รีวิวห้องตัวอย่างบ้านเพื่อคนไทย โครงการที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยของรัฐที่ได้ทำเลดี โดยนำที่ดินของการรถไฟมาพัฒนาต่อให้สิทธิในการเช่าถึง 99 ปี เรียกได้ว่าอยู่กันได้ยาวๆ ถึง 2-3 Generation เลยนะคะ ห้องตัวอย่างแต่ละห้องที่เราไปดูมาก็น่าอยู่ไม่แพ้โครงการเอกชนเลยค่ะ
ผู้บริหารโครงการนี้คือ SRT Asset (บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด) มีตัวย่อว่า อทส. ซึ่งเป็นผู้กำหนดราคา สเปควัสดุ เงื่อนไข ข้อกำหนดต่างๆ ของโครงการบ้านเพื่อคนไทย ข้อมูลที่แน่ชัดก็จะเปิดเผยในเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.thนะคะ
ส่วนเรื่องของการกู้สินเชื่อบ้านจะบังคับกู้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งจะเป็นผู้ดูแลในส่วนของการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่มีสิทธิซื้อบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งเราไม่สามารถซื้อเงินสดได้นะคะ ต้องผ่อนกับ ธอส. เท่านั้น
หลังจากที่มีการเปิดให้จองและชมห้องตัวอย่างบ้านเพื่อคนไทยแล้ว ก็มีคำถามมากมายที่หลายคนสงสัยทั้งในเรื่องสิทธิลงทะเบียน เรื่องราคา เรื่องห้องตัวอย่าง เราจึงรวบรวมออกมาเป็น 10 เรื่องต้องรู้ก่อนจองบ้านเพื่อคนไทย นะคะ
– บ้านเพื่อคนไทยราคาเท่าไหร่?
– ผ่อนเริ่มต้น 4,000 บาท ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายจริงมั้ย?
– เจาะลึกห้องตัวอย่างบ้านเพื่อคนไทย แบบไหนเหมาะกับเรา?
– ใครซื้อได้บ้าง?
– ลงทะเบียนรับสิทธิบ้านเพื่อคนไทยได้ทางไหน?
– ถ้าลงทะเบียนเลือกห้องที่ราคาสูงเกินไป แล้วกู้ไม่ผ่าน จะสามารถเปลี่ยนเป็นห้องที่ราคาถูกลงได้มั้ย?
– เปิดให้ลงทะเบียนถึงเมื่อไหร่?
– บ้านเพื่อคนไทยมีที่ไหนบ้าง? แต่ละทำเลมีห้อง-บ้านแบบไหนบ้าง?
– ปล่อยเช่าได้มั้ย? ขายต่อได้มั้ย?
– ผ่อนไม่ไหวทำอย่างไร?
ไปหาคำตอบกันเลยค่ะ
คำถาม : บ้านเพื่อคนไทยราคาเท่าไหร่
คำตอบ : ราคา Package ทาง SRT Asset ยังไม่คอนเฟิร์มออกมานะคะ มีข้อมูลแค่ผ่อนเริ่มต้น 4,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี ก็ถือว่าเป็นดอกเบี้ยราคาพิเศษที่ถูกกว่าการกู้ซื้อโครงการทั่วไปในตลาด
เราจึงไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ ธ.อ.ส. ดูว่าถ้าผ่อนเริ่มต้น 4,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.5% จำนวน 30 ปี น่าจะมียอดกู้ที่เท่าไหร่ ซึ่งทาง ธ.อ.ส. ก็คำนวณคร่าวๆ ว่าน่าจะประมาณ 1.2 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นราคาของไซส์เริ่มต้น คือคอนโดขนาด 30 ตร.ม. แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพียงการคาดการณ์ ยังต้องรอคอนเฟิร์มราคาจากทาง SRTA จะถูกต้องที่สุดค่ะ
คำถาม : ผ่อนเริ่มต้น 4,000 บาท ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายจริงมั้ย?
คำตอบ : ราคาผ่อนเริ่มต้นที่ 4,000 บาทได้จริงนะคะในกรณีของห้องที่มีราคาขายประมาณ 1.2 ล้านบาท แต่ต้องสอบถามต่อว่าเป็นราคาผ่อนเริ่มต้นของทุกแบบห้องทุกทำเลเลยรึเปล่า ซึ่งเราเดาเลยว่าไม่ใช่ เพราะค่าผ่อนจะขึ้นอยู่กับราคาห้องที่เรากู้ด้วยค่ะ อย่างเช่นคอนโด 30 ตร.ม. ผ่อนเริ่มต้นที่ 4,000 บาท แต่คอนโด 40 ตร.ม. ที่มีราคาห้องสูงกว่า ก็ต้องมีค่าผ่อนที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีเรื่องของทำเลด้วยว่า ทำเลที่ต่างกัน ในเมือง-ชานเมือง ก็น่าจะมีผลกับราคาที่ไม่เท่ากันด้วย
หากถามว่าอัตราดอกเบี้ย 2.5% จะคงที่ไปกี่ปีคงต้องสอบถามกับทางธนาคารอีกครั้งค่ะ เบื้องต้นทาง ธอส. ให้ข้อมูลว่าดอกเบี้ย 2.5% จะเป็นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้น ต่อไปอาจมีการปรับขึ้นตามปกติของดอกเบี้ยบ้านอยู่แล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าเราไม่ได้ผ่อน 4,000 บาทไปตลอด 30 ปีนะคะ
อีกประเด็นคืออายุของผู้กู้ ยกตัวอย่างเช่นผู้กู้ 2 คน ที่มีอายุ 30 กับ 40 ปี หากธนาคารกำหนดให้ผ่อนบ้านได้ถึงอายุ 60 ปี ในกรณีของผู้ที่มีอายุ 30 จะผ่อนได้อีก 30 ปี และกรณีของผุ้ที่อายุ 40 จะผ่อนได้อีก 20 ปี นั่นทำให้ค่าผ่อนของเคสอายุ 40 จะมากกว่า เพราะมีเวลาน้อยกว่าในการปิดหนี้บ้านนั่นเอง จึงต้องคำนวณค่าผ่อนเป็น Case by Case ไปนะคะ
และค่าผ่อนนี้อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย อย่างเช่น ค่าประกันอัคคีภัยที่บังคับทำเมื่อกู้ซื้อบ้าน รวมถึงค่าส่วนกลางซึ่งตามปกติจะคำนวณตามขนาดของพื้นที่ใช้สอย ยกตัวอย่างเช่น หากค่าส่วนกลางของคอนโดมีราคา 30 บาท/ตร.ม./เดือน สำหรับห้องพื้นที่ 30 ตร.ม. จะมีค่าใช้จ่ายเท่ากับ 30×30 = 900 บาท/เดือนค่ะ
คำถาม : ห้องตัวอย่างบ้านเพื่อคนไทย แบบไหนเหมาะกับใคร?
คำตอบ : แบบห้องพักและแบบบ้านในโครงการนี้ มีให้เลือกทั้งหมด 5 แบบ ดังนี้
คอนโดมิเนียม
- 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม. เหมาะกับ การอยู่อาศัย 1-2 คน ที่ไม่ได้ทำอาหารกลิ่นและควันฉุนเป็นประจำ
- 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 40 ตร.ม. เหมาะกับ การอยู่อาศัย 2-3 คน ซึ่งห้องนอนรองจะอยู่ติดกับครัว จึงไม่เหมาะกับครอบครัวที่ทำอาหารกลิ่นและควันฉุนเป็นประจำ
- 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 45 ตร.ม. เหมาะกับ การอยู่อาศัย 2-4 คน ได้ห้องนอนใหญ่ทั้งคู่ ห้องครัวอยู่ติดหน้าต่าง เปิดระบายกลิ่นควันได้สะดวก ใครชอบทำอาหารแนะนำแบบนี้นะคะ
- 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 51 ตร.ม. เหมาะกับ การอยู่อาศัย 2-4 คน ภายในห้องมี 2 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ จึงจัดเป็นห้องนอนได้สูงสุด 3 ห้องเหมาะกับครอบครัวที่ลูกๆ โตแล้วอยากแยกห้องนอนกันคนละห้อง แต่ไม่เหมาะกับครอบครัวที่ทำอาหารกลิ่นและควันฉุนเป็นประจำค่ะ
บ้าน
- บ้านเดี่ยวชั้นเดียว ที่ดิน 50 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 50 ตร.ม. เหมาะกับ ครอบครัวที่มีสมาชิก 2-4 คน หากอยู่อาศัย 4 คนต้องเป็นครอบครัวที่แบ่งนอนห้องละ 2 คนได้ มีรถยนต์ 2 คัน
ห้องเริ่มต้นของโครงการบ้านเพื่อคนไทยเป็น 1 ห้องนอนขนาด 30 ตร.ม. แปลนนี้ถือว่าเป็น หนึ่งในแปลนยอดนิยมของคอนโดในยุคนี้ เพราะเป็นแปลนที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่ตรงกลางห้องพอดี เราจึงสามารถเลื่อนประตูเปิดออกเพื่อให้ห้องเชื่อมต่อกันแบบกว้างๆ ก็จะนอนดูทีวีจากบนเตียงได้เลย หรือหากอยู่อาศัยกัน 2 คน แล้วเข้านอนไม่พร้อมกัน ก็สามารถปิดประตูบานเลื่อนให้เสียงจากห้องนั่งเล่นไม่เข้าไปรบกวนห้องนอนได้ แนะนำให้ติดม่านระหว่างห้องเพิ่มอีกสักนิด เพื่อไม่ให้แสงจากห้องนั่งเล่นเข้าไปรบกวนค่ะ
พื้นที่ครัวจะอยู่บริเวณหน้าห้องเลย เป็นครัวเปิดขนาดกระทัดรัด ดูแล้วเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารทานเองบ่อยๆ และเป็นอาหารที่มีกลิ่นควันไม่ฉุนมาก ซึ่งก็พอจะเปิดระบายไปทางระเบียงได้ ในส่วนของห้องน้ำจะอยู่ด้านในห้องนอน แบ่งพื้นที่โซนเปียก-แห้งออกเป็นสัดส่วน
สรุปของที่ให้ในแต่ละห้อง (ข้อมูลจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ SRT Asset)
ห้องครัว – ตู้เย็น, โต๊ะทานอาหาร, พื้นปูกระเบื้อง
ห้องนั่งเล่น – ชุดโซฟา, ทีวี, แอร์, พื้นไม้ลามิเนต
ห้องนอน – ฐานเตียง, ตู้เสื้อผ้า, แอร์, พื้นไม้ลามิเนต
ห้องน้ำ – อ่างล้างหน้า, ฝักบัวอาบน้ำ, ที่วางสบู่, สุขภัณฑ์ (ยังไม่คอนเฟิร์มว่ารวมระบบอัตโนมัติ), ปูกระเบื้องให้ทั้งพื้นและผนัง
>> ก่อนไปชมห้องตัวอย่างต้องบอกก่อนเลยว่า ของในห้องที่ทางโครงการไม่ได้ให้จะมีสติ๊กเกอร์สีแดงติดไว้ ให้เราสังเกตดูได้เลยนะคะ <<
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับครัวเป็นโซนแรก เค้าวางแปลนให้เราสามารถ Built-in เคาน์เตอร์ครัวเป็น 2 ฝั่งตามแบบในห้องตัวอย่างได้ ซึ่งห้องจริงจะได้เป็นพื้นที่โล่งไม่มีเคาน์เตอร์ครัวนะคะ แต่จะมีตู้เย็นมาให้ขนาด BTU จะพอๆ กับในห้องตัวอย่างเลย
เราแนะนำให้แบ่งพื้นที่ติดกับประตูส่วนหนึ่งไว้ทำเป็นตู้เก็บรองเท้า เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย หากใครอยากกั้นประตูครัวเพิ่มเพื่อกันกลิ่นควันเราดูจากแนวผนังแล้วทำได้นะคะ แต่ด้วยพื้นที่หน้าห้องไม่กว้างมากจะทำให้โซนนี้อึดอัดไปหน่อย ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่เหมาะสักเท่าไหร่ จะเหมาะกับการเปิดโล่งไว้แบบนี้ เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนที่ไม่ได้ทำอาหารที่มีกลิ่นและควันฉุนๆ เป็นประจำ
เข้ามาด้านในเป็นพื้นที่ทานอาหารต่อเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น เรารู้สึกว่าพื้นที่กว้างพอสมควร เดินผ่านไปมาได้ไม่อึดอัด และชอบที่สามารถนั่งทานข้าวไปดูทีวีไปได้ ซึ่งเราจะได้โต๊ะทานอาหารพร้อมเก้าอี้มาด้วยนะคะ แต่จะเหมือนตามแบบในห้องตัวอย่างหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่เค้ายังไม่คอนเฟิร์มนะคะ
ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นจะได้ชุดโซฟาและทีวีมาด้วย แต่จะไม่ได้ชั้นวางของหน้าทีวีนะคะ เราว่าห้องดูโปร่งโล่ง น่าจะอยู่ได้สบายเลยค่ะ ด้วยฝ้าเพดานของห้องสูง 2.45 เมตร ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของคอนโดทั่วไป และประตูระเบียงก็ได้เป็นบานใหญ่เปิดรับแสงและวิวเข้ามาแบบเต็มที่
แอร์จะได้มา 2 เครื่อง ติดตั้งในห้องนั่งเล่นและห้องนอน จึงไม่ต้องติดเพิ่มแล้วนะคะ
ระเบียงออกแบบมาให้มีขนาดประมาณ 1.6×2.5 เมตร ซึ่งต้องใช้วางคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 เครื่องแน่ๆ ดูแล้วน่าจะแขวนไว้ด้านบนได้ เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ แต่จะวางเครื่องซักผ้าได้หรือไม่ยังไม่แน่ใจ ต้องดูว่าทางโครงการวางระบบน้ำบริเวณนี้มาให้มั้ยนะคะ
มาต่อกันที่ห้องนอนอย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ต้นว่ามี Highlight เป็นประตูกระจกบานเลื่อนอยู่ตรงกลางห้อง ถ้าเปิดก็ได้ความโปร่งโล่งแบบในรูป ถ้าปิดก็ทำให้ห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวขึ้น
ภายในห้องจะวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ตรงกลาง ซึ่งจะให้มาเฉพาะฐานเตียงนะคะ ฟูกที่นอนเราต้องซื้อเพิ่มเอง รวมถึงโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ติดกับหน้าต่างก็จะไม่ได้ให้มาเช่นกัน แต่ตู้เสื้อผ้าทางโครงการจะให้มาด้วยค่ะ
แม้ว่าห้องน้ำจะมีขนาดกะทัดรัด แต่ก็แบ่งโซนเปียกโซนแห้งออกจากกันไว้ชัดเจน แนะนำให้ติดฉากกั้นกระจกเพิ่มอีกนิดก็ช่วยแก้ปัญหาน้ำกระเด็นได้แล้วค่ะ เพราะเค้าวางแปลนไว้รองรับการกั้นโซนอยู่แล้วนะ
ภายในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์มาครบถ้วนตามแบบในห้องตัวอย่าง ได้แก่ อ่างล้างหน้าของ American Standard ซึ่งยี่ห้อของสุขภัณฑ์จะใช้ของ American Standard เป็นหลักนะคะ
สุขภัณฑ์คือมีแน่ๆ แต่ฝารองนั่งอัตโนมัตินั้นทางเจ้าหน้าที่บอกเราว่ายังไม่คอนเฟิร์มว่าจะได้นะคะ ซึ่งก็มีสติเกอร์สีแดงติดอยู่ด้วย ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ได้ให้นะ
พื้นที่อาบน้ำขนาดกะทัดรัด พื้นผนังกรุกระเบื้องทั้งหมดจึงทำความสะอาดง่าย
ภายในพื้นที่อาบน้ำออกแบบมาให้มีพื้นที่วางของด้วยค่ะ ไม่ต้องติดชั้นวางของให้เกะกะเลย ติดแค่เครื่องทำน้ำอุ่นและฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มก็พร้อมใช้งานแล้ว
ขยับมาที่ห้องไซส์ใหญ่ขึ้นเป็น 2 ห้องนอน ขนาด 40 ตร.ม. ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้างจึงได้หน้าต่างเยอะเลย ฟังก์ชันหลักๆ ทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นจึงติดหน้าต่างและระเบียงกันหมด ภายในห้องจึงดูโปร่งโล่งมาก
ห้องนี้ได้ครัวที่ใหญ่ขึ้นกว่าห้องแรก มีพื้นที่ให้ทำอาหารได้สะดวกขึ้น แต่ตำแหน่งโต๊ะทานอาหารจะอยู่ด้านในสุด แบบนี้จะมองทีวีไม่เห็น ถ้าเป็นเราคงย้ายไปทานข้าวที่หน้าทีวีแน่ๆ เราคงหาโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ไปตั้งข้างโซฟาเพิ่มแทนค่ะ
ห้องนอนรองอยู่ในตำแหน่งที่ติดกับห้องครัวเลย จึงเหมาะกับการทำครัวที่ไม่ได้มีกลิ่นควันฉุนมากๆ ไม่อย่างนั้นคงเล็ดลอดเข้ามาในห้องแน่ๆ
ในส่วนของนอนหลักอยู่ด้านหลังห้องนั่งเล่นและมีประตูบานเลื่อนเปิด-ปิดได้คล้ายห้องแบบแรกจึงใช้งานได้สะดวก ทั้ง 2 ห้องนอนต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันนะคะ
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวเป็นลำดับแรก ห้องจริงจะเป็นห้องเปล่ามีให้เฉพาะตู้เย็นและโต๊ะทานอาหารนะคะ ตรงนี้แอบลุ้นเลยว่าตำแหน่งของตู้เย็นอาจจะเปิดปิดลำบาก เพราะอยู่ตรงกับโต๊ะทานอาหาร ขึ้นอยู่กับประตูตู้แล้วค่ะว่าจะเปิดฝั่งซ้ายหรือขวา
ติดกับครัวเป็นห้องนอนรองจึงไม่เหมาะจะทำอาหารที่มีกลิ่นฉุนสักเท่าไหร่ และหากใครอยากทานข้าวไปด้วยดูทีวีไปด้วย คงต้องหาโต๊ะไปเสริมบริเวณโซฟาแทน
ห้องนอนรองมีขนาดเพียงพอสำหรับวางเตียงเดี่ยว 3.5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้ ซึ่งทางโครงการจะมีฐานเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้ครบถ้วน หน้าต่างของห้องจะเปิดไปเจอกับระเบียงพอดี ถ้าอยากได้วิวสวยๆ ก็แนะนำให้ใช้เครื่องอบผ้าแทนเครื่องซักผ้า จะได้พบเก็บได้เลยไม่ต้องตาก
ห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับหน้าต่างและระเบียงจึงมีบรรยากาศที่ดูโปร่ง ซึ่งโซนนี้จะได้ชุดโซฟา, ทีวี และแอร์ครบถ้วน ยกเว้นชั้นวางทีวีนะคะ
ระเบียงห้องไม่ได้กว้างมาก แต่ก็พอให้วางกระถางต้นไม้เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ดูร่มรื่น และวางราวตากผ้าได้นะคะ
ห้องน้ำได้ขนาดตามมาตรฐานเหมือนคอนโดทั่วๆ ไปเลย ชุดสุขภัณฑ์ได้มาครบ ใช้ยี่ห้อ American Standard เป็นหลัก ย้ำอีกรอบว่าสุขภัณฑ์อาจจะไม่ได้ฝารองนั่งอัตโนมัตินะคะ
ในส่วนของห้องนอนหลักได้พื้นที่พอสำหรับวางเตียงขนาด 5 ฟุต และเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงได้ฝั่งหนึ่ง
จากเตียงนอนจะอยู่ติดกับหน้าต่างพอดี จึงนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลยนะคะ แถมหน้าต่างยังสามารถเปิดรับลมระบายอากาศได้กว้างเลย
อีกฝั่งหนึ่งจะ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้ามาให้เป็นตู้ใหญ่เปิดได้ 3 บานแบบนี้เลย แต่โต๊ะเครื่องแป้งจะไม่ได้ให้มาด้วยค่ะ
ห้องไซส์นี้เป็นตำแหน่งห้องมุมของตึกจึงมีจำนวนห้องให้เลือกไม่มากนัก เราว่าแปลนห้องนี้เป็น 2 ห้องนอนที่ดูลงตัวเพราะห้องนอนทั้ง 2 ห้องมีขนาดใหญ่ วางตำแหน่งเข้ามุมได้ความเป็นส่วนตัว ได้แสงธรรมชาติและเปิดรับลมได้
โครงการจัดพื้นที่ครัว – นั่งเล่น – ทานอาหาร ไว้ตรงกลางห้อง ซึ่งทุกฟังก์ชันจะมีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้ หากครอบครัวไหนชอบทำอาหารเราว่าแปลนนี้เปิดระบายกลิ่นควันง่ายที่สุดแล้ว เราชอบพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดกับโต๊ะทานอาหารแบบนี้จะได้นั่งดูทีวีไปด้วย ทานข้าวไปด้วยได้ยาวๆ ห้องน้ำมีขนาดพอๆ กันทุกแบบเลย น่าจะใช้งานได้พอดีๆ ค่ะ
เปิดประตูเข้ามาปุ๊บจะเจอกับชั้นวางของ ซึ่งเหมาะจะทำเป็นตู้เก็บรองเท้าและชั้นวางของที่ต้องหยิบใช้บ่อยๆ เวลาเข้า-ออกห้อง เช่น กุญแจ, ร่ม เป็นต้น ห้องจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ เราจึงออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับเราได้เลย ถัดเข้าไปเป็นโซนครัวเปิดที่สามารถทำเคาน์เตอร์ได้ทั้ง 2 ฝั่ง และหากอยากระบายกลิ่นควันก็สามารถเปิดหน้าต่างออกได้
พื้นห้องในโซนแรกปูด้วยกระเบื้องยาวไปจนถึงห้องครัว จึงเช็ดทำความสะอาดง่าย พื้นห้องส่วนอื่นๆ จะปูด้วยไม้ลามิเนตให้บรรยากาศที่อบอุ่นนะคะ
ห้องนอนแรกจะอยู่บริเวณหน้าห้องนี่แหละค่ะ ได้ประตูปิดทึบเป็นสัดส่วน
ภายในห้องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับเตียงนอนขนาด 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้า ซึ่งทางโครงการจะมีฐานเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้เหมือนในห้องตัวอย่าง
ประเด็นหนึ่งที่ยังสงสัยและเจ้าหน้าที่ยังไม่คอนเฟิร์มคือ ช่องเปิดของห้องนี้เป็นหน้าต่างหรือประตูระเบียง เพราะในห้องตัวอย่างทำออกมาเป็นหน้าต่าง แต่ในแปลนเป็นประตูบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียงนะคะ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็รับแสงธรรมชาติและเปิดรับลมได้ทั้งคู่ค่ะ
ตู้เสื้อผ้าให้มาขนาดใหญ่เลยนะคะ เป็นบานเปิดแบบ 3 ตอน
ถัดเข้ามาด้านในพื้นที่ทานอาหาร สามารถวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งได้เลย ซึ่งโครงการก็จะมีชุดโต๊ะทานอาหารมาให้ด้วย มุมนี้ดูน่านั่งทานข้าวเลย เห็นทั้งทีวีและรับวิวด้านนอกได้ด้วย
พื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ด้านในติดระเบียงจึงได้บรรยากาศที่ดูโปร่งโล่ง โซนนี้จะได้ชุดโซฟาและทีวีค่ะ
ระเบียงห้องไม่กว้างนักแต่ก็พอให้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศได้ สามารถจัดสวนกระถางเพิ่มความร่มรื่นได้
ห้องนอนอีกห้องหนึ่งจะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น และอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ จึงใช้งานได้สะดวก ใครที่เข้าห้องน้ำเวลากลางคืนบ่อยๆ แนะนำให้อยู่ห้องนี้จะใกล้กว่าห้องแรกนะคะ
ภายในห้องมีขนาดใหญ่กว่าห้องแรก เพราะนอกจากจะวางเตียง 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้แล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานเพิ่มเติมได้ด้วยค่ะ
ห้องน้ำจะเหมือนกับ Type อื่นๆ เลย ได้ขนาดตามมาตรฐานเหมือนคอนโดทั่วๆ ไป ชุดสุขภัณฑ์ได้มาครบ ใช้ยี่ห้อ American Standard เป็นหลัก
2 ห้องนอนอีกแบบหนึ่งจะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่สุด 51 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้เค้าไม่ได้มีห้องตัวอย่างให้ชมนะ เราจึงมีแต่แปลนมาฝากกัน แปลนนี้เป็นแปลนเดียวที่ให้ห้องน้ำมา 2 ห้อง โดยในห้องนอนหลักจะมีห้องน้ำในตัว
แปลนนี้จัดเป็นห้องนอนได้สูงสุดถึง 3 ห้องนอนเลย เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 2-4 คน ซึ่งหากครอบครัวไหนที่ลูกโตแล้วอยากแยกห้องนอนแปลนนี้ก็รองรับได้ หรือหากอยากมีห้องอเนกประสงค์สำหรับทำเป็นห้องทำงานห้องนี้ก็ตอบโจทย์
พื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ติดกับพื้นที่ทานอาหาร ใช้งานได้ลงตัว แต่ในส่วนของห้องครัวจะอยู่ด้านในไม่ติดหน้าต่าง จึงดูแล้วไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นและควันฉุนๆ นะคะ
มาดูบ้าน 50 ตร.ม. กันบ้าง แม้ว่าขนาดจะพอๆ กับคอนโดมิเนียม แต่พอจัดฟังก์ชันออกมาแล้วก็ดูลงตัว น่าจะอยู่อาศัยได้สบายเลยค่ะ เริ่มจากที่จอดรถ 2 คันอยู่บริเวณหน้าบ้าน
ภายในตัวบ้านแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งขวาเป็นพื้นที่ที่สมาชิกจะมาใช้ร่วมกัน ได้แก่ พื้นที่นั่งเล่น-ทานอาหาร-โซนครัว ส่วนฝั่งซ้ายเป็นตำแหน่งของห้องนอนทั้ง 2 ห้อง
ตัวบ้านจะวางชิดที่ดินฝั่งหนึ่ง ทำให้เหลือพื้นที่รอบบ้านขนาดใหญ่ เพราะที่ดินก็ให้มาถึง 50 ตร.ว. ตามมาตรฐานของบ้านเดี่ยวเลยค่ะ
บ้านตัวอย่างที่เค้าจำลองขึ้นมาจะมาเฉพาะตัวบ้าน 50 ตร.ม. นะคะ ในภาพนี้จะเป็นพื้นที่หน้าบ้าน มีประตูบานเลื่อน 2 ฝั่ง ฝั่งขวาจะเป็นทางเข้าหลัก ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นประตูห้องนอนที่สามารถเปิดเชื่อมมายังสวนหน้าบ้านได้
เข้ามาในบ้านส่วนแรกเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี มีความกว้างพอให้วางชุดโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้เลย ซึ่งเราก็จะได้ชุดโซฟาและทีวีมาด้วยนะคะ ยกเว้นชั้นวางทีวีและตู้เก็บของที่เราจะต้องซื้อเพิ่มเองนะ
บริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้มีหน้าต่างให้เปิดรับลม ระบายอากาศได้สะดวก
ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่ทานอาหาร วางโต๊ะขนาด 3-4 ที่นั่งได้ และยังมีพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้เก็บของได้ด้วยนะคะ
ด้านข้างโต๊ะทานอาหารจะติดกับประตูกระจกบานเลื่อน ให้เดินเชื่อมออกไปสวนข้างบ้านได้ ติดกันเป็นครัวที่กั้นโซนไว้เป็นสัดส่วน
ภายในครัวมีพื้นที่ขนาดใหญ่พอสมควร สามารถ Built-in เคาน์เตอร์ครัวได้ถึง 3 ฝั่ง ตามแบบในบ้านตัวอย่าง แต่เราจะได้มาเฉพาะตู้เย็นนะคะ เคาน์เตอร์เราต้องมา Buit-in เอง และในห้องนี้มีพื้นที่พอสำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยนะคะ
ภายในห้องครัวจะมีหน้าต่าง 2 ฝั่งให้เปิดระบายกลิ่นควันได้
อีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้านเป็นพื้นที่ของห้องนอน 2 ห้องทางฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน และในบ้านจะมีห้องน้ำ 1 ห้อง จึงต้องแชร์กันใช้ทั้งบ้านนะคะ
ภายในห้องน้ำจะจัดโซนอ่างล้างหน้าไว้เป็นโซนแรก ถัดเข้าไปจึงเป็นโถสุขภัณฑ์ และด้านในที่อยู่หลังกำแพงคือพื้นที่อาบน้ำ แนะนำให้ทำฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกสักนิด เพื่อแบ่งโซนเปียกโซนแห้งให้ชัดเจนขึ้น จะได้ไม่ต้องกลัวน้ำกระเด็นค่ะ
ห้องนอนทั้ง 2 ห้องมีขนาดพอๆ กันนะคะ ห้องกว้างทั้งคู่ วางเตียงขนาด 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง, ชั้นวางทีวีได้ครบเลย แต่เฟอร์นิเจอร์ที่เราจะได้มีแค่ฐานเตียงและตู้เสื้อผ้านะคะ ห้องนี้จะมีหน้าต่าง 2 บานจึงเปิดให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ปิดท้ายด้วยห้องนอนฝั่งหน้าบ้าน Highlight ของห้องนี้จะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปสวนหน้าบ้านได้ และมีหน้าต่างให้ลมถ่ายเทได้สะดวก ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์จะได้เหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยค่ะ
คำถาม :ใครซื้อได้บ้าง?
คำตอบ :
- ผู้ที่มีสิทธิซื้อได้ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย
- เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน ซึ่งก็คือ 20 ปีบริบูรณ์ค่ะ
- เป็นผู้มีรายได้ ณ วันลงทะเบียน ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน
- ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง ที่อาจใช้เป็นที่พักอาศัยทุกประเภท รวมถึงคนที่เคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มาก่อนหรือคนที่เคยกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ถึงแม้ในปัจจุบันจะขายไปแล้วแต่ก็ถือว่าคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์แล้วนะคะ
- ไม่เคยรับสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งทุกคนในตอนนี้จะผ่านเกณฑ์ข้อนี้ เพราะเป็นการเปิดให้จองครั้งแรกค่ะ
คำถาม : ลงทะเบียนรับสิทธิบ้านเพื่อคนไทยได้ทางไหน?
คำตอบ : สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.บ้านเพื่อคนไทย.th
คำถาม : ถ้าลงทะเบียนเลือกห้องไปแล้ว แต่กู้ไม่ผ่าน สามารถเลือกห้องที่ราคาถูกลงได้มั้ย?
คำตอบ : เราลองลงทะเบียนดูแล้ว ทางเว็บจะให้เลือกเลยว่าสนใจจะจองห้อง-บ้านไซส์ไหน ทำเลไหน ซึ่งพอเลือกเสร็จแล้วจะมีโปรแกรมคำนวณความสามารถในการกู้มาให้ แต่เราไม่สามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนไซส์ห้องได้แล้วนะคะ
เราก็เลยเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ถ้าตอนนี้เราเลือกไซส์ห้องที่ราคาสูงกว่าราคาที่เรากู้ได้ จะเสียสิทธิรอบนี้เลยมั้ย หรือสามารถเลือกห้องไซส์อื่นที่ราคาถูกลงได้ ก็ยังเป็นคำถามที่ต้องรอทาง SRT Asset ฟันธงออกมาอีกทีค่ะ
คำถาม : เปิดให้ลงทะเบียนถึงเมื่อไหร่?
คำตอบ : ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะเปิดรับลงทะเบียนเรื่อยๆ หากจะมีการปิดรับลงทะเบียนจะแจ้งบนหน้าเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ให้ทราบกันล่วงหน้า แต่ถ้าดูตาม Timeline ที่จะประกาศชื่อผู้ที่มีสิทธิจับสลากภายในเดือนมีนาคม 2568 ก็คงจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ราวๆ 1-3 เดือนนี้แหละค่ะ
คำถาม : บ้านเพื่อคนไทยมีที่ไหนบ้าง แต่ละทำเลมีห้อง-บ้านแบบไหนบ้าง?
คำตอบ : 4 ทำเลที่ตั้งโครงการ ได้แก่
- กรุงเทพมหานคร กม.11 วิภาวดี (ใกล้ห้าแยกลาดพร้าว) – คอนโด พื้นที่ขนาด 30, 40, 45, 51 ตร.ม.
- กรุงเทพมหานคร ธนบุรี (ใกล้ รพ. ศิริราช) – คอนโด พื้นที่ขนาด 30, 45 ตร.ม.
- เชียงใหม่ (ใกล้สถานีรถไฟเชียงใหม่) – บ้านเดี่ยว ขนาด 50 ตร.ว.
- ปทุมธานี (ติดสถานีรถไฟเชียงราก) – คอนโด พื้นที่ขนาด 30, 45 ตร.ม.
พิกัด : 13.821558933610476, 100.55438028874644
Google maps : คลิกที่นี่
ตั้งอยู่ในซอยวิภาวดี 11 ใกล้ปตท. สำนักงานใหญ่ประมาณ 700 เมตร และใกล้เซ็นทรัลลาดพร้าว สถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าว และสีน้ำเงิน สถานีพหลโยธิน ประมาณ 1 กิโลเมตรค่ะ
พิกัด : 13.760156816305837, 100.47883181761287
Google maps : คลิกที่นี่
ตั้งอยู่บนถนนรถไฟ ตรงข้ามตลาดศาลาน้ำร้อน และติดกับสถานีรถไฟธนบุรี ซึ่งโซนนี้จะอยู่ใกล้รพ. ศิริราชแค่ประมาณ 800 เมตรเท่านั้น
ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางขุนนท์ให้ใช้เดินทางเข้าออกเมืองได้ อยู่ในระยะประมาณ 800 เมตร และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีส้มให้ใช้งานอีกด้วยค่ะ
พิกัด : 14.055424713288089, 100.592053770361
Google maps : คลิกที่นี่
ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองเปรมประชากร ติดกับสถานีรถไฟเชียงรากเลย และใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ประมาณ 4 กิโลเมตร
พิกัด : 18.780150792908767, 99.01764059672212
Google maps : คลิกที่นี่
ตั้งอยู่ติดสถานีรถไฟเชียงใหม่ ใกล้ประตูท่าแพประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้นค่ะ
คำถาม : ปล่อยเช่าได้มั้ย?
คำตอบ : เราไม่สามารถนำห้องหรือบ้านพักของโครงการไปปล่อยเช่าได้นะคะ แต่เรามีสิทธิที่จะอยู่อาศัยเอง หรือให้ทายาทสายตรงอยู่อาศัยแทนเราได้ ซึ่งทายาทสายตรงได้แก่ ลูก, คู่สมรส, พ่อแม่ และพี่น้อง เท่านั้นค่ะ หากผิดข้อบังคับของโครงการข้อนี้ เราอาจจะไม่ได้รับสิทธิต่อหรืออาจจะโดนปรับ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของดครงการ ซึ่งยังไม่แน่ชัดค่ะ
คำถาม : ผ่อนไม่ไหวทำอย่างไร?
คำตอบ : ถ้าผ่อนไม่ไหวเราสามารถโอนสิทธิให้ผู้อื่นต่อได้หลังจากที่เราผ่อนไปแล้ว 5 ปี ซึ่งผู้ที่จะมารับสิทธิต่อจากเราไม่จำเป็นต้องเป็นคนในครอบครัวนะคะ เป็นใครก็ได้ที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของโครงการ ก็คือข้อกำหนดตามนี้
- ผู้ที่มีสิทธิซื้อได้ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย
- เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน ซึ่งก็คือ 20 ปีบริบูรณ์ค่ะ
- เป็นผู้มีรายได้ ณ วันลงทะเบียน ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน
- ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง ที่อาจใช้เป็นที่พักอาศัยทุกประเภท รวมถึงคนที่เคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มาก่อนหรือคนที่เคยกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ถึงแม้ในปัจจุบันจะขายไปแล้วแต่ก็ถือว่าคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์แล้วนะคะ
- ไม่เคยรับสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
แบ่งปันความรู้เรื่องบ้านและคอนโดโดย www.thinkofliving.com
.
ติดตามพวกเราเพิ่มเติมได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving