ใครที่กำลังวางแผนเกษียณและมองหาที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุอยู่บ้างคะ? วันนี้เราได้รวบรวมที่อยู่อาศัยวัยเกษียณของทั้งรัฐฯและเอกชนในงบประหยัดที่มีให้เลือกทั้งแบบเช่าและซื้อ แต่รู้กันไหมว่าจริงๆแล้วที่อยู่อาศัยวัยเกษียณมีทั้งบ้านสำหรับผู้สูงอายุและบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุให้เลือกนะ ซึ่งในบทความนี้เราจะขอโฟกัสเป็นบ้านผู้สูงอายุที่ราคาเอื้อมถึงง่าย แอบบอกเลยว่ามีทั้งแบบอยู่ฟรีหรือจ่ายหลักพันบาทต่อเดือนให้เลือกด้วย แล้วจะมีที่ไหนบ้าง ตามอ่านกันต่อได้เลยค่ะ

ก่อนที่เราจะพาเข้าไปดูที่อยู่อาศัยวัยเกษียณของรัฐฯและเอกชนแบบงบประหยัดกัน เราขอเกริ่นอีกเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ผู้สูงอายุของไทยในปัจจุบันกันก่อนนะคะ สำหรับปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ( Complete Aged Society ) ตั้งแต่เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา จากรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2565 ของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย กล่าวว่าในปี 2565 ประเทศไทยมีประชากรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทยรวม 66 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้มีประชากรสูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปอยู่มากถึง 13 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของประชากรทั้งหมด

โดยแสดงถึงสถิติที่น่าสนใจของไทยว่าจำนวนประชากรโดยรวมลดลง แต่จำนวนประชากรผู้สูงอายุกลับเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วมาก จึงคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรไทยจะลดลงจาก 66 ล้านคน เหลือเพียง 60 ล้านคน แต่ประชากรสูงอายุในปัจจุบันรวม 13 ล้านคน คิดเป็น 19% จะเพิ่มขึ้นในอีก 20 ปี เป็น 19 ล้านคน คิดเป็น 31.6% เลยค่ะ

สถิตินี้ก็เป็นผลมาจากแนวคิดที่คนอยากอยู่เป็นโสดมากขึ้นหรือคู่รักบางคู่ที่ไม่มีแพลนจะมีลูก จึงทำให้สังคมในปัจจุบันเริ่มหันมาสนใจชีวิตหลังเกษียณกันมากขึ้น แต่กลุ่มคนอายุ 50-60 ปีในสมัยนี้ก็ยังเป็นกลุ่มที่มีความ Active สูง ร่างกายแข็งแรง สามารถดูแลตัวเองได้ ประกอบกับเป็นช่วงวัยที่มีอิสระและเวลาว่าง ทำให้ผู้สูงอายุบางกลุ่มยังมีความต้องการที่จะเข้าสังคมและอยากทำกิจกรรมที่หลากหลายไม่แพ้คนหนุ่ม-สาว จึงทำให้เราเห็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

ที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุนอกจากจะมีการออกแบบตามหลัก “Universal Design” รองรับการใช้งานได้ทุกวัย รวมถึงการใช้วีลแชร์แล้ว ยังมี Facilities ให้ใช้งานไว้ครบครันและมีกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกกระตือรือร้นและมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังมีบริการเสริมด้านสุขภาพ และบุคลากรทางการแพทย์ที่คอยดูแลแบบ 24 ชั่วโมงด้วย

ดังนั้นหลายๆคนน่าจะเริ่มคิดถึงตอนตัวเองเกษียณแล้วว่าหากอยู่เป็นโสด ไม่ได้มีลูกหลานดูแล แล้วเราจะอยู่ที่ไหน คุณภาพชีวิตจะเป็นยังไง วันนี้ทาง Think of Living ได้รวบรวม “ที่อยู่อาศัยวัยเกษียณ” ทั้งภาครัฐฯ ที่มีองค์กรการกุศลมาสนับสนุน เน้นราคาเข้าถึงได้ง่ายและภาคเอกชนที่ได้รับการบริการและดูแลที่ทันสมัย แต่ก็จะมีราคาที่สูงกว่ามาแนะนำกันค่ะ

สำหรับที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุแยกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “บ้านพักคนชรา หรือ บ้านสำหรับผู้สูงอายุ (Nursing Home)” ที่คนทั่วไปมักคุ้นชินกันอยู่แล้ว และ”บ้านและคอนโดผู้สูงอายุ” จัดอยู่ในหมวด “Retirement Community” หรือ “ชุมชนผู้สูงอายุ” เป็นกลุ่มที่พักอาศัยที่ออกแบบฟังก์ชันมาเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงวัยโดยเฉพาะ สำหรับคนที่มองหาที่พักอาศัยหรือวางแผนก่อนเกษียณก็ต้องพิจารณาว่าตัวเองเหมาะสมจะอยู่ในหมวดหมู่ไหน โดยสามารถวิเคราะห์จากเงื่อนไขเบื้องต้นที่แตกต่างกันดังนี้

  • บ้านพักคนชรา : เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีรายได้สม่ำเสมอต่อเดือน เช่น ผู้ที่ได้รับเงินบำนาญ , เงินปันผล เป็นต้น รวมถึงเป็นผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสุขภาพจำเป็นต้องได้รับการดูแลใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
  • บ้านและคอนโดผู้สูงอายุ : เหมาะกับผู้สูงอายุที่ร่างกายยังแข็งแรง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่เน้นการดูแลแบบใกล้ชิด ชอบความเป็นส่วนตัว และเป็นผู้ที่มีเงินเก็บเป็นก้อน เพราะจะต้องซื้อขาดหรือซื้อสิทธิ์ในการอยู่อาศัยระยะยาว (สามารถขายบ้าน-คอนโดคืนให้กับโครงการหรือจะต่ออายุการเช่าก็ได้) อีกทั้งเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อยาก หรือปล่อยได้ในอัตรา 70% ซึ่งก็จำเป็นต้องมีเงินเก็บขั้นต่ำที่ 30% เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อ – ขายค่ะ

แต่ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักคนชราหรือบ้านและคอนโดผู้สูงอายุ สำหรับคนที่เตรียมตัวจะเกษียณก็ยังต้องสำรองเงินไว้เผื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ อาทิ ค่ายา ค่าหมอ ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดในชีวิตประจำวัน ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ได้รวมอยู่ในค่าเช่าหรือราคาที่อยู่อาศัยนะคะ


บ้านพักคนชรา หรือ บ้านสำหรับผู้สูงอายุ

“บ้านพักคนชรา หรือ บ้านสำหรับผู้สูงอายุ” ก็สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ บ้านพักคนชราที่มีองค์กรรัฐหรือองค์กรการกุศลจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้สูงอายุที่พักอาศัยในบ้านกลุ่มนี้สามารถอยู่ฟรีหรือจ่ายเงินแบบราคาถูกมากๆ (หลักพันบาท/เดือน) และอีกกลุ่มคือบ้านพักคนชราของเอกชน จะเป็นการเช่าแบบรายเดือน (ราคาเริ่มต้นประมาณเดือนละ 12,000 บาทขึ้นไป) จึงเหมาะกับคนมีรายได้สม่ำเสมออย่างมีเงินบำนาญหรือคนที่มีปัญหาสุขภาพเพราะจะมีคนคอยดูแลตลอด 24 ชม.ค่ะ

บ้านพักคนชราที่รัฐฯสนับสนุน

  • บ้านพักคนชรา สนับสนุนโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • สวางคนิเวศ จากสภากาชาดไทย
  • Senior Complex ศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร จากรามาฯ – ธนารักษ์

ตัวอย่าง บ้านพักคนชราของเอกชน

  • It – Care home (สุขสบาย Nursing Home)
  • iCare Seniors Home
  • แสนสิริ โฮม แคร์
  • เอลเดอร์ลี่คลับ
  • คุณตาคุณยาย Nursing Home
  • บ้านหมอ Nursing Home


“บ้านพักคนชราที่รัฐฯสนับสนุน”

บ้านพักคนชรา สนับสนุนโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

หลายคนอาจจะยังไม่รู้นะคะว่าประเทศไทยมีบ้านพักคนชราที่อยู่ฟรี สนับสนุนโดย “กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” เรียกว่า ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศพส.) รวมทั้งหมด 12 แห่ง กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้บริการแบบเต็มเวลา ยกเว้นเฉพาะจังหวัดขอนแก่นแห่งเดียวที่ให้บริการในรูปแบบ Day Center (บริการเฉพาะช่วงกลางวัน) โดยทั้ง 12 แห่ง มีรายชื่อดังนี้

  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านธรรมปกรณ์ (เชียงใหม่)
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดลําปาง
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดขอนแก่น
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดนครพนม
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านบุรีรัมย์ (บุรีรัมย์)
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ วาสนะเวศม์ (พระนครศรีอยุธยา)
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดปทุมธานี
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านบางละมุง (ชลบุรี)
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านบางแค (กรุงเทพฯ)
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ภูเก็ต
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดสงขลา
  • ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านทักษิณ (ยะลา)

สำหรับบ้านพักคนชราทั้ง 11 แห่งที่เปิดเต็มเวลาจะเป็นให้บริการเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่

  • ประเภทสามัญ :  ได้รับการสงเคราะห์หรือเรียกง่ายๆว่า “อยู่ฟรี” ไม่ต้องเสียเงิน แต่จะมีเงื่อนไขในการเข้าอยู่ที่ค่อนข้างละเอียด โดยหลักๆแล้ว คือ ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและสามารถช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวันได้ (แตกต่างจากภาพจำที่เรามักคิดว่ามีสิทธิ์เฉพาะผู้ป่วยติดเตียงนะ) ที่สำคัญจะต้องมีหน่วยงานทางรัฐฯมาตรวจสอบว่าเป็นคนที่มีฐานะยากจน ไม่มีที่อยู่อาศัย หรือ ขาดแคลนคนดูแลจริงๆ จึงจะเข้าหลักเกณฑ์“อยู่ฟรี”นี้ได้ค่ะ ซึ่งจะมีผู้ดูแลตลอด 24 ชั่วโมงและอาหาร 3 มื้อ
  • ประเภทเสียค่าบริการ : คิดค่าบริการรายเดือนและรายจ่ายอื่นๆอย่างค่าไฟ-ค่าน้ำประปา อีกทั้งนอกจากจะมีอายุ 60 ปีขึ้นไปแล้ว ต้องสามารถช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวันได้ด้วย

คุณสมบัติผู้สูงอายุที่มีสิทธิ์เข้าอยู่อาศัย (ประเภทสามัญ) มีเงื่อนไขดังนี้

  1. มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทย
  2. ไม่เป็นผู้ต้องหาว่ากระทำผิดอาญาและอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล
  3. ไม่เป็นโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2523 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558
  4. มีความสมัครใจ
  5. สามารถช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจำวัน
  6. ไม่มีอาการทางจิตที่รุนแรง หรือมีพฤติกรรมด้านลบที่จะส่งกระทบต่อผู้อื่น
  7. ไม่ติดสารเสพติด หรือติดสุรา
  8. กรณีคนเร่ร่อน ถูกทอดทิ้ง หรือคนไร้ที่พึ่ง ต้องผ่านกระบวนการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2557 ก่อน เช่น การเยี่ยมครอบครัว/ชุมชน การหาอาชีพที่เหมาะสม เป็นต้น
  9. ต้องเป็นผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ มีฐานะยากจน, ไม่มีที่อยู่อาศัยหรือขาดผู้อุปการะ หรือผู้ให้ความช่วยเหลือดูแล

ดังนั้นเราจะขอยกตัวอย่างของบ้านพักคนชราที่สนับสนุนโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เราได้ยินกันบ่อยๆอย่าง ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านบางแค (กรุงเทพฯ) มาให้อ่านกันนะคะ

  • ชื่อโครงการ : ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านบางแค (กรุงเทพฯ)
  • ที่ตั้งโครงการ : ถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
  • ประเภทที่อยู่อาศัย (แบบเสียค่าบริการ) :
    – หอพัก 40 ห้อง แบ่งเป็น ห้องเดี่ยว (ค่าบริการคนละ 1,500 บาทต่อเดือน) และห้องคู่ (ค่าบริการเดือนละ 2,000 บาท)
    – บังกะโล 11 หลัง (ค่าบำรุงแรกเข้า 300,000 บาท)
  • เงื่อนไข : ตลอดชีวิต (อายุ 60 ปีขึ้นไป)
  • ประเภทผู้รับบริการ แบ่งออกดังนี้
    – ประเภทสามัญ (อยู่ฟรี) : กลุ่มที่ผ่านกระบวนการคัดกรองที่เราได้บอกไปข้างต้น จะมีผู้ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมอาหาร 3 มื้อ
    – ประเภทเสียค่าบริการ : อายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวันได้ ยังคงได้อาหาร 3 มื้อและได้ทำกิจกรรมสำหรับผู้สูงวัยร่วมกัน แต่นอกจากเสียค่าบริการที่พักอาศัยแล้ว ต้องจ่ายค่าน้ำประปา เดือนละ 100 บาทต่อคนและค่าไฟฟ้าคิดค่าใช้จ่ายตามจริงด้วย ซึ่งแบ่งที่พักเป็นแบบหอพัก (ห้องเดี่ยว-ห้องคู่) และแบบพิเศษ (บังกะโล) เป็นบ้านเดี่ยวที่สามารถพักอาศัยได้จนถึงแก่กรรม
  • Website : คลิกที่นี่

เนื่องจากบ้านพักชรากลุ่มนี้เป็นโครงการที่ดูแลโดยหน่วยงานของรัฐฯ ทำให้มีจุดเด่นคือค่าบริการถูกที่สุด แต่แน่นอนว่าด้วยค่าบริการหลักพันต่อเดือนแบบนี้ ทำให้มีจำนวนคนเข้าคิวกันยาวเลย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็แนะนำมาว่าหากใครอายุถึงเกณฑ์ 60 ปีก็ให้มาลงทะเบียนจองคิวไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ เพราะปัจจุบันคิวยาวมากๆ รอเรียกคิวเข้าพักอาศัยอยู่ที่ 15-17 ปีเลยค่ะ ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าการรองรับสังคมผู้สูงอายุสำหรับคนที่มีรายได้น้อยในประเทศไทยยังขาดแคลนอย่างมากเลยค่ะ


สวางคนิเวศ จากสภากาชาดไทย

  • ชื่อโครงการ : สวางคนิเวศ
  • ที่ตั้งโครงการ : ถนนสุขุมวิท ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
  • ประเภทที่อยู่อาศัย : คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 168 ห้องและคอนโดมิเนียม Low Rise 6 ชั้น 8 อาคาร มีทั้งหมด 9 อาคาร จำนวน 300 ห้อง
    – 1 Bedroom ขนาด 33 ตร.ม. รวม 168 ยูนิต ราคา 650,000 บาท
    – 1 Bedroom ขนาด 40 ตร.ม. รวม 300 ยูนิต ราคา 800,000 – 1,000,000 บาท
  • ค่าใช้จ่าย
    – ชำระค่าเข้าพักเพียงครั้งเดียว (หรือมัดจำ 5 หมื่นก่อน และภายใน 1 เดือนต้องหาเงินก้อนมาจ่ายส่วนที่เหลือ)
    – ค่าส่วนกลาง 2,500 บาทต่อห้อง
    – ค่าใช้จ่ายอื่นๆจ่ายเอง ได้แก่ ค่าไฟ หน่วยละ 5 บาท และค่าน้ำหน่วยละ 18 บาท)
  • เงื่อนไข : ตลอดชีวิต (อายุ 55 ปีขึ้นไป) และสามารถดูแลช่วยเหลือตัวเองได้
  • Website : คลิกที่นี่

โครงการนี้ชื่อว่า “สวางคนิเวศ” ของสภากาชาดไทย เราต้องบอกก่อนว่าสภากาชาดไทยเป็นองค์กรการกุศลระดับชาติที่ไม่แสวงหาผลกำไร ไม่ใช่หน่วยงานรัฐอย่างที่หลายๆคนชอบเข้าใจผิดกันนะ ซึ่งโครงการนี้จะตั้งอยู่ในโซนบางปู สมุทรปราการนี่เอง โดยเริ่มก่อสร้างเฟส 1 เมื่อปี 2539 และต่อมาได้สร้างเฟส 2 ในปี 2555 รวมมีทั้งหมด 9 อาคาร มีจำนวนยูนิตรวม 468 ห้องบนพื้นที่ใหญ่ 23 ไร่ ซึ่งโครงการนี้จะไม่ได้เน้นความหรูหรา แต่เน้นออกแบบเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะและมี Facilities ให้ใช้งานที่ครบครัน ได้แก่ สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Fitness, สวนสีเขียวและสามารถเดินไปทะเลบางปูจากตัวโครงการได้ด้วยค่ะ

นอกจากนั้นโครงการนี้ยังมีจุดเด่นที่ระบบส่งต่อไปยังหน่วยแพทย์ในเครือสภากาชาดไทยทันทีในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน รวมถึงบริเวณด้านหน้าโครงการมีศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูพร้อมแพทย์และอุปกรณ์ และสถานีกาชาดที่ 5 (ลักษณะคล้ายโรงพยาบาลตำบล) ซึ่งมีแพทย์ประจำทุกวันจึงมาเข้ารับบริการได้ง่ายค่ะ

Image 1/3
ห้องพักอาศัย

ห้องพักอาศัย

เรามองว่าโครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเงินก้อนประมาณนึงนะคะ เพราะต้องชำระค่าที่พักราคา 650,000 – 1,000,000 บาทกับทางโครงการภายใน 1 เดือน รวมถึงไม่มีบริการอาหาร 3 มื้อมาให้ จึงต้องมีเงินติดตัวไว้จับจ่ายใช้สอยตลอดการพักอาศัยภายในโครงการด้วย ซึ่งภายในโครงการจะมีร้านอาหารตามสั่งและใกล้ตลาดประมาณ 100 เมตรให้เดินไปซื้อของกินของใช้ได้ รวมถึงมีกิจกรรมสุขภาพและบริการต่างๆที่มีทั้งไม่เสียค่าบริการและเสียค่าบริการ ดังนี้

  • บริการห้องพยาบาล โดยมีพยาบาลประจำตลอด 24 ชม. ซึ่งจะไม่ได้คอยดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา แต่จะอยู่ประจำห้องตั้งแต่ 17.00-07.00 น. เนื่องจากในช่วงกลางวันมีบริการของสถานีกาชาดที่ 5 เพื่อคอยดูแลหากเกิดเหตุฉุกเฉิน (ห้องพัก มีปุ่มฉุกเฉินขอความช่วยเหลือได้ด้วย)
  • บริการตรวจสุขภาพประจำปีจากรถเคลื่อนที่ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    – กรณีผู้พักอาศัยเจ็บป่วยหรือเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจะแจ้งญาติให้ทราบ และโครงการมีเจ้าหน้าที่พยาบาลเยี่ยมเยียนตามห้องพัก
    – กรณีผู้พักอาศัยเสียชีวิต โครงการจะจัดการทำบุญและฌาปนกิจให้แก่ผู้เสียชีวิต
  • บริการกายภาพบำบัดหรือการรักษาอื่น ๆ
  • กิจกรรมออกกำลังกายและกีฬา
  • กิจกรรมสันทนาการต่างๆ
  • รถตู้บริการรับ-ส่งไปสถานที่ต่าง ๆ อย่างพาผู้สูงวัยไปเที่ยวมีทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศ / ลูกบ้านสามารถรวมตัวกันให้โครงการดำเนินการจัดหาทัวร์ให้ได้ด้วย


Senior Complex ศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร จากรามาฯ – ธนารักษ์

  • ชื่อโครงการ : Senior Complex ศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร
  • ที่ตั้งโครงการ : ถนนเลียบคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
  • ประเภทที่อยู่อาศัย : คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น 7 อาคาร ( เฟส 1 : 891 ยูนิต )
  • รูปแบบห้องพัก : 1 Bedroom 31.71 – 49.66 ตร.ม.
  • ราคาเริ่มต้น : 1.82 – 3.05 ล้านบาท*
  • ค่าใช้จ่าย
    – ค่าส่วนกลาง : 2,000 บาท / เดือน (ชำระเป็นรายปี ล่วงหน้า 3 ปี )
    – ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ เดือนละ 2,000 บาท/คน/เดือน (ชำระเป็นรายปี ล่วงหน้า 1 ปี)
    – ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ชำระตามจริง
    – เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารพันธมิตรโครงการ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน หรือ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ในลักษณะเงินฝากประจำ หรือ Escrow Account จำนวนเงิน 300,000 บาท โดยมีเงื่อนไขในการเบิกจ่ายเพื่อให้เป็นทุนสำรองในการดำรงชีพขณะอยู่ในโครงการเท่านั้น
  • เงื่อนไข : เช่าระยะยาว 30 ปี (อายุไม่ต่ำกว่า 58 ปี ณ วันที่จองสิทธิ์ หรือมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ณ วันที่เข้าพักอาศัยจริง)
  • Website : คลิกที่นี่

Senior Complex จาก รามาฯ – ธนารักษ์ เป็นอีกหนึ่งโครงการจากรัฐฯที่ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงกำลังก่อสร้าง คาดเสร็จปี 2570 โดยเป็นโครงการที่ร่วมมือระหว่าง กรมธนารักษ์และคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีนั่นเอง ตัวโครงการจะตั้งอยู่ในสมุทรปราการ อยู่ไม่ไกลจากสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ของโรงพยาบาลรามาธิบดีค่ะ

Image 1/3
พื้นที่โรงพยาบาล

พื้นที่โรงพยาบาล

จุดเด่นของโครงการนี้ คือ เป็นศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจรแห่งแรกของรัฐบาลและใช้เป็นต้นแบบของโครงการที่พักผู้สูงอายุอื่นๆของรัฐบาลต่อไป อีกทั้งพื้นที่ภายในแบ่งออกเป็น 3 โซนทั้งโรงพยาบาล พื้นที่พักฟื้นฟูสุขภาพ (บ้านพักคนชรา) และคอนโดมิเนียมสำหรับผู้สูงอายุ ทำให้อยู่อาศัยภายใต้การดูแลของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มีสภาวะแวดล้อมที่สวยงามร่มรื่นและถูกออกแบบตามหลัก Universal Design พร้อมส่วนกลางให้ใช้งานได้หลากหลาย

ออกแบบเป็นกลุ่มอาคารพักอาศัย Low Rise สูง 8 ชั้น 7 อาคาร จำนวน 891 ยูนิต ประกอบด้วย อาคาร A1 – A3 มีจำนวนห้องพัก 101 ยูนิต/อาคาร รวม 303 ยูนิต, อาคาร B1 – B2 มีจำนวนห้องพัก 189 ยูนิต/อาคาร รวม 378 ยูนิต และอาคาร C1 – C2 มีจำนวนห้องพัก 105 ยูนิต/อาคาร รวม 210 ยูนิต มีส่วนกลางหลากหลาย ได้แก่ อาคาร Clubhouse, สระว่ายน้ำ, ห้องออกกำลังกาย, ห้องพยาบาล, ห้องภาวนา, สวนสาธารณะและลานกิจกรรม, ห้องซักรีด และระเบียง สวน แปลงปลูกผักบนอาคาร

ทางโครงการออกแบบบึงน้ำขนาดใหญ่คั่นกลางระหว่างโซนที่พักอาศัยและโรงพยาบาล และมีสะพานให้สามารถเดินข้ามฝั่งหากันได้ด้วย หรือจะใช้วิธีขับรถที่ถนนรอบนอกโครงการก็ได้ค่ะ ซึ่งจากภาพบรรยากาศจำลองภายในโครงการค่อนข้างร่มรื่นและมีต้นไม้อยู่เยอะเลย นอกจากนั้นพื้นที่ว่างด้านข้างของอาคาร A1 และ B1 จะเป็นพื้นที่พาณิชยกรรมในอนาคต คาดว่าน่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร หรือ Community Mall เล็กๆ เพื่อรองรับผู้พักอาศัยและบุคลากรทางการแพทย์ในโครงการค่ะ

Image 1/11
คอนโดมิเนียม

คอนโดมิเนียม

สิทธิประโยชน์ด้านการดูแลรักษาพยาบาล

  • มีพยาบาลประจำอยู่ 24 ชม. คอยดูแลหากเจ็บป่วยฉุกเฉิน
  • กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน : สามารถใช้บริการของสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ หรือโรงพยาบาลอื่นๆ ตามสิทธิของบุคคลนั้นๆ หรือหากเจ็บป่วยในระดับปฐมภูมิ สามารถใช้บริการห้องตรวจผู้ป่วยนอก หรือ Extended OPD ที่ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจรและบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย (มีค่าใช้จ่ายตามสิทธิการรักษา)
  • โครงการมีการจัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ : ใช้ระบบสมาชิกหรือรูปแบบผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Health Package) ให้เลือกค่าใช้จ่ายตามที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
  • เมื่อเข้าสู่ภาวะติดเตียงและเป็นผู้ป่วยระยะท้าย : สามารถใช้บริการ Nursing Home Zone หรือพื้นที่ส่วนให้การดูแลสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการพักฟื้นและฟื้นฟูสุขภาพ โดยมีหลักเกณฑ์และค่าใช้จ่ายตามที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด
  • สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพอื่นๆ : เป็นไปตามที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีกำหนด

รูปแบบห้องพักอาศัย

Image 1/9
1 Bedroom พื้นที่ 31.71 ตร.ม.

1 Bedroom พื้นที่ 31.71 ตร.ม.

ห้องพักอาศัยภายในโครงการจะเป็น 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 31.71 – 49.66 ตร.ม. ราคา 1.82 – 3.05 ล้านบาท* ซึ่งออกแบบเป็นห้องหน้ากว้างอยู่เหมือนกัน เปิดรับวิวได้กว้าง อีกทั้งมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้พร้อมอยู่อาศัยเลย

แต่สำหรับปัจจุบันห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 49.66 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่สุดในโครงการได้จองสิทธิ์เต็มแล้ว รวมถึงทางโครงการยังอยู่ในช่วงปิดระบบจองสิทธิ์โครงการชั่วคราวนะคะ หากใครสนใจโครงการนี้ก็จะต้องติดตามว่าทางโครงการจะกลับมาเปิดระบบจองสิทธิ์อีกเมื่อไหร่ค่ะ

Image 1/10
ภาพบรรยากาศห้องตัวอย่าง

ภาพบรรยากาศห้องตัวอย่าง

เรามองว่าโครงการนี้เหมาะกับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ รูปแบบสิทธิ์การเช่าถือครองระยะยาว 30 ปี (หรือ Leasehold) ราคาจับต้องได้ง่ายกว่าคอนโดของเอกชน มีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศภายในโครงการดี ส่วนกลางหลากหลาย อีกทั้งออกแบบตามหลัก Universal Design และยังอุ่นใจเพราะได้อยู่ใกล้หมอจากโรงพยาบาลรามาธิบดีด้วยนั่นเอง

หากใครอยากอ่านรายละเอียดโครงการแบบเจาะลึกสามารถกดอ่านได้ที่นี่เลย >> Senior Complex ศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร

จากตารางจะเห็นว่า “บ้านพักคนชราที่รัฐฯสนับสนุน” อย่างศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศพส.) รวมทั้งหมด 12 แห่งที่รวมถึงบ้านบางแคด้วย จะมีทั้งแบบอยู่ฟรี (แต่ต้องตรงตามเงื่อนไข) และแบบเสียค่าใช้จ่ายที่มีราคาเริ่มต้นหลักพันต่อเดือน ซึ่งถือเป็นบ้านผู้สูงอายุที่ราคาเอื้อมถึงง่ายสุด แต่ก็แลกมากับสิทธิ์การเข้าพักที่มีจำนวนน้อย ต้องต่อคิวนาน

หากใครที่พอมีเงินเก็บเป็นก้อนก็มองเป็น สวางคนิเวศ และ Senior Complex ได้ มีราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งาน สามารถส่งตัวผู้สูงอายุไปโรงพยาบาลได้และสิทธิ์การเข้าพักที่สูงกว่า แต่สำหรับ Senior Complex มีเงื่อนไขเป็น Leasehold เช่าระยะยาว 30 ปีและยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง จึงถือเป็นโครงการใหม่สุดเลยค่ะ


หลังจากที่เราได้พาไปดูกลุ่ม “บ้านพักคนชราที่รัฐฯสนับสนุน” แล้ว จะพบว่าส่วนใหญ่เงื่อนไขสิทธิ์เข้าพักอาศัยจะเป็นผู้สูงอายุที่สามารถดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันได้ประมาณนึง แต่ถ้าเป็นกลุ่มวัยเกษียณที่สุขภาพไม่แข็งแรง อาจจะมีโรคประจำตัว อยู่ในระยะพักฟื้นหรือดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม. ก็สามารถมองเป็นการจ้างคนที่มีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงมาที่บ้านเราได้เลย มีราคาต่อเดือนประมาณ 20,000 บาท หรือเลือกเป็น “บ้านพักคนชราของเอกชน” ที่เป็นรูปแบบของการเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนก็ได้เหมือนกัน

“บ้านพักคนชราของเอกชน”

“บ้านพักคนชราของเอกชน” ในแต่ละแห่งจะมีความเชี่ยวชาญหรือถนัดดูแลผู้สูงอายุที่แตกต่างกัน จึงต้องเลือกดีๆว่าบ้านพักคนชรานั้นๆมีบริการที่ตรงกับความต้องการหรืออาการป่วยของผู้สูงอายุของคนนั้นๆไหม นอกจากนั้นการเลือกทำเลที่ใกล้บ้านก็ทำให้ครอบครัวหรือญาติพี่น้องสามารถเดินทางมาเยี่ยมได้ง่ายด้วยค่ะ ส่วนเรื่องของค่าใช้จ่าย จากที่เราได้หาข้อมูลตัวอย่างบ้านพักคนชราของเอกชนในพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ประมาณ 12,000 บาท/ เดือนค่ะ

จากตารางตัวอย่าง บ้านพักคนชราของเอกชน จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนค่อนข้างสูงและหากมองว่าอยู่แบบระยะยาว 20 ปี อาจจะต้องมีเงินจ่ายรวมๆแล้ว 3-4 ล้านบาทขึ้นไปถือว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณนึงเลยนะ สำหรับเราจึงมองว่าการอยู่บ้านพักคนชราของเอกชนอาจจะไม่เหมาะกับการอยู่ระยะยาวเท่าไหร่ แต่เหมาะอยู่เป็นช่วงสั้นๆหรือช่วงบั้นปลายของชีวิตที่ร่างกายเริ่มทรุดโทรม ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดมากกว่าค่ะ

สรุป “บ้านพักคนชรา”

บ้านพักชราที่รัฐฯสนับสนุน เป็นตัวเลือกที่อยู่อาศัยวัยเกษียณแบบงบประหยัด มีเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวันได้ แต่หากเป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิดหรือเป็นผู้ป่วยติดเตียงก็จะต้องเลือกเป็นบ้านพักคนชราของเอกชนที่มีการดูแลและบริการได้ตรงตามความต้องการ แต่หากเทียบในระยะยาวแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่เหมือนกัน

ดังนั้นเราจึงต้องดูแลสุขภาพให้ดี เพื่อให้เป็นผู้เกษียณอายุที่แข็งแรงและลดโอกาสการเป็นผู้ป่วยติดเตียงให้สั้นหรือน้อยที่สุด (จะได้มีสิทธิ์เข้าพักบ้านพักชราที่รัฐฯสนับสนุน หรือ มีค่าใช้จ่ายในบ้านพักคนชราของเอกชนที่น้อยลง) รวมถึงต้องวางแผนการเงินสำหรับเกษียณไว้แต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะคนโสดหรือไม่ได้มีลูกหลานมาดูแล ซึ่งใครที่มีรายได้น้อย จ่ายได้เดือนละหลักพันก็เลือกต่อคิวเข้าพักที่บ้านบางแคได้ หรือใครที่มีงบมากขึ้นมาหน่อยก็มีตัวเลือกเป็นสวางคนิเวศหรือ Senior Complex ที่ต้องมีเงินก้อนในการเข้าพักอาศัยนั่นเองค่ะ

นอกจากนั้นใครที่มีเงินเก็บเยอะประมาณนึงก็สามารถมองเป็น “บ้านและคอนโดผู้สูงอายุ” ที่มีให้เลือกหลากหลายแห่งและไม่ต้องรีบจองสิทธิ์การเข้าพักเหมือนบ้านพักคนชราค่ะ ซึ่งทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> ส่องเทรนด์ “วัยเกษียณ” พร้อมอัพเดท 10 โครงการบ้านและคอนโดตอบโจทย์ผู้สูงอายุ ปี 2024

รวมถึงเราก็มีตัวอย่างการคำนวณคร่าวๆสำหรับคนที่กำลังวางแผนเกษียณด้วย >> บ้านพักคนชรา-คอนโดผู้สูงอายุ อยู่ 20 ปี หลังเกษียณต้องใช้เงินเท่าไหร่


เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับบทความ “ที่อยู่อาศัยวัยเกษียณ” ของรัฐฯ และเอกชน งบประหยัด! ทั้งแบบเช่าและซื้อ เราหวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังวางแผนเกษียณ รวมถึงเปลี่ยนมุมมองต่อที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุไปในเชิงบวกมากขึ้น เพราะปัจจุบันก็มีวัยเกษียณหลายคนเลือกที่จะมาอยู่บ้านผู้สูงอายุด้วยตนเองทั้งคนโสด คู่รักที่ไม่ต้องการมีลูก หรือแม้แต่คนที่ไม่อยากจะเป็นภาระของลูกหลานค่ะ

นอกจากนั้นที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุเองก็ออกแบบห้องพักให้อยู่อาศัยได้สะดวกสบาย มีส่วนกลางให้ใช้งาน พร้อมอยู่ร่วมกับเพื่อนๆในวัยเดียวกันและมีบริการพยาบาลคอยดูแลด้วย ทำให้วางใจได้ว่าจะอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขไม่ต่างกับอยู่ที่บ้านเลยนะ ไว้ครั้งหน้าทาง Think of Living จะมีบทความน่าสนใจอะไรอีกบ้าง ติดตามกันต่อได้เลย 😊