รีวิวโครงการ
คิดเรื่องอยู่ Ep.624 : The GRAND วิภาวดี 60
14 พฤษภาคม 2022
เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 เป็นโครงการบ้านระดับ Luxury จาก เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการแรกภายใต้แบรนด์ เดอะ แกรนด์ ที่มาเปิดบนทำเลใจกลางเมือง โดยราคาเริ่มต้นปัจจุบันอยู่ที่ 18 – 30 ล้านบาท จุดเด่นของโครงการนี้มีอยู่หลายอย่างเลยค่ะ ดังนี้
- ทำเลใจกลางเมือง : เข้าออกได้จากถนนหลัก 3 เส้นทางคือ ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนพหลโยธิน และ ถนนแจ้งวัฒนะ อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง และ สายสีเขียว (เปิดให้บริการแล้วทั้งคู่) ถือว่าเดินทางสะดวกทั้งด้วยรถยนต์และรถไฟฟ้าเลยค่ะ
- Privacy : ตัวโครงการอยู่ในซอยย่อยที่สภาพแวดล้อมรอบๆเป็นบ้านเดี่ยว อีกทั้งจำนวนยูนิตทั้งโครงการมีอยู่เพียง 38 หลัง น่าจะถูกใจคนที่ชอบความสงบ เป็นส่วนตัวนะคะ
- พื้นที่ส่วนกลาง : เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตที่มีไม่เยอะแล้ว โครงการนี้ถือว่าให้ส่วนกลางมาใหญ่เหมือนกันค่ะ มีทั้งอาคาร Clubhouse 2 ชั้น สวน และ Glass House บรรยากาศการตกแต่งโครงการสไตล์ Modern Classic ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมยุโรป สวยงามเลยทีเดียว
- พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเยอะ : ตัวโปรดักส์บ้านจะเป็นบ้านสร้างเต็มที่ดิน สูง 2-3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 231 – 322 ตร.ม. เป็นบ้านที่ได้ 4-5 ห้องนอน ทุกแบบบ้านสามารถจัดห้องนอนชั้นล่างได้ ฟังก์ชันอยู่อาศัยครบ พร้อมห้องครัว และ พื้นที่ซัก ตาก รีดภายในบ้านไม่ต้องต่อเติมค่ะ
รายละเอียดโครงการนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปอ่านรีวิวกันต่อเลย
ข้อมูลโครงการ
ข้อมูลโครงการเดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 ณ วันที่ 22 March 2022
ชื่อโครงการ | The Grand Vibhavadi 60 (เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH – LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอยวิภาวดีรังสิต 60 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ |
ที่ดิน | 9 – 2 – 19.3 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 38 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | ระดับปกติ 2.8 – 2.9 เมตร ฝ้าเพดานสูง 6.2 เมตร ในแบบ Seaton และ 6.4 เมตร ในแบบ Malton |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | N/A บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2564 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปลายปี 2565 |
เว็บไซต์โครงการ | https://home.frasersproperty.co.th/House/125/เดอะแกรนด์ วิภาวดี 60 |
โทร | 065-505-4949 |
Line | https://lin.ee/0CZuchv |
ทำเลที่ตั้ง
จุดเด่น
- ทำเลใจกลางเมือง : ตั้งอยู่ในซอยวิภาวดี 60
- ทำเลใกล้รถไฟฟ้า : ไปใช้งานรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีทุ่งสองห้อง และรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีบางบัวได้
- เดินทางสะดวก : ทำเลนี้สามารถเข้าออกได้ทั้งจากถนนวิภาวดี, ถนนพหลโยธิน และถนนแจ้งวัฒนะ อีกทั้งยังใกล้กับทางด่วนดอนเมือง โทลล์เวย์
พิกัด Google Maps : 13.8623631,100.5755598
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
บ้านขนาดใหญ่ใจกลางเมือง
เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 ถือว่าเป็นโครงการบ้านใจกลางเมืองโครงการหนึ่งก็ว่าได้ค่ะ ที่ตั้งโครงการนี้จะอยู่ในซอยวิภาวดี 60 ซึ่งเป็นโซนที่เราไม่เห็นบ้านแนวราบมาเปิดโครงการบริเวณนี้กันเท่าไรนัก ถ้ามองตลาดบ้านจัดสรรภายในเมืองเราขอแบ่งเป็น 2 โซนที่อยู่ใกล้ๆให้ทุกคนเห็นภาพคร่าวๆ กันค่ะ
- โซนแรก จะเป็นโซนที่อยู่ทางตอนเหนือขึ้นไป มีทั้งโซนดอนเมือง-สรงประภา, สายไหม-ลำลูกกา-รังสิต ซึ่งเป็นโซนที่มีบ้านจัดสรรเกิดขึ้นหนาแน่น มีทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว แต่ก็จะเป็นโซนที่ไกลจากใจกลางเมืองออกไป การเดินทางเพื่อเข้าเมืองก็อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่ม ส่วนใหญ่หมู่บ้านจัดสรรก็จะอยู่ในซอยย่อย ช่วงเวลาเร่งด่วนการจราจรก็ติดหนักอยู่เหมือนกันค่ะ
- โซนที่สอง เป็นโซนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา บริเวณนี้จะอยู่ใกล้เมืองหน่อย แต่เป็นเส้นที่มีหมู่บ้านจัดสรรระดับ Luxury เกิดขึ้นมาก โดยโซนนี้ถ้าดูโครงการที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเทียบเคียงกับ เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 แล้วก็จะเป็นโครงการที่มีราคาสูงกว่าเยอะเลยค่ะ นอกจากนั้นในแง่การเดินทางถนนเส้นนั้นก็จะไม่มีรถไฟฟ้าให้ใช้งานนะ
ดังนั้น ในแง่ Product+ทำเล เรามองว่าโครงการ เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 เป็นบ้านจัดสรรที่อยู่ทำเลใจกลางเมือง ราคาบ้านถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับบ้านที่อยู่ในโซนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเยอะ และเป็นทำเลที่ใกล้กับรถไฟฟ้าถึงสองสายด้วยค่ะ
บ้านใกล้รถไฟฟ้า
ตั้งแต่รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเปิดใช้งานไปถึงสถานีคูคต บ้านจัดสรรที่อยู่ในโซนสายไหม คูคต ก็เป็นโซนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนะคะ เพราะว่าเป็นตัวเลือกให้กับคนที่ทำงานในตัวเมือง ไม่ต้องเผชิญรถติด ครอบครัวไหนมีลูกก็สามารถให้ลูกใช้รถไฟฟ้าไปเรียนได้ด้วย
สำหรับโครงการ เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 ก็ถือว่าเป็นโครงการบ้านจัดสรรบนทำเลที่สามารถไปใช้งานรถไฟฟ้าได้สะดวก และไม่ใช่รถไฟฟ้าเพียง 1 สาย แต่ยังล้อมด้วยแผนเส้นทางรถไฟฟ้าถึง 4 สายเลยค่ะ
- รถไฟฟ้าสายสีแดง (เปิดใช้บริการแล้ว) : บนถนนวิภาวดีรังสิต สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจะเป็นสถานีทุ่งสองห้อง ห่างออกไปประมาณ 2 กม.
- รถไฟฟ้าสายสีเขียว (เปิดใช้บริการแล้ว) : บนถนนพหลโยธิน สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือสถานีบางบัว ห่างออกไปประมาณ 2 กม.
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู (กำลังก่อสร้าง) : บนถนนแจ้งวัฒนะ
- รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แผนในอนาคต) : บนถนนงามวงศ์วาน
ถ้ามองจากตัวทำเลและแผนการรถไฟฟ้าแล้ว เราเองมองว่าทำเลนี้น่าจะมีการพัฒนาความเจริญต่างๆ เพิ่มได้อีกในอนาคตนะคะ มูลค่าที่ดินเองก็ไม่น่าจะตกลงแน่นอน
ทำเลเดินทางสะดวก
แม้ว่าโครงการ เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 จะเป็นโครงการที่อยู่ภายในซอย แต่ว่าซอยนี้ก็สามารถเชื่อมต่อไปได้ทั้งถนนวิภาวดีรังสิต (เส้นทางหลัก) ถนนพหลโยธิน และ ถนนแจ้งวัฒนะได้ ซึ่งข้อดีคือคนที่อยู่ที่นี่จะมีตัวเลือกในการเดินทางที่เยอะตามค่ะ ไปไหนมาไหนก็สามารถเลือกเส้นทางที่หลีกเลี่ยงรถติดได้ ประหยัดเวลาการเดินทางได้เยอะ นอกจากนั้นก็ยังเป็นทำเลที่ใกล้กับทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ด้วย
รายละเอียดโครงการ
ภาพรวมโครงการ
เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 เป็นโครงการจัดสรรขนาดเล็ก มีเพียง 38 หลัง ตั้งอยู่บนที่ดินในซอยวิภาวดีรังสิต 60 ขนาดประมาณ 9 ไร่ครึ่ง สำหรับภาพรวมของโครงการนี้เรามองว่ามีจุดเด่นอยู่ 2 เรื่องค่ะ
- โครงการจัดสรรขนาดเล็ก ได้ความเป็นส่วนตัว
- โครงการขนาดเล็กใจกลางเมือง ที่ได้พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่
สำหรับคนที่เลือกซื้อโครงการบ้านจัดสรรยิ่งในโครงการระดับ Luxury ด้วยแล้ว “Privacy” เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ โดยภายในโครงการนอกเหนือจากระบบรักษาความปลอดภัยที่ให้มาตามมาตรฐานของโครงการระดับนี้ อย่างรปภ.ประจำโครงการ 24 ชั่วโมง CCTV ในโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัยภายในตัวบ้าน เรื่องจำนวนยูนิตของบ้านภายในโครงการก็ถือว่าน้อยมากเลยค่ะ มีอยู่เพียง 38 ยูนิต ทำให้คนที่อยู่ภายในโครงการก็ได้ความเป็นส่วนตัวสูง เพื่อนบ้านไม่เยอะ ในซอยย่อยก็มีบ้านอยู่ไม่เกิน 4 หลัง รถราเข้า-ออกในโครงการไม่พลุกพล่าน จะไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลางหรือจะวิ่งออกกำลังกายภายในโครงการก็แชร์กับคนจำนวนน้อย ใช้งานทุกส่วนได้เต็มที่เลยค่ะ
ระบบรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยี
- ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
- เข้า-ออก โครงการด้วยระบบ Easy pass
- CCTV รอบโครงการ
- Digital Door Lock
- INIM Alarm System – สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง เชื่อมต่อไปยังโทรศัพท์ผ่าน Application และ Security Guard Center ของโครงการ
- FRASERS Clean and Cool Air – ระบบกรองอากาศภายในตัวบ้าน
- EV Charger – งานระบบไฟที่จัดเตรียมไว้รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
- Photo Switch – ระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติบริเวณที่จอดรถ
แล้วพอเรามาดูพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ เรามองว่าที่นี่ให้มาเยอะทั้งฟังก์ชันและขนาดเลยนะคะ (ยิ่งเทียบกับจำนวนยูนิตที่มีแค่ 38 หลังด้วยแล้ว) โดยพื้นที่ส่วนกลางก็แบ่งเป็นหลายๆ ส่วน ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการ มีทั้งอาคาร Clubhouse 2 ชั้น สระว่ายน้ำที่ออกแบบให้ได้ความเป็นส่วนตัว มีฟิตเนส สวนสาธารณะ และมี Glasshouse ให้ใช้งานค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- คลับเฮาส์ 2 ชั้น พร้อมลิฟต์
- ฟิตเนส
- ห้องรับรอง (Sky Lounge)
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดประมาณ 15 x 7 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- สวนสาธารณะ (The Crystal Park) พร้อม Glass house
- ระบบสายไฟฟ้าใต้ดิน
- ถนนแอสฟัลท์
The Class of Urban Living
Concept ของโครงการนี้คือ ” The Class of Urban Living ” เป็นแนวคิดที่อยากสร้างพื้นที่พักผ่อนที่ได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ใจกลางเมือง โดย เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 ถือว่าเป็นโครงการแรกภายใต้แบรนด์ “เดอะ แกรนด์” ที่มาเปิดบนทำเลใจกลางเมืองแบบนี้ (โครงการก่อนหน้าจะอยู่บนทำเลชานเมืองเป็นส่วนใหญ่) โดยรูปแบบการดีไซน์ของทั้งโครงการตั้งแต่อาคาร Clubhouse ทางเข้า ไปจนถึงตัวบ้านจะออกมาในสไตล์ “Modern Classic” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมโซนยุโรปค่ะ เราลองไปดูบรรยากาศโครงการกันนะ
อาคาร Clubhouse
ตำแหน่งของ Clubhouse จะเป็นอาคารสูง 2 ชั้นที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ และเป็นส่วนเดียวกันกับซุ้มประตูทางเข้า-ของโครงการด้วยค่ะ ด้วยที่ตั้งที่อยู่ในซอยย่อยซึ่งเป็นซอยตัน รอบๆ ที่ดินของโครงการก็เป็นบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ทำให้เรารู้สึกว่าแม้จะจัดอาคาร Clubhouse มาไว้ด้านหน้าโครงการก็ไม่ได้รู้สึกว่าสูญเสียความเป็นส่วนตัวใดๆ ไป
Clubhouse และทางเข้า-ออกโครงการ
เข้ามาภายในโครงการจะเห็นว่ามีการเอาสายไฟฟ้าลงดิน ทำให้สภาพโครงการดูเรียบร้อยสวยงามเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับบ้านตัวอย่างจะอยู่ในโซนแรกตรงนี้เลยนะคะ
มองย้อนกลับไปตรงทางเข้าเราจะเห็นว่าบรรยากาศทางเข้าซึ่งเป็นอาคาร Clubhouse 2 ชั้น ช่วยให้พื้นที่ถนนบริเวณทางเข้าเกิดพื้นที่ปิดล้อมเป็นส่วนตัว บวกกับการออกแบบสถาปัตยกรรมแบบ modern classic และการจัด landscape ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองเลยนะคะ
The Crystal Park
ข้างกันกับ Clubhouse จะมีสวนเล็กๆ เรียกว่า The Crystal Park ที่มีการออกแบบและจัด Landscape รอบๆ สไตล์ยุโรป โดยตรงกลางจะมีอาคาร Glass house อยู่หลังนึงค่ะ ซึ่งภายในก็จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ เป็นได้ทั้งมุมนั่งเล่น มุมทำงาน ชวนเพื่อนมานั่งคุยงานกันบริเวณนี้แทนภายในตัวบ้านได้เลยค่ะ ด้วยความที่เป็นอาคารที่มีผนังเป็นกระจก บรรยากาศก็จะดูสว่าง โปร่ง เห็นพื้นที่สีเขียวที่อยู่ล้อมรอบได้ เป็นอีกมุมพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติด้วยนะคะ
อีกจุดที่เราว่าน่าสนใจคือทางด้านหน้า Glass house จะมีรูปปั้นและน้ำพุอยู่ค่ะ ซึ่งนอกจากเรื่องความสวยงามแล้วเราว่าเสียงของน้ำพุต่างๆ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้พื้นที่ส่วนกลางดูสงบมากขึ้นด้วย (เป็น White noise ที่ช่วยให้ผ่อนคลายค่ะ เราเองก็ชอบเปิดฟังก่อนนอนเหมือนกันนะคะ ฟังแล้วหัวโล่ง หลับสบายเลย)
The Crystal Park และ Glass House
Clubhouse
มาดูตัว Clubhouse กันค่ะ ทางเข้าจะอยู่ข้างๆ กับทางเข้า-ออกโครงการเลย มีที่จอดรถให้ 2 ช่องจอดทางด้านหน้า เผื่อใครเชิญแขกมาก็ให้มาจอดที่ตรงนี้ได้ค่ะ โดยภายใน Clubhouse ฟังก์ชันหลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 2 โดยชั้น 1 จะเป็นสระว่ายน้ำ และ ห้องน้ำ ส่วนชั้น 2 จะเป็นมุมนั่งเล่น และ ฟิตเนสค่ะ โดยอาคาร Clubhouse นี้จะมีลิฟต์โดยสารอยู่ด้วย เป็นฟังก์ชันที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงวัยหรือว่าคนที่เกิดอุบัติเหตุต้องนั่งรถเข็น ก็สามารถขึ้นไปชมวิวและใช้งานชั้นบนได้ด้วยนะ
ที่จอดรถหน้าทางเข้า cluhouse
สระว่ายน้ำ
พื้นที่สระว่ายน้ำเป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งที่เราว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ ด้วยการจัดวางตำแหน่งที่ปลีกตัวแยกออกมาจากฟังก์ชันอื่น ทำให้เกิดพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และการออกแบบที่เป็น Semi-outdoor คือจะมีส่วนหนึ่งที่อยู่ในร่ม และส่วนทื่อยู่กลางแจ้ง ซึ่งส่วนที่อยู่กลางแจ้งก็ห้อมล้อมด้วยผนังต้นไม้ที่เป็นไม้พุ่ม และมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาอีก ทำให้พื้นที่สระว่ายน้ำตรงนี้ดูร่มรื่น ไม่ร้อน สามารถใช้งานได้แทบจะทั้งวันเลย โดยสระว่ายน้ำจะได้เป็นระบบเกลือขนาดประมาณ 15 x 7 เมตร ลึก 1.2 เมตรค่ะ
สระว่ายน้ำ
พื้นที่ชมวิวชั้น 2
เราขึ้นมาที่ชั้น 2 ของ Clubhouse จะมีระเบียงยาวอยู่ค่ะ ซึ่งเราสามารถมาชมวิวบรรยากาศภายในโครงการได้ที่ชั้นนี้นะ ซึ่งการออกแบบบ้านที่มีหน้าตาสไตล์ Modern Classic ก็ช่วยให้บรรยากาศภายในโครงการดูสวยน่ามองเหมือนกันค่ะ
วิวจากชั้น 2 ของ Clubhouse
Fitness
อีกหนึ่งฟังก์ชันมาตรฐานที่ขาดไม่ได้คือฟิตเนสค่ะ เราเข้าใจว่าคนที่อยู่บ้านระดับ 20-30 ล้านบาทหลายๆ คนก็สามารถสร้างห้องออกกำลังกายส่วนตัวภายในบ้านได้เองเลย แต่ว่าการเลือกเครื่องเล่นก็อาจจะมีเครื่องละ 1 ตัวเท่านั้น ดังนั้นฟิตเนสที่คลับเฮ้าส์ก็เหมาะกับการชวนเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวมาเล่นด้วยกัน วิ่งพร้อมกัน หรือจะจ้างเทรนเนอร์มาช่วยสอนส่วนตัวก็สามารถมาใช้งานพื้นที่ตรงนี้ได้ด้วยค่ะ อาจจะมีเครื่องเล่นที่หลากหลายกว่าภายในบ้านด้วยนะ
ห้องออกกำลังกาย
Sky Lounge
นอกจากฟิตเนสแล้วก็จะมีพื้นที่อีกส่วนที่ปัจจุบันเป็นสำนักงานขายอยู่ค่ะ ในอนาคตห้องนี้ก็จะเป็น Sky lounge หรือว่าห้องรับรองที่เราเชิญแขกมาต้อนรับ พูดคุยธุระกันตรงนี้ได้นะ
แบบบ้าน
แบบบ้าน
สำหรับแบบบ้านที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 แบบค่ะ
- [บ้าน 3 ชั้น Seaton] ขนาดเริ่มต้นของโครงการ พื้นที่ใช้สอย 231 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 18 ล้านบาท
- [บ้าน 2 ชั้น Malton] แบบบ้านที่ได้ที่ดินใหญ่เริ่มต้น 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 322 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท
จุดเด่นบ้านในโครงการ เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60
- บ้านโครงสร้างก่ออิฐ ข้อดีของระบบโครงสร้างนี้คือการดัดแปลงต่อเติมค่ะ จะทุบผนังรวมห้องหรือจะแบ่งกั้นห้องเพิ่มก็สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะไปทำให้โครงสร้างหลักเสียหายหรือไม่
- ห้องชั้นล่าง ในทุกแบบบ้านภายในโครงการจะมีห้องชั้นล่างกั้นไว้ให้ 1 ห้อง เป็นได้ทั้งห้องอเนกประสงค์หรือจะปรับเป็นห้องนอนแขก / ห้องนอนผู้สูงวัยก็ทำได้ไม่ยากค่ะ นอกจากนั้นห้องน้ำที่ชั้นล่างก็มีห้องอาบน้ำอยู่อีกด้วยค่ะ
- ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ในทุกแบบบ้านจะมีการออกแบบพื้นที่ที่มีฝ้าเพดานสูงเอาไว้ สำหรับแบบ Seaton ที่เป็นบ้านแบบเริ่มต้นจะมีห้องนั่งเล่นฝ้าเพดานสูงอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน ส่วนแบบบ้าน Malton จะออกแบบโถงทางเข้าบ้านให้เป็นฝ้าเพดานสูง ทำให้บรรยากาศบริเวณนั้น ดูโอ่โถง โปร่งโล่งค่ะ
- ฟังก์ชันซัก ตาก รีด และห้องพระ ทั้งสองฟังก์ชันนี้ถือเป็นฟังก์ชันที่มีทุกแบบบ้านเช่นกัน ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ เตรียมไว้รองรับการใช้งานที่เกิดขึ้นจริง อย่างเช่นซัก ตาก รีด ก็จะเป็นมุมซักรีดที่ออกแบบให้มี Sky light แม่บ้านสามารถซักผ้า ตากผ้า รีดผ้าภายในตัวบ้านได้เลยค่ะ ไม่ต้องต่อเติมด้วยนะ
- EV Charger ในบ้านทุกแบบจะวางระบบสายไฟรองรับการติดตั้งจุดชาร์จรถ EV เอาไว้ให้ค่ะ ในบ้านทั่วไปจะไม่ได้เดินระบบไฟตรงนี้ไว้ เมื่อต้องการจะติดตั้งก็ต้องเสียเวลาไปติดต่อการไฟฟ้าเพื่อขออนุมัติกระแสไฟฟ้าอีก ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นโครงการนี้ก็เพียงติดตั้งแท่นชาร์จเพิ่มก็เรียบร้อยแล้วค่ะ
- FRASERS Clean and Cool Air เป็นเทคโนโลยีช่วยเรื่องสภาพอากาศภายในบ้าน โดยจะมี Filter ช่วยกรองฝุ่นละอองอย่าง PM 2.5 ออกให้อากาศดีเข้ามาภายในบ้าน และแลกเปลี่ยนอากาศเสียออกนอกบ้าน ในอากาศภายในบ้านมีคุณภาพดีค่ะ
โครงสร้างและวัสดุ
- โครงสร้างก่ออิฐ ฉาบเรียบ
- พื้นที่จอดรถ – คอนกรีตแสตมป์
- พื้นชั้นล่าง – กระเบื้องลายหิน ไวท์วีนัส ขนาด 80×80 ซม.
- พื้นชั้นบน – แบบบ้าน Seaton พื้น SPC , แบบบ้าน Malton พื้น Engineering Wood
- ผนังบ้าน – ติด wallpaper ทั้งหลัง
- ผนังพิมพ์ลายในห้องน้ำ – Cladding wall ไฟเบอร์ซีเมนต์
- สวิตช์ไฟ – Schneider Electric
สำหรับบ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปดูในบทความนี้จะมีอยู่ 2 แบบคือ Seaton และ Malton ค่ะ เป็นบ้านสร้างเต็มที่ดินก็ว่าได้ เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และที่สำคัญคือการออกแบบหน้าตาบ้านที่มาในสไตล์ Modern Classic จุดนี้น่าจะเป็นอีกเรื่องที่ดึงดูดให้คนที่ชอบสไตล์แบบนี้เลือกบ้านโครงการนี้เลยนะ
SEATON
บ้านแบบแรกที่จะพาไปดูเป็นบ้านแบบ Seaton ค่ะ ถือว่าเป็นบ้าน Type เริ่มต้นของโครงการนี้เลย ราคาอยู่ที่ 18 ล้านบาท เป็นบ้าน 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 231 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน
บ้านแบบ Seaton
สำหรับบ้านแบบ Seaton นี้เป็นบ้านที่มีขนาดที่ดินไม่ได้เยอะมาก แต่ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะเพราะถูกออกแบบมาให้เป็นบ้าน 3 ชั้น ตัวที่ดินจะมีขนาดไม่ถึง 50 ตร.วา ค่ะ ในแง่กฎหมายเราจะเรียกบ้านแบบนี้ว่าบ้านแฝดนะ ซึ่งจะต้องมีโครงสร้างใดโครงสร้างหนึ่งของบ้าน ที่ใช้ร่วมกับเพื่อนบ้าน ซึ่งในแบบบ้านนี้ก็จะเป็นห้องซักรีดค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าเสียงจากเพื่อนบ้านจะดังรบกวนพื้นที่พักผ่อนภายในบ้านของเรานะ
จุดที่เราว่าเป็นข้อดีของบ้านแฝดคือราคาค่ะ เนื่องจากที่ดินที่ไม่เยอะ ทำให้ราคาบ้านไม่สูงเกินไป (เทียบกับบ้าน Malton ที่เป็นบ้านเดี่ยวที่ดิน 65 ตร.วา แบบ Malton จะราคาเริ่มต้น 30 ล้าน) แต่ว่าในขณะเดียวกันพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันต่างๆภายในบ้านเทียบเท่ากับบ้านเดี่ยวเลยค่ะ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการที่ดินใหญ่ ไม่ต้องการสวนภายในบ้านปลูกผัก ปลูกต้นไม้นะ
Seaton จอดรถได้ 2 คันในร่ม มีการเตรียมงานระบบสำหรับติดตั้ง EV Charger ได้ในอนาคต
ทางเข้าหลักของบ้านจะอยู่ด้านข้าง เราชอบการออกแบบที่หยิบเอาองค์ประกอบสถาปัตยกรรมยุโรปมาใช้ เช่น เฟรมของกระจก ลวดลายราวกันตก ลูกฟักบานประตูหน้าต่าง หรือการเซาะร่องของผนังบ้านค่ะ
[ ชั้น 1 ]
ฟังก์ชันชั้น 1 ของบ้าน ประกอบไปด้วยที่จอดรถ 2 คัน, ห้องนั่งเล่น, พื้นที่กินข้าว, ห้องนอน4 (หรือห้องอเนกประสงค์), ห้องครัว, ห้องซักรีด, ห้องน้ำ
Living Room
เปิดประตูหลักเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นเป็นอันดับแรกค่ะ บรรยากาศจะสบายๆ ต่อเนื่องไปกับพื้นที่กินข้าวที่อยู่ด้านใน จัดชุดโซฟารับรองแขก เชิญเพื่อนมาจัดปาร์ตี้บริเวณนี้ได้ค่ะ
Living room
Dining Area
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วนกินข้าว จัดโต๊ะกินข้าวขนาด 6 ที่นั่งแบบในบ้านตัวอย่างกำลังดีนะ พื้นที่ตรงนี้ถือว่าโปร่งพอสมควร มีประตูออกไปยังสวนข้างบ้านได้ และหน้าต่างทางด้านหลังบ้านก็จัดว่าได้บานใหญ่เลยค่ะ
ในบ้านตัวอย่างจัดพื้นที่หลังบ้านเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนแบบ Semi-outdoor
พื้นที่สองส่วนนี้เราว่าไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอลังการนะคะ แต่ขนาดกำลังพอดี ใช้งานได้ไม่คับแคบแออัดค่ะ
เดินไปอีกฝั่งของบ้านจะเป็นฟังก์ชันที่อยู่ในห้องแล้วนะคะ
ห้องนอน 4 (ห้องอเนกประสงค์)
ติดกับพื้นที่กินข้าวจะมีห้องอยู่ 1 ห้องค่ะ ตรงนี้จะเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถจัดเป็นห้องนอนที่ 4 ได้ มีกระจกเข้ามุมตรงห้องทำให้ภายในห้องนี้เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอกห้องได้ด้วย (ทำให้เรามองว่าเหมาะกับการเป็นห้องอเนกประสงค์มากกว่าห้องนอนนะ) โดยภายในห้องถือว่ามีขนาดไม่เล็กไป จะวางเตียง 3 – 3.5 ฟุตก็ได้อยู่ค่ะ ถ้าใครไม่ต้องการใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนก็ปรับเป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกายส่วนตัวภายในบ้านได้นะ
ห้องนอน 4 (ห้องอเนกประสงค์)
ทางเดินไปยังส่วนครัวซึ่งเป็นส่วน Service ของบ้านจะอยู่หน้าห้องอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งจะมีทางออกไปยังที่จอดรถด้วย จุดที่น่าสนใจคือการออกแบบประตู ซึ่งได้เป็นประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ช่วยให้แสงสว่างส่องเข้ามาบริเวณทางเดินตรงนี้ได้เต็มที่ แตกต่างจากบ้านที่เราเคยเห็นที่มักจะออกแบบประตูทางเข้าจากที่จอดรถเป็นประตูบานทึบเล็กๆ
ห้องน้ำชั้น 1
เดินมาสุดทางเดินจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งที่ชั้น 1 นี้จะมีห้องน้ำอยู่ห้องเดียวนะ ภายในห้องน้ำก็จะมีห้องอาบน้ำมาด้วย (เผื่อใครใช้ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างเป็นห้องนอนก็เดินมาใช้ห้องน้ำตรงนี้ค่ะ) ฟังก์ชันด้านในแยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งเรียบร้อย เหมาะสมกับการใช้งาน ตัวสุขภัณฑ์ก็มีการเลือกรุ่นที่ดูดี มี Built-in ชั้นวางของตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าดูสวยงาม แต่ที่โดดเด่นจะเป็นการเลือกใช้กระเบื้องค่ะ ในห้องน้ำทุกห้องจะมีผนังนึงที่ออกแบบให้มีกระเบื้องพิมพ์ลายต่อกัน สร้างสีสันและความน่าสนใจให้กับห้องน้ำนะ
ห้องน้ำชั้น 1
ห้องครัว
ติดกันกับห้องน้ำจะเป็นห้องครัวค่ะ ภายในห้องนี้บ้านจริงจะเป็นห้องเปล่านะคะ มีขนาดใหญ่พอสมควรเลย เราทำ Built-in ชุดครัวเข้ามุมเป็นรูปตัว L แบบบ้านตัวอย่างได้ มีหน้าต่างช่วยระบายอากาศ ควัน ความชื้นออกไปทางหลังบ้าน
ห้องครัว
ห้องซัก ตาก รีด
ไฮไลท์หนึ่งของบ้านในโครงการคือการออกแบบพื้นที่ซักล้างเอาไว้ให้ภายในบ้าน เป็นโซนที่มี Skylight ทำให้เราไม่ต้องกลัวฝนตกเลยค่ะ สามารถตากผ้าบริเวณนี้ได้เลย ด้านหลังบ้านก็จะมีหน้าต่างและประตูเปิดระบายอากาศ/ความชื้นได้ด้วย นอกจากนั้นก็จะมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า เตารีด ครบ จบ ในที่เดียวค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาและงบประมาณต่อเติมพื้นที่หลังบ้านเลยนะ
ห้องซัก ตาก รีด
[ ชั้น 2 ]
ฟังก์ชันชั้น 2 ของบ้าน ประกอบไปด้วย Multi-purpose area และ Master Bedroom
Multi-purpose area
ที่ชั้น 2 จะมีอยู่ 2 ฟังก์ชันเท่านั้นค่ะ โดยตัวบันไดบ้านจะอยู่ตรงกลาง ทางฝั่งที่เป็นห้องครัวนั้นจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นเลยค่ะ
ไฮไลท์ของพื้นที่ตรงนี้จะอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน ที่ได้ฝ้าเพดานสูง 6.2 เมตร ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูโปร่งมากเลยค่ะ ส่วนพื้นที่ทางฝั่งด้านหลังก็จะมีฝ้าเพดานระดับปกติ แต่จะมีห้องน้ำอยู่ด้วย 1 ห้อง ซึ่งภายในห้องน้ำจะมีพื้นที่อาบน้ำด้วย เราจึงมองว่าพื้นที่ตรงนี้สามารถกั้นเป็นห้องนอนเพิ่มอีกห้องก็ได้นะคะ
พื้นที่ Double Volume สูง 6.2 เมตร
Master Bedroom
สำหรับห้องนอนใหญ่ก็จะอยู่ที่ชั้น 2 เลย กินพื้นที่อีกครึ่งหนึ่งของชั้นนี้เอาไว้ค่ะ
พื้นที่ด้านในถือว่ามีขนาดใหญ่เลยนะ สามารถจัดวางเตียงนอนได้ มีโซฟาเล็กๆ ปลายเตียง มีโซนสำหรับ Walk-in Closet และมีห้องน้ำภายในตัว
ผนังทางฝั่งหน้าบ้านใน Master Bedroom ออกแบบมาให้ดูเปืดกว้างด้วยประตูหน้าต่างบานกระจก
Walk-in closet และ ห้องน้ำ ภายใน Master Bedroom
ภายในห้องนอนใหญ่จะจัดโซนสำหรับทำเป็นห้องแต่งตัวแยกไว้เป็นสัดส่วนเลยค่ะ ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำ สามารถกั้นปิดเป็นห้องได้เลยนะคะ พื้นที่มีขนาดใหญ่ จัดวางตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งได้ครบเลย ส่วนในห้องน้ำจะมีความพิเศษตรงที่มีอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวอยู่ด้วย พร้อมหน้าต่างบานใหญ่ กลายเป็นว่าเป็นอีกมุมที่เราสามารถมาใช้งาน นอนแช่อ่างพักผ่อนในวันที่เหนื่อยๆ ได้เลย
Walk-in closet และ ห้องน้ำ ภายใน Master Bedroom
[ ชั้น 3 ]
ฟังก์ชันชั้น 3 ของบ้าน ประกอบไปด้วย ห้องนอน 2 ห้อง และ ห้องพระ
เดินขึ้นชั้น 3 มาจะเจอกับห้องพระก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้กั้นเป็นห้องอะไรค่ะ แต่เป็นพื้นที่เล็กๆ ที่เตรียมไว้เผื่อใครจะจัดโต๊ะหมู่บูชาได้ หรือถ้าใครนับถือศาสนาอื่นก็ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบเลย อาจจะเป็นมุมสำหรับออกกำลังกาย เล่นโยคะ มุมสำหรับจัดเป็นชั้นวางหนังสือครอบครัวก็ทำได้ค่ะ
Prayer Room
ห้องนอน 2
เราขอเรียกห้องนอนที่อยู่เหนือ Master Bedroom ว่าเป็นห้องนอนที่ 2 นะคะ โดยห้องนอนนี้ถือว่ามี Zoning คล้ายกันกับ Master Bedroom เลยค่ะ แต่จะมีขนาดเล็กลงมา พื้นที่ปลายเตียงที่วางโซฟาได้ก็หายไป ระเบียงก็จะไม่มี แต่จะได้พื้นที่หน้าต่างบรรยากาศเหมือน Bay Window มาแทนที่ ส่วนมุมสำหรับ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวก็ยังคงอยู่ค่ะ
ห้องนี้เราชอบเลยนะคะ เพราะอยู่ชั้นบนสุดด้วยก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ฟังก์ชันใช้งานก็ครบครัน อยู่สบาย ใครมีลูกก็อยู่ได้ตั้งแต่เล็กจนโตเลยค่ะ
ห้องนอน 2
ห้องนอน 3
ห้องนอนสุดท้ายถือว่าเป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดก็ว่าได้ค่ะ แต่เป็นห้องที่มีบรรยากาศที่เก๋ไม่เหมือนใคร ทำไม? มาดูกันค่ะ
ภายในห้องจะมีขนาดกำลังดีนะ วางเตียง Queen size ได้ มีมุมโต๊ะเครื่องแป้ง มีมุมสำหรับวางตู้เสื้อผ้า และมีห้องน้ำในตัว
ห้องนอน 3
จุดที่เรามองว่าเก๋คือผนังฝั่งหนึ่งจะเป็นกระจกนิรภัยค่ะ เชื่อมต่อห้องนี้ไปยัง multi-purpose area ที่อยู่ชั้น 2 ด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะ? กับบ้านเริ่มต้น Seaton ของโครงการเดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 นี้ เรามองว่าเป็นบ้านที่ถือว่าได้พื้นที่ใช้สอยที่เยอะเลยนะคะ สามารถจัดเป็นห้องนอน 4-5 ห้องได้ ถ้าใครเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ถ้าครอบครัวเรามีสมาชิกไม่เยอะ หลายๆห้องก็สามารถใช้เป็นห้องทำงาน ห้องทำการบ้าน ห้องออกกำลังกาย มีพื้นที่ที่สามารถปรับใช้ให้ตรงกับความต้องการของสมาชิกภายในบ้านหลากหลายมุมเลยทีเดียวค่ะ
MALTON
บ้านแบบต่อมาที่เปิดขายอยู่เป็นแบบบ้านขนาดกลางที่มีชื่อว่า MALTON ค่ะ สำหรับบ้านแบบนี้จะเป็นบ้านแบบเดียวในโครงการที่ออกแบบมาให้เป็นบ้าน 2 ชั้น และยิ่งเป็นบ้านที่ได้พื้นที่ใช้สอยมากถึง 322 ตร.ม. ทำให้พื้นที่ใช้สอยต่อชั้นเยอะเช่นกัน เลยทำให้เป็นแบบบ้านที่ได้ที่ดินเริ่มต้นเยอะสุด อยู่ที่ 65 ตร.ม.ค่ะ
MALTON จึงเป็นแบบที่เหมาะกับคนที่ชอบสไตล์บ้านแบบ Modern Classic นี้ แต่อยากได้บ้าน 2 ชั้น ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดเยอะ ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะ
บ้านแบบ Malton
สำหรับฟังก์ชันภายในบ้านจะได้ 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ มีห้องแม่บ้าน ได้โถงต้อนรับหรือ Foyer ฝ้าเพดานสูงโปร่งถึง 6.4 เมตร และจุดที่น่าสนใจคือจะเป็นแบบที่ได้สระว่ายน้ำภายในบ้านด้วยค่ะ
[ ชั้น 1 ]
ฟังก์ชันชั้น 1 ของบ้าน ประกอบไปด้วย ที่จอดรถ 3 คัน, Foyer, Dining Room, Living Room, ห้องแม่บ้าน, ห้องซัก ตาก รีด, ห้องครัว, ห้องน้ำแบบ Powder Room, Working Room, Bedroom4, ห้องน้ำ และ สระว่ายน้ำ
Foyer
ประตูทางเข้าหลักจะอยู่กลางบ้านเลยค่ะ โดยเข้ามาจะเป็นโถงทางเข้าบ้านหรือว่า Foyer ซึ่งโถงตรงนี้จะได้ฝ้าเพดานที่สูงถึง 6.4 เมตร ทำให้บรรยากาศบ้านดูโอ่โถง สร้างความประทับใจให้กับคนที่มาเยือนได้ โดยทางขวามือจะเป็นบันไดขึ้นไปชั้น 2 บ้าน ใต้บันไดมีพื้นที่เก็บของ ส่วนทางซ้ายจะเป็นห้องนั่งเล่น/รับรองแขก
Foyer
Living Room
ตำแหน่งของ Living Room จะอยู่ติดกับ Foyer เลยค่ะ เป็นพื้นที่แบบ Open plan เชื่อมต่อไปกับโถงต้อนรับ ห้องกินข้าว แต่ก็ถือว่ามีขนาดใหญ่ รองรับแขกได้หลายคน โดยตรงนี้จะมีหน้าต่างขนาดใหญ่ทางฝั่งหน้าบ้าน ถ้าเราปลูกต้นไม้ไว้ทางหน้าบ้านภายในห้องนั่งเล่นก็จะได้วิวสีเขียวด้วย ดูร่มรื่นแม้จะอยู่ในบ้านค่ะ
Living Room
สระว่ายน้ำ
ไฮไลท์หนึ่งของบ้านแบบ Malton คือสระว่ายน้ำค่ะ ตรงนี้จะเรียกว่า Spa & Endless Pool เป็นสระแบบ Semi-outdoor คืออยู่ภายนอกตัวบ้านแต่ก็ยังคงอยู่ในร่ม ซึ่งสระนี้อาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่จะมีระบบคลื่นให้เราสามารถว่ายน้ำแบบทวนกระแสน้ำได้ ใช้ออกกำลังกายได้ไม่แพ้สระขนาดใหญ่ค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีระบบนวดผ่อนคลาย ได้บรรยากาศเหมือนอยู่สปานะ
สระว่ายน้ำ
เดินเข้าไปทางด้านในจะเป็น Working room และห้องนอนค่ะ ตรงนี้เรามองว่าถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวอาจจะต่อเติมประตูกั้นโซนแยกได้นะคะ เนื่องจากที่ชั้นนี้จะมีห้องน้ำอยู่ 2 ฝั่ง ฝั่งนี้จะเป็นห้องน้ำที่ห้องนอนชั้นล่างมาใช้ร่วมด้วย อาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นค่ะ
Working Room
ห้องนี้จะอยู่ในตำแหน่งข้างๆ กับสระว่ายน้ำค่ะ โดยเรามองว่าเป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถใช้เป็นได้ทั้งห้องทำงาน ห้องนอน ห้องทำงานอดิเรกได้นะ
Working Room
ห้องน้ำชั้น 1
ตรงบ้านฝั่งนี้จะมีห้องน้ำอยู่ 1 ห้อง แยกจากห้อง Powder room สำหรับแขกออกมา โดยจะมีพื้นที่อาบน้ำรวมอยู่ด้วย โดยการออกแบบผังของห้องน้ำจะมีทางเข้า-ออก 2 ทาง เข้าได้จากห้องนอนและจากทางเดินค่ะ จุดที่เราชอบอีกจุดคือการเลือกลวดลายกระเบื้องผนังที่สร้างให้ภายในห้องน้ำดูสวยเก๋ขึ้นมาเลย
ห้องน้ำชั้น 1
ห้องนอนชั้นล่าง
ห้องนอนนี้ออกแบบมาได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ ถึงแม้จะอยู่ที่ชั้น 1 ของบ้านแต่ก็แยกจากพื้นที่ส่วนอื่นๆ ออกมาไม่รบกวนกัน อีกทั้งภายในห้องดูโปร่ง มีหน้าต่างอยู่ 2 ฝั่ง เปิดวิวออกสู่สวนภายนอกบ้าน มีระเบียงพักผ่อนเล็กๆ และได้ห้องน้ำในตัว
ห้องนอนชั้นล่าง
Dining Room
พื้นที่กินข้าวจะอยู่ใจกลางบ้านเลยค่ะ ตำแหน่งจะอยู่ทางฝั่งหลังบ้านระหว่างสระว่ายน้ำและห้องครัว รายละเอียดที่น่าสนใจคือผนังที่กั้นระหว่างห้องกินข้าวและห้องครัวจะออกแบบให้มีหน้าต่างบานเลื่อน ใช้เป็นช่องส่งของหรืออาหารได้นะ โดยพื้นที่กินข้าวบ้านตัวอย่างจัดมาให้ดูอยู่ 6 ที่นั่ง แต่ส่วนตัวเรามองว่ารองรับได้ 8 ที่นั่งสบายๆ เลยค่ะ
Dining Room
มาที่อีกฝั่งของบ้านกันต่อค่ะ ฝั่งนี้ถือว่าเป็นโซน Service ก็ว่าได้ จะมีห้องครัว ห้องซักรีด ห้องแม่บ้าน ห้องน้ำแบบ Powder room และก็มีทางออกไปยังที่จอดรถ ถือว่าสะดวกเลย เวลาเราซื้อของเข้าบ้านก็ให้แม่บ้านมาช่วยถือได้ และก็ตรงเข้าครัวได้ทันที
ห้องน้ำแบบ Powder Room
ห้องน้ำตรงนี้จะเป็นแบบ Powder room คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำค่ะ แต่จะได้โถสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติด้วยนะ
ห้องครัว
พื้นที่ห้องครัวที่ได้ภายในบ้านแบบนี้ถือว่าใหญ่เลยค่ะ กั้นเป็นสัดส่วน สามารถจัดเคาน์เตอร์ครัวเข้ามุมเป็นรูปตัว C ได้ และสร้าง island เป็นเคาน์เตอร์ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหารได้ด้วย น่าจะเป็นครัวในฝันของสายแม่บ้านชอบทำอาหาร อบขนมเลยนะคะ
ห้องครัว
ห้องซัก ตาก รีด
ส่วนพื้นที่ซักล้างก็ออกแบบให้อยู่ภายในตัวบ้านเลย ซัก ตาก รีด ได้ในพื้นที่เดียวกัน มี Sky Light เอาไว้ตากผ้าด้วย และมีหน้าต่าง/ประตูช่วยระบายอากาศ ความชื้นได้ค่ะ โดยพื้นที่ตรงนี้จะอยู่ใกล้กับห้องแม่บ้านนะ
ห้องซัก ตาก รีด
[ ชั้น 2 ]
ฟังก์ชันชั้น 2 ของบ้าน ประกอบไปด้วย ห้องนอน 3 ห้อง, Family area และห้องพระ
ชั้น 2
ห้องพระ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ติดกับบันไดจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์เล็กๆ เหมาะสำหรับจัดเป็นมุมห้องพระค่ะ พื้นที่ตรงนี้ถือว่าเป็นมุมอเนกประสงค์ก็ว่าได้อาจจะจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือว่ามุมสำหรับอ่านหนังสือได้นะคะ
ห้องนอน 2
ติดกันจะเป็นห้องนอนรองค่ะ ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเรามองว่าใหญ่มาก ไม่ต่างจาก Master Bedroom เลย โดยฟังก์ชันภายในห้องนอนก็ครบ มีพื้นที่พักผ่อน มุมสำหรับกั้นเป็นห้องแต่งตัวหรือว่า Walk-in Closet ได้ มีห้องน้ำในตัว ห้องนี้อยู่กันได้ 1-2 คนแบบสบายๆ เลยค่ะ
ห้องนอน 2
ห้องนอน 3
ห้องนอนรองอีกห้องจะอยู่ฝั่งทางด้านหลังตรงกับทางขึ้น-ลงบันไดเลย โดยห้องนี้จะมีขนาดที่เล็กสุด แต่ว่าพื้นที่ภายในก็ไม่ได้น้อยหน้าห้องอื่นนะคะ ยังมีพื้นที่สำหรับวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ มีมุมแต่งตัว จัดพื้นที่ไว้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานได้ พร้อมกับห้องน้ำภายในตัวค่ะ
ห้องนอน 3
Family area
ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องนอนใหญ่ ทางด้านหน้าห้องจะมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ตรงนี้เรียกว่า Family Area เป็นพื้นที่ให้ครอบครัวได้มานั่งเล่น ทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างในบ้านตัวอย่างจะจัดไว้เป็นมุมสำหรับเล่นดนตรี ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นมุมนั่งเล่น จัดชุดโซฟา+ทีวีเอาไว้ให้เล่นเกมส์ ดูซีรีส์ได้ อาจจะกั้นเป็นห้องปิดเพิ่มอีกห้องก็ได้นะคะ เผื่อใครอยากให้ห้องนี้เป็นส่วนตัว เสียงไม่รบกวนพื้นที่อื่นๆ ค่ะ
Family area
Master Bedroom
สำหรับห้องนอนใหญ่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเลยค่ะ มีพื้นที่กว้าง มีระเบียงส่วนตัวภายในห้อง จัดวางได้ทั้งเตียงนอน มุมพักผ่อน มุมทำงาน และสามารถกั้นพื้นที่เป็น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ได้ด้วยค่ะ
Master Bedroom
Master Bathroom
ส่วนห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ก็จะมีความพิเศษตรงที่ได้อ่างอาบน้ำแบบลอยตัว ใช้งานพักผ่อนได้ด้วย ส่วนห้องอาบน้ำก็มีฉากกั้นแยกออกไปอีกส่วนค่ะ ห้องนี้ถือว่ามีความสว่างพอสมควร เพราะได้กระจกขนาดใหญ่นะ ใช้ระบายอากาศ ความชื้นได้ค่ะ
Master Bathroom
ราคา
เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 ราคา ณ วันที่ 22 มีนาคม 2565
- Malton บ้าน 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 322 ตร.ม.
– ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท - Seaton บ้าน 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 231 ตร.ม.
– ราคาเริ่มต้น 18 ล้านบาท - ค่าส่วนกลาง 85 บาท/ตร.วา
- จองและทำสัญญา : สอบถามข้อมูลจากทางโครงการ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
โครงการ The Grand วิภาวดี 60 เป็นโครงการบ้านใจกลางเมืองที่มาเปิดบนทำเลที่เราไม่ค่อยเจอโครงการบ้านมาเปิดใหม่เท่าไหร่นัก เรียกว่าเป็น Rare Item ก็ว่าได้ โดยทำเลนี้ก็สามารถมองได้ว่าเป็นทำเลใกล้รถไฟฟ้า ถ้าเราออกมายังถนนใหญ่ก็เริ่มจะมีโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียมมาเปิดตัวกันใหม่เยอะแล้วเช่นกันค่ะ ทำให้ความที่เป็นบ้านใจกลางเมืองกลายมาเป็นจุดขายของที่นี่ก็ว่าได้นะ
แต่แม้ว่าจะอยู่กลางเมือง ตัวโครงการก็ออกแบบมาโดยให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัว ทั้งจำนวนยูนิตที่น้อย 38 หลังเท่านั้น ทำเลที่อยู่ในซอยรอง รถราไม่พลุกพล่าน เพื่อนบ้านรอบๆ ที่ดินก็มีลักษณะเป็นบ้านพักอาศัย
ส่วนเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกเรามองว่าก็จัดออกมาดี เนื่องจากโครงการบ้านใจกลางเมืองหลายๆโครงการมักจะตัดพื้นที่ส่วนกลางออกไป แต่ในโครงการนี้ถือว่าให้พื้นที่ส่วนกลางมาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต และมีการออกแบบตกแต่งตัวสถาปัตยกรรม ตกแต่งภายใน และออกแบบ Landscape ออกมาได้น่าใช้งาน
ส่วนตัวบ้านเองก็จะเป็นบ้านที่เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเป็นหลัก มีทั้งบ้าน 2 ชั้นและบ้าน 3 ชั้น ฟังก์ชัน 4-5 ห้องนอน จอดรถได้ 2-3 คัน มีรายละเอียดที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายเวลาอยู่อาศัยจริง เช่น มีครัวไทยภายในบ้าน มีพื้นที่ซัก ตาก รีด มีห้องพระ นอกจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีที่คอยดูแลเรื่องคุณภาพอากาศภายในบ้าน และได้เตรียมงานระบบรองรับการติดตั้ง EV Charger มาให้พร้อมค่ะ
เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 เหมาะกับใคร?
โครงการนี้ เหมาะกับคนที่กำลังมองหาบ้านใจกลางเมือง ได้พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่า และได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย เหมาะกับคนที่ทำงานในย่านวิภาวดีรังสิตหรือพหลโยธิน อยู่กันเป็นครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ มีงบประมาณ 20-30 ล้านบาทค่ะ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc