..ขึ้นชื่อว่าเป็นโครงการจาก NYE Estate ย่อมมักจะมาพร้อมกับ Concept การออกแบบที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้วครับ โดยรีวิวในวันนี้จะเป็นโครงการ IRA Residences งามวงศ์วาน ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เน้นความเป็นส่วนตัว และใกล้ความเป็นธรรมชาติ เพราะให้พื้นที่สีเขียวมาเยอะมาก อีกทั้งยังออกแบบให้บ้านอยู่ติดกับสวนส่วนกลาง และทำเลก็จัดว่าดีงาม ซ้ายก็เป็นทางด่วน ขวาก็คือ The Mall ส่วนจุดเด่นหรือ Highlights อื่นๆที่น่าสนใจเราได้รวบรวมมาให้แล้วดังนี้

  • ทำเล : อยู่ในซอยงามวงศ์วาน 6 ที่ลัดไปขึ้นทางด่วนศรีรัชเข้าเมืองได้เพียง 900 m. และยังลัดไปเข้าหลังห้าง The Mall ได้แบบไม่ต้องเสียเวลารถติดบนถนนใหญ่
  • พื้นที่สีเขียว : ให้พื้นที่สวนมาเยอะรวมกว่า 15% อีกทั้งยังเน้นต้นไม้พุ่มใหญ่ที่ให้ร่มเงาด้วย
  • ความเป็นส่วนตัว : จำนวนยูนิตน้อย มีการจัด Landscape ให้ต้นไม้ช่วยพรางสายตา เพิ่มความร่มรื่นและความเป็นส่วนตัวให้กับบ้านพักอาศัยได้ดี
  • การออกแบบ : วางผังบ้านให้อยู่ติดกับสวนส่วนกลาง จัดแปลนบ้านรูปตัว C มี Courtyard ตรงกลางบ้าน และเน้นช่องแสงเยอะ ทำให้มีความโปร่งโล่ง สามารถเชื่อมต่อและได้ใกล้ชิดธรรมชาติ อีกทั้งยังมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ ฟังก์ชันรองรับการอยู่อาศัยได้ทุก Generation

ข้อมูลโครงการ

ไอรา เรซสิเดนซ์ งามวงศ์วาน (IRA Residences Ngamwongwan) ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568

 ชื่อโครงการ   ไอรา เรซสิเดนซ์ งามวงศ์วาน (IRA Residences Ngamwongwan)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท นายณ์ เอสเตท จํากัด
 SEGMENT CLASS   LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ซอย งามวงศ์วาน 6 อำเภอ เมืองนนทบุรี
 ที่ดิน 7-2 -80.3 ไร่
 จำนวนยูนิต 24 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
    • MIRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 67.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 Multipurpose / 1 ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    • LIRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 72.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 410 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 2 Multipurpose / 1 ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

 ราคาเริ่มต้น       29 ล้านบาท*
 เริ่มก่อสร้าง   ปี พ.ศ. 2568
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   n/a
 เว็บไซต์โครงการ   https://pxl.to/iraresidences
 โทร   02-821-5665

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้ทางด่วนศรีรัช 900 m. และ The Mall งามวงศ์วาน เพียง 1.5 km.
  • ทำเลซอยลัดสามารถเชื่อมต่อทำเลได้หลายเส้นทาง โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลารถติดบนถนนใหญ่
  • สามารถเข้าเมืองได้ง่ายมากๆ

พิกัด Google Maps : 13.848544367044084, 100.53571592421311
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

โครงการ IRA Residences งามวงศ์วาน ตั้งอยู่ภายในซอยงามวงศ์วาน 6 เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่ดีเลยสำหรับคนที่มองหาบ้านใกล้ห้าง The Mall งามวงศ์วาน และเน้นเข้าเมืองด้วยทางด่วนศรีรัชเป็นหลัก เพราะซอยนี้เป็นซอยลัดที่ด้านซ้ายเป็นทางด่วน และขวาเป็น The Mall ที่สามารถไปเข้าห้างจากทางด้านหลังได้อีกด้วย นับว่าเป็นทำเลที่สะดวกสุดๆ เพราะไม่ต้องเสียเวลารถติดบนถนนใหญ่ อีกทั้งยังเชื่อมต่อซอยดวงมณีไปยังศูนย์ราชการและแยกติวานนท์ได้อีก ส่วนใครที่อยากนั่งรถไฟฟ้าก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางเลี่ยงรถติดได้ครับ

ภาพรวมของอสังหาฯในทำเลนี้ บอกเลยว่าโครงการระดับ Luxury พื้นที่ใช้สอยเยอะๆแบบนี้ ยังมีตัวเลือกไม่มากนัก เพราะบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่มักจะอยู่ทางฝั่งธนหรือบางใหญ่ ที่ต้องใช้เวลาข้ามแม่น้ำในการเข้าเมือง ดังนั้นโครงการ IRA Residences จึงเหมาะกับคนที่ต้องการมองหาบ้านเดี่ยวฝั่งตัวเมือง ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก และใช้ทางด่วนเข้าเมืองได้ง่าย ทั้งนี้ก็แลกมากับราคาค่าตัวที่สูงขึ้นตามไปด้วยเหมือนกันนะครับ แต่หากใครที่มีงบอยู่ราวๆ 30 – 40 ล้านบาทขึ้นไปอยู่แล้ว โครงการนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ลองซูมเข้ามาดูเส้นทางในซอยใกล้ๆกันหน่อย โดยหลักๆเราก็น่าจะได้ใช้แน่ๆอยู่ 2 ซอยคือ

  • ซอย งามวงศ์วาน 6 : เป็นซอยเข้า-ออกหลักของโครงการ ถ้าใครจำได้นี่ก็จะเป็นทางเบี่ยงออกมาด้านซ้ายมือก่อนจะถึงด่านเก็บเงินขึ้นทางด่วนนั่นเองครับ ซึ่งก็เลยทำให้ทำเลนี้สามารถขับมาขึ้นทางด่วนได้สะดวกมากๆนั่นเอง (ระยะทางประมาณ 900 m.)
  • ซอย จุฬาเกษม 6 : เป็นซอยลัดที่สามารถเชื่อมต่อไปออกถนนใหญ่ และสามารถไปเข้าประตูหลังของห้าง The Mall Ngamwongwan ได้สะดวกอีกด้วย (ระยะทางประมาณ 1.5 km.) ใครที่ชอบเดินห้างหรือช้อปปิ้งที่ The Mall อยู่แล้วรับรองว่าถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน

สำหรับทางด่วนเราจะอยู่ห่างจากด่านเก็บเงินประมาณ 900 m. เท่านั้น เรียกได้ว่าสะดวกและแทบจะไม่จำเป็นต้องเผื่อเวลาไปขึ้นทางด่วนเลยครับ

และถ้าเป็นขากลับเราก็สามารถวนรถกลับเข้ามายังโครงการ ด้วยเส้นทางเดิมได้แบบไม่จำเป็นต้องออกไปรถติดบนถนนใหญ่ได้แบบนี้เลยครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นชุมชนพักอาศัย ทำให้มีความเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย ส่วนโรงเรียนสอนฟุตบอลอยู่ใกล้ๆ วันที่เราไปไม่ได้ยินเสียงรบกวนอะไรนะครับ และถนนซอยหน้าโครงการก็จะมีรถผ่านไป-มาอยู่ตลอด ไม่เปลี่ยวเลย เพราะก็มีหลายๆคนใช้เป็นทางลัดเหมือนกัน

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัย 1 – 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัยและโรงเรียนสอนฟุตบอล
  • ทิศใต้ ติดกับ ถนนซอยจุฬาเกษม และบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันตก เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ ถนนซอยงามวงศ์วาน 6 ที่ว่าง และบ้านพักอาศัย

ส่วนภาพนี้จะเป็นบรรยากาศของถนนซอยงามวงศ์วาน 6 ที่อยู่หน้าโครงการนะครับ บรรยากาศเงียบสงบดูเรียบร้อยดี

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ศูนย์การค้า / ตลาด 

  • The Mall งามวงศ์วาน ~ 1.5 km.
  • โลตัส พงษ์เพชร ~ 2.5 km.
  • โฮมโปร ประชาชื่น ~ 2.6 km.
  • Pantip งามวงศ์วาน ~ 2.9 km.
  • Esplanade งามวงศ์วาน – แคราย ~ 3.1 km.
  • เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ~ 5.5 km.
  • Makro แจ้งวัฒนะ ~ 8.8 km.
  • IT Square ~ 10.1 km.
  • IMPACT เมืองทองธานี ~ 10.2 km.
  • เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ~ 10.8 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลนนทเวช ~ 1.7 km.
  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ~ 3 km.
  • โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 7.9 km.

สถานศึกษา

  • มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ~ 4 km.
  • St. Andrews Samakee International School ~ 7 km.
  • International School Bangkok (ISB) ~ 7 km.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ~ 7.5 km.

สถานที่ราชการ

  • กระทรวงสาธารณสุข ~ 1.6 km.
  • สำนักงานขนส่งจังหวัดนนทบุรี ~ 3.4 km.
  • ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ~ 4.1 km.
  • การประปานครหลวง ~ 5.1 km.

การคมนาคม

  • ทางด่วนศรีรัช ~ 900 m.
  • สถานีแยกติวานนท์ (สีม่วง) ~ 2.5 km.
  • สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (สีชมพู) ~ 2.9 km.
  • สถานีบางเขน (สีแดง) ~ 4.4 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • บ้านติดสวนส่วนกลางของโครงการ มีให้เลือก 2 โซน
  • ให้พื้นที่สีเขียวมาเยอะถึง 15%
  • มีความเป็นส่วนตัวสูง เพื่อนบ้านน้อย และออกแบบให้ต้นไม้ช่วยพรางสายตาได้ดี
  • Fitness เปิดตลอด 24 ชม.

IRA Residences แบรนด์ใหม่จาก NYE Estate :

เป็นอีกหนึ่ง Developer ที่โดดเด่นด้านการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมากครับ ซึ่งหากเราพูดชื่อแบรนด์หลายๆคนน่าจะต้องเคยได้ยินหรือรู้จักอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Quarter / Cherkoon และ Kraam สุขุมวิท 26

โดยล่าสุดได้เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ IRA Residences และครั้งแรกที่เราได้เห็นคอนเซ็ปต์การออกแบบก็ชวนให้นึกถึงแบรนด์รุ่นพี่อย่าง Quarter ขึ้นมาทันที เพราะจะมีการวางตำแหน่งบ้านให้อยู่ติดกับส่วนกลางเหมือนกัน

แต่สิ่งที่ต่างกันคือ IRA จะเน้นเป็นพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติมากกว่า (Quarter จะเน้นติดสระว่ายน้ำด้วย) รวมถึงยังได้เป็นบ้านเดี่ยวที่มีระดับ Segment ราคาอยู่ในช่วง 30 – 40 ล้านบาท เปิดตัวที่แรกในทำเลงามวงศ์วาน กับโครงการ IRA Residences งามวงศ์วาน จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างไรบ้างไปชมกันเลยครับ

ผังโครงการจะมีเพื่อนบ้านเพียง 24 ยูนิต บนพื้นที่ขนาด 7-2 -80.3 ไร่ เรียกได้ว่าเป็นโครงการจัดสรรขนาดเล็กที่มีความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ ลักษณะการวางผังบ้านที่จะอยู่ติดกับสวนสาธารณะของโครงการ กลายเป็นบ้านติดสวนที่ได้ทั้งวิวและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากๆ ซึ่งเราเชื่อว่าไม่มีโครงการไหนในย่านที่ทำคอนเซ็ปต์แบบนี้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้โครงการยังมีพื้นที่สีเขียวรวมกันมากถึง 15% (ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายจัดสรรกำหนดไว้ที่ 5% หรือ 3 เท่า) โดยสวนจะมีอยู่ 2 โซนด้วยกัน ปัจจุบันเปิดเฟสแรกเป็นสวนที่ชื่อว่า Vela Park เน้นเป็นพื้นที่พักผ่อนริมสระน้ำ และโซนต่อไปในอนาคตจะเป็นสวนชื่อ Viva Park เน้นเป็นโซนสนามเด็กเล่น นอกจากนี้ยังมี Jogging Track ที่สามารถวิ่งเชื่อมต่อที่สวนและรอบโครงการได้อีกด้วย ดังนั้นใครที่ชอบธรรมชาติและรักความเป็นส่วนตัว โครงการนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ

ทางเข้าโครงการจะมีซุ้มประตูที่ด้านบนเป็น Clubhouse โดยทางเข้า-ออกจะแยกกันชัดเจน และมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง

ระบบการเข้าจะใช้เป็น RFID โดยใช้สัญญาณ Bluetooth ในการเปิดประตูเหล็กแบบอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีกล้อง CCTV เป็นมาตรฐานด้วย และถ้าใครที่เป็น Visitor ก็จะต้องติดต่อแลกบัตรกับพี่ รปภ. ก่อนนะครับ

นอกจากนี้ยังมีระบบ Video Door Phone ที่จะโทรไปหาเจ้าของบ้านให้สามารถกดเปิดประตูให้ได้ทันที และมีระบบ QR Code สำหรับ Visitor ชั่วคราว (ผ่านระบบ Application) ซึ่งสามารถลงทะเบียนแล้วส่ง QR Code ให้สแกนผ่านประตูเข้ามาได้เลย เรียกได้ว่าทั้งสะดวกและปลอดภัยมากๆครับ

เข้ามาด้านในเราจะเจอกับสวน Vela Park เป็นส่วนต้อนรับก่อนเลยครับ ทำให้รู้สึกสดชื่นและช่วยปรับอารมณ์เวลาเข้า-ออกได้เป็นอย่างดี

ภายในมีการปลูกต้นไม้ที่ดูร่มรื่นมากๆ โดยเค้ามีการจัด Landscape มาอย่างดี ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงประโยชน์ต่างๆด้วย เช่น

  • ความสูงของต้นไม้ : จะมีการไล่ระดับกันตั้งแต่ 3.5 , 4 , 6 และ 8 m. ซึ่งแต่ละ Layer ของพุ่มไม้จะช่วยบังแดดและพรางสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่มาใช้งานสวนและคนที่อยู่อาศัยในบ้านที่อยู่ติดสวนได้เป็นอย่างดี
  • ถมดินด้านข้างให้ไล่ระดับเป็นเนินสูงขึ้นมา : นอกจากช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวแล้ว ดินยังมีส่วนช่วยลดอุณหภูมิลง ทำให้เวลามาเดินเล่นในสวนเราจะรู้สึกเย็นสบายมากขึ้นนั่นเองครับ

ทางด้านซ้ายมือจะเป็น Terrace และบ่อปลาคราฟขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถมานั่งเล่นฟังเสียงน้ำไหล และดูน้องๆปลาว่ายน้ำเพลินๆได้ครับ

ส่วนด้านในสุดเดินมาเรื่อยๆเราจะเจอกับ Pet Area

บริเวณนี้ก็จะมีที่นั่งเล่นและสวนให้น้องๆสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นกันได้ ซึ่งจะมีรั้วรอบขอบชิดครับ รวมถึงจะมีกฎระเบียบพื้นฐานให้ปฏิบัติตามด้วย เช่น ถ้าไม่ได้อยู่ในรั้วนี้จะต้องใส่สายจูงตลอดเวลา หรือต้องทำความสะอาดทุกครั้งเวลาน้องๆทำธุระเสร็จแล้ว เป็นต้น

กลับมาที่ Clubhouse กันครับ โดยด้านหน้าจะมีที่จอดรถให้ใช้งานด้วย ใครไม่สะดวกเดินมาก็ขับรถมาจอดได้สบายๆ รวมถึงสำนักงานขายปัจจุบันก็สามารถมาติดต่อที่ตรงนี้ได้เลย

ทางเข้าโครงการจะมีให้เลือกทั้งแบบเดินขึ้นบันได และมีลิฟต์โดยสารให้ใช้งานด้วย ส่วนห้องกระจกชั้นล่างจะเป็นห้องของนิติบุคคลนะครับ

บนชั้น 2 ไม่ว่าจะออกมาจากลิฟต์ หรือเดินขึ้นบันไดมาก็จะเจอกับ Foyer ก่อนแบบนี้ เราว่าสำคัญนะครับ เพราะเวลามีคนสัญจรผ่านไป-มา ก็จะได้ไม่รบกวนคนที่ใช้งานอยู่ในห้องด้านในนั่นเอง

ภายในจะเป็น Lounge ขนาดใหญ่ ที่เราสามารถใช้รับรองแขกหรือจะมานั่งเล่นพักผ่อนก็ได้ครับ โดยเค้าจะแบ่งที่นั่งออกเป็นหลายๆโซนเลย อย่างตรงนี้ก็จะเป็นโซฟาตัวใหญ่ให้นั่งกันได้หลายๆคน

อีกด้านหนึ่งของห้องยังมีเคาน์เตอร์บาร์ทรงสูง และชุดโซฟาตัวเล็กสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวให้ใช้งานด้วย

บริเวณริมหน้าต่างก็จะมีโซฟาตัวยาวให้นั่งชิลๆ พร้อมโต๊ะตัวเล็กให้นำคอม/ไอแพด มากดทำงานกันได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องจะมีการกั้นกระจกทำเป็น Meeting Room สำหรับคนที่ต้องการประชุมงานหรือความเป็นส่วนตัวพิเศษ ก็สามารถมาจองห้องเพื่อใช้งานกันได้เลย

ก่อนจะขึ้นไปดูชั้น 3 กันต่อ แวะมาบอกเพิ่มสักนิดครับว่า ด้านขวาของลิฟต์จะมีทางเดินไปห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้ใช้งานกันด้วยนะ

สำหรับชั้น 3 จะเป็นโซนออกกำลังกายแนว Active Function โดยมีสระว่ายน้ำเป็น Highlight หลัก ซึ่งเป็นสระแบบกลางแจ้งที่เหมาะจะมาใช้งานตอนแดดร่มๆได้ครับ

นอกจากนี้ยังมีการแบ่งเป็นสระเด็กและบ่อ Jacuzzi แบบนี้ด้วย โดย Highlight หลักของสระก็คือ เราสามารถว่ายน้ำหรือนั่งแช่ Jacuzzi ไปพร้อมกับชมวิวสวนที่อยู่ด้านล่างก่อนหน้านี้ได้ด้วยครับ ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่นแบบสุดๆ เหมือนได้มาพักผ่อนตากอากาศที่รีสอร์ทเลย

อีกด้านของสระจะเป็นห้องน้ำและ Shower สำหรับล้างตัวก่อนลงสระครับ

สุดท้ายคือ Fitness อันนี้ก็เป็นทีเด็ดเหมือนกัน เพราะเป็นฟังก์ชันที่เปิดใช้งาน 24 ชม. ตอบโจทย์ Lifestyle ของคนที่แตกต่างกัน ใครสะดวกช่วงเวลาไหนก็สามารถมาใช้งานได้ตลอดเวลาเลยครับ

ภายในมีอุปกรณ์ที่ครบครัน รวมถึงสามารถชมวิวสระว่ายน้ำ + สวนที่อยู่ด้านนอกได้อีกด้วย

สำหรับสวนในโซนที่ 2 ชื่อว่า Viva Park ปัจจุบันยังไม่ได้เห็นของจริง เราเลยนำรูปจำลองมาฝากก่อนนะครับ โดยสวนแห่งนี้จะเน้นเป็นพื้นที่สนามเด็กเล่นและจุดนั่งเล่นพักผ่อน

ใครที่มีลูกหลานก็อาจเหมาะกับบ้านในโซนนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะเมื่อเด็กๆเปิดประตูบ้านออกมาก็สามารถมาเล่นเครื่องเล่นได้เลย โดยที่ผู้ปกครองก็สามารถนั่งดูแลจากในบ้านหรือในสวนข้างๆกันได้นั่นเอง

สุดท้ายจะเป็น Jogging Track ของโครงการ ที่เราสามารถวิ่งเชื่อมต่อสวนทั้ง 2 โซนและรอบๆโครงการได้ ซึ่งก็จะมีเส้นทางที่จะสามารถวิ่งผ่านบ้านหลังอื่นๆด้วยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Lounge
  • Meeting Room
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 5 x 15 m.
  • Kids Pool
  • Jacuzzi
  • Fitness 24 ชม.
  • สวนสาธารณะ 2 โซน รวมพื้นที่สีเขียวทั้งหมดประมาณ 15%
  • Viva Park ประกอบด้วย
  • Playground (สนามเด็กเล่นพร้อมเครื่องเล่นกลางแจ้ง)
  • Relaxation Area (พื้นที่นั่งพักผ่อนและทำงานใต้ต้นไม้)
  • Reflexology Path (ทางเดินนวดฝ่าเท้า)
  • Vela Park ประกอบด้วย
  • The Terrace & Pond (พื้นที่พักผ่อนริมน้ำ)
  • Pet Friendly Area (พื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยง)
  • Jogging Track รอบโครงการ 620 m.
  • ถนนหลักกว้าง 10 m. และถนนซอยกว้าง 9 m. (รวมทางเท้า)
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 m. และระแนงบังสายตา 1 m. รวมสูง 3.5 m.
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบรั้วเหล็กไฟฟ้า เปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบ RFID โดยใช้สัญญาณ Bluetooth พร้อม Video Door Phone และระบบ QR Code สำหรับ Visitor ชั่วคราว (ผ่านระบบ Application)
  • เดินสายไฟจากเสาไฟฟ้าเข้าบ้านจะร้อยท่อลงดิน

แบบบ้าน

Highlights :

  • พื้นที่ใช้สอยเยอะ ฟังก์ชันตอบโจทย์สำหรับการอยู่อาศัยร่วมกันทุก Generation มีลิฟต์ส่วนตัวให้ใช้งานขึ้น-ลงสะดวก
  • แปลนบ้านรูปทรง C Shape มี Courtyard ตรงกลาง ทำให้มีช่องแสงเยอะ บ้านสว่างโปร่งโล่ง ทุกฟังก์ชันสามารถมองเห็นธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวได้ทั้งหมด
  • Ventilation หรือการระบายอากาศดีมาก ทุกฟังก์ชันจะมีช่องหน้าต่างอย่างน้อย 2 ด้านเสมอ ทำให้มีลมพัดผ่านถ่ายเทอากาศได้ดี
  • มีแบบบ้าน 2 แบบที่มีตำแหน่ง Double Volume อยู่คนละชั้นกัน ทำให้มีบรรยากาศและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันชัดเจน

โครงการ IRA Residences งามวงศ์วาน เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นสไตล์ Tropical Modern จุดเด่นคือ พื้นที่ใช้สอยเยอะ และช่องแสงที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ทำให้ภายในบ้านสว่างโปร่งโล่ง สามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ทุกจุดของบ้าน อีกทั้งยังมี Ventilation ที่ดี ลมสามารถพัดผ่านเพื่อระบายอากาศและความร้อนได้ดีเลยครับ ซึ่งแบบบ้านก็จะมีให้เลือก 2 ขนาด M และ L ดังนี้

  • MIRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 67.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 Multipurpose / 1 ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
  • LIRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 72.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 410 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 2 Multipurpose / 1 ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

วัสดุและโครงสร้างหลักของบ้าน

  • โครงสร้างบ้าน : คอนกรีตเสริมเหล็ก + ก่ออิฐมวลเบา และ Aluminium Formwork (เฉพาะแปลงที่ 1 – 4)
  • ที่จอดรถ : พื้นที่ใต้หลังคา = ลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน (ลึก 21 m.) พร้อมปูกระเบื้อง / พื้นที่นอกหลังคา = ลงเสาเข็มลึก 6 m. มาให้จนถึงรั้วบ้าน พร้อมปูกระเบื้อง
  • ประตูรั้วบ้าน : เหล็กรางเลื่อน พร้อมเตรียม Junction ติดตั้งประตูอัตโนมัติ
  • ประตูทางเข้าหลัก : Tostem ลายไม้ พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock
  • บันได : โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิว SPC ลายไม้ พร้อมติดตั้งไฟส่องสว่างที่ควบคุมด้วย Motion Sensor อัตโนมัติ
  • พื้นชั้น 1 : กระเบื้อง Porcelain ขนาด 1.2 x 0.6 m.
  • พื้นชั้น 2 : Ultra Engineering Wood หนา 9.5 m. ผิวไม้โอ้ค
  • พื้นในห้องผู้สูงอายุ : พื้นลดแรงกระแทก Absorption Floor
  • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ : ยี่ห้อ TOTO พร้อมโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติใน Powder Room และ Master Bedroom + อ่างอาบน้ำจาก Christina
  • ถังขยะและแท้งค์น้ำ : ยี่ห้อ Dos
  • ฝ้าเพดาน : แต่ละชั้นสูง 3 m. และ Double Volume สูง 6.5 m.
  • ลิฟต์โดยสารส่วนตัว : ยี่ห้อ Hitachi จุได้ 200 กิโลกรัม
  • ระบบไฟ : 3 เฟส ขนาด 30/100 มี Junction รองรับ EV Charger
  • สัญญาณกันขโมย : ระบบ Door Sensor (Magnetic & Shock Sensor) บริเวณประตูชั้น 1 ,Motion Sensor 1 ตัวบริเวณชั้น 1 และกล้อง CCTV 2 ตัว บริเวณหน้าบ้าน 2 ด้าน
  • พื้นที่สีเขียว : จัดสวนให้เป็นมาตรฐาน ปลูกหญ้า พร้อมปลูกต้นไม้ใหญ่ที่ Courtyard กลางบ้านให้ 1 ต้น (Type M = ต้นทองกวาว / Type L = ต้นมั่งมี)

  • LIRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 72.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 410 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 2 Multipurpose / 1 ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

แบบบ้านไซส์ L ของโครงการ มีจุดเด่นคือ แปลนบ้านรูป C Shape ที่จะมี Courtyard ตรงกลางบ้าน ทำให้ช่วยเพิ่มช่องแสงให้เข้าถึงทุกฟังก์ชัน อีกทั้งห้องนอนทุกห้องยังได้ช่องแสงอย่างน้อย 2 ด้าน ซึ่งส่งผลในเรื่องการระบายอากาศที่ดีด้วยครับ โดยแบบบ้านทั้ง 2 Type จะมีจุดเด่นลักษณะแบบนี้เหมือนๆกัน แต่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องขนาดและฟังก์ชันหลักบางจุดดังนี้

สำหรับแบบบ้าน LIRA ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่รับแขก ทานอาหาร และส่วน Service ของแม่บ้าน โดยจะแยกโซนกันอย่างชัดเจนไม่รบกวนกัน อีกทั้งการสัญจรขึ้น-ลงก็จะมีลิฟต์โดยสารส่วนตัวให้ใช้งานด้วยครับ และนั่นก็คืออีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการนี้ ที่หากใครมีผู้สูงอายุหรืออยู่ร่วมกันหลาย Generation ก็เหมาะที่จะอยู่บ้านหลังนี้ได้หมดเลย

แปลนชั้น 2 นับว่าเป็น Highlight หลักของบ้านหลังนี้เลยครับ เพราะพื้นที่ Living Area บนนี้จะมีส่วนที่เป็น Double Volume มีความสูงโปร่งพิเศษ อีกทั้งยังล้อมรอบด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นต้นไม้หรือธรรมชาติได้ตลอดเวลา มีประตูเปิดออกสู่ระเบียงใหญ่ให้ออกไปสัมผัสธรรมชาติกันได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงยังมีห้องนอนแยกอีก 2 ห้อง หนึ่งในนั้นเราสามารถทำเป็นห้องผู้สูงอายุได้นะ ซึ่งการอยู่ร่วมกับพื้นที่ส่วนรวมของบ้านแบบนี้ ก็ช่วยทำให้ผู้สูงอายุได้ใกล้ชิดกับลูกหลานมากขึ้นได้ด้วยนั้นเองครับ

แปลนชั้น 3 เป็นห้อง Master Bedroom ที่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นเลยทีเดียว มาพร้อมระเบียงและห้องน้ำขนาดใหญ่ในตัว ส่วนห้องนอนอีกห้องหนึ่งก็จะอยู่แยกเป็นสัดส่วนเหมือนกันครับ ภาพรวมเราว่าแบบบ้าน LIRA เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ และคนที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัวมากๆ เพราะจะเห็นว่าเค้าแยก Living Area ของเจ้าของบ้านมาอยู่ชั้นบน ซึ่งชั้นล่างเราก็ยังสามารถใช้รับแขกได้แบบไม่เสียความเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย

เริ่มกันที่หน้าบ้านของบ้านเปล่ามาตรฐาน ดีไซน์ผนังเน้นความเรียบง่ายและส่วนใหญ่เป็นผนังทึบ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวที่สูง แต่หากเข้าสู่ด้านในบ้านจะมีความโปร่งโล่งต่างจากที่เห็นภายนอกมากๆ เดี๋ยวเราเข้าไปดูกันอีกทีครับ

ฟังก์ชันและวัสดุหลักๆที่ให้บริเวณหน้าบ้านฝั่งที่จอดรถ ประกอบด้วย

  • ประตูรั้วเหล็กรางเลื่อน แบบที่สามารถโค้งเข้ามุมได้ ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการเปิด รวมถึงทางโครงการจะทิ้ง Junction เอาไว้ให้ติดตั้งประตูอัตโนมัติเอาไว้ให้ด้วยครับ
  • แท้งค์น้ำและถังขยะจาก Dos ที่สามารถเปิดใช้งานได้ 2 ฝั่งสะดวก อย่างที่บอกครับว่าด้านนี้เป็นหน้าบ้านฝั่งที่จอดรถ การนำส่วน Service เหล่านี้มารวมไว้จุดเดียว ก็จะทำให้อีกด้านที่เป็นฝั่งหน้าบ้านติดสวนจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ และมีความสวยงามมากขึ้นนั่นเอง

พื้นที่จอดรถกว้าง 7.75 m. สามารถจอดรถได้ 3 คันสบายๆ แน่นอนว่าสามารถจอดพวก Super Car ได้ด้วยครับ โดยพื้นก็จะลงเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้านมาจนถึงแนวเสาเลย รวมถึงจะปูกระเบื้องมาให้เรียบร้อยแบบนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีทางลาดให้ใช้งานได้ง่าย มาพร้อมกล้อง CCTV + Junction EV Charger และห้องเก็บของ

ส่วนจุดที่แตกต่างจากบ้านทั่วไปคือ จะมีประตูแยกกันระหว่างประตูหลักของเจ้าของบ้าน (ยี่ห้อ Tostem ทำลวดลายไม้พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock) และประตูส่วน Service ของแม่บ้านที่จะแยกโซนไม่รบกวนกันเลย (ประตูระแนงเหล็กด้านซ้ายมือ)

เมื่อเข้ามาในบ้านเราจะเจอกับ Foyer เป็นส่วนต้อนรับ อีกทั้งยังมองเห็น Courtyard ตรงกลางบ้านสวยๆได้อีกด้วย แต่เราจะยังมองไม่เห็นส่วนอื่นๆด้านในบ้านครับ ก็เลยทำให้ยังมีความเป็นส่วนตัวอยู่นั่นเอง โดยจุดนี้เราก็สามารถทำเป็นที่ใส่รองเท้า หรือทำตู้เก็บรองเท้าเพิ่มได้อีกด้วยนะ

เลี้ยวซ้ายมาอีกด้านหนึ่งเราจะเจอกับโถงทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังลิฟต์ บันได และสุดทางก็จะเป็น Common Area ซึ่งก็จะต้องเดินผ่าน Courtyard ที่อยู่ด้านข้างไปด้วย

บอกได้เลยว่าสว่างโปร่งโล่งมากๆครับ เราชอบตอนที่แสงส่องผ่านพุ่มไม้ลงมาตกกระทบที่พื้นมากๆ (ดูได้จาก Gallery บ้านเปล่าตอนท้ายรีวิวบ้านหลังนี้ได้นะ)

Courtyard ตรงกลางของจริงจะปูหญ้า และปลูก ‘ต้นมั่งมี’ มาให้ครับ ซึ่งนอกจากชื่อพันธุ์ไม้จะเป็นมงคลแล้วก็ยังเป็นต้นที่ให้ร่มเงาได้ดีด้วย ส่วนบริเวณใต้ต้นไม้เราก็สามารถจัดสวนในแบบที่เราชอบได้เลย หรือจะทำบ่อปลา/มุมน้ำตกก็ได้

กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง บริเวณนี้คือ Common Area ที่จะอยู่ติดกับโซนหน้าบ้านและสวนส่วนกลางของโครงการ โดยจะมีขนาดใหญ่และกว้างเท่ากับตัวบ้านเลยครับ สามารถแบ่งโซนการใช้งานได้ 2 ฝั่ง ด้านหนึ่งจัดเป็นโซนโซฟาสำหรับนั่งเล่นและรับแขกได้แบบนี้

นอกจากนี้ยังสามารถเปิดประตูกระจกเชื่อมต่อไปยังเฉลียงที่อยู่ด้านนอกได้ด้วย บอกเลยว่าตอนเย็นๆแดดร่มๆน่าออกมานั่งตากลมมากๆครับ รวมถึงบ้านที่อยู่ติดสวนแบบนี้ก็จะมีประตูเล็กๆ ให้เปิดเชื่อมต่อไปเดินเล่นในสวนส่วนกลางได้อีกด้วย

สำหรับบ้านมาตรฐานเราจะได้เป็นพื้นปูหญ้ามาให้นะครับ โดยขอบเขตที่ดินจะถึงจุดที่เป็นรั้วปูนและแนวต้นไม้ขวามือ ซึ่งเป็นความตั้งใจของโครงการที่อยากเน้นเป็นรั้วต้นไม้แบบนี้

เพราะอยากให้บ้านมีความโปร่งและได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด โดยอนาคตต้นไม้เหล่านี้ก็จะเติบโตและสูงมากขึ้นกว่านี้ ทำให้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยก็จะมากขึ้นไปด้วยนั่นเองครับ

กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง อีกด้านหนึ่งจะเป็นโซนสำหรับวางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งกว้างมากพอที่จะใช้เป็นโต๊ะใหญ่ๆ 10 ที่นั่งเลยก็ได้ หรือจะแบ่งพื้นที่ทำเป็นมุม Pantry เหมือนบ้านตัวอย่างก็ได้ เพราะทางโครงการใส่ใจทำ Junction งานระบบเผื่อเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย

อีกจุดที่ชอบก็คือมุมเล็กๆตรงนี้ครับ ไอเดียของบ้านตัวอย่างจัดเป็นมุมนั่งเล่นให้ดู เราว่ามีความเป็นส่วนตัวแยกจากโซนรับแขกดี หรือใครจะปรับเป็นฟังก์ชันอื่นๆก็ได้

บริเวณด้านหลังของเราจะเป็นทางไปโซน Service อื่นๆของบ้าน ประกอบด้วยห้องน้ำ ห้องเก็บของ และห้องครัว

เริ่มที่ห้องน้ำแบบ Powder Room ภายในกว้างขวาง สามารถใช้งานสำหรับแขกและคนในครอบครัวได้ที่อยู่ชั้นล่างได้ โดยสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นของ TOTO แถมเรายังได้เป็นโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติด้วยนะครับ (ได้เฉพาะ 2 ห้องคือ ห้องน้ำนี้และในห้องนอนใหญ่)

ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องเก็บของเล็กๆ (ด้านซ้าย) และประตูที่เชื่อมต่อไปยังห้องครัว ซึ่งภายในของจริงจะเป็นห้องโล่งๆนะครับ เราสามารถต่อเติมเพิ่มในแบบที่ต้องการได้เลย

ขนาดของครัวจะกว้าง 2 x 3.2 m. รวมถึงมีช่องหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้ด้วย

เปิดประตูถัดมาเราจะเจอกับโซนของ Maid ซึ่งจะแยกพื้นที่ทำงานและพื้นที่อยู่อาศัยออกจากพื้นที่ของเจ้าของบ้านชัดเจนมาก โดยหลักๆตรงนี้ก็สามารถทำเป็น Laundry และวางพวกโต๊ะทานอาหารเล็กๆของแม่บ้านได้ครับ

อย่างที่เราบอกว่าโซนนี้จะมีประตู ที่เปิดเชื่อมต่อมาจากพื้นที่จอดรถในตอนแรกใช่มั้ยครับ ซึ่งหากเราเปิดอีกประตูที่อยู่ข้างบ้านพร้อมกัน (เป็นที่เอาไว้ตากผ้าได้) ก็จะทำให้มีลมพัดโปร่งเย็นสบายมากๆเลยทีเดียว

ส่วนฟังก์ชันอื่นๆของโซน Maid ก็จะประกอบด้วย ห้องนอนขนาด 2 x 2 m. + ห้องน้ำ และมีห้องเก็บของเล็กๆให้ใช้งานด้วย ซึ่งเรามองว่าโซนนี้ค่อนข้างจำเป็นสำหรับบ้านไซส์นี้นะครับ ยิ่งเป็นครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย ก็อาจต้องมีแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงคอยอยู่ช่วยดูแล 24 ชม.นั่นเอง

การขึ้นไปยังชั้น 2 จะมีลิฟต์โดยสารส่วนตัวให้ใช้งาน ดังนั้นใครที่มีผู้สูงอายุหรือคนที่ใช้วีลแชร์อาศัยอยู่ด้วยก็จะสะดวกมากๆ

ส่วนบันไดก็จะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความแข็งแรง และเวลาเดินก็จะไม่มีเสียงดังรบกวนเลย ลักษณะบันไดจะวนรอบตัวลิฟต์ตรงกลาง พร้อมมีช่องแสงเล็กๆให้บานหนึ่ง

แต่ที่เราชอบมากๆคือ เค้าจะติดตั้งไฟส่องสว่างตรงขั้นบันไดมาให้ด้วย ซึ่งจะเปิดให้อัตโนมัติด้วยระบบ Motion Sensor เวลาที่เราเดินมาถึงบันไดก็จะสว่างขึ้นมาทันทีเลยนั่นเอง

ส่วนบริเวณโถงทางเดินชั้น 2 ก็จะได้แสงสว่างโปร่งโล่งจากช่องแสงของ Courtyard และมีความกว้างของทางเดิน 1.9 m. ใช้งานได้สะดวก

ห้องนอนเราขอเริ่มจากโซนหน้าบ้านฝั่งที่จอดรถก่อนนะครับ Highlight ของห้องนี้คือ ตรงกลางจะมีระเบียงขนาดใหญ่คั่นอยู่ (เป็นช่องแสงเดียวกับที่เห็นครั้งแรกตรงที่จอดรถ) ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มแสงสว่างกับห้องได้ดีแล้ว ยังช่วยแบ่งโซนฟังก์ชันได้ชัดเจนดีอีกด้วย

อีกทั้งเรายังชอบไอเดียที่เค้าปลูกต้นไม้กระถางเอาไว้ เพราะจะช่วยให้ห้องนี้มองเห็นพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้นอีกด้านได้ (แม้ว่าจะไม่ใช่ฝั่งที่อยู่ติดกับสวนก็ตาม) หรือใครจะเอาพวกโต๊ะเก้าอี้ไว้ออกไปนั่งรับลมด้านนอกก็ได้นะ

ด้านซ้ายของห้องจะเป็นโซนวางเตียงนอนครับ ซึ่งก็จะมีขนาดใหญ่สามารถแบ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นด้านข้างเพิ่มแบบนี้ได้ด้วย

ติดกันจะเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับ Courtyard และใช่แล้วครับห้องนี้มีระเบียงอีกจุดหนึ่งให้ใช้งาน แต่จุดที่เราชอบจริงๆคือเรื่อง Ventilation ที่หากเปิดประตู/หน้าต่างของระเบียง 2 ด้านพร้อมๆกัน ก็จะทำให้มีลมพัดผ่านได้ดีมากๆเลยนั่นเอง

ซึ่งหากมองลงไปก็จะเห็นสวนสวยๆที่เราจัดไว้ได้ รวมถึงยังเห็นห้องอื่นๆได้ทั้งหมดเลย

อีกด้านของห้องจะเป็นโซนแต่งตัวและห้องน้ำแยกออกไปเป็นสัดส่วน

พื้นที่หน้าห้องน้ำมีขนาดใหญ่และสามารถทำ Walk-in Closet แบบจริงจังได้เลย

ส่วนภายในห้องน้ำก็มีสุขภัณฑ์จาก COTTO และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน

จุดที่เราชอบคือ มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ช่วยทำให้ห้องสว่างและเปิดระบายอากาศ + ความชื้นได้ดี

ส่วนบริเวณพื้นที่อาบน้ำของจริงจะไม่ได้กั้นกระจกมาให้นะครับ (สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้เอง) ภายในกว้าง 0.9 x 1.3 m. ใช้งานได้สบายๆ รวมถึงจะติดตั้ง Rain Shower แบบนี้มาให้เลย และที่ต้องเพิ่มเองอีกหน่อยก็คือที่วางสบู่นั่นเอง

ต่อมาเราจะไปดูอีกฝั่งหนึ่งของบ้านกันครับ ซึ่งเราลืมบอกไปว่าพื้นชั้น 2 และ 3 จะเป็น Ultra Engineering Wood ที่สามารถป้องกันความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้ทั่วไป Top ด้านบนเป็นไม้โอ้ค และเราชอบที่ผิวสัมผัสเป็นไม้จริงที่ชัดเจนมาก

อีกหนึ่ง Highlight ของโถงทางเดินคือ ช่องแสงของ Courtyard ที่อยู่กลางบ้าน ทำให้มีบรรยากาศสว่างโปร่งโล่งและสามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้จากทุกมุมของบ้านจริงๆ

ด้านซ้ายของจริงจะเป็นห้องเก็บของเล็กๆครับ ซึ่งทางบ้านตัวอย่างได้เอาประตูออก แล้วทำเป็นมุม Pantry มาให้ดูเป็นไอเดียแบบนี้ ใครสนใจก็เอาไปทำตามกันได้นะ เราว่าสะดวกกับคนในครอบครัวที่เน้นใช้ชีวิตอยู่ด้านบนแบบนี้ดี ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงไปที่ครัวชั้นล่างเลย

มาถึง Highlight หลักของบ้านหลังนี้ก็คือ Living Area ที่เป็นฝ้าเพดานสูง Double Volume 6.5 m. ซึ่งนอกจากจะสูงโปร่งดีแล้ว ยังมีช่องแสงที่มองเห็นธรรมชาติภายนอกได้ถึง 2 ด้านอีกด้วย

โดยจุดนี้เราว่าเป็นส่วนที่น่าใช้งานที่สุดของบ้านเลย สามารถทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นของครอบครัวได้ เพราะถึงแม้ว่าด้านล่างจะกำลังมีแขกมาเยี่ยมเยือน แต่คนในบ้านก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวให้ใช้งานและใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ได้ต่อสบายๆครับ

นอกจากนี้ยังมีระเบียงขนาดใหญ่ให้เปิดเชื่อมต่อธรรมชาติภายนอก และออกไปใช้งานได้แบบนี้ด้วยครับ โดยความสูงของชั้นนี้ก็จะอยู่ระดับเดียวกับพุ่มไม้ในสวนส่วนกลางพอดีเลย ทำให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ และยังได้ความเป็นส่วนตัวทั้งจากบ้านฝั่งตรงข้าม และคนที่มาใช้งานสวนด้านล่างด้วยครับ

อีกด้านหนึ่งจะมีห้องนอนอยู่ด้วยครับ ซึ่งการที่อยู่ติดกับ Living Area ที่เป็นฟังก์ชันส่วนกลางของครอบครัวแบบนี้ ก็ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้ดีมากขึ้น หากทำเป็นห้องผู้สูงอายุก็สามารถเปิดประตูออกมาเจอลูกๆหลานๆได้ง่ายๆเลย

หรืออีกหนึ่งไอเดียคือ เราสามารถนำผนังส่วนนี้ออก แล้วกั้นใหม่ตรงบริเวณโถงทางเดินหน้าลิฟต์ก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งจะทำให้ห้องนี้กลายเป็น Penthouse ที่มีขนาดใหญ่และน่าใช้งานมากที่สุดของบ้านเลยครับ

ภายในห้องมีขนาดใหญ่มากๆ หากวางเตียง 5 – 6 ฟุตไปแล้ว ก็ยังมีพื้นที่เหลือรอบเตียงให้ใช้งานสบายๆ พิเศษเฉพาะห้องนี้จะใช้เป็นพื้น Absorption Floor ที่ช่วยลดแรงกระแทกได้ดี หรือถ้าไม่ได้ทำเป็นห้องผู้สูงอายุจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้

ด้านในมีมุมเล็กๆมุมหนึ่งติดกับช่องแสง 2 ด้าน เหมือนเป็นห้องกระจกยื่นออกไป ซึ่งเราว่าน่าใช้งานทำเป็นมุมอเนกประสงค์ส่วนตัวมากๆครับ แถมยังเป็นส่วนที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุดอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำให้ใช้งานแบบส่วนตัวเลยครับ ซึ่งภายในก็มีสุขภัณฑ์และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนครบครัน

หากใครทำห้องนี้เป็นห้องผู้สูงอายุ อาจติดตั้งพวกราวจับ พื้นทางลาด และที่นั่งอาบน้ำเพิ่มเติมเองได้นะครับ ซึ่งจะทำให้เหมาะกับการใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น (ที่ทางโครงการไม่ได้ทำมาให้แต่แรกเลย เพราะอยากให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากใช้งานห้องนอนนี้เป็นห้องอื่นๆด้วยนั่นเอง)

ถัดมาเราจะขึ้นบันไดไปชั้นที่ 3 กันต่อครับ

พื้นที่ตรงโถงทางเดินข้างลิฟต์จะเว้นไว้สำหรับทำเป็นมุมอเนกประสงค์ เช่น มุมวางหิ้งพระต่างๆ หรือเราอาจทุบขยายห้องนอนให้ใหญ่ขึ้นมาจนถึงตรงนี้ก็ได้เหมือนกัน

เราขอเริ่มที่ห้องนอนโซนหน้าบ้านฝั่งที่จอดรถ ลักษณะจะคล้ายๆกับห้องชั้น 2 เลยครับ มีการแบ่งโซนเป็น 2 ฝั่งชัดเจน เพียงแต่จะไม่ได้มีระเบียงให้ใช้งานแล้ว แต่ยังคงมีช่องแสงขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งหากชั้นล่างเราปลูกต้นไม้เอาไว้ก็จะได้เห็นพุ่มไม้เขียวๆสดชื่นๆแบบนี้ด้วย

ด้านซ้ายของห้องเป็นพื้นที่วางเตียงนอน ส่วนด้านขวาเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำ ซึ่งก็มีขนาดใหญ่ใช้งานสะดวกทั้งคู่

ภายในมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบและเป็นสัดส่วนเหมือนห้องด้านล่างเลยครับ ถ้างั้นเราจะไปกันเร็วๆต่อกันที่ห้องนอนใหญ่เลย

สำหรับ Master Bedroom จะอยู่ทางฝั่งที่ติดกับสวนสีเขียว ซึ่งจะเปิดช่องแสงขนาดใหญ่ทำให้มองเห็นบริเวณยอดต้นไม้พอดีๆ และในอนาคตต้นไม้เหล่านี้ก็จะเติบโตขึ้น ทำให้ช่วยพรางสายตาและให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้อีก ส่วนภายในห้องนอนก็มีขนาดใหญ่ สามารถแบ่งโซนการใช้งานเป็น 2 ส่วนได้สบายๆ

รวมถึงตรงโซฟานั่งเล่นก็จะมีระเบียงให้ออกไปใช้งานชมวิวได้ด้วยครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ ซึ่งบ้านของจริงจะมีการกั้นประตูกระจกบานเลื่อนมาให้เป็นสัดส่วนเลย ตู้ภายในเราก็สามารถ Built-in ได้เองตามต้องการ ปริมาณความจุรับรองว่าเพียงพอต่อความต้องการของคุณผู้หญิงแน่นอนครับ

ติดกันจะเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีลักษณะตอนลึก มาพร้อมกับอ่างล้างหน้าแบบ His and Her ที่มีระยะกว้างมากๆครับ ทำให้สามารถวางของใช้ต่างๆได้เยอะเลยทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย

ด้านในสุดจะเป็นโซนใช้งานต่างๆ มีฟังก์ชันอาบน้ำให้เลือก 2 แบบตามความสะดวกในแต่ละวัน

อ่างอาบน้ำแบบลอยตัวจาก Christina มาพร้อมโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติรุ่น Top จาก TOTO ที่เวลาเดินเข้ามาใกล้ๆ นอกจากฝาจะเปิดให้อัตโนมัติแล้ว ระบบก็จะมีการกดน้ำทำความสะอาดให้ก่อนใช้ด้วย 1 ครั้งด้วยครับ

พื้นที่ยืนอาบกว้าง 1 x 1.2 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ แถมด้านข้างยังมีประตูที่สามารถเปิดระบายอากาศและอาจใช้งานตากผ้าเล็กๆน้อยๆด้านนอกได้ด้วยครับ

สำหรับภาพบ้านเปล่ามาตรฐานก็สามารถกดดูใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยนะ

Image 1/10

  • MIRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 67.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 Multipurpose / 1 ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

สำหรับแบบบ้าน MIRA จะมีลักษณะแปลนที่คล้ายกับบ้านตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ แต่จะมีฟังก์ชันสำคัญอย่างหนึ่งที่จะแตกต่างกันชัดเจนคือ Double Volume ซึ่งหลังนี้จะอยู่ตั้งแต่ชั้น 1 ทำให้มีความสว่างโปร่งโล่งและน่าใช้งานตั้งแต่ชั้นแรก ในขณะเดียวกันก็เหมาะที่จะใช้รับแขกได้ด้วยครับ

ส่วนสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็ยังมี Living Area บนชั้น 2 ให้ใช้งานแยกเอาไว้ให้ใช้งาน และสามารถมองเชื่อมต่อลงมายังชั้นล่างได้ด้วย หรือถ้าอยากขยายพื้นที่ห้องนอนที่อยู่ติดกันให้ใหญ่ขึ้นก็ทำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าฟังก์ชันมีความยืดหยุ่นพอสมควรครับ

อีกหนึ่งจุดที่แตกต่างกันก็คือ Master Bedroom โดยพื้นที่ใช้สอยในห้องนอนของบ้านไซส์ M นี้จะได้ความกว้างเท่ากับตัวบ้านไปแบบเต็มๆเลยครับ นั่นเป็นเพราะเค้าไม่จำเป็นต้องเสียพื้นที่สำหรับ Double Volume บนชั้น 2 แล้วนั่นเอง ดังนั้นภายในจึงกว้างขวางและโปร่งโล่งมากๆ จนเราสามารถแบ่งโซนพื้นที่ใช้งานออกได้ถึง 3 ส่วนต่อเนื่องกันเลยทีเดียว สรุปแล้วถ้าใครที่เน้นการใช้ชีวิตอยู่ที่ชั้นแรกเป็นหลัก อยากได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งเป็นพิเศษ และเน้นโชว์แขกรับแขกได้สวยๆนั่นเองครับ

สำหรับโซนพื้นที่จอดรถบอกเลยว่าเหมือนกับบ้านหลังก่อนหน้านี้เลย ยกเว้นอยู่จุดเดียวก็คือ จะมีประตูของตู้เก็บของเพิ่มเข้ามาอีกครับ ซึ่งถ้าใครที่มีอุปกรณ์ล้างรถหรืออุปกรณ์ทำสวนเยอะๆ ก็สามารถนำมาเก็บตรงนี้และหยิบใช้งานได้สะดวกดีทีเดียว

เข้ามาด้านในก็จะเจอกับ Floyer เป็นทั้งส่วนต้อนรับและเก็บรองเท้าได้เหมือนเดิม รวมถึงยังมองเห็น Courtyard กลางบ้านแบบนี้ด้วย

และสำหรับต้นไม้ตรง Courtyard ของบ้านหลังนี้เราจะได้เป็น ‘ต้นทองกวาว’ นะครับ

ถัดเข้ามาเราจะเจอกับ Common Area ซึ่งรู้สึกได้เลยว่ามีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งมากมากขึ้น

นั่นเป็นเพราะ Highlight ของบ้านหลังนี้ที่เป็น Living Area ฝ้าเพดานสูง Double Volume 6.5 m. เหมาะที่จะนั่งเล่นและใช้เวลาร่วมกันของคนในครอบครัว รวมถึงยังสามารถใช้รับแขกได้อีกด้วย

ส่วนสำคัญที่ทำให้บรรยากาศโปร่งโล่งขนาดนี้ก็คือ ช่องแสงทั้ง 2 ด้านที่สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดาน ทำให้แสงสามารถส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังทำให้เราได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งของบ้านจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร และสามารถแบ่งเป็นมุม Pantry ได้เหมือนเดิม

เปิดประตูออกสู่ภายนอกของจริงจะเป็นพื้นปูหญ้าทั้งหมดนะครับ ซึ่งบ้านตัวอย่างได้ทำเป็นเฉลียงขนาดใหญ่ดูน่าใช้งาน และสามารถดูแลรักษาได้ง่ายมาให้ดูเป็นไอเดีย ใครสนใจก็นำไปทำบ้างก็ได้นะ

อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องครัวและห้องน้ำเหมือนเดิมครับ สามารถใช้งานได้สะดวกและแบ่งโซนแยกจากกันชัดเจนดี

รวมถึงโซน Service ของแม่บ้านก็จะยังมีให้ใช้งานครบเหมือนเดิมนะ

ขึ้นมาบนชั้น 2 เราอยากพูดถึงตัวบันไดกันก่อนครับ ด้วยความที่เป็นบันไดแบบปกติ (ไม่ได้อ้อมด้านหลังลิฟต์เหมือนบ้านหลังใหญ่) และหน้าบันไดก็อยู่ตรงกับช่องแสง Courtyard พอดี ก็เลยทำให้รู้สึกถึงความสว่างโปร่งโล่ง และน่าใช้งานมากขึ้นเยอะเลยครับ แน่นอนว่ายังมีลิฟต์โดยสารเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่สะดวกขึ้น-ลงบันไดเหมือนเดิม

และนี่ก็คือ Family Area โดยหากชั้นล่างกำลังมีแขกอยู่ สมาชิกคนอื่นๆในบ้านก็ยังสามารถมาใช้งานพื้นที่ส่วนนี้ได้แบบส่วนตัวครับ อีกทั้งยังสามารถมองเชื่อมต่อกับชั้นล่างได้แบบนี้ด้วย ซึ่งเราก็สามารถเห็นได้ว่ามีแขกไปใครมาบ้างนั่นเอง

อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบแยกเป็นสัดส่วน โดยห้องนี้ก็ได้ออกแบบเผื่อไว้สำหรับใช้เป็นห้องผู้สูงอายุครับ เพราะเค้าใช้พื้น Absorption Floor ที่ช่วยลดแรงกระแทกได้ดีนั่นเอง

และถ้าใครต้องการขยายให้ตัวห้องมีขนาดใหญ่มากขึ้น เราก็สามารถทุบผนังออกแล้วกั้นใหม่ตรงบริเวณหน้าโถงลิฟต์เลยก็ได้ ซึ่งนั่นก็จะทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งห้อง Master Bedroom ที่ 2 ได้เลยทีเดียว

ช่องแสงด้านข้างมีขนาดใหญ่มากครับ โดยจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไปใช้งานระเบียงด้านนอกได้ ซึ่งระเบียงนี้จะยาวมาจนเชื่อมต่อกับ Family Area ก่อนหน้านี้ได้เลยนั่นเอง

นี่เป็นวิวจากชั้น 2 ที่มองลงไปยังสวนชั้น 1 ก็จะประมาณนี้ บอกเลยว่าต้นไม้ของที่นี่มีพุ่มที่หนามาก และทางโครงการก็คิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่า ต้นไม้จะช่วยพรางสายตา ไม่ให้เสียความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องนอนจะเป็น Walk-in Closet และมีห้องน้ำในตัวให้ใช้งานเช่นเดิมครับ

อีกด้านหนึ่งของบ้านก็จะมีอีกหนึ่งห้องนอน ซึ่งโถงทางเดินระหว่างทางก็จะผ่านช่องแสงขนาดใหญ่ ที่มองลงไปชมต้นไม้และ Courtyard ที่อยู่กลางบ้านได้แบบนี้ครับ

ภายในเป็นห้องที่คล้ายกับของบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ ที่จะมีระเบียงตรงกลางและแบ่งฟังก์ชันซ้าย-ขวา อย่างฝั่งนี้ก็จะเป็นที่วางเตียงนอน หรือใครจะปรับเป็นห้องนอนเด็กแบบนี้ก็ได้

อีกด้านเดินผ่านระเบียงไปก็จะเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำครับ ซึ่งขนาดพื้นที่ใช้สอยจะเล็กลงนิดหน่อยตามไซส์ของบ้าน แต่ก็ยังใช้งานได้สะดวกอยู่ เราชอบตรงที่มีการเว้าพื้นที่ระเบียงเข้ามาและทำให้เปิดช่องแสงด้านข้างได้ด้วยเนี่ยแหละ

ขึ้นมาดูบนชั้น 3 กันบ้าง แน่นอนว่าตรงโถงทางเดินจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ทำเป็นหิ้งพระได้เหมือนเดิม หรือจะปรับเป็นฟังก์ชันอื่นๆได้ตามต้องการ

Master Bedroom มีขนาดใหญ่และกว้างขวาง โดยจะมีความกว้างเท่ากับตัวบ้านเลยครับ สามารถแบ่งโซนด้านหนึ่งเป็นเตียงนอนแบบนี้ได้ มีพื้นที่รอบเตียงให้ใช้งานได้สะดวก

ตรงกลางเป็นชุดโซฟาไว้นั่งเล่นพักผ่อน อีกด้านหนึ่งสามารถกั้นทำเป็น Walk-in Closet เพิ่มเติมเองได้ (ของจริงจะเป็นห้องโล่งๆ) รวมถึงช่องแสงก็สามารถเปิดประตูออกไปยังระเบียงเพื่อไปชมสวนได้ด้วยครับ

สุดท้ายจะเป็นห้องน้ำที่มีฟังก์ชันครบ ซึ่งเรามองว่าขนาดพื้นที่ใช้งานกำลังพอดีเลยครับ ไม่เล็กไปหรือใหญ่ไป

โดยจุดที่แตกต่างจากบ้านไซส์ L เล็กน้อยก็คือ ฟังก์ชันโถสุขภัณฑ์จะมีการกั้นผนังกระจกแยกเอาไว้เป็นสัดส่วนแบบนี้เลยด้วยครับ

อีกด้านหนึ่งของบ้านก็จะเป็นห้องนอนเหมือนของชั้นที่แล้วเลย

และอีกด้านหนึ่งจะเป็น Walk-in Closet + ห้องน้ำให้ใช้งานเป็นส่วนตัว

Image 1/6

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่า

ราคา

ไอรา เรซสิเดนซ์ งามวงศ์วาน (IRA Residences Ngamwongwan) ราคา ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568

  • MIRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 67.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 Multipurpose / 1 ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
  • LIRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 72.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 410 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 2 Multipurpose / 1 ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
  • ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท (Promotion)
  • ค่าจอง 300,000 – 500,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา 15%
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
  • ค่าส่วนกลาง 7,500 – 8,500 บาท/ยูนิต/เดือน
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อและผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตั้งอยู่ภายในซอยงามวงศ์วาน 6 ที่สามารถลัดเลาะไปขึ้นทางด่วนศรีรัชได้สะดวกมากเพียง 900 m. แถมยังลัดไปเข้าห้าง The Mall งามวงศ์วาน จากทางด้านหลังได้เลย เหมาะมากสำหรับคนที่เน้นใช้งานทั้ง 2 อย่างนี้ รวมถึงคนที่ทำงานอยู่ในตัวเมืองหรือแถวย่านติวานนท์เองก็เหมาะเช่นกัน อีกทั้งขากลับจากทางด่วนหรือห้างก็สามารถใช้เส้นทางเดิมได้เลย ทำให้คนที่อาศัยอยู่โครงการนี้แทบจะไม่ต้องเสียเวลารถติดบนถนนใหญ่เลยครับ แต่ทั้งนี้ก็แลกมากับราคา ที่ถือได้ว่าเป็นบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ของย่านนี้เลยทีเดียว

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : มีรั้วรอบขอบชิดและ รปภ. ดูแล 24 ชม. เข้า-ออกด้วยระบบ RFID (สัญญาณ Bluetooth) พร้อม Video Door Phone และระบบ QR Code ส่วนภายในบ้านจะมีทั้งระบบ Door Sensor (Magnetic & Shock Sensor) บริเวณประตูชั้น 1 ,Motion Sensor 1 ตัวบริเวณชั้น 1 และกล้อง CCTV 2 ตัว บริเวณหน้าบ้าน 2 ด้าน

การออกแบบโครงการ : จำนวนยูนิตน้อย มีความเป็นส่วนตัว วางตำแหน่งบ้านติดกับสวนให้ได้ใกล้ชิดและสัมผัสกับธรรมชาติ คือเปิดประตูออกมาจากบ้านแล้วเดินในสวนได้เลย อีกทั้งยังออกแบบ Landscape ของความสูงต้นไม้ให้ช่วยพรางสายตาให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวและธรรมชาติมากๆ แน่นอนว่าการออกแบบลักษณะนี้ไม่เหมือนใครในย่านแน่นอน

การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเยอะ ฟังก์ชันตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกันทุก Generation มีลิฟต์โดยสารให้ใช้งานสะดวก ออกแบบแปลนบ้านเป็นรูป C Shape มี Courtyard ที่ช่วยเพิ่มช่องแสงตรงกลางบ้าน ทำให้มีความสว่างและโปร่งโล่งอย่างมาก อีกทั้งทุกฟังก์ชันยังมีช่องหน้าต่างอย่างน้อย 2 ด้าน ทำให้มี Ventilation ที่ดี แบบบ้านมีความยืดหยุ่น สามารถปรับขยายฟังก์ชันห้องได้หลายจุดพอสมควร

มีบ้าน 2 Type ให้เลือก จุดต่างคือตำแหน่ง Double Volume ที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เห็นภาพ Character ของคนอยู่อาศัยที่แตกต่างกันชัดเจน ถ้าใครเน้นใช้งานพื้นที่ชั้น 1 สามารถรับแขกได้ และมีบรรยากาศสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ ก็จะเหมาะกับแบบบ้าน MIRA (ไซส์ M) แต่ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวของพื้นที่สำหรับครอบครัวมาอยู่บนชั้น 2 และอยากได้พื้นที่ใช้สอยภายในกว้างๆแบบจุใจ ก็จะเหมาะกับแบบบ้าน LIRA (ไซส์ L) ครับ

วัสดุ : โครงสร้างหลักของบ้านส่วนใหญ่จะเป็น คอนกรีตเสริมเหล็ก + ก่ออิฐมวลเบา ซึ่งมีทั้งความแข็งแรงและยืดหยุ่น สามารถทุบผนังต่อเติมหรือปรับฟังก์ชันตามต้องการได้ง่าย วัสดุอื่นๆที่ให้ได้มาตรฐานตามระดับราคา แต่จุดที่เราชอบคือ เค้าให้ช่องแสงมาเยอะมากๆ แต่ละจุดมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าหมดเลย (ไม่เว้นแม้กระทั่งตรงโซน Double Volume) รวมถึงเรายังชอบพื้น Ultra Engineering Wood ที่ตรงจุดนี้เรียกได้ว่าให้มาค่อนข้างดีกว่าเจ้าอื่นๆในย่านครับ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : มีสวน 2 โซน ให้พื้นที่สีเขียวมาเยอะถึง 15% ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนดถึง 3 เท่า โดยเฉพาะตรงสวนส่วนกลางที่เน้นต้นไม้พุ่มใหญ่ให้ร่มเงา รวมถึงภายในบ้านแต่ละหลังก็จะมีการปลูกต้นไม้ตรง Courtyard กลางบ้านให้ด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของโครงการที่เน้นต้นไม้ และให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติเป็นหลัก

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ หากเทียบกับจำนวนเพื่อนบ้านเพียง 24 หลัง เรียกได้ว่าให้มาเยอะและใช้งานเป็นส่วนตัวกันได้สบายๆ จุดเด่นคือ Fitness ที่เปิด 24 ชม. สามารถมาใช้งานเวลาไหนก็ได้ ส่วนวิวของสระว่ายน้ำที่มองเห็นสวนก็จัดได้ว่าดีมาก โดยโครงการนี้จะเน้นสวนกลางแจ้งเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ร่มรื่น / บ่อปลา / Pet Area และสนามเด็กเล่น

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 29 ล้านบาท, 16 มิถุนายน 2568

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.75/10 – ใกล้ทางด่วนและห้าง The Mall เดินทางเข้าเมืองสะดวกมาก พร้อมเส้นทางลัดเลาะเลี่ยงรถติดบนถนนใหญ่
  • ความปลอดภัย 8.5/10 – ให้มาครบทั้งส่วนกลางและในบ้าน แถมยังมี Video Door Phone และ Sensor ในบ้านอีกเพียบ
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – จำนวนยูนิตน้อย เป็นส่วนตัว พื้นที่ใช้สอยเยอะ ฟังก์ชันรองรับทุก Generation แปลนบ้านตัว C ทำให้สว่างโปร่งโล่งและระบายอากาศได้ดีมาก
  • วัสดุ 8.5/10 – ผนังก่ออิฐมีความแข็งแรงยืดหยุ่น ช่องแสงเยอะ มีลิฟต์ส่วนตัว และได้พื้น Ultra Engineering Wood
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 9.5/10 – ให้มาเยอะถึง 15% เน้นต้นไม้ใหญ่มีความร่มรื่นมากๆ
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ฟังก์ชันครบ ให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต ค่าส่วนกลางตามความเหมาะสมกับคุณภาพการดูแลรักษาที่ดี
  • 8.73 / 10.00

IRA Residences Ngamwongwan เหมาะกับใคร

โครงการ IRA Residences Ngamwongwan (ไอรา เรซสิเดนซ์ งามวงศ์วาน) เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนและห้าง The Mall งามวงศ์วาน แบบที่มีทางลัดเลาะไม่ต้องเสียเวลารถติดบนถนนใหญ่ โดยเป็นโครงการขนาดเล็ก ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว เน้นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ดูร่มรื่น และเป็นบ้านเดี่ยวที่มีที่ดินติดสวนส่วนกลาง พื้นที่ใช้สอยเยอะ เน้นช่องแสงให้สามารถระบายอากาศได้ดี และยังทำให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งฟังก์ชันเหมาะจะอยู่ร่วมกันได้ทุก Generation เลยทีเดียว โดยมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 29 ล้านบาทขึ้นไป


Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่