มองหาทำเลน่ากินใกล้รถไฟฟ้า (ฉบับพกพาเวลาหิว) : พร้อมพงษ์, นานา

รีวิวมองหาทำเลน่ากินฉบับพิเศษนี้เป็นรีวิวที่เน้นเรื่องอาหารการกินเป็นหลักค่ะ โดยรีวิวนี้เป็นรีวิวฉบับที่ 2 จากรีวิวแรก มองหาทำเลน่ากินใกล้รถไฟฟ้า (ฉบับพกพาเวลาหิว) ทองหล่อ – เอกมัย – 36 – 38  ที่ผ่านมาเราพาไปชมบรรดาร้านอาหารและแหล่งอาหารใกล้ BTS ทองหล่อกันไปแล้ว ฉบับนี้เราพามาที่สถานีถัดไปคือ BTS พร้อมพงษ์ ซึ่งเป็นสถานีติดห้างใหญ่สุดหรูถึงสองห้างที่ขนาบซ้ายขวาของสถานีอยู่คือห้าง Emporium และฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้างใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือ EmQuartier หรือที่บางคนเรียกกันว่าเอ็มโพเรี่ยม 2 นั่นเองค่ะ ไปดูกันเลยดีกว่า ว่ารอบๆสถานีพร้อมพงษ์นอกจากในห้างนี่มีอะไรร้านอะไรน่ากินบ้าง

สถานีพร้อมพงษ์ 

BTS พร้อมพงษ์ เป็นทำเลใจกลางเมืองที่เรียกได้ว่าเจริญและอุดมสมบูรณ์มาก ตอนนี้มีโครงการคอนโดใหม่ๆขึ้นอยู่หลายโครงการ ส่วนใหญ่ราคาก็สูงๆทั้งนั้น พราะโซนนี้ส่วนใหญ่เป็นทำเลของโรงแรมห้าดาวหรือห้างหรูระดับไฮเอนด์ ซึ่งถ้าเอาราคาคอนโดไปเทียบกับย่านอื่นแล้ว ย่านนี้เรียกว่าติดอันดับต้นๆของที่อยู่อาศัยราคาแพงของกรุงเทพเลยค่ะ ส่วนสาธารณูปโภครอบๆ ส่วนใหญ่นอกจาก Emporium และ EmQuartier แล้วก็จะเป็นวิลล่ามาร์เก็ตต่างๆโรงแรม สถานเสริมความงาม ร้านอาหาร ที่จะออกแนว Specialty Store ที่มีความเป็น Niche และ Unique ที่ตอนนี้ก็จะเห็นได้ว่ามีหน้าใหม่ผุดขึ้นมาให้ติดตามอยู่เรื่อยๆ โดยหลายเจ้าพยายามจะจับตลาดชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่น หรือพวกฝรั่งก็ตามแต่  ยิ่งตอนนี้มี EmQuartier มาเปิดเพิ่ม ความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์จึงถูกยกระดับให้สูงขึ้นไปอีกชั้น (ที่ถือว่าเป็นแพ็กเกจที่ดีของคนย่านนี้ค่ะ เพราะมีทั้งโรงหนัง ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาเก็ต)  แถมยังมีซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่อย่างบิ๊กซี เเละเทสโก้โลตัส วิลล่ามาเก็ต หรือแม้แต่ Fuji Super แล้วก็เเหล่งของกินต่างๆ อย่าง เค วิลเลจ เรนฮิล หรือร้านอาหารดังๆ มากมาย นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวต่างชาติเลือกที่จะมาอยู่แถวนี้เยอะ โดยเฉพาะญี่ปุ่นซึ่งเเทบจะเรียกได้ว่าย่านนี้เป็นย่านของเค้าเลยทีเดียว มีสินค้าที่เฉพาะเจาะจงมาขายคนญี่ปุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่อยู่ในซอย 33/1, 39 แต่ทั้งหมดทั้งหมดก็ดูจะเป็นสินค้าราคาแพง แถวนี้ค่าครองชีพสูงพอๆกับทองหล่อ ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย  ซึ่งก็ทำให้ขาดสาธารณูปโภคราคาถูกอย่างพวกตลาดสดไปบ้าง ย่านนี้ทุกอย่างดูมีราคาเกินค่าครองชีพขั้นมาตรฐาน ทั้งร้านค้า อาหาร และที่พักอาศัย แถมยังมีทีท่าว่าจะแพงได้มากกว่านี้อีกในอนาคตค่ะ  ส่วนเรื่องการเดินทางคมนาคมย่านนี้สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่นี่ แต่แค่สถานีเดียวถึงอโศก ซึ่งมีทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT ใต้ดิน นั่งวินไปแวบเดียวก็ถึงแล้ว สำหรับคนไม่ใช้รถก็ถือว่าเป็นทำเลที่ไปไหนมาไหนสะดวกมากทีเดียว

รอบๆ BTS สถานีพร้อมพงษ์ หนึ่งในทำเลสุดหรูของกรุงเทพแห่งนี้มีร้านอาหารเยอะกว่าที่ใสใน map มากค่ะ แต่เราคงใส่มาทั้งหมดใน map ไม่ได้ เราจึงเลือกใส่พวกร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเด็ดในซอยที่เราเข้าไปสำรวจและถ่ายรูปมาให้เห็นภาพรวมบรรยากาศในย่านนี้กันนะคะ  จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่า

ก่อนจะเข้าไปดูร้านอาหารในซอยกัน ห้างตัวแม่ของ BTS พร้อมพงษ์ที่เราจะไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้คงจะเป็นห้าง Emporium และ EmQuartier ที่ขนาบสองฝั่งของ BTS อยู่ ติดๆกับห้าง Emporium จะมีสวนสาธารณะเบญจสิริอยู่

ที่ทางออก 1 จะมีทางเชื่อมเดินเข้าห้าง EmQuartier ห้างเปิดใหม่อยู่ อ่านรายละเอียดได้ในพาชมบรรยากาศการเปิดห้างวันแรกของ EmQuartier  โดย Mr.Boom นะคะ  เอาส่วนของกินทั้งหลายใน EmQuartier มาวางให้อ่านกันในนี้ให้แล้วจ้า

ตัวอย่างร้านอาหาร La Baguette ร้านอาหาร และร้านคาเฟ่ เบเกอรี่ชื่อดัง จากพัทยา มาเปิดที่กรุงเทพที่แรกที่นี่แล้ว

และนี่คงเป็นอีกหนึ่งร้านที่หลายๆคนรอคอย Pierre Herme ร้านขนมชื่อดังจากย่าน Opera ในกรุง Paris ที่มาพร้อมกับ Macaron ที่หลายๆคนต้องหิ้วมาจากเมืองนอก ตอนนี้มาที่นี่แล้วจ้า (แต่ได้ข่าวว่าแพงโหดอยู่นะ)

ส่วนที่ชั้นใต้ดินของตึก Glass Quartier จะเป็นโซนที่เรียกว่ Quartier Foodhall  ซึ่งจะเป็นจุดรวมร้านอาหาร และของกิน มากมายหลายรูปแบบ หลายประเภท แต่อันนี้จะไม่ได้เน้นเป็น Dining นะคะให้จินตนาการถึงโซนหน้าซุปเปอร์ของพารากอน

ร้านอาหารของชั้นล่างจะเป็นแนวๆ Grab & Go มากกว่า หรือไม่ก็ซื้อกลับบ้าน ส่วนร้านที่เป็นร้านนั่งทานส่วนใหญ่จะเน้นเป็นมื้อกลางวัน หรือไม่ก็เป็นพวกร้านของหวานเป็นหลัก คือเน้นกิน ไม่ได้เน้นบรรยากาศ

ของแปลกชั้นล่างจะมี Tenyuu Sushi Bar ที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังย่านสาทร มาเปิดบาร์ซูชิเล็กๆ ให้ลองชิมกัน เห็นแบบนี้ ราคาไม่ถูกนะจ๊ะ

ร้านที่คิวยาวม้ากกกกก คือ Hot Star Large Fried Chicken ไก่ทอดสัญชาติไต้หวัน ที่มาเปิดที่ไทยเป็นครั้งแรก คิวล้นมากก

ถัดมาเป็นโซน Food Court รวมร้านอาหารแบบ​ Kiosk

ส่วนชั้น G ของตึก Waterfall Quartier จะเป็น Gourmet Market อยู่ด้านหลัง ขนาดอาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าพารากอน แต่ก็ของเยอะเหมือนกัน

ด้านหน้าของ Supermarket ก็จะเป็น Kiosk ขายของกิน เหมือนพารากอนเด๊ะ ก๊อบมาเลย

แต่มีอยู่ร้านหนึ่งที่โดดเด่นออกมา นั่นคือ Croissant Taiyaki ร้านขนมชื่อดัง นำเข้าจากแดนปลาดิบ คิวยาวจนต้องเอาที่กั้นมากั้น

ส่วนร้าน Bakery ของที่นี่ ก็เอาแบรนด์ใหม่มาลงไม่เหมือนที่อื่น นั่นคือ Little Mermaid จากญี่ปุ่นเหมือนกัน ขนมปังแปลกๆมีให้เลือกเยอะดี

ส่วนอีกฝั่งของ BTS พร้อมพงษ์ฝั่งตรงข้ามห้าง EmQuartier จะเป็นห้าง Emporium เจ้าเก่านั่นเอง มีทางเชื่อมจาก BTS เช่นกันค่ะ ด้านในห้างนอกจากจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งร้านอาหารมากมายแล้ว ยังมีศูนย์การสร้างสรรค์งานออกแบบหรือ TCDC อยู่ที่ชั้น 5 ของห้างด้วยค่ะ ซึ่งข้อดีคือนอกจากจะจัดงานนิทรรศการส่งเสริมการออกแบบให้ได้เข้าไปเดินดูกันสบายๆเรื่อยๆแล้ว TCDC ยังมีห้องสมุดที่เต็มไปด้วย Refference ด้านการออกแบบดีๆที่เป็นประโยชน์มากสำหรับบรรดาดีไซเนอร์หรือสถาปนิกที่เรียนจบแล้ว ทำงานแล้วเพราะสามารถมาสมัครเป็นสมาชิกแล้วเข้ามาใช้งาน TCDC Resource Center และ Material ConneXion^® Bangkok  ได้

Material ConneXion^® Bangkok  จะมีตัวอย่างวัสดุที่น่าสนใจกว่าสามพันชนิดให้เข้ามาศึกษากันได้ พร้อมลิสต์วัสดุออนไลน์กว่าเจ็ดพันชนิด แถมยังมีเวิร์คชอปที่น่าสนใจให้สมาชิกเข้าร่วมได้อยู่เรื่อยๆด้วย ราคาสมาชิกต่อปีประมาณ 1,200 บาทค่ะ สำหรับคนทำงานทางนี้โดยเฉพาะที่ทำฟรีแลนซ์นี่ถือเป็นราคาที่คุ้มค่าดี เพราะหนังสืออกแบบแต่ละเล่มก็ราคาแพงๆทั้งนั้น แบบว่า สองพัน สามพันอัพ แถมที่นี่มีให้อัพเดตตลอด ไม่ต้องไปหาเอง สนใจเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

เราไปดูร้านอาหารในซอยใกล้ๆ BTS พร้อมพงษ์กันต่อนะคะ เริ่มจากซอยฝั่งเลขคี่ หรือฝั่ง EmQuartier กันก่อน วันนี้เราจะพาไปดูซอย 33/1 และ ซอย 39 ค่ะ เริ่มกันจากแถวต้นซอยสุขุมวิท 33/1 ที่มี Villa Market กันก่อนแล้วจะพาเดินเข้าไปดูในซอยสุขุมวิท 33/1 ที่เป็นซอยสั้นๆที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกค่ะ

เริ่มกันจาก Villa Market ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งอาหารที่เปิดตลอด 24  ชั่วโมง ภายในนอกจากอาหารและสินค้าทั่วไปแล้วจะมีทั้งเครื่องเทศ, อาหารนำเข้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมายหลายชนิด

ถัดจาก Villa Market ข้างๆจะเป็นร้านขายแซนด์วิชและเครื่องดื่มชื่อ BIG Kitchen

ราคาเครื่องดื่มอยู่ที่ประมาณ 35 – 55 บาทค่ะ มีทั้งกาแฟและชาเย็น

ถัดมาเป็นร้าน Sunrise Tacos ค่ะ น่าจะถูกใจคนที่ชอบอาหารแนวเม็กซิกันนะคะ เปิด 24 ชั่วโมงด้วย

เราเอาเมนูที่คนที่ชอบอาหารเม็กซิกันส่วนใหญ่น่าจะชอบทานมาให้ดูราคากันค่ะ  อาหารก็อยู่ในเรตราคาแบบมื้อละประมาณ 250 บาทต่อมื้อค่ะนอกจากพวกทาโก้ ปกติกัวคาโมเล่เป็นเมนูที่เราชอบนะ แต่ยังไม่เคยมาลองที่นี่นะว่าอร่อยมั้ย ถ้าวันไหนลองมาแล้วจะมาอัพเดตให้ฟังนะคะ ใครชอบทานแนวนี้มีที่ไหนแนะนำหรือที่นี่รสชาดเป็นยังไงมาแชร์กันหน่อยนะคะ

ถัดไปเป็น Subway ในไทยตอนนี้ยังไม่ได้บูมมาก คือมีหลายสาขา แต่ไม่ได้บูมซักเท่าไหร่ ทั้งที่จริงๆก็เป็นร้านแซนด์วิชที่มีระบบที่ดีค่ะ เลือกชนิดขนมปังและเลือกไส้ที่ต้องการได้ บางคนชอบโฮลวีท เบคอน ไข่ แต่ไม่เอาหัวหอมใหญ่ แล้วอยากให้ใส่ชีสกับมะเขือเทศแค่นั้น ก็สั่งได้ นี่เราแค่พูดให้เห็นภาพนะคะ จริงๆมีไส้ให้เลือกเยอะพอสมควรเลย

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 69 บาท จัดชุดแซนด์วิชมาให้เลือกเรียบร้อย

หัวมุมปากซอยสุขุมวิท 33/1 ชื่อร้าน The Robin Hood เป็นผับสไตล์อังกฤษที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขาย

ภายในร้าน The Robin Hood ก็เหมือนผับอังกฤษทั่วไปนะคะ คือเปิดตั้งแต่หัววัน อาหารเป็นแนวอังกฤษเช่นกัน คือมีตั้งแต่อาหารแบบ English Breakfast มีซุป สลัด สเต็ก ไส้กรอกย่าง มันฝรั่งบด ถั่วอบ สตูว์ ราคาอยู่ในช่วง 250 -500 บาทค่ะ เคยมาที่นี่สองครั้งตอนกลางคืน ค็อกเทลที่นี่ค่อนข้างผสมเข้มและหนักหวานไปหน่อยสำหรับเรานะ ร้านมีชั้นสองด้วย ถ้าวันไหนมีบอล ร้านจะแน่นไปด้วยชาวต่างชาติที่มารวมตัวกันดื่มและดูบอลที่นี่

เข้ามาดูร้านในซอยกันต่อ

ขวามือร้านแรกที่เจอคือร้าน โยโยเต

เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ขายอาหารแนวปรุงสุกซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่นแฮมเบิร์กสเต็ก หรือพวกอาหารทอด และข้าวแกงกะหรี่แบบญี่ปุ่น ราคาอยู่ในช่วง 250 -350 บาท

ถัดกันมาเป็นร้านราเม็งชื่อ Tan Tan Men หรือทันทันเมนค่ะ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 11 โมงถึงห้าทุ่มครึ่ง

เมนูอาหารจะมีราเมง โซบะ และของที่ดูจะเป็นกับแกล้มเบียร์ได้ดีอีกหลายเมนู ร้านแถวนี้ส่วนใหญ่จะเปิดดึกมีแอลกอฮอลเสิร์ฟในเมนูด้วยค่ะ ร้านนี้ก็เช่นกัน เป็นร้านที่เวลาเข้าไปจะเจอผู้ชายญี่ปุ่นใส่ชุดทำงานมานั่งกินเบียร์กับทานอาหารกับเพื่อนๆหลังเลิกงานอยู่เสมอๆ

ถัดมาเป็นผับชื่อ Dubliner ที่มีเกสเฮ้าส์อยู่ด้านบนด้วย จากชื่อก็คงพอเดากันได้นะคะ ว่าเป็นผับสไตล์อังกฤษเช่นกัน พวกไอริชบาร์ไรงี้

ทางเข้าค่ะ เหมือนกันกับร้านอื่นๆย่านนี้นะคะ คือมีอาหารสไตล์อังกฤษเสิร์ฟด้วย ราคาอยู่ในช่วง 250 – 500 บาทเช่นกัน

หน้าร้านมีกระดานดำติดอยู่ ขายเบียร์และแอลกอฮอลล์หลากหลายยี่ห้อ มีดนตรีสด และวันดูกีฬาถ่ายทอดสด  ดูจากโปรแกรมแล้วก็น่าจะดึงดูดชาวต่างชาติได้ดี

บรรยากาศภายในร้าน (ขอโทษที่ภาพสั่นนะคะ แบบว่าประตูผับกระแทกแขน เหงื่อไหลเข้าตา มองภาพในกล้องนึกว่าชัดดีแล้ว พอเอามาลงแล้วภาพมันไม่ชัดซะงั้น)

ถัดมาก็มี 7-11

ถัดจาก 7-11 มาจะเป็นร้านขนมแนวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมานานชื่อ Castard Nakamura หรือ คัสตาร์ด นาคามูระ นั่นเอง

วันธรรมดาแบบนี้คนก็ยังเยอะน่าดู

มีขนมเค้กแบบญี่ปุ่นอย่างสตรอเบอร์รี่ชอร์ตเค้ก ชีสเค้ก มองบลัง ชูครีม ทีรามิสุ ราคาขนมก็อยู่ในช่วง 30 -180 บาทต่อชิ้น ที่นี่ขนมขายหมดเร็วและรสชาติอร่อย เป็นร้านที่เหมาะจะซื้อกินเองและฝากคนอื่น

มีพุดดิ้งฟักทองด้วย ราคา 63 บาท

แซนด์วิชไข่เป็นแซนด์วิชที่ที่อื่นไม่ค่อยทำ เราเลยชอบมาซื้อที่นี่ รสชาดก็จะเป็นแบบไข่ผสมมายองเนสง่ายๆแต่เราชอบกินค่ะ อร่อยดี ที่เห็นเหลือสองอันนี่ สุดท้ายเราเหมาเองค่ะ 555+

นอกจากนี้ก็จะมีแซนด์วิชหมูสับกับหัวหอมใหญ่แบบญี่ปุ่นด้วย อารมณ์เหมือนแฮมเบอร์เกอร์ แต่เป็นขนมปังขาวนั่นเอง

ตรงข้ามคัสตาร์ดนาคามูระ มีร้านราเม็งชื่อ ราเม็งเทอิ อยู่ ร้านนี้ก็เป็นร้านดังที่อยู่มานานนมอีกร้านของซอยนี้นะคะ เราเห็นมาตั้งแต่สมัยเราอยู่มัธยมต้นแล้วค่ะ คืออยู่มาสิบปีขึ้นอะ ในร้านเข้าไปก็จะเจอคนญี่ปุ่นเยอะกว่าคนไทยนะ

เอาเมนูแนะนำพร้อมราคามาให้ดูกันค่ะ

ตรงข้ามราเม็งเทอิ (ถัดจากร้านคัสตาร์ดนาคามูระ) ก็จะเป็นผับสไตล์อังกฤษอีกร้านชื่อ The Royal Oak

บรรยากาศในร้านค่ะ แถวนี้นอกจากร้านอาหารญี่ปุ่นจะเยอะแล้ว ผับสไตล์อังกฤษก็เยอะด้วยเหมือนกันนะคะ จะว่าไป

ถัดมาช่วงตึกก่อนถึงลานจอดรถของ Fuji Super จะมีตึก Neo ที่ขายของจากญี่ปุ่นอยู่

ร้านเปิดสิบโมง ปิดสามทุ่ม ราคาอารมณ์แบบร้านร้อยเยน สองร้อยเยน ประมาณนี้ คือสินค้าจะมีสามราคาคือ 60, 80, 100 บาท

มีบะหมี่สำเร็จรูปจากญี่ปุ่นขายด้วย

ถัดมาเป็นร้าน Tomato Noodle เป็นราเมงซุปะเขือเทศที่อร่อยดี

ที่ประตูจะมีเวลาเปิดปิดอยู่

บรรยากาศภายในร้านค่ะ  มีห้องเล็กๆส่วนตัวสำหรับคนที่มาหลายคนด้วย

ราคาราเม็งก็ตั้งแต่ 80 – 300 บาท

เพิ่มท้อปปิ้งได้หลากหลาย

อันนี้เราสั่งราเมงเพื่อสุขภาพดีลักซ์เพิ่มชีส น้ำซุปสูตรผสมมะเขือเทศก็รสเข้ากันกลมกล่อม อร่อยดีค่ะ

เพื่อนสั่งบะหมี่เย็นมากิน ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ คหสต.รสชาติน้ำมะเขือเทศเย็นๆกะชีสมันจางๆเนือยๆไปหน่อยสำหรับเรา แต่บางคนอาจจะชอบก็ได้ เพราะเวลาอากาศร้อนๆก็โอเคดี

ถัดเข้ามาด้านในสุดก็เป็นลานจอดรถของ Fuji Super แล้วค่ะ จอดรถคิดชั่วโมงละ 40 บาท แต่ถ้าซื้อของในฟูจิเกินสามร้อยก็จอดฟรีชั่วโมงนึง

ถัดมาเราจะพาไปดูร้านอาหารในซอยสุขุมวิท 39 กันต่อ ซอยนี้เป็นซอยยาวทะลุออกได้หลายที่ อย่างจากพร้อมศรีนี่ทะลุไปออกทองหล่อได้เลย ในซอยสุขุมวิท 39 จะไม่ได้มีร้านอาหารติดกันถี่ๆในระยะเดินเหมือนซอย 33/1 ที่เพิ่งพาไปดูกันมาซักเท่าไหร่ คือจะมีเป็นจุดๆไป นอกนั้นจะเหมือนเป็นโซนที่พักอาศัยซะมากกว่า มีคอนโดที่กำลังสร้างอยู่ขึ้นมาในซอยนี้หลายโครงการเหมือนกันอย่าง Maestro 39, Quatro เป็นต้น ร้านอาหารก็มีหลายร้านพอสมควร แต่ที่ดังๆเด่นๆหน่อยและเป็นร้านที่ดูดคนมาซอยนี้คงจะเป็น ราเมง Bankara, ร้านอาหารอิตาเลียน L’Opera, ร้าน Spring & Summer ที่เราจะพาไปชมกันนั่นเอง ส่วนใครมีร้านเด็ดร้านไหนในซอยนี้อยากแนะนำผู้อ่านๆท่านอื่นๆเพิ่มจะดีมากเลยค่ะ

ในซอยนี้จะมีร้านเค้กเก่าแก่อยู่ …สิ่งที่ทำให้เราจำร้านนี้ได้คือ เค้าจะสะกดป้ายชื่อร้านว่า ปทุมเค็ก ค่ะ คำว่า “เค็ก” แบบนี้ทำให้เรานึกถึงคนรุ่นคุณย่าทุกทีเลย แบบคนรุ่นก่อนเค้าจะชอบเขียนคำว่าเค้กแบบ เค็ก แบบนี้นะ เท่าที่เราสังเกตมา ส่วนเค้กในร้านนี้เราก็ไม่เคยกินเหมือนกันค่ะ จำได้เพราะชื่อร้านอย่างเดียวเลย 555+

ถ่ายบรรยากาศในร้านให้ดูค่ะ ค่อนข้างดูธรรมดาจนไม่ธรรมดาไปเลยเมื่อมาอยู่ในย่านที่ส่วนใหญ่มีแต่ร้านหรูๆหรือดีไซน์จัดๆอย่างพร้อมพงษ์แบบนี้

ขนมมีให้เลือกไม่ค่อยเยอะนะคะ ส่วนมากเป็นพวกพายกับบราวนี่ ราคา 15 – 40 บาท

ต่อไปเป็นอาคาร  The Manor เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่มีร้านอาหารหลายๆร้านอยู่ภายในค่ะ ด้านหน้าอาคารนอกจากป้าย The Manor จะมีป้าย Ramen Bankara อยู่ด้วย มีที่จอดรถให้ด้านในค่ะ

ร้านด้านหน้าที่มีตุ๊กตาผู้ชายถือป้ายแดงๆด้านหน้านั่นเป็นร้านมาใหม่ ใช้ชื่อร้านเป็นภาษาญี่ปุ่นมาเลย แต่ก็มีบรรยายด้านล่างว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นจากนาโกย่าค่ะ เมนูเด็ดของร้านเดาว่าเป็นเมนูไก่จากนาโกย่าที่มีชื่อเสียงเรื่องไก่อยู่แล้ว

เดินเข้ามาด้านในจะเจอหน้าร้านราเมง Bankara แบบนี้

บรรยากาศในร้าน

ราเมงร้านนี้ดังเพราะเรื่องน้ำซุปที่อร่อยเข้มข้นและหมูสามชั้นที่ขึ้นชื่อว่านุ่มมากค่ะ  ราคาราเมงจะอยู่ในช่วง 200 – 300 บาท

เราสั่ง Kakuni Bankara เมนูยอดนิยมของทางร้านราคา 255 บาท มากิน (เป็นมื้อที่สี่ของวันละ 555+) หมูสามชั้นมาเป็นเส้นแบบนี้เลย นุ่มสุดๆและน้ำซุปก็รสชาดดีมากค่ะ แต่ต่อให้เป็นคนชอบกินมันๆ(อย่างเรา) ก็ยังติดจะเลี่ยนไปหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีเมนูสูตรลดมัน ลดเค็ม จากทางร้านอยู่นะคะ แต่แบบนี้สำหรับเราอร่อยกว่าค่ะ แค่พอกินไปเกินครึ่งชามแล้วจะเริ่มเลี่ยนมันละ สรุปคือเป็นราเมงที่อร่อยสำหรับคนชอบกินอะไรมันๆเค็มๆหน่อยน่าจะชอบค่ะ

ติดๆกันเป็นร้าน Harajuku Dessert ร้านนี้อยู่ติด ราเมง Bankara ส่วนนึงเลยได้ลูกค้าที่อยากกินขนมมานั่งร้านนี้ต่อซะเยอะ

บรรยากาศในร้าน

เมล่อนปังที่นี่เราว่าไม่อร่อยนะ กลิ่นยีสต์ค่อนข้างแรงมาก แต่ขนมปังนมที่ขายเป็นปอนด์อร่อยดีค่ะ ตอนที่เข้ามาถ่ายก็เห็นคนญี่ปุ่นมาหยิบไปเหมือนกัน

ชูครีมคาราเมลกับวานิลลาดูน่ากินดีค่ะ ชิ้นละ 50 บาท มีขนมเค้กสไตล์ญี่ปุ่นอีกหลายอย่างอยู่ ราคาประมาณชิ้นละ 50 – 100 บาท

เค้กครีมสดของทางร้านค่ะ

ชั้นติดผนังก็มีพวกขนมอบอย่างพาร์เมซานชีส คุ้กกี้ เค้กรัมผลไม้ และมาการองงาขาวขาย

มีเมอแรงรสทุเรียนด้วย

ถัดมาเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อ L’Opera อยู่ตรงหัวมุมทางเลี้ยวไปซอยพร้อมจิต

บรรยากาศภายในร้านค่ะ

เมนู lamb rack น่ากินดี ร้านนี้ขึ้นชื่อว่าอาหารอร่อย แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงค่ะ คนละพันอัพต่อมื้อหรือมากกว่านั้นถ้าดื่มไวน์ด้วย

อันนี้ซุปทะเล หน้าตาน่ากินทีเดียว

ร้านสุดท้ายที่เราจะพาไปชมกันคือร้าน Spring & Summer ร้านอาหารไอเดียเก๋ และอาหารเอเชียที่เอามาดัดแปลงใหม่เป็นแบบฟิวชั่นที่ใส่ใจรายละเอียดของ พล ตัณฑเสถียร ค่ะ ความเก๋ของร้านนี้คือจะแบ่งเป็น 3 โซน โดยโซนที่อยู่ภายนบ้านหลังนี้คือโซน Spring หรือโซนฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งขายอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ราคาอยู่ในช่วง 250 – 500 บาท ร้านตั้งอยู่ในซอยพร้อมศรี 1 ค่ะ

อันนี้เมนูที่ขายดีของร้าน ชื่อเมนูว่าซี่โครงหมูต้องห้าม เค้าว่ากันว่าหากมาSpring แล้วไม่สั่งเมนูนี้ ก็เหมือนยังมาไม่ถึงกันเลยทีเดียว

ที่สนามหญ้าจัดเป็นโซน Winter หรือโซนหน้าหนาว ปูเบาะบนสนามหญ้าให้มานั่งเล่นในสวนกันและสั่งเครื่องดื่มมานั่งดื่มกันได้ แต่ยุงเยอะหน่อยนะคะตอนกลางคืน ส่วนตึกที่เห็นในภาพคือตึก Summer ค่ะ ขายขนมหวาน ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของช็อคโกแลตอยู่ด้วย

ตัวอย่างเมนูขนมขึ้นชื่อของร้านค่ะ B T S  หรือ Better Than Sex  ชื่อแบบล่อให้สั่งมากเลย 555+ ประกอบด้วยช็อกโกแลตเค้กสอดไส้ช็อกโกแลต ทานกับวิปครีมและ chocolate pastry cream เนื้อเบา ทุกอย่างรสชาดไม่หวานจนเกินไปค่ะ ครีมเบาๆกำลังดี

มาดูซอยฝั่งเลขคู่หรือฝั่ง Emporium กันต่อนะคะ ฝั่งนี้โรงแรมเยอะค่ะ ซอยค่อนข้างยาว ต้องขับรถเข้ามาหรือนั่งวินเข้ามา วันนี้เราขอพาไปดูแหล่งอาหารต่างๆตั้งแต่ในสุขุมวิทซอย 26 วิ่งไปสุขุมวิทซอย 24 กันนะคะ

เริ่มกันจาก Nihonmachi ซึ่งเป็นแหล่งที่รวมร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นอร่อยๆในซอยเอาไว้หลายร้าน

ใน Nihonmachi มีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่หลายร้าน เปิดตั้งแต่สิบโมงครึ่งถึงสี่ทุ่ม ทางเข้าหลักๆคือเข้ามาทางสุขุมวิทซอย 26  พอเจอ S&P แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาตามทาง จะเจอร้านอยู่ตรงหัวมุมพอดีค่ะ

สำหรับคนชอบทานเนื้อย่างดีๆ ที่นี่มี Yakiniku Tan ด้วย ราคาต่อมื้ออยู่ในช่วง 250 – 500 บาท ราคาบุฟเฟ่เท่าที่จำได้ประมาณ 700 บาท แต่ที่นี่จานค่อนข้างใหญ่ เราว่าถ้าไปสองสามคนสั่งเอาเป็นจานเวิร์คกว่าค่ะ คือจะได้เอาเนื้อดีๆไปเลย เพราะแต่ละจานให้มาเยอะอยู่แล้ว คือเนื้อชิ้นใหญ่หั่นมาแบบมีความหนา ไม่ได้เป็นเนื้อแบบบางเฉียบอะ เราว่าดีกว่าเพราะบุฟเฟ่มันจะมีเนื้อเกรด A บางตัวที่สั่งไม่ได้ค่ะ

บรรยากาศในร้านค่ะ ค่อนข้างเรียบๆและขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับสาขาที่เอกมัย

เอาเนื้อมาให้ดูค่ะ

 

มีทั้งเนื้อวากิวและโกเบ วากิวเซอร์ลอยนี่คือนุ่มแบบดีงามมากมาย

ลิ้นโคขุนเกรด A ของ Yakiniku Tan นี่ของโปรดเราเลย

อีกร้านที่เอาเมนูมาให้ดูเป็นร้าน Torajiro เอาใจ Sashimi lover

จานค่อนข้างเล็กๆทั้งนั้นนะคะ ถ้ามากินที่นี่เผื่อไว้คนละ 500 up จะดีกว่าค่ะ

คอเบียร์ก็มีอาหารแนวกับแกล้มให้หลายเมนูทีเดียว

ร้าน  Nunpuu Okonomiyaki ใครอยากลองทำโอโคโนมิยากิกินเองเล่นๆ มาร้านนี้ได้ค่ะ มีกะทะให้ลูกค้าลองทำทานเองไปด้วยนะคะ เปิดบริการ 11:00-14:30 และจะเปิดให้บริการอีกที่ตอน 17:30-23:00 น. ราคาประมาณ 200 – 300 บาท มีทั้งโดรายากิ โอโคโนมิยากิ และทาโกะยากิค่ะ

โต๊ะค่ะ เวลาทำนี่น่าจะควันโขมงเลย เพราะด้านบนไม่เห็นมีเครื่องดูดควันนะ

โอโคโนมิยากิร้อนๆ

เอาภาพมาให้หิวเป็นเพื่อนกัน : )

มาต่อที่ K Village Community Mall ในซอยสุขุมวิท 26 กันต่อ ด้านในมี Villa Market, สิ่งอำนวยความดวกและร้านอาหารมากมาย K Village จะอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 โซนก่อนถึงทางเชื่อมขวามือที่เลี้ยวไปซอยสุขุมวิท 24 ก่อนถึง Big C  และ A Square นั่นเอง

เอาร้านอาหารต่างๆใน K Village มาวางให้ดูค่ะ

เราเลือกเอาภาพร้าน Sushi Oku มาให้ชมกันค่ะ ร้านนี้เป็นร้านของเชฟสันติ Shori Sushi House

เมนูนี้ชื่อ Oku Sashimi Set B  ราคา 700 บาท มี ซาซิมิ 9 ชิ้น  คือแซลมอน ปลาอากามิ และหอยเชลล์โฮตาเตะ หั่นมาชิ้นหนาทีเดียว ด้านข้างมีไข่ปลาแซลมอนมาให้

จานนี้หรูหราน่าดูชม เป็นซูชิฟิวชั่นชื่อ Oku – Toro ราคา 450 บาทมีปลาโอโทโร่, ไข่ปลาแซลมอน, ไข่หอยเม่น โรยหน้ามาด้วยคาเวียร์และทองคำเปลวค่ะ

เอาเมนูมาลงให้ดูกันค่ะ ซูชิราคาเริ่มที่ 50 บาทไปจนถึงหลายร้อย พวก Oku Choice นี่ดึงดูดสายตามากมาย ทั้ง Engawa (ปลาลิ้นหมาใช่ปะ?), ฟัวกราส์ และเนื้อมัตสึซากะ

ซูชิแนวฟิวชั่นก็น่ากิน แต่ราคาโหดใช้ได้เลยค่ะ

พวกข้าวหน้าต่างๆ ราคาตั้งแต่ 400 บาทไปจนเกือบสองพันบาทค่ะ เพิ่ม Topping ไข่ปลาคาเวียร์, ไข่หอยเม่น และไข่ปลาแซลมอนเพิ่มได้

จาก K Village ถัดมาจะเป็น Big C Extra

ตรงหัวมุมระหว่างทางเชื่อมจากซอย 26 ไปสุขุมวิท 24 จะมี A Square อยู่ เน้นแนวบันเทิงมากกว่าอาหารค่ะ

ความบันเทิงที่ค่อนข้างฮิตกันมาซักพักละคือ Flow House ใน A Square นี่ล่ะค่ะ จริงๆทีมงาน Thinkofliving ก็มีแผนจะไปเล่นกันอยู่เดือนนี้นะคะ #FlowHouseมีส่วนลดให้พวกเราบ้างมั้ยยย  ..คือมันเป็นเหมือนลานเซิร์ฟบอร์ดและมีปล่อยคลื่นน้ำมาแทนการโต้คลื่นบนทะเลจริงๆน่ะค่ะ ก็น่าจะสนุกดี ถ้าไปเล่นมาแล้วเป็นยังไงจะมาอัพเดตเพิ่มให้ฟังนะคะ ราคาตกคนละประมาณเจ็ดร้อยกว่าบาท

ข้างๆจะมี Chang Surf Bar ซดเบียร์ไปเล่นเซิร์ฟไปได้ไรงี้

เอาผังของ A Square มาให้ดูค่ะ จะเห็นว่าก็พอมีร้านอาหาร ร้านไวน์อยู่รอบๆเหมือนกัน

พอออกมาซอยสุขุมวิท 24 ที่หัวมุมจะเห็นโรงแรมแนวคลาสสิคชื่อ The Davis จะมี Star Bucks และ Au bon pain อยู่ด้านใน

ถัดจากโรงแรม Davis เข้ามาด้านในจะมี 24th Avenue ด้านในมีร้านอาหารอยู่หลายร้านค่ะ

ร้านแฮมเบอร์เกอร์เจ้าดังของที่นี่ก็คือ Carl’s Jr. หรือ คาร์ลส์ จูเนียร์ ร้านแฮมเบอร์เกอร์จากแคลิฟอเนียร์ค่ะ ขึ้นชื่อเรื่องความหนักเครื่องและเนื้อเบอร์เกอร์ที่อร่อย ราคาอยู่ในช่วง 100 -250 บาท

เป็นโฆษณาที่มีความเป็นแคลิฟอเนียร์สูงมากเลยค่ะ แบบว่าแคลิฟอร์เนียร์ บีชเกิร์ลไรงี้

แถวตรงข้าม 24th Avenue จะมีร้านอาหารเลบานีสชื่อ Nadimos อยู่ เป็นอาหารเลบานีสแท้ดั้งเดิม วัตถุดิบอย่างเครื่องเทศ นำมาจากเลบานอน อาหารสไตล์เลบานีสที่เราพอจะคุ้นชื่อกันอยู่บ้างคือพวกเคบับเนื้อต่างๆ ฮัมมุส ขนมปังพิต้า อะไรแบบนี้ ราคาอาหารอยู่ในช่วง 250 – 500 บาท ร้านเปิด 11.30 – 23.30 น.

บรรยากาศในร้านค่ะ แต่งผนังเป็นแนวเรือนกระจก สลับกับผนังปูนทาสี

เมนูอาหารก็มีตั้งแต่แนวซีฟู้ดแบบกุ้งย่างพร้อมซอสอย่างเมนู Shrimp Cocktail

Shawarma หรือพวกเนื้อหมักเครื่องเทศฉีกเป็นชิ้นๆมาให้กินกับขนมปังพิต้าค่ะ

เครื่องดื่มแนะนำ Mint Shake  หรือสะระแหน่ปั่น เวลาร้อนๆดื่มอะไรแบบนี้น่าจะสดชื่นดีนะคะ

ร้านสุดท้ายที่เราจะพาไปชมกันในซอยฝั่งเลขคู่นี้คือร้าน Seafood Market ที่แถวกลางๆซอยสุขุมวิท 24 ค่ะ สโลแกนของร้านคือ If it swim we have it. ประมาณว่าอาหารสดม๊าก เอามาทั้งที่ยังว่ายกันเป็นๆอยู่ทั้งนั้นเลยน้า อะไรแบบนี้

บรรยากาศห้องอาหารค่ะ ที่ผนังเหมือนจะมีตู้ปลาที่มีปลาว่ายไปมาอยู่ด้วย

เมนูแนะนำมีปูผัดผงกระหรี่ ..สังเกตว่าเมนูเค้าเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก น่าจะเน้นขายทัวร์และขายนักท่องเที่ยวต่างชาตินะคะ เป็นร้านที่อยู่ใน TripAdvisor ด้วย

ต้มยำกุ้ง

สลัดแบบอาราบิก

สำหรับคนที่รอมองหาทำเลน่ากินโซน BTS อโศกอยู่ อาจต้องรอนิดนึงนะคะ คือมันมีรายละเอียดพอสมควรอาจแยกไปเป็นอีกรีวิวนึงไปเลย วันนี้ถือว่าเราแถมโซน BTS นานา ให้อีกโซนนะคะ ด้านบนเป็นแผนที่ทางวนรถสุขุมวิทซอย 3(ซอยนานา), 5, 7(ซอยโครงการ)และซอย 11 ซึ่งทั้งหมดเป็นซอยแบบ One way ค่ะ ซึ่งมันมีผลกับการขับรถเข้าออกเยอะเหมือนกันนะ ถ้าเป็นคนขับรถที่อาศัยอยู่ในซอยย่านนี้ก็ต้องขับวนเข้าวนออกกันแทบครบทั้งสี่ซอยที่นับเป็นโซนนานาเลยค่ะ  อ่านเจาะลึกทำเลนานาได้ ที่นี่

ข้ามมาโซนใกล้ BTS นานา ก็เป็นอีกซอยนึงที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร หาได้ทั้งกลางวันกลางคืนวันนี้เราพล็อตจุดไว้แค่บางร้าน (หลักๆก็คือร้านที่พาไปดูค่ะ) จริงๆมีร้านอาหารเยอะกว่านี้มากๆ เป็นแนวอาราเบียนสไตล์ อินเดียนสไตล์ เลบานีสสไตล์ เปรูเวียนสไตล์ โซนๆนี้ เนื่องจากย่านนี้มีแขกอยู่เยอะด้วยส่วนนึง และชาวต่างชาติก็เยอะด้วย จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแหล่งในยามค่ำคืนใกล้ BTS ที่ถูกใจชาวต่างชาตินะคะ

ส่วนสุขุมวิทซอย 3 นี่จะมีห้างนานาสแควร์อยู่ตรงหัวมุมติดกับแยกนานาเลย ซอยนี้เป็นถนนใหญ่ใช้เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและเพชรบุรีมากกว่าฟังก์ชั่นอื่นค่ะ ส่วนซอย 7 ก็จะเป็นเหมือนโซนที่พักอาศัยที่เต็มไปด้วยเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมซะมากกว่า  ไปดูภาพบรรยากาศกันเลยดีกว่า วันนี้เราพาไปซอยที่ร้านอาหารเยอะๆคือจะมีสุขุมวิทซอย 5 และ สุขุมวิทซอย 11 นะคะ ไปดูกันเลยค่า

เราเริ่มกันจากตรงหัวมุมปากทางสุขุมวิทซอย 5 เป็นร้าน Mcdonald ค่ะ จะเห็นมีรถตุ๊กๆมาจอดรอรับนักท่องเทียวในซอยอยู่

ร้านหัวมุมฝั่งตรงข้าม Mcdonald คือ ร้านอาหารและบาร์ชื่อ The Public House ค่ะ ทำหลังคาเป็นหน้าจั่วแบบเรือนไทย

มองเข้าไปในซอยจะเห็นวินมอเตอร์ไซค์อยู่ทางฝั่งซ้ายมือนะคะ เดินเข้าไปประมาณ 60 เมตรจะเห็น Foodland Supermarket อยู่ เปิด 24 ชั่วโมงค่ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงแรม Amari สำหรับคนที่ทำอาหารเอง จุดนี้เป็นแหล่งอาหารสดที่ใกล้โครงการที่สุดนะคะ ถึงแม้ตัวถนนจะมีขนาด 2 เลนก็จริงแต่ก็มีพี่วินมาจอดไปเกือบเลยนึงแล้ว ภายในก็มีรถเข็นขายของและรถจอดตามทาง ทำให้ไม่สามารถวิ่งแบบ 2 เลนได้

เข้ามาในซอยฝั่งซ้ายจะเจอห้าง Grand 5 เป็นห้างเล็กๆที่เดินเข้าไปไม่ค่อยเจอคนเท่าไหร่ แต่มีประตูทางออก 2 ทางค่ะ คือในซอย 5 นี่ และฝั่งติดถนนใหญ่สุขุมวิท Mcdonald, Starbuck ที่เห็นเปิดข้างถนนสุขุมวิทตรงหน้าซอย 5 ก็คือห้าง Grand 5 นี่ล่ะค่ะ

Foodland Supermarket ค่ะ ถ้าอยากจะซื้อของสดอะไรก็เดินมาได้ตลอด 24 ชั่วโมง เข้าไปดูข้างในกันนิดนึงนะ

หน้าประตูทางเข้าเขียนไว้ว่า เราไม่มีเวลาปิด (ก็คือเปิด 24 ชั่วโมงน่ะนะ) ข้างใน Foodland ที่นี่นอกจากส่วน Supermarket จะมีร้านขายยา และจุดแลกเงินของธนาคารทหารไทยอยู่ค่ะ จริงๆย่านนานาเป็นย่านที่มีจุดแลกเงิน หรือ Money Exchange เยอะมากๆนะคะ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ พวกทัวร์ต่างชาติมาพักกันย่านนี้เยอะ กรณีช้อปปิ้งจนเงินบาทหมด ก็เอาเงินดอลล่า เงินเยน หรือ เงินจากประเทศตัวเองมาแลกเป็นเงินไทยได้ง่ายๆค่ะ นอกจากนั้นใน Foodland ที่นี่มีร้านสเต็กด้านในที่ดูเป็นที่นิยมนะคะ เห็นลูกค้าทั้งไทยทั้งเทศมานั่งกันเต็มแทบทุกที่นั่ง

ซอยนี้มี 7-11 อยู่ 2 ที่นะคะ ที่แรกอยู่แถวๆตรงข้ามร้าน Gullivers ช่วงกลางๆของซอย 5 ค่ะ สุขุมวิทซอย 5 เป็นซอยที่คึกคักทั้งกลางวันกลางคืนนะคะ ภายในซอย 5 จะมีซอยย่อยอยู่ ซึ่งในซอยย่อยก็จะมีร้านต่างๆคอยอำนวยความสะดวกอยู่เยอะค่ะ ทั้งบาร์ โรงแรม ร้านนวด ร้านอาหาร ช่วงกลางคืนก็จะคึกคักเป็นพิเศษ

7-11 อีกที่ค่ะ ที่ตรงนี้อยู่หน้าโซนโรงแรม ถ้าถึงตรงนี้ก็ใกล้ทางเลี้ยวขวาไปซอย 7 ค่ะ

ตรงใกล้ๆทางเลี้ยวไปซอย 7 มีวินแท๊กซี่อยู่ค่ะ

สุดทางเลี้ยวขวาตามทางไปซอย 7 ค่ะ สุดซอยเป็นโรงแรมรอแยลเบญจา

มาดูซอยสุขุมวิท 11 กันต่อนะคะ

ซอยนี้เป็นซอยที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและโรงแรมค่ะ ร้านอาหารนี่หลากสัญชาติมาก

มีทั้งร้านอาหารไทยที่เป็นบ้านไม้มาเลยอย่างร้านข้าวสุข

หรือร้านอาหารอิตาเลียนอย่าง Pomodoro

พวกร้านอาหารดีๆในโรงแรมก็เยอะค่ะ โรงแรม a loft นี่เพ้นท์โพเดียมชั้นล่างสีสดใสมาเลย

ที่หัวมุมท้ายซอยจะเป็นร้าน Marchmallow และโคเรียน่า

ภาพหน้าร้าน Marchmallow ตอนกลางคืนค่ะ เป็นบาร์ที่คึกคักดี ด้านในมีดีเจเล่นเพลงสด

ตอนนี้เรามาอยู่ในช่วงท้ายซอยสุขุมวิท 11 กันแล้วนะคะ ถัดจาก Seasons Boutique Hotel จะเป็น Firehouse ร้านนี้เราพล็อตตำแหน่งไว้ใน map แล้วค่ะ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆที่มีแฟนคลับเป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะพวกเมริกันเยอะ  ส่วนตัวเราเคยมาสองสามครั้ง เป็นเบอร์เกอร์สไตล์อเมริกันที่อร่อยมากจริงๆ แต่ส่วนใหญ่เวลามาไม่ค่อยเจอคนไทยเลยอยากแนะนำค่ะ ราคาเบอร์เกอร์อยู่ในช่วงประมาณ 180 บาทถึงเกือบสี่ร้อยบาทค่ะ

นี่ หน้าตาเบอร์เกอร์ ตัวนี้ชื่อ NY Deli Burger ตัวเด็ดตัวนึงที่เราอยากแนะนำค่ะ คือเนื้อดีมาก ชีสเยิ้มมะเขือเทศย่างหวานๆ กับเฟร้นฟรายชิ้นหนาๆแบบนี้

 

พวกของทอดแนวแป้งผสมเบียร์ ทอดแบบดีพฟรายก็มีเยอะค่ะ ที่มาแล้วสั่งทุกทีคือผักดองทอดอย่างในภาพข้างบนค่ะ คือมันกรอบดี แต่ทานมากๆก็เลี่ยนนะ เหมาะเป็นกับแกล้มเบียร์และสั่งเวลามาหลายคนค่ะ

อันนี้ตัวอย่างเบอร์เกอร์สำหรับคนรักเบคอนค่ะ

ถัดจาก Fire House เป็นร้าน Apoteka ค่ะ เป็นร้านที่มีค็อกเทลหลากหลายได้น่าชื่นชมมากๆ เราแนะนำให้มาลองกันนะคะ ร้านนี้อยู่ยั้งยืนยงดี แต่ Apoteka สาขาที่ทองหล่อเซ้งไปละ สาขานั้นจริงๆก็ดีเหมือนกัน เสียดายที่ไปซะละ สำหรับคนชอบค็อกเทลคือ Apoteka ผสมได้ค่อนข้างดี มีสูตรให้เลือกเยอะแล้วไม่แป้ก เพราะบาร์เทนเดอร์ที่นี่ฝีมือดีทั้งนั้น

ร้านสุดท้ายที่เราจะพาไปกันเป็นรูฟท้อปบาร์ที่อยู่ในโรงแรมเฟรเซอร์ สวีท สุขุมวิท ชื่อ Above Eleven อยู่ดาดฟ้าชั้น 33

บรรยากาศบาร์เป็นแบบนี้ เปิดตั้งแต่หกโมงเย็น ปิดตีสอง

วิวที่มองคือมองออกไปทางวิวตึกของฝั่งถนนเพลินจิตค่ะ เราจะเห็นวิวตึกสูงของกรุงเทพตอนกลางคืน เห็น Central Embassy เห็น Park Venture

เสิร์ฟอาหารเปรูเวียน ราคาเมนคอร์สสตาร์ทที่ 450 บาทขึ้นไปนะคะ ถ้าจะดื่มด้วยเตรียมมาซักพันอัพอัพอัพ จะดี ที่นี่เซอร์วิสชาร์จ  10% vat 7%

 

ที่บาร์ Cocktail มากมายหลายสูตร บางสูตรที่ทางร้านคิดขึ้นเองชื่อโรแมนติกมาก เท่าที่จำได้จำมีแบบ Sunset in the park ที่มีแตงโมเป็นส่วนผสมด้วย

จบแล้วค่ะ สำหรับรีวิวทำเลน่ากินฉบับพกพาของเรา ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าร้านแถวนี้มีเยอะะะะะะมากกกกก ทำให้เราอาจไม่สามารถที่จะพาไปถ่ายได้ทุกร้านโปรดในใจของใครหลายๆคน(และของเราเองด้วย)ได้ครบ แต่ก็อยากให้เป็นรีวิวที่มีประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านที่กำลังหิวนะคะ ส่วนผู้อ่านท่านไหนอ่านแล้วรู้สึกว่ามีร้านในใจที่อยากมาร่วมแชร์ให้ผู้อ่านท่านอื่นทราบด้วยก็จะดีมากค่ะ อย่างเช่น ชอบร้านนี้เพราะอะไร ราคาประมาณเท่าไหร่ อะไรแบบนี้  แล้วเจอกันฉบับหน้านะคะะ : D