รีวิวฉบับที่ 1504 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพามาชมโครงการ The Urban Reserve บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับ Super Luxury จำนวน 17 ยูนิต จาก Mekha Real Estate ตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 53 ติดกับถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้าเมือง ตัวโครงการมีการออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยอนุรักษ์ต้นไม้ดั้งเดิมอายุราว 50 ปีเอาไว้ในพื้นที่ของโครงการ ส่วนตัวบ้านออกแบบโดยเน้นพื้นที่ใช้สอย เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ เราไปชมกันค่ะ 

Fact @ 19 December 2017

  • The Urban Reserve (ดิ เออเบิร์น รีเซิร์ฟ)
  • Mekha Real Estate Limited
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : เขตสวนหลวง
  • เนื้อที่โครงการ 5-1-63 ไร่ จำนวน 17 ยูนิต
  • TYPE A ที่ดิน 77-87 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 516 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ 
  • TYPE B ที่ดิน 70-97 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 536 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
  • ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 240,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : พ.ค. 2560
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : มิ.ย.2562
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • สำนักงานขาย : 093-124-5353

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.738185, 100.655064

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ  The Urban Reserve ตั้งอยู่ติดกับถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้าเมืองหรืออีกเส้นทางหนึ่งสามารถเข้าถึงได้จากซอยพัฒนาการ53 ทำเลถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลเมืองออกมาหน่อยแต่ก็สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก ถ้าใช้มอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้าเมืองจะสามารถใช้เส้นทางไปได้ทั้งศรีนครินทร์ พระราม 9 หรือเข้าเมือง ถ้าใช้มอเตอร์เวย์ฝั่งขาออกก็สามารถใช้เส้นทางไปยังบางนา , ลาดกระบัง , กิ่งแก้ว , สุวรรณภูมิ หรือใช้ยิงยาวไปชลบุรีได้เลย ดังนั้นใครที่เดินทางโดยใช้มอเตอร์เวย์เป็นหลักก็ถือว่าสะดวกทีเดียว ส่วนซอยพัฒนาการ 53 ก็เป็นซอยที่เชื่อมกับถนนพัฒนาการ สามารถวิ่งตัดเข้าได้ทั้งถนนศรีนครินทร์และถนนอ่อนนุช รวมๆแล้วถือเป็นทำเลที่เดินทางโดยใช้รถยนต์ได้สะดวกค่ะ

โครงการนี้ต้องพึ่งรถส่วนตัวนะ เพราะอยู่บนถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์จะไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน รถ Taxi พอมีบ้าง แต่เดี๋ยวนี้สะดวกเรียก Uber เรียก Grab มารับกันได้ ส่วนถ้าใครจะใช้บริการ Airport Link ก็ต้องพึ่ง Taxi อยู่ดีเพราะมีระยะห่างจากโครงการพอสมควร โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือ สถานีหัวหมาก เอาไว้ใช้บริการบางครั้งคราวสำหรับใครอยากจะไปสนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่เอารถไปจอดสนามบิน หรือจะใช้เข้าเมืองด้วยการไปลงที่สถานีพญาไท โดยในอนาคตจะมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ผ่านถนนศรีนครินทร์อีกด้วย

บริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ ถือว่ามีความเจริญอยู่พอสมควรเป็นทำเลที่มีหมู่บ้านน้อยใหญ่ขึ้นค่อนข้างเยอะ เนื่องจากอยู่ใกล้กับมอเตอร์เวย์เดินทางสะดวก อาจจะไม่คึกคักเท่าถนนศรีนครินทร์และพัฒนาการ แต่ก็มีรถวิ่งเข้า-ออกตลอด การจราจรมีติดขัดบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วน เรื่องอาหารการกินเนื่องจากโครงการเข้าออกได้ทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าเป็นทางฝั่งมอเตอร์เวย์ จะต้องขับรถออกมาหาร้านอาหาร ร้านค้าหรือ Community mall ที่อยู่ในย่านใกล้เคียงอย่างกิ่งแก้ว ลาดกระบัง กรุงเทพกรีฑาซึ่งจะมีทั้งร้านอาหาร ทั้งเล็ก-ใหญ่ มี Market Today Community mall ที่รวมร้านอาหาร ตลาดสด ในรูปแบบบ้านสไตล์ยุโรปอยู่ในซอย กรุงเทพกรีฑา 7 ซอยที่ใช้ลัดไปถนนรามคำแหง

ส่วนบนถนนพัฒนาการจะคึกคักกว่าหน่อยเพราะเป็นถนนที่ต่อจากถนนเพชรบุรี สามารถไปทองหล่อ – อโศก – ดินแดง – ประตูน้ำได้ จะมีสถานที่ราชการ โรงพยาบาล ศูนย์การค้าอย่าง Tesco Lotus, Max Value และที่เปิดใหม่อย่าง London Street จาก MK Group รวมไปถึงม.เกษมบัณฑิต และสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ส่วนบนถนนศรีนครินทร์จะมีศูนย์การค้าอย่างซีคอนสแควร์ที่ด้านหลังมีตลาดนัดรถไฟ พาราไดซ์ พาร์ค และสวนหลวงร.9

การเข้าถึงโครงการสามารถเข้าถึงได้ทั้งจากทางมอเตอร์เวย์ ถ้ามาจากในเมืองก็วิ่งขึ้นสะพานกลับรถมาเลี้ยวเข้าโครงการบริเวณซอยพัฒนาการ53 จากนั้นเลี้ยวซ้ายอีกทีเพื่อเข้าโครงการ หรือถ้ามาทางฝั่งถนนพัฒนาการก็เข้าซอยพัฒนาการ53 ตรงมาเรื่อยๆเลี้ยวขวาเข้าซอยที่อยู่ก่อนถึงหน้าปากซอยฝั่งมอเตอร์เวย์ค่ะ

สำหรับการเดินทางในวันนี้ เราเริ่มจากบริเวณ The Nine พระราม9 บนถนนพระราม9 วิ่งตรงมาเรื่อยๆเข้ามอเตอร์เวย์ จากนั้นเบี่ยงเข้าทางขนานเพื่อกลับรถมาเข้าซอยพัฒนาการ53 เข้ามานิดเดียวก็จะถึงโครงการค่ะ

เริ่มจาก The Nine พระราม9 ซึ่งเป็น Community Mall ที่มีทั้งร้านอาหาร, Supermarket และร้านค้าขายของทั่วไป ถ้าใครหิวก็แวะทานอาหารกันก่อนได้นะ มีป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าด้วย

ตรงมาเรื่อยๆจะเจอป้ายบอกทางให้เบี่ยงซ้ายจะไปยังศรีนครินทร์(บางกะปิ) ตรงไปจะไปยังเส้นศรีนครินทร์(พัฒนาการ) หรือถ้าชิดขวาจะเป็นจุดกลับรถ เราจะตรงไปกันก่อนนะ

จากถนนพระราม9 เราตรงมาเรื่อยๆจะเข้าสู่มอเตอร์เวย์ จากนั้นให้เราวิ่งตรงมาตามทางก่อนค่ะ

จากนั้นให้เราเบี่ยงซ้ายออกทางขนาน ตรงป้ายที่เขียนว่าถนนกรุงเทพกรีฑา – สะพานกลับรถ

พอเข้าทางขนานให้เราเตรียมตัวกลับรถ ทางกลับรถจะเป็นสะพานโค้งแบบนี้ค่ะ พอลงมาก็จะถึงโครงการเลย

พอลงสะพานกลับรถมาก็จะเห็นโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายเลย แต่เราไม่สามารถจะเลี้ยวเข้าไปได้นะ เพราะระยะของทางลงสะพานมันเลยทางเข้าโครงการ ต้องตรงไปเลี้ยวเข้าซอยพัฒนาการ53แล้ววนมาเข้าโครงการอีกที

พอลงสะพานกลับรถ ตรงมาอีกหน่อยให้เราเตรียมตัวเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพัฒนาการ53 สังเกตหน้าซอยจะเป็นร้านขายหินอ่อน

เลี้ยวเข้าซอยพัฒนาการ53 เลยค่ะ หน้าปากซอยจะมีป้ายโครงการที่ทำสัญลักษณ์บอกว่า พอเข้าซอยมาประมาณ 10 เมตร ก็ให้เลี้ยวเข้าซอยย่อยวนมาเข้าโครงการได้เลย

พอเข้าซอยมาประมาณ 10 เมตรเท่านั้น ให้เราเตรียมเลี้ยวซ้ายอีกทีค่ะ

จากนั้นตรงมาเรื่อยๆ ตรงที่เห็นเป็นต้นไม้ใหญ่ๆ นั่นแหละค่ะโครงการของเรา

ถึงแล้วค่ะ โครงการ The Urban Reserve โดย โครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งมีถนนกั้นตรงกลาง ทางฝั่งซ้ายเป็น Clubhouse ส่วนทางฝั่งขวาเป็นบ้านพักอาศัยค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย ร้านค้า อาคารพาณิชย์ค่ะ ทางเข้าออกโครงการสามารถเข้าได้จากทั้งถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์และในซอยพัฒนาการ 53 ด้านหลังโครงการจะเป็นแนวรถไฟฟ้า Airport Link โดยมีแต่ละด้านของที่ดินติดกับ 

  • ทิศเหนือ – ติดกับถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้า
  • ทิศตะวันออก – ติดกับที่ดินเปล่าและอาคารพาณิชย์
  • ทิศใต้ – ติดกับที่ดินเปล่าและแนวรถไฟฟ้า Airport Link
  • ทิศตะวันตก – ติดกับร้านขายหิน โรงงานบะหมี่ และ บ้านพักอาศัย

ดูจากภาพมุมสูงจะเห็นสภาพแวดล้อมโดยรวมของโครงการค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงเรียนนานาชาติ Stamford ~ 1.1 กิโลเมตร
  • สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link หัวหมาก ~ 1.2 กิโลเมตร (วิ่งเส้นเลียบทางรถไฟ)
  • Max Value พัฒนาการ ~  1.50  กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวิภาราม  ~ 2.3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ~ 4.7 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus พัฒนาการ ~ 5.6 กิโลเมตร
  • Market Today ~ 5.7 กิโลเมตร
  • London Street จาก Mk Group ~ 5.8 กิโลเมตร
  • กรุงเทพกรีฑา สปอร์ตคลับ ~ 6.1 กิโลเมตร
  • The Nine พระราม 9  ~  6.2 กิโลเมตร
  • ยูนิโก้ แกรนด์ กอล์ฟ คอร์ส ~ 6.8 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 7.2 กิโลเมตร
  • ซีคอนสแควร์ ~ 7.9 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติ Brighton College ~ 8.4 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ~  8.4 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

The Urban Reserve เป็นโครงการบ้านเดี่ยวจัดสรร จำนวน 17 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 5-1-63 ไร่ ทางเข้า-ออก สามารถเข้าได้ทั้งจากด้านหน้าโครงการฝั่งที่ติดถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ และ ทางที่มีจากฝั่งซอยพัฒนาการ53 โดยพื้นที่ส่วนกลางหลักๆเลยจะมี Clubhouseและสวนหย่อมอยู่ ตัดด้วยถนนซอย ถัดมาจึงเป็นส่วนพักอาศัย มีบ้านทั้งหมด 2 แบบคือ Type A ที่ดิน 77-87 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 516 ตร.ม. ส่วน Type B ที่ดิน 70-97 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 536 ตร.ม. ภายในโครงการจะมีสวนหย่อมอยู่อีก 1 จุดค่ะ

ส่วนถ้าใครดูผังแล้วคิดภาพไม่ออก ทางโครงการได้ทำ Master plan เป็นภาพ 3 มิติให้เราดูง่ายขึ้น วางอยู่บริเวณบ้าน Type B ค่ะ

ก่อนพาเข้าไปเดินเล่นชมโครงการ จะขอเล่าถึงแนวคิดในการออกแบบก่อนค่ะ เพราะมีรายละเอียดที่น่าสนใจอยู่หลายจุดทีเดียว เริ่มจากโครงการนี้เลือกที่จะพัฒนาเป็นบ้านแนวราบเนื่องจากมีความคิดที่จะอนุรักษ์ต้นไม้ดั้งเดิมเอาไว้ หนึ่งในนั้นก็คือต้นจามจุรีที่มีอายุราว 50 ปี จำนวน 3 ต้น ต้นแรกอยู่บริเวณ Clubhouse ต้นที่ 2 อยู่ในสวนสาธารณะของโครงการ ส่วนต้นสุดท้ายอยู่บริเวณปลายตาของถนนพอดี การวางผังตัวบ้านจะวางตามต้นไม้ โดยกำหนดต้นไม้ก่อนแล้ววางผังตามเพื่อเก็บต้นไม้ต้นสำคัญเอาไว้ให้เยอะที่สุดค่ะ จึงเป็นที่มาของชื่อโครงการ “The Urban Reserve” นั่นเอง ส่วนการออกแบบตัวบ้านของที่นี่จะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเต็มที่ คือปลูกเต็มพื้นที่ดินไปเลยค่ะ

สำหรับแนวคิดในการออกแบบ การอนุรักษ์ต้นไม้ และ ขั้นตอนการย้ายต้นไม้ดูเพิ่มเติมได้จากวีดีโอนี้ได้นะ

เรามาดูโครงการกันค่ะ ถ้าเราใช้ถนนซอยพัฒนาการ53 ตรงเข้ามาเรื่อยๆก็จะเจอกับโครงการ ซึ่งฝั่งที่ติดถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์จะเป็น Clubhouseและสวนหย่อม ส่วนอีกฝั่งเป็นบ้านพักอาศัย

มาดูส่วนที่เป็น Clubhouse ก่อนค่ะ อยู่บริเวณฝั่งที่ติดกับถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์หรือฝั่งด้านหน้าโครงการ

ต้นจามจุรีที่อยู่บริเวณนี้มีชื่อว่า “ลุงใหญ่” เป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดค่ะ

ด้านหน้าโครงการฝั่งติดถนน เราสามารถขับรถเข้ามาจากทางนี้ได้นะ วัสดุปูพื้นของถนนทางเข้าจะแตกต่างจากโครงการอื่นๆตรงที่ปูเป็นหญ้า ซึ่งทำให้ไม่ต้องกังวลว่าพื้นจะพังเร็วเพราะโครงการนี้จำนวนยูนิตไม่เยอะแค่ 17 หลัง ดังนั้นรถจึงไม่น่าจะวิ่งผ่านบ่อย และ ถ้าไม่ใช้ทางเข้าทางนี้ก็สามารถวนมาเข้าจากซอยพัฒนาการ53 ได้

Clubhouse เป็นอาคาร 2 ชั้น ออกแบบให้โอบล้อมกับธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ใหญ่และสนามหญ้าด้านหน้า

หน้า Clubhouse มีลานสนามหญ้าที่ลูกบ้าน สามารถออกมานั่งเล่นหรือจัดกิจกรรม ปิ้งย่าง บาร์บีคิวได้

เข้ามาภายในจะเป็น Lobby สำหรับใช้มานั่งพักผ่อน นัดพบปะกับเพื่อนๆ หรือ นัดคุยธุระโดยไม่ต้องเข้าไปในบ้านให้เสียความเป็นส่วนตัว

ด้านหน้า Clubhouse จะเป็นประตูที่เลื่อนพับเก็บได้ ทำให้มีช่องเปิดที่เชื่อมต่อกับสวนด้านหน้า นั่งรับลมชมวิวต้นไม้ได้

อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นชั้นลอยที่จัดให้มีพื้นที่นั่งพักผ่อนมาให้อีก และจะมีทางลงชั้นใต้ดินเป็นสำนักงานนิติบุคคลค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นบริเวณชั้นลอยของ Clubhouse ค่ะ มุมนี้เป็นส่วนตัวดี

พอออกมาจากโซน Clubhouse ด้านหน้าจะเจอกับถนนคั่นก่อน ถัดไปจะเป็นโซนพักอาศัยซึ่งในอนาคตจะมีการตั้งป้อมรปภ.ดูแลความปลอดภัยและประตูรั้วบริเวณนี้ด้วยค่ะ

ถัดไปเป็นพื้นที่ที่กำลังพัฒนาโครงการ ถนนหลักกว้าง 10 เมตร วัสดุเป็นแสตมป์คอนกรีต ตัดตรงเข้าไปจนถึงท้ายโครงการ

ทางฝั่งซ้ายจะมีต้นจามจุรี 3 ต้นที่นำมาจากพื้นที่ข้างเคียง มีชื่อว่า “ลุงอิน” “ลุงจัน” และ “อาเล็ก”

ส่วนทางฝั่งขวานี้มี “ป้ากลาง” ต้นจามจุรีเก่าแก่ที่แผ่ร่มเงาบนที่ดินผืนนี้มากว่า 50 ปีค่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • Clubhouse / Lobby
  • สวนสาธารณะ
  • สระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้านขนาด 2.5 x 8 ม.
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 ม.และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 ม.
  • Key Card Access ระยะไกล
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ เลื่อนไฟฟ้า
  • ถนนหลักกว้าง 10 ม.


Product Walkthrough

บ้านในโครงการนี้มีอยู่ทั้งหมด 2 แบบค่ะ คือ TYPE A ที่ดิน 77-87 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 516 ตร.ม. และ TYPE B ที่ดิน 70-97 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 536 ตร.ม. สำหรับบ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปชมนี้เป็นแบบ TYPE B นะคะ

บ้าน TYPE B เป็นบ้านบนเนื้อที่ 70-97 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 536 ตร.ม. หน้ากว้าง 19-20 เมตร 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ การออกแบบจะวางตัวบ้านเกือบเต็มพื้นที่ดินเลย เรียกว่าเน้นการใช้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมากกว่า หน้าบ้านจอดรถได้ 4 คัน จัดพื้นที่ของแม่บ้านและซักล้างแยกออกมาต่างหาก เข้ามาในบ้านจะเจอกับพื้นที่ต่อเนื่องกันของโซนรับแขก ทานข้าว และ ส่วนเตรียมอาหาร พื้นที่บริเวณนี้จะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำหลังบ้าน กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งถ้าเลื่อนเปิดก็จะเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน สามารถใช้พักผ่อน หรือ จัดกิจกรรมสังสรรค์ในครอบครัวได้  พื้นที่รับแขกจะเป็นแบบ Double Space ฝ้าเพดานสูงไปจนถึงชั้น 2 มีครัวไทยแยกออกมาเป็นสัดส่วน ห้องน้ำชั้นนี้จะเป็นแบบ Powder room คือไม่มีพื้นที่อาบน้ำค่ะ ถ้าจะขึ้นไปที่ชั้น 2 จะสามารถขึ้นได้โดยใช้บันได หรือ ถ้าใครขี้เกียจก็ใช้ลิฟท์ได้ค่ะ โดยจะมีลิฟท์ตั้งแต่ชั้น 1 – 3 เลย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นอีกจุดหนึ่ง บริเวณนี้จะเป็นส่วนตัวกว่าชั้นล่างเหมาะกับใช้พักผ่อนกันเองในครอบครัวหรือเฉพาะเพื่อนสนิท ใกล้ๆกันจะเป็นระเบียงขนาดใหญ่ Double Space แบบ Semi-Outdoor ที่ถือเป็นจุดเด่นของบ้านนี้เลยก็ว่าได้ มีห้องน้ำแบบ Powder room ให้อีก 1 ห้อง และมีพื้นที่สำหรับทำเป็น Pantry เล็กๆเผื่อเอาไว้สำหรับเตรียมของทานเล่นโดยไม่ต้องลงไปที่ครัวชั้น 1 ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ ที่มี Walk-in Closet และ ห้องน้ำในตัว ห้องน้ำมีการจัดฟังก์ชั่นต่างๆแยกเป็นสัดส่วน มีกั้นห้องทั้งโถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ และมีอ่างอาบน้ำเอาไว้สำหรับนอนแช่ตัว คลายความเหนื่อยล้า

บริเวณโถงบันไดระหว่างทางขึ้นชั้น 3 จะมีพื้นที่สำหรับทำเป็นห้องพระ และพอขึ้นมาที่ชั้น 3 ก็จะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นแบบกั้นห้องเป็นส่วนตัวอีกห้องหนึ่ง ห้องนี้สามารถปรับใช้เป็นห้องนอนหรือห้องทำงานได้ ถัดมาจะเป็นโถงทางเดินยาวๆไปยังห้องนอนอื่นๆอีก 3 ห้อง โถงทางเดินนี้ฝั่งหนึ่งจะติดกับพื้นที่ Double Space ของระเบียง Semi-Outdoor บรรยากาศจึงโปร่ง โล่งและสว่าง ห้องนอนต่อมาคือห้องนอนผู้สูงอายุ มีการออกแบบให้ประตูเป็นบานเลื่อนเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนอีก 2 ห้องก็กว้างพอสมควร มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าพอเพียงและมีห้องน้ำในตัวเช่นกันค่ะ Concept ของการวางผังชั้น 3 คือต้องการให้ผู้ใหญ่อยู่ใกล้ชิดกันกับลูกๆหลานๆค่ะ

บ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นแบบ TYPE B ค่ะ เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 536 ตร.ม. หน้ากว้าง 19-20 เมตร 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ วางตัวบ้านมาเต็มพื้นที่ดินเลย ภายนอกตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ใช้โทนสีขาว-เทา เป็นหลัก

ที่จอดรถจอดในร่มได้ 4 คัน โดยหน้าบ้านจะกั้นด้วยประตูเหล็กรางเลื่อนแบบอัตโนมัติ เราสามารถกดรีโมทเปิดสลับกันซ้าย-ขวาได้

ถ้าไม่ได้ใช้รถ ก็มีประตูเล็กสำหรับให้คนเดินผ่านโดยไม่ต้องไปยุ่งกับประตูเลื่อน สังเกตบริเวณหน้าบ้านจะมีการดีไซน์ องค์ประกอบต่างๆได้สวยดี

มองขึ้นไปที่เราเห็นเป็นหน้าต่างบานเฟี้ยม ก็คือระเบียงแบบ Semi-Outdoor นั่นเองค่ะ อยู่บริเวณหน้าบ้านเลย ซึ่งจะเป็น Double Space ต่อเนื่องกันไปจนถึงชั้น 3 เดี๋ยวเราค่อยพาไปดูว่าหน้าตาเป็นยังไง

ที่จอดรถจอดในร่มได้ 4 คัน ซึ่งพื้นที่จอดรถทางโครงการได้มีการลงเข็มมาให้ขนาดเท่ากับตัวบ้านเลย เราจึงไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องการทรุดตัว ส่วนพื้นจะมีการทำ Slope และปูกระเบื้องกันลื่นมาให้เรียบร้อย มีการติดไฟในตำแหน่งที่ตรงกับรถ อยู่บริเวณหัวรถ กลางรถ และท้ายรถ ซึ่งจะตรงกับตำแหน่งของประตูเวลาเราเปิดประตูรถออกมาก็จะมีไฟส่องสว่าง เวลากลับบ้านมากลางคืนก็จะไม่มืดค่ะ

หน้าบ้านมีพื้นที่ที่สามารถทำตู้เก็บของหรือเก็บจักรยานแบบในบ้านตัวอย่างเพิ่มเติมได้

EV Charger ทางโครงการเตรียมไฟไว้ให้ ลูกค้าสามารถซื้อเครื่อง Ev มาติดในอนาคตค่ะ

ตัวบ้านมีการยกระดับขึ้นสูงกว่าที่จอดรถซึ่งจะสามารถกันฝุ่นผง หรือน้ำจากการซักล้างและเวลาฝนตกได้ หน้าทางเข้ามีทางลาดมาให้รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ

ทางเข้าบ้านคือประตูบานไม้นี้ค่ะ เป็นบานทึบ คนนอกบ้านมองเข้าไปไม่เห็นข้างในทำให้ภายในบ้านค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว

Digital Door Lock ได้หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ

เข้ามาในบ้านจะเจอกับพื้นที่เชื่อมต่อกันของรับแขก ทานข้าว และ เตรียมอาหารแบบนี้ ด้านหลังสุดเป็นทางออกไปที่สระว่ายน้ำ พื้นชั้นล่างจะปูด้วยกระเบื้องลายหินทราโวทีน ที่คัดเลือกมาอย่างดี ลวดลายและสีจะเหมือนกับหินจริงเลย

เรามาดูฝั่งนี้ก่อนจะเห็นว่าโต๊ะอาหารอยู่ใกล้กับส่วนเตรียมอาหารเลย ใช้งานได้สะดวก จัดที่นั่งได้ประมาณ 8-10 ที่ ฝ้าเพดานด้านบนทางโครงการทำมาให้แบบนี้เลยนะ และทางฝั่งขวาเป็นบานเลื่อนกระจกที่มองออกไปเห็นวิวสระ ดูสบายตาดี

ส่วนเตรียมอาหารเราได้แบบนี้ทั้งเคาน์เตอร์ด้านหน้าและด้านหลัง เป็นงาน Custom Made ค่ะ วัสดุ Top เป็นหินควอทซ์อ้อมยาวมาจนถึงด้านข้างเลย

เคาน์เตอร์ด้านหน้าเปิดออกมาเป็นตู้เก็บของใช้เล็กๆน้อยๆได้ ฟังก์ชั่นการใช้งานของเคาน์เตอร์นี้คือเตรียมอาหาร ล้างจาน ล้างผัก

อ่างล้างจานแบบหลุมเดียวของ Franke

ซึ่งในตู้ด้านล่างอ่างล้างจานจะติดตั้งเครื่องกรองน้ำ และ เครื่องบดอัดเศษอาหารมาให้

ด้านหลังเคาน์เตอร์ก็มีลิ้นชักที่เก็บของได้เยอะพอสมควร

เคาน์เตอร์ด้านหลัง หน้าบานเป็นบานทึบทั้งหมด เปิดออกมาเก็บของได้ค่อนข้างเยอะ

เครื่องดูดควันเป็นของ Smeg

เตาไฟฟ้าเป็นเตา Induction ได้ของ Smeg เช่นเดียวกัน

สำหรับเตาอบและไมโครเวฟนี้ทางโครงการก็แถมให้ค่ะ เป็นของ Smeg

ถัดมาทางฝั่งขวาเป็นห้องครัว ตามด้วยทางออกไปโซนซักล้างและบ้าน และห้องน้ำ

ประตูห้องครัวเป็นบานเลื่อน ทำให้ประหยัดพื้นที่และเปิดออกได้สะดวก

พื้นห้องครัวจะมีระดับต่ำกว่าพื้นชั้น 1 เล็กน้อย เพื่อความสะดวกในการซักล้าง

ครัวเป็นครัวปิด เป็นสัดส่วน สามารถทำอาหารต้มผัดแกงทอดได้ ด้านหลังเป็นประตูบานเลื่อนที่เลื่อนได้ทั้ง 2 ฝั่งเอาไว้เปิดระบายอากาศ เคาน์เตอร์แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งแยกฟังก์ชั่นการใช้งาน ระหว่างฝั่งซ้ายเป็นโซนเตรียมอาหารและล้างจาน ส่วนฝั่งขวาเป็นโซนทำอาหาร

ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเคาน์เตอร์จะมีขนาดกว้างกว่าทั่วๆไป เพราะอ่างล้างจานเป็นแบบที่นำเข้าจากญี่ปุ่น มีขนาดค่อนข้างกว้าง

อ่างล้างจานของที่นี่จะมีโฟมรองข้างใต้ ทำให้เวลาเปิดน้ำไม่มีเสียงดังและน้ำไม่กระเด็น และตู้ด้านล่างอ่างก็มีติดตั้งเครื่องบดอัดเศษอาหารมาให้เช่นเดียวกันค่ะ

เคาน์เตอร์อีกฝั่งมีเตาแก๊สพร้อมเครื่องดูดควันของ Franke มาให้

ห้องน้ำชั้นล่างจะเป็นแบบ Powder room คือเข้าห้องน้ำได้อย่างเดียว ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ เอาไว้สำหรับรับรองแขก หรือ ใช้งานชั่วคราวระหว่างวัน วัสดุทั้งพื้นและผนังจะเป็นหินจริงทั้งหมด

อ่างล้างหน้าของห้องนี้เป็นทรงกระบอกของ Roca ส่วนก๊อกน้ำจะเป็นของ Zucchetti

โถสุขภัณฑ์เป็นแบบอัตโนมัติของ TOTO Washlet

ที่วางทิชชู่เป็นแบบที่ใส่ได้ 2 อันเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน และ อุปกรณ์ต่างๆของที่นี่เค้าติดตั้งได้สวย เป็นระเบียบดี

ถัดมาจะเป็นพื้นที่ซักล้างและServiceหลังบ้าน ประกอบด้วยห้องซักรีด ห้องแม่บ้าน และ ห้องน้ำแม่บ้าน โซนนี้แม่บ้านสามารถเดินเข้าจากด้านนอกได้เลยไม่ต้องผ่านประตูหลักของตัวบ้าน

ในห้องซักรีดมีติดตั้งอ่างล้างมือและกระจกเงามาให้ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและที่สำหรับซักรีดผ้า

อ่างล้างมือและกระจกเงาส่องหน้าที่ทางโครงการติดตั้งมาให้ สำหรับล้างมือทำความสะอาดเวลาซักรีดผ้า

อ่างเป็นแบบขนาดกะทัดรัดยี่ห้อ TOTO

ด้านในห้องมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า เครื่องซักผ้า และ ที่รีดผ้า

ห้องแม่บ้านมีความสูงที่สามารถวางเตียงได้แบบ 2 ชั้น รองรับแม่บ้านได้ 2 คนค่ะ

ห้องน้ำแม่บ้านมีทั้งโถสุขภัณฑ์และฝักบัวมาให้ครบ

พอเดินออกมาจากส่วนซักล้างก็จะเจอพื้นที่วาง Condensing Unit ของแอร์แขวนเรยงกันอยู่และมีทางเดินออกไปสระว่ายน้ำ

หันมาอีกฝั่งหนึ่งจะเจอกับช่องที่เราสามารถลงไป Service งานระบบทั้งหมดของบ้านที่อยู่ในชั้นใต้ดินได้

เรากลับเข้ามาดูภายในตัวบ้านกันต่อค่ะ จะเห็นว่าด้านหลังของบ้านจะเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำกั้นด้วยประตูบานเลื่อนเป็นแนวยาวเลย Space แบบนี้ทำให้ในบ้านได้รับแสงสว่างเต็มๆ บ้านจึงดูโปร่งโล่ง

ประตูกระจกบานเลื่อนเปิดมาเก็บด้านข้างได้แบบนี้ โดยกระจกที่เลือกใช้จะเป็นกระจกลามิเนตสี Euro Grey คือออกเทาๆ คุณสมบัติคือมีความปลอดภัยสูง เมื่อกระจกเกิดการแตกแผ่นฟิล์มจะเป็นตัวยึดเกาะกระจก ไม่หลุดร่วงลงมาทำให้เกิดอันตรายค่ะ

พอเลื่อนเปิดบานประตูกระจกก็จะได้ Space ที่เปิดโล่งเชื่อมต่อกันแบบนี้

หลังบ้านจะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 2.5 x 8 เมตร ใช้แช่ตัวพักผ่อน ถ้าอยากว่ายออกกำลังกายจริงจังก็สามารถติด Jet เพิ่มได้ พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเพราะฝั่งซ้ายก็บ้านเราเอง ส่วนฝั่งขวาก็มีรั้วสูง 3 เมตร + ระแนงอีก 2 เมตรกั้นอยู่ คนที่อยู่นอกบ้านไม่เห็นเราตอนเล่นน้ำแน่นอนค่ะ

วัสดุพื้นของทั้งภายในบ้าน นอกบ้าน และตัวสระว่ายน้ำ เลือกเป็นโทนสีอ่อนและเป็นโทนสีเดียวกัน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและทำให้บ้านดูกว้างมากขึ้น

ถัดมาเป็นห้องรับรองแขกที่ผนังด้านข้างเป็นกระจกและยังเป็น Double Space อีกด้วย

Double Space บริเวณนี้จะกินพื้นที่ไปจนถึงชั้น 2 ผนังด้านข้างเป็นกระจกบานใหญ่ทั้งแผงเลย มองออกไปเห็นวิวสระว่ายน้ำ

ทางขึ้นชั้น 2 นอกจากบันไดแล้ว ถ้าใครขี้เกียจเดินก็สามารถขึ้นลิฟท์ได้อีกด้วย

ลิฟท์ขึ้นได้ถึงชั้น 3 เลยค่ะ รองรับน้ำหนักได้ 200 กิโลกรัม คือเทียบเท่าผู้ใหญ่ประมาณ 3 คน กว้างพอบรรจุ Wheelchair พร้อมผู้เข็นรถ 1 คน

ข้างๆกับลิฟท์เป็นบันไดทางขึ้นชั้น 2

ลูกนอนของที่นี่จะมีขนาดกว้าง 28 cm. กว้างกว่าบ้านบางโครงการ ทำให้เราเดินได้สะดวกมากขึ้น

บริเวณราวจับด้านข้างจะทางโครงการติดตั้งไฟส่องสว่างที่เปิดเองอัตโนมัติมาให้

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับโถงซึ่งเชื่อมต่อมาจากห้องรับแขกด้านล่าง ราวกันตกฝั่งที่ติดกับ Double Space เป็นกระจก ทำให้บริเวณนี้โปร่งโล่ง วัสดุพื้นชั้นบนจะเป็นไม้จริงหนา 1.8 mm.

จากบริเวณโถงมองลงไปก็จะเห็นพื้นที่รับแขกชั้นล่าง

เดินถัดมาจะเจอกับห้องนั่งเล่น ส่วนทางฝั่งซ้ายเป็นระเบียง Semi Outdoor ที่เรามองเห็นจากหน้าบ้าน

ห้องนั่งเล่นที่ชั้น 2 จะค่อนข้างเป็นส่วนตัว ใช้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนกันเองในครอบครัว จะนั่งดูหนังฟังเพลง หรือ นั่งทำงานก็ได้ค่ะ

ซึ่งระหว่างห้องนั่งเล่นและระเบียงจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เลื่อนเก็บมาด้านข้างได้

ตัวรางเลื่อนค่อนข้างแข็งแรงและอยู่ในระดับเดียวกับพื้นไม้เวลาเดินจะไม่สะดุด ส่วนพื้นระเบียงจะมีระดับต่ำกว่าหน่อย เพื่อกันน้ำ กันฝุ่น

ระเบียงนี้ถือเป็นจุดเด่นหนึ่งของตัวบ้านเพราะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนแบบ Semi-Outdoor ฝ้าเพดานสูง สามารถออกมานั่งเล่นรับลมภายนอกบ้านได้โดยมีหลังคาคลุม ไม่โดนแดดร้อน ไม่โดนฝน และมีบานเฟี้ยมเลื่อนปิดได้ในกรณีที่อยากได้ความเป็นส่วนตัว

ในบ้านตัวอย่างจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิว ตัวราวกันตกเป็นกระจกข้อดีคือจะไม่ไปบดบังวิวจากภายนอก เนื่องจากระเบียงมีระยะยื่นออกมาเยอะพอสมควร เวลาฝนตกอาจจะมีโดนส่วนระเบียงบ้างแต่จะไม่โดนด้านในของอาคารค่ะ

บานเฟี้ยมชั้นล่างเราสามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ ส่วนชั้นบนจะเป็นบาน FIX ค่ะ

เดินถัดมาเราจะเจอกับห้องน้ำ Pantry และ ห้องนอนใหญ่

ห้องน้ำห้องนี้เป็นแบบ Powder room เช่นเดียวกันกับชั้นล่าง เอาไว้สำหรับกรณีนั่งเล่นกันอยู่แล้วอยากลุกมาเข้าห้องน้ำโดยไม่ต้องเดินไปเข้าที่ห้องตัวเอง หรือ สำหรับรับรองแขกที่มาปาร์ตี้ที่บ้าน

อ่างล้างหน้าห้องนี้ได้แบบที่ข้างล่างเป็นตู้เก็บของ

อ่างล้างหน้าเป็นทรงสี่เหลี่ยมของ Kohler

ตู้ด้านล่างเปิดออกมาเก็บของได้ พื้นตู้มีลักษณะเป็นระแนงไม้ช่วยระบายอากาศทำให้ภายในตู้ไม่อับชื้น

ส่วนอีกฝั่งเป็นโถสุขภัณฑ์และมีพื้นที่ว่างๆอยู่ สามารถ Built-in ตู้เก็บของหรือหาชั้นมาวางตกแต่งเพิ่มเติมได้

โถสุขภัณฑ์เป็นของ TOTO ค่ะ ห้องนี้ไม่ได้เป็นแบบอัตโนมัติ แต่ก็มีเตรียมปลั๊กเอาไว้ให้เผื่อลูกบ้านคนไหนอยากจะเปลี่ยนเอง

ข้างๆห้องน้ำมีมุมที่เราสามารถ Built-in เป็น Pantry เล็กๆเพิ่มได้ เอาไว้วางพวกของว่าง ติดตั้งตู้เย็นเล็กๆไว้เก็บเครื่องดื่ม มีงานระบบสำหรับทำเป็น Sink เอาไว้ล้างแก้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินลงไปที่ครัวชั้นล่าง

ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร สามารถวางเตียง King Size 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่ปลายเตียงเหลือสำหรับวางเก้าอี้พักผ่อน และ ตู้วางทีวี

ฝั่งหัวเตียง ทางฝั่งขวามีพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานได้

สำหรับปลั๊กที่อยู่บริเวณข้างเตียงของทุกห้องนั้นจะมีช่องที่สามารถเสียบปลั๊ก USB ได้ด้วย และปลั๊กทั้งหมดของโครงการนี้เป็นแบบ universal ค่ะ

บัวพื้น โครงการนี้เลือกใช้แบบที่เสมอกับผนังเลย เวลาที่จะวางเฟอร์นิเจอร์จะได้ไม่มีช่องว่างให้เก็บฝุ่น

อีกฝั่งหนึ่งของตัวห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk – in Closet ซึ่งของจริงผนังนี้ไม่มีให้นะคะ เป็นห้องโล่งๆให้เราตกแต่งต่อเติมเอง

โดย Walk – in Closet สามารถทำได้ทั้ง 2 ฝั่ง แบ่งของใครของมัน ลดปัญหาการแย่งชิงพื้นที่ใช้สอยในตู้ได้ดีค่ะ ส่วนประตูจะอยู่ตรงกลางกั้นด้วยประตูบานเลื่อน

วางตู้เสื้อผ้าได้ทั้งแนวแบบนี้ และ มีผนังที่ติดตั้งกระจกเงาเพิ่มได้

ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ มีขนาดค่อนข้างกว้างและมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยต่างๆเป็นสัดส่วนทั้งส่วนแห้งและส่วนเปียก

ทั้งอ่างล้างหน้าแบบ His&Her มีกระจกเงามาให้บานใหญ่ พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง

ด้านหลังกระจกเงาเป็นตู้สามารถเปิดออกมาเก็บของได้ และมีการติดตั้งปลั๊กมาให้สำหรับใช้เสียบเครื่องเป่าผม

อ่างล้างหน้าเป็นของ TOTO ค่ะ

สำหรับห้องน้ำและห้องอาบน้ำมีผนังกระจกฝ้ากั้นแยก สามารถเข้ามาใช้งานพร้อมกันหลายคนได้

โดยพื้นของทั้งสองห้องนี้จะมีการลดระดับลงจากพื้นห้องน้ำอีกทีหนึ่ง

บรรยากาศภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ วัสดุปิดผิวผนังและพื้นของห้องนี้จะเป็นกระเบื้องลายหิน ที่ลวดลายเหมือนหินจริงเลยค่ะ

ฝักบัวสามารถปรับได้ 2 ระดับคือระดับความสูงมาตรฐานและด้านข้างสำหรับใครที่ไม่อยากเอื้อมมือไปหยิบ

หน้าตาฝักบัวที่โครงการให้มาค่ะ

ห้องนี้จะมีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วย เอาไว้นอนแช่ตัวคลายความเหนื่อยล้า

เราไปดูที่ชั้น 3 กันต่อ การดีไซน์และวัสดุของโถงบันไดเป็นรูปแบบเดิมกับชั้น 2

ราวกันตกบริเวณโถงบันไดเป็นกระจกค่ะ

พอขึ้นบันไดมาเราจะเจอกับชานพัก

ซึ่งบริเวณชานพักนี้จะมีพื้นที่สำหรับทำเป็นห้องพระได้ และด้านข้างมีหน้าต่างเอาไว้เปิดระบายอากาศด้วย

ขึ้นไปชั้น 3 กันค่ะ

ชั้นนี้ขึ้นมาก็จะเจอกับโถงก่อนเช่นเดียวกัน ถัดมาจะเป็นห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่นห้องนี้มีประตูบานเลื่อนกั้นเป็นสัดส่วน ซึ่งเราสามารถปรับใช้เป็นห้องนอนอีกห้องหรือห้องทำงานก็ได้ค่ะ

หันหลังกลับมาจะเห็นลิฟท์ที่มาส่งเราถึงชั้นบนเลย

เดินมาอีกหน่อยจะเจอกับโถงทางเดินยาวๆ แต่ไม่รู้สึกอึดอัดเพราะอีกฝั่งเป็นพื้ผนังกระจกที่เชื่อมต่อขึ้นมาจากระเบียงชั้น 2 ได้แสงธรรมชาติ ดูโปร่งดี

มองลงมาเห็นพื้นที่ของระเบียงชั้น 2 ค่ะ

ห้องแรกที่เราจะเจอในชั้นนี้คือห้องนอนผู้สูงอายุ ประตูทางเข้าออกแบบมาค่อนข้างใหญ่และเป็นบานเลื่อน ผู้สูงอายุจะได้เปิดได้สะดวก Wheel Chair สามารถผ่านเข้าไปได้

ห้องนอนผู้สูงอายุของบ้านหลังนี้สามารถเอามาไว้ที่ชั้นบนได้เพราะมีลิฟท์นั่นเองค่ะ และจัดวางให้อยู่ชั้นเดียวกับหลานๆเพราะจะได้ไม่เหงา ภายในห้องมีขนาดกว้างพอสมควร

ฝั่งหัวเตียงจะเป็นฝั่งเดียวกับประตู พอเข็น Wheel Chair มาก็จอดข้างๆขึ้นเตียงได้เลย

ห้องนี้มีหน้าต่างอยู่เยอะค่ะ ทำให้ห้องได้แสงธรรมชาติเยอะตามไปด้วย สามารถนอนชมวิวหรือเปิดระบายอากาศได้

อีกฝั่งของห้องมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและห้องนี้ก็มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน

ด้านบนเป็นตำแหน่งติดแอร์ยี่ห้อ Daikin

ประตูทางเข้าห้องน้ำก็เป็นบานเลื่อนเช่นเดียวกัน

ภายในห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จัดฟังก์ชั่นเป็นสัดส่วนทั้งส่วนแห้งและส่วนเปียก

โถสุขภัณฑ์มีพื้นที่รอบๆอยู่เยอะพอสมควร สามารถติดตั้งราวจับของผู้สูงอายุเพิ่มเติมได้

พื้นที่อาบน้ำมีกั้นด้วยกระจกเป็นสัดส่วน ประตูเป็นแบบเปิดออกซึ่งจะสะดวกต่อการใช้งานของผู้สูงอายุ

โดยพื้นที่อาบน้ำจะเป็นระดับเดียวกัน ไม่มีธรณี ผู้สูงอายุจะได้ไม่สะดุดและรองรับสำหรับ Wheel Chair มีที่นั่งให้นั่งอาบน้ำได้

ฝักบัวติดตั้งในระดับที่ไม่สูงมาก เวลานั่งผู้สูงอายุจะได้เอื้อมมือมาจับได้สะดวก

ถัดมาจะเป็นห้องนอนอีก 2 ห้อง อยู่ตรงข้ามกันเลย

ในห้องนอนเล็กนั้นก็มีขนาดที่กว้างพอสมควร สามารถจัดฟังก์ชั่นต่างๆได้ครบ มีบานหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศ และมีห้องน้ำในตัว

หน้าห้องในบ้านตัวอย่างจัดเป็นมุมทำงาน

ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่พักผ่อน ด้านข้างเตียงวางตู้เสื้อผ้าได้

ปลายเตียงสามารถวางตู้วางทีวีและเป็นทางเข้าของห้องน้ำ

ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียก ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆมาให้ครบ

อ่างล้างหน้าเป็นแบบที่มีตู้เก็บของอยู่ด้านล่าง

กระจกเงาด้านหลังเป็นตู้ พอเปิดออกมาสามารถเก็บของได้แบบนี้ค่ะ

ตู้เก็บของด้านล่าง  ข้างๆกันเป็นชั้นวางผ้าเช็ดตัว

ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์ค่ะ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย มีมาให้ทั้งฝักบัวและRain Shower

ห้องนอนเล็กห้องสุดท้ายเข้ามาจะเจอกับห้องน้ำและตู้เสื้อผ้าก่อน ถัดไปจึงเป็นส่วนนอนพักผ่อน

บรรยากาศและการตกแต่งภายในห้องน้ำ คล้ายกันกับห้องนอนเล็กห้องก่อนหน้าค่ะ

อ่างล้างหน้าก็เป็นแบบเดียวกัน มีการก่อผนังออกมาสำหรับใช้วางของได้ด้วย

บริเวณพื้นที่อาบน้ำมีช่องแสงเอาไว้เปิดระบายอากาศค่ะ

ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่นอนพักผ่อน ค่อนข้างกว้างสามารถวางโซฟา Daybed เอาไว้อ่านหนังสือหรือนั่งเล่นพักผ่อนได้

มุมนี้บ้านตัวอย่างจัดเป็นมุมพักผ่อน หรือ จะปรับเป็นมุมนั่งทำงานก็ได้

บ้าน TYPE A ที่ดิน 77-87 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 516 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ จอดรถได้ 4 คันเช่นเดียวกัน หลังนี้ห้องแม่บ้านและส่วน Service ต่างๆจะหลบมุมอยู่บริเวณหน้าบ้าน เข้ามาในบ้านก็จะเจอพื้นที่ต่อเนื่องกันของพื้นที่รับแขกแบบ Double Space พื้นที่ทานข้าว และ พื้นที่นั่งเล่น  มีส่วนเตรียมอาหารอยู่ต่อเนื่องกับส่วนทานข้าวเลย และติดๆกันจะเป็นครัวปิด ด้านหลังบ้านมีสระว่ายน้ำเช่นเดียวกันกับบ้านแบบแรก ทางขึ้นชั้น 2 ขึ้นได้ทั้งบันไดและลิฟท์

ชั้น 2 จะมีห้อง Family Area ที่มีระเบียงขนาดใหญ่ออกไปนั่งสูดอากาศได้ ถัดมาเป็นห้องน้ำแบบ Powder room และ ห้องซักรีด อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องนอนใหญ่ที่มี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว ชั้น 3 ประกอบด้วยห้องพระ และห้องนอนอีก 3 ห้องที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีห้องน้ำในตัวค่ะ

หน้าตาบ้าน TYPE A ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 December 2017

  • TYPE A ที่ดิน 77-87 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 516 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท 
  • TYPE B ที่ดิน 70-97 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 536 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท

  • อง 300,000 บาท
  • ทำสัญญา 500,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ 18 งวด
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ  240,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 15,000 บาท/เดือน/หลัง (จัดเก็บล่วงหน้า 24 เดือน )
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

The Urban Reserve จัดว่าเป็นโครงการบ้านระดับ Super Luxury ที่มีความพิเศษตรงที่โครงการนี้เลือกที่จะพัฒนาเป็นบ้านแนวราบเนื่องจากมีความคิดที่จะอนุรักษ์ต้นไม้ดั้งเดิมเอาไว้ หนึ่งในนั้นก็คือต้นจามจุรีที่มีอายุราว 50 ปี จำนวน 3 ต้น ต้นแรกอยู่บริเวณ Clubhouse ต้นที่ 2 อยู่ในสวนสาธารณะของโครงการ ส่วนต้นสุดท้ายอยู่บริเวณปลายตาของถนนพอดี การวางผังตัวบ้านจะวางตามต้นไม้ โดยกำหนดต้นไม้ก่อนแล้ววางผังตามเพื่อเก็บต้นไม้ต้นสำคัญเอาไว้ให้เยอะที่สุด ส่วนการออกแบบตัวบ้านของที่นี่จะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเต็มที่ คือปลูกเต็มพื้นที่ดินไปเลย และจัด Space ภายในบ้านให้รู้สึกเป็นส่วนตัว มีความโปร่งโล่งจากช่องเปิดขนาดใหญ่ด้านหลังบ้านที่เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น ทานข้าว มีห้องรับแขกแบบ Double Space มีระเบียง Semi-Outdoor ให้ออกมาใช้พื้นที่นั่งพักผ่อนได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยที่ไม่โดนแดดโดนฝน อีกทั้งยังมีการออกแบบรองรับผู้สูงอายุอีกด้วยค่ะ

ทำเล ตั้งอยู่ติดกับถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้าเมืองหรืออีกเส้นทางหนึ่งสามารถเข้าถึงได้จากซอยพัฒนาการ53  บริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ ถือว่ามีความเจริญอยู่พอสมควรเป็นทำเลที่มีหมู่บ้านน้อยใหญ่ขึ้นค่อนข้างเยอะ เนื่องจากอยู่ใกล้กับมอเตอร์เวย์เดินทางสะดวก อาจจะไม่คึกคักเท่าถนนศรีนครินทร์และพัฒนาการ แต่ก็มีรถวิ่งเข้า-ออกตลอด  เรื่องอาหารการกินถ้าเป็นทางฝั่งมอเตอร์เวย์ จะต้องขับรถออกมาหาร้านอาหาร ร้านค้าที่อยู่ในย่านใกล้เคียงอย่างกิ่งแก้ว ลาดกระบัง กรุงเทพกรีฑาซึ่งจะมีทั้งร้านอาหาร ทั้งเล็ก-ใหญ่ มี Market Today Community mall ส่วนบนถนนพัฒนาการจะคึกคักกว่าหน่อยเพราะเป็นถนนที่ต่อจากถนนเพชรบุรี สามารถไปทองหล่อ – อโศก – ดินแดง – ประตูน้ำได้ จะมีสถานที่ราชการ โรงพยาบาล ศูนย์การค้าอย่าง Tesco Lotus, Max Value และที่เปิดใหม่อย่าง London Street จาก MK Group รวมไปถึงม.เกษมบัณฑิต และสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ส่วนบนถนนศรีนครินทร์จะมีศูนย์การค้าอย่างซีคอนสแควร์ที่ด้านหลังมีตลาดนัดรถไฟ พาราไดซ์ พาร์ค และสวนหลวงร.9

การเดินทางโดยใช้รถ โครงการนี้ต้องพึ่งรถส่วนตัวนะ เพราะอยู่บนถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์จะไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน รถ Taxi พอมีบ้าง แต่เดี๋ยวนี้สะดวกเรียก Uber เรียก Grab มารับกันได้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลเมืองออกมาหน่อยแต่ก็สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก ถ้าใช้มอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้าจะสามารถใช้เส้นทางไปได้ทั้งศรีนครินทร์ พระราม 9 หรือเข้าเมือง ถ้าใช้มอเตอร์เวย์ฝั่งขาออกก็สามารถใช้เส้นทางไปยังบางนา , ลาดกระบัง , กิ่งแก้ว , สุวรรณภูมิ หรือใช้ยิงยาวไปชลบุรีได้เลย ดังนั้นใครที่เดินทางโดยใช้มอเตอร์เวย์เป็นหลักก็ถือว่าสะดวกทีเดียว ส่วนซอยพัฒนาการ 53 ก็เป็นซอยที่เชื่อมกับถนนพัฒนาการ สามารถวิ่งตัดเข้าได้ทั้งถนนศรีนครินทร์และถนนอ่อนนุช รวมๆแล้วถือเป็นทำเลที่เดินทางโดยใช้รถยนต์ได้สะดวกค่ะ

วัสดุ ให้มาดีและได้คุณภาพ ที่จอดรถมีการลงเข็มมาให้ขนาดเท่ากับตัวบ้านเลย ส่วนพื้นจะมีการทำ Slope และปูกระเบื้องกันลื่นมาให้เรียบร้อย มีการติดไฟในตำแหน่งที่ตรงกับรถ อยู่บริเวณหัวรถ กลางรถ และท้ายรถ ซึ่งจะตรงกับตำแหน่งของประตูเวลาเราเปิดประตูรถออกมาก็จะมีไฟส่องสว่าง EV Charger ทางโครงการเตรียมไฟไว้ให้ ลูกค้าสามารถซื้อเครื่อง Ev มาติดในอนาคต ภายในบ้านปูด้วยกระเบื้องลายหิน ที่ดูสวยเหมือนหินเลย  ส่วนเตรียมอาหารก็ได้ทั้งเคาน์เตอร์ด้านหน้าและด้านหลัง เป็นงาน Custom Made วัสดุ Top เป็นหินควอทซ์อ้อมยาวมาจนถึงด้านข้าง สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำใช้ของ Kohler TOTO Roca และ Zucchetti ปลั๊กไฟเป็นแบบ Universal มีที่เสียบ USB มาให้ เป็นต้นค่ะ

สาธารณูปโภค เนื่องจากโครงการขนาดเล็กระดับ Super Luxury ที่เน้นความเป็นส่วนตัวภายในบ้านจึงไม่ได้เน้นพื้นที่ส่วนกลางมากเท่าไหร่ ด้านหน้าอาคารมี Clubhouse และสวนหย่อม ในโครงการมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่ง พร้อมมีระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆมาให้ครบ มีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้ภายในบ้านค่ะ

Judgement

The Urban Reserve เป็นโครงการระดับ  Super Luxury ที่มีราคาขายระดับ 30 ล้านบาทขึ้นไป  ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา แต่ปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการลักษณะนี้ค่ะ

BOTTOM LINE

The Urban Reserve เหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่ชอบร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มองหาโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ที่มีความเป็นส่วนตัว จำนวนยูนิตไม่เยอะ ได้บ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเยอะ ชอบใช้ชีวิตในบ้าน ไม่เน้นพื้นที่ส่วนกลางเท่าไหร่ มีงบประมาณ 38 ล้านบาทขึ้นไปค่ะ 

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )