POV-Bright-24-Boom-10

Skyscrapper หรือ ตึกระฟ้า หมายถึงตึกที่มีความสูงเริ่มต้น 150 เมตร ส่วนใหญ่จะเป็นสำนักงาน  โรงแรม หรือที่อยู่อาศัย บางครั้งเรียกสั้นๆ ว่า High Rise ปัจจุบันเริ่มใช้คำว่า “Supertall” สำหรับตึกที่สูงกว่า 300 เมตร และ “Megatall”  สำหรับตึกที่สูงกว่า 600 เมตร

110927-GON079-05

ต้นกำเนิดของ Skyscrapper เริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 19 หลังจากความสำเร็จในการพัฒนาเหล็ก คอนกรีตเสริมเหล็ก และปั๊มน้ำ รวมถึงการสร้างลิฟท์ ตึกแรกที่ถูกสร้างขึ้นคือ Equitable Life Building ในนิวยอร์ค แม้ว่าจะสูงแค่ 40 เมตร หลายคนก็พร้อมใจยกตำแหน่ง The First Skyscrapper ให้ เนื่องจากเป็นตึกแรกที่ติดตั้งลิฟท์ไว้ในอาคาร และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาตึกสูงในยุคต่อๆ มา

20120108EquitableEmbed4-custom1

จุดเด่นอีกประการของ Equitable Life Building คือหลังคากันไฟ แต่ในปี 1912 เกิดไฟไหม้ในตึก วันนั้นลมค่อนข้างแรง ทำให้ไฟลุกลามเร็วมาก รถดับเพลิงหลายคันก็เอาไม่อยู่ และระหว่างที่ฉีดน้ำเข้าไปในตึก อุณหภูมิที่ลดลงกะทันหันทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง เกาะอยู่ตามตึก โครงสร้างบางส่วนพังลง เจ้าของตึกตัดสินใจสร้าง Equitable Life Buildingใหม่แทนที่ตึกเดิม คราวนี้เพิ่มความสูงเป็น 40 ชั้น

Skyscraper-Wallpapers-8

เมื่อกาลเวลาผ่านไป วิวัฒนาการก่อสร้างพัฒนาขึ้น Skyscrapper รูปทรงแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น สร้างสีสันให้เส้นขอบฟ้าตามเมืองใหญ่ๆ และ…วันนี้เราจะขอพาไปชม The Top 10 Most Impactful Skylines จากการจัดอันดับของ Emporis เว็บไซต์ที่รวบรวมสถิติของตึกสูงทั่วโลก ส่วนจะมีประเทศไหนบ้าง…ตามมาเลยค่ะ

Printคลิกที่ภาพเพื่อขยาย

เกร็ดเล็กอสังหาฯ: ว่าด้วยเรื่องของ Air Right

newyork_2705424bCredit Photo: Telegraph

เคยสงสัยกันบ้างมั้ยคะ ว่าทำไมตึกสูงในนิวยอร์คถึงสร้างได้เรื่อยๆ บางตึกว่าสูงแล้ว ก็ยังมีตึกที่สูงกว่าขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ผิดกฏหมายรึยังไงนะ?

24AIR1_SPAN-articleLarge-v3

Air Right คือ สิทธิ์บนอากาศเหนือที่ดินของเรา จริงแล้วคำนี้มีที่มาจากกฏหมายโรมันในศตวรรษที่ 13 ที่แปลเป็นภาษาโบราณได้ว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้น ก็ยอมครอบครองอากาศเหนือผืนดินนั้นด้วย” แต่หลังจากเริ่มมีเครื่องบิน ก็เริ่มเกิดการถกเถียงกันเรื่องนี้ จนนำไปสู่ข้อสรุปว่า นับจากตึกขึ้นไปประมาณ 300 เมตร ถือเป็นพื้นที่สาธารณะ เครื่องบินสามารถบินผ่านได้

d244.tdr

เนื่องจากความแออัดของนิวยอร์คทำให้เริ่มมีการหยิบ Air Right มาพิจารณาในอีกแง่มุมหนึ่ง  คือ…ตามหลักของผังเมืองบริเวณนี้จะสามารถสร้างตึกสูง 30 ชั้น แต่เจ้าของที่ดินตัดสินใจสร้างแค่ 3 ชั้น อีก 27 ชั้นที่เหลือเขาสามารถขาย Air Right ให้กับที่ดินบริเวณเดียวกันได้ ซึ่งคนที่ซื้อไปจะสามารถสร้างตึกสูงได้ถึง 57 ชั้น

Christ-Church-which-closed-last-month-on-a-deal-to-sell-about-700001Christ Church

ในปี 2005 มีคนขาย Air Right  ของโบสถ์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ค ด้วยราคา 430$/ ตร.ฟ โดยทั้งหมดคิดเป็นเงิน 30 ล้านดอลลาร์ แต่…ไม่ใช่ว่าที่ดินทุกผืนในนิวยอร์คจะสามารถขายได้ มีการระบุในผังเมืองอยู่ว่าพื้นที่ตรงไหนขายได้และขายไม่ได้ และก่อนที่เราจะทำเรื่องซื้อ-ขาย ผู้ซื้อต้องเสนอโครงการพัฒนาที่ดินให้ทางการพิจารณาก่อน ถ้าพิจารณาแล้วเกิดโทษต่อชุมชนมากกว่า โครงการนี้ก็เป็นอันตกไป

B137Credit Photo: B137

ในอนาคต หลังจากการพัฒนาที่ดินเริ่มถึงจุดอิ่มตัว Air Right น่าจะเริ่มถูกนำมาใช้ในหลายๆ ประเทศ ถึงเวลานั้น ผังเมืองจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เราก็คงต้องดูกันต่อไป 😉