สวัสดีค่าาา รีวิวบทนี้เป็นรีวิวฉบับพิเศษฉบับแรกที่เน้นเรื่องอาหารการกินเป็นหลักนะคะ โดยเราเลือกเจาะตามทำเลที่มีร้านอาหารเยอะๆกันก่อน โดยเลือกเริ่มจาก BTS ทองหล่อ, เอกมัยเป็นทำเลแรกๆ เพราะนอกจากการที่บรรดาร้านอาหารพวกนี้จะสร้างความอุดมสมบูรณ์และสเน่ห์ให้กับทำเลแล้ว ราคาและรูปแบบของมันยังสะท้อนให้เห็นภาพรวมของการใช้ชีวิตและค่าครองชีพของทำเลอีกด้วย วันนี้เราก็เลยจะพาไปดูร้านอาหารต่างๆในย่านทองหล่อเอกมัยกันค่ะ เริ่มกันจากซอยทองหล่อก่อนเลยค่า : D
ทองหล่อ
BTS สถานีทองหล่อ เป็นหนึ่งในทำเลสุดท้อปของกรุงเทพมหานครนะคะ ซอยทองหล่อ หรือซอยสุขุมวิท 55 นี้ เป็นซอยที่ติดอยู่ในอันดับต้นๆของย่านที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในประเทศไทย เป็นซอยที่มีชื่อเสียงทั้งในด้านทำเลที่อยู่อาศัย ธุรกิจร้านค้า แหล่ง ช้อปปิ้งและร้านอาหารอร่อย Hi-end มากมายเปิดทั้งกลางวันกลางคืน เป็นถนนอีกสายหนึ่งของ กรุงเทพฯที่ไม่เคยหลับและสุดแสนจะอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้ความฝัน ของหลายๆคนคือการได้มาอยู่อาศัยหรืออยากจะมาทำมาค้าขายในย่านนี้ เรียกว่าเป็นทำเลที่อยู่ใน ความต้องการหรืออยู่ในใจของใครหลายๆคนในปัจจุบันค่ะ
จากการประเมินราคาของกรมธนารักษ์ปี 55 – 58 ที่ดินในซอยทองหล่อมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 350,000 บาท ต่อตร.วา แต่ราคาขายจริงไปไกลกว่านั้นมากแล้วค่ะ ที่ดินหลายผืนก็ราคาพุ่งไปถึงล้านบาทต่อตร.ว. พร้อมกับการที่มีคอนโดฯ ราคาขายตารางเมตรละกว่า 150,000 บาท เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ขณะที่ ราคา Resale คอนโดมือสองระดับ Luxury ที่มีในซอยทองหล่อเดี๋ยวนี้ก็ทะยานไปตารางเมตรละ 170,000 – 200,000 บาทเข้าไปแล้ว ทำให้ย่านทองหล่อสะท้อนความเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้บริโภค กำลังซื้อสูง และพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยคอนโดฯ โดยส่วนใหญ่นิยมกินดื่มนอกบ้าน ในซอยทองหล่อ จึงเป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร ร้านกินดื่ม และแหล่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์จำนวนมากในระยะเดินถึง แทบทั้งหมด รวมไปถึงซอยข้างๆอย่างซอยเอกมัย หรือซอยฝั่งตรงข้ามอย่างสุขุมวิท 36, 38 ซึ่งใช้BTS สถานีทองหล่อเช่นกันก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร, Night Street Food ที่มีชื่อเสียงและมีคอนโดมิเนียมผุดขึ้นมามากมาย รองรับการขยายตัวออกมาจากในซอยทองหล่อ ซึ่งเดี๋ยววันนี้เราจะพาไปดูบรรดาร้านอาหารต่างๆในทำเลนี้กันดูนะคะ ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
การชมทำเลวันนี้เราจะเริ่มต้นจาก BTS สถานีทองหล่อ
ฝั่งซอยทองหล่อ
ต้นซอยทองหล่อเลยจะเจอร้านข้าวเหนียวมูนแม่วารี ร้านผลไม้คุณภาพดีที่มีชื่อเสียงมานานในซอยค่ะ อย่างมะม่วงสุกนี่โลละประมาณ 120 – 140 บาท
มังคุดนอกฤดูกาลก็โลละ 250 บาท แปลกใจกับราคากันมั้ยคะ 555+ แต่คนขายก็บอกว่าขายได้ตลอด ลูกค้าชาวต่างชาติเยอะค่ะ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ชอบกินมังคุดกันมากๆ
เข้ามาในซอยอีกหน่อย ทางฝั่งขวามือก่อนถึงทองหล่อซอย 2 จะเป็นตึก Fifty Fifth Tower ด้านในมีร้านอาหารอยู่หลายร้านเหมือนกัน
ถัดมาขวามือที่ปากซอยทองหล่อ 4 จะมีรั้วโครงการ Maze Thonglor เป็น Community Mall แห่งใหม่ที่ตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่ เป็นอาคารขนาด 4 ชั้นครึ่ง คิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างรวม 6,600 ตารางเมตรและพื้นที่สำหรับร้านค้า3,000 ตารางเมตร โดยวางแผนให้มีจำนวนร้านค้าและบริการต่างๆ 25 ร้าน
ฝั่งขวามือถัดมา เลยทองหล่อซอย 4 มาหน่อยจะเป็น Tops Market
ด้านในนอกจาก Tops Market แล้วจะมีร้านอาหารอีกหลายร้าน เช่น Starbucks, Burger King, Swensen’s เป็นต้น
ตรงข้าม Tops Market เป็นตึกชื่อ Somerset เป็นอาคารแนว Serviced Residence อยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 5 และ 7 ชั้นล่างของอาคารมีร้านอาหารหลายร้าน
ยกตัวอย่างร้านใต้ตึก Somerset จะมีร้าน บ้านไอซ์ เป็นร้านอาหารปักษ์ใต้ ร้านเปิดช่วงสิบเอ็ดโมงถึงสี่ทุ่มครึ่ง ราคาอาหารอยู่ที่ประมาณ 100 – 300 บาทต่อจาน ทุกเมนูจะมีเรื่องราวประกอบ อย่างเช่นไปได้สูตรนี้มาจากที่ไหน เมนูนี้พิเศษกว่าที่อื่นยังไง อย่างกุ้งกระเทียมภาพบนนี่ก็จะมีคำบรรยายประกอบประมาณนี้ “กุ้งทอดกระเทียม สูตรพิเศษ เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย เหมือนจะหาทานได้ทั่วไปแต่ที่นี่ไม่เหมือนใคร รสชาติเข้มข้น กุ้งตัวใหญ่สดเต็มคำ..หาทานได้ที่ร้านอาหารบ้านไอซ์ค่ะ” อะไรแบบนี้
อีกร้านใต้ตึก Somerset คือ Gyu Kaku เป็นร้านเนื้อย่างเกรดพรีเมี่ยมหน่อย คนชอบทานเนื้อน่าจะชอบกัน ราคาเนื้อก็มีให้เลือกหลายเรตค่ะ ตั้งแต่ 100 นิดๆ ถึงวากิวราคาเกือบพันก็มี ร้านเปิด จ. – ศ. : 17:30 – 23:00 ส. อา. : 11:30 – 14:00, 17:00 – 23:00
ถัดมาอีกหน่อยก่อนถึงทองหล่อซอย 10 ฝั่งขวามือจะมีตึก Eight ซึ่งด้านใต้ตึกมี Foodland ที่เปิด 24 ชั่วโมง มีร้านอาหารข้างล่างตึกเยอะทีเดียว
หน้าทางเข้าตึก Eight ตึกนี้คนนอนดึกใช้เป็นแหล่งซื้ออาหารสดหรือซื้ออาหารเข้าห้องได้ดี คือ Foodland ชั้นใต้ดินมันใหญ่กว่า Max Value และของก็เยอะกว่าด้วยค่ะ
ขวามือข้างประตูทางเข้าตึก Eight จะเป็น Bar & Restaurant ชื่อ Flann O’ Brien’s Irish Pub ร้านเปิดตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงตี 1 เรียกว่าเปิดแทบทั้งวัน ราคาอาหารจะอยู่ที่ 200 – 300 บาท
บรรยากาศในร้านจะเป็นแนว Old English Bar อย่างที่เห็นในภาพ
อาหารก็จะเป็นแนวฟิชแอนด์ชิปส์, มันบดกับไส้กรอก หรือซุปหอมหัวใหญ่กับขนมปัง ในร้านมีเบียร์ดราฟต์เสิร์ฟหลายแบรนด์ ตั้งแต่สิงห์ ไฮเนเก้น โฮการ์เด้น กินเนส และเบียร์ยุโรปอีกหลายแบรนด์
ซ้ายมือข้างประตูทางเข้าห้างจะมี Bar & Restaurant ชื่อ Perfume: Fragrance Bar and Aromatic Cuisin อยู่
เป็นร้านอาหารที่มีคอนเซ็ปคือเน้นเรื่องกลิ่น โดยนำคอนเซปต์ของน้ำหอมมาเข้าคู่กันกับอาหาร มีค็อกเทลหลากหลายสูตร มีขนมและอาหารที่เน้นเรื่องกลิ่นหอม ราคาอยู่ในช่วง 250 – 500 บาท เปิดตั้งแต่สิบโมงถึงตีหนึ่ง
เข้ามาด้านในตึก Eight จะเจอร้าน Crepes & Co. เป็นร้านที่ขายเครปตามชื่อ แต่ก็มีแพนเค้ก เบเกิ้ล และอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียนแบบสแปนิชและกรีกด้วยค่ะ เมนูที่ส่วนตัวเราชอบทานและอยากให้ลองคือ กุ้ง Gambas, แพนเค้กโฮลวีตกะเบคอน และ Paella ราคาอาหารจะอยู่ในช่วง 250 – 500 บาท
Paella หรือปาเอย่า เป็นข้าวผัดซีฟู้ดแบบสเปน เราสั่งบ่อยเพราะเราว่ามันอร่อยดีแล้วเรานั่งรอได้ค่ะ แบบว่ารออาหารไปทำอย่างอื่นไปด้วยได้ไม่ค่อยรีบเท่าไหร่ เพราะเมนูนี้เป็นเมนูที่ต้องเผื่อเวลาตอนสั่งไว้ครึ่งชั่วโมงค่ะ เพราะจะผัดให้ใหม่ๆจากข้าวดิบเลยใช้เวลาเยอะ ใครไม่รีบแล้วชอบกินเมนูนี้เหมือนกัน Crepes & Co.ก็เป็นอีกร้านนึงที่ไปหาเมนูนี้ทานกันได้ค่ะ
ลงมาชั้นใต้ดินจะเจอ Foodland Supermarket 24 ชั่วโมง
ตรงข้าม Foodland Supermarket จะมีร้านอาหารชื่อ Tadaima เมื่อก่อนเป็นร้านอาหารราคา 88 บาท อย่างเดียว เดี๋ยวนี้ทาไดมะสาขานี้ไม่ใช่แล้ว แต่สาขาที่เป็นราคา 88 บาทจะอยู่ที่เกตเวย์ เอกมัยค่ะ
ราคาตอนนี้ถ้ามากินก็อยู่ในช่วง 250 – 600 บาท มีโปรซูชิลดห้าสิบเปอร์เซนอยู่ด้วย
ตอนนี้เราจะพามาชมร้านอาหารดังในซอยทองหล่อ 11 กันต่อ อันนี้เพิ่งสังเกตเห็นรั้วโครงการ The Taste ทองหล่อ ที่สร้างออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้ว อยู่ที่หัวมุมซอยทองหล่อ 11
เป็น Community Mall เช่นกัน เขียนกำหนดเปิดไว้เดือนสิงหาคมปีนี้ค่ะ
เข้ามาในซอยทองหล่อ 11 จะเจอร้าน Audrey อยู่ฝั่งซ้ายมือ เป็นร้าน Audrey สาขาแรก เปิดตั้งแต่ช่วง 11:00 – 22:00 ราคา 250 – 500 บาท
ร้านนี้บรรยากาศน่ารักมากค่ะ ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของพวกดารา เซเล็บบ่อยๆ และคนก็แน่นอยู่ตลอด ใครจะมาแนะนำให้จองโต๊ะก่อนนะคะ ไม่งั้นเสี่ยงเต็ม ใครที่ชอบดูหนังเก่าๆ อาจจะพอเชื่อมโยงสไตล์การออกแบบได้ ว่ามาจากหนังเรื่อง Breakfast at Tiffany’s ที่ Audrey Hepburn แฟชั่นไอคอนของโลกเคยแสดงเป็นนางเอกนั่นเอง เราว่าเป็นคอนเซ็ปที่น่ารักดี และอาหารอร่อยดีด้วยค่ะ เมนูที่เราชอบสั่งจะมีโรซี่เชค(ประมาณว่าลิ้นจี่ปั่นนมสตรอเบอร์รี่ สดชื่นดี) ซูเฟล่ปูซอสล็อปส์เตอร์ กับก๋วยเตี๋ยวคั่วต้มยำกุ้งก็อยากให้ลองกันนะคะ
เมนูในร้านส่วนใหญ่จะเป็นฟิวชั่นแบบ ไทย ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยนซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างอันนี้ชื่อเมนูคือ เบบี้พิซซ่าต้มยำกุ้ง มีเมนูที่แบบดูอร่อยและสนุกแนวๆนี้อีกหลายเมนูเลย
ตรงข้ามร้าน Audrey จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นโอกินาว่า หรือแนวอาหารใต้ญี่ปุ่น ชื่อ Nirai kanai (นิราคาอิ คานาอิ) 17:00 – 00:00 ราคา 250 – 500 บาท
เมนูร้านนี้ที่เราเคยไปทานจะเป็นแนวมะระผัดไข่ หมูสามชั้น ปลาซาบะดอง ไรแบบนี้ เป็นแนวอาหารพื้นถิ่นโอกินาว่า อย่างภาพด้านบนเป็นเมนูชื่อ ผักโอกินาว่ารวมมิตร จะมีมะระ สาหร่าย ว่านหางจระเข้กับน้ำจิ้มแบบโอกินาว่าค่ะ อาหารญี่ปุ่นแบบทั่วไปก็มีค่ะ สังเกตว่าร้านอาหารญี่ปุ่นในทองหล่อเยอะมาก และมีหลากหลายภาค ไม่ว่าจะอาหารญี่ปุ่นจากโตเกียว จากฮอกไกโด จากนาโกย่า หรือว่าจากโอกินาว่าอย่างร้านนี้นะคะ เราว่าส่วนนึงเพราะแถวนี้คนญี่ปุ่นอยู่เยอะด้วย บางทีก็คงอยากกินอาหารบ้านเกิดบ้าง คนไทยเองก็ชอบลองอะไรใหม่ๆอยู่แล้วด้วย
ที่สุดซอยทองหล่อ 11 เป็นลานจอดรถของบรรดาร้านอาหาร ตรงนี้มีร้านอาหารลับอยู่ค่ะ .. คือจริงๆก็มีป้ายบอกล่ะ แต่เราว่าคนส่วนมากมองไม่ค่อยเห็น เพราะอยู่ในสุดของลานจอดรถเลย เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปดูกัน
ร้านชื่อ Surface ค่ะ เปิดช่วง 11.00 – 14.00, 18.00 – 23.30 ขายอาหารและเครื่องดื่มทั้งไวน์และค็อกเทลอีกหลายอย่าง
บรรยากาศในร้าน
เมนูเครื่องดื่มต่างๆ ดูจากราคาเหมือนจะขายเป็นราคาเปิดขวด เขียนมาด้วยสีชอล์คสไตล์สบายๆ แต่ราคาดูไม่ค่อยน่าสบายเท่าไหร่ ใครเมาๆมากับเพื่อนๆและสั่งๆกันแบบไม่ได้ดูอะไรมากอาจหมดตัวกันได้ง่ายๆ
ส่วนบาร์ค่ะ ด้านในร้านจะมีส่วนห้องแอร์กับ Open Space
เมนูอาหารมีที่ดูน่ากินหลายอย่าง อย่างเมนูนี้ก็น่ากินดีค่ะ Scallop Truffle Risotto with sauce Américaine. หรือริซอตโต้เห็ดทรัฟเฟิลกับหอยเชลล์กับซอส Américaine ไม่แน่ใจนะว่าใส่มาเป็นทรัฟเฟิลออยล์หรือทรัฟเฟิลสับมาเลย คือไม่เคยกินเหมือนกัน แต่ก็น่าจะหอมดี และหอยเชลล์ก็ดูน่ากินด้วย
มาต่อกันที่ซอยทองหล่อ 13 ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นซอยที่พีคที่สุดซอยนึงในทองหล่อกัน ปัจจัยความพีคก็คือเป็นซอยที่มีร้านอาหารประเภท Pub & Restaurant เยอะมากกก คือร้านพวกนี้จะรวมตัวกันอยู่ในตึกต่างๆ อย่าง Seenspace นี่ก็ใช่เลยค่ะ เข้าซอยทองหล่อ 13 เดินมาประมาณ 15 ก้าวจะเจอ Seenspace อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ
นี่ เดินเข้าไปจะเป็นบรรยากาศแบบนี้ มีอยู่ 3 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นยิมมวยไทยชื่อ RSM ซึ่งเป็นยิมที่มีสาวๆมาต่อยมวยกันที่นี่เยอะอยู่ ส่วนชั้นหนึ่งชั้นสองเข้ามาก็เป็นร้านอาหารหลายๆร้านอย่างที่เห็น มี FAT’R GUT’Z ขวามือของภาพเปิดช่วง 18:00 – 02:00 ราคา 500 – 1,000 บาท เด่นเรื่องพวกอาหารทอดแกล้มเบียร์ที่ทำมาดี ทำให้เป็นร้านที่คึกคักอยู่ทุกค่ำ
ฝั่งตรงข้าม FAT’R GUT’Z จะเป็นบาร์หอยนางรมชื่อ Belon Oyster & Raw Bar ค่ะ ขายหอยนางรมนำเข้า ไวน์ และค็อกเทลหลายชนิด
หอยนางรมที่นี่จะขายเป็นแบบหกตัว หรือ 1 โหลค่ะ ราคาแพงแบบถ้าจะมากินก็ควรพกเงินมาหลักพันนะคะ เราเคยมากินครั้งนึงเราว่าคุณภาพหอยนางรมเค้าดีมากจริงๆค่ะ ค็อกเทลก็ผสมมาไม่หวานไปและทำได้ดี แต่ราคาโหดไปหน่อยสำหรับเรา แต่สำหรับคนย่านนี้ ของคุณภาพราคานี้หลายคนคงจ่ายได้สบายๆค่ะ เพราะเราก็เห็นร้านนี้อยู่มานานละ คือต่อให้ทุนหนายังไง แต่ถ้าไม่มีคนกินหรือไม่ดีจริงก็อยู่ยากค่ะ ร้านแถวทองหล่อนี่ร้านไหนแกร่งๆแข็งๆก็อยู่ได้ยาวเพราะลูกค้าติด ร้านไหนมาแบบสวยๆแต่แบบ อาหารแป้ก ราคาแป้ก คนกินย่านนี้เค้ารู้ค่ะ และเค้ามีตัวเลือกเยอะ ถ้าร้านไม่ดีจริงร้านก็จะค่อยๆเจ๊งไปเอง
เอาภาพหอยนางรมจากทางร้านมาให้ดูค่ะ เฮ้อออออ… เป็นรีวิวที่เขียนไปหิวไปสุดๆไปเรย 555+
เข้ามาหน่อยจะเป็นร้าน Brew ขายเบียร์และไซเดอร์แบบมีตัวเลือกเยอะมาก เป็นร้านนึงที่กลางคืนคนเต็มตลอด และเป็นร้านที่เรามาบ่อยที่สุดใน Seenspace แล้วค่ะ
ภายในร้าน จะมีลังเบียร์เรียงรายเต็มไปหมด พร้อมเบียร์หลากหลายยี่ห้อจากทุกมุมโลก
ตู้แช่เบียร์ของร้าน Brew จะมีเบียร์อัดแน่นอยู่แบบนี้เสมอ
คือเราชอบลองเบียร์กับไซเดอร์หลายๆแบบค่ะ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ที่เราชอบและอยากแนะนำจะมีเบียร์ชื่อ Delirium ค่ะ ถ้าใครตาดีๆจะเห็นลังเบียร์ที่มีรูปช้างสีชมพูอยู่ คือเราว่าชื่อและโลโก้มันแอบตลกดี สั่งมาลองแล้วก็ชอบค่ะ เป็นเบียร์จากเบลเยี่ยมกลิ่นหอมรสนุ่มมากขณะที่ดีกรีค่อนข้างแรง อีกอันนึงเป็นท้อฟฟี่แอปเปิ้ลไซเดอร์จาก Brothers ค่ะ แบบว่าหอมขนมๆดี ดื่มง่ายมาก เหมาะจะแนะนำให้สาวๆดื่ม
ติดกันกับ Brews คือร้าน Clouds ส่วนตัวไม่เคยนั่งร้านนี้นะ แต่มันคือวิวที่เรามองเห็นจาก Brews เสมอๆ เวลาเปิดร้านอยู่ในช่วงใกล้ๆกันกับร้านอื่นๆค่ะคือหกโมงเย็นถึงตีหนึ่ง ราคาอาหารประมาณ 250 – 500 บาท ขายค็อกเทล เบียร์ และอาหาร
ขึ้นมาชั้น 2 ร้านในใจใครหลายๆคนคงเป็น Roast ค่ะ เป็นร้านอาหารแบบ New American คือมีเมนูอาหารเช้า อาหารเที่ยง อาหารเย็นดีๆให้เลือก มีวาฟเฟิลอร่อย และมีความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่นถ้าเราสั่งกาแฟเย็นที่นี่ น้ำแข็งในแก้วก็จะเป็นน้ำแข็งที่ทำมาจากกาแฟนั่นล่ะค่ะ เวลามันละลายกาแฟก็ไม่จืดลง คุณภาพอาหารในร้านดีเสมอต้นเสมอปลายและบรรยากาศในร้านก็น่านั่งด้วย
นอกจากนั้นที่ชั้น 2 จะมีร้าน กิวกิวเต้ เป็นร้านเนื้อย่างคุณภาพดี เกรดพรีเมี่ยม ที่เหมาะสำหรับคนชอบทานเนื้อย่างและทานเบียร์
ภาพด้านบนนี่เป็นกิวกิวเต้ซุปเปอร์ค่ะ เนื้อย่างแบบพรีเมี่ยมที่อยู่ในเมนูแนะนำ ส่วนเมนูที่เราชอบสั่งจะเป็นลิ้นย่างค่ะ
ฝั่งตรงข้าม Seenspace เยื้องๆมาหน่อยจะเป็น J Avenue ทองหล่อซอย 13 ค่ะ ก็จะคล้ายๆกันกับ Seenspace คือจะมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน ร้านดังๆที่หลายๆคนรู้จักกันดีคือร้าน After You นั่นเอง
ร้าน After you เป็นร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่น เจ้าของเป็นคนไทยที่ชอบตระเวนกินร้านขนมอร่อยๆในญี่ปุ่นแล้วจำสูตรที่ชอบมาปรับขาย เป็นร้านนึงที่มีแถวต่อคิวยาวอยู่เสมอๆค่ะ ขนมตอนนี้ก็มีพัฒนามาเยอะแล้ว ที่ดังๆจะเป็นตัวฮันนี่โทสต์ สำหรับคนชอบช็อกโกแลต หลายๆคนคงจะชอบนูเทลล่าโทสต์ หอมเนยดีค่ะ
ฝั่งตรงข้าม J Avenue คือ M place ทองหล่อ 13 ด้านในส่วนใหญ่เป็นร้านขายของประดับตกแต่งอย่าง PASAYA ซะเป็นส่วนใหญ่ มีร้านอาหารที่บางคนอาจเคยได้ยินชื่อมาบ้างคือร้าน ลูกไก่ทอง เป็นร้านอาหารไทย จีน เวลาเปิดร้าน อ. – อา. : 10:30 – 22:00 ราคา 251 – 500 บาท
ถัดมาที่ซอยทองหล่อ 15 จะเป็น Community Mall ที่คนย่านนี้รู้จักกันดีค่ะ คือ J Avenue ทองหล่อซอย 15 ภายใน J Avenue จะมีร้านอาหารหลายร้านค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Greyhound, Au Bon Pain, Mouses & Meringues เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี Villa Market ให้ซื้อของสดหรืออาหารเข้าบ้านได้
เข้าไปดูในซอยทองหล่อ 10 กันต่อเลย
ต้นซอยฝั่งซ้ายมือจะมี Pub & Restaurant ชื่อ Wine Republic ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ร้านนึงของทองหล่อ 10 ค่ะ ขายทั้งไวน์ เบียร์ และอาหาร
เข้ามาในซอยทองหล่อ 10 อีกนิดฝั่งซ้ายมือเช่นกันจะมีตึกชื่อ The Opus Building ที่ด้านในมีร้านอาหารญี่ปุ่นและ Pub & Restaurant อยู่หลายร้าน
สำหรับใครที่ชอบใส่ส่าหรีดูดบารากุ ดื่มค็อกเทล เราแนะนำให้ขึ้นมา Bambay Blues ชั้น 3 ขึ้นมาจะเป็นบาร์ที่ตกแต่งด้วยโทนสีแดงสไตล์ภารตะ แนะนำอย่าใส่รองเท้าแพงๆมานะคะ ร้านนี้อินดี้ค่ะ คือต้องถอดรองเท้าไว้ด้านหน้าก่อนเดินเท้าเปล่าเข้าร้าน
ซอยทองหล่อ 10 เป็นซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านอาหารเยอะเปิดทั้งกลางวันกลางคืน ร้านกลางคืนที่หลายๆคนรู้จักกันดีคงจะเป็นร้าน Muse
ถัดจาก Muse จะเป็น Arena 10 แหล่งร้านอาหารสำคัญอีกแห่งของทองหล่อ
บางคนก็เรียก Arena 10 ว่าฟังกี้วิลล่า เป็นลานจอดรถสำหรับบรรดาคนที่มาเที่ยวแถวนี้ค่ะ เก็บค่าจอดรถจนรวยกันไปเลย ด้านในนอกจากบรรดาร้านอาหารมากมายของคุณตันและครอบครัวไม่ว่าจะร้านราเม็งแชมเปี้ยนของคุณตัน แซ่บอีลี่ร้านส้มตำของลูกสาวคุณตัน Melt me ร้านช็อกโกแลตของภรรยาคุณตัน และอื่นๆอีกมากมายทั้งผับเดโม ร้านแมค และร้านอาหารของคุณตันแบรนด์อื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรของคุณตัน อิชิตันนั่นเองค่ะ
ซอยทองหล่อ 10 สามารถทะลุไปเอกมัยได้นะคะ เราไปดูฝั่งเอกมัยกันต่อเลยดีกว่า
เอกมัย
โซนเอกมัยนี่ถนนจะแคบกว่าทองหล่อ แต่ก็มีร้านอาหารเยอะเช่นกันค่ะ เหมือนรองรับการขยายตัวมาจากทองหล่ออีกที ก็เหมือนทองหล่อนะคะ เราอาจพาเดินไปดูไม่ได้ทุกร้านที่มี หรือทุกร้านที่เราอยากจะพาไป แต่เราจะเลือกจุดที่เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์มาวางไว้ให้พอเห็นภาพค่ะ ว่าพอจะไปกินที่ไหนได้บ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ นี่เราเริ่มจากเดินออกมาจากทองหล่อซอย 10 มุ่งหน้าออกไปถนนสุขุมวิทหรือก็คือเดินไป BTS เอกมัยนั่นเอง
เราออกมาจากทองหล่อซอย 10 เดินมาข้างทางถนนเอกมัยฝั่งมุ่งหน้าสุขุมวิทมาหน่อยจะเจอร้านสบายใจไก่ย่าง เป็นร้านส้มตำไก่ย่างร้านที่ดังไปไกลค่ะ ส่วนใหญ่คนต่างชาติรู้จัก คนไทยก็ชอบ และมีคนมาอุดหนุนเยอะอยู่แทบจะตลอด
บรรยากาศภายในร้านค่ะ เราว่ามันก็เป็นร้านส้มตำที่ค่อนข้างตอบโจทย์ร้านขายดี คือบรรยากาศสบายๆไม่อึดอัด มีเพิงหลังคากันแดดกันฝนได้ ราคาไม่แพงมากตก 100 – 300 ต่อหัว ในทำเลเอกมัยใกล้ซอยทองหล่อ และขายเมนูอาหารอิสานอย่างส้มตำที่คนส่วนใหญ่ก็ชอบกินกันอยู่แล้วด้วย
หน้าตาไก่ย่างสบายใจ เรากินเราก็ไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างมากมายนะคะ แต่รู้สึกว่าจะนุ่มกว่าไก่ย่างทั่วไปนิดหน่อย
ตรงข้ามสบายใจไก่ย่างจะมี เวิ้งโบราณ เป็นเหมือนแหล่งรวมร้านอาหารและร้านค้าแนวอินดี้เอาไว้
ร้านที่แนะนำในเวิ้งโบราณจะมีคาเฟ่ชื่อ (UN)FASHION CAFE เป็นร้านกาแฟน่ารักๆเปิดช่วง 10.30 – 20.30 เหมือนเป็นสาขาจากร้านรองเท้าหรือร้านขายผลิตภัณฑ์หนังคุณภาพดีที่ชื่อ (UN)FASHION ข้างๆ
เข้ามาจะเจอเคาน์เตอร์ให้สั่งขนมและกาแฟแบบนี้ ร้านนี้ราคากาแฟแก้วละประมาณ 70 -100 บาท มีลาเต้ผสมอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะลาเต้กล้วย ลาเต้สตรอเบอรรี่
ของหวานมีขนมเค้กและวาฟเฟิลขาย ราคาประมาณ 100 – 200 บาท
บรรยากาศในร้าน
ที่นั่งเป็นแบบนี้ บรรยากาศสบายๆดี เหมาะเป็นที่นั่งอ่านหนังสือ หรือนัดกินขนมกะเพื่อนๆ
ข้างๆคาเฟ่ก็จะเป็นร้าน (UN) FASHION ขายเครื่องหนังแบบวินเทจ
ด้านในเวิ้งโบราณจะมีร้าน BLUE DOOR หรือร้านประตูสีฟ้าด้วยค่ะ ร้านนี้ขายอาหาร กาแฟ ราคาตั้งแต่ 60 – 150 บาทและมีหนังสือให้นั่งอ่านฟรีเยอะเลย
นอกจากนี้ในร้านจะมีหนังสือมือสองขาย รายได้จากการขายหนังสือสมทบทุนมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ซึ่งเป็นมูลนิธิอนุรักษ์ป่าด้วยค่ะ
นี่ เราซื้อด้วย 1 เล่ม
ถัดมาเป็น Big C เอกมัย ด้านบนเป็น Index Livingmall
ชั้นล่างและชั้นบนของ Big C มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน อย่างภาพข้างบนนี่เป็นร้าน Gyudon Express หรือพวกข้าวหน้าต่างๆ
ถ่ายเมนูมาให้ดูค่ะ ราคาอยู่ในเรต 160 – 300 บาท
โซนสุดท้ายที่เราจะพาไปดูกันในซอยเอกมัยวันนี้คือ Community Mall ชื่อ Park Lane ด้านในมีร้านอาหารเด็ดๆหลายร้าน
ที่พีคสำหรับเราก็คงเป็นร้านเนื้อย่างชื่อ Yakiniku Tan ค่ะ คือถ้าไม่ติดเรื่องไฟแรงไปนิดเสมอๆ เราชอบเนื้อย่างที่นี่ค่ะ ทั้งน้ำจิ้มและคุณภาพเนื้อดีมาก เป็นร้านที่คนญี่ปุ่นเองก็ชอบมากินและแนะนำต่อๆกันไปค่ะ
นอกจากนี้ก็มีร้าน Honmono Sushi ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูนำโดยเชฟบุญธรรมจากรายการ Iron Chef ด้วยค่ะ
ออกมาที่ปากซอยเอกมัยฝั่งสุขุมวิทกันละค่ะ ที่ปากซอยจะเห็นบันไดทางขึ้น BTS เอกมัยอยู่
ติดกับทางขึ้น BTS เอกมัยจะมีส้มตำ ยำ ของร้านบ้านไร่กาแฟที่เปิดแทบจะ 24 ชั่วโมง
บรรยากาศภายในร้านค่ะ มีทั้งกาแฟ เบียร์สด ส้มตำ ตอนกลางคืนมักจะมีคนคึกคักอยู่เสมอ เพราะอยู่ติดบันไดขึ้นลง BTS เอกมันเลย
ที่ BTS เอกมัยออกประตู 4 จะเจอ Gate way เอกมัยที่รวมร้านอาหารเอาไว้มากมายๆ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นค่ะ
เข้าไปภายในห้างบรรยากาศแบบนี้ รอบๆมีร้านอาหารเรียงราย
เคยลองราเม็งมะเขือเทศกันยังคะ เราแนะนำนะคะ คือเราว่าอร่อยผิดคาดมากเลยอะ 555+ เพิ่มชีสได้ด้วยนะ
หน้าตาแบบนี้ เลือกท้อปปิ้งได้หลายแบบค่ะ ราคาประมาณ 100 – 250 บาท
สุขุมวิท 36 – 38
นอกจากซอยทองหล่อ เอกมัย ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นย่านหรูที่เต็มไปด้วยแหล่งอาหารการกิน และแหล่งตระเวนราตรีที่ครึกครื้นและเต็มไปด้วยสีสันแล้ว ฝั่งโครงการเองก็มีซอยสุขุมวิท 38 ที่ขึ้นชื่อเรื่อง Street food หรือ อาหารข้างทางสำหรับคนชอบกินมื้อดึก (หรือมื้อเกือบเช้า) และขาเที่ยวทั้งหลายเป็นอย่างมาก เนื่องจากย่านนี้(สุขุมวิท-ทองหล่อ)ร้านอาหารส่วนมากราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 200- 500 บาทต่อคนค่ะ ขณะที่กลุ่มร้านข้างทางกว่า 30 ร้าน ช่วงต้นซอยสุขุมวิท 38 ตรงข้ามซอยทองหล่อนี่ราคาอาหารเฉลี่ยอยู่ที่ 30-50 บาทต่อคนเท่านั้น
และเนื่องจากซอย 36 เป็นทางวิ่งรถ ไม่มีทางเดินเท้า ถ้าเป็นคนไม่ใช้รถก็แนะนำให้เดินเข้าออกทางซอย 38 นะคะ นอกจากมีทางเดินเท้ามากกว่าแล้วยังมีของกินข้างทางเยอะตามที่ได้กล่าวไปด้านบนด้วยค่ะ ตัวซอยเชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 นอกจากนี้ ซอย 36, 38, 40 ข้างในซอยจะเป็นถนน 2 เลน เชื่อมถึงกันหมด โดยที่ ซอย 40 จะเป็นวันเวย์วิ่งจากสุขุมวิทไปพระราม 4 เท่านั้นค่ะ หากจะวิ่งกลับมาต้องใช้ซอย 42 แทน
ซอยมีบรรยากาศของย่านที่อยู่อาศัยที่เต็มไปด้วย คอนโด แมนชั่น บ้านพักอาศัยหลังใหญ่ๆมากๆ ในซอยก็มีอยู่หลายหลัง ร้านอาหารแบบที่นั่งบรรยากาศดีๆก็มีหลายร้าน ร้านอาหารข้างทางราคาย่อมเยาว์รสชาติโอเคก็มีให้เลือกเยอะ แม้จะมีศูนย์รีไซเคิลหรือศูนย์รับซื้อของเก่าที่มีบรรยากาศคล้ายๆจุดทิ้งขยะ ซึ่งฉุดบรรยากาศที่ดีของซอยลงไปเยอะเหมือนกัน แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นย่านที่พักอาศัยที่มีบรรยากาศน่าอยู่ใช้ได้เลยค่ะ ราคาเฉลี่ยของที่ดินซอยสุขุมวิท 36 จากสํานักประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ ตอนนี้ก็อยู่ที่ 160,000/ตร.ว. ค่ะ เกริ่นกันมานาน เราไปชมภาพทำเลรอบๆโครงการนี้กันเถอะค่ะ
เราขอพาไปดูร้านต่างๆในซอยสุขุมวิท 36 กันก่อนนะคะ จาก BTS ทองหล่อ มองลงไปจะเห็นทางเข้าซอยสุขุมวิท 36 ต้นซอยฝั่งซ้ายมือเป็นวินมอเตอร์ไซค์ ขวามือเป็น Noble Remix
ถนนฝั่งซอย 36 นี่เป็นถนน 2 เลนรถวิ่งสวนกันเข้าออกได้แต่ไม่มีทางเท้านะคะ ต้นซอยฝั่งตรงข้าม คอนโด Noble Remix สีม่วง พอเข้ามาจะเจอร้านอาหารร้านแรกของซอยนี้คือร้าน มายช้อยส์ ค่ะ มีที่จอดรถข้างในร้าน เปิดตั้งแต่ 11:00 น. – 22:00 น. ราคาอยู่ในช่วงประมาณ 100 – 250 บาท
ในร้านจะมีเมนูอาหารไทยอย่างเช่น หลนปูไข่ ยำปลาดุกฟู แกงหอยขม
เมนูเด็ดของร้านคือกุ้งใหญ่มะนาวค่ะ
ถัดมาเป็นร้าน In the mood for love เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่น เวลาเปิดร้านอยู่ในช่วงประมาณ ห้าโมงครึ่งถึงเที่ยงคืนค่ะ วันเสาร์อาทิตย์ เปิดตอนสายๆด้วย เรื่องเวลาไม่ชัวร์ถ้าสนใจต้องลองเช็คข้อมูลเพิ่มกันดูเองนะคะ ร้านนี้เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและราคาที่ค่อนข้างจะแพงใครวางแผนมาที่นี่ก็เตรียมงบไว้หลักพันอัพกันไว้ก่อนนะคะ
บรรยากาศในร้านโรแมนติกและเก๋ทีเดียว ใครรู้สึกกระเป๋าหนักๆหน่อยไม่รู้จะไปไหนดี ก็พาแฟนมาลองทานกันดูนะคะ
เมนูเด็ดของร้านอย่างเช่น ” Supreme Set ” หรือเซตของซูชิหน้าไข่หอยเม่น ฟัวกราส์ และเนื้อวากิว
ตรงข้ามเยื้องๆหน่อยคือครัวเวียงจันทน์ ร้านอาหารไทยอิสาน บรรยากาศข้างในตกแต่งแบบอิสานมักๆ ตอนเราไปเมื่อก่อนมีเล่นโปงลางให้ฟังด้วยนะคะ ร้านนี้คนต่างชาติรู้จักเยอะกว่าคนไทยอีก เข้าไปทีฝรั่งตรึม มีที่จอดรถด้านข้างนะ จะหาภาพอาหารมาให้ดูกันเพิ่มก็ไม่เจอเว็บทางร้าน แต่เราไปเจอคลิปวิดีโอบรรยากาศการแสดงดนตรีสไตล์อีสานของในร้านมา คลิกไปดูกันได้ที่นี่ >> https://www.youtube.com/watch?v=4G0HDOMfUN8
ครัวร่มไม้ อาหารไทยอิสาน เห็นมีหลายสาขาอยู่เหมือนกันร้านเปิดช่วงสิบโมงเช้ายาวจนสี่ทุ่มค่ะ ราคาอาหารอยู่ในช่วงประมาณ 100 – 300 บาท
เมนูเคยฮิตที่ในร้านมีด้วยคือ ส้มตำถาดซีฟู้ด ค่ะ ใครยังไม่เคยกินส้มตำถาดก็ไปลองกันได้นะคะ (คือจริงๆเราก็ไม่เคยกินส้มตำถาดนะ สารภาพ 555+)
ในครัวร่มไม้นี่จะมีเมนูภาษาญี่ปุ่นด้วยค่ะ น่าจะมีลูกค้าญี่ปุ่นเยอะอยู่เหมือนกัน
ร้าน Cheesecake Palette ร้านนี้ขายชีสเค้กสไตล์นิวยอร์ค เป็นร้านชีสเค้กออนไลน์ซึ่งเราขอคอนเฟิร์มอีกคนว่าชีสเค้กเค้าอร่อยจริงๆ และสามารถวอล์คอินเข้าไปซื้อที่ร้านได้นะคะ มีแบ่งขายเป็นชิ้น ราคาชิ้นละร้อยกว่าบาท
มีชีสเค้กให้เลือกหลากหลายแบบ มีชีสเค้กเคลือบช็อคโกแลตด้วย กับพวกมินิชีสเค้กด้วย
ส่วนตัวเราแนะนำ Strawberry’n Queen ค่ะ สตรอเบอรี่ลูกโตให้มาเยอะเข้ากับชีสเค้กดีราคา 2 ปอนด์ 1100 บาท
เข้าไปในซอยอีกหน่อยจะเจอร้าน Great American Rib ร้านเปิดตังแต่สิบเอ็ดโมงเช้าถึงห้าทุ่ม ราคาอาหารอยู่ในช่วง 200 – 1000 คือถ้าสั่งสเต็กก็ประมาณพันอัพค่ะ
เมนูแนะนำของร้านจะเป็น Great American BBQ Ribs ตามชื่อร้านนั่นล่ะค่ะ คือจะเป็นซี่โครงรมควันไม้ฮิคเคอรี่สไตล์เซนต์หลุยส์ สังเกตเมนูในร้านส่วนใหญ่เป็นสไตล์อเมริกันจ๋าเลย ออกไปทางเวสเทิร์น เม็กซิกัน คือจะมีเครื่องเคียงอย่างพริกฮาลาพินโยคอร์นเบรดด้วย
ตรงข้ามเยื้องๆกันกับร้าน Great American Rib เป็น “ศูนย์รีไซเคิล แสนสบาย” รับซื้อของเก่าค่ะ ก็ดึงบรรยากาศที่น่าอยู่อาศัยของในซอยลงมาพอสมควรด้วยลักษณะคล้ายขยะของของเก่าน่ะนะ จะมีรถบรรทุกมารับของเก่าที่แยกประเภทไว้เรื่อยๆ จะเห็นมีคนขายของเก่าอย่างเช่น ขวด เศษเหล็ก กระดาษลังมาขายเรื่อยๆ
ไปดูซอยสุขุมวิท 38 กันต่อค่ะ อย่างที่เห็นใน map คือซอยสุขุมวิท 36 กับ 38 นี่เชื่อมถึงกันได้นะคะ แต่เรามาเริ่มให้จาก BTS ทองหล่ออีกที (คือตามคอนเซ็ป) โดยจาก BTS จะเป็นบันไดขึ้นลงฝั่งตรงข้ามซอยทองหล่อ ถ้าลงแล้วหันหลังเดินกลับไปก็จะเจอซอยสุขุมวิท 38 แล้วค่ะ
จาก BTS ทองหล่อ มองลงไปซอยสุขุมวิท 38 ฝั่งต้นซอยเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ที่อยู่กันมานานแล้ว ริมถนนด้านล่างจะเห็นว่ามีออกมาเตรียมตั้งโต๊ะ ตั้งร้านกันบ้างแล้ว ตอนกลางคืน จะคึกคักกว่านี้ค่ะ มีภาพในซอยให้ดูทั้งกลางวันกลางคืนนะคะ พวก Street Food จะเริ่มเปิดกันประมาณ 4 โมงเย็นถึงตีสองนะคะ คือยิงยาวรอผับปิดนั่นเอง
กลุ่มร้านข้างทางกว่า 30 ร้าน ช่วงต้นซอยสุขุมวิท 38 ตรงข้ามซอยทองหล่อนี่ราคาอาหารเฉลี่ยอยู่ที่ 30-60 บาทต่อคนเท่านั้น วันที่ไปถ่ายนี่เป็นช่วงห้าโมงเย็นหลังฝนตกนะคะ แต่บรรดาร้านต่างก็มาเปิดกันค่อนข้างเยอะเหมือนเดิม
แค่เย็นๆก็มีรถขายเคบับกับค๊อกเทล(อารมณ์รถขายเหล้าปั่น)มาตั้งกันละ
มีรถแดงขายแฮมเบอร์เกอร์ชื่อ Daniel Thaiger ที่มีคนเข้าแถวรอค่อนข้างเยอะอยู่ด้วย เราไม่เคยกินนะ แต่ดูดังอยู่เหมือนกัน มีใครเคยกินมาแชร์ข้อมูลกันนะคะ อยากรู้ๆๆ
ราคาเบอร์เกอร์ตามข้างบนค่ะ ไม่ได้ราคาถูกนะ คือราคาขึ้นห้างเลย ประมาณ 49 – 169 ค่ะ มีเติมท้อปปิ้งอย่างชีส เบคอน หรือ พริกฮาลาพินโยเพิ่มได้
ซอยสุขุมวิท 38 นี่ ดังเรื่อง street food ตอนกลางคืนมากๆเลยค่ะ เราถ่ายภาพตอนกลางคืนมาให้ชมบรรยากาศกันด้วย ซอยสุขุมวิท 38 ยามค่ำบรรยากาศคึกคักอย่างที่เห็น ก็จะเปิดกันอย่างนี้จนเกือบเช้าเลยค่ะ เอาใจคนทานมื้อดึก ลงไปดูบรรยากาศในซอยยามค่ำคืนกันดีกว่า
ไปสำรวจว่ามีร้านอะไรมั่งกันเถอะ ด้านบนของภาพจะเห็นป้ายชื่อของคอนโด Ashton สว่างเรืองออกมาด้วย
ร้านข้างทางในซอยสุขุมวิท 38 มีหลากหลายค่ะ ทั้งร้านขายผลไม้
ทอดมันกุ้งสด ปลาหมึก ปลากราย
ปลาหมึก ลูกชิ้น ไส้กรอก เสียบไม้ย่าง
ร้านน้ำปั่นผลไม้ มีมะม่วงสุก สับปะรด มะพร้าววางเป็นแถว
ร้านโจ๊กหมูเก่าแก่ที่อยู่มานาน
บรรยากาศในซอยค่ะ มีทั้งคนไทยและเทศ เดินไปมาหาของกินกันอยู่เรื่อยๆ
ร้านก๋วยจั๊บ ตือฮวนเกียมไฉ่ เกาเหลาเลือดหมูใบตำลึง
ร้านแมว ข้าวเหนียวมะม่วง ร้านดังอีกร้าน บางช่วงร้านนี้จะมีข้าวเหนียวทุเรียนหอมมันมาขายด้วย
ราดหน้ายอดผัก ผัดซีอิ้ว ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ บะหมี่กรอบ หมูไก่ทะเล กำลังจะเปิดร้าน (บอกแล้วว่าแถวนี้เค้าเปิดกันดึก) ถัดไปจะเห็นร้านขายบะหมี่ เป็ดย่างด้านใน มีแผงอาหารตามสั่งอยู่ด้านนอก
ร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อวัว
นี่ก็ร้านอาหารตามสั่งอีกร้าน ที่ขายบะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ร้านนี้มีปาท่องโก๋ทอดกับสังขยาขายด้วย
เข้าไปสำรวจในซอยกันต่ออีกหน่อยดีกว่า
ตรงข้ามเยื้องๆกันหน่อยคือ Face Bar ค่ะ ร้านอาหารไทยที่ดังในกลุ่มคนต่างชาติ (แต่คนไทยไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่นะเท่าที่สังเกต) ข้างในตกแต่งสวยน่านั่งค่ะ มีทั้งนั่งด้านนอกและด้านใน
พาเข้ามาดูนิดนึง คือขึ้นเรือนไทยมาจะเจอพื้นไม้แบบนี้ บรรยากาศเป็นเหมือนเข้ามาในเรือนไทยที่ปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่น ถ้ามาตอนกลางวันจะมองเห็นความร่มรื่นมากกว่านี้ค่ะ
เอกลักษณ์แปลกๆอีกอย่างของร้านนี้ที่สังเกตมานานละ มากี่ทีก็เห็น คือเค้าชอบเอาผ้าพันตุ๊กตาหินไว้แบบนี้ค่ะ ไม่รู้ทำไม เหมือนเป็นตุ๊กตาหินคู่ที่เป็นยามประจำอยู่ตามชานพักบันไดที่ต่างๆ ครั้งแรกที่เห็นก็หลอนนิดๆ แต่คิดไปคิดมาอาจเป็นการดูแลรักษารูปปั้นอีกแบบนึง ไม่เคยมาตอนกลางวันนะ ไม่รู้เค้าเอาผ้าออกตอนกลางวันรึเปล่า แต่มาตอนกลางคืนเห็นห่มผ้าให้แบบนี้ทุกทีเลย ใครมีข้อมูลแชร์ทีนะคะ สงสัยมักๆ
ไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปด้านในมาให้นะคะ ถ่ายแต่ด้านนอกมาให้ดูนะ แต่คอนเฟิร์มว่าด้านในแต่งสวยค่ะ เข้าไปนี่แบบโอ้โห มีตุ๊กตาไม้สลักตัวใหญ่ๆ มีฉากไม้ฉลุ ผ้าม่านไหมไทยสีสันสดใส โซนที่จัดก็สวยและมีความเป็นส่วนตัว หรือจะมากันเป็นกลุ่มก็เหมาะค่ะ
ซอยทางเชื่อมไปโครงการ(หรือฝั่งซอยสุขุมวิท 36)ตอนกลางคืนค่ะ มีรถจอดเต็มถนนฝั่งนึงเลย เดาว่าจอดลงไปหาอะไรกินกันในซอยนี่แหละ
เดินมาซักพักจะเจอป้ายของคอนโด Ashton Morph 38 ขอโทษด้วยนะคะ รูปเบลออออไปหน่อย แต่เอาเป็นว่าพอเราเห็นป้ายนี้ ถ้าเดินไปอีกนิดนึง
ก็จะถึงหน้าคอนโด Ashton Morph 38 ละ เราเดินตรงไปเลยนะคะ จากตรงนี้ เข้าไปด้านในตามทางเดินในสวนข้างอาคาร
ข้างๆล็อบบี้ทางเข้าจะเห็นร้าน The Book Shop อีกร้านที่เป็นของ Ashley Sutton ชาวออสเตรเลียราชาแห่งบาร์แนวแฟนตาซีในซอยทองหล่อ อย่าง Fat Gut’z, Iron Fairies และ Mr. Jones’ Orphanage(อันนี้ร้านเค้ก ล่าสุดไปดูมาที่ Seenspace ทองหล่อซอย 13 เห็นปิดไปละ ใครอยากรู้ร้านแนวไหนไปดูได้ที่สยามเซ็นเตอร์นะคะ) ก็เป็นผลงานเค้าทั้งนั้นค่ะ ส่วนตัวเราไป Iron Fairies (ตั้งชื่อตามนิยายดังที่เค้าเขียน) ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นบาร์เล็กๆมืดๆเหมือนรังแม่มดจน ปัจจุบันนี้ปรับปรุงใหม่ใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น (แต่ก็คงคอนเซปต์ มืดๆ บันไดวน ห้องลับสำหรับสูบบุหรี่ และตุ๊กตากากอยสำริดเหมือนเดิม) ใครสนใจลองเสิร์จหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะคะ
เกริ่นมานาน เปิดไปดูด้านในกันดีกว่า
ด้านในเป็นแบบนี้ค่ะ เห็นแล้วเรานึกถึง Alice in wonderland เลยอะ คือหนังสือมันจะขยับขึ้นลงได้ แล้วก็เป็นแบบ distorted gravity ที่ทำให้นึกถึงเทพนิยายหลายๆเรื่อง (บางคนคิดถึงแฮรี่ พอตเตอร์ เดานะ 555+)
จบแล้วค่ะ สำหรับรีวิวทำเลน่ากินฉบับพกพาของเรา ขอออกตัวก่อนนะคะ ว่าร้านแถวนี้มีเยอะะะะะะมากกกกก ทำให้เราอาจไม่สามารถที่จะพาไปถ่ายได้ทุกร้านโปรดในใจของใครหลายๆคน(และของเราเองด้วย)ได้ครบ แต่ก็อยากให้เป็นรีวิวที่มีประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านที่กำลังหิวนะคะ ส่วนผู้อ่านท่านไหนอ่านแล้วรู้สึกว่ามีร้านในใจที่อยากมาร่วมแชร์ให้ผู้อ่านท่านอื่นทราบด้วยก็จะดีมากค่ะ อย่างเช่น ชอบร้านนี้เพราะอะไร ราคาประมาณเท่าไหร่ อะไรแบบนี้ แล้วเจอกันฉบับหน้านะคะะ : D