
บ้านเดี่ยวหรู พระราม 2… เลือกโครงการไหนดี? วันนี้มาเอาใจคนที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวหรู โซนพระราม 2 กันค่ะ เพราะอย่างที่รู้กันตอนนี้โซนพระราม 2 มีโรงงานอยู่หลายแห่ง ทำให้มีหมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นมามากมาย เหมาะกับครอบครัวใหญ่ที่ต้องการขยับขยาย รวมถึงเจ้าของกิจการต่างๆที่ต้องการบ้านใกล้โรงงาน ไปทำงานได้ง่ายด้วย
แต่ว่าบ้านเดี่ยวหรูในโซนนี้ก็มีให้เลือกเยอะมากๆ ซึ่งเราได้นำ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) และ บ้านนิรดา พระราม 2 (Baan Nirada Rama 2) ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่มีทั้งขนาดที่ดิน พื้นที่ใช้สอยและราคาพอๆกัน เริ่มต้น 20-30 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงเป็นโครงการที่ถือว่าออกแบบพื้นที่ส่วนกลางมาขนาดใหญ่อันดับต้นๆของทำเลนี้ โดยเราจะพามาเทียบกันทีละประเด็นให้รู้กันไปเลยว่าโครงการไหนเหมาะกับใครกันแน่!!
…ใครสนใจโครงการไหนก็กดดูรายละเอียดแบบเจาะลึกที่ชื่อโครงการได้เลยนะ
แม้ว่า 2 โครงการนี้จะตั้งอยู่บนทำเลที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่ต่างกัน ครั้งนี้เราจึงอยากเปรียบเทียบจุดเด่นแต่ละโครงการ โดยที่เราจะขอแบ่ง Part หลักๆดังนี้
- ทำเลที่ตั้ง
- ส่วนกลาง
- รูปแบบบ้านและราคา
- สรุป
ข้อมูลโครงการ
ข้อมูลโครงการ ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2568
ชื่อโครงการ | AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) | Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เอเชีย เอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด | บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเด้นซ์ จำกัด |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนพระราม 2 ซอย 100 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. | ถนนพระราม 2 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร |
ที่ดิน | 74-2-48.2 ไร่ | 52-3-44.5 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 148 ยูนิต | 110 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
|
ราคา | 21.9-32.8 ล้านบาท* | 24.66-38.79 ล้านบาท* |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ | คลิกที่นี่ |
โทร | 098-333-3338 | 092-606-4954 |
ทำเลที่ตั้ง
ทำเล AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) และ บ้านนิรดา พระราม 2 (Baan Nirada Rama 2)
ปัจจุบันโซนพระราม 2 – มหาชัยจะเป็นย่านอยู่อาศัยใหม่ที่มีโครงการบ้านจัดสรรทยอยมาเปิดตัวกันมากขึ้น เกิดจากการขยายตัวแถวใจกลางพระราม 2 ที่ปัจจุบันค่อนข้างหนาแน่นและมีการจราจรที่ติดขัด แต่บริเวณช่วงหลังวงแหวนฯ ก็จะมีการจราจรที่คล่องตัวกว่า แลกกับความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่มากนักค่ะ ซึ่งย่านนี้จะมีโรงงานอยู่หลายแห่ง ทำให้เป็นโซนที่เหมาะกับเจ้าของกิจการ สามารถเดินทางมาทำงานในมหาชัยก็ได้ หรือจะเข้าไปติดต่อธุรกิจในกรุงเทพก็สะดวกนั่นเอง
AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) และ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) มีเส้นถนนพระราม 2 เป็นถนนหลักในการเดินทาง เชื่อมต่อไปได้ทั้งถนนเอกชัย, เพชรเกษม, บางบอน, สุขสวัสดิ์ และใกล้ทางด่วนกาญจนาภิเษกด้วย จึงเป็นทำเลที่เหมาะกับคนที่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลัก นอกจากนั้นมีทางด่วนใหม่ 2 สายที่คาดเปิดในปี 2568-2569 รวมถึงแผนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม เชื่อมต่อจากบางซื่อ-หัวลำโพง-มหาชัย-ปากท่อ ที่ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาเส้นทาง ซึ่งก็คงใช้เวลาอีกนานหลายปีเลยกว่าจะก่อสร้างและเปิดบริการ แต่เมื่อเปิดบริการแล้วก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางบนทำเลนี้มากขึ้นนั่นเอง
สำหรับแหล่งความอุดมสมบูรณ์ของทำเลจะอยู่ที่โซนใจกลางพระราม 2 และฝั่งมหาชัย มีทั้ง Central พระราม 2, Big C, HomePro, ตลาดสดมหาชัย, Central มหาชัย, Lotus’s และ Porto Chino หรือใครที่ไม่ได้อยากกินอาหารในห้าง ก็จะมีร้านค้าร้านอาหารเรียงยาวตลอดแนวในซอยพันท้ายนรสิงห์หรือตรงถนนเอกชัยด้วยค่ะ
จากแผนที่ด้านบนจะเห็นว่า Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) จะตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ พระราม 2 ถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยค่ะ เพราะโครงการบนทำเลนี้ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ฝั่งขาออกหรืออยู่ลึกเข้าไปในซอย แม้แต่ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) เองก็อยู่ในซอยเหมือนกัน ทำให้ที่ตั้งของ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) สามารถเดินทางได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาในการขับออกจากซอย เวลาเดินทางเข้าเมือง-ใช้ทางด่วนก็ง่าย แต่ว่าจะมีเรื่องการกลับรถเข้าโครงการที่จะต้องใช้สะพานกลับรถใกล้ๆซอยพันท้ายนรสิงห์ จึงใช้เวลานานมากขึ้นและมีการจราจรที่ติดขัดเล็กน้อย เนื่องจากซอยพันท้ายนรสิงห์มีโครงการหมู่บ้านค่อนข้างเยอะ รถจึงเข้า-ออกตลอดเวลา ถือเป็นจุดที่เราต้องคำนึงเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับทำเลที่ตั้งของ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) เรามองว่าค่อนข้างสูสีกับ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) เพราะถึงแม้จะตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ซอย 100 แต่ข้อดีของซอยนี้จะเป็นเส้นที่สามารถขับเชื่อมต่อถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้าและถนนเอกชัยได้ มีระยะห่างประมาณ 1.3-1.8 กิโลเมตร ทำให้สามารถเข้า-ออกได้ทั้ง 2 เส้นทางเลย จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศอยู่อาศัยที่สงบมากขึ้น แต่ยังสามารถเดินทางได้สะดวก นอกจากนั้นพอสามารถขับไปเส้นเอกชัยที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านค้าร้านอาหารหลากหลายเรียงรายตลอดแนวถนนได้ ก็ทำให้มาจับจ่ายใช้สอยได้สะดวกกว่า Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ที่โดยรอบโครงการไม่มีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกซื้อเลย ต้องขับไปบริเวณซอยพันท้ายนรสิงห์หรือถนนเอกชัยที่เป็นแหล่งร้านต่างๆ ไม่งั้นก็ต้องไปโซนใจกลางพระราม 2 ที่มี Central พระราม 2, GO Wholesale พระราม 2, ตลาดนัด Green Day Nigh, Big C พระราม 2 แต่จะมีการจราจรที่ติดขัดบริเวณวงแหวนกาญจนาภิเษกอยู่ตลอด ดังนั้นเราจึงเดินทางไปฝั่งมหาชัยที่ถึงแม้จะมีระยะไกลกว่านิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รถติดมากนัก จะมี Central มหาชัย, Lotus’s, Porto Chino และตลาดสดมหาชัยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ
AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2)
- ระยะห่างจากถนนพระราม 2 ~ 1.3 กิโลเมตร
- ระยะห่างจากถนนเอกชัย ~ 1.8 กิโลเมตร
- ระยะห่างจาก Central พระราม 2 ~ 10 กิโลเมตร
- ระยะห่างจาก Central มหาชัย ~ 15.3 กิโลเมตร
Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2)
- อยู่ติดถนนพระราม 2
- ระยะห่างจากถนนเอกชัย ~ 5 กิโลเมตร
- ระยะห่างจาก Central พระราม 2 ~ 10.2 กิโลเมตร
- ระยะห่างจาก Central มหาชัย ~ 14.7 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) และ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ทั้ง 2 โครงการถือว่าออกแบบพื้นที่ส่วนกลางมาให้ขนาดใหญ่กว่าเพื่อนบ้านโดยรอบในโซนเดียวกันนะคะ นอกจากนั้นยังน่าสนใจที่ออกแบบเป็นสวนสีเขียวแนวยาวทั้ง 2 โครงการด้วย ทำให้ลูกบ้านเข้าถึงส่วนกลางได้ง่ายและเพิ่มความน่าอยู่อาศัยภายในโครงการได้ดีนั่นเอง ซึ่งเราจะพาทุกคนมาเจาะลึกข้อมูลส่วนกลางกัน เพื่อจะได้รู้กันว่าโครงการไหนตอบโจทย์ใครบ้าง
พื้นที่สวนสีเขียว
ถึงแม้ทั้ง 2 โครงการจะออกแบบเป็นสวนแนวยาวเหมือนกัน แต่สำหรับ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) จะออกแบบอยู่ตรงกลางโครงการ ทำให้ลูกบ้านส่วนใหญ่เข้าถึงและใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายกว่า AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) ที่จัดพื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณด้านข้างโครงการค่ะ
ส่วนเรื่องบรรยากาศร่มรื่น น่าอยู่อาศัยภายในโครงการ เรามองว่าค่อนข้างสูสีกัน เพราะ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ออกแบบสร้างบรรยากาศต่อเนื่องจากสวนบริเวณซุ้มประตูโครงการเข้ามายัง Clubhouse และมองตรงไปเจอ Main Park สวนสีเขียวแนวยาวขนาด 3 ไร่ ที่อยู่บริเวณตรงกลางโครงการ ทำให้ได้วิวสวนสีเขียวภายในโครงการได้ดีมากๆ แต่ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) ก็มีการปลูกต้นไม้ตลอดแนวถนนทั้ง 2 ฝั่งตั้งแต่ซุ้มประตูโครงการและมีเกาะกลางถนนเป็นต้นไม้ ช่วยสร้างบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวทั้งโครงการรวมประมาณ 5 ไร่เลย ที่สำคัญคือการเดินสายไฟลงดินทั้งโครงการ ส่วนใหญ่จะต้องเป็นโครงการระดับ 40-50 ล้านบาทขึ้นไปนะถึงจะเดินสายไฟลงดินแบบนี้ ถือว่าออกแบบมาได้ถูกใจคนที่ชอบทัศนียภาพภายในโครงการที่สวยงาม เรียบร้อย สะอาดตาค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศสวนสีเขียวของ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2)
ฟังก์ชันส่วนกลาง
ถือเป็นจุดเด่นของ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) เพราะ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) จะไม่ได้ออกแบบฟังก์ชันส่วนกลางมาหลากหลายมากนัก แต่ก็ถือว่ามีส่วนกลางหลักๆมาให้ใช้งานครบครันและเน้นเป็นสวนแนวยาวตรงกลางโครงการที่ลูกบ้านเข้าถึงได้ง่ายแทนนั่นเอง
AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) จะเน้นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ มีฟังก์ชันให้ใช้งานหลากหลายมากๆและมีส่วนกลางที่แตกต่างจากเพื่อนบ้านอย่าง Golf Simulator Room สนามเล่นกอล์ฟแบบจำลอง, Private Onsen Rooms ตกแต่งได้บรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติ, Fully-Equipped Co-Kitchen และ Multi Function Party Room จัดปาร์ตี้บริเวณชั้นดาดฟ้าของ Clubhouse ได้
นอกจากนั้นสระว่ายน้ำของโครงการจะอยู่บริเวณด้านในของ Clubhouse ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวเวลามาใช้งานมากขึ้น เพราะตัวอาคาร Clubhouse ช่วยบังสายตาจากคนที่เดินหรือรถยนต์ที่ขับผ่านไป-มา แตกต่างจากโครงการส่วนใหญ่ รวมถึง Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ที่วางตำแหน่งสระว่ายน้ำอยู่ด้านหน้า Clubhouse
Clubhouse
ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางของ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2)
Clubhouse
ภาพบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางของ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2)
ความเป็นส่วนตัว
Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) โดดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย เพราะจัดวางบ้านในซอยเดียวกันที่มีเพื่อนบ้านเพียง 4-6 หลัง และเป็นซอยตัน จึงมีรถขับผ่านหน้าบ้านไม่เยอะ รวมถึงมีบ้านแปลงมุมเปิดรับวิวได้กว้างให้เลือกหลายแปลงด้วย
ส่วนการจัดโซนบ้านของ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) จะไม่มีซอยบ้านแยกย่อยเยอะ ตัวบ้านจึงเรียงติดกันเป็นแนวยาวหลายหลังและมีรถยนต์เพื่อนบ้านขับผ่านหน้าบ้านมากกว่า ทำให้ในเรื่องความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยจึงน้อยกว่า Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) แต่การจัดโซนบ้านของ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) จะเน้นออกแบบเป็นถนนด้านหน้าบ้านแบบวน Loop อยู่หลายโซน มีข้อดีในเรื่องทางเข้า-ออกบ้านที่มีหลายเส้นทางนั่นเอง
แบบบ้าน
AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) และ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) จะมีแบบบ้านให้เลือกโครงการละ 3 แบบเหมือนกันและมีราคาอยู่ในช่วง 20-30 ล้านบาทขึ้นไป โดยแบบบ้านส่วนใหญ่จะมีขนาดที่ดิน 100+ ตร.วา พื้นที่ใช้สอยเยอะ รองรับ 3-6 ห้องนอน จึงอยู่อาศัยเป็นครอบครัวใหญ่ได้สบายค่ะ
สำหรับจุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนของทั้ง 2 โครงการนี้จะเป็นเรื่องสไตล์การออกแบบ โดยเฉพาะ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) ออกแบบในสไตล์ Modern Contemporary เป็นบ้านทรงกล่องดูเรียบง่ายและทันสมัยมากขึ้น น่าจะถูกใจคนรุ่นใหม่ แตกต่างจากโครงการอื่นบนทำเลนี้ รวมถึง Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ด้วยที่จะออกแบบมีความเป็น Classic ให้ความรู้สึกหรูหรา นอกจากนั้นแปลนบ้านของทั้ง 2 โครงการที่มองผ่านๆอาจจะดูจัดวางฟังก์ชันคล้ายๆกัน แต่จริงๆมีความแตกต่างกันอยู่นะ งั้นเราพาไปดูกันต่อด้านล่างเลยค่ะ
ราคา 20-25 ล้านบาท :
- ขนาดที่ดิน : AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) จะมีขนาดที่ดิน 100 ตร.วา ขึ้นไป อีกทั้งสร้างบ้านไม่เต็มผืนที่ดิน จึงได้พื้นที่รอบบ้านรองรับกิจกรรมอื่นๆได้ รวมถึงตัวบ้านจะมีระยะห่างจากเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้นค่ะ
- พื้นที่จอดรถ (กรอบสีม่วง) : แบบบ้าน ECHELON จะมีพื้นที่จอดรถถึง 4 คันในราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท ถือว่าคุ้มมากๆ เพราะมีราคาไม่ได้ต่างกับแบบบ้านรดา ของ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ที่มีพื้นที่จอดรถ 3 คัน ในราคาเริ่มต้น 24.66 ล้านบาทนั่นเอง
- พื้นที่นั่งเล่น (กรอบสีน้ำเงิน) : AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) จะมีพื้นที่นั่งเล่นเพียงจุดเดียว แต่ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ออกแบบมี Double Living Area พื้นที่นั่งเล่น 2 จุดในทุกยูนิต จึงทำให้แบ่งการใช้งานเป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับรองรับแขกหรือพื้นที่ครอบครัวได้เลย ซึ่งเราจะเห็นการออกแบบนี้ในโครงการบ้านหรูหลายโครงการเลยค่ะ
- ห้องนอนชั้นล่าง (กรอบสีแดง) และห้องอเนกประสงค์ (กรอบสีชมพู) : แบบบ้านรดา จะมีห้องนอนชั้นล่างพร้อมห้องน้ำที่ออกแบบและเลือกใช้วัสดุเพื่อรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ แต่แบบบ้าน ARTI และ ECHELON จะมีห้องอเนกประสงค์ที่มีห้องน้ำในตัว เหมาะเป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกายหรือห้องสัตว์เลี้ยง แต่เราก็สามารถปรับเป็นห้องนอนได้เหมือนกันค่ะ
- Terrace (กรอบสีเขียว) : แบบบ้าน ECHELON และ บ้านรดา จะมี Terrace พื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ให้มาใช้งานได้ โดย Terrace ของ ECHELON จะอยู่ด้านหลังบ้าน ทำให้มาใช้งานได้เป็นส่วนตัวมากขึ้น อีกทั้งเวลาอยู่ที่ Common Area และห้องอเนกประสงค์ก็สามารถเดินเชื่อมมาใช้งานได้ ส่วน แบบบ้านรดา จะออกแบบ Terrace อยู่บริเวณทางเข้าหน้าบ้านเชื่อมกับ Common Area และห้องนอนชั้นล่าง เหมาะกับคนที่ชอบมานั่งชมสวนสวยๆด้านหน้าบ้าน
- Master Bedroom (กรอบสีส้ม) : แบบบ้าน ECHELON จะมีขนาดเท่าหน้ากว้างของบ้าน ทำให้ได้ช่องเปิดรับแสงและวิวได้กว้างมากกว่าแบบบ้านอื่นๆ
- ระเบียงส่วนรวม (กรอบสีฟ้า) : AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) จะมีระเบียงขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆกับ Family Area จึงทำให้ทุกคนในบ้านสามารถมาใช้งานได้ นอกจากนั้นยังเหมาะเป็นมุมต้นไม้ เพิ่มวิวสีเขียวให้ Family Area ด้วย ส่วน Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) จะไม่ได้มีระเบียงส่วนรวม แต่ห้องนอนรอง 1 จะได้ระเบียงส่วนตัวแทนนั่นเอง
สรุป :
Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) จะออกแบบมารองรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยโดยเฉพาะ ทั้งขนาดของห้องนอนและห้องน้ำชั้นล่างที่สามารถเข็นวีลแชร์ผ่านเข้า-ออกได้ การเลือกใช้ประตูบานเลื่อนเปิด-ปิดได้ง่ายและการปูพื้นเป็น Absorption Floor ด้วย รวมถึงเหมาะกับคนที่ชอบความโอ่อ่า โปร่งสบาย เพราะพื้นที่ในบ้านเชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ด้วย Double Living Area
ส่วน AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) เหมาะกับครอบครัวที่ชอบความยืดหยุ่นในการอยู่อาศัย เพราะมีขนาดที่ดินเริ่มต้น 100+ ตร.วา ต่อเติมได้และมีพื้นที่อเนกประสงค์หลายจุด ออกแบบมีห้องอเนกประสงค์ที่ชั้น 1 เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจาก Family Area และพื้นที่อเนกประสงค์ที่ชั้น 2 จึงปรับเป็นห้องรองรับกิจกรรมต่างๆได้ ในราคาเริ่มต้น 21 ล้านบาท นอกจากนั้นแบบบ้าน ECHELON ถือว่ามีการออกแบบและพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่า สามารถจอดรถได้ถึง 4 คัน มี Master Bedroom กว้างเท่าตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอยเยอะที่สุดอยู่ที่ 386 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาทค่ะ
ราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป :
- ขนาดที่ดิน : แบบบ้าน FELICITY ของ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) จะมีขนาดที่ดินเริ่มต้นใหญ่สุดอยู่ที่ 149-308 ตร.วา เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่รอบบ้าน ปรับเป็นสวนหรือต่อเติมขยับขยาย แต่ไม่ได้เน้นพื้นที่ใช้สอยในบ้านมากนัก จะมีขนาดอยู่ที่ 464 ตร.ม. น้อยกว่า Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ทั้ง 2 แบบบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอย 474-549 ตร.ม.
- บ้านหน้ากว้าง : แบบบ้านรดาภัทรและบ้านรดาธร ของ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) จะออกแบบเป็นบ้านหน้ากว้าง ดูโอ่อ่าดี เพราะสร้างเต็มขนาดที่ดิน ทำให้ฟังก์ชันในบ้านส่วนใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติได้เยอะและรับวิวได้กว้าง รวมถึงได้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านขนาดใหญ่ด้วยนั่นเอง
- พื้นที่นั่งเล่น (กรอบสีน้ำเงิน) : อย่างที่ได้บอกไปนะคะว่า Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) ออกแบบมี Double Living Area พื้นที่นั่งเล่น 2 จุดในทุกหลัง เหมาะกับคนที่ต้องการแบ่งพื้นที่ใช้งานแยกกันชัดเจน
- ห้องนอนชั้นล่าง (กรอบสีแดง) : ทุกแบบบ้านจะมีห้องนอนชั้นล่างทั้งหมด แต่ แบบบ้านรดาธร จะมีห้องนอนชั้นล่าง 2 ห้อง ซึ่งห้องฝั่งด้านหน้าบ้านจะออกแบบรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ส่วนห้องฝั่งด้านหลังบ้านจะสามารถใช้เป็นห้องนอนได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ปูพื้น Absorption Floor และไม่มีห้องน้ำในตัว เราจึงมองว่าห้องนี้เหมาะปรับเป็นห้องอเนกประสงค์มากกว่าค่ะ
- ห้องอเนกประสงค์ (กรอบสีชมพู) : แบบบ้าน FELICITY จะเป็นแบบบ้านเดียวที่มีห้องอเนกประสงค์ รองรับกิจกรรมอื่นๆ แต่เรามองว่าห้องนอนชั้นล่าง ฝั่งด้านหลังบ้านของแบบบ้านรดาธร ก็เหมาะใช้งานเป็นห้องอเนกประสงค์ได้เหมือนกันนะ
- Terrace (กรอบสีเขียว) : มีเพียง บ้านรดาภัทร ที่มี Terrace บริเวณด้านหน้าบ้านมาให้เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นแบบ Semi Outdoor บ้าง นอกจากนั้นยังได้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติด้วย
- Glasshouse (กรอบสีฟ้า) : แบบบ้านรดาภัทร จะมี Glasshouse บริเวณด้านข้างพื้นที่รับประทานอาหาร ออกแบบเป็นผนังกระจกเข้ามุมและช่องแสงจากด้านบน ทำให้ได้แสงเข้ามาเต็มๆ ถือเป็นการแก้ปัญหาพื้นที่บริเวณตรงกลางบ้านส่วนใหญ่ที่มักจะมืดและทึบมากกว่าบริเวณอื่นๆได้ดี รวมถึงเปิดรับแสงและวิวได้เยอะด้วย
- ห้องนอน (กรอบสีส้ม) : แบบบ้านรดาธร จะมีจำนวนห้องนอนมากที่สุดอยู่ที่ 6 ห้องนอน โดยมีห้องนอนอยู่ชั้นล่าง 2 ห้อง และอีก 4 ห้อง จะอยู่ชั้น 2 ทำให้สามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีจำนวนสมาชิก 6-7 คนพร้อมผู้สูงอายุได้สบายๆเลยค่ะ
สรุป :
แบบบ้านทั้ง 2 โครงการจะสามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีผู้สูงอายุได้สบาย เพราะมีห้องนอนชั้นล่างที่ออกแบบเพื่อผู้สูงอายุในทุกหลัง รวมถึงจอดรถได้ 4 คัน แต่สำหรับแบบบ้าน FELICITY ของ AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่รอบบ้านใหญ่ มีฟังก์ชันในบ้านให้ใช้งานพอๆกับเพื่อนบ้านอื่นๆ ในราคาเริ่มต้นไม่สูงมาก อยู่ที่ 32.8 ล้านบาท
Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) เหมาะกับคนที่ชอบความโอ่อ่า ดูโปร่งโล่งด้วยบ้านหน้ากว้าง พร้อม Double Living Area ที่เป็นจุดขายของโครงการนี้ อีกทั้งจะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านขนาดใหญ่ด้วยนั่นเอง แบบบ้านรดาภัทร จึงมีราคาเริ่มต้น 31.25 ล้านบาท ไม่ต่างจากแบบบ้าน FELICITY มากนัก แต่โครงการนึงจะเน้นขนาดที่ดิน ส่วนอีกโครงการเน้นพื้นที่ใช้สอยนั่นเอง โดยเฉพาะ แบบบ้านรดาธร ที่มีพื้นที่ใช้สอยใหญ่ถึง 549 ตร.ม. พร้อมห้องนอนถึง 6 ห้อง แต่ก็ทำให้มีราคาเริ่มต้นสูงกว่า อยู่ที่ 38.79 ล้านบาทค่ะ
บทสรุป
ถึงแม้ทั้ง AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) และ Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) จะเป็นบ้านเดี่ยวหรู 2 ชั้น โซนพระราม 2 พร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่เหมือนกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหลังจากที่เราได้พาไปเปรียบเทียบทั้ง 2 โครงการในแต่ละประเด็นกันไปแล้ว ก็สามารถสรุปจุดเด่นแต่ละโครงการได้ดังนี้ค่ะ
AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2)
เรามองว่าโครงการนี้เหมาะกับคนที่ชอบความยืดหยุ่นในการอยู่อาศัย เพราะเป็นบ้านเดี่ยวที่ดิน 100+ ตร.วา ที่ไม่ได้สร้างเต็มที่ดิน มีพื้นที่รอบบ้านกว้าง จึงทำเป็นสวนหรือต่อเติมเพื่อรองรับกิจกรรมอื่นๆได้ นอกจากนั้นยังชอบพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่และหลากหลาย ลูกบ้านมาใช้งานได้ไม่เบื่อ อีกทั้งออกแบบมีพื้นที่อเนกประสงค์ภายในบ้านหลายจุด จึงปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่หลากหลายได้ ถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ในซอย แต่เป็นซอยที่เชื่อมต่อไปทั้งถนนพระราม 2 เส้นทางหลักในการเดินทางและถนนเอกชัยที่เป็นแหล่งร้านต่างๆ จึงถือว่าในเรื่องการเดินทางและการซื้อของกินของใช้ค่อนข้างสะดวกสบาย ส่วนตัวบ้านออกแบบในสไตล์ Modern Contemporary ที่แตกต่างจากบ้านหรูส่วนใหญ่บนทำเลนี้ เรามองว่าออกแบบมาเอาใจคนรุ่นใหม่ที่มองหาบ้านในโซนพระราม 2 นี้ได้เป็นอย่างดี
Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2)
ถือเป็นโครงการที่เหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย เพราะทุกหลังมีห้องนอนชั้นล่างที่ออกแบบรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะตั้งแต่ขนาดห้องและวัสดุที่เลือกใช้ รวมถึงเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน รองรับได้ 4-6 ห้องนอนเลย นอกจากนั้นยังชอบบรรยากาศโครงการที่หรูหราด้วยการออกแบบสไตล์ Modern Mediterranean มีความเป็น Classic ประกอบกับภายในบ้านที่มี Double Volume + Double Living Area ทำให้ได้บรรยากาศโปร่งโล่ง ดูโอ่อ่านั่นเอง ส่วนที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้า แตกต่างจากโครงการส่วนใหญ่ที่จะอยู่ในซอยหรืออยู่ฝั่งขาออก ทำให้มีจุดเด่นเรื่องการเดินทางที่สะดวกสบาย แต่ในเรื่องของพื้นที่ส่วนกลางจะไม่ได้มีมากนัก มีฟังก์ชันส่วนกลางหลักๆมาให้ครบ ดีที่ออกแบบเป็นสวนแนวยาวตรงกลางโครงการมาแทน ทำให้ลูกบ้านเข้าถึงและใช้งานส่วนกลางได้ง่าย
ถ้ายังไม่แน่ใจ อยากอ่านรายละเอียดแบบเจาะลึกของทั้ง 2 โครงการก็คลิก Link ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
- AVILION Rama 2 (อวิเลี่ยน พระราม 2) >> รีวิวเจาะลึกโครงการ
- Baan Nirada Rama 2 (บ้านนิรดา พระราม 2) >> รีวิวเจาะลึกโครงการ | วีดีโอโครงการ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับบทความ เทียบ 2 โครงการบ้านเดี่ยวหรู โซนพระราม 2 พร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่ AVILION พระราม 2 | บ้านนิรดา พระราม 2 หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวในโซนพระราม 2 กันอยู่ ไว้ครั้งหน้าทาง Think of Living จะมีบทความน่าสนใจอะไรอีกบ้าง ฝากติดตามด้วยนะคะ 😊
ตัวอย่างโครงการโดยรอบบนทำเลเดียวกัน
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่