รีวิวโครงการ
The Rich เอกมัย คอนโด High Rise ติดถนนเอกมัย และ Big-C เอกมัย จาก Richy Place [รีวิวฉบับที่ 2020]
9 มกราคม 2020
รีวิวฉบับที่ 1836 …เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องนะคะ สำหรับคอนโดในย่าน “เอกมัย” โดย วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ The Rich เอกมัย คอนโด High Rise บนถนนเอกมัย ทำเลอยู่ติดกับ Big C เอกมัยเลยค่ะ สำหรับโครงการนี้จะมี Sky Facility ที่ชั้นบนสุดของอาคาร และ มีห้องพักให้เลือก 3 แบบ ในราคาเริ่มต้น 4.79 ล้านบาท โครงการจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลย
ปัจจุบัน โครงการนี้มีการปรับแบบใหม่เยอะพอสมควร ทางเราจึงทำรีวิวขึ้นมาใหม่ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ >> https://wp.me/p1YZB1-2z66
Fact @ 19 March 2019
- The Rich @Ekkamai (เดอะริช เอกมัย)
- Richy Place Ekkamai Co,Ltd.
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : บนถนนเอกมัย (สุขุมวิท63) คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
- คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 487 ยูนิต ประกอบด้วยห้องพัก 487 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 45% รวมจอดซ้อนคัน (Autoparking)
- ที่ดินประมาณ 1-3-67 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ไตรมาสที่ 4 ปี 2562
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาสที่ 2 ปี 2565
- Presale มี.ค. 2562
- 1 Bedroom ขนาด 28-32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.79 ลบ.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 34 – 36 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 51 – 60 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 4.79 ล้านกว่าบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 17x,xxx บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุดคือ 160,000 – 190,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1343
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.727654, 100.585602
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
ทำเลของโครงการ The Rich เอกมัย ตั้งอยู่บนถนนเอกมัย ติดกับเอกมัยซอย 8 หรือซอยที่อยู่ข้าง Big C เอกมัยเลยค่ะ หากพูดถึงทำเลศักยภาพในปัจจุบัน ทำเลย่านเอกมัยจัดเป็นทำเลหนึ่งที่ได้รับความนิยม รองมาจากย่านทองหล่อ ด้วยความที่เป็นซอยคู่ขนาน มีความเชื่อมต่อกันทางกายภาพของพื้นที่และบริบทโดยรอบ อีกทั้งยังจัดเป็นทำเลทองของย่านธุรกิจ มีการเติบโตของที่อยู่อาศัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องมาตลอด ปัจจุบันทองหล่อนั้นหนาแน่นจนเอกมัยกลายเป็นย่านที่ถูกพัฒนาเพื่อมารองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งความบันเทิงที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย ส่งผลให้มีความต้องการในเรื่องที่อยู่อาศัยสูงและได้รับความสนใจมากจากทั้งนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติอยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นย่านที่มีความคล่องตัวทั้งการอยู่อาศัย การใช้ชีวิต การเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก ทำเลนี้จึงดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่มากขึ้น
สำหรับการเดินทางโดยใช้รถ ทำเลนี้สามารถเดินทางไปเชื่อมต่อกับถนนหลักได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็น ถนนสุขุมวิท เพื่อใช้เข้าเมืองมุ่งหน้าไปยังสยาม หรือออกเมืองไปยังอ่อนนุช บางนา , ถ้าใช้ถนนเอกมัยตรงเข้าไปจนถึงท้ายซอยจะไปเชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรีซึ่งสามารถใช้เส้นทางไปยังเข้าเมืองไปยังพญาไท, ถนนพระราม 9 หรือออกเมืองไปยังพัฒนาการได้ค่ะ
นอกจากนี้ภายในซอยเองยังสามารถลัดเลาะไปออกถนนทองหล่อ(สุขุมวิท 55) และถนนปรีดีพนมยงค์ (สุขุมวิท 71) ที่คู่ขนานอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง หรือหากต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ และซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้
เนื่องจากถนนเส้นทองหล่อและเอกมัยเป็นถนนที่การจราจรหนาแน่นมากทั้งเวลากลางวันและกลางคืน มีปริมาณรถที่วิ่งเยอะและสามารถเลี้ยวเข้าซอยต่างๆทั้ง 2 ข้างทางได้ตลอดเกือบทั้งเส้น ทำให้เวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางไปยังถนนหลักต่างๆค่อนข้างนาน จึงจำเป็นที่จะต้องรู้เส้นทางลัด ซอยต่างๆเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางค่ะ การเดินทางเข้าเมืองจากโครงการโดยใช้ถนนพระราม 4 จะต้องผ่านเส้นสุขุมวิทก่อน ซึ่งถนนสุขุมวิทและพระราม 4 จะเชื่อมกันด้วยสองซอยหลักๆ คือ ซอยสุขุมวิท 40 และ สุขุมวิท 42 ซึ่งทั้งสองซอยเป็นถนน One-Way ตามเส้นสีแดงในรูป โดยซอย 42 จะมีปริมาณรถมากกว่า เนื่องจากอยู่ติด Gateway เอกมัยค่ะ และเป็นซอยที่รถจากพระราม 4 ใช้ลัดมาเพื่อจะไปเลี้ยวขวาเข้าซอยเอกมัยนอกจาก 2 ซอยนี้ก็จะมี ซอยสุขุมวิท 36 ตรงข้ามทองหล่อ และ ซอยสุขุมวิท 44/1 กับ 46 ที่อยู่ติด BTS พระโขนงที่จะใช้แทนกันได้ค่ะ
ส่งนทางลัดฝั่งเอกมัยนั้นก็จะมี ซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) เชื่อมจากทองหล่อมายังเอกมัย และยังเชื่อมต่อไปยัง ซอยเอกมัย 12 ที่ไปทะลุถนนปรีดี พนมยงค์ที่ซอย 31 ได้ หรืออีกเส้นทางคือ ซอยเอกมัย 10ที่อยู่ตรงข้ามกับตัวโครงการ สามารถวิ่งลัดลงมาออกถนนสุขุมวิทที่ซอย 65 ได้เช่นกันค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการใช้ทางด่วน ก็จะมีทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งทางขึ้นอยู่บริเวณใกล้กับคลองพระโขนง โดยจากโครงการออกมายังถนนสุขุมวิทและขับมุ่งหน้าไปยังอ่อนนุช ก็จะสามารถไปใช้ทางด่วนนี้เพื่อไปยังรามอินทราได้ ซึ่งจดขึ้นทางด่วนมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 3.0 กม. (เส้นสีน้ำเงิน) และจุดลงทางด่วนถึงโครงการประมาณ 3.8 กม. (เส้นสีแดง)ค่ะ
อีกเส้นทางหนึ่งคือ ทางพิเศษเฉลิมมหานครเป็นเส้นทางที่จะวิ่งเข้าไปในเมืองฝั่ง สีลม สาทร และสามารถไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชไปทางฝั่งจตุจักร วิภาวดีรังสิต ได้ ทางขึ้นทางด่วนอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 4.8 กม โดยจะต้องวิ่งถนนสุขุมวิทและเข้าซอยสุขุมวิท 40 มายังถนนพระราม 4 ผ่านถนนกล้วยน้ำไทไปยังทางด่วน (เส้นสีน้ำเงิน) ส่วนขา กลับ วิ่งผ่านถนนพระราม 4 เข้าซอยสุขุมวิท 42 เข้าถนนสุขุมวิท แล้วชิดขวาเพื่อเลี้ยวเข้าซอยเอกมัยค่ะ (เส้นสีแดง)
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถเพื่อไปยังโครงการนั้น ตัวโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัยประมาณ 870 เมตรสามารถเดินหรือใช้บริการวินหน้าปากซอยเพื่อเข้าไปยังโครงการได้ จากหน้าโครงการบริเวณเอกมัยซอย 8 เองก็มีวินออกมายังหน้าปากซอยได้เช่นกันค่ะ อัตราค่าบริการก็จะอยู่ที่ประมาณ 20 บาท หรืออีกทางคือ เราสามารถเรียกรถผ่าน Application ก็รอไม่นาน รวมถึงใน 2 ปีแรกทางโครงการมีรถรับ-ส่งไปยัง BTS สถานีเอกมัยให้บริการ แต่หลังจากนั้นจะขึ้นอยู่กับนิติบุคคลต่อไปค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วนะคะว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้า แหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้งและร้านอาหารระดับ Hi-end มากมาย มีความคึกคักทั้งในเวลากลางวันและมีสีสันในเวลากลางคืน เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร Community Mall ที่เน้น Life Style อย่างเช่น The Commons, J Avenue, เวิ้งโบราณ , Community Mall เปิดใหม่จากญี่ปุ่นอย่าง Donki Mall และ Hyper Market อย่าง Big C เอกมัยที่อยู่ข้างๆกับโครงการเลย เป็นต้น
นอกจากร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งแล้วยังมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างโรงเรียน, โรงพยาบาล และสวนสาธารณะอยู่ใกล้เคียง เช่น โรงเรียนนานาชาติ Ekkamai International School, St.Andrews International School, โรงพยาบาลคามิลเลียน, โรงพยาบาลไทยคริสเตียน และ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท อยู่ด้วยค่ะ
สำหรับใครที่มองหาห้างสรรพสินค้าให้เดินเล่นในวันหยุด ก็ไม่ต้องไปไหนไกลเพราะมี 2 ห้างใหญ่ในย่านไว้รองรับเรียบร้อย ทั้ง Major Cineplex เอกมัย ห้างเก่าแก่ในย่านนี้ที่เน้นไปที่โรงภาพยนต์ในชั้นบน และมีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ในชั้นล่างให้ได้เลือกกิน ซึ่งจะไม่ได้เน้นไปที่ของแพงมากนัก ส่วนใหญ่คนที่เดินภายในจะเป็นวัยนักเรียน นักศึกษาในย่านค่อนข้างเยอะ หากใครไม่ชอบความวุ่นวายก็ขยับมาที่ Gateway เอกมัย ห้างที่เน้นเอาใจชาวญี่ปุ่น ด้วยสไตล์และร้านค้า ร้านอาหารภายในที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่นชัดเจน ที่เป็นแบบนี้เพราะย่านเอกมัย-ทองหล่อปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นอีกย่านดังของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน หรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย และหลักๆ ที่เห็นเยอะเลยคือชาวญี่ปุ่นนี่เองค่ะ
การเดินทางไปยังโครงการจะเริ่มตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัยค่ะ แล้วเดินเข้าซอยเอกมัย หรือสุขุมวิท 63 เข้าไปประมาณ 870 เมตร จะเจอกับที่ตั้งของสำนักงานขายโครงการ The Rich เอกมัยทางด้านขวามือ ติดกับเอกมัยซอย 8 มีจุดสังเกตคือ ที่ตั้งสำนักงานขายและที่ตั้งโครงการจะอยู่ถัดจาก Big C เลยค่ะ
จาก BTS เราใช้ทางออกหมายเลข 1 เป็นทางออกที่ใกล้กับซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) มากที่สุดค่ะ
ด้านล่างฝั่งซ้ายจะเจอกับ Gateway เอกมัย สามารถแวะ Shopping กันก่อนกลับบ้านได้ โดยจะต้องใช้ทางออกที่ 4 ค่ะ
เราขอแวะเข้ามาดูภายใน Gateway เอกมัย กันสักหน่อย เข้ามาในห้างเป็นโซนร้านอาหาร มีให้เลือกค่อนข้างเยอะทั้งของคาวของหวาน สามารถเดินมาหาอะไรกินได้สะดวก ขึ้นมาที่ชั้นบนจะเจอกับลานซึ่งเปิดเป็นพื้นที่เช่าร้านค้า มีขายเสื้อผ้าทั่วไปราคาไม่แพงน่าเดินช้อปมากๆเลยค่ะ นอกจากนั้นมองขึ้นไปด้านบนจะเห็นป้าย Home Pro S สำหรับซื้อของแต่งบ้านกันด้วย พอเดินออกจากห้างมาจะมีลานที่มีร้านค้ามาเปิดขาย ทั้งขายอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องประดับ เป็นตลาดนัดเล็กๆ Out door ให้เลือกเดินค่ะ
ทางไปโครงการจะต้องเดินเข้าซอยเอกมัยเข้าไปประมาณ 870 เมตร ถนนเอกมัยมีบรรยากาศถนนที่คึกคักแม้ว่ายังไม่ใช่เวลาเร่งด่วนของวัน ฝั่งซ้ายมือเป็นที่ตั้งของห้อง Major เอกมัย
ภายใน Major เอกมัย นอกจากจะมีโรงภาพยนต์แล้วส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารที่อยู่ตามห้างทั่วไป อย่างเช่น MK, Yayoi, Shabushi, KFC, Mc Donald, Chester’s Grill , Swensen’s เป็นต้นค่ะ
ด้านล่างฝั่งตรงข้ามซอยเอกมัย เป็นที่ตั้งของสถานีขนส่งสายตะวันออก หรือที่เรียกกันว่าขนส่งเอกมัย มีรถตู้และรถบัสบริการ เส้นทางจากรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดทางภาคตะวันออก อาทิ ตราด, ระยอง, สระแก้ว, จันทบุรี, ชลบุรี และพัทยา ค่ะ
เดินเข้าซอยมา ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านสหกรณ์กรุงเทพ
เดินมาอีกหน่อยทางขวามือเป็นร้าน OH CHIC Eatery & Social Bar มีทั้งโซน indoor และ outdoor พร้อมอาหารและเครื่องดื่มบรรยากาศเหมาะกับการมาแฮงเอาท์กันค่ะ
ถัดมาจะเจอกับ Community Mall ชื่อว่า ฮอไรซอน ซึ่งเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 – 22.00 น. ด้านหน้ามีร้านขนมอย่าง Au Bon Pain อยู่ด้วย
ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น Kuroda เป็นบุฟเฟ่ต์ปลาดิบสไตล์ญี่ปุ่นที่ราคาไม่แรงมากค่ะ
ถัดมาอีกหน่อยก็จะมีร้าน MK Gold สาขาเอกมัย
สาขานี้จะเป็นร้าน MK แบบบุฟเฟ่ต์ให้นั่งทานได้นานๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งจะเปิดทุกวันตั้งแต่ 10:00 – 21:30 น. สามารถเอารถเข้ามาจอดได้ค่ะ นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ด้วย
เดินมาอีกไม่ไกลก็เจอ Community Mall อีกแห่งชื่อ Park Lane เป็นอาคารสไตล์อิตาเลียนโมเดิร์น ออกแบบโดย SODA, Shma และ DWP Cityspace แล้วได้รางวัล International Property Awards Asia Pacific 2012-2013 ด้วยค่ะ เราไปดูด้านในกันสักหน่อยนะคะ
บรรยากาศภายใน Park Lane จะมีทั้งร้านอาหาร และ Supermarket เลย
เดินมาเรื่อยๆจะมีร้านสะดวกซื้ออยู่ใต้อาคาร BBC (Bangkok Business Center) ซึ่งอาคาร Bangkok Business Center เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าย่านเอกมัย ห่างจากปากซอยเอกมัยมาประมาณ 500 เมตร
ถัดมาฝั่งตรงข้ามจะมองไปเห็น Big C Super Center ก่อนถึงโครงการของเรานั่นเอง เราจะข้ามไปดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ที่ Big C นอกจากจะมี Super market แล้วยังมี Starbucks อยู่ด้านล่างด้วย
ด้านบนมีทั้ง Index Living Mall สำหรับหาซื้อของตกแต่งบ้าน และ Office Mate สำหรับหาซื้ออุปกรณ์สำนักงานด้วย ถือว่ามาที่เดียวได้ครบครันเลยค่ะ
บรรยากาศภายใน Super Market มีครบทุกอย่างเลย แวะมาหาซื้อของใช้หรือของสดกลับบ้านได้สะดวกมากๆ
เดินถัดมาด้านนอกจะเจอร้าน S&P ที่มีทั้งเครื่องดื่ม ขนมหวานและมีอาหารให้นั่งรับประทานกันด้วยค่ะ
ติดกับ S&P เป็นธนาคารธนชาติสาขาย่อย สำหรับใครจะมาแวะทำธุรกรรมทางการเงิน
ถัดจาก Big C ก็จะเจอกับซอยเอกมัย 8 ซึ่งจะอยู่ติดกับที่ตั้งสำนักงานขายเลยค่ะ
มองย้อนกลับไปที่ฝั่ง Big C จะมีป้ายวินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้านข้างเลย ออกมาใช้บริการได้ง่ายมากๆ
อัตราค่าบริการไปยังหน้าปากซอย (BTS เอกมัย) อยู่ที่ 20 บาทค่ะ
ที่ดินของโครงการมีลักษณะเป็นรูปทรงหลายเหลี่ยมทางเข้า-ออกติดถนนเอกมัย ทางทิศตะวันตก และไปขยายพื้นที่ด้านใน ลักษณะสภาพแวดล้อมโดยรอบไม่มีอาคารสูงอยู่ในระยะประชิดทำให้ไม่มีทิศไหนโดนบังวิวโดยตรงค่ะ เรามาดูกันค่ะว่าที่ดินของโครงการนั้นติดกับอะไรบ้าง
- ทิศเหนือ – ติดกับ อาคารสูง 4 ชั้น, บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
- ทิศตะวันออก – ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
- ทิศใต้ – ติดกับ ซอยเอกมัย 8 , Big C Super Center
- ทิศตะวันตก – ติดกับ ถนนเอกมัย, ร้านอาหารคุณหญิง
โครงการติดกับซอยเอกมัย 8 ทางทิศใต้ เป็นซอยขนาดเล็กภายในส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย ไม่มีรถผ่านเข้า-ออกบ่อยค่ะ
ทิศตะวันตก ติดกับถนนเอกมัย ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหาร คุณหญิง ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมชื่อดังย่านเอกมัย ใครผ่านมาไม่เคยลองต้องกลับมาลองชิมกันนะคะ
ทิศใต้ ติดกับพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นที่โล่งรอการพัฒนาค่ะ
เดินเลยมาหน่อยจะเจอกับ Health Land เป็นสถานที่สำหรับคนที่ชอบนวดเพื่อสุขภาพ จะมีหลากหลายทั้ง นวดอายุรเวท, นวดแผนไทย, นวดอโรม่า, นวดฝ่าเท้า เป็นต้น ซึ่งจะเปิดให้บริการเวลา 09:00 – 23:59 น. ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C เอกมัย ~ 50 เมตร
- Health Land ~ 180 เมตร
- DONKI Mall Thonglor ~ 450 กิโลเมตร
- อาคารสำนักงานสรชัย ~ 450 กิโลเมตร
- Arena 10 ~ 700 เมตร
- Major Cineplex เอกมัย ~ 1.0 กิโลเมตร
- Seenspace ~ 1.1 กิโลเมตร
- Gateway เอกมัย ~ 1.1 กิโลเมตร
- J Avenue ~ 1.2 กิโลเมตร
- Park Lane ~ 1.2 กิโลเมตร
- Ekkamai International School ~ 1.2 กิโลเมตร
- The Commons ~1.3 กิโลเมตร
- อาคารสำนักงาน S.S.P. Tower ~ 1.3 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 1.6 กิโลเมตร
- ตลาดเอกมัย ~ 1.6 กิโลเมตร
- Charn Issara Tower 2 ~ 2.0 กิโลเมตร
The Rich @Ekkamai เป็นคอนโด High Rise 36 ชั้น ทั้งหมด 487 ยูนิต มีชั้นใต้ดิน 6 ชั้น เป็นชั้น Auto-Parking ทั้งหมด รวมแล้วจอดได้ประมาณ 45 % ค่ะ ถือว่าไม่มากหรือน้อยจนเกินไปในทำเลที่มีการเดินทางด้วยรถสาธารณะค่อนข้างสะดวก โครงการมี 1 อาคาร ชั้นพักอาศัยเริ่มที่ 2-34 แบ่งเป็นห้องพัก 3 แบบ คือ 1 Bedroom , 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ชั้น 35-36 เป็นชั้นของ Facility ที่มีข้อดีคือสามารถมองเห็นวิวเมือง(ใจกลางเอกมัย)ได้โดยรอบ โครงการนี้ออกแบบอาคารและพื้นที่ส่วนกลางโดยใช้เส้นสายและการเพิ่มสีสัน โดยแนวคิดนี้จะนำมาใส่ลูกเล่นและฟังก์ชั่นต่างๆในพื้นที่ส่วนกลางด้วย เดี๋ยวจะพาไปชมกันนะคะ
มาดูผังโครงการกันก่อนนะคะ ทางเข้า-ออกของโครงการมีทางเดียวคือติดกับถนนเอกมัย(สุขุมวิท63) โดยด้านข้างของโครงการจะอยู่ติดกับซอยเอกมัย 8 ทางเข้า ด้านหน้าจัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทำให้บรรยากาศร่มรื่นตั้งแต่ทางเข้าเลยค่ะ ส่วนตัวอาคารจะอยู่ถัดเข้าไปด้านในทำให้ผู้พักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น การวางผังอาคารจะวางขนานกับถนนเอกมัยตามขอบเขตของที่ดิน ซึ่งพอเข้ามาด้านในแล้วจะขยายออก ดังนั้นห้องพักส่วนใหญ่จึงวางตัวในแนวตะวันออก-ตะวันตก
เส้นทางเดินรถในส่วนถนนทางเข้าเป็นเส้นทาง 2 เลยสวนกันไปจนถึงตัวอาคาร จะเปลี่ยนเป็น One way วนรอบอาคารตามเข็มนาฬิกา มีจุด Drop Off อยู่ด้านหน้า สำหรับคนที่ต้องการไปยังลานจอดรถให้เลี้ยวขวา และเข้าสู่ตัวอาคาร มีช่องรับรถ 2 ช่องจอด เวลารถออกก็จะสามารถออกด้านหลังอาคารแล้ววนออกมาตามทางได้เลยไม่ต้องไปกลับรถค่ะ
การใช้งานภายในอาคาร เมื่อลงจาก Drop Off แล้วสามารถเดินเข้า Lobby ได้เลยค่ะ ภายใน Lobby มีห้องน้ำส่วนกลางแยกชาย-หญิงไว้ให้ทางฝั่งขวามือ ทางฝั่งซ้ายของ Lobby เป็นส่วน Mail Room และโถงลิฟต์ โดยภายในอาคารจะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัวค่ะ อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 164 : 1 ถือว่าค่อนข้างเยอะ อาจจะทำให้รอนานในชั่วโมงเร่งด่วนได้ค่ะ ส่วน Service Lift มีให้ 1 ตัวค่ะ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Lobby ชั้น 1 ของโครงการ เน้นเส้นสายโค้งดูมี Movement
ชั้นพักอาศัยของโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ค่ะ การวางผังเป็นแบบโถงทางเดินอยู่ตรงกลางมีช่องเปิด 3 จุด ช่วยระบายอากาศและรับแสงเข้ามายังโถงทางเดินทำให้โถงไม่มืด ห้องพักมีทั้งห้องที่ได้ Double Corridor บางส่วนบริเวณริมอาคารทางทิศใต้ และ Single Corridor เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะทำให้มีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องเปิดมาเจอห้องฝั่งตรงข้ามค่ะ โถงลิฟต์อยู่บริเวณตรงกลางอาคารทำให้ห้องที่อยู่ริมของทั้งสองฝั่งมีระยะเดินไปยังลิฟต์ไม่ไกล ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom จำนวน 5 ห้อง และห้อง 1 Bedroom Plus , 2 Bedroom อย่างละ 4 ห้อง รวม 13 ยูนิตต่อชั้น ถือว่าไม่ได้หนาแน่นมากนัก โดยห้องที่มุมอาคารจะเป็นห้อง 2 Bedroom ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มองเห็นวิวได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ แต่เนื่องจากว่าชั้นนี้เป็นชั้นที่ 2 ทำให้วิวภายนอกที่มองเห็นนั้นยังไม่กว้างสักเท่าไหร่ ทางโครงการเลยจัดทำพื้นที่สวนรอบอาคารด้านข้างมาให้ ทำไห้ห้องที่อยู่ติดกับสวนมองเห็นวิวที่ดีขึ้นค่ะ แต่การอยู่ชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางจะต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวสักหน่อยนะคะเนื่องจากจะมีลูกบ้านชั้นอื่นๆสามารถเดินผ่านเข้ามาหน้าห้องเราได้ เพราะไม่ได้มีประตูกั้นส่วนกลางกับส่วนพักอาศัยมาให้ค่ะ
ชั้น 3 ถึงชั้น 31 เป็นชั้นพักอาศัยที่มีการวางผังเหมือนกันทุกชั้น มีทั้งหมด 15 ยูนิตต่อชั้น โดยแบ่งเป็นห้อง 1 Bedroom 5 ห้อง 1 Bedroom Plus 6 ห้อง และ 2 Bedroom 4 ห้องค่ะ ตำแหน่งห้องจะอยู่แบบเดิม แตกต่างจากชั้น 2 ตรงที่ โถงทางเดินมีช่องเปิดตำแหน่งเดียว ไม่มีพื้นที่สวนให้ออกมาด้านนอกได้ อากาศอาจจะไม่ถ่ายเทเท่ากับบริเวณโถงทางเดินของชั้น 2 ค่ะ ในห้องพักอาศัยชั้นสูงๆ จะสามารถมองเห็นวิวเมือง ในย่านเอกมัยได้ เนื่องจากโดยรอบอาคารระยะประชิดไม่มีอาคารสูงบังวิวเลยค่ะ
ชั้น 32 เป็นชั้นพักอาศัยที่มีพื้นที่สวนส่วนกลาง โดยชั้นนี้จะมีทั้งหมด 13 ยูนิต ห้อง 2 Bedroom ทางทิศใต้ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สวนพักผ่อน ชมวิวทางฝั่งเอกมัยตอนต้นหรือหันไปทาง BTS เอกมัยนั่นเองค่ะ โดยชั้นนี้จะมีประตูกั้นระหว่างโถงลิฟต์กับ 6 ห้องทางทิศเหนือ (ตำแหน่ง 08,09,10,11,12,13) ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากกว่าห้องอื่นๆ ค่ะ
ชั้น 33-34 เป็นชั้นพักอาศัยเหมือนกับชั้น 32 ค่ะ โดยชั้นนี้จะมีทั้งหมด 13 ยูนิต แต่ว่าไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเนื่องจากไม่มีคนจากชั้นอื่นสามารถขึ้นมาที่ชั้นนี้ได้ค่ะ
มาถึงชั้น 35 ซึ่งเป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด รวบรวมไว้หลากหลาย ข้อดีของการแยกชั้น Facilities ขึ้นมาอยู่ชั้นบนสุดคือเราจะสามารถมองเห็นวิวมุมสูงได้ อีกทั้งยังเป็นการแยกการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางออกจากชั้นพักอาศัย ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยจะมีสระว่ายน้ำความยาวHalf Olympic ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ ซึ่งจะเห็นวิวเอกมัยทางทิศตะวันตกค่ะ บริเวณรอบๆสระก็จะมีพื้นที่นั่งเล่นที่มีทั้งสวนหย่อมและ Sunken Seat ภายในอาคารจะแบ่งออกเป็น Kid Zone หรือห้องเด็กเล่น , ห้องฟิตเนสที่มีทั้งห้อง Weight Training และ ห้อง Fitness Class ซึ่งใกล้ๆกันมี Healthy Corner อยู่ด้วย มีห้องน้ำแยกชาย-หญิงมาให้ครบ รวมถึงมีห้องซักรีดอยู่ในชั้นนี้ด้วย อีกฝั่งหนึ่งจะมี Sky Lounge ที่ประกอบด้วยพื้นที่นั่งพักผ่อนชมวิว , Game Corner และ Bar เราไปดูบรรยากาศห้องต่างๆกันค่ะ
เรามาดูพื้นที่ส่วนกลางกันก่อนกับ Kid Zone หรือห้องเด็กเล่น สามารถพาเด็กๆมาเล่นในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ไปออกกำลังกายได้ค่ะ
ถัดมาภายในห้อง Fitness ส่วน Weight Training เป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ไม่อึดอัดและมีผนังกระจกชมวิวเมืองของเอกมัยได้รอบด้าน ภายในมีอุปกรณ์ต่างๆมาให้ครบครัน ด้านบนฝ้าเพดานมีการออกแบบเป็นเส้นโค้งตาม Concept โครงการที่ต้องการให้มีความเคลื่อนไหว
อีกห้องนึงติดๆกันคือ Fitness Class ซึ่งจัดมาให้เป็นห้องคลาสปั่นจักรยานที่ออกแบบโดยใช้เส้นสายโค้งและมีการเปลี่ยนสีไฟได้ด้วยค่ะ
พอออกกำลังกายเสร็จเหนื่อยๆก็สามารถมาอาบน้ำล้างตัวได้ โดยห้องน้ำจัดมาให้ทั้งห้องน้ำชาย-หญิง มีการตกแต่งด้วยเส้นลายโค้ง และซ่อนไฟตามจุดต่างๆเหมือนกับพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ และยังสามารถมองเห็นวิวได้อีกด้วยค่ะ
ต่อมาคือ Sky Lounge ที่ออกแบบมาเป็นโถงสูงแบบ Double Space สำหรับใช้นั่งพบปะสังสรรค์ หรือพักผ่อนชมวิวสระว่ายน้ำและวิวเมืองได้ด้วย มีชั้นลอยเป็นพื้นที่ Co-Working สำหรับนั่งทำงานเงียบๆ หรือคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ
Sky Lounge ซึ่งจะมีทั้งพื้นที่นั่งพักผ่อน Game Corner และ Bar ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองมุมสูงได้ด้วย
ชั้น 36 เป็นชั้นของ Facility ด้านบนอาคาร มี Onsen แยกชาย-หญิง มองเห็นวิวด้านหน้าอาคารทางทิศตะวันตก และ Sky Dining & Workshop อยู่ส่วนกลางอาคารเห็นวิวทางทิศตะวันออก เป็นวิวเมืองไปทางถนน ปรีดี พนมยงค์ค่ะ และส่วน Co-Working Space ที่สามารถเดินขึ้นมาจากบริเวณ Lounge ชั้น 35 ได้
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้น 1
- Lobby
- Mail Room
ชั้น 35
- Swimming Pool
- Kid Pool
- Viewing Deck
- Kid Room
- Active Studio
- Healthy Corner
- Sky Lounge
- Game Space
ชั้น 36
- Co-Working Space
- Sky Dinning
- Workshop Space
- Private Onsen
- Rooftop Garden
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 164 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 45 % รวมจอดซ้อนคัน (Autoparking)
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องพักภายในโครงการมีทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้ค่ะ
- 1 Bedroom ขนาด 28.75-32.56 ตารางเมตร
- 1 Bedroom Plus ขนาด 34.05-36.10 ตารางเมตร
- 2 Bedroom ขนาด 51.30-60.30 ตารางเมตร
โดยวันนี้เราจะพาไปชมห้อง 1 Bedroom Plus และห้อง 2 Bedroom กันค่ะ โครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted นะคะ สิ่งที่ได้ภายในห้องคือ เคาน์เตอร์ Built-in ครัว, สุขภัณฑ์ ภายในห้องน้ำ และ เครื่องปรับอากาศ ภายในห้องจะเป็นยังไงเราไปชมกันเลย
ห้องแรกคือห้อง 1 Bedroom Plus มีขนาดตั้งแต่ 34.05-36.10 ตารางเมตร เป็นห้องรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วน ห้องนอนและห้องน้ำแยกเป็นฝั่งเดียวกันทางขวามือ เข้ามาด้านหน้าจะเป็นพื้นที่ครัว มี Built-in เคาน์เตอร์มาให้ ลักษณะพื้นที่ครัวเป็นครัวเปิด พื้นที่เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่น มีข้อดีคือ ภายในห้องจะดูโปร่งโล่ง เพราะพื้นที่เชื่อมต่อกันเป็นห้องใหญ่ แต่ก็จะต้องแลกกับ กลิ่นที่ฟุ้งกระจายเวลาทำอาหารภายในห้อง จึงเหมาะกับการซื้ออาหารเข้ามาทานมากกว่า ฝั่งตรงข้ามส่วนครัวเป็นห้องน้ำ แยกส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ค่ะ ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่นมีพื้นที่วางโซฟา ขนาดประมาณ 3 ที่นั่งได้ มีพื้นที่วางโต๊ะกลางแล้วเดินผ่านได้สะดวก ห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับห้องอเนกประสงค์ ซึ่งก็คือห้อง Plus นั่นเองค่ะ กั้นด้วยประตูกระจกบานใส นอกจากทำให้ได้ดูโปร่งแล้ว ยังได้แสงธรรมชาติที่เข้ามาจากหน้าต่างห้องอเนกประสงค์ด้วย ตัวห้องอเนกประสงค์กว้างประมาณ 2.25 x 1.50 เมตร เหมาะกับทำเป็นห้องทำงาน ส่วนห้องนอนแยกออกมาจากส่วนอื่น มีระเบียงส่วนตัว ภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วมีพื้นที่เดินได้รอบ สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ ห้องนอนได้แสงธรรมชาติจากระเบียง ระเบียงมีขนาดค่อนข้างยาว มีพื้นที่วางเครื่องซักผ้า และตากผ้าได้ ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1-2 คน ต้องการพื้นที่ทำงานแยกเป็นสัดส่วน ชอบห้องนอนที่มีระเบียงส่วนตัว เป็นต้น เราไปดูภาพบรรยากาศภายในห้องกันค่ะ
เข้ามาภายในห้อง ความสูงระยะจากพื้นถึงฝ้าสูง 2.70 เมตร พื้นห้องเป็นพื้นกระเบื้องยางไวนิลลายไม้ ปูให้ทั้งพื้นครัวพื้นห้องนั่งเล่น, ห้องอเนกประสงค์และห้องนอนเลยค่ะ พื้นที่ส่วนครัวเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่น ทำให้ดูโปร่ง ไม่อึดอัดเวลาอยู่อาศัยจริง มีตำแหน่งเครื่องปรับอากาศติดตั้งมาให้เหนือประตูห้องอเนกประสงค์ตรงกลางห้องพอดีทำให้กระจายความเย็นได้ทั่วถึง ยกเว้นห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ด้านใต้เครื่องปรับอากาศ เวลากลางวันที่มีแดดส่องอาจจะมีอากาศที่ร้อน แนะนำให้มีพัดลมเพิ่มเติมค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่โล่ง สามารถ Built-in เป็นตู้เก็บของ หรือตู้เก็บรองเท้าให้สะดวกต่อการใช้งานได้ แล้วยังมีพื้นที่เหลือวางตู้เย็นได้ด้วยค่ะ พื้นที่ครัวเป็นครัวเปิด อาจจะทำอาหารจริงจังไม่ได้ เนื่องจากจะมีกลิ่นฟุ้งกระจายไปยังส่วนอื่นๆ ดังนั้นครัวเปิดจึงไม่ค่อยเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจังค่ะ
เคาน์เตอร์ครัว Built-in มาให้ แบบเดียวกับห้องตัวอย่าง มีชั้นเก็บของด้านบนพร้อมติดตั้งเครื่องดูดควันมาให้ และเคาน์เตอร์เก็บของด้านล่างพร้อมช่องสำหรับวางเครื่องไมโครเวฟมาให้ค่ะ ช่วยประหยัดพื้นที่ด้านบนเคาน์เตอร์ ให้มีพื้นที่เตรียมอาหารมาขึ้น
ชั้นเก็บของด้านบนหน้าบานติดตั้งกระจกเปิดมี Soft Close มาให้ เวลาปิดจะไม่กระแทก ทำให้ปิดได้เบา และไม่อันตรายกับของด้านในค่ะ หน้าบานดูสวยงาม ภายในมีช่องเก็บของ 2 ช่องขนาดใหญ่เหมาะกับเก็บจาน ชาม แก้ว หรืออุปกรณ์ทำอาหารทั่วไป
เคาน์เตอร์เป็น Top หินสังเคราะห์ สีขาวติดตั้งอ่างล้างจานและเตาไฟฟ้ามาให้ พร้อมด้านหลังติดตั้ง Backsplash เป็นกระจกขุ่นทำให้ทำความสะอาดง่าย ควรติดเพิ่มเติมด้านข้างด้วยค่ะ
อ่างล้างจานที่ได้เป็นอ่างสแตนเลสทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกับก๊อกน้ำทรงโค้งจาก Teka
เตาไฟฟ้าได้เป็นเตา 2 หัว ฝังในเคาน์เตอร์ดูสวยงาม จาก Teka ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารฝั่งซ้ายมือพอสมควรค่ะ
ชั้นเก็บของด้านล่างมีทั้งบานเปิด สำหรับใส่ของเรียงซ้อนกันหรือของหนักๆ และลิ้นชัก สำหรับใส่ช้อน ส้อม หรือของที่หยิบใช้บ่อย เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย
ถัดมาจากส่วนครัวจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหาร สามารถวางโต๊ะแยกจากส่วนห้องนั่งเล่นได้ 2 ที่นั่ง ได้ทั้งโต๊ะกลมและโต๊ะสี่เหลี่ยมค่ะ
ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาได้ 3 ที่นั่ง วางโต๊ะกลางได้ มีระยะดู TV ประมาณ 2.20 เมตร เหมาะกับวาง TV ขนาดประมาณ 32 นิ้ว พื้นที่ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับห้องอเนกประสงค์
ประตูห้องอเนกประสงค์เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ช่วยรับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างให้เข้ามาภายในห้องนั่งเล่นได้
รางประตูยกขึ้นมาแค่เล็กน้อย พอเดินได้ไม่สะดุดค่ะ
ห้องอเนกประสงค์กว้างประมาณ 2.25 x 1.50 เมตร สามารถวางเตียงเดี่ยวขนาด 3 ฟุตได้ แต่จะอึดอัด ห้องนี้จึงเหมาะกับใช้เป็นห้องทำงานหรือห้องออกกำลังกายมากกว่าค่ะ ห้องอเนกประสงค์นี้มีข้อดีคืออยู่ติดกับหน้าต่างทำให้ได้แสงเข้ามาเต็มที่ และมองเห็นวิวภายนอกได้
ถัดมาเรามาดูอีกฝั่งของห้องกันค่ะ เริ่มจากห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าติดกับห้องนอน ทางเข้า-ออกของห้องน้ำมีทางเดียวคือบริเวณส่วนครัวค่ะ ทำให้คนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นใช้งานสะดวก สำหรับคนที่อยู่ในห้องนอนจะต้องเดินออกมาก่อนผ่านห้องนั่งเล่นค่ะ
ห้องน้ำแยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาให้ พื้นปูกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านซึ่งเวลาใช้งานจะไม่ลื่นค่ะ ด้านหน้าเป็นอ่างล้างมือ ตามด้วยโถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ เรียงตามลักษณะการใช้งานทั่วไป โดยสุขภัณฑ์ที่ได้ (จากข้อมูลเบื้องต้นก่อนเปิดขาย) เป็นสุขภัณฑ์จาก American Stand ทั้งหมดค่ะ
กระจกเงาที่ได้เป็นกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นด้วยค่ะ
อ่างล้างมือเป็นอ่างเซรามิคสีขาว ฝังภายในเคาน์เตอร์ มีพื้นที่วางของโดยรอบ และมีช่องเก็บของด้านล่างเคาน์เตอร์มาให้ ทำให้เก็บของได้เป็นระเบียบมากขึ้นค่ะ
โถสุขภัณฑ์มีพื้นที่นั่งได้ไม่อึดอัด แต่คนตัวสูงหน่อยอาจจะต้องเอี้ยวตัวเยอะ เพื่อไปหยิบสายชำระหรือกระดาษชำระที่ติดตั้งด้านหลังมาให้ค่ะ
ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขอบยกระดับมาให้กันน้ำออกมาเลอะยังส่วนแห้ง มีพื้นที่ประมาณ 0.95 x 0.90 เมตร ยืนอาบได้สบายค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกบานเปิดเปลือยมาให้สวยงาม เปิดเข้าด้านใน ช่วยให้น้ำไม่ไหลออกมาด้านนอก
ฝักบัวติดตั้งมาให้พร้อม Rain Shower มีช่องเก็บของที่ผนังสามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆได้ ถ้าไม่พอมีชั้นวางสบู่ , แชมพูที่ใช้บ่อยๆติดตั้งที่ผนังมาให้ด้วยค่ะ
ฝักบัวดีไซน์สี่เหลี่ยม จับถนัดมือ
ห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.50 x 2.80 เมตร วางเตียงได้ถึง 6 ฟุต มีพื้นที่เดินได้รอบเตียงค่ะ ห้องนอนมีระเบียงส่วนตัวมองเห็นวิวได้กว้างและรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ
เมื่อวางเตียงแล้วจะเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 80 เซนติเมตร สามารถวางชั้นวาง TV ได้ค่ะ หรือถ้าต้องการพื้นที่กว้างหน่อยก็แนะนำเป็น TV แบบติดผนังจะดีกว่าค่ะ
อีกฝั่งของห้องสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ จะยังมีพื้นที่ด้านหน้าสำหรับแต่งตัวอยู่ค่ะ ถ้าต้องการพื้นที่กว้าง หรือวางของอย่างอื่นแล้วมีพื้นที่จำกัดแนะนำให้ใช้ตู้แบบบานเลื่อนค่ะ
ประตูระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจก 2 ตอน กรอบอลูมิเนียมสีดำ เข้ากับด้านนอกที่ใช้ราวกันตกเป็นระแนงเหล็กสีดำค่ะ
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ทำความสะอาดง่าย ขนาดระเบียงประมาณ 3.20 x 0.85 เมตร มีท่อน้ำทิ้งเดินไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ค่ะ
พื้นที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ และด้านบนเป็นที่วาง Condensing Unit มีระแนงบังสายตาทำไว้ให้สูงถึงฝ้านเพดาน (รูปซ้าย) อีกฝั่งมีโคมไฟติดมาให้ 1 ดวง มีพื้นที่สำหรับวางของตกแต่งหรือราวตากผ้าได้ (รูปขวา)
ราวกันตกเป็นระแนงเหล็กสีดำเข้ากับกรอบบานประตูหน้าต่างของห้องค่ะ
มาถึงห้องที่ 2 เป็นห้อง 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 51.30-60.30 ตารางเมตร ห้องนี้แบ่งการใช้งานได้เป็นสัดส่วนลงตัว เข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ทำให้ห้องดูกว้าง มีระเบียงต่อจากห้องนั่งเล่นใช้งานสะดวก แบ่งห้องนอนเป็นสองส่วนทำให้มีความเป็นส่วนตัว ทางฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่ห้องครัว ห้องน้ำส่วนกลาง และห้องนอนเล็กค่ะ ห้องครัวมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก แต่ได้เป็นครัวปิด ช่วยให้กลิ่นไม่ฟุ้งกระจายเวลาทำอาหาร ถัดมาเป็นห้องน้ำรวมสำหรับใช้จากห้องนั่งเล่นและห้องนอนเล็กแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีพื้นที่อาบน้ำมาให้ ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ตำแหน่งติดกับหน้าต่างทำให้รับแสงธรรมชาติและมองเห็นวิวได้ ทางฝั่งขวามือเป็นห้อง Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว ขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของห้อง พร้อม Sexy Bath มีพื้นที่ Walk-in Closet เป็นสัดส่วน ห้องนี้เหมาะกับครอบครัว 2-4 คน ที่ชอบพื้นที่ใช้งานส่วนกลางอย่างห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัว ไม่เน้นทำอาหารกินเองมากนัก เป็นต้น
ห้องนี้จะได้วัสดุภายในห้องเหมือนกับห้อง 1 Bedroom Plus เลยค่ะ ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.7 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องยางลายไม้ทั้งหมด ยกเว้น ห้องน้ำและระเบียง เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วนรับประทานอาหารเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นทำให้ห้องดูกว้าง นอกจากนั้นยังติดกับพื้นที่ระเบียง รับแสงธรรมชาติและเห็นวิวจากภายนอกได้ทำให้ห้องโปร่งสบายไม่อึดอัดค่ะ
พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาได้ 3-4 ที่นั่ง มีพื้นที่วางโต๊ะกลางได้ ระยะดู TV ประมาณ 2.70 เมตร ทำให้เหมาะกับการวาง TV ขนาด 40 นิ้วกำลังดีค่ะ ห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงทำให้ออกไปใช้งานระเบียงได้สะดวก รวมถึงได้แสงและวิวจาก ประตูกบานเลื่อนกระจกที่ระเบียงด้วยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่รับประทานอาหารสามารถวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารได้ 4- 6 ที่นั่ง หรือจะแบ่งพื้นที่จัดเป็นส่วนทำงานและส่วนรับประทานอาหารได้
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเช่นกัน ขนาดระเบียงห้องนี้จะกว้างกว่าแต่ความยาวน้อยกว่าห้องแรกเล็กน้อย โดยมีขนาดอยู่ที่ 0.9 x 3.0 เมตร มีท่อน้ำทิ้งเดินไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ด้านซ้ายมือค่ะ
พื้นที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ และด้านบนเป็นที่วาง Condensing Unit เหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ ราวกันตกมีระแนงบังสายตาทำไว้ให้สูงถึงฝ้านเพดานเช่นกัน (รูปซ้าย) อีกฝั่งมีโคมไฟติดมาให้ 1 ดวง มีพื้นที่สำหรับวางของตกแต่งหรือราวตากผ้าได้ (รูปขวา)
มาดูทางฝั่งห้องครัวและห้องน้ำกันบ้างค่ะ เมื่อเข้ามาในห้องจะเห็นพื้นที่ครัวและห้องน้ำรวมทางซ้ายมือ
โดยส่วนครัวเป็นพื้นที่ครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกรอบอลูมิเนียมกั้นมาให้ ทำให้สามารถทำอาหารที่มีกลิ่นได้ ไม่ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องค่ะ
ภายในห้องครัวมีขนาดไม่ใหญ่นักสำหรับห้อง 2 Bedroom มีความกว้างทางเดินภายในห้องครัวอยู่ที่ 90 เซนติเมตร ด้านในมีพื้นที่วางตู้เย็นได้ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวจะได้แบบเดียวกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับห้อง 1 Bedroom Plus แต่สลับฝั่งกัน
เคาน์เตอร์เป็น Top หินสังเคราะห์สีขาวติดตั้งอ่างล้างจานพร้อมก๊อก และเตาไฟฟ้า จาก Teka มาให้ พร้อมด้านหลังติดตั้ง Backsplash เป็นกระจกขุ่นทำให้ทำความสะอาดง่าย
ชั้นเก็บของด้านบนเป็นหน้าบานกระจกช่วยให้ห้องครัวดูกว้างขึ้นเล็กน้อย มีเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนอากาศติดตั้งมาให้ จาก Teka ด้านล่างเป็นชั้นเก็บของพร้อมช่องสำหรับวางเครื่องไมโครเวฟ ช่วยประหยัดพื้นที่ด้านบนเคาน์เตอร์ค่ะ
ห้องน้ำ แยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งชัดเจน ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้าน ไม่ลื่น ภาพขวาเป็นอ่างล้างมือเซรามิคสีขาว ฝังภายในเคาน์เตอร์ มีช่องเก็บของด้านล่าง พร้อมกับกระจกเงาขนาดใหญ่ โดยสุขภัณฑ์ที่ได้ภายในห้อง (จากข้อมูลเบื้องต้นก่อนเปิดขาย) เป็นสุขภัณฑ์จาก American Stand ทั้งหมดค่ะ
โถสุขภัณฑ์มีพื้นที่นั่งได้ แต่ไม่กว้างมากนักทำให้ คนตัวสูงหน่อยอาจจะต้องเอี้ยวตัวไปหยิบของมากขึ้นค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกบานเปิดเปลือยมาให้ มีขอบยกระดับมาให้กันน้ำไหลออกมายังส่วนแห้ง พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.10 x 1.40 เมตร ค่อนข้างกว้างยืนอาบได้สบายค่ะ
ฝักบัวติดตั้งมาให้พร้อม Rain Shower มีชั้นวางสบู่ , แชมพู ติดตั้งมาให้ ตัวฝักบัวดีไซน์สี่เหลี่ยม จับถนัดมือ
ห้องนอนเล็กมีขนาดประมาณ 3.00 x 3.50 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดีค่ะ ถ้าเป็น 6 ฟุตจะค่อนข้างอึดอัดไป ไม่มีพื้นที่เดินด้านข้างไม่แนะนำค่ะ โดยเมื่อวางเตียง 5 ฟุต จะเหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้
โดยจะเหลือพื้นที่เดินรอบเตียงได้ไม่มากนัก สำหรับคนที่นอนห้องนี้คนเดียวแล้วต้องการพื้นที่เยอะขึ้นแนะนำให้ใช้เป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุต จะเหลือพื้นที่และทำให้ห้องดูโล่งขึ้นค่ะ
ห้องนี้มีช่องแสงขนาดใหญ่รับแสงธรรมชาติได้ด้านข้างเตียง สามารถเปิดช่องระบายอากาศด้านข้างได้ นอกจากนั้นช่องแสงนี้ยังทำให้เห็นวิวได้กว้างด้วยค่ะ
บรรยากาศฝั่งตรงข้ามของห้องเมื่อเรา Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแล้วค่ะ ส่วนพื้นที่ปลายเตียงของห้องนี้มีค่อนข้างกว้าง สามารถวางชั้นวาง TV และยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงเดินได้สะดวกค่ะ
มาดูห้อง Master Bedroom กันบ้าง ห้องนี้มีขนาด 3.00 x 3.25 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง และได้ช่องแสงเข้ามุมขนาดใหญ่ทำให้เห็นวิวได้มากขึ้น แต่ก็จะเสียพื้นที่สำหรับติดตั้ง TV ที่ผนังไป จะต้องใช้เป็นชั้นวาง TV แทนค่ะ นอกจากนั้นห้องนี้ยังมีห้องน้ำที่มี Sexy Bath มาให้ด้วย
ตำแหน่งเครื่องปรับอากาศของห้องนี้จะอยู่ด้านบนผนังห้องน้ำ เป่าลมเข้าด้านข้างลำตัว เป็นทิศทางที่เหมาะสมสำหรับห้องนอนค่ะ ฝั่งห้องน้ำมีพื้นที่ส่วน Walk-in Closet ด้านหน้าห้องน้ำใช้งานสะดวก และห้องน้ำมีช่องกระจกขนาดใหญ่ทำให้แช่น้ำไปด้วยดูวิวด้านนอกไปด้วยได้ค่ะ
ส่วน Walk-in Closet มีพื้นที่กว้าง 1.50 เมตร เมื่อ Built-in ตู้เสื้อผ้าแล้วมีพื้นที่ยืนแต่งตัวประมาณ 0.9 เมตร ไม่มากไม่น้อยไปค่ะ ด้านในสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก
ภายในห้องห้องนี้จะไม่มีพื้นที่ฉากกั้นอาบน้ำนะคะ แต่จะได้เป็นอ่างอาบน้ำ พร้อมกระจกมองเห็นภายในห้องนอน ( Sexy Bath ) มาแทน นอกจากนั้นยังมีช่องแสงตรงกับอ่างภายในห้องน้ำอีก 1 ช่อง ทำให้เวลาแช่น้ำนอนมองวิวได้สบายๆค่ะ
อ่างล้างมือเป็นอ่างเซรามิคสีขาว ฝังภายในเคาน์เตอร์ มีพื้นที่วางของโดยรอบ และมีช่องเก็บของด้านล่างเคาน์เตอร์มาให้เช่นกันค่ะ
โถสุขภัณฑ์มีพื้นที่นั่งกว้างมากขึ้น มีระยะอยู่ที่ 1.15 เมตร ทำใหนั่งสบายไม่อึดอัด
ส่วนอ่างอาบน้ำเป็นอ่างลอยตัวสีขาว มีฝักบัวติดตั้งมาให้ที่ผนังอาจจะใช้งานยากสักหน่อยนะคะ จะต้องยืนอาบถึงจะสะดวกมากขึ้นค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 March 2019
- 1 Bedroom เนื้อที่ 28.00 ตร.ม. ราคา 4.79 ล้านบาท หรือประมาณ 171,00 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ The Rich เอกมัย ความเด่นเลยคือทำเลที่อยู่ติดกับ Big C ตัวห้องพักของโครงการนี้เค้าออกแบบมาให้มีขนาดเริ่มต้นที่ 28-32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.79 ล้านบาท ถือว่าไม่สูงมากในย่านนี้ จึงเป็นตัวเลือกของคนที่มองหาคอนโดในย่านเอกมัยในทำเลที่สะดวกสบายหาของกินง่าย แลกกับวัสดุในห้องและพื้นที่ส่วนกลางที่อาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนกับบางโครงการในย่านนี้
ทำเล
ตัวทำเลนั้นอย่างที่บอกไปว่าอยู่ติดกับ Big C และถนนเอกมัยเลย ไม่ต้องเข้าซอย โดยที่ตั้งโครงการถือว่าอยู่ประมาณกลางค่อนมาทางต้นซอยซึ่งจะใกล้กับแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ต่างๆในซอยเอกมัย ที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นแหล่งร้านอาหารมากมายเปิดทั้งกลางวันกลางคืน รวมถึงมี Community Mall หลายแห่งอย่าง Arena 10,The Commons, J Avenue, เวิ้งโบราณ เป็นต้น ล่าสุดที่มาบอกคือ Donki Mall ส่วนความอุดมสมบูรณ์ที่ติดกับโครงการเลยก็จะมี Big C เอกมัย เดินออกมาหน้าโครงการก็ถึงแล้วค่ะ ถือว่าสะดวกนะ นอกจากนั้นทำเลนี้ยังมี โรงเรียนและ โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกล ถือว่าค่อนข้างครบครันทีเดียว
การเดินทางโดยใช้รถ
ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากถนนเอกมัยเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี และมีทางลัดเลี่ยงรถติดได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นทางลัดไปออกยังทองหล่อ ได้ที่ซอยเอกมัย 5 หรือ ทองหล่อ 10 และทะลุออกทองหล่อ 13 ไปยังอโศกได้ หรือใครต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ ทางโครงการก็ได้มีที่จอดรถระบบ Auto Parking ไว้ให้ประมาณ 45% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าได้มาพอประมาณไม่มากไม่น้อยค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถมีวินอยู่ด้านหน้าโครงการ ใช้บริการได้สะดวก ด้านหน้าซอยเอกมัยก็จะเจอกับสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัย ซึ่งห่างจากโครงการ 870 เมตร สำหรับคนที่ซอบเดินก็เป็นระยะที่เดินได้ไม่เหนื่อยมากค่ะ นอกจากนี้ยังมีรถแท็กซี่ รถเมล์ วิ่งผ่านหน้าโครงการตลอดทั้งวันด้วยค่ะ
วัสดุ
โครงการขายแบบ Fully Fitted สิ่งที่ได้คือ เคาน์เตอร์ Built-in ชุดครัว พร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันจาก Teka หรือเทียบเท่า ชุดสุขภัณฑ์ จาก American Standard พื้นกระเบื้องยางลายไม้ ภายในห้องและ กระเบื้องเซรามิคที่ห้องน้ำและระเบียง และเครื่องปรับอากาศ ถ้าเป็นห้อง 2 Bedroom จะได้อ่างอาบน้ำแบบ Sexy Bath มาให้ด้วย โดยรวมถือว่าอยู่ในระดับทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งถือว่าได้น้อยกว่าเล็กน้อยค่ะ
การออกแบบ
การออกแบบอาคารและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ เค้านำเอาเส้นสายและการเพิ่มสีสันในส่วนต่างๆมาใช้ เพื่อให้ลูกบ้านเกิดความรู้สึก Active โดย Concept จะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางเป็นหลัก เช่น ส่วนของสระว่ายน้ำ และ Fitness สามารถปรับเปลี่ยนสีของแสงไฟได้ มีการตกแต่งผนังและฝ้าเพดานเป็นลาดลายโค้ง เป็นต้น มีการจัดพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน ห้อง 1 Bedroom Plus ได้ครัวเปิดไม่เน้นทำอาหารจริงจัง เน้นพื้นที่เปิดโล่งและมีระเบียงส่วนตัวภายในห้องนอน เหมาะกับคนที่อยู่คนเดียวถึง 2 คน ชอบพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ การใช้งานเป็นส่วนตัว ส่วนห้อง 2 Bedroom เน้นพื้นที่การใช้งานส่วนรวมอย่างห้องนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหาร ไม่เน้นพื้นที่ครัวมากนัก เหมาะกับครอบครัวใหม่มีสมาชิกไม่เกิน 4 คน
สาธารณูปโภค
มีมาให้หลากหลาย ชั้นล่างมี Lobby , Mail room , ห้องนิติบุคคลและโถงลิฟต์ มีสวนหย่อมขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าทางเข้าโครงการ และมี Facility อื่นๆอยู่ที่ 2 ชั้นบนสุดของอาคาร ออกแบบเน้นเส้นสายโค้งเข้ากับ Concept โครงการ มีสระว่ายน้ำความยาวฮาล์ฟโอลิมปิก เปลี่ยนสีได้, Weight Training, Kid Zone, Fitness Class, Healthy Corner , Lounge, Game Corner, Bar และชั้นบนสุดมี Onsen แยกชาย-หญิง, Sky Dining & Workshop , Co-Working Space ทั้งหมดมองเห็นวิวเมืองโดยรอบเอกมัยได้ค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคา AVG 180,000 บาท/ตร.ม.,19 March 2019
- ทำเล 7.75/10 – ตั้งอยู่บนถนนเอกมัย ติด Big C เอกมัย
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ค่อนข้างสะดวก มีซอยลัดเลาะได้หลายเส้นทาง
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ห่างจาก BTS เอกมัยประมาณ 870 เมตร เรียกรถสาธารณะง่าย มีวินหน้าโครงการ มีรถรับ-ส่ง BTS (ระยะเวลา 2 ปี)
- วัสดุ 7/10 – ขายแบบ Fully Fitted วัสดุบางรายการสามารถให้ดีกว่านี้ได้
- แบบ 8 /10 – ออกแบบส่วนกลางมีลูกเล่น การออกแบบห้องเป็นสัดส่วนดี
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีหลากหลาย และมี Sky Facility
- LUXURY CLASS
- 7.73 / 10.00
BOTTOM LINE
The Rich เอกมัย เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านเอกมัย ที่มีขนาดห้องเริ่มต้นไม่ใหญ่มาก ได้ทำเลที่ติด Big C หาของกินของใช้ง่าย ไม่เน้นเรื่องวัสดุมากนัก และราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับโครงการใกล้เคียง ควรมีงบประมาณระดับ 4.79-10ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 33,500 – 70,000 บาท/เดือน