รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.213 – รีวิวบ้านเดี่ยว The Palazzo จรัญสนิทวงศ์-ราชพฤกษ์
5 มิถุนายน 2016
รีวิวฉบับที่ 932 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ The Palazzo จรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นโครงการบ้านระดับหรูภายใต้แบรนด์ The Palazzo ตัวที่ 4 จาก AP ตั้งอยู่บนถนนพระเทพฯตัดใหม่ ถนนตัดใหม่ที่ตัดผ่าน ถนน จรัญสนิทวงศ์ ถนนราชพฤกษ์ ถนน พุทธมณฑล สาย 1 ไปบรรจบกับ ถนน กาญจนาภิเษก ตัวโครงการเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตกแต่งในสไตล์ Art Deco บนที่ดินเริ่มต้น 114 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 25 ล้าน โครงการจะเป็นอย่างไรตามมาชมกันเลยค่ะ
Fact @ 16 September 2015
- The Palazzo Charunsanitwong-Ratchapruek (เดอะ พาลาซโซ่ จรัญสนิทวงศ์-ราชพฤกษ์)
- บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน)
- LUXURY / SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ตลิ่งชัน
- เนื้อที่โครงการ 17-1-44 ไร่ จำนวน 30 ยูนิต (แบ่งออกเป็น 2 เฟส)
- แบบบ้านที่ 1 MERIT พื้นที่ใช้สอย 346 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3 คัน
- แบบบ้านที่ 2 GRANDEUR พื้นที่ใช้สอย 414 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3 คัน
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 114 ถึง 211 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาทหรือ 189,393 บาท/ตร.วา
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2557
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปลายปี 2558
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02 – 418 – 2464-5
- Call Center : 1623
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.7526393,100.4514127
ที่ตั้งของโครงการ The Palazzo จรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์ ตั้งอยู่บนถนนพระเทพฯตัดใหม่ ถนนที่ตัดขึ้นใหม่จุดประสงค์เพื่อใช้ระบายการจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ เนื่องจากถนนจรัญฯแต่เดิมเป็นถนนเส้นยาวที่ไม่มีแยกและทางลัดมากนัก โดยจะมีซอยใหญ่ๆ ที่สามารถใช้ที่เชื่อมไปออกถนนราชพฤกษ์ได้อยู่ 2 ซอยคือซอยจรัญฯ 13 และ ซอยจรัญฯ35 จุดเริ่มต้นของถนนพระเทพฯตัดใหม่นี้เริ่มจากบริเวณแยกไฟฉาย บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงมาเรื่อยๆตัดผ่านถนนราชพฤกษ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ไปบรรจบกับ ถนนกาญจนาภิเษก กินระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ปัจจุบันถนนนี้สร้างใกล้เสร็จแล้ว มีรถเข้ามาวิ่งกันแล้วบ้างแต่ยังไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ เนื่องจากบริเวณแยกไฟฉายมีการขุดเจาะอุโมงค์และทำสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอยู่ ซึ่งถ้าถนนสายนี้เสร็จจะทำให้การจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ และถนนราชพฤกษ์คล่องตัวขึ้นมาก และยังช่วยเพิ่มช่องทางในการเดินทางเข้าเมืองของคนฝั่งพุทธมณฑล โดยไม่ต้องใช้ถนนบรมราชชนนีซึ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนก็มีสภาพการจราจรที่หนาแน่นเช่นกัน
สำหรับรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการมากที่สุด คือ สถานีแยกไฟฉาย รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ตั้งอยู่บริเวณแยกไฟฉายบริเวณจุดตัดของถนนพระเทพฯตัดใหม่กับถนน จรัญสนิทวงศ์พอดี ซึ่งตอนนี้โครงการรถไฟฟ้ากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างคาดว่าน่าจะเปิดให้ใช้กันประมาณปี 2562
ถนนพระเทพฯตัดใหม่เป็นถนนที่ตัดผ่านถนนหลายสาย ทั้งถนนจรัญสนิทวงศ์ , ถนน ราชพฤกษ์ , ถนน พุทธมณฑลสาย 1 และ ถนน กาญจนาภิเษก ซึ่งถ้าถนนี้เสร็จจะทำให้สามารถเข้าถึงโครงการได้จากหลายเส้นทาง โดยการเข้าถึงโครงการต้องเข้าจากทางถนน พระเทพฯตัดใหม่ เนื่องจากปัจจุบันถนนพระเทพฯยังไม่เปิดใช้บริการทั้งเส้น การเข้าถึงโครงการหลักๆแล้วจะใช้ถนนบรมราชชนนีวิ่งเข้าถนนราชพฤกษ์ เลี้ยวเข้าสู่ถนนพระเทพฯตัดใหม่เข้าสู่โครงการ หรือเข้าจากทางซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 มาออกถนนราชพฤกษ์ที่บริเวณซอยวัดแก้ว จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนพระเทพฯตัดใหม่ และอีกเส้นทางหนึ่งคือเข้าจากทางแยกไฟฉาย ถนนจรัญสนิทวงศ์ เลี้ยวซ้ายแล้วขึ้นสะพานตรงมาเรื่อยๆ โครงการอยู่ซ้ายมือ โดยโครงการตั้งอยู่ห่างจากแยกไฟฉายประมาณ 2 กิโลเมตร
บริเวณจุดตัดระหว่างถนนพระเทพฯตัดใหม่ กับ ถนนราชพฤกษ์มีจุดที่ห้ามเลี้ยวขวาอยู่ คือถ้าออกมาจากโครงการจะไม่สามารถเลี้ยวขวาเข้าเส้น ราชพฤกษ์ได้เลยต้องตรงผ่านแยกไปก่อน แล้วกลับรถมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชพฤกษ์ และ ถ้ามาจากทางถนน ราชพฤกษ์ ฝั่งที่มาจากถนนเพชรเกษม ก็จะไม่สามารถเลี้ยวขวาเข้าถนนพระเทพฯตัดใหม่ได้เช่นกัน ต้องเลี้ยวซ้ายไปกลับรถมาเข้าโครงการ
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนถนนตัดใหม่ รถโดยสารสาธารณะจึงยังไม่มีวิ่งผ่าน แต่เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่สามารถเรียก มอเตอร์ไซค์ และ แท็กซี่ได้ง่าย โดยวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใกล้โครงการที่สุดตอนนี้อยู่บริเวณจุดตัดระหว่างถนน พระเทพฯกับถนนราชพฤกษ์ ส่วนรถเมล์จะมีผ่านแค่สาย 89 ป้ายรถเมล์อยู่บริเวณถนน ราชพฤกษ์ ในอนาคตถ้าถนนนี้เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการน่าจะมีรถโดยสารสาธารณะผ่านมากขึ้นค่ะ
สำหรับบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์นั้นไม่มีทางด่วนในบริเวณใกล้เคียง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการจราจรที่ติดขัดจะต้องไปขึ้นที่ทางด่วนบริเวณสะพานตากสิน หรือ ทางด่วนยมราช แต่ในอนาคตจะมีโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ก่อสร้างทางสายหลัก , ทางขึ้น-ลงทางพิเศษ, ทางแยกต่างระดับ และ ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางพร้อมสะพานลอยกลับรถเพื่อแก้ไขปัญหาจุดตัดถนนท้องถิ่นช่วงจากถนนกาญจนาภิเษกถึงสะพานพระรามหกจำนวน 5 แห่ง โดยกำหนดทางขึ้น-ลงไว้ 6 แห่งคือ
- บริเวณถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก)
- ทางขึ้นลงราชพฤกษ์
- ทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี
- ทางขึ้นลงบางบำหรุหรือถนนสิรินธร
- ทางขึ้นลงจรัญสนิทวงศ์
- ทางขึ้นลงพระราม 6
- ทางขึ้นลงกำแพงเพชรตรงทางแยกต่างระดับศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2)
ทางขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ทางขึ้น-ลง ราชพฤกษ์ อยู่บริเวณจุดตัดของถนนบรมราชชนนีกับถนนราชพฤกษ์ โดยมีกำหนดจะเปิดใช้บริการในปี 2559
สภาพแวดล้อมของถนนพระเทพฯตัดใหม่ในตอนนี้ มีสภาพเหมือนถนนราชพฤกษ์ในช่วงแรกๆ คือพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นที่โล่งมีหมู่บ้าน และ บ้านพักอาศัยอยู่บ้างยังไม่มีโครงการอะไรมาขึ้นมากนัก แต่แนวทางการพัฒนาถนนเส้นนี้ในอนาคตคาดว่าน่าจะเจริญรอยตามถนนราชพฤกษ์ โดยปัจจุบันถนนราชพฤกษ์ เป็นถนนที่มีความเจริญและอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูง มีร้านอาหารทั้งเล็กใหญ่ Community mall เช่น The Circle และ โครงการแนวราบระดับหรูมากมาย ช่วยหลังๆเริ่มมีร้านอาหารที่มี Concept ตกแต่งน่ารักๆมาเปิด เช่น โครงการ The Bloc ที่มีร้านเค้กรูปหมี อย่าง Think cafe และ Villa de Bear ร้านอาหารในสไตล์ฮอนแลนด์ที่มี Mascot เป็น หมี Villy อยู่หน้าร้าน สำหรับร้านอาหารบนถนนราชพฤกษ์ก็มีร้านใหญ่ๆอยู่หลายร้านเหมือนกัน เช่น ร้านกุ้งเต้น และ ปลาอยู่เย็น ที่คนฝั่งจรัญสนิทวงศ์และราชพฤกษ์ชอบไปกินกัน อีกตัวเลือกหนึ่งคือ The Circle แหล่งกิน เที่ยว ช็อปปิ้งก็ร้านอาหารอยู่ในโครงการนี้ค่อนข้างเยอะ ช่วงเวลาเย็นจนถึงค่ำจะมีคนมาทานอาหารกันเยอะ ทำให้ถนน ราชพฤกษ์โดยเฉพาะบริเวณหน้า The Circle รถค่อนข้างติด
ส่วนบนถนน จรัญสนิทวงศ์ ก็เป็นแหล่งชุมชนที่มีคนอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวมีร้านค้าอยู่ด้านล่าง มีตลาดสดอยู่หลายแหล่ง เช่น ตลาด บางขุนนนท์ ตลาดบางขุนศรี และมีHypermarket เรียงกันอยู่ตามแนวถนน เช่น Lotus , แม็คโคร และ Foodland
การเดินทางในวันนี้เริ่มจาก ถนนบรมราชชนนี เลี้ยวเข้าถนนราชพฤกษ์มาเข้าถนน พระเทพฯตัดใหม่ จากนั้นไปกลับรถมาเข้าโครงการ
เริ่มจากถนนบรมราชชนนี พอสังเกตเห็นป้ายถนนเพชรเกษมให้เตรียมชิดซ้ายเอาไว้
ตรงมาเรื่อยๆจะมีทางให้เลี้ยวเข้าถนนราชพฤกษ์
ถนนราชพฤกษ์เป็นถนน 8 เลน ทั้งสองฝั่งของถนนส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารเล็กใหญ่ และ โครงการบ้านระดับหรู จากในภาพทางด้านขวาจะเป็น The Circle แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารต่างๆมากมาย
ตรงมาเรื่อยๆ ด้านข้างโครงการ Q Twelve จะมี Food Villa ตลาดสดแนวใหม่ มีทั้งตลาด และ ร้านอาหาร
บรรยากาศทางเข้า Food Villa ตลาด ศูนย์รวมร้านอาหารและของกินหลากหลาย เร็วๆนี้จะมี Starbuck drive thruมาเปิดด้วย
กลับมาที่ถนนราชพฤกษ์ ตรงไปอีกจะผ่าน Villa de Bear ร้านอาหารตกแต่งในสไตล์ ฮอนแลนด์
ตรงมาจนเห็นป้ายนี้ ให้ชิดซ้ายตามป้าย วัดแก้ว – พุทธมณฑลสาย1 ไม่ต้องขึ้นสะพานนะคะ
ตรงไปตามทาง
เราจะผ่านซอยวัดแก้ว เป็นทางไปออกซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แต่เราจะตรงต่อไป
ตรงมาอีกซักระยะ พอเห็นแยกนี้ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน พระเทพฯตัดใหม่
ถนนพระเทพฯตัดใหม่ เป็นถนนกว้าง 8 เลน ปัจจุบันเปิดให้ใช้แค่บางส่วน ยกเว้นทางฝั่งที่ใกล้กับถนนจรัญสนิทวงศ์เนื่องจากบริเวณนั้นมีการขุดอุโมงค์ และ สร้างรถไฟฟ้าอยู่ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่จะยังคงเป็นที่โล่งและบ้านแนวราบ ทางด้านขวาจะเริ่มสังเกตเห็นป้ายโครงการ
ตรงมาบริเวณ ที่กลับรถที่แรก จะสังเกตเห็นโครงการอยู่ถัดฝั่งตรงข้าม ถ้าเรากลับรถตรงนี้จะเลยโครงการต้องตรงไปกลับรถที่ยูเทิร์นหน้า
ตรงมาอีกซักระยะ ทางด้านซ้ายจะเจอกับซอยวัดปากน้ำ – วัดแก้ว ซอยนี้สามารถใช้ลัดไปออกซอย จรัญสนิทวงศ์ 35 ได้ เราต้องตรงไปกลับรถข้างหน้า
ตรงมาอีกจะเห็นทางยกระดับซึ่งตอนนี้กั้นทางอยู่ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เราจะกลับรถใต้สะพานนี้
พอกลับรถใต้สะพานมาก็ขับตรงมาเรื่อยๆ บนถนนเส้นนี้เนื่องจากยังไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ การจราจรจึงยังไม่หนาแน่น มีรถวิ่งบางตา
ตรงมาบริเวณช่วงต้นของถนนก็จะถึงโครงการ The Palazzo จรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์
การเข้าถึงโครงการอีกเส้นทางหนึ่งนั้นสามารถเข้าถึงได้จากทางซอย จรัญสนิทวงศ์35 ตรงเข้าซอยไปเรื่อยๆ จนมาเข้าถนนราชพฤกษ์ แล้วเลี้ยวเข้าถนน พระเทพฯตัดใหม่ กลับรถเข้าโครงการ ซึ่งถ้าถนนพระเทพฯเปิดให้ใช้บริการตลอดทั้งเส้น จากถนนจรัญสนิทวงศ์เราสามารถเลี้ยวเข้าถนนพระเทพฯตัดใหม่ได้จากบริเวณแยกไฟฉายเลย
อีกเส้นทางหนึ่งถ้าถนนพระเทพฯเปิดใช้บริการตลอดทั้งเส้น จะสามารถเข้าจากทางแยกไฟฉาย ถนนจรัญสนิทวงศ์ เลี้ยวซ้ายแล้วขึ้นสะพานตรงมาเรื่อยๆ โครงการอยู่ซ้ายมือโครงการตั้งอยู่จากแยกไฟฉายไม่เกิน 2 กิโลเมตรซึ่ง ซึ่งขณะนี้สะพานได้เปิดใช้งาน มีรถมาวิ่งบ้างแล้ว
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนมากจะเป็นที่ดินเปล่า หมู่บ้านและบ้านพักอาศัย ด้านหน้าโครงการติดกับถนน พระเทพฯตัดใหม่ บริเวณทางเข้าโครงการฝั่งทิศตะวันออกติดกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนาซึ่งในอนาคตยังไม่รู้ว่าที่ตรงนี้จะพัฒนามาเป็นอะไร ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นศูนย์รวมรถยนต์ เดอะเบสท์ 2 ด้านข้างโครงการฝั่งทิศตะวันตกติดกับโรงงานเย็บผ้า ซึ่งไม่มีเสียงและกลิ่นรบกวนและบริษัทวินโดว์ผลิตจักรยาน อีกทั้งส่วนที่ติดกับโรงงานจะกินพื้นที่ประมาณแค่ช่วงถนนทางเข้าเท่านั้นซึ่งไม่น่าจะรบกวนส่วนพักอาศัยมากนัก ด้านหลังโครงการจะติดกับคลองเล็กๆ ไม่มีกลิ่นรบกวน หน้าโครงการจะมีที่กลับรถอยู่ซึ่งระยะค่อนข้างกระชั้นไปหน่อย
ด้านหน้าโครงการติดกับถนน พระเทพฯตัดใหม่ และ ศูนย์รวมรถยนต์ เดอะเบสท์ 2
ทางด้านทิศตะวันออกติดกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนา ถัดไปเป็นบ้านพักอาศัย
ด้านหน้าโครงการฝั่งทิศตะวันตกติดกับโรงงานเย็บผ้า และ บริษัทวินโดว์ผลิตจักรยาน
บรรยากาศภายในโรงงานเย็บผ้าเป็นแบบนี้
ปิดท้ายด้วยภาพมุมสูงของโครงการ จะเห็นว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นหมู่บ้านและที่ดินเปล่าเป็นส่วนใหญ่
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ร้านอาหารกุ้งเต้น ~ 1.20 กิโลเมตร
- Food Villa ~ 1.90 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ จำกัด~ 2.45 กิโลเมตร
- แม็คโคร จรัญสนิทวงศ์ ~ 2.7 กิโลเมตร
- ตลาดบางขุนศรี ~ 2.7 กิโลเมตร
- Villa de Bear ~ 2.8 กิโลเมตร
- The Circle ~ 3.7 กิโลเมตร
- The Bloc ~ 3.9 กิโลเมตร
- โรงพยาบาล ศิริราช ~ 3.6 กิโลเมตร
- Tesco Lotus ปิ่นเกล้า ~ 5 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ~ 5.2 กิโลเมตร
- เมเจอร์ปินเกล้า ~ 5.3 กิโลเมตร
ก่อนพาเข้าไปชมโครงการขออธิบายผังโครงการซักนิดนึงค่ะ โครงการ The Palazzo จรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว เนื้อที่ 17-1-44 ไร่ มีจำนวนยูนิตเพียง 30 ยูนิต บรรยากาศภายในโครงการจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีแบบบ้านทั้งหมด 2 แบบ คือ MERIT เป็นบ้าน พื้นที่ใช้สอย 346 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3 คัน และ GRANDEUR พื้นที่ใช้สอย 414 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3 คัน แปลงที่ดินมาตรฐานมีขนาด 114 ถึง 211 ตร.วา โครงการนี้จะปลูกบ้านไม่เต็มพื้นที่ดิน เราจะได้ที่ดินรอบๆบ้านค่อนข้างเยอะ การวางผังโครงการเข้ามาก็จะเจอกับ Club House ก่อน บ้านพักอาศัยจะอยู่บริเวณถัดเข้าไปในโครงการ การวางผังตัวบ้านส่วนใหญ่จะวางในแนวเหนือ – ใต้ ช่วยให้ตัวบ้านไม่ต้องรับแดดบ่าย ทำให้บ้านไม่ร้อน มีเพียงบ้านแบบ MERIT 4 หลังเท่านั้นที่หันไปทางทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศที่ได้รับแดดในตอนเช้า ตรงกลางโครงการมีแนวของคลองเล็กๆตัดผ่านแต่ทางโครงการทำรั้วครอบเอาไว้เพื่อความปลอดภัย และ ทัศนียภาพที่สวยงาม
ทางเข้าโครงการจะมีป้ายบอกทางขนาดใหญ่ ค่อนข้างสูงสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ตกแต่งโดยใช้หินและลวดลายของ Art Deco ถนนทางเข้านี้กว้าง 10 เมตร ซุ้มประตูทางเข้าโครงการอยู่ลึกจากถนนใหญ่เข้าไปอีกประมาณ 70 เมตร ทำให้ตัวโครงการอยู่ห่างจากถนนใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดมลพิษ ฝุ่น ควัน และเสียง จากถนนได้บ้าง
ทั้งสองข้างทางของถนนทางเข้า มีปลูกต้นไม้ตลอดแนวเพื่อเพิ่มความร่มรื่น ด้านข้างมีปูหินเป็นทางเดิน
ซุ้มทางเข้าโครงการ เป็นสีขาวดีไซน์เข้ากับคอนเซปต์ของโครงการ แยกทางรถเข้ากับทางรถออก
บริเวณซุ้มทางเข้าจะมีป้อมยามอยู่ 1 จุด ระบบรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการจะมีพี่ยามคอยดูแลความปลอดภัยให้ Key Card Access ของโครงการนี้เป็นแบบระยะใกล้ สแกนบัตรก่อนผ่านไม้กระดกเข้าไปในโครงการ และ มีกล้อง CCTV สำหรับส่องหน้าคนขับและป้ายทะเบียนรถ
Key Card Access ระยะใกล้ และ กล้อง CCTV จับหน้าคนขับและป้ายทะเบียนรถ
ประตูหน้าโครงการเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติบาน 2 ตอน สูงประมาณ 3.5 เมตร
เข้ามาในโครงการ จะเจอกับถนนหลักกว้าง 12 เมตร แบ่งโครงการออกเป็น 2 ฝั่ง โดยทางด้านขวาจะเป็นส่วนหย่อม และ Club House อีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนของบ้าน โครงการนี้ค่อนข้างจะมีความเป็นส่วนตัวเพราะมีเพียงแค่ 30 ยูนิต
มุมมองย้อนกลับไปที่ซุ้มประตูทางเข้า
มาดูที่ Club House ของโครงการกันค่ะ ดีไซน์ภายนอกของตัว Club House ตกแต่งแบบเรียบๆ สีขาวสบายตา มีการใช้ลวดลายของ Art Deco เป็นลูกเล่นบริเวณ Facade อาคาร ด้านหน้า Club Houseเป็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อม สวนหย่อมมีอยู่ 1 จุดเป็นสวนเล่นระดับ มีปลูกหญ้า และ ต้นไม้โดยรอบ มีพื้นที่ 223.3 ตารางวา
ทางเข้า Club House บริเวณโถงทางเดิน ยกฝ้าเพดานสูง เป็น Double Space ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง
เดินเข้ามาทางฝั่งซ้ายเป็นสำนักงานขายซึ่งในอนาคตบริเวณนี้จะปรับเป็นส่วน Lobby ของโครงการให้ลูกบ้านเข้ามาใช้พื้นที่นั่งพักผ่อน ทางฝั่งขวาเป็นสระว่ายน้ำ ถ้าตรงไปบริเวณบันไดเป็นทางขึ้นไปฟิตเนสและสำนักงานนิติบุคคล
บรรยากาศภายใน สำนักงานขาย (หรือ Lobby ในอนาคต) เป็น Double Space ตกแต่งภายในด้วยกระจก และ หิน ดูหรูดี
หน้า Club House มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5.85 x 17.96 เมตร ลึก 1.3 เมตรอยู่
ทางลงของสระว่ายน้ำเป็นบันไดลดระดับลงแบบนี้ ไม่มีราวกันตกสแตนเลสด้านข้างเวลาลงต้องระวังลื่นนิดนึงค่ะ
ด้านบนสระมีชุดที่นั่งให้ 3 ชุด
โดยรอบสวนมีทำทางเดินไว้ สามารถใช้เป็นทางวิ่ง Jogging ได้
ถัดมาจะเจอห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิง
บรรยากาศภายในห้องน้ำชายเข้ามาจะเจอกับอ่างล้างหน้า 2 ชุดและโถปัสสาวะ
มีห้องน้ำ และ ห้องอาบน้ำ ให้อย่างละห้อง สำหรับห้องน้ำหญิงก็จะเป็นในลักษณะเดียวกัน คือมีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและห้องน้ำและห้องอาบน้ำ
จากห้องน้ำ เดินถัดมาจะเป็นทางขึ้นไปห้องฟิตเนสและสำนักงานนิติบุคคล
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ทางด้านขวาจะเป็นสำนักงานนิติบุคคล สุดทางเดินเป็นห้องฟิตเนส
ภายในห้องฟิตเนส ขนาด 4.50 x 8.00 เมตร ใส่เครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 5 ชิ้น
บรรยากาศอีกมุมหนึ่ง
ออกมาจาก Club House ฝั่งตรงข้ามจะเป็นบ้านตัวอย่างของโครงการ
เราเดินตามถนนมาเรื่อยๆ เลี้ยวเข้าที่บริเวณซอย 1/1
ตรงมาบ้านที่เห็นอยู่สุดทางเดินคือบ้านตัวอย่าง
บริเวณโดยรอบโครงการมีติดกล้อง CCTV เอาไว้ด้วยอยู่ทั้งหมด 16 จุด
เดินเข้ามาจะเจอกับบ้านตัวอย่าง โครงการนี้จะมีบ้าน 2 แบบคือ GRANDEUR และ MERIT บ้านนี้เป็นบ้านแบบ GRANDEUR ที่มี พื้นที่ใช้สอย หน้ากว้างและจำนวนห้องมากกว่าเดี๋ยวเราค่อยกลับมาดูกันค่ะ
ส่วนบ้านอีกแบบคือ MERIT บ้านพื้นที่ใช้สอย 346 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3 คัน
ถัดจากซอย 1/1 ไปก็จะเป็นพื้นที่ของบ้านพักอาศัย โครงการจะมีการปลูกสวนหย่อมแทรกอยู่โดยรอบเพื่อเพิ่มความร่มรื่น
เนื่องจากโครงการมีคลองเล็กๆตัดผ่าน จึงมีการก่อผนังขึ้นเป็นกล่อง ตีระแนงสูงปิดแนวคลองเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และเพื่อทัศนียภาพที่สวยงาม
ถัดจากบริเวณด้านหลังสโมสรไปจนถึงท้ายโครงการ ทางฝั่งขวาจะเป็นบ้านแบบ MERIT หันหน้าออกไปทางทิศตะวันออก 4 หลังเรียงกัน นอกนั้นบ้านทั้งหมดจะอยู่ทางฝั่งซ้าย ถนนย่อยของโครงการกว้าง 9-10 เมตร
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5.85 x 17.96 เมตร ลึก 1.3 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ขนาด 4.50 x 8.00 เมตรใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง
- สวนสาธารณะ 223.3 ตารางวา
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 16 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ เลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 – 10 ม.
โครงการ The Palazzo จรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์ มีแบบบ้านทั้งหมด 2 แบบ คือ MERIT บ้าน 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 346 ตรม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ และ GRANDEUR พื้นที่ใช้สอย 414 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ วันนี้เราจะพาไปดูบ้านแบบ GRANDEUR โดยพาไปดูบ้านตัวอย่างเทียบกับบ้านมาตรฐาน
มาดูกันที่ผังชั้น 1 โครงการบ้านในระดับ Luxury การวางผังจะมีจุดที่ต่างกับบ้านทั่วๆไปเล็กน้อย ในเรื่องพื้นที่ใช้สอยซึ่งจะจัดให้มีมากกว่าบ้านทั่วๆไป โดยรอบตัวบ้านสังเกตว่าจะมีพื้นที่รอบบ้านหรือมีที่ดินค่อนข้างเยอะ ตัวบ้านสร้างไม่เต็มพื้นที่ดินทำให้มีพื้นที่เหลือสำหรับการจัดสวนหรือทำกิจกรรมต่างๆ ในบ้านแปลงมุมที่ได้ที่ดินเยอะๆสามารถจัดเป็นเรือนรับรองเล็กๆได้อีกหลังหนึ่งเลย บ้านหลังนี้สามารถจอดได้ 3 คัน คันใหญ่ 1 คัน และ รถอีโคคาร์อีก 2 คัน ที่บริเวณสนามรอบบ้านโครงการมีลงต้นไม้มาให้บ้าง ก่อนเข้าบ้านจะมีเฉลียงค่อนข้างกว้าง สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นสูดอากาศหน้าบ้านได้ เข้าไปภายในบ้าน จะเจอกับห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น และ ห้องรับประทานอาหาร ทั้ง 3 ส่วนนี้มีพื้นที่ต่อเนื่องกัน ครัวมีทั้งแบบ Pantry คือสำหรับเตรียมอาหารเบาๆ ครัวใหญ่ และ ครัวไทยด้านหลังบ้าน และมีห้องน้ำแขก 1 ห้อง มีห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวเผื่อญาติผู้ใหญ่มาพัก หรือสำรองไว้เป็นห้องนอนแขก ส่วนห้องแม่บ้านและห้องน้ำแม่บ้านจะอยู่หลังบ้านสามารถเข้าจากทางหลังบ้านได้ โดยไม่ต้องเดินผ่านตัวบ้าน
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับโถงตรงกลางแบ่งตัวบ้านออกเป็น 2 ฝั่ง ทางฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่สำหรับห้องนั่งเล่น พบปะสังสรรค์คุยกันในครอบครัว และห้องนอนใหญ่ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องพระ และ ห้องนอนอีก 3 ห้อง ห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำในตัว
โดยรายการโปรโมชั่นที่โครงการแถมให้ประกอบด้วย ปั๊มและแท้งค์น้ำ , ชุดครัวไทย , ชุดสัญญาณกันขโมย , ประตูรั้วรีโมทอัตโนมัติหน้าบ้าน , โทรศัพท์ TOT พร้อมติดตั้ง ส่วนการตกแต่งอื่นๆเป็นเพียงแค่การจำลองบรรยากาศ ตามมาชมกันเลยค่ะ
มาดูบ้านแบบ GRANDEUR กันค่ะ บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นมีพื้นที่ใช้สอย 414 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ
รั้วประตูบ้านเป็นแบบบานเลื่อนอัตโนมัติ เป็นรั้วโปร่ง เลื่อนมาเก็บทางด้านข้างแบบนี้
ด้านบนรั้วมีไฟส่องสว่างไว้ให้
ด้านข้างมีประตูเล็กสำหรับ ใช้เข้าออกในกรณีที่ไม่อยากเปิดประตูรั้ว หน้าบ้านมีกริ่งและตู้จดหมายมาให้
มือจับประตูทางเข้าบ้านแบบก้านโยก และ หน้าตากริ่งสัญญาณ
หน้าบ้านมีตู้จดหมายมาให้ ดีไซน์เป็นส่วนหนึ่งของตัวเสา
รั้วประตูบ้านเลื่อนมาเก็บด้านข้างแบบนี้ ซึ่งจะทับกับประตูเล็กหน้าบ้านพอดี
หน้าบ้านมีช่องเก็บขยะจากทางหน้าบ้าน ด้านหลังมีที่ทิ้งและฝาปิด
บริเวณลานจอดรถพื้นมีจะลาดชันขึ้นไปเล็กน้อย วัสดุพื้นเป็นสแตมป์คอนกรีต หน้าบ้านทางโครงการมีลงต้นไม้ใหญ่ให้ตามรูป
บริเวณช่วงเสานี้หากจอดรถ จะจอดได้เฉพาะอีโคคาร์คันเล็กๆ ถัดเข้าไปจะเป็นทางไปหลังบ้าน ซึ่งจะมีครัวไทย และ ห้องแม่บ้าน รั้วรอบบ้านสูงประมาณ 1.5 เมตร
บริเวณด้านหลังบ้านมีเคาน์เตอร์ครัว มีอ่างล้างจานมาให้ 1 ชุด ถ้าอยากจะผัดอาหารหนักๆก็ต่อเติมเตาเพิ่มและทำตรงนี้ได้ ประตูที่เห็นคือเทางเข้าห้องแม่บ้าน โดยแม่บ้านสามารถเดินเข้าจากทางหลังบ้านเลยไม่ต้องเดินผ่านตัวบ้าน
หลังบ้านมีปูหญ้า และ ลงต้นไม้ให้ตามรูป ระหว่างรั้วหลังบ้านและตัวบ้านมีระยะห่างพอประมาณ
บริเวณห้องรับประทานอาหารมีการร่นพื้นที่ แบบปาดมุมออกมาด้านหลังบ้าน ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องอาหารมากขึ้น
อ้อมมาทางด้านข้างบ้าน บริเวณห้องนั่งเล่นจะมีประตูบานเลื่อนสำหรับออกมาเดินเล่นที่สวน
ประตูทางฝั่งห้องนั่งเล่น มีเฉลียงเล็กๆ ด้านข้างโครงการจัดสวนหย่อมให้
หน้าบ้านมีที่ดินเหลือพอสมควร ทางโครงการปูหญ้าและลงต้นไม้มาให้แบบนี้เลย
ทางเข้าบ้าน ทำเป็นซุ้มประตูทรงสูงตกแต่งด้วยเหล็กดัดลวดลายเข้ากับคอนเซปต์ Art Deco ซึ่งได้อิทธิพลมาจากพืชพรรณของต้นไม้ มีความอ่อนช้อย นำมาลดทอนเป็นลวดลายเรขาคณิต การทำซุ้มประตูแบบนี้ทำให้ทางเข้าบ้านดูเด่น และ หรูหรามากขึ้น
ตัวบ้านสูงกว่าสนามหญ้าหน้าบ้าน ต้องขึ้นบันไดไป 2 ขั้น ก่อนขึ้นบันได พื้นด้านล่างมีทำเป็นพื้นหินขัดมาให้
ประตูทางเข้าบ้านเป็นบานเปิดคู่ บานประตูไม้สัก หน้าบานมีกระจก Stain Glass การที่ทำเป็นบานเปิดคู่นอกจากจะทำให้ดูแกรนด์ขึ้นแล้ว เวลาจะขนของชิ้นใหญ่ๆเวลาเปิดประตูจะทำให้ขนของผ่านประตูได้ง่ายขึ้น
หน้าตามือจับประตู ดูค่อนข้างแข็งแรง ซึ่งตัวล็อคจะอยู่ที่ประตูด้านขวาบานเดียวส่วนอีกบานเป็นการติดหลอกเอาไว้เพื่อให้ประตูเกิดความสมมาตร
ด้านในมีลูกบิดประตูแบบนี้
ด้านหน้าบานมีเฉลียงกว้างพอสมควร สามารถนำเอาชุดที่นั่งเล็กๆ มาตั้งไว้หน้าบ้านเพิ่มเติมได้ ด้านหน้ามีการทำที่นั่งยาวๆมาให้ เวลาขนของหนักๆก็เอามาวางพักไว้ตรงนี้ก่อน วัสดุพื้นตรงส่วนนี้เป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 cm.ผิวด้านกันลื่น
หน้าบ้านมีตู้เก็บของมาให้ ตู้นี้ถ้าไม่เอาไว้เก็บของเล็กๆน้อยๆ อาจจะทำเป็นตู้เก็บรองเท้าก็ได้ค่ะ
ด้านบนประตูมีติดระบบ Shock Censer มาให้
จากพื้นบ้านมีการยกระดับขึ้นจากเฉลียงประมาณ 10 เซนติเมตร
เข้ามาในบ้านจะขออธิบายเพิ่มเติมเป็นส่วนๆ ส่วนแรกที่เราจะพาไปดูคือส่วนห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น และ ห้องกินข้าว 3 โซนนี้มีพื้นที่ต่อเนื่องกัน โดยห้องรับแขกจะตกแต่งสวยงาม ดูหรูหน่อย เผื่อแขกไปใครมาจะได้เป็นหน้าเป็นตา ขนาดของห้องนี้จึงใหญ่หน่อย ส่วนถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับคนในบ้านใช้มานั่งพักผ่อน พื้นที่จะเล็กและเป็นส่วนตัวกว่า สามารถวางชุดโซฟาเล็กๆได้ ส่วนห้องรับประทานอาหารสังเกตบริเวณผนังจะมีการขยายพื้นที่ออกไปทางด้านหลัง ทำให้ได้พื้นที่ห้องมากขึ้น สามารถวางโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ได้
เข้ามาภายในห้องรับแขก บ้านมาตรฐานที่ให้จะเป็นบ้านโล่งๆ มียกฝ้าเพดานให้เล็กน้อย บ้านตัวอย่างทำผนังกั้นระหว่างห้องรับแขกและนั่งเล่น เพื่อให้ห้องนั่งเล่นมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ฝ้าเพดานของบ้านนี้สูง 2.80 เมตร
ห้องรับแขกในบ้านตัวอย่างตกแต่งสวยงาม สามารถวางโซฟาได้ชุดใหญ่ ส่วนในบ้านมาตรฐานให้เป็นห้องโล่งๆ ฝ้าเพดานมียกระดับเผื่อเอาไว้สำหรับการตกแต่ง โดยรอบบ้านมีหน้าต่างค่อนข้างเยอะช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านทำให้บ้านไม่มืด และยังช่วยเรื่องระบายอากาศอีกด้วย
มือจับและตัวล็อคของหน้าต่าง ต้องกดลงไปแบบนี้แล้วเปิด ถ้าปิดหน้าต่างตัวล็อคนี้จะล็อคอัตโนมัติ
กรอบบานหน้าต่างเป็น อะลูมิเนียม Anodize สีดำ ค่อนข้างหนาและแข็งแรง
พื้นที่ห้องรับแขกต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่น ถ้าเทียบกันจะๆแบบนี้การตกแต่งห้องนั่งเล่นจะดูเป็นกันเอง สบายๆกว่า
พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเล็กกว่าห้องรับแขก มีประตูบานเลื่อนออกไปที่บริเวณสวนด้านข้างบ้านได้
สวนข้างบ้านในบ้านแปลงมุมที่มีพื้นที่เหลือมากๆ สามารถจัดเป็นเรือนรับรองเล็กๆได้ 1 หลังพร้อมทำสระว่ายน้ำเหมือนกับบ้านตัวอย่าง
ถัดมาเป็นห้องอาหาร ผนังด้านหลังมีการขยายพื้นที่ออกไป ปาดมุมเป็นเหลี่ยมตามรูปทำให้สามารถวางโต๊ะอาหารโต๊ะใหญ่แบบ 8 ที่นั่งได้โดยไม่อึดอัดเกินไป พื้นที่ตรงนี้จะต่อเนื่องกับห้องครัวเลย ทำครัวเสร็จแล้วก็สามารถยกอาหารออกมาเสิร์ฟได้สะดวก
มาดูต่อกันที่ ฝั่งขวาของบ้าน ถ้าเปรียบเทียบแล้วส่วนนี้ก็คือส่วน Service ประกอบด้วยห้องรับรองแขก ส่วนครัวและห้องแม่บ้าน โดยครัวมีทั้งส่วนเตรียมอาหาร ครัวใหญ่ และ ครัวไทยหลังบ้าน สำหรับส่วนเตรียมอาหารหรือ Pantry จะเป็นพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารเล็กๆน้อย หรือ อาหารที่ไม่ต้องมีผัด ถัดเข้าไปเป็นห้องครัวใหญ่ที่น่าจะใช้ต้ม ผัด แกง ทอด หนักๆได้ แต่เนื่องจากยังอยู่ในตัวบ้านก็อาจจะมีกลิ่นเล็ดลอดออกไปได้บ้าง นอกบ้านจึงมีเคาน์เตอร์เล็กๆมาให้ มีอ่างล้างจานมาให้ 1 ชุด ถ้าอยากทำอาหารหนักมากๆ เช่น ผัดกระเพราะ ผัดเผ็ด ก็ให้คุณแม่บ้านตั้งเตาผัดกันหลังบ้านได้เลย หลังบ้านยังมีห้องแม่บ้านและห้องน้ำแม่บ้าน สามารถเข้าได้จากทางหลังบ้านเลยไม่ต้องเดินผ่านตัวบ้าน
ส่วนเตรียมบ้านมาตรฐานให้มาเป็นบ้านโล่งๆมีกั้นผนังโค้งมาให้ ส่วนนี้เราต้องมาทำเคาน์เตอร์เอง ประตูด้านหลังคือทางไปครัวใหญ่
ถัดเข้าไปเป็นครัวใหญ่ ให้พื้นที่มาค่อนข้างกว้าง เคาน์เตอร์ครัวเราจะได้หน้าตาแบบนี้เลย มีเตาแก๊ส และเครื่องดูดควันมาให้ การที่ผนังด้านบนอ่างล้างจานเป็นหน้าต่างเพื่อช่วยระบายกลิ่นในครัวและช่วยลดความชื้นบริเวณอ่าง จากส่วนครัวสามารถเดินออกไปลานซักล้างข้างบ้านได้
ล่างล้างจานเป็นอ่างแบบ 2 หลุม ข้อดีคือถ้าหลุมหนึ่งเอาไว้แช่ผัก อีกหลุมหนึ่งก็ยังสามารถล้างจานได้ แต่ขนาดของหลุมจะเล็กกว่าแบบหลุมเดียวหน่อย
เตาแก๊สมีมาให้ 2 เตาพร้อมเครื่องดูดควันแบบดูดออกนอกตัวบ้าน ด้านหลังครัวมีแนวกันเปื้อนเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวมันขนาด 60 x 60 cm. มาให้แบบนี้ เวลาผัดอาหารคราบน้ำมันจะได้ไม่เกาะติดผนังทำความสะอาดง่าย
ถัดจากห้องครัวจะเป็น ห้องนอนชั้นล่าง และทางไปห้องน้ำ
ห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง ปกติแล้วถ้าไม่เป็นห้องนอนแขกก็จะเป็นห้องนอนของญาติผู้ใหญ่ที่ไม่อยากเดินขึ้นบันไดไปหลายๆชั้น ห้องนี้เป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัว วัสดุพื้นของเป็นปาร์เก้ไม้มะค่า
จากพื้นห้องนอนมีการลดระดับลงมาเล็กน้อย
ภายในห้องน้ำมีการแยกส่วนแห้ง และ ส่วนเปียก โดยส่วนเปียกมีฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยมาให้
สุขภัณฑ์ที่ให้เป็นของ Cotto
พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทาขนาด 60 x 60 cm.ผิวเงา พอเป็นส่วนอาบน้ำพื้นจะเป็นผิวด้าน เวลาอาบน้ำจะได้ไม่ลื่น รอบๆพื้นที่อาบน้ำปูกระเบื้องโมเสค
ฝักบัวของ Cotto
ถัดเข้ามาอย่างห้องจัดพื้นที่เป็นโซฟาเข้ามุม ซึ่งใช้ประโยชน์ได้ทั้งนอนเล็กและนั่งเล่น การทำโซฟาแบบนี้ทำให้ประหยัดพื้นที่และได้โซฟาที่กว้างขึ้น แต่ถ้าเราจะทำเป็นห้องนอนก็หาเตียงเล็กๆมาวางได้
ถัดจากห้องนอนจะเป็นห้องน้ำ
บริเวณหน้าห้องน้ำจะมีตู้ไฟอยู่ หน้าบานเป็นบานเปิดคู่ ติดบานเกร็ดระบายอากาศ
ห้องน้ำอยู่ด้านข้างประตูออกไปโรงจอดรถ
ห้องน้ำห้องนี้มีแค่อ่างล้างหน้า กับโถสุขภัณฑ์ของ Cotto ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ ผนังเป็นกระเบื้องลายหินอ่อน
เราจะพาขึ้นไปที่ชั้น 2 บันไดเป็นบันไดไม้มะค่า ทางด้านข้างมีห้องเก็บของใต้บันได
วัสดุพื้นบันไดทั้งลูกตั้งและลูกนอนเป็น ไม้มะค่า
ราวกันตกเป็นเหล็กดัดสีดำ ทำลวดลายตามในรูป
ขึ้นมาจะเจอชานพัก 1 จุด บนผนังมีช่องแสงเพื่อรับแสงเข้ามาที่บริเวณโถงบันได ถ้าช่องแสงใหญ่กว่านี้จะทำให้พื้นที่บริเวณนี้สว่างขึ้นค่ะ
ขึ้นมาชั้น 2 สังเกตผนังด้านข้างทางโครงการไม่ได้กั้นมาให้
มุมมองย้อนกลับไป
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกันส่วนโถงแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง เราจะมาดูฝั่งขวาก่อน ฝั่งขวาเข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆ เอาไว้พบปะสังสรรค์คนในครอบครัว ห้องนี้จะเป็นห้องนั่งเล่นที่ Private กว่าชั้นล่าง ถัดไปเป็นห้องนอนใหญ่ซึ่งจัดพื้นที่ให้วางเตียงขนาดใหญ่ Walk-in Closet และ โต๊ะทำงานได้ ภายในห้องน้ำจะพิเศษกว่าห้องอื่นตรงที่มีเป็นแบบ Full Function สุขภัณฑ์ที่ให้จะจัดเต็มและเป็นรุ่นที่พิเศษกว่าห้องอื่นๆ มีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วย
ขึ้นมาชั้น 2 ถ้าเลี้ยวมาทางฝั่งขวาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน ถัดไปจึงเป็นห้องนอนใหญ่
พื้นที่สำหรับจัดเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับคนในครอบครัว หรืออาจปรับพื้นที่ใช้สอยเป็นห้องทำงานก็ได้ บ้านมาตรฐานจะไม่ได้มีการตกแต่งฝ้าเพดานเอาไว้ให้
เข้ามาดูที่ห้องนอนใหญ่กัน ห้องนี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียวสามารถวางเตียงแบบ King Size ได้ วัสดุพื้นที่ให้เป็นไม้ปาร์เก้ไม้มะค่า ขนาด 4″x18″ มีหน้าต่างอยู่ 3 บานแต่ขอบล่างของบานหน้าต่างจะยกสูงจากพื้นประมาณ 40 cm. เวลาออกไประเบียงต้องก้าวข้ามออกไป
ด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่งมีพื้นที่เหลือพอสมควร สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้
ปลายเตียงมีระยะเหลือสามารถวางเก้าอี้ยาวปลายเตียงได้ และ ยังมีระยะดูทีวีเหลือพอสมควร
ด้านข้างเตียงมีหน้าต่าง ซึ่งจากพื้นจนถึงขอบด้านล่างของหน้าต่างยกขึ้นมาสูงพอสมควร
ออกไปเป็นระเบียงเล็กๆ
ถัดจากเตียงไปจะเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำ
ห้อง Walk-in Closet บ้านตัวอย่างมีกั้นผนังแบ่งพื้นที่มาให้ ด้านในแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งสำหรับคุณผู้ชายฝั่งหนึ่ง คุณผู้หญิงอีกฝั่งหนึ่ง ตอนเช้าใช้งานจะได้ไม่ต้องมาแย่งกัน
ด้านในมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าได้พอสมควร และ ยังสามารถจัดพื้นที่เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกด้วย
ถัดจาก Walk-in Closet ไปจะเป็นห้องน้ำ กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 2 บาน การใช้ประตูบานเลื่อนนอกจากจะช่วยให้ประหยัดพื้นที่แล้วยังทำให้ดูหรูหราขึ้น
ด้านในห้องน้ำเข้ามาจะเจอกับอ่างล้างหน้าก่อน มีอ่างมาให้ 2 อ่างสามารถใช้ได้พร้อมกัน 2 คน ทางฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจกนิรภัย และ โถสุขภัณฑ์ วัสดุพื้นห้องนี้ให้มาเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. ผนังเป็นกระเบื้องลายหินอ่อน
อ่างล้างมือของ Cotto
ด้านข้างอ่างมีปลั๊กกันน้ำของ Panasonic เอาไว้ให้
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.2 x 1.2 m. ถือว่าค่อนข้างกว้าง ด้านในมีที่นั่งอาบน้ำ เอาไว้นั่งอาบน้ำขัดตัวชิลๆ หรือเผื่อสำหรับในกรณีที่มีเด็กหรือผู้สูงวัยมาใช้ จะได้ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันการลื่นล้มในห้องน้ำ
พื้นที่อาบน้ำมีการลดระดับลงมาเล็กน้อย
บริเวณผนังมีช่องเอาไว้เก็บของเล็กๆน้อยๆ และมีที่นั่งอาบน้ำมาให้ด้วย
หน้าตาฝักบัวของ Cotto
โถสุขภัณฑ์ของ Cotto
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นอ่างอาบน้ำ
อ่างอาบน้ำหน้าตาเป็นแบบนี้ ฐานของอ่างก่อขึ้นมาสูงพอสมควรปิดผิวด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน
ฝักบัวตรงอ่างอาบน้ำ ดึงออกมาได้แบบนี้
มาดูที่อีกฝั่งหนึ่งของบ้านกันต่อค่ะ อีกฝั่งประกอบด้วยห้องนอนอีก 3 ห้องที่มีห้องน้ำในตัว สังเกตว่าทุกห้องจะมีพื้นที่สำหรับจัดเป็น Walk-in Closet เล็กๆ และวางชุดโต๊ะนั่งทำงานได้ด้วย อีกห้องหนึ่งเป็นห้องพระมีประตูบานเลื่อนกั้นให้เรียบร้อย การตกแต่งวางผังของบ้านตัวอย่างจะต่างจากผังของโครงการเล็กน้อย
ข้ามมาดูอีกฝั่งหนึ่งต่อ ฝั่งนี้เป็นห้องนอน 3 ห้องและ ห้องพระ
ด้านหน้าห้อง สามารถตกแต่งผนังโล่งๆเป็นชั้นวางของ เอาไว้วางกรอบรูปและแจกันดอกไม้เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้กับตัวบ้านได้
มาดูห้องนอนห้องแรก เข้ามาจะเจอกับตู้เสื้อผ้า Built-in
ถัดไปจะเป็นห้องนอน วางเตียง 5 ฟุตได้และยังมีพื้นที่วางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง
ด้านข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งมีระยะเหลือวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ
ปลายเตียงมีระยะเหลือพอสมควร
ห้องนอนทุกห้องในบ้านนี้มีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำห้องนี้ วางอ่างล้างหน้าอยู่ตรงข้ามกับสุขภัณฑ์ ด้านในเป็นพื้นที่อาบน้ำ
พื้นที่อาบน้ำกว้างพอสมควรเลย ปูกระเบื้องพื้นเหมือนกับห้องที่ผ่านมาคือเป็นกระเบื้องผิวด้านไม่ลื่น
อีกห้องเข้ามาก็จะคล้ายๆกับห้องแรกคือ เจอตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งก่อน
ถัดเข้าไปเป็นส่วนห้องนอนเช่นกัน แต่ห้องนี้จะใหญ่กว่าหน่อย
ด้านขวาของเตียงมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะข้างเตียงได้
อีกฝั่งมีระยะเหลือเยอะอยู่
ส่วนปลายเตียงก็มีระยะเหลือพอสมควร มีระยะดูทีวีกำลังพอดี เตียงที่วางเป็นเตียง 5 ฟุต ด้านข้างเตียงมีหน้าต่างรับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้อง
ชะโงกออกไปเห็นแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์เอาไว้แบบนี้ สามารถออกไปซ่อมบำรุงได้สะดวก
ถัดมาเป็นห้องพระ กั้นด้วยประตูบานเลื่อน
พื้นที่ภายในเป็นแบบนี้ มีช่องแสงทำให้ภายในห้องไม่มืดทึบและสามารถระบายอากาศได้ดี
และห้องนอนสุดท้ายห้องนี้อยู่หน้าบ้าน ดังนั้นจึงจะได้ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ และได้พื้นที่ระเบียงมาด้วย
ด้านซ้ายมีระยะปลายเตียงเหลือตามภาพ
อีกฝั่งมีระยะเหลือใกล้เคียงกัน
ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควร Built-In ตู้วางทีวีและวางพรมตกแต่งได้
ข้างเตียงมีประตูกระจกบานใหญ่
มือจับเป็นแบบดึงออกมา บิดแล้วเลื่อนเปิด
ระเบียงด้านนอกมีพื้นที่กว้างพอสมควร พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 cm.
ระเบียงมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างจะหาชุดที่นั่งมาวางซักชุด เพื่อนั่งรับลมก็ได้นะ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ
บ้านตัวอย่างตกแต่งตู้เสื้อผ้า Built-In ไว้ตามภาพ การทำหน้าบานตู้เสื้อผ้าเป็นกระจกนอกจากที่เราจะสามารถตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้แล้ว ยังช่วยสะท้อนทำให้พื้นที่ส่วนนี้กว้างขึ้นอีกด้วย
ห้องน้ำของห้องนี้ วัสดุและการออกแบบคล้ายๆกับห้องที่ผ่านมา แต่ห้องนี้มีหน้าต่างบานกระทุ้งอยู่ 2 บานทำให้ห้องสว่างกว่าห้องน้ำห้องอื่น
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 16 September 2015
- แบบ MERIT 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ที่ดิน 132.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 346 ตรม. ราคา 28.35 ล้านบาท
- แบบ GRANDEUR 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ที่ดิน ที่ดิน 148 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 414 ตร.ม. ราคา 33.3 ล้านบาท
- แบบ GRANDEUR 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ที่ดิน ที่ดิน 183.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 414 ตร.ม. ราคา 37.64 ล้านบาท (แปลงมุม)
- เงินจอง 200,000 บาท
- และทำสัญญา 800,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 120,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ The Palazzo จรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์ ตั้งอยู่บนถนนพระเทพฯตัดใหม่ ถนนที่ตัดใหม่เชื่อมถนน จรัญสนิทวงศ์ เข้ากับ ถนนราชพฤกษ์ และ ถนนกาญจนาภิเษก จุดประสงค์เพื่อช่วยระบายการจราจรจากถนนจรัญสนิทวงศ์ที่เป็นถนนสายยาว ไม่มีแยกให้ใช้หนีรถติดมากนัก ซึ่งถนนสายนี้ในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างยังไม่ได้เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการ ถ้าเสร็จแล้วคาดว่าน่าจะเป็นเส้นที่มีสาธารณูปโภคและโครงการน้อยใหญ่ เข้ามาก่อสร้างในเร็วๆนี้ โดยการพัฒนาของถนนเส้นนี้น่าจะคล้ายๆกับถนน ราชพฤกษ์ ตัวทำเลของโครงการจะอยู่ค่อนมาทางถนน ราชพฤกษ์มากกว่าซึ่งในตอนนี้ถนนราชพฤกษ์ก็เป็นถนนที่มีความเจริญ และ อุดมสมบูรณ์สูง มีร้านอาหารทั้งเล็กใหญ่ Community mall เช่น The Circle และ โครงการแนวราบระดับหรูมากมาย ซึ่งก็จะได้อานิสงค์ในเรื่องของเพื่อนบ้าน เนื่องจากโครงการที่อยู่โดยรอบส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ High End ทั้งนั้น และ ไม่มีตึกสูงมาบดบังทัศนียภาพ
การเดินทางโดยใช้รถ ถ้าถนนพระเทพฯตัดใหม่เปิดให้ใช้บริการ จะทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวกเพราะถนนเส้นนี้ตัดกับถนนายสำคัญหลายสาย เช่น ถนน จรัญสนิทวงศ์ , ถนน ราชพฤกษ์ , ถนน พุทธมณฑล สาย 1 และ ถนน กาญจนาภิเษก ซึ่งถนนกาญจนาภิเษกใช้เชื่อมออกไปทางถนนพระราม 2 และ ถนน รัตนาธิเบศร์ ได้อีกด้วย สำหรับซอยลัดในตอนนี้ก็จะมีซอย จรัญสนิทวงศ์ 35 และ ซอย จรัญสนิทวงศ์ 13 ใช้เชื่อมออกไปถนน จรัญสนิทวงศ์ได้ แต่บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์นั้นไม่มีทางด่วนในบริเวณใกล้เคียง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการจราจรที่ติดขัดจะต้องไปขึ้นที่ทางด่วนบริเวณสะพานตากสิน หรือ ทางด่วนยมราช แต่ในอนาคตจะมีโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีการสร้างทางด่วนบริเวณใกล้กับโครงการ โดยทางขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางขึ้น-ลง ราชพฤกษ์ อยู่บริเวณจุดตัดของถนนบรมราชชนนีกับถนนราชพฤกษ์ โดยมีกำหนดจะเปิดใช้บริการในปี 2559 การมาของทางด่วนจะทำให้การเดินทางของคนละแวกนี้สะดวกขึ้นมาก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บนถนนตัดใหม่ซึ่งรถโดยสารสาธารณะยังไม่มีวิ่งผ่านมากนัก จะมีก็แต่รถประจำทางสาย 89 ที่วิ่งผ่านถนน ราชพฤกษ์ และ วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ที่บริเวณจุดตัดระหว่างถนน บรมราชชนนีกับถนนราชพฤกษ์ โครงการอยู่ติดถนนใหญ่จึงสามารถเรียก มอเตอร์ไซค์ และ แท็กซี่ได้ง่าย ในอนาคตถ้าถนนเปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการน่าจะมีรถโดยสารสาธารณะผ่านมากขึ้น สำหรับโครงการรถไฟฟ้าโดย บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตอนนี้กำลังมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ–ท่าพระ ซึ่งในตอนนี้ก่อสร้างไปได้เยอะความเหมือนกันคาดว่าอีกไม่กี่ปีคงได้เปิดใช้กัน
วัสดุที่ทางโครงการให้ ให้ตามมาตรฐานโครงการระดับหรู เช่น พื้นไม้ปาร์เก้ไม้มะค่า และสุขภัณฑ์ที่ให้เกรดค่อนข้างดีหน่อย ส่วนโถงจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ห้องน้ำให้เป็น กระเบื้องแกรนิตโต้ และ กระเบื้องลายหินอ่อน บานประตูหน้าบ้านให้เป็น บานประตูไม้สัก+Stain Glass ส่วนบานประตูทั่วไปเป็น บานประตู H.D.F
การออกแบบการออกแบบวางผัง ค่อนข้างดี เนื่องจากยูนิตน้อยจึงทำให้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ซึ่งความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นจุดเด่นของโครงการในระดับนี้ การวางผังโครงการเข้ามาจะเจอกับ Club House ก่อน ด้านในจึงจะเป็นส่วนบ้านพักอาศัย การวางผังตัวบ้านส่วนใหญ่จะวางตัวในแนวเหนือ – ใต้ ช่วยให้ตัวบ้านไม่ต้องรับแดดบ่าย ทำให้บ้านไม่ร้อน มีเพียงบ้านแบบ MERIT 4 หลังเท่านั้นที่หันออกทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศที่ได้รับแดดในตอนเช้า ตรงกลางโครงการมีแนวของคลองตัดผ่านแต่ทางโครงการทำรั้วครอบไว้เพื่อความปลอดภัย และ ทัศนียภาพที่ดี ส่วนการออกแบบบ้านภายนอกออกแบบโดยใช้สไตล์ Modern Art Deco คือใช้เส้นสายความอ่อนช้อยของธรรมชาติมาตกแต่งภายนอกอาคาร การวางผังภายในบ้านจัดให้มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าบ้านทั่วๆไป มีห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น และ ห้องอาหารที่ต่อเนื่องกัน ครัวมีทั้ง Pantry และครัวใหญ่ ชั้นบนได้ห้องนั่งเล่น และ ห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ที่มี Walk-In Closet และ ห้องอาบน้ำที่มีอ่างอาบน้ำ และยังมีห้องนอนค่อนข้างเยอะ รองรับครอบครัวใหญ่ที่มีจำนวนสมาชิกในบ้านเยอะ
สาธารณูปโภค มี คลับเฮ้าส์ ที่มีฟรี Wi-Fi , สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5.85 x 17.96 เมตร , ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง เครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง , สวนสาธารณะ 223.3 ตารางวา , ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางน่าจะเล็กไปหน่อยแต่ทำให้ตัวบ้านได้ที่ดินมากขึ้น พื้นที่สีเขียวมีด้านหน้าเพียงจุดเดียวแต่ก็มีกระจายอยู่โดยรอบโครงการ บรรยากาศดดยรอบค่อนข้างร่มรื่น ส่วนระบบความปลอดภัยก็ให้มาดี มีพี่ยามดูแลความปลอดภัยให้ และมี ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 16 จุด , Key Card Access ระยะใกล้ , สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง
Judgement
The Palazzo จรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury – Super Luxury ที่มีราคาขายระดับ 25-50 ล้านบาท ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา แต่ปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการลักษณะนี้ค่ะ
BOTTOM LINE
The Palazzo จรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์ ถือว่าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ ระดับหรู มีจำนวนยูนิตน้อย ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณในการซื้อบ้าน 25 – 50 ล้าน มองหาหมู่บ้านที่มีความ Private สูง มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด อยู่ในทำเลที่ไกลเมืองหน่อยแต่เดินทางสะดวก ร้านอาหารเยอะ เน้นความชอบและงานออกแบบที่ถูกใจตัวเอง ไม่เน้น Facility
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )