รีวิวฉบับที่ 602 … B-Avenue พระราม 2 ซอย 50 เป็นรีวิวที่ต่อเนื่องจาก รีวิวฉบับที่ 594 Town Avenue Cocos พระราม 2 ซอย 50 นะครับ โดยโครงการ B-Avenue และ Town Avenue นั้นตั้งอยู่ติดกัน แต่ตัว B-Avenue ที่อยู่หน้าสุด นอกหมู่บ้าน ถูกจับมาทำอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 4 เมตร จำนวน 7 ห้อง ไม่เข้าจัดสรร ไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง ไม่มีค่าส่วนกลาง ไม่ต้องแชร์สาธารณูปโภคกับใคร เหมือนกับการซื้อตึกแถวนอกหมู่บ้าน อย่างไรอย่างนั้นเลยครับ
Fact @ 19 June 2014
- B-Avenue พระราม 2 ซอย 50 (บี อเวนิว)
- บมจ. แสนสิริ
- Segment: UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
- อาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น 7 ยูนิต หน้ากว้าง 4 เมตร
- ที่ดิน 22.5 – 74.3 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท
- สร้างเสร็จพร้อมโอนปี 2557
- http://www.sansiri.com
- Call Center : 1685
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.669015, 100.445104
ทำเลของโครงการนี้เหมือนกันกับโครงการ Town Avenue Cocos พระราม 2 ซอย 50 นะครับ ดังนั้นสามารถอ่านได้จากบทความ 2 เรื่องดังนี้ ผมจะขอไม่กล่าวซ้ำในส่วนที่เคยอธิบายไปแล้วนะครับ
เริ่มจากแปลนใหญ่ Master Plan ของ 2 โครงการก่อนเลย จะเห็นว่าที่ดินผืนใหญ่นั้นเป็นของ Town Avenue Cocos โดยจะมีทางเข้าตัวเหลืองๆซึ่งเชื่อมเข้ามาหาโครงการ B-Avenue นะครับ
เราซูมแผนที่ลงไปอีก จะพบว่าโครงการ B-Avenue นั้นแยกออกมาจากทางเข้า Town Avenue Cocos เล็กน้อย มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู แบ่งออกเป็น 7 แปลงด้วยกัน และมีพื้นที่จอดรถทั้งสิ้น 9 คันครับ
วัดระยะจากปากทางเข้าซอยพระราม 2 ที่ 50 มาถึงปากทางเข้าโครงการได้รวม 600 เมตร ยังจัดเป็นระยะที่สามารถเดินเท้าออกไปปากซอยได้
ตัวโครงการ B-Avenue นั้นอยู่ลึกเข้าไปไม่ได้อยู่ติดถนนซอยหลักนะครับ แต่จะลึกเข้าไปนิดเดียว และมี รปภ. คอยดูแลอยู่ด้วย ดังภาพข้างบนนี้
เนื่องจากถนนซอยหลักนั้นไม่ใช่เป็นถนนทางลัดไปออกเอกชัย ทำให้ความพลุกพล่านมีไม่มาก
รถไม่ค่อยมี สภาพจะเป็นบ้านเรือนเสียส่วนใหญ่ ต่างจากช่วงต้นซอยมากนัก ทำให้ทำเลนี้มีศักยภาพในการทำการค้าต่ำกว่าปากซอย แถมโครงการ B-Avenue ก็อยู่ลึกเข้าไปในซอยของซอยอีกทีหนึ่ง จึงไม่เหมาะที่จะมาทำร้านค้า แต่ถ้าเลือกไปทำเป็น Office สำนักงาน หรือโรงงานผลิตสินค้า Hand made ก็สามารถทำได้อยู่ครับ
เราก็ไม่รอช้า เดินเข้าไปดูในโครงการต่อนะครับ ทางเข้าต้องบอกว่าเล็กนิดนึง เป็นซอยกว้างประมาณ 5-6 เมตรเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่แสนสิริปรับปรุงสภาพแวดล้อมด้านข้างให้สวยงาม มีต้นไม้ตัดแต่ง ถนนสะอาดสะอ้านดูสบายตา แล้วก็จัด รปภ. วางไว้ 1 นาย ป้องกันไม่ให้รถที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาภายในตัวหมู่บ้าน
กรณีนี้จะเป็นประโยชน์กับตัวลูกบ้านที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านและลูกค้าที่เข้ามาติดต่อธุรกิจ แต่ถ้าเป็นรถคนงาน กระบะ ขนส่งสินค้า ก็ต้องจัดการให้ดีครับ
มองจากมุมสูงจะเห็นถนนทางเข้าหมู่บ้านอยู่ทางขวามือ โดยทางซ้ายมือเป็นพื้นที่ดินเปล่าโล่งๆ ยังไม่ได้รับการพัฒนาครับ
มุมนี้เราจะเห็น B-Avenue ทั้ง 7 ยูนิตตั้งอยู่ด้านหลังป้ายและต้นไม้พอดีเลยครับ … พอเลี้ยวผ่านซอยทางเข้ามาเท่านั้นเอง ถนนก็ขยายใหญ่ขึ้น 2-3 เท่า โดยจะกลายเป็นถนน 4 เลน มีเกาะกลาง พร้อมฟุตบาทปลูกต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง … เรียกว่าแกรนด์กว่ากันเยอะ แต่ก็นะ ต้องไปติดคอขวดปากซอยอยู่ดีฮะ
ต้นไม้ใหญ่ลงค่อนข้างเขียวเลยนะครับ ที่แสนสิริทำถนนใหญ่แบบนี้ก็เพราะว่าทางนี้เป็นทางเข้าไปสู่ 2 โครงการ ก็คือ B-Avenue ที่อยู่ทางขวามือ และ Town Avenue Cocos ซึ่งเป็นหมู่บ้านหลักของที่นี่ซึ่งเคยรีวิวกันไปแล้วครับ
โครงการ B-Avenue อยู่บริเวณทางแยกตรงนี้นะครับ แทนที่จะวิ่งตรงไปก็ให้เลี้ยวขวามาเข้าฝั่งอาคารพาณิชย์แทน โครงการเป็นโครงการเล็กๆ ไม่จัดสรร มี 7 ยูนิต ขนาดพื้นที่รวมกันประมาณ 1 ไร่พอดี
หน้าโครงการมีส่วนที่เป็นสวนและน้ำพุอยู่ด้านหน้า ต้นไม้ขนาดกลางๆให้ความร่มเย็นพอควร
ด้านหลัง Landscape ตรงนี้เป็นพื้นที่จอดรถ ซึ่งจอดได้ทั้งสิ้น 9 คันไม่รวมซ้อนคัน ถ้ารวมจอดขวางฝั่งเดียวด้วยก็จะได้ 14 คัน เทียบเท่าบ้านแต่ละหลังมีที่จอดรถ 2 คัน แต่อย่าลืมว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่นอกโครงการ ลูกค้าหรือพนักงานของแต่ละยูนิตก็สามารถมาจอดได้นะครับ
ทางเข้าออกกว้างขวาง มีสองช่องพร้อมเกาะกลาง ดูใหญ่ดี แต่พอเอามาใส่กับตึกแถวเล็กๆขนาด 7 ยูนิตแล้วก็รู้สึกว่าใหญ่ไปหน่อย น่าจะเอาพื้นที่ไปทำที่จอดรถเพิ่มจะได้ประโยชน์มากกว่า
ด้านหลังของป้าย B-Avenue มีช่องเปิดซึ่งสามารถทะลุไปยังซอยด้านหลังได้
แต่ตรงนี้เป็นทางชั่วคราวเท่านั้นนะครับ ทางโครงการระบุว่าจะปิดช่องนี้เมื่อดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้น ทำให้มีทางเข้าออกทางเดียว ซึ่งจะดีต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย
ตึกแถว 7 ห้องหน้าตาแบบนี้ ดูแล้วธรรมดามากๆเมื่อเทียบกับหน้าตาของบ้าน Town Avenue ตามภาพด้านล่าง
เป็นไงละครับ ทาวน์โฮมดูทันสมัยมากกว่าเยอะเลยเนอะ
สาเหตุที่หน้าตาถูกออกแบบมาให้เรียบๆแบบนี้ก็เพราะเจ้าของตึกแถวจะได้ปรับเปลี่ยนได้ ติดป้ายห้างร้านบริเวณระเบียงชั้นลอยที่ทำออกมาเป็นผนังทึบสีขาว หรือจะแขวนป้ายโฆษณาใหญ่เชื่อมจากระเบียงชั้น 2 ลงมาชั้น 3 ก็ได้
สังเกตบริเวณพื้นชั้นล่าง จะมีขอบยกขึ้นมาหน่อยทำให้ไม่สามารถเอารถเข้าไปจอดในบ้านได้ ถ้าต้องการเอารถเข้าบ้านก็ต้องเทพื้นทำทางลาดเอง ของบ้านใครของมันนะครับ เพราะตึกแถวเค้าออกแบบมาให้ทำการค้า หรือทำอาคารพาณิชย์ ดังนั้นชั้นล่างก็จะเป็นแบบนี้ละ
ทางเดินหน้าบ้านถูกออกแบบมาให้กว้างหน่อย เชื่อมต่อกันทุกยูนิต แต่ด้วยความที่เป็นตึกแถวหน้าบ้านก็จะแคบกว่าทาวน์โฮม ซึ่งตึกแถวแบบนี้มีหน้ากว้าง 4 เมตรเป็นมาตรฐาน … แต่ด้วยการสร้างแบบก่ออิฐมวลเบาไม่ได้ใช้โครงสร้างผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ทำให้สามารถซื้อตึกที่ติดกันแล้วทุบผนังยุบรวมห้องกันได้ครับ
หากมองย้อนกลับไปเราก็จะเห็นที่จอดรถซึ่งได้ร่มเงาจากต้นไม้ด้วย และมีพื้นที่ให้จอดซ้อนคันสบายๆ 1 แถว หรือถ้ารถเยอะจริงๆก็อาจจะมาจอดฝั่งหน้าร้านได้อีกแถวหนึ่งด้วย
พาไปดูหลังร้านกันบ้าง ด้านหลังจะเว้นพื้นที่เปล่าเททรายให้เห็นแบบนี้ โดยรั้วหลังบ้านจะสูง 2 เมตร มีเหล็กแหลมอีก 50 ซม.
พื้นที่ส่วนใหญ่แล้วจะติดกับบ้านข้างๆ เป็นบ้านสองชั้นครับ
ผมปีนขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า ถ่ายภาพลงมาให้ดูนะครับ จะเห็นว่าเกือบทุกหลังติดกับอาคารบ้านพักอาศัยรอบๆ
โดยบางหลังก็เป็นบ้าน บางหลังก็เป็นอพาร์ตเม้นท์ครับ
ทีนี้เราจะเข้าไปในตึกแถวกันบ้าง สิ่งที่ได้ก็ตามที่เห็นเลยนะครับ หน้าบ้านปิดด้วยประตูเหล็กม้วนใช้ยกขึ้นลงเหมือนกับตึกแถวทั่วๆไป ถ้าใครอยากจะทำให้ดูหรูหราหน่อยก็ต้องติดตั้งกรอบอลูมิเนียมพร้อมประตูกระจกไว้ด้านหลังอีกทีหนึ่ง
ภายในนี้ตกแต่งให้แบบ Bareshell … ไม่ติดตั้งพื้นให้นะครับ เว้นเป็นพื้นคอนกรีต ทำให้เจ้าของตึกสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามที่ต้องการ
หากเป็นออฟฟิศหรือร้านอาหารก็ควรจะปูกระเบื้องแกรนิตโต้ หรือกระเบื้องยางถ้าต้องการความทนทาน หรือถ้าใครจะเอารถเข้ามาจอดในบ้านก็เว้นไว้เป็นคอนกรีตแบบนี้ละดีแล้ว
เพดานครึ่งหนึ่งของด้านบนเปิดโล่งสูง 6 เมตร ติดตั้งโคมไฟห้อยลงมาให้ ถ้าเราจะออกแบบเป็นร้านอาหารหรือเป็น Showroom ก็ควรจะเปลี่ยนโคมไฟให้เข้ากับสไตล์การออกแบบของร้านครับ
โดยบริเวณชั้นลอยนั้นมีผนังกระจกเปิดไว้รับแสงด้วย
ห้องน้ำมีให้ที่ชั้น 1, 2 และ 3 ยกเว้นชั้นลอย ซึ่งทำมาให้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้วไม่ต้องไปปูพื้นเหมือนกับด้านนอก แต่ตำแหน่งติดตั้งของห้องน้ำชั้นล่างจะอยู่ใต้บันไดซึ่งค่อนข้างเล็ก ใช้เข้าส้วมได้แต่อาบน้ำไม่ได้ และสมควรติดตั้งพัดลมระบายอากาศนะครับ ไม่เช่นนั้นจะอึดอัดมาก
เดินทะลุมาหลังบ้าน แต่ละหลังจะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นคอนกรีต ติดตั้งถังน้ำและปั๊มน้ำ กับพื้นที่โล่งๆหลังบ้านเป็นพื้นทรายที่มีขนาดไม่เท่ากัน ขึ้นกับขนาดของที่ดินแต่ละหลัง
โดยด้านหลังจะมีบันไดปีนขึ้นไปดาดฟ้าได้ด้วย … แต่ไม่ได้เชื่อมลงมาด้านล่างนะ
บันไดนี้เอาไว้ให้ช่างสามารถปีนขึ้นไป Service อุปกรณ์ต่างๆที่วางเอาไว้ตามระเบียงแต่ละชั้นได้ เช่นคอมเพรสเซอร์แอร์
หรือสามารถขึ้นดาดฟ้าได้โดยไม่ต้องผ่านชั้น 2 และชั้น 3 กรณีที่มีการทำงานอยู่ในเวลากลางวันครับ
เราจะเดินขึ้นไปดูข้างบนกันบ้าง … ก็พบว่าบันไดที่นี่จบให้ที่พื้นคอนกรีตเฉยๆ ถ้าอยากจะปูพื้นบันไดก็สามารถเลือกได้เช่นกัน ว่าจะใช้วัสดุประเภทไหน ลามิเนต ไม้จริง กระเบื้อง ได้ทั้งนั้น แล้วแต่การใช้งานครับ
เดินขึ้นมาที่ชั้นลอยก็จะเห็นพื้นที่ชั้นล่างเปิดโล่งแบบนี้ ถ้าใครอยากจะขยายพื้นที่ชั้นลอยไปจนสุดก็ทำได้นะครับ โครงสร้างออกแบบมารองรับไว้หมดแล้ว แต่ต้องไปทำเองหลังโอนนะ
ถ้าใครไม่ทำเพิ่มก็จะเห็นว่าชั้นลอยมีพื้นที่นิดเดียว วางอะไรไม่ค่อยได้มาก ถ้าเป็น Home Office ตรงนี้ก็เหมาะที่จะทำเป็น Pantry ครัวสำหรับพนักงาน หรือที่เก็บของละครับ
ต่อไปที่ชั้น 2 กันเลย
ชั้น 2 กับชั้น 3 ออกแบบมาเหมือนกันเด๊ะ คือจะเป็นห้องโล่งๆแบบนี้ มีระเบียงด้านหน้าและห้องน้ำด้านหลัง ติดตั้งโคมไฟซาละเปาให้สามดวง
ห้องน้ำด้านหลัง ขออภัยที่ไม่ได้เข้าไปถ่ายนะครับ พอดีมันยังสร้างไม่เสร็จดี ซึ่งห้องน้ำทั้งชั้น 2 และชั้น 3 นี้ล้วนสามารถอาบน้ำได้
ระเบียงด้านหน้าก็ใช้งานได้ดี เป็นระเบียงที่หันหน้าเข้ากับทิศตะวันออก ทำให้แดดไม่ส่องตอนบ่ายๆ ไม่ร้อนมากครับ
สุดท้ายก็คือดาดฟ้า ซึ่งจะเป็นพื้นที่โล่ง สามารถใช้งานได้ แต่ก็ต้องมากั้นผนัง ทำตาข่ายเองนะครับ เพราะว่าพื้นที่ทุกหลังเชื่อมกันหมด
อาจจะมีจุดอ่อนในเรื่องของความปลอดภัย หากเพื่อนบ้านทุกคนไม่ได้ช่วยกันดูแลรักษา
จบด้วยพื้นที่ของ Sales Office นะครับ ซึ่งเป็นการทุบเชื่อมบ้านสองหลังเข้าด้วยกัน … ออกแบบ Space ให้น่านั่ง … ซึ่งผมว่าตึกแถวของ B-Avenue ก็เหมาะที่จะเอามาทำ Office มากกว่าครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- โครงการไม่เข้าจัดสรร ดังนั้นจึงไม่มีทรัพย์ส่วนกลาง
- ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลาง แต่ละคนต้องดูแลบ้านของตนเอง
- ไม่สามารถใช้ส่วนกลางที่โครงการ Town Avenue Cocos ได้
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 June 2014
- ตึกแถว ขนาด 22.5 – 35.3 ตารางวา ขายราคาเดียวที่ 4.59 ล้านบาท
- จองและทำสัญญา 130,000 บาท
- ตึกแถวพร้อมโอน
- ไม่มีค่าส่วนกลาง
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
หากมองกันที่ภาพกว้างของทำเลของ B-Avenue ก็จะพบว่าตึกแถวทั้ง 7 ห้องนี้อยู่ในทำเลมีศักยภาพ นั่นก็คือถนนซอยที่เชื่อมไปยังถนนพระรามที่ 2 และถนนเอกชัย โดยมีห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่างเซ็นทรัลพระราม 2 อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ แต่ถ้ามองในภาพที่แคบลงมาก็จะพบว่า B-Avenue นี้ตั้งอยู่ในซอยของซอยพระราม 2 ที่ 50 อีกทีหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนของซอยที่ไม่มีการจราจรพลุกพล่าน เนื่องจากไม่ใช่เส้นทางหลักที่จะลัดไปออกถนนเอกชัย ต่างกับช่วงต้นซอยที่มีร้านค้าตลอดจนอพาร์ตเม้นท์มากมาย จำนวนรถยนต์ที่วิ่งผ่านก็จะน้อยลงไปเยอะครับ
ผมมีความเห็นว่าทำเลนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาทำการค้าแบบที่อาศัยลูกค้าที่สัญจรผ่านไปมา เนื่องจากหมู่บ้าน Town Avenue Cocos ที่อยู่ด้านหลังมีจำนวนยูนิตเพียง 186 ยูนิต คงจะไม่เพียงพอสำหรับการรองรับธุรกิจทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านอาหาร แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง B-Avenue ก็เหมาะกับการค้าประเภทขายส่ง อาทิเช่นร้านอบขนมเปี๊ยะที่มีรถมารับสินค้าไปกระจายต่อ หรืออาคารสำนักงานสำหรับธุรกิจ SME ที่มีคนไม่มากและไม่จำเป็นต้องไปตั้งอยู่ในเมือง หากธุรกิจต้องการพื้นที่มากหน่อยก็สามารถซื้อ 2-3 ยูนิตแล้วเชื่อมกันเป็นออฟฟิศได้ เพราะตึกแถวพวกนี้ไม่ได้ใช้ผนังพรีคาสต์ สามารถทุบผนังแล้วเชื่อมยูนิตที่ติดกันเข้าหากันได้
เนื่องจากโครงการ B-Avenue นี้เป็นโครงการขนาดเล็กมาก ไม่เข้าจัดสรร ดังนั้นจึงไม่มีพื้นที่ส่วนกลางมาให้นิติบุคคลบริหาร พื้นที่จอดรถด้านหน้าทั้ง 9 ช่องตลอดจนถนนหน้าโครงการนั้นในอนาคตก็จะกลายเป็นสาธารณะ ซึ่งรับรู้กันกลายๆว่าลูกบ้าน B-Avenue จะต้องช่วยกันดูแลรักษา เพื่อให้ตึกแถวดูดีและมีทางเข้าออกที่ใช้งานได้สะดวก ความยากอาจจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการของลูกบ้านทั้ง 7 ยูนิตซึ่งจะต้องดูแลกันเองแบบชุมชน ต่างจากโครงการหมู่บ้าน Town Avenue Cocos ที่มีนิติบุคคลอย่างเป็นทางการ คอยจัดการเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับสาธารณูปโภคส่วนกลางให้ แต่การที่ไม่มีนิติบุคคลก็มีข้อดีเช่นกัน ที่ลูกบ้านทั้งหมดก็จะไม่ถูกบังคับเก็บเงินค่าส่วนกลาง และไม่มีกฎข้อบังคับมากมายนัก
ราคาขายของ B-Avenue ในช่วงปีก่อนนั้นตั้งเอาไว้สูง ราวๆ 5-6 ล้านบาท แต่ด้วยทำเลที่ไม่โดนเท่าไร ทางแสนสิริจึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ 3 แปลงมาขายอยู่ที่ 4.59 ล้านบาทราคาเดียว ซึ่งมีแปลงหนึ่งที่มีขนาด 35.3 ตารางวา … เทียบกันตรงๆด้วยพื้นที่ใช้สอยและขนาดที่ดินแล้ว พบว่า B-Avenue ถูกกว่าบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้นในโครงการ Town Avenue Cocos เสียอีก … แต่เราจะคิดอย่างนั้นไม่ได้นะครับ
เนื่องจาก B-Avenue นั้นเป็นการขายแบบ Bareshell ตกแต่งไม่พร้อมที่จะเข้าอยู่อาศัย ต้องปูพื้นและติดแอร์เพิ่มเติมทุกชั้น ตลอดจนเรื่องสเปคห้องน้ำ ฝ้าและไฟ Downlight ต่างๆ ทำให้เราไม่สามารถเทียบราคากันได้ตรงๆ ต้องเผื่อค่าตกแต่งบางส่วนเอาไว้ด้วย โดยสเปควัสดุของ B-Avenue นั้นก็เป็นสเปกตึกแถวทั่วไป ประตูเหล็กม้วนด้านหน้า โคมไฟซาลาเปาทุกชั้น ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ระดับกลางๆ ให้พอใช้งานได้ ผนังไม่ทาสี พื้นคอนกรีต เน้นความคล่องตัวให้เจ้าของไปตกแต่งอย่างที่ต้องการ ต่างจาก Town Avenue ที่มีเก็บงานจบพร้อมยกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเข้าอยู่อาศัยครับ
Judgement
เนื่องจากโครงการ B-Avenue ไม่ได้จัดสรรและเป็นอาคารพาณิชย์ การซื้อจึงต้องคำนึงถึงเรื่องธุรกิจและกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในย่านทำเลเดียวกันเป็นหลัก ความคุ้มค่าเปลี่ยนไปตามการนำไปใช้ ทางเราจึงไม่สามารถให้คะแนนได้ แต่จะสรุปเอาไว้ว่าตึกแถวตรงนี้เหมาะที่จะทำอะไรครับ
BOTTOM LINE
B-Avenue เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสถานที่สำหรับทำธุรกิจที่ไม่ต้องการหน้าร้าน เช่นร้านขายส่ง หรืออาคารสำนักงาน ย่านพระราม 2ในราคา 4-5 ล้านบาท และมีที่จอดรถเตรียมไว้ให้พอสมควรครับ
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ