพราะ การตัดสินใจซื้อโครงการระดับนี้จะมีเหตุผลที่นอกเหนือจากความคุ้มค่าทางด้านฟังก์ชัน อย่างเช่นความชื่นชอบในเรื่องดีไซน์ ความสวยงาม ซึ่งเป็นอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยค่ะ

201 Avenue เอกมัย-พระราม9 เหมาะกับใคร

201 Avenue เอกมัย-พระราม9 เหมาะกับการใช้เป็นโฮมออฟฟิศที่เน้นใช้ที่นี่ไว้ทำงาน ปาร์ตี้กับลูกน้อง นอนค้างบ้างในวันที่ประชุมดึกหรือมีงานด่วน ซึ่งเหมาะกับครอบครัวที่มีบ้านหลังหลักให้อยู่อาศัยพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่แล้วนะคะ เพราะชั้นพักอาศัย 2 ชั้นนั้นไม่ได้มีห้องนอนเล็กรองรับครอบครัวใหญ่สักเท่าไหร่ แต่หากเป็นครอบครัวขยายที่อยู่กันแค่สามีภรรยา มีลูก 1 คน ไม่ได้มีแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงเด็กอยู่ด้วย Home Office หลังนี้ก็ตอบโจทย์ให้อยู่อาศัยเป็นหลังหลักได้เช่นกัน

ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการเหมาะกับพนักงานที่พักอยู่ในโซนรัชดา-ห้วยขวางจะเดินทางมาสะดวก ยิ่งขับมอเตอร์ไซค์จะดีมาก หรือรถสาธารณะอย่างสองแถว รถเมล์ รถไฟฟ้า พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็มีรองรับอยู่สะดวกพอสมควร และอาหารการกินย่านนี้ก็อุดมสมบูรณ์ มีตัวเลือกให้สั่ง Grab เพียบตอบโจทย์ชาวออฟฟิศ ในช่วงราคา 52-56.4 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 400,000 บาท/เดือน ยังไม่รวมงบที่ต้องใช้ในการตกแต่งภายในนะคะ


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc