

รีวิวโครงการ
คฤหาสน์หรูติดถนนใหญ่ เกือบ 1,000 ตร.ม. | GRANADA Pinklao – Phetkasem | คิดเรื่องอยู่ EP.755
23 มีนาคม 2024
..วันนี้พามาชมโครงการสุดหรูระดับ Flagship จาก SC Asset นั่นคือ Granada ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ซึ่งหลายๆคนที่ผ่านไป-มาบนถนนกาญจนาฯย่านบางแค ก็คงจะเคยเห็นโครงการนี้ผ่านหน้าค่าตากันอยู่บ้างใช่มั้ยครับ โดยบรรยากาศภายในโครงการปัจจุบันนั้น ร่มรื่นด้วยอุโมงค์ต้นจามจุรีย์ขนาดใหญ่ ทอดยาวระหว่าง 2 ข้างทางไปตามบนถนนภายในโครงการ จนเกิดความร่มเงาและสวยงามสุดๆ
โดยปัจจุบันทางโครงการเพิ่งจะเปิดเฟสใหม่ พร้อมแบบบ้านซีรีส์ใหม่สไตล์ Modern Classical ที่มีความใหญ่โตและโดดเด่นมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นโครงการ Super Luxury แบรนด์ Top สุดจาก SC Asset ที่ได้พื้นที่ดินและพื้นที่ใช้สอยเยอะที่สุดในย่านบางแค หากใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่แบบนี้ และมีงบประมาณอยู่ในช่วง 60 – 120 ล้านบาท โครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียวครับ โดยจุดเด่นที่น่าสนใจของโครงการก็จะมีดังต่อไปนี้
- บรรยากาศโครงการมีความร่มรื่นสูง ด้วยอุโมงค์ต้นจามจุรีย์ขนาดใหญ่ บนถนนในโครงการ ระหว่าง 2 ข้างทาง พร้อมสวนสาธารณะบรรยากาศน่าเดินเล่นมาก รวมแล้วมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 8 ไร่ (นับจากพื้นที่ทั้งหมดในโครงการกว่า 37 ไร่*)
- บ้านเดี่ยวหน้ากว้างไซส์ใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะสุดในย่านเกือบ 1,000 ตร.ม. มาพร้อมกับที่ดินขนาดใหญ่มากกว่าครึ่งไร่ ให้ฟังก์ชันเรือนรับรอง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และทุกแบบบ้านรองรับการจอดรถสูงสุด 8 คัน*
- มีความเป็นส่วนตัว ทั้งโครงการมีเพียง 37 ยูนิต พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย Double Security Gate 2 ชั้น
- ให้วัสดุภายในบ้านมาดี พื้นชั้นล่างปูกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินอ่อนสีขาวแผ่นใหญ่ 0.9 x 1.8 m. และพื้นชั้นสองเป็นปาร์เก้ไม้สัก รวมถึงยังมีเทคโนโลยีอื่นๆที่ใส่เข้ามา เช่น Home Automation และระบบ Active Air Flow จาก SCG เป็นต้น
ข้อมูลโครงการ
Granada Pinklao-Phetkasem (กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม) ณ วันที่ 7 มีนาคม 2567
ชื่อโครงการ | Granada Pinklao-Phetkasem (กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด |
SEGMENT CLASS | SUPER LUXURY – ULTIMATE CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถ.กาญจนาภิเษก เขตบางแค |
ที่ดิน | 36-2-12.3 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 37 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ราคาเริ่มต้น | 60 – 120 ล้านบาท |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | n/a บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 (เฟสใหม่ New Series ปัจจุบัน) |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี n/a |
เว็บไซต์โครงการ | ลงทะเบียนเยี่ยมชมโครงการ >> https://m.scasset.com/LlXB |
โทร | 092-269-3444 / Line โครงการ : https://lin.ee/cN7OLvm |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ติดถนนใหญ่กาญจนาภิเษก เข้า-ออกเมืองง่าย
- ใกล้จุดที่เป็นสะพานกลับรถเพียง 140 m.
- ไม่ไกลจากห้าง The Mall บางแค และมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็นตัวเลือกในการเดินทาง
พิกัด Google Maps : 13.724463, 100.405459
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ GRANADA ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ตั้งอยู่ติดถนนกาญจนาภิเษก ย่านบางแค ซึ่งเราสามารถใช้ถนนเส้นนี้ในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวกเลยครับ และความอุดมสมบูรณ์หลักๆของแถวนี้ก็จะอิงกับ The Mall บางแค และคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ รวมถึงยังมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีหลักสอง เป็นหนึ่งในตัวเลือกเข้าเมือง เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าสายอื่นๆได้สะดวกอีกทางหนึ่งด้วยครับ (ห่างจากโครงการเพียง 2.9 km.)
มาพูดถึงตัวโปรดักส์กันสักหน่อยครับ อย่างที่ทราบกันดีว่า GRANADA เรียกได้ว่าเป็นบ้านเดี่ยวระดับ Flagship จาก SC Asset ที่มีระดับราคา 60 – 120 ล้านบาท อีกทั้งยังมีขนาดที่ดิน พื้นที่ใช้สอย และบรรยากาศที่จะเป็นตัวตัดสิน บอกได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าใครที่อาจเป็นเจ้าของธุรกิจในย่านนี้ หรือเป็นคนที่มองหาบ้านไซส์ใหญ่พิเศษแถวนี้อยู่แล้ว โครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้การเดินทางเข้าเมือง หรือไปเดินช้อปปิ้งที่ห้าง The Mall บางแค ได้สะดวกมากขึ้นก็คือ ‘จุดกลับรถ’ โดยจะมีสะพานให้กลับรถอยู่ใกล้ๆกับโครงการเลยครับ ซึ่งทางขึ้นจะอยู่ห่างจากหน้าโครงการเพียง 140 m. เท่านั้น ถือเป็นระยะที่สามารถใช้งานได้สบายๆเลยทีเดียว
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการปัจจุบันก็เป็นชุมชนพักอาศัยครับ และก็ยังมีที่ว่างอยู่บ้าง ซึ่งด้านหน้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนใหญ่ทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกเลย แต่เมื่อเข้ามาด้านในแล้วเราจะเจอกับบรรยากาศที่เงียบสงบไม่วุ่นวายเหมือนภายนอก จึงเหมาะแก่การอยู่อาศัยและขณะเดียวกันก็เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย
- ทิศเหนือ : ติดกับ ชุมชนพักอาศัย ที่ว่าง และวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์
- ทิศใต้ : ติดกับ ชุมชนพักอาศัย ที่ว่าง และเต็นท์ขายรถ
- ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่าง และชุมชนพักอาศัย
มาดูบรรยากาศทำเลรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ เริ่มจากทางด้านหน้าจะอยู่ติดกับถนนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกแบบนี้เลย ทำให้เข้า-ออกได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเข้าซอย รวมถึงยังมีสะพานลอยให้ใช้ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย
ทางด้านขวาของโครงการรจะมีอาคารพาณิชย์ ที่ด้านล่างเปิดเป็นพวกร้านอาหารเล็กๆน้อยๆ และมีเซเว่นตั้งอยู่ไม่ไกล
ส่วนถนนด้านหน้าโครงการจะมีการเว้าฟุตบาท ให้ใช้เข้า-ออกโครงการได้ง่ายแบบนี้ครับ
และอีกด้านหนึ่งที่เป็นทางมุ่งหน้าไปพุทธมณฑล ก็จะเห็นว่ามีจุดให้กลับรถอยู่ใกล้ๆแบบนี้เลยครับ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกลับเข้าเมือง หรือไป The Mall บางแค ได้สะดวกมากขึ้นเยอะเลย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- The Mall บางแค ~ 2.6 km.
- เดอะ พาธิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก ~ 4.9 km.
- BigC เพชรเกษม ~ 6.1 km.
- Seacon บางแค ~ 7.2 km.
- Icon Siam ~ 14.6 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค ~ 3.5 km.
- โรงพยาบาลธนบุรี 2 ~ 7.1 km.
- โรงพยาบาลพญาไท 3 ~ 9.1 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า (เพชรเกษม) ~ 6.6 km.
- โรงเรียนนานาชาติ SISB Thonburi ~ 7.6 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- บรรยากาศโครงการสวยงามและร่มรื่นมากๆ ด้วยอุโมงค์ต้นจามจุรีย์ขนาดใหญ่ และพื้นที่สีเขียวรวมกว่า 8 ไร่
- Double Security Gate ซุ้มประตูทางเข้า 2 ชั้น มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
- เป็นส่วนตัวเพียง 37 ครอบครัวเท่านั้น
..หากพูดถึง SC Asset เราก็มักจะนึกถึงบ้านระดับ Luxury ที่มีคุณภาพ และเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สามารถทำบรรยากาศโครงการออกมาได้ดีมากๆเจ้าหนึ่งเลยใช่มั้ยครับ โดยแบรนด์ในตลาดที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ Venue / Bangkok Boulevard / Bangkok Boulevard Signature และ Grand Bangkok Boulevard เป็นต้น
แต่สำหรับแบรนด์ระดับ Super Ultra Luxury ของ SC Asset จะมีอยู่เพียง 3 แบรนด์ นั้นคือ GRANADA , 95E1 และ Connoisseur ที่ไม่ใช้แค่เลือกใช้วัสดุที่มีราคาสูง แต่เป็นวิธีการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด จากความเข้าใจในรายละเอียด ผ่านงานดีไซน์ร่วมสมัย คงความโดดเด่นในทุกช่วงเวลา แน่นอนว่าจัดเต็มทั้งบรรยากาศ และสเป็ควัสดุที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน โดยปัจจุบัน GRANADA ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ได้เปิดเฟสใหม่และแบบบ้านใหม่ หากใครกำลังมองหาบ้านในโครงการระดับราคา 60 – 120 ล้านแบบนี้อยู่ล่ะก็ ตามผมไปรีวิวเจาะลึกพร้อมๆกันได้เลยครับ
เฟสใหม่ของ GRANADA ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม จะเป็นโซนที่อยู่บริเวณด้านใน ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังสามารถมาใช้งานสวนสาธารณะที่อยู่ตรงกลางได้สะดวกมากๆครับ เพราะสวนแห่งนี้จะเชื่อมต่อกับถนนหลักด้านหน้า และเชื่อมต่อถนนซอยของเฟสใหม่ที่อยู่ด้านในด้วย นอกจากนี้ยังมีการเข้า-ออกแบบ Double Security Gate 2 ชั้น จึงทำให้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวที่สูงกว่าโครงการทั่วไป
โดยอาคาร Clubhouse จะตั้งอยู่ระหว่างประตูทั้ง 2 Gate ซึ่งผู้ที่มาติดต่อหรือ Visitor ก็จะสามารถมานั่งคอยลูกบ้านได้ที่บริเวณนี้ และสามารถใช้เป็นโซนรับรองแขกได้
และจุดที่ถือเป็น Highlight ของโครงการนี้เลยก็คือ พื้นที่สีเขียวทั้งหมดในโครงการ ขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่* ซึ่งเค้าจะให้ฟุตบาทที่ปูผืนหญ้ามากว้างมากๆทั้งโครงการ อีกทั้งตรงถนนเมน และถนนซอย มีซุ้มอุโมงค์ต้นไม้ทั้งหมด เป็นต้นจามจุรีย์ขนาดใหญ่เป็นส่วนต้อนรับด้วยครับ เลยทำให้บรรยากาศมีความร่มรื่นและสวยงามมากๆนั่นเอง
บริเวณด้านหน้าเป็นซุ้มประตูทางเข้าขนาดใหญ่ ที่แบ่งทางเข้า-ออกกันชัดเจน แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนนะครับ
เมื่อผ่านประตู Gate ที่ 1 เข้ามาก็จะเจอกับประตู Gate ที่ 2 ซึ่งการจะผ่านเข้าไปได้ก็จะต้องเป็นลูกบ้านของโครงการ หรือได้รับการอนุญาตแล้วเท่านั้น ส่วนแขกทั่วไปหรือ Visitor ก็สามารถมานั่งคอยที่ Clubhouse ทางขวามือนี้ได้ครับ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องพาแขกเข้าไปในโครงการหรือเข้าบ้านให้เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเอง
เข้ามาดูภายในอาคาร Clubhouse กันสักหน่อยครับ ฟังก์ชันหลักๆจะเป็นพื้นที่รับรองแขกอย่าง Lounge ที่ตกแต่งสไตล์ Classic และดูหรูหราดีทีเดียว
อีกด้านหนึ่งก็จะเป็นพื้นที่ใช้งานหลัก ประกอบด้วยโซฟาและเก้าอี้หลายชุด ซึ่งเราสามารถใช้เป็นโซนนั่งพักผ่อน หรือทำงานอ่านหนังสือเล็กๆน้อยๆได้อีกด้วย
โครงการแห่งนี้เป็นบ้านหลังใหญ่ระดับคฤหาสน์ ถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ดินใหญ่มากพอ รองรับสระว่ายน้ำ พาวิลเลี่ยน หรือ Fitness Room ใช้งานสำหรับสมาชิกภายในครอบครัว
อาคาร Clubhouse จึงมีเฉพาะส่วน Lounge สำหรับรับรองแขก หรือนัดเซ็นเอกสารทางธุรกิจ จากบุคคลภายนอกของลูกบ้านเท่านั้น และเน้นเพิ่มส่วนกลางที่เป็นพื้นที่สีเขียวภายในโครงการที่เป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการ
ถัดเข้ามาภายในโครงการเราจะเจอกับถนน Main ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน Highlight หลักของโครงการเลยก็ว่าได้ครับ เพราะตลอดทั้ง 2 ข้างทางจะปลูกต้นจามจุรีย์ขนาดใหญ่ จนกลายเป็นอุโมงค์ซุ้มต้นไม้ที่สวยงามและร่มรื่นมากๆ จึงช่วยสร้างบรรยากาศต้อนรับการเข้า-ออกโครงการได้ดีมากๆเลยทีเดียว
อีกหนึ่งจุดที่น่าสังเกตก็คือ ปกติแล้วโครงการที่ปลูกพันธุ์ไม้ใหญ่ริมถนนเยอะๆแบบนี้ มักจะมีปัญหาพื้นผิวถนนแตกเสียหายได้ง่าย เพราะรากของต้นไม้จะแผ่ขยายมากกว่าต้นไม้ทั่วไปใช่มั้ยครับ แต่ปัญหาเหล่านั้นกลับไม่มีให้เห็นในโครงการนี้เลย
เพราะโครงการมีการออกแบบฟุตบาทให้กว้างกว่าปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นผิวถนนถูกรากต้นไม้ทำลาย โดยถ้าเป็นถนน Main ตรงนี้ก็จะกว้างฝั่งละ 5 m. แถมยังมีทางเท้าให้เดินใต้ร่มไม้สบายๆอีกด้วย รวมถึงยังมีการนำสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด เลยทำให้บรรยากาศและทัศนียภาพมีความสวยงามทั้งโครงการเลยครับ
เมื่อเราเข้ามาจนถึงช่วงกลางๆโครงการ (ประมาณ 100 m.) ก็จะเจอกับพื้นที่สวนสาธารณะหลักของโครงการอยู่ทางขวามือ สังเกตง่ายๆคือ จะมี Pavilion ตั้งอยู่นั่นเองครับ
บริเวณนี้จะเป็นจุดที่เราสามารถมานั่งเล่นพักผ่อนกันได้ โดยจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้และหลังคาช่วยบังแดดให้ตลอดเวลา รวมถึงยังมีน้ำพุให้ฟังเสียงน้ำกันเพลินๆได้ด้วยครับ
จากบริเวณ Pavilion จะมีทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังโซนด้านในของสวน ซึ่งบรรยากาศบอกเลยว่าเอาไปเต็ม 10 เพราะมีทั้งความสวยงาม ความร่มรื่น และยังมีการทำเป็นผืนน้ำเพื่อเพิ่มบรรยากาศที่สดชื่นอีกด้วย
หากจะบรรยายถึงลักษณะของสวนแห่งนี้ ส่วนตัวในตอนผมเดินถ่ายรีวิวอยู่นั้น กลับรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะใหญ่ๆ หรืออุทยานที่อยู่ภายนอก ไม่เหมือนกับสวนในโครงการหมู่บ้านจัดสรรเลยครับ ถือว่าทำบรรยากาศออกมาได้ดีมากๆ
เมื่อข้ามสะพานเล็กๆมา ก็จะเจอกับทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังอีก Pavilion หนึ่งที่อยู่ด้านในครับ
Pavilion นี้จะมีบันไดที่จะต้องเดินขึ้นไปด้านบน เพื่อให้สามารถชมวิวรอบๆสวนได้ดีมากขึ้น
โดยวิวที่เห็นจากบน Pavilion จะสามารถมองเห็นสวนแห่งนี้ได้ทั้งหมดเลย ซึ่งจะประกอบด้วยผืนน้ำ สนามหญ้า และต้นไม้ใหญ่ มีพื้นที่รวมกันประมาณ 1 ไร่กว่าๆ ถึงขนาดจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่บรรยากาศคือดีสุดๆครับ
และจาก Pavilion ก็จะมีทางเดินเชื่อมต่อมายังซอยพักอาศัยของเฟสใหม่ที่ 2 ที่กำลังเปิดขายอยู่ในปัจจุบันได้แบบนี้ด้วย นั่นหมายความว่า ลูกบ้านที่อยู่ในเฟสใหม่ก็สามารถเดินเชื่อมต่อไปยังสวนผ่านทางนี้ได้สะดวกเลยครับ
และนี่ก็คือบรรยากาศของถนนซอยย่อยในโซนพักอาศัย จะเห็นว่ายังคงมีการปลูกต้นไม้และให้ฟุตบาทหญ้าที่กว้างมากถึง 3 m. มาให้แบบนี้ด้วย ซึ่งปกติผมเองก็ไม่ค่อยเห็นโครงการไหนให้สเปคแบบนี้สักเท่าไหร่
เรียกได้ว่าที่นี่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวมาก ซึ่งนอกจากจะมีความร่มรื่นสวยงามแล้ว ยังเป็นการออกแบบที่ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วย เพราะต้นไม้จะพรางสายตาในบ้านให้เราได้ รวมถึงยังป้องกันไม่ให้พื้นถนนเสียหายจากรากไม้ในอนาคตได้อีกด้วยครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse (พร้อม Solar Rooftop ช่วยประหยัดพลังงาน)
- Lounge
- Main Park ขนาดประมาณ 1.5 ไร่
- พื้นที่สีเขียวรวมทั้งโครงการ ขนาดใหญ่มากกว่า 8 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 32 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร และต่อรั้วระแนงบังตาเพิ่ม 1.5 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 16 ม. / ถนนรองกว้าง 12 ม. / ถนนซอยกว้าง 9 ม.
- ประตูทางเข้า 2 ชั้น Double Security Gate
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง (ออกตรวจทุกๆชั่วโมง)
- เดินสายไฟลงใต้ดินทั้งโครงการ
แบบบ้าน
Highlights :
- บ้านหลังใหญ่ระดับคฤหาสน์ พื้นที่ใช้สอยเยอะสุดในโซนนี้ และมีที่ดินใหญ่กว่าครึ่งไร่
- แบบบ้านซีรีย์ใหม่ เป็นสไตล์ Modern Classical ดูมีความทันสมัยและสวยงามมากขึ้น
- พื้นที่ดินเยอะกว่าครึ่งไร่ สามารถปลูกต้นไม้จัดสวนได้เต็มที่ รวมถึงหน้าบ้านยังสามารถจอดรถซ้อนคันได้สูงสุด 8 คันได้เลยทีเดียว
- ฟังก์ชันเยอะ มีความยืดหยุ่น (Flexible) สามารถจัดโซนและฟังก์ชันบ้านได้หลากหลายตามต้องการ
- เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวใหญ่ 3 Generation มีทั้งทางลาดและไม่มีพื้นต่างระดับในห้องน้ำ ทำให้ผู้สูงอายุหรือคนที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ใช้งานได้ง่าย
- ให้วัสดุต่างๆภายในบ้านมาดี โดยเฉพาะกระเบื้องพอร์ซเลนขนาดใหญ่ที่กว้างถึง 1.8 m. และยังมีพื้น+ประตูไม้สัก พร้อมทั้งระบบ Home Automation และ Active Air Flow จาก SCG
..สำหรับโปรดักส์ของโครงการ GRANADA ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม จัดได้ว่าเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ระดับคฤหาสน์ ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะที่สุดในย่าน เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวขนาดใหญ่ ในสังคมแบบส่วนตัวที่มีเพียง 37 ยูนิตเท่านั้น
โดยจะมี Concept การออกแบบคฤหาสน์ซีรีส์ใหม่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘Apsley House’ เป็นบ้านเลขที่หนึ่งใจกลางกรุงลอนดอน ที่เปรียบเสมือนโครงการกรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม เป็นคฤหาสน์หรูระดับ Flagship เพียงหนึ่งเดียวจาก SC Asset โดยจะมีบ้าน 3 แบบให้เลือก ประกอบด้วย
- G.Charles (จี-ชาร์ล) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 177.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 706 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน - G.Constantine (จี-คอนสแตนไทน์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 252.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 853 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน - G.Theodosius (จี-ธีโอดีอุส) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 225.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 935 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน + เรือนรับรอง และสระว่ายน้ำส่วนตัว
นอกจากนี้ยังเป็นแบบบ้านดีไซน์ใหม่ ที่ได้มีการปรับรูปแบบมาจาก Classical Simplicity ในเฟสแรก มาเป็นสไตล์ Modern Classical ในเฟสใหม่ปัจจุบัน ซึ่งดูหรูหราและทันสมัยมากขึ้นเยอะเลยทีเดียวครับ
วัสดุและโครงสร้างหลักภายในบ้าน :
- โครงสร้างบ้าน : ระบบ Conventional หรือการก่ออิฐมวลเบา มีความยืดหยุ่น สามารถทุบต่อเติมหรือปรับฟังก์ชันได้ง่าย
- โครงสร้างที่จอดรถ : ในร่มและด้านข้างบ้านใช้เข็มลึกเดียวกับตัวบ้าน ส่วนที่จอดกลางแจ้งจะเป็น Approach Slab
- พื้นชั้น 1 : กระเบื้องพอร์ชเลนลายหินอ่อนสีขาว ขนาด 0.9 x 1.8 m. + พื้นห้องนอนชั้นล่างเป็น Absorption Floor จาก SCG
- พื้นชั้น 2 : ไม้สักปาเก้
- ระบบไฟฟ้า : แบบ 3 เฟส 50/150 มีรองรับ Junction EV Charger ทุกหลัง หลังละ 2 จุด
- สัญญาณกันขโมย : ระบบ Magnetic & Shock Sensor + กล้อง CCTV 3 จุด + Home Automation
- Active Air Flow : ระบบระบายอากาศจาก SCG ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านชั้นบนให้เย็นลงได้อัตโนมัติ
- Swimming Pool : มีเฉพาะแบบบ้าน G.Theodosius มาพร้อมกับ Jet Swimming Pool และ Jet Spa
- G.Charles (จี-ชาร์ล) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 177.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 706 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน
วันนี้เราจะพาไปชมแปลนบ้านใหม่ที่เป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการกันครับ โดยจะเป็นบ้านหน้ากว้างที่ให้ที่จอดรถมาเยอะถึง 5 ช่องจอด มาพร้อมกับ Common Area ขนาดใหญ่มาก ซึ่งเราสามารถแบ่งโซนฟังก์ชันได้ตามต้องการ เริ่มจากด้านหน้าสุดจะเป็นโซน Living Area และพื้นที่สำหรับรับแขก ถัดเข้ามาตรงกลางเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร พิเศษหน่อยตรงจะมีฝ้าเพดานสูง Double Volume ทำให้มีความโปร่งโล่งเชื่อมต่อกับชั้น 2 ของบ้าน รวมถึงยังมีพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆให้เราจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นจุดที่ 2 และมุม Pantry เตรียมอาหารแบบครัวฝรั่งเพิ่มได้อีกด้วย
สำหรับห้องนอนชั้นล่างจะมีขนาดใหญ่และมีห้องน้ำในตัว จึงเหมาะสำหรับทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุมากๆครับ และจุดเด่นอีกอย่างของบ้านหลังนี้คือโซนของแม่บ้าน ที่นอกจากห้องครัวจะมีขนาดใหญ่มากๆแล้ว ยังมีพื้นที่ซักล้าง ห้องเก็บของ และห้องนอนแม่บ้านอีก 2 ห้องด้วย ทำให้บ้านหลังนี้มีพื้นที่ให้แม่บ้าน/คนขับรถ สามารถทำงานและอยู่อาศัยได้แบบจริงจังเป็นส่วนตัว ซึ่งอาจอยู่กันแบบพี่น้อง ญาติ หรือเป็นครอบครัวได้สบายๆเลย เพราะบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ก็จำเป็นต้องมีคนคอยช่วยดูแล และทำความสะอาดอยู่แล้วนั่นเองครับ
ชั้น 2 จะมีห้องนอนขนาดใหญ่ 4 ห้อง แน่นอนว่าจะมีห้องน้ำส่วนตัว และมีพื้นที่ทำ Walk-in Closet ทุกห้องเลยครับ โดยเฉพาะห้อง Master Bedroom นอกจากจะมีอ่างอาบน้ำเพิ่มมาให้ใช้งานแล้ว ยังมีระเบียงส่วนตัวเล็กๆ และมีช่องแสงมากถึง 3 ด้านอีกด้วย จัดได้ว่าเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นฟังก์ชันต่างๆได้ตามต้องการ รวมถึงบริเวณโถงกลางบ้านยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ให้สามารถจัดเป็นมุม Family Area เพิ่มเติมได้อีกด้วย ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 4 – 5 คน และอยู่อาศัยแบบ 3 Generation ได้สบายๆเลยครับ
ประตูรั้วของบ้านจะเป็นเหล็กรางเลื่อนแบบตอนเดียว ซึ่งจะมี Junction Box ให้เราสามารถติดเป็นประตูเลื่อนไฟฟ้าเพิ่มเติมได้ เวลาใช้งานก็จะมีความสะดวกสบายมากขึ้นครับ แบบว่าพอกลับมาถึงบ้านแล้วก็กดรีโมทเปิดประตูเองอัตโนมัติได้เลยทันที
ซ้ายมือจะเป็นประตูทางเข้าคนเดิน รวมถึงยังมีตู้ไฟ ตู้จดหมาย และจุดทิ้งขยะที่ติดตั้งอยู่ในกำแพงบ้านอย่างเรียบร้อย ซึ่งเราสามารถเปิดใช้งานได้สะดวกทั้งจากด้านในและด้านนอกตัวบ้านเลยครับ
ที่จอดรถในร่มกว้าง 9.8 m. สามารถจอดรถ 4 คันได้พอดีๆ โครงสร้างลงเสาเข็มมาให้ลึกเท่ากับตัวบ้าน และตัด Joint บริเวณแนวเสาหรือตามชายคาของบ้าน โดยจะปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาดใหญ่ และมีลวดลายสวยงามเหมือนบ้านตัวอย่างเลยครับ
ด้านซ้ายมือจะมีพื้นที่ให้จอดรถกลางแจ้งได้อีก 1 คัน โดยจะเป็นโครงสร้างเดียวกับตัวบ้านเช่นกัน กว้างประมาณ 3 m. ซึ่งเราอาจต่อเติมหลังคาหรือกันสาด เพื่อช่วยบังแดดบังฝนให้กับรถเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองครับ
อีกหนึ่งความพิเศษของโครงการนี้ก็คือ ที่ดินของบ้านจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่ามาตรฐาน โดยบ้านเกือบทุกแปลงจะมีระยะ Set Back หน้าบ้านที่กว้างพิเศษ
ซึ่งวัดจากประตูรั้วถึงผนังบ้านได้ประมาณ 10 – 11 m. ทำให้สามารถจอดรถซ้อนคันกันได้แบบพอดีๆได้เลยครับ หมายความว่าบ้านของโครงการนี้จะสามารถจอดรถได้สูงสุด 8 คันเลยนั่นเอง
รายละเอียดอื่นๆของที่จอดรถ :
- ห้องเก็บของ : สามารถใช้เก็บพวกอุปกรณ์ล้างรถ และอุปกรณ์ทำสวนอื่นๆได้ โดยด้านในมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มาพร้อมประตูหน้าบานปิดเรียบร้อย
- EV Charger : จะมี Junction เตรียมให้เราถึง 2 จุด (มีทั้งด้านซ้ายและขวา) เพื่อรองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในยุคสมัยนี้ โดยจะเดินไฟแบบ 3 เฟส รองรับได้สูงสุด 22 Kw.
- ลวดลายบนผนัง : นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดอาการผนังแตกร้าวในอนาคต ไม่ให้ลุกลามไปทั่วผนังเป็นวงกว้าง และทำให้สามารถบำรุงรักษาได้ง่ายครับ
- ตัด Joint พื้น : มีการแยกโครงสร้างพื้นแบบ On Ground และพื้นแบบ On Beam ออกจากกัน เพื่อในอนาคตเวลาพื้นแบบ On Ground มีการทรุดตัวจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลัก
นอกจากนี้บริเวณชายคาบนฝ้าเพดานของที่จอดรถ ยังมีการเซาะร่องเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลย้อนกลับเข้าไปด้านในอีกด้วยครับ ถือว่าเค้ามีการเก็บรายละเอียดได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนวัสดุที่ใช้ในการทำ Facade หรือหน้ากากของตัวบ้าน ก็จะไม่ใช่แค่การทาสีธรรมดาทั่วไปครับ แต่จะใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น กระเบื้องลายหินอ่อน และระแนงเหล็กดัดสีดำ ทำให้ตัวบ้านมีความสวยงามและดูมีรายละเอียดมากขึ้น
ที่ดินรอบๆตัวบ้านจะมีการจัดสวน และปลูกต้นไม้มาให้สวยงามเป็นมาตรฐานทุกหลัง ซึ่งสามารถดูได้จากบ้านตัวอย่างนี้ได้เลยครับ เรียกได้ว่าจัดเต็มมากๆ และเราไม่ต้องเสียเวลาจ้างคนมาทำสวนอีกเลย อาจเพิ่มเป็นมุมน้ำตก ศาลานั่งเล่น ชิงช้า หรือม้านั่งเล็กๆในสวน เพื่อให้สามารถออกมาใช้งานในวันที่อากาศดีๆก็ได้ครับ
ทางเข้าบ้านจะมีอยู่ 2 ทาง เริ่มจากบริเวณที่จอดรถจะมีประตูบานไม้สักอยู่ 1 บาน ซึ่งจะสะดวกสำหรับคนที่ต้องใช้รถเป็นประจำอยู่แล้วนั่นเอง
อีกทางหนึ่งจะเป็นบริเวณด้านหน้าบ้าน ซึ่งจะมีการทำเป็นพื้นทางลาดกว้าง 1.2 m. รวมถึงตรงธรณีประตูก็จะไม่มีพื้นต่างระดับ ทำให้สามารถเข็นรถผ่านได้สะดวก เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ/ผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์ หรือการลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆได้สบายครับ
ประตูทางเข้าบ้านหลักจะเป็นไม้สักบานคู่ ที่สามารถเปิดออกได้ 2 ฝั่ง กว้างประมาณ 1.8 m. สามารถใช้ขนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆเข้าบ้านได้สะดวก
โดยการเข้า-ออกจะติดตั้ง Digital Door Lock จาก Baldwin ที่สามารถสั่งเปิด-ปิดผ่าน Application หรือจะใช้โทรศัพท์เป็น Remote และยังตั้งเวลาเปิด-ปิดสำหรับ Visitor ชั่วคราวได้อีกด้วย
เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับพื้นที่รับแขกเป็นส่วนแรก ซึ่งจะมีขนาดค่อนข้างกว้างและเชื่อมต่อไปยังโซนด้านในตัวบ้านได้ โดยบ้านหลังนี้มีการกั้นผนังแยกโซนฟังก์ชันด้านในอื่นๆออกไป ทำให้มีความเป็นส่วนตัวแยกออกจากกันดีทีเดียวครับ (ของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ)
อีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าเป็น Highlight ของวัสดุในบ้านเลยก็คือ พื้นกระเบื้องพอร์ชเลนลายหินอ่อนสีขาว ขนาด 0.9 x 1.8 m. เรียกได้ว่าเป็นขนาดใหญ่พิเศษ ที่ส่วนตัวผมเองก็ยังไม่เคยเห็นโครงการไหนให้กระเบื้องแผ่นใหญ่แบบนี้มาก่อน ซึ่งช่วยทำให้พื้นบ้านมีความสวยงามและดูหรูหรามากขึ้นเยอะเลยทีเดียว
ส่วนวัสดุอื่นๆภายในบ้านประกอบด้วย :
- กล้อง CCTV : จะติดอยู่ทั้งหมด 3 จุดทั่วตัวบ้าน (ที่จอดรถ/โถงกลางบ้าน/ข้างบ้าน)
- ระบบรักษาความปลอดภัย : Magnetic & Shock Sensor ติดตั้งบริเวณประตู-หน้าต่างทั้งหลัง
- ระบบป้องกันอัคคีภัย : Smoke Detector 8 จุด และ Heat Detector 3 จุด ตรงบริเวณห้องครัว / Pantry และห้องซักรีด
- Home Automation : Application Ruejai Home OS เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวประจำบ้านจาก SC Asset ที่จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นบริการแม่บ้าน ทำสวน ล้างแอร์ ทำความสะอาดที่นอน ซ่อมแซม และอื่นๆอีกมากมาย
- ระบบ Active Air Flow และ Smart Switch ทั้งหลัง
กลับมาดูเรื่องของฟังก์ชันบ้านกันต่อครับ โดยพื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Living Area ที่หลักๆเราจะเอาไว้ใช้รับแขกได้ ซึ่งมีขนาดพื้นที่กว้างมากๆครับ จนเราสามารถใช้ชุดโซฟาใหญ่ๆแบบนี้ได้สบาย
ถัดเข้ามาจะเป็นโถงกลางบ้านที่เชื่อมต่อไปยังฟังก์ชันต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปดู Common Area ทางซ้ายมือก่อนนะครับ โดยของจริงจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันแบบโล่งๆเลย แต่เราก็สามารถกั้นฟังก์ชันแบบบ้านตัวอย่างนี้เพิ่มเติมได้ เพื่อทำให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น
เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับ Double Volume ฝ้าเพดานสูง 6.8 m. ทำให้มีความโปร่งโล่ง ซึ่งตรงกลางบ้านเราสามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 8 – 10 ที่นั่งได้เลย จึงทำให้สามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ หรือการสังสรรค์ปาร์ตี้ได้สบาย
นอกจากนี้เราจะสังเกตเห็นว่า ฝ้าเพดานบริเวณนี้จะมีการทำเป็นเส้นโค้งเว้า ไม่ได้เป็นเหลี่ยมตรงเหมือนโครงการทั่วไป เรียกว่า Double Volume Grand Piano Bay ช่วยทำให้มีความสวยงามอ่อนช้อยและโดดเด่นมากขึ้น ส่วนตรงกลางก็สามารถแขวน Chandelier สวยๆโชว์ได้เต็มที่เลยครับ
ทางด้านขวาของโต๊ะทานอาหารจะมีทางเดินเล็กๆ เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำและประตูทางเข้าบ้านอีกจุดหนึ่งครับ
ซึ่งประตูนี้ก็จะเข้ามาได้จากที่จอดรถก่อนหน้านี้ โดยเมื่อเข้ามาแล้วก็จะมีพื้นที่ว่างเล็กๆอยู่หน้าประตู เป็นเหมือน Foyer ที่เราสามารถทำเป็นตู้เก็บรองเท้า เพื่อให้หยิบใส่ก่อนออกจากบ้านได้สะดวก รวมถึงยังมีห้องน้ำให้ใช้งานใกล้ๆกันด้วย
ห้องน้ำนี้จะเป็น Powder Room ที่จะไม่มีส่วนอาบน้ำครับ แต่เป็นห้องน้ำสำหรับแขกและใช้งานร่วมกันในพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมด ซึ่งตรงธรณีประตูจะไม่มีพื้นต่างระดับเลย ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกทุกวัย โดยสุขภัณฑ์จะเป็นของ Kohler แต่ที่พิเศษหน่อยก็คือ เราจะได้โถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติมาให้ใช้งานด้วยแบบนี้เลยครับ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ที่จะเชื่อมต่อกับโซนทานอาหารและห้องครัว เหมาะที่จะทำเป็นมุม Pantry หรือครัวฝรั่งขนาดใหญ่ แบบที่มี Island Table อยู่ตรงกลางได้สบายๆแบบนี้เลย
ซึ่งบ้านมาตรฐานของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆนะครับ แต่ทางโครงการก็ได้เตรียมพวกท่องานระบบต่างๆเอาไว้พร้อมแล้ว เผื่อใครอยากทำแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็สามารถทำได้เลย
ติดกันจะเป็นห้องครัวไทยขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 3.8 x 4.8 m. เรียกได้ว่าเป็นครัวที่ทำพร้อมกันทีละหลายๆคนได้เลย และผมก็ชอบที่เค้ามีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ 2 ฝั่ง เลยทำให้สามารถเปิดระบายอากาศได้ดีมากๆครับ ซึ่งเราก็สามารถเลือกรูปแบบและฟังก์ชันที่ชอบได้ตามต้องการเลย หรือจะทำ Island Table เพิ่มตรงกลางก็ยังไหวสบายๆ
เปิดประตูด้านหลังครัวออกมาจะเชื่อมต่อมายังส่วนของ Laundry และพื้นที่ทำงานของแม่บ้านครับ ซึ่งเราสามารถวางพวกเครื่องซักผ้า/เครื่องอบผ้าต่างๆได้สบาย
ส่วนห้องต่างๆจะประกอบด้วย ห้องเก็บของขนาดใหญ่ 1 ห้อง / ห้องนอนแม่บ้านขนาด 2 x 3 m. สามารถวางเตียงและตู้เสื้อผ้าได้จริง 2 ห้อง / ห้องน้ำรวมของแม่บ้าน 1 ห้อง เรียกได้ว่าแม่บ้านแต่ละคนก็จะมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง และอยู่อาศัยได้จริงจังเลยครับ
ถัดมาจะเป็นลานซักล้างที่อยู่บริเวณข้างบ้าน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่จอดรถก่อนหน้านี้ด้วยครับ ทำให้แม่บ้านสามารถขนของเข้ามาเก็บในครัวได้สะดวก โดยไม่ต้องผ่านเข้าไปในตัวบ้านก่อนให้เสียความเป็นส่วนตัว
และโครงสร้างพื้นก็จะเป็นคานปลายยื่น (Cantilever Beam) มาจากเสาเข็มของตัวบ้าน ทำให้มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี และปูพื้นกระเบื้องมาให้เหมือนบ้านตัวอย่างเลยครับ สามารถใช้บริเวณนี้ในการตากผ้า หรือทำครัวไทยด้านนอกสำหรับแม่บ้านเพิ่มได้สบายๆ
กลับเข้ามาที่โถงกลางบ้าน ซึ่งทางขวามือจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์อีกจุดหนึ่ง โดยบ้านตัวอย่างจัดมาเป็น Living Area 2 หรือใครจะกั้นผนังทำเป็นห้องอื่นๆที่มีความเป็นส่วนตัวเพิ่มได้ตามต้องการ
จุดเด่นของห้องนี้จริงๆก็คือ เค้าจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ด้าน ที่สามารถมองเชื่อมต่อไปยังพื้นที่สีเขียวข้างๆตัวบ้านได้สบายๆ หรือจะเปิดออกมาใช้งานสวนก็ได้ครับ
ถัดมาด้านในจะมีอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน ซึ่งคราวนี้จะมีการกั้นผนังปิดประตูมิดชิด ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น
ภายในห้องมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางเลยทีเดียวครับ สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตแล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้สบายๆ อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนวัสดุเป็น Absorption Floor ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการตกกระแทกได้เป็นอย่างดี
ส่วนอีกด้านก็มีพื้นที่ให้ทำเป็น Walk-in Closet เพิ่มได้ด้วยครับ เหมาะที่จะทำเป็นห้องผู้สูงอายุ ห้องทำงาน หรือห้องดูหนังเล่นเกมส์ก็ได้
นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำให้ใช้งานภายในส่วนตัวด้วย ซึ่งตรงธรณีประตูจะไม่มีพื้นต่างระดับกวนใจ แต่จะใช้เป็นการฝังรางน้ำที่ใต้พื้นแทน แน่นอนว่าสุขภัณฑ์ยังคงเป็นของ Kohler มีให้ใช้งานครบ
พื้นที่อาบน้ำจะกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้แบบนี้เลยครับ ภายในกว้าง 1.1 x 1.7 m. มาพร้อมกับที่นั่งอาบให้สามารถใช้งานได้ง่าย
สุดท้ายคือบริเวณใต้บันไดจะมีห้องเก็บของให้ใช้งานด้วยครับ ภายในมีขนาดใหญ่และสามารถเก็บชิ้นใหญ่ๆได้ตามต้องการ
บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความกว้างพิเศษอยู่ที่ 1.5 m. ทำให้สามารถเดินสวนทางกันขึ้น-ลงได้สะดวกมาก และพื้นทั้งหมดเป็นปาเก้ไม้สักสวยงาม
ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ที่สามารถจัดเป็น Family Area สำหรับครอบครัวได้ ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวกว่าพื้นที่ด้านล่าง และยังช่วยทำให้คนในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้ดีขึ้นอีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากๆก็คือ ระบบ Active Air Flow จาก SCG ที่จะเป็นพัดลมดูดอากาศภายในบ้าน 4 จุด ซึ่งจะช่วยระบายความร้อนผ่านปล่องบนหลังคาทั้งหมด 10 จุด (ทำงานอัตโนมัติเมื่อจับความร้อนในบ้านได้ถึง 46 องศา)
เป็นการดูดความร้อนออกไปปล่อยสู่ภายนอกโดยตรง ไม่ได้ทิ้งอากาศร้อนให้อบอวลอยู่ใต้หลังคาเหมือนระบบทั่วๆไป เลยมีส่วนช่วยลดอุณหภูมิของบ้านและประหยัดค่าไฟได้ดี (แต่จะไม่ได้มีผลในเรื่องการฟอกอากาศครับ)
นอกจากนี้บริเวณ Family Area ยังสามารถมองเชื่อมต่อลงไปชั้นล่างผ่านทาง Double Volume ตรงโต๊ะทานอาหารได้อีกด้วย
ซ้ายมือจะเป็นห้อง Master Bedroom ที่ด้านหน้าจะใช้เป็นประตูบานไม้สักขนาดใหญ่ และมีประตูบานเสริมเล็กๆที่เปิดขยายพร้อมกันได้ ทำให้เปิดออกได้กว้างมากๆ และสามารถขนของชิ้นใหญ่ๆเข้าได้สบายๆ ส่วนกล่องที่ติดตั้งบนผนังข้างๆจะเป็น Control Panel ที่ควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านทั้งหมดครับ
ภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดใหญ่มากๆ และบริเวณหน้าประตูหากเรามีการ Built-in โซนของ Walk-in Closet ก็จะทำให้เกิดเป็นเหมือนโถงทางเดิน Foyer ช่วยทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะจากด้านหน้าแบบนี้จะยังไม่สามารถมองเห็นพื้นที่ส่วนอื่นในห้องได้เลยนั่นเองครับ
ความกว้างของห้อง Master Bedroom ซึ่งเราก็สามารถจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการเต็มที่ครับ
โดยบ้านตัวอย่างก็ได้ทำพื้นที่ขวามือเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าห้องนี้มีผนังกระจกถึง 3 ด้าน (ซ้ายมือเป็นระเบียง ตรงกลางมีผนังตกแต่งบังอยู่หน้าต่างอยู่เลยมองไม่เห็น และขวามือเป็นช่องที่เชื่อมต่อกับ Double Volume ตรงกลางบ้านพอดี ทำให้มองเห็นสมาชิกคนอื่นในบ้านได้หมดเลยว่ากำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง)
ระเบียงตรงกลางถือเป็นช่องแสงสว่างหลัก ที่ช่วยทำให้บรรยากาศภายในบ้านสว่างโปร่งโล่ง โดยเราสามารถเปิดออกไปใช้งานได้นะครับ ภายนอกกว้างประมาณ 8.5 x 1.3 m. เป็นระเบียงที่มีหลังคาคลุมใช้งานได้จริง รวมถึงยังมีระแนง Facade ที่จะช่วยพรางสายตา และเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในห้องได้ดีอีกด้วย
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่วางเตียงนอน ซึ่งมีขนาดใหญ่เหลือเฟือให้ใช้เป็นเตียง King Size แล้วยังมีพื้นที่รอบๆเหลือให้วางโต๊ะข้างเตียงเพิ่มได้อีกด้วย
ซ้ายมือจะเป็นพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet ซึ่งเราจะสามารถ Built-in เพิ่มได้เองตามต้องการ (ของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆเชื่อมต่อกับห้อง)
ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่ภายในมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ
ซึ่งจะประกอบด้วยสุขภัณฑ์จาก Kohler ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า His and Her ที่ใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้ / โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ / อ่างอาบน้ำแบบลอยตัวที่มีระบบ Jet Spa แบบรอบทิศทาง ที่สามารถแช่น้ำให้ผ่อนคลายสบายๆได้
รวมถึงยังมีการกั้น Shower Box ที่ด้านในจะมีทั้ง Hand Shower + Rain Shower + Jet Shower ที่จะมีน้ำพุ่งออกมาจากผนังได้ทั้ง 2 ด้าน (ปรับอุณหภูมิน้ำได้เอง ซึ่งจะมีการเดินท่อน้ำร้อนในผนังเหมือนโรงแรม) เรียกได้ว่ามีตัวเลือกในการใช้งานที่หลากหลายมากๆครับ
ติดกันจะเป็นห้องนอนที่อยู่ทางโซนด้านหลังบ้าน ซึ่งภายในก็มีขนาดใหญ่ทีเดียวครับ กว้างประมาณ 6.4 x 4.4 m. เพราะจะลดในส่วนของระเบียงออกไป ก็เลยมีพื้นที่เหลือเฟือให้แบ่งเป็นมุมนั่งเล่นได้สบายๆ เหมาะที่จะเป็นห้องลูกคนโตครับ
อีกด้านหนึ่งจะมีพื้นที่ให้เราทำเป็น Walk-in Closet แบบเป็นสัดส่วนเพิ่มได้อีกด้วย ซึ่งจะอยู่ตรงหน้าห้องน้ำพอดี จึงใช้งานต่อเนื่องกันได้สะดวกมากๆ
ภายในห้องน้ำมีฟังก์ชันให้ใช้งานมาตรฐาน แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass เหมือนบ้านตัวอย่างเลยครับ โดยภายใน Shower Box จะมีพื้นที่กว้างให้ใช้งานสบายๆ แต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ ห้องน้ำนี้จะมีช่องหน้าต่าง 2 ฝั่ง จึงช่วยในเรื่องของแสงสว่างและการระบายอากาศได้ดีมากๆเลยนั่นเอง
ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่อยู่ทางโซนหน้าบ้านอีกฝั่ง ภายในกว้างและแน่นอนว่ามีพื้นที่ให้ทำเป็นโซนนั่งเล่น + Walk-in Closet แบบจริงจังได้เลยครับ
ส่วนภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันครบ โดยจะมีการกั้น Shower Box มาให้แบบนี้เลย และมีพื้นที่ยืนอาบกว้างให้ใช้งานได้ปกติ
และอย่างที่บอกครับว่าห้องน้ำทุกห้องจะมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน และเดินท่อน้ำร้อนในผนังแยกกันทุกห้องเลย ทำให้เราสามารถปรับอุณหภูมิน้ำได้เองตามต้องการ ไม่ต้องเสียเวลาติดเครื่องทำอุ่นภายหลังด้วยครับ
สุดท้ายจะเป็นห้องนอนที่อยู่ทางโซนหลังบ้าน ภายในกว้างสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการอีกเช่นเคย
อย่างห้องนี้ก็จะสามารถกั้นพื้นที่ปลายเตียงให้เป็น Walk-in Closet หน้าห้องน้ำได้แบบนี้ครับ ซึ่งก็จะช่วยทำให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น และโซนเตียงนอนก็จะมีความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ส่วนภายในห้องน้ำก็เรียกได้ว่าเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลย เพียงแต่อาจมีขนาดที่เล็กลงนิดหน่อย แต่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
- G.Theodosius (จี-ธีโอดีอุส) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 225.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 935 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน + เรือนรับรอง และสระว่ายน้ำส่วนตัว
บ้านหลังนี้จะเป็นไซส์ใหญ่สุดของโครงการ ที่มีจุดเด่นก็คือ บริเวณด้านข้างจะมีส่วนของเรือนรับรองแบบ Double Space เพิ่มขึ้นมา รวมถึงยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอีกด้วย ซึ่งโซนใหม่เหล่านี้จะแยกออกมาจากฟังก์ชันหลักอื่นๆของบ้าน จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน และไม่รบกวนกันเลยครับ แต่ก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยมุมมองของหน้าต่าง และเฉลียงขนาดใหญ่ตรงกลางบ้าน ที่เราสามารถเดินเชื่อมมาใช้งานได้สะดวกมาก
ส่วนฟังก์ชันอื่นๆภายในบ้านก็จะมีความคล้ายกับบ้านหลังก่อนหน้านี้เลย เพิ่มเติมคือขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่และกว้างขวางมากขึ้นเยอะมากๆ ทำให้เหมาะกับเป็นบ้านสำหรับครอบครัวใหญ่ ที่อยู่ด้วยกัน 3 Generation ได้สบายๆ มีห้องนอนชั้นล่างรองรับ มีเรือนรับรองให้ใช้งานส่วนตัว และมีสระว่ายน้ำเป็นของตัวเอง ซึ่งเราจะพาไปส่องดู Highlights เหล่านี้ของบ้านหลังนี้กันครับ
เริ่มจากสระว่ายน้ำกลางแจ้งบริเวณหน้าบ้าน จะเป็นสระระบบเกลือ กว้างประมาณ 4 x 9 m. พร้อมกับติดตั้งระบบ Swimming Jet ให้เราได้ว่ายทวนกระแสน้ำเพื่อออกกำลังกายแบบส่วนตัวอยู่ที่บ้าน พร้อมทั้งยังมีระบบ Jet Spa ให้ได้นั่งแช่น้ำนวดตัวแบบผ่อนคลายกันได้อีกด้วย
และด้วยความที่ตำแหน่งของสระอยู่หน้าบ้านแบบนี้ บางคนอาจกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวใช่มั้ยครับ แต่จากมุมนี้เราจะเห็นว่ามีทั้งรั้วต้นไม้ทรงสูง และต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ริมถนนหน้าบ้าน ซึ่งจะช่วยพรางสายตาจากเพื่อนบ้านได้ดี
ทำให้เราสามารถใช้งานสระได้แบบไม่เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเอง ถือว่าเป็นข้อดีมากๆอย่างหนึ่งสำหรับการที่โครงการให้ต้นไม้ใหญ่มาแบบนี้ครับ เพราะนอกจากความสวยงามร่มรื่นแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆแบบนี้ด้วย
สำหรับเรือนรับรองจะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume 5.75 m. ทำให้มีความโปร่งโล่งและให้อารมณ์คล้ายกับคอนโดสไตล์ Loft เลยนั่นเอง
ภายในเราสามารถจัดเป็นฟังก์ชันอะไรก็ได้ตามต้องการ เช่น พื้นที่รับแขก พื้นที่นั่งเล่น Pool Party หรือห้องนอนส่วนตัวอีกห้องที่แยกตัวออกมาจากในบ้านก็ได้ รวมถึงด้านในยังมีห้องน้ำให้ใช้งานส่วนตัวครับ
โดยบ้านตัวอย่างก็ได้จัดพื้นที่ด้านบนให้เป็น Fitness แบบส่วนตัว ซึ่งอย่างที่บอกครับว่าโครงการนี้อาจไม่ได้มีฟังก์ชันส่วนกลางที่เยอะหรือหลากหลายมากนัก
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะบ้านที่นี่มีขนาดใหญ่และฟังก์ชันห้องเยอะมาก จนเราสามารถทำ Facilities ไว้ใช้งานส่วนตัวแบบนี้ในบ้านได้สบายๆเลยนั่นเอง
ส่วนบริเวณที่จอดรถจะมีทางลาดเพิ่มเข้ามาที่ประตูทางเข้ารองของตัวบ้าน ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เพราะเราไม่จำเป็นต้องอ้อมไปเข้าทางหน้าบ้านเหมือนหลังเล็กแล้วครับ ส่วนบรรยากาศอื่นๆภายในบ้านจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลย
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะ
ราคา
กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม (Granada Pinklao-Phetkasem) ราคา ณ วันที่ 7 มีนาคม 2567
- G.Charles (จี-ชาร์ล) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 177.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 706 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน - G.Constantine (จี-คอนสแตนไทน์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 252.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 853 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน - G.Theodosius (จี-ธีโอดีอุส) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 225.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 935 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน / 7 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน + เรือนรับรอง และสระว่ายน้ำส่วนตัว - ราคาเริ่มต้น 60 – 120 ล้านบาท*
- จองและทำสัญญา n/a บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
- ค่าส่วนกลาง 42 บาท/ตร.วา/เดือน
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตั้งอยู่ติดถนนกาญจนาภิเษกย่านฝั่งธนฯ ซึ่งเป็นทำเลที่สามารถเชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆได้สะดวก โดยเฉพาะการใช้ถนนกาญจนาภิเษกจะทำให้เราเดินทางไกลๆได้ง่ายมาก ส่วนความอุดมสมบูรณ์ก็จะอิงแถวๆ The Mall บางแค ซึ่งตรงจุดนั้นก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินให้ใช้ด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวก
ในแง่ของตัวโปรดักส์จัดว่าเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ระดับคฤหาสน์สุดหรู จะมีที่ใกล้เคียงก็ตระกูล Grand Bangkok Boulevard ของ SC ด้วยกันเอง แต่นั่นก็ยังไม่ได้มีพื้นที่ใช้สอยเท่าที่นี่ และ GRANADA ก็ยังเป็นแบรนด์ Flagship อีกด้วย เรียกได้ว่าโครงการนี้เป็นบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่สุดของย่านนี้เลยครับ
อันที่จริงแล้วบ้านราคาหลัก 60 – 120 ล้าน* เราสามารถหาซื้อทำเลในตัวเมืองได้สบายๆเลย แต่ความพิเศษที่เราอาจหาไม่ได้ในโครงการไหนๆ ก็คือบรรยากาศของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีเขียว รวมถึงความเป็นส่วนตัวและมีที่ดินที่ให้มากกว่าครึ่งไร่กันเลยทีเดียว สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็น Value ที่สำคัญของโครงการที่เราจับต้องได้จริงในตอนนี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็แล้วแต่ความชอบ และความต้องการของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันนะครับ ผมแนะนำให้เข้ามาดูบ้านจริง และเข้ามาชมบรรยากาศก่อนตัดสินใจจะช่วยได้เยอะเลย
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ตัวโครงการจะมีซุ้มประตู 2 ชั้น เป็นแบบ Double Gate Security ที่บุคคลภายนอกจะเข้ามาติดต่อได้แค่ส่วน Clubhouse ที่อยู่ตรงประตูชั้นแรกเท่านั้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยกว่าโครงการทั่วไป และยังมีกล้อง CCTV + รปภ. ที่จะออกตรวจทุกๆชั่วโมงด้วยครับ
ส่วนภายในบ้านก็มีระบบรักษาความปลอดภัยมาให้ครบตามมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น CCTV / Magnetic & Shock Sensor / Smoke Detector และ Heat Detector ซึ่งก็ให้มาหลายจุดกระจายตัวอยู่ทั่วบ้านครับ
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : เป็นบ้านเดี่ยวหน้ากว้างหลังใหญ่ และมีพื้นที่ใช้สอยเยอะเกือบ 1,000 ตร.ม. เรียกได้ว่ามากสุดในย่านเลยก็ว่าได้ครับ และจะเห็นได้ว่าเค้ามีทั้ง Common Area ขนาดใหญ่ และพื้นที่ Living หลายจุดมากๆ ซึ่งเป็นการดีไซน์เพื่อให้ฟังก์ชันมีความยืดหยุ่น และเราสามารถปรับเปลี่ยนหรือจัดฟังก์ชันได้ตามความต้องการของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่านี่เป็นบ้านที่สามารถอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่แบบ 3 Generation ได้สบายๆ รวมถึงเค้ายังให้ความสำคัญกับโซนของ Maid ที่มีห้องแม่บ้านมาให้ถึง 2 ห้อง สามารถอยู่อาศัยแยกกันแบบส่วนตัวได้จริง และเหมาะกับบ้านหลังใหญ่แบบนี้ที่ยังไงก็จำเป็นต้องมีคนช่วยดูแลครับ
จุดเด่นของการออกแบบนอกจากดีไซน์ที่ปรับใหม่ เป็นสไตล์ Modern Classical ที่ดูสวยงามและทันสมัยมากขึ้นแล้ว ยังโดดเด่นที่มีพื้นที่ดินเยอะมากกว่าครึ่งไร่ เลยทำให้เราสามารถปลูกต้นไม้จัดสวน และออกมาใช้ชีวิตหรือทำกิจกรรมภายนอกบ้านได้มากขึ้น รวมถึงยังมีที่จอดรถลึกถึง 10 – 11 m. จึงทำให้บ้านเกือบทุกหลังแทบจะสามารถจอดรถซ้อนกันได้รวมมากสุด 8 คันเลยทีเดียว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ แบบบ้านหลังใหญ่สุดจะมีทั้งสระว่ายน้ำและเรือนรับรองเพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจและน่าใช้งานครับ โดยเราสามารถทำเป็นโซนออกกำลังกายส่วนตัว มุมปาร์ตี้สังสรรค์ หรือโซนพักอาศัยแยกออกจากฟังก์ชันอื่นๆของบ้านเลยก็ได้
วัสดุ : ถือว่าให้วัสดุมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะพื้นชั้นล่างที่เป็นกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินอ่อนสีขาว ขนาด 0.9 x 1.8 m. เรียกได้ว่าเป็นแผ่นใหญ่มาก ซึ่งปกติเราก็ไม่เคยเห็นโครงการไหนใช้กระเบื้องแผ่นใหญ่เท่านี้มาก่อน รวมถึงยังมีวัสดุประเภทไม้สักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประตู บันได และพื้นปาร์เก้ไม้สักชั้น 2
รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำผมก็ว่าให้ของดีเลย โดยจะเป็นรุ่น Top จากแบรนด์ Kohler ที่นอกจากจะได้เป็นโถแบบอัตโนมัติแล้ว ยังมีทั้งอ่างอาบน้ำแบบ Spa และ Shower ที่มีหลากหลายฟังก์ชันให้เลือกใช้งานเยอะมาก รวมถึงยังมีการกั้น Shower box ที่ด้านในทั้ง Hand Shower + Rain Shower + Jet Shower จากผนังทั้ง 2 ฝั่ง และสามารถปรับอุณหภูมิน้ำได้เอง โดยมีการต่อท่อน้ำร้อนในผนังให้แบบโรงแรม
โครงสร้างบ้านจะเป็นระบบ Conventional หรือการก่ออิฐมวลเบา จึงมีความยืดหยุ่นสามารถทุบ/เจาะ/ต่อเติมได้ง่าย ซึ่งก็เหมาะกับบ้านหลังใหญ่แบบนี้ที่มีฟังก์ชัน Flexible มากๆครับ อีกทั้งยังมีระบบเทคโนโลยีต่างๆที่เพิ่มเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Home Automation ที่เชื่อมต่อกับ Application Ruejai Home OS / Active Air Flow ช่วยในเรื่องลดความร้อนภายในบ้าน และ EV Charger ที่ให้มาถึง 2 จุด เป็นต้น
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดของโครงการแห่งนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะเค้าให้พื้นที่สีเขียวรวมทั้งโครงการมากกว่า 8 ไร่ ของพื้นที่ทั้งหมดกว่า 36-2-12.3 ไร่ โดยเฉพาะบริเวณถนน Main จะมีการปลูกต้นจามจุรีย์ที่เป็นต้นไม้ใหญ่ ทำเป็นซุ้มอุโมงค์ต้นไม้เป็นส่วนต้อนรับที่ทั้งสวยงามและร่มรื่นมากๆ
โดยเราจะสังเกตได้ว่าพื้นถนนไม่มีการพังเสียหายจากรากไม้เลย เพราะเค้าได้มีการออกแบบเว้นระยะฟุตบาทให้กว้างพิเศษอยู่ที่ 3 – 5 m. ถือว่าใหญ่กว่าโครงการทั่วไปมากเลยทีเดียวครับ แต่นั่นก็ช่วยทำให้ได้บรรยากาศโครงการที่สวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงยังมีสวนสาธารณะขนาด 1.5 ไร่ และยังนำสายไฟทั้งหมดลงใต้ดินเรียบร้อย อีกทั้งยังมีการจัดสวนในบ้านให้อย่างสวยงามอีกด้วยครับ เรียกได้ว่าถ้าให้คะแนนได้ก็คงเอาไปเลย 10/10 แน่นอน
สาธารณูปโภค : อาคาร Clubhouse บริเวณด้านหน้าโครงการ จะมีเฉพาะส่วน Lounge สำหรับรับรองแขก หรือนัดเซ็นเอกสารทางธุรกิจ จากบุคคลภายนอกของลูกบ้านเท่านั้น และเน้นเพิ่มส่วนกลางที่เป็นพื้นที่สีเขียวภายในโครงการที่เป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการ
Judgement
โครงการ กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม (Granada Pinklao-Phetkasem) เป็นโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ขายราคาตั้งแต่ 60 – 120 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการลักษณะนี้นะครับ
กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม เหมาะกับใคร
โครงการ กรานาดา ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม (Granada Pinklao-Phetkasem) เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่เป็นระดับ Flagship จาก SC Asset ที่มีพื้นที่ดินมากกว่าครึ่งไร่ และมีพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดในย่านเกือบๆ 1,000 ตร.ม. มีฟังก์ชันตอบโจทย์สำหรับครอบครัวใหญ่ กับทำเลที่อยู่ติดถนนใหญ่กาญจนาภิเษก และใกล้ห้าง The Mall บางแค ที่สำคัญคือ เป็นโครงการที่มีบรรยากาศพื้นที่สีเขียวเยอะมาก ทั้งอุโมงค์ต้นจามจุรีย์ขนาดใหญ่อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะ และมุมพักผ่อน Pavilion ให้ใช้งานอีกด้วย ในช่วงราคาเริ่มต้น 60 – 120 ล้านบาท
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่