รีวิว The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) บ้านระดับ Luxury 3 ชั้นโครงการใหม่ ใกล้เมกาบางนา ติดทางคู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก ในราคาเริ่มต้น 28-40 ล้านบาท ซึ่งเราคิดว่าโครงการมีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายประเด็นเลยค่ะ ตามลิสต์นี้…

  • เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นที่มีราคาน่าสนใจกว่าโครงการอื่นเล็กน้อย เริ่มต้น 28 ล้านบาท เพราะราคาบ้านเดี่ยว 3 ชั้นในโซนนี้มีราคา 30 ล้านขึ้นไปจนถึง 60 ล้านกันแล้วนะคะ
  • ออกแบบบ้านทุกหลังให้เป็นทรงตัว L ล้อมคอร์ท ทำให้ทุกห้องนอนและห้องนั่งเล่นมองเห็นสระและสวน เรียกว่าได้วิวดีทุกห้องเลย
  • โครงการใช้หลายเทคนิคในการออกแบบให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง เช่น การออกแบบช่องเปิดไม่ให้ชนกับบ้านข้างเคียง, การใช้ Double Facade เพื่อช่วยให้แสงและลมผ่านตัวบ้านได้ ในขณะเดียวกันก็บังสายตาจากเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ด้วยเช่นกัน
  • มี Butler Service ไว้คอยอำนวยความสะดวก เช่น ดูแลสระว่ายน้ำ, ตัดแต่งสวน, ทําความสะอาดบ้าน, ล้างแอร์, ตรวจเช็คระบบประปา-ระบบไฟฟ้า, บริการซื้อสินค้าที่ นัมเบอร์วันมาร์เก็ต เป็นต้น ซึ่งโครงการหรูหลายๆ ที่ยังไม่ได้มีบริการรูปแบบนี้นะคะ
  • มีแบบบ้าน Pool Villa ให้เลือก เหมาะกับใครที่ต้องการสระว่ายน้ำพร้อมใช้งานไม่ต้องต่อเติมเอง

รายละเอียดจะเป็นอย่างไรตามไปชมรีวิวกันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) ณ วันที่ 26 มกราคม 2567

 ชื่อโครงการ   The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด
 SEGMENT CLASS   LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก เขตประเวศ
 ที่ดิน  24 ไร่
 จำนวนยูนิต  71 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Trenda บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 87.4-135.3 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 560 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / ลิฟต์ / สระว่ายน้ำส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 40 ล้านบาท
  • Venti บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 66.9-91.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ / ลิฟต์
    – ราคาเริ่มต้น 28 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   ชั้น 1-3 สูง 2.9 เมตร, Double Volume สูง 6.6 เมตร, ที่จอดรถสูง 3.2 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ                      160,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   Q1 ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   มกราคม ปี 2570 (บางส่วน)
 เว็บไซต์โครงการ   https://theonesignature.com
 โทร   099-382-8899

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.701140298568328, 100.70083047217359
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9)

ทำเลของโครงการ The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) เรียกได้ว่าเป็นทำเลโซนบางนา-อ่อนนุช อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งก็จะตอบโจทย์สำหรับคนที่เดินทาง (ด้วยเครื่องบิน) บ่อยๆ หรือทำงานภายในสนามบิน รวมถึงเจ้าของกิจการ โรงงาน ในย่านบางนา, ชลบุรี, สมุทรปราการ ที่ยังต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ตัวเมืองกรุงเทพฯ โดยข้อดีหลักๆ ของถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก คือคนส่วนใหญ่จะใช้เป็นเส้นทางเพื่อข้ามไปมาระหว่างบางนา-ตราด, พระราม9 และลาดกระบังได้โดยไม่ต้องเสียค่าทางด่วน

บนถนนเส้นนี้จะมีทางลัดเลาะต่างๆ เชื่อมต่อกันได้เยอะ อย่างเช่นสามารถลัดไปออกบางนา-ตราด ช่วงก่อนถึงสะพานกลับรถเพื่อข้ามไป Mega Bangna ได้ทันที หรือจะใช้ลัดเพื่อไปออกถนนเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 เพื่อเชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์หรือถนนพัฒนาการก็ได้ หรือจะใช้ลัดเข้าไปถนนกิ่งแก้วได้

นอกจากนี้แล้ว ในทำเลนี้ยังมีตัวเลือกในการเดินทางด้วยทางพิเศษ (ทางด่วน) 3 สายสำคัญอย่าง ทางพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์ หรือกรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่), ทางพิเศษบูรพาวิถี และ ถนนกาญจนาภิเษก พระราม2-บางปะอิน อีกด้วย จากทั้งหมดที่กล่าวมาจึงทำให้ทำเลนี้มีความสะดวกในการเดินทางด้วยรถยนต์มากทีเดียว

สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะอาจจะไม่ได้สะดวกเท่ากับรถยนต์ส่วนตัวนะคะ แต่ก็ยังพอเรียกรถผ่าน Application ได้ นอกจากนั้นก็มีตัวเลือกเป็น Airport Rail Link (เส้นสีแดงทึบ) สถานีทับช้างประมาณ 5 กิโลเมตร สามารถใช้เป็นตัวเลือกในการเดินทางได้ เนื่องจากจะไปเชื่อมต่อกับ BTS สายสีเขียว สถานีพญาไท และ MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีมักกะสัน หรือไปสนามบินสุวรรณภูมิได้เลย และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีเอี่ยม ที่ตัดกับถนนศรีนครินทร์เชื่อมต่อ BTS สายสีเขียว สถานีสำโรงค่ะ

พูดถึงเรื่องความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการกันต่อค่ะ ภาพรวมเป็นย่านใหญ่ถือว่ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะ มีแหล่งจับจ่ายใช้สอยหลากหลายให้ช้อปปิ้งกันได้ไม่เบื่อเลย แต่จะต้องใช้รถขับไปสักหน่อย โดยจะแบ่งเป็นทำเลใหญ่ๆ ดังนี้

ถนนสุขาภิบาล 2 : ใกล้โครงการมากที่สุดก็คือร้านรวงต่างๆ บนถนนสุขาภิบาล 2 เยอะเลยค่ะ เช่น ใน K Space Mini Mall ที่มีทั้งร้านสไตล์บุฟเฟต์, ร้านอาหารญี่ปุ่น, ร้านเสริมความงาม ฯลฯ รวมถึงร้านสะดวกซื้อทั้ง Tesco Lotus, 7-Eleven ก็มีตลอดทั้งเส้นเช่นกัน

ถนนบางนา-ตราด : มี Mega Bangna ที่ภายในนอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์แล้ว ก็ยังมี IKEA ศูนย์รวมเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านด้วย หรือบนถนนเส้นบางนา-ตราดเองก็จะมี Market Village, Makro บางพลี และ Central บางนา นอกจากนี้ยังมีห้างขายอุปกรณ์และของตกแต่งบ้านมาเปิดกันอีกหลายแบรนด์ทั้ง SB, Chic Republic, Index Living mall, ไทวัสดุ, บุญถาวร

ถนนศรีนครินทร์ : มีห้างใหญ่อย่าง Seacon Square, ตลาดนัดสวนรถไฟ มีคาเฟ่ให้เลือกนั่งพักผ่อน และ Paradise Park นอกจากนั้นยังใกล้กับสวนหลวง ร. 9 อีกด้วย

ถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง : มี Community Mall อย่าง Paseo ลาดกระบัง ถัดมาอีกไม่ไกล ก็มีห้างสรรพสินค้าสร้างใหม่อย่าง Robinson ลาดกระบัง ที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ (ประมาณ 5.8 km.) และมีโรงภาพยนตร์ให้ใช้บริการ

นอกจากแหล่งจับจ่ายใช้สอยแล้ว ในทำเลนี้ยังมีครบทั้งโรงพยาบาล, โรงเรียนนานาชาติ, มหาวิทยาลัย, สวนสาธารณะ เช่น Charter International School, D-PREP International School, Berkeley International School เป็นต้น รวมถึงใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิด้วยค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมของโครงการ The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) ส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบ จึงไม่ได้มีประเด็นอะไรที่ส่งผลต่อการพักอาศัย แต่รั้วทางทิศใต้จะติดกับที่ตั้งของบริษัท Toyota Boshoku Asia ทำธุรกิจค้าส่งและส่งออกอุปกรณ์รถยนต์ ซึ่งวันที่เราไปถ่ายรีวิวก็ไม่ได้เห็นประเด็นอะไรที่ส่งผลต่อการพักอาศัยนะคะ หากเพื่อนๆ อยู่ในโซนนั้นก็สามารถคอมเม้นต์ให้ข้อมูลกันได้ เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนคนอื่นที่กำลังตัดสินใจนะคะ

สำหรับประเด็นเรื่องติดถนนใหญ่ โครงการจะมี Buffer Zone ด้านหน้าเป็นลำรางสาธารณะ ช่วยกรองเสียงและฝุ่นจากถนนหน้าโครงการให้ลดลงได้

บรรยากาศทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษกบริเวณหน้าโครงการ เป็นถนนสวนเลนได้จึงใช้งานได้สะดวก

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ตัวช่วยในการเดินทาง

  • วงแหวนกาญจนาภิเษก ~ 2.8 km.
  • สนามบินสุวรรณภูมิ ~ 14.2 km.

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง ~ 5.8 km.
  • นัมเบอร์วัน มาร์เก็ต ~ 5.9 km.
  • เมกา บางนา ~ 9.4 km.
  • เซ็นทรัล บางนา ~ 12.5 km.
  • ไบเทค บางนา ~ 16.9 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ~ 5.1 km.
  • โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ~ 10.5 km.
  • โรงพยาบาลวิภาราม ~ 10.7 km.
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 11.9 km.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 13.3 km.

โรงเรียน

  • Charter International School ~ 3 km.
  • โรงเรียนสาธิต ม.รามคำแหง 2 ~ 5.3 km.
  • มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา (รามคำแหง 2) ~ 6.3 km.
  • เตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ ~ 9.8 km.
  • D-PREP International School ~ 9.8 km.
  • Berkeley International School ~ 20.6 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • Clubhouse อยู่ด้านหน้าโครงการ ใช้เป็นหน้าเป็นตารับแขกได้ และเราจะได้วิวสวนส่วนกลางทุกครั้งที่เข้าออกโครงการเลยค่ะ
  • Facilities จัดฟังก์ชันหลากหลายสมราคา
  • มี Butler Service ไว้คอยอำนวยความสะดวก เช่น ดูแลสระว่ายน้ำ, ตัดแต่งสวน, ทําความสะอาดบ้าน, ล้างแอร์, ตรวจเช็คระบบประปา-ระบบไฟฟ้า, บริการซื้อสินค้าที่นัมเบอร์วันมาร์เก็ต เป็นต้น ซึ่งโครงการหรูหลายๆ ที่ยังไม่ได้มีบริการรูปแบบนี้นะคะ

  • The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) พัฒนาโดย Number One Housing Development ที่เคยมีผลงานด้านอสังหาฯ มาหลายโครงการ สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวที่น่าจะมีชื่อคุ้นหูกันในโซนนี้ก็คือ Blue Lagoon 1 และ 2 ซึ่ง Slod Out กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนอกจากนี้ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งที่ช่วย Support ความต้องการในชีวิตประจำวันได้คือ นัมเบอร์วันมาร์เก็ต ซึ่งอยู่ในโซนรามคำแหง 2 ใกล้ๆ นี้เองค่ะ

Masterplan

โครงการ The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น จำนวน 71 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 24 ไร่

หากดูจาก Master Plan ประเด็นที่น่าสนใจจะมีอยู่ 2 เรื่องด้วยกันค่ะ ประเด็นแรก คือ อาคาร Clubhouse จะวางไว้อยู่โซนด้านหน้าของโครงการทำหน้าที่เป็นพื้นที่ต้อนรับ เสริมสร้างบรรยากาศทางเข้าให้ดูดี เราจะมองเห็นวิวสวนด้านหน้าทุกครั้งที่เข้าออกโครงการ หรือถ้ามีแขกมาหา ก็สามารถรับรองที่ Clubhouse ด้านหน้าได้เลย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อให้ลูกบ้านไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวค่ะ

ประเด็นที่ 2 คือ “ทิศของบ้าน” บ้านส่วนใหญ่ในโครงการจะหันทางทิศเหนือและใต้เป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมสำหรับการอยู่อาศัยเลยทีเดียว บ้านที่หันทิศเหนือจะได้แสงธรรมชาติที่ไม่แรงมาก ส่วนบ้านทิศใต้จะได้ลมดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแปลนบ้านด้วยว่าช่องหน้าต่างที่ใช้รับลมอยู่ทางทิศไหน หรือหากชอบนอนตื่นสายก็อาจจะเหมาะกับห้องนอนที่ไม่ได้อยู่ทางทิศตะวันออก เป็นต้น

ประเด็นที่ 3 มีให้เลือกทั้งตำแหน่งบ้านที่อยู่บนถนนหลัก เหมาะกับคนชอบตำแหน่งบ้านที่เข้าออกได้ง่าย (กรอบสีส้ม) และมีตำแหน่งบ้านในซอยตัน จะได้ความเป็นส่วนตัวหน่อย (กรอบสีม่วง) สำหรับบ้านที่มี Value มากกว่าโซนอื่นๆ เรามองว่าเป็นบ้านหน้าสวน เพราะได้วิวสวนและไม่มีบ้านฝั่งตรงข้ามนั่นเอง แต่ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง จากสายตาของเพื่อนบ้านที่มาใช้ Facilities ส่วนกลางด้วยเหมือนกัน

ซุ้มประตูด้านหน้าโครงการดูทันสมัยและใหญ่โตโอ่อ่า ตกแต่งด้วยสี Copper เพื่อเพิ่มความหรูหรา ตัวซุ้มประตูออกแบบมาให้มีหลังคาคลุมกันแดดกันฝนทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก

ซึ่งทางเข้าออกจะต้องผ่านคลองปักหลักที่เป็น Buffer Zone ช่วยกรองเสียงและฝุ่นจากถนนหน้าโครงการให้ลดลงได้

ประตูเข้าออกโครงการเป็นประตูเหล็กบานเลื่อนให้ความปลอดภัยได้ดีกว่าแบบไม้กั้นกระดก มีการแยกเลนระหว่าง Visitor กับลูกบ้านทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกเพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน ลูกบ้านจึงสามารถขับรถผ่านได้สะดวก โดยไม้กั้นกระดกจะเปิดอัตโนมัติด้วยการสแกนป้ายทะเบียน (License Plate) ซึ่งลงทะเบียนรถได้บ้านละ 3-4 คัน ตามจำนวนช่องจอดรถของแต่ละ Type บ้าน แบบนี้ก็น่าจะช่วยลดปัญหาการจอดรถหน้าบ้านไปได้นะคะ

ถ้าหากจะมี Visitor มาหาก็สามารถแจ้งเลขทะเบียนรถไว้ล่วงหน้าได้ ซึ่งทางพี่รปภ. ก็จะ VDO Call ไปสอบถามด้วยว่าใช่แขกของลูกบ้านรึเปล่า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยค่ะ

นอกจากประตูหลักแล้วก็จะมีประตูเล็กแยกไว้ให้เดินเข้า-ออก เพื่อความปลอดภัย

เข้ามาในโครงการจะมีถนนหลักที่จ่ายลูกบ้านออกไปตามซอยต่างๆ โดยถนนหลักบริเวณหน้าโครงการมีความกว้าง 12 m. ปิดผิวด้วยแสตมป์คอนกรีตดูสวยงาม และเมื่อขยับเข้าไปด้านในทั้งถนนหลักและในซอยจะกว้าง 9-10 m. เป็นระยะที่กว้างดี ขับรถสวนกันได้สะดวก ก่อสร้างเป็นถนนแอสฟัลท์ (ลาดยาง) จึงนุ่มนวลเป็นมิตรกับล้อรถมากกว่าถนนคอนกรีต แต่ในเรื่องความคงทนแข็งแรงถนนคอนกรีตจะดีกว่านะคะ

สำหรับ Clubhouse จะติดกับซุ้มประตูโครงการเลย เข้ามาปุ๊บก็จะเห็นเด่นเป็นสง่า เป็นงานสถาปัตยกรรมทรงเก๋ๆ สูง 2 ชั้น โดยพื้นที่อาคาร Clubhouse และสวนส่วนกลางก็จะมีขนาดรวมกันประมาณ 2 ไร่กว่าๆ

ทางขึ้น Clubhouse นอกจากบันไดหลักตามปกติแล้ว ก็จะมีทางลาดเพื่อให้ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวก

Lobby Lounge

Image 1/4
Lobby Lounge

Lobby Lounge

ภายใน Lobby จัดชุดโซฟาไว้หลายชุด เป็นสถานที่ที่ลูกบ้านสามารถมานั่งประชุมหรือนัดพบปะ คุยธุระต่างๆ โดยไม่ต้องพาเข้าบ้านก็ได้ และห้องนี้ก็จะได้วิวสระและมองเห็นสวนในระยะไกลด้วยค่ะ

Swimming Pool

Image 1/6
Swimming Pool

Swimming Pool

ถัดมาที่สระว่ายน้ำจะมีทั้งโซนเด็กและโซนผู้ใหญ่ เป็นสระกลางแจ้งระบบเกลือขนาด 7 x 25 m. ลึก 1.2 m. ใช้ว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง แต่เหมาะกับการใช้งานในช่วงเย็นที่แดดร่มสักหน่อย หากว่ายน้ำเหนื่อยๆ ก็มานั่งพักข้างสระได้ มี Daybed ไว้รองรับ ชมวิวสระและสวนกันได้แบบเพลินๆ และมีจุดล้างตัวด้านข้างสระ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวก

ที่ไม่พูดไม่ได้คือการดีไซน์สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ให้มองออกเห็นวิวสวนได้แบบต่อเนื่อง ซึ่งตัวสระเป็นระบบน้ำล้นก็จะมีเสียงเหมือนน้ำตกดังอยู่ตลอด ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้เหมาะกับการพักผ่อน

ห้องน้ำ

Image 1/3
ห้องน้ำ

ห้องน้ำ

ห้องน้ำจะหลบมุมเข้าไปด้านใน จึงได้ความเป็นส่วนตัวและดูมิดชิดขึ้น ภายในมีห้องสุขา ห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์ครบครัน

ทางเดินภายใน Clubhouse

Image 1/4
ทางเดินภายใน Clubhouse

ทางเดินภายใน Clubhouse

แต่ละฟังก์ชันภายใน Clubhouse จะมีทางเดินแบบ Outdoor เชื่อมต่อกัน ให้บรรยากาศเหมือนทางเดินในสวน ใกล้ชิดธรรมชาติ มีร่มเงาจากต้นไม้เพื่อช่วยบังแดด แต่ในช่วงฤดูฝนคงต้องพกร่มมาด้วยค่า

Private Salon

Image 1/3
Private Salon

Private Salon

Private Salon เป็นห้องแยกออกมาจากอาคารหลัก เตรียมไว้รองรับการเรียกช่างส่วนตัวมาทำผม, แต่งหน้า ภายในมีเตียงสระผมและโต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้

Meeting Room

เป็นห้องประชุมแบบ Indoor ที่ลูกบ้านสามารถมาจองใช้ได้ ภายในจัดชุดโต๊ะประชุมตัวยาวไว้ ขนาด 7-8 ที่นั่ง มีจอโทรทัศน์เอาไว้เผื่อแชร์จอคอมพิวเตอร์ คุยงานกันได้สบายๆ ตำแหน่งของห้องนี้จะได้วิวสวน ดูร่มรื่น

Co-Working Space

เป็นอีกมุมสงบที่น่ามานั่งอ่านหนังสือ หรือเวลาที่ต้องการเปลี่ยนสถานที่ทำงานเพื่อหาแรงบันดาลใจ ห้องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ เป็นห้องแอร์แบบ Indoor ใช้งานได้สบายค่ะ

Kid Room

Image 1/5
Kid Room

Kid Room

ห้องเล่นสนุกให้คุณหนูๆ ได้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ เรามองว่าเป็นพื้นที่สำคัญที่ทำให้พวกเขาได้พบปะเพื่อนๆ ได้เรียนรู้การเข้าสังคมด้วยค่ะ ภายในมีของเล่นไว้เพียบเลย

Play Area

Image 1/3
Play Area

Play Area

นอกจากพื้นที่ Indoor สำหรับคุณหนูๆ แล้ว โครงการก็จะมีพื้นที่ Outdoor สำหรับเด็กให้ใช้เสริมสร้างกล้ามเนื้อ, ยืดเส้นยืดสายด้วยเช่นกัน เหมาะกับเวลาที่พ่อแม่มาทำกิจกรรมใน Clubhouse ก็จะมีพื้นที่ให้ลูกๆ วิ่งเล่นพักผ่อนได้

ชั้น 2

บนชั้น 2 จะมีอีก 2 ฟังก์ชันที่น่าสนใจก็คือ Fitness และ Signature Lounge

Signature Lounge

Image 1/3
Signature Lounge

Signature Lounge

ห้องนี้เอาใจสายปาร์ตี้ โดยลูกบ้านสามารถจองใช้งานแบบเป็นส่วนตัวได้ ภายในมีโซฟานั่งเล่น, TV, โต๊ะทานอาหารขนาด 10 ที่นั่ง และเคาน์เตอร์บาร์สำหรับชงเครื่องดื่มและทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ ได้ ซึ่งโครงการเตรียมอุปกรณ์ในครัวไว้ให้พร้อมเลย ทั้งเตาอบ, ตู้เย็น, เครื่องชงกาแฟ, ซิงค์ล้างจาน เป็นต้น

Fitness

Image 1/4
Fitness

Fitness

ภายใน Fitness จะจัดวางเครื่องออกกำลังกายส่วนใหญ่ไว้ติดหน้าต่าง เพื่อให้รับวิวสระและสวนได้ บรรยากาศในห้องจึงดูโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด ใน Fitness มีอุปกรณ์ครบครันจาก True Fitness รองรับทั้งการออกกำลังกายแบบ Cardio และ Weight Training

สวนส่วนกลาง

Image 1/6
สวนส่วนกลาง

สวนส่วนกลาง

ภายในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่ม ซึ่งโครงการจัดมุมนั่งเล่นไว้เยอะทีเดียวทั้งแบบม้านั่งในสวนและที่นั่งจริงจังแบบ Pavilion จุดที่เราชอบก็คือมีโคมไฟในสวนเยอะมาก ทำให้สวนดูสว่างไสว สามารถใช้งานจนเย็น-ค่ำได้

ตอนนี้ทางโครงการก่อสร้างบ้านในโซนด้านหน้าที่ติดกับสวนใกล้จะแล้วเสร็จแล้วค่ะ ใครอยากเห็นบรรยากาศจริงในโครงการก็สามารถแวะมาชมได้แล้วนะคะ

อีกบริการพิเศษที่ไม่ได้มีทุกโครงการหรูก็คือ Butler Services ที่เป็นเหมือนผู้ดูแลแลอำนวยความสะดวกภายในบ้านให้กับเจ้าบ้านแต่ละหลัง สามารถใช้บริการแบบ Tailor Made (ตามสั่ง) ที่ลูกบ้านสามารถเลือกได้ตามความต้องการในราคาพิเศษ ครอบคลุมในเรื่องของการ maintenance ส่วนสำคัญของบ้าน เช่น สระน้ำ และ สวน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านและลดความเสี่ยงในการ เข้า-ออกโครงการของคนแปลกหน้า ซึ่ง Supplier ต่างๆ ทาง Butler Service จะคัดเลือกมืออาชีพมาเป็นผู้ดูแลบ้านให้กับลูกค้าของโครงการค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse บริเวณหน้าโครงการประกอบไปด้วย

  • ชั้น 1

  • Lobby
  • Co-Working Space
  • Meeting Room
  • Private Salon
  • Kid Room
  • Play Area
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7×25 เมตร ลึก 1.2 เมตร ภายในแบ่งสระเด็กไว้เป็นสัดส่วน

  • ชั้น 2
    • Signature Lounge
    • Fitness

  • พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด
  • Butler Service
  • ถนนหลักกว้าง 12 เมตร และถนนภายในกว้าง 9-10 เมตร
  • Wi-Fi ฟรีที่ Clubhouse
  • เดินระบบสายไฟฟ้าใต้ดินทั้งโครงการ
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 44 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตรและรั้วบางส่วนที่ติดโครงการด้านข้างต่อรั้วเหล็กระแนงสูง 4.5 เมตร
  • ประตูรั้วโครงการแบบประตูเลื่อนไฟฟ้า เข้าออกโครงการด้วยระบบ License Plate บันทึกป้ายทะเบียนรถได้ตามจำนวนที่จอดรถในบ้าน
  • VDO Door Phone ที่ประตูทางเข้าโครงการ
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • แบบบ้าน

    Concept ที่ใช้ในการออกแบบโครงการมาจากแนวคิด “Private Luxury Living Residences” คือการออกแบบที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่ยังมีกลิ่นอายที่เรียบหรู โดยจุดเด่นของบ้านโครงการ The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) มีความน่าสนใจหลายประเด็นทีเดียว ได้แก่

    • เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นที่มีราคาน่าสนใจกว่าโครงการอื่นสักหน่อยเริ่มต้น 28 ล้านบาท เพราะราคาบ้านเดี่ยว 3 ชั้นในโซนนี้มีราคา 30 ล้านขึ้นไปจนถึง 60 ล้านกันแล้วนะคะ
    • อีกจุดเด่นหลักที่เราเห็นว่าแตกต่างจากโครงการในโซนนี้คือ “การออกแบบที่โปร่งโล่ง ทุกห้องนอนห้องพักผ่อนสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำและสวนได้ จึงมีระเบียงแทบทุกห้องเลย”
    • โครงการใช้หลายเทคนิคในการออกแบบให้บ้านได้ความเป็นส่วนตัวสูง เช่น การออกแบบช่องเปิดไม่ไห้ชนกับบ้านข้างเคียง, การใช้ Double Facade เพื่อช่วยให้แสงและลมผ่านตัวบ้านได้ ในขณะเดียวกันก็บังสายตาจากเพื่อนบ้านข้างเคียงได้

    โครงการมีแบบบ้านทั้งหมด 2 แบบ ดังนี้

    • Trenda บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 87.4-135.3 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 560 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / ลิฟต์ / สระว่ายน้ำส่วนตัว
      – ราคาเริ่มต้น 40 ล้านบาท
    • Venti บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 66.9-91.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ / ลิฟต์
      – ราคาเริ่มต้น 28 ล้านบาท

    โครงสร้างและวัสดุในบ้าน

    • โครงสร้างแบบ Conventional ก่ออิฐฉาบปูน รองรับการทุบต่อเติมได้ในอนาคต
    • หลังคาทรง Flat Slab โครงหลังคา Smart Truss น้ำหนักเบา + เมทัลชีทพร้อมติดฉนวนกันความร้อน
    • ที่จอดรถในร่มใช้เสาเข็มเดียวกับตัวบ้าน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง Kenzai ชิ้นเล็ก 10×10 cm. เพื่อให้ดูแลซ่อมแซมง่าย
    • ประตู Tostem เป็นประตู Aluminium ลายไม้ สำเร็จรูปคุณภาพสูง
    • มือจับประตูพร้อม Digital Door Lock แบรนด์ Alpha ชนิด Push Pull Handle ระบบล็อค 2 ชั้นตามมาตรฐานญี่ปุ่น รองรับ 3 ระบบ ได้แก่ Password, Keycard และ กุญแจ
    • พื้นชั้น 1 : กระเบื้องแกรนิตโต้ 60×60 cm., 60×120 cm.
    • พื้นชั้น 2,3 : Engineering Wood
    • กรอบหน้าต่างอลูมิเนียมผิวทราย Zahara, กระจกตัดแสง
    • สุขภัณฑ์และวัสดุในห้องน้ำใช้ของ Kohler เป็นหลัก
    • ฉากกั้นอาบน้ำ กระจก Tempered หนา 10 mm.
    • อ่างอาบน้ำยี่ห้อ KASCH สีขาว ขนาด 183×82 cm. สูง 60 cm.
    • โครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วย Engineering Wood, ราวกันตกกระจก Tempered 8 mm. มือจับเป็นไม้เนื้อแข็ง
    • ลิฟต์ ของ Hitachi ระบบสลิง รองรับ 300 kg. (4 คน)
    • แอร์

    • แบบ Trenda ให้ Daikin Inverter Cassette 4 ทิศทาง 10 ตัว, แอร์ติดผนัง 1 ตัว
    • แบบ Venti ให้ Daikin Inverter Cassette 4 ทิศทาง 9 ตัว, แอร์ติดผนัง 1 ตัว

  • Wallpaper ติดให้ทั้งหลัง ยกเว้นห้องครัวเป็นผนังฉาบเรียบทาสี
  • Shock Sensor & Magnetic Sensor
  • Cube Motion Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว พร้อมส่งข้อความแจ้งเตือน และใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ LifeSmart สั่งงานเปิดไฟทางเดิน
  • ระบบไฟฟ้า 3 เฟส แบบ Trenda 3 เฟส (50/150) และแบบ Venti 3 เฟส (30/100)
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 4×7 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • Home Automation ควบคุมการทำงานผ่าน Application

    • เปิด-ปิด ไฟฟ้าส่องสว่าง
    • เปิด-ปิด เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น TV, เครื่องปรับอากาศ
    • เปิด-ปิด ประตูรั้วหน้าบ้าน
    • VDO Door Bell/ VDO Door Phone
    • CCTV 1 ตัว
    • แจ้งเตือนขอความช่วยเหลือจากภายในลิฟต์ไปที่ Application ในมือถือและ Alarm ในบ้าน

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ


    บ้านตัวอย่างแบบ Trenda

    Image 1/3
    หน้าตาบ้านแบบ Trenda

    หน้าตาบ้านแบบ Trenda

    หน้าตาบ้านที่เห็นว่าดูเรียบหรูแบบโมเดิร์นๆ แบบนี้มีการเลือกใช้วัสดุที่หลากหลายทั้งปูน, อลูมิเนียมลายไม้และ Stone veneer แผ่นหินที่มีความบางพิเศษ ทำให้ภาพรวมเป็นโทนสีน้ำตาล-เทา

    ในเรื่องของช่องแสงถ้าดูจากหน้าบ้านจะรู้สึกเหมือนว่าตัวบ้านไม่ได้มีช่องแสงเยอะนัก แต่จริงๆ แล้วเมื่อเข้าไปในบ้านจะเห็นว่ามีหน้าต่างเยอะมาก เพียงแค่ผู้ออกแบบเลือกเปิดในจุดที่มีความเป็นส่วนตัว และในหลายๆ จุดที่เลี่ยงไม่ได้จะใช้เทคนิค Double Facade เพื่อบังสายตาจากเพื่อนบ้านรอบข้าง

    ชั้น 1

    Trenda เป็นแบบบ้าน Pool Villa ของโครงการจัดฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ จอดรถได้ถึง 4 คัน ที่ดินเริ่มต้นมีขนาด 87.4-135.3 ตร.วา ซึ่งตัวบ้านเป็นทรงตัว L วางแบบเต็มที่ดินมีขนาดพื้นที่ใช้สอยถึง 560 ตร.ม. มาพร้อมสระว่ายน้ำ เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะๆ และชอบบ้านที่มีสระว่ายน้ำมาให้เลยไม่ต้องไปก่อสร้างต่อเติมเองภายหลัง รองรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4-6 คนกำลังดี และรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุด้วย เพราะมีลิฟต์ให้ขึ้นลงได้สะดวก

    ชั้น 1 – เป็น Common Area โปร่งโล่ง เชื่อมถึงกันทั้งพื้นที่นั่งเล่นและทานอาหาร ซึ่งจะมีจุดที่เป็น Double Volume ให้บรรยากาศที่โอ่อ่า และมีห้องอเนกประสงค์อีก 1 ห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำพร้อมห้องน้ำในตัว ครัวจะได้เป็นแบบครัวปิด มีประตูเชื่อมต่อกับโซนแม่บ้านด้านหลังเพื่อให้ใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก

    ทางเข้าบ้านจะมีประตูสำหรับเดินเข้า-ออกที่แยกออกจากรถยนต์ ซึ่งออกแบบมาเป็นซุ้มมีหลังคาบังแดดบังฝนให้

    บริเวณประตูก็จะมี VDO Door Bell ติดตั้งไว้ให้ เวลาที่มีแขกมากดกริ่งหน้าบ้าน ผู้อยู่อาศัยในบ้านก็สามารถมองเห็นว่าเป็นใครได้ รวมถึงสามารถคุยโต้ตอบกับผู้ที่มากดกริ่งได้ด้วยค่ะ

    ในส่วนของประตูรั้วหน้าบ้านจะเป็นประตูรั้วพร้อมระบบอัตโนมัติ สั่งเปิดได้ผ่านรีโมทและ Apps โดยพื้นที่จอดรถจะเป็นแบบจอดในร่มได้ 4 คัน ขนาดความกว้าง 10 m. ในส่วนที่มีหลังคาคลุมลึก 5.1 m. ซึ่งในส่วนนี้ทางโครงการจะลงเสาเข็มความยาวเท่าตัวบ้านไว้ให้เลย จึงไม่ต้องกลัวทรุดแยกออกจากตัวบ้าน

    ถ้าใครขับรถที่มีความยาวเป็นพิเศษ เช่น รถตู้ Alphard ก็สามารถจอดได้ เพราะระยะจากรั้วถึงกำแพงที่จอดรถมีระยะ 6.35 m. แต่หลังคาจะบังแดดไม่ได้ทั้งคัน ซึ่งเป็นส่วนที่ลูกบ้านนิยมต่อเติมกันมากที่สุด

    ภายในที่จอดรถจะมีจุดรองรับการติดตั้ง EV Charger ไว้ให้ ซึ่งระบบไฟของบ้าน Type นี้เป็น 3 เฟส 50/150 และมีห้องเก็บของมาให้ สามารถใช้เก็บของชิ้นใหญ่อย่างถุงกอล์ฟได้นะคะ

    บริเวณโรงจอดรถจะติดตั้ง CCTV มาให้ 1 จุด

    พื้นที่สวนข้างบ้านนั้นขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินของแต่ละแปลง ซึ่งบ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นบ้านหลังมุมจึงมีพื้นที่สวนข้างบ้านเยอะหน่อย แต่ถ้าเราไม่ได้ชอบดูแลสวนสักเท่าไหร่ ก็เลือกแปลงอื่นที่มีที่ดินรอบบ้านไม่เยอะนักก็ได้ค่ะ

    ประตูหลักบริเวณหน้าบ้านจะอยู่ใต้ชายคาที่ช่วยบังแดดบังฝนได้ ซึ่งเราสามารถเดินเชื่อมต่อจากที่จอดรถได้สะดวกเลย

    ประตูหน้าบ้านยี่ห้อ Tostem เป็นประตู Aluminium ลายไม้ สำเร็จรูปคุณภาพสูง ประตูนี้มีความน่าสนใจดีนะ มีน้ำหนักเบาและความกว้างของประตูสูงสุดถึง 1.4 m. ในส่วนของมือจับของแบรนด์ Alpha Digital Door Lock ชนิด Push Pull Handle ระบบล็อค 2 ชั้นตามมาตรฐานญี่ปุ่น รองรับ 3 ระบบ ได้แก่ Password, Keycard และ กุญแจ

    Foyer

    เข้ามาด้านในบ้าน พื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Foyer คือโถงต้อนรับ ทำให้ตัวบ้านดูโอ่อ่า เหมาะกับการออกแบบให้เป็นพื้นที่ใส่รองเท้า/เก็บรองเท้า และเป็นมุมนั่งพักคอย

    จาก Foyer เราจะมองเห็นสระว่ายน้ำและสวนได้นิดหน่อย ทำให้บ้านดูโปร่งแต่ก็ไม่เห็นสระว่ายน้ำชัดเกินไปจนเสียความเป็นส่วนตัวนะคะ ซึ่งจากตรงนี้จะมีทางแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็น Multi-Purpose Room และฝั่งขวาเป็น Common Area

    Multi-Purpose Room

    Multi-Purpose Room สามารถปรับใช้งานได้หลากหลายตามแต่ไลฟ์สไตล์เลยค่ะ จะปรับเป็น Game Room ตามแบบในห้องตัวอย่างก็ได้ หรือจะใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุ, ห้องนอนแขก ก็ได้ค่ะเพราะมีห้องน้ำในตัว

    Image 1/3
    Multi-Purpose Room

    Multi-Purpose Room

    ความน่าสนใจของห้องนี้อยู่ที่วิวนี่แหละ เพราะเป็นห้องที่ได้วิวสระและมองเห็นสวนหน้าบ้าน ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งน่าพักผ่อนมากๆ เลย

    ห้องน้ำใน Multi-Purpose Room

    Image 1/5
    ห้องน้ำใน Multi-Purpose Room

    ห้องน้ำใน Multi-Purpose Room

    ในส่วนของห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบครบชุดเหมือนในบ้านตัวอย่าง ระดับพื้นจะแยกพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งไว้เป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ดูๆ แล้วห้องน้ำนี้ออกแบบมาให้เหมาะกับคนทั่วไปและผู้สูงอายุที่ยังเดินเหินได้สะดวก มีการออกแบบและขนาดตามมาตรฐานทั่วไป

    โครงการเลือกใช้สุขภัณฑ์ของ Kohler เป็นหลัก ในส่วนของ Shower Box มีขนาดประมาณ 1×1.5 m. พอให้ยืนหมุนตัวอาบน้ำได้พอสมควร

    Swimming Pool & Garden

    Image 1/7
    Swimming Pool and Garden

    Swimming Pool and Garden

    โครงการจะก่อสร้างสระว่ายน้ำไว้ให้พร้อมใช้งานได้เลย เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4×7 เมตร ลึก 1.2 เมตร เราชอบตำแหน่งของสระมากๆ เพราะถูกล้อมด้วยบ้าน 2 ฝั่งเป็นทรงตัว L ตัวบ้านจึงช่วยบังสายตาของเพื่อนบ้านรอบข้างไปได้ และทำให้เมื่อมองออกมาจากในตัวบ้านเราจะมองเห็นสระและสวนได้แทบทุกมุมของบ้าน

    Common Area (Living+Dining)

    อีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้านจัดเป็น Common Area กว้างๆ เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่นั่งดูทีวีและทานอาหาร โดยบ้านมาตรฐานจะได้ตามแบบในรูปด้านล่าง พื้นชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60×120 cm. ผนังติด Wallpaper ให้ทุกห้องยกเว้นในห้องครัว และติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ไว้ให้

    Living Area

    Image 1/3
    Living Area

    Living Area

    พื้นที่นั่งเล่นดูโปร่งโล่งด้วยฝ้าเพดานแบบ Double Volume สูง 6.6 m. รองรับชุดโซฟาขนาดใหญ่ 6-7 ที่นั่งได้สบายๆ สามารถใช้ทีวีขนาด 70″ ขึ้นไปได้เลย

    Highlight ของพื้นที่นั่งเล่น Double Volume ที่เราสามารถมองขึ้นไปเห็นทางเดินบนชั้น 2 และจากชั้น 2 ก็สามารถมองเห็นสมาชิกชั้นล่างด้วยเช่นกัน ช่วยเอื้อให้ปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวเกิดขึ้นได้ง่าย

    Dining Area

    พื้นที่รับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นเลย จึงสามารถทานอาหารไปดูทีวีไปได้ พื้นที่รับประทานอาหารรองรับโต๊ะขนาด 6-8 ที่นั่งได้สบายๆ ฝ้าเพดานในบ้านสูง 2.9 m. ทำให้สามารถติดตั้งแอร์ระบบฝังฝ้าเพดานตามแบบในบ้านตัวอย่าง หรือจะทำฝ้าหลุมเพื่อเพิ่มความสวยงามก็ได้

    ด้านข้างบ้านมีประตูกระจกเพื่อเปิดเชื่อมกับสวนได้ อีกทั้งยังเป็นส่วนที่รับแสงจากธรรมชาติ ทำให้ในบ้านดูสว่างและปลอดโปร่ง ประตูที่เปิดเข้าสู่สระและสวนเป็นประตูกระจกบานใหญ่ สูงจากพื้นถึงฝ้าเลย ทำให้เห็นวิวภายนอกได้แบบเคลียร์ๆ ทำให้กรอบบานประตูต้องหนาเป็นพิเศษ และวางตัวรางเท่ากับพื้นบ้านเพื่อกันสะดุดค่ะ

    อีกฝั่งหนึ่งของบ้านที่ไม่ได้อยู่ติดสระและสวนจะเป็น Service Zone ได้แก่ Pantry, ห้องน้ำ, ครัวไทย, ลิฟต์และบันได

    Pantry และ Powder Room

    Image 1/3
    Pantry

    Pantry

    บริเวณหน้าห้องครัวไทยจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ ที่เหมาะจะจัดเป็น Pantry สำหรับเตรียมเครื่องดื่ม, อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยได้สะดวก ติดกันเป็น Powder Room ใช้สำหรับรับรองแขกจึงไม่ได้มีพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งสุขภัณฑ์ของห้องนี้จะให้มาเป็นแบบอัตโนมัติใช้งานได้สะดวก แขกไปใครมาน่าจะชอบค่ะ

    Kitchen

    Image 1/4
    Kitchen

    Kitchen

    ภายในครัวจะเป็นห้องโล่งๆ ไม่ได้มีชุดครัวมาให้ เราสามารถออกแบบเคาน์เตอร์ครัวตามแบบที่เราต้องการได้ ซึ่งพื้นที่ห้องค่อนข้างใหญ่สามารถใช้งานได้แบบเต็มที่ ส่วนที่เราชอบคือ ห้องนี้มีประตูให้เปิดระบายอากาศได้ 2 ฝั่ง ทำให้ถ่ายเทอากาศและกลิ่นควันได้ดี

    ประตูทางเชื่อมกับ Maid Area ใช้ของ Tostem รุ่นนี้มีความพิเศษที่เป็นแบบ 2 ชั้น คือชั้นแรกเป็นมุ้งลวดเพื่อให้ลมผ่านได้ และชั้นที่ 2 เป็นกระจกเพื่อความปลอดภัยในเวลากลางคืน ลูกบ้านสามารถเลือกเปิดปิดได้ รวมถึงมีตัวล็อกติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ

    สำหรับประตู Tostem เราเองค่อนข้างให้เครดิตกับยี่ห้อนี้ เพราะลองใช้ดูแล้วรู้สึกว่าโช้คเค้าดี เปิดปิดง่าย และโครงการก็ติดตั้ง Sensor เอาไว้ที่ประตูและหน้าต่างทุกบานบนชั้น 1 และ 2 เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัย

    Maid Area

    Image 1/3
    Maid Area

    Maid Area

    ครัว – พื้นที่วางเครื่องซักผ้า – ห้องแม่บ้าน จะอยู่ในโซนเดียวกันทำให้การทำงานและการอยู่อาศัยของแม่บ้านน่าจะสะดวกทีเดียว และมีห้องน้ำของแม่บ้านอยู่ในโซนนี้ด้วยเช่นกัน

    ลิฟต์

    Image 1/2
    ลิฟต์

    ลิฟต์

    สำหรับลิฟต์ที่โครงการเลือกใช้เป็นของ Hitachi ลิฟต์รองรับ 300 kg. ขึ้นได้ทีละประมาณ 4 คน หรือผู้สูงอายุนั่งรถเข็นก็สามารถเข็นเข้าได้ เพราะมีพื้นที่ในตัวลิฟต์ประมาณ 0.9×1.1 m. ปุ่มกดเป็นแบบ Universal Design จึงอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สูงมาก เด็กๆ ก็กดถึงค่ะ

    บันได

    Image 1/4
    บันได

    บันได

    ในส่วนของบันไดจะใช้โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กและปิดผิวด้วยพื้น Engineering Wood ทนทานกว่าพื้นไม้ลามิเนตทั่วไป ส่วนราวกันตกเป็นกระจก Tempered หนา 8 mm. ช่วยให้บรรยากาศดูคลีนๆ ไม่มีอะไรมาบังสายตา สุดท้ายคือมือจับเป็นไม้เนื้อแข็งเข้ากับพื้นไม้

    ข้างบันไดจะมีจอ Monitor ติดตั้งไว้ ซึ่งเราสามารถดูภาพจากกล้อง CCTV บริเวณหน้าประตูโครงการและบริเวณหน้าบ้านได้จากจุดนี้ หรือหากมี VDO Door Phone/Bell เข้ามาก็สามารถรับสายหรือพูดตอบโต้กับพี่รปภ. หรือแขกที่มาอยู่บริเวณหน้าบ้านเราได้ค่ะ

    ชั้น 2

    ชั้น 2 – พื้นที่ส่วนใหญ่บนชั้นนี้เป็นของ Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่และจัดฟังก์ชันมาแบบเต็มที่มาก และบนชั้นนี้ยังมี Family Room อีก 1 ห้องที่อยู่ทางฝั่งหลังบ้านค่ะ

    โถงทางเดินบนชั้น 2 จะเปิดให้เห็นพื้นที่ชั้นล่างได้ผ่าน Double Volume และจะมีแสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างเข้ามายังทางเดินช่วยให้ดูโปร่งโล่ง

    Master Bedroom ( Foyer+Walk-in Closet+Bathroom+Bedroom)

    Foyer

    Image 1/3
    Foyer

    Foyer

    มาเริ่มกันตั้งแต่เปิดประตู Master Bedroom เข้ามาเลย โซนแรกที่เห็นคือ Foyer เป็นพื้นที่ต้อนรับลำดับแรกที่เราสามารถจัดวางของสะสมของตกแต่ง เพื่อแสดงออกถึงตัวตน-ความชอบ ได้เลย ข้อดีของ Foyer ที่อยู่ในโซนหน้าสุดก็คือเป็น Buffer Zone ให้กับฟังก์ชันอื่นๆ ช่วยลดเสียงรบกวนจากโถงทางเดิน และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของห้อง

    Highlights ของบริเวณนี้คือ “สวน” ซึ่งในบ้านตัวอย่างตกแต่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างว่าสามารถแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามาในตัวบ้านได้ เพราะทำท่อระบายน้ำไว้รองรับการรดน้ำแล้วด้วย ซึ่งเราก็แนะนำเป็นต้นไม้กระถางที่ทนหน่อย ไม่ได้ต้องการแดดจัดนัก หรือจะเป็นต้นไม้ปลอมก็ดูแลง่ายดีค่ะ

    จากตำแหน่งของ Foyer จะแยกพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็น Walk-in Closet+Bathroom และอีกฝั่งหนึ่งเป็น Bedroom ตามเราไปดูทีละฝั่งค่ะ

    Walk-in Closet

    Image 1/5
    Walk-in Closet

    Walk-in Closet

    ภายใน Walk-n Closet มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้รอบห้องเลย และยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับทำตู้ Island ด้วย บรรยากาศภายในห้องดูร่มรื่นด้วยหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดเชื่อมกับสวนบริเวณ Foyer ได้ จึงเป็นช่องแสงที่ได้ทั้งวิวสวนและยังคงความเป็นส่วนตัวไว้ได้ ส่วนตัวเราเองชอบเลยค่ะ

    Bathroom

    Image 1/4
    Bathroom

    Bathroom

    ส่วนที่เราชอบมากอีกอย่างคือ Master Bathroom นี่แหละ เพราะเป็นห้องน้ำที่สว่างได้แสงธรรมชาติเข้ามาแบบเต็มที่ จุดที่ตั้งอาบอาบน้ำก็มองเห็นต้นไม้บริเวณและท้องฟ้าได้เลย ซึ่งตำแหน่งระเบียงก็ไม่ได้เปิดมาเจอกับเพื่อนบ้านโดยตรงนะคะ และมีระแนงบังสายตาอีกชั้นหนึ่งด้วย สำหรับอ่างอาบน้ำจะเป็นแบบลอยตัวของ KASCH สีขาว ขนาด 183×82 cm. สูง 60 cm.

    Image 1/4
    Bathroom

    Bathroom

    สำหรับสุขภัณฑ์และ Shower Box จะมีฉากกั้นกระจกติดตั้งมาให้ แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.7×1.1 m. สามารถหมุนตัวอาบน้ำได้สะดวก พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เอาไว้ ได้ฝักบัวทั้งรูปแบบ Hand Shower และ Rain Shower ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดในห้องน้ำนี้จะให้ของ Kohler เป็นหลักเช่นกัน แต่พิเศษที่สุขภัณฑ์จะได้เป็นแบบอัตโนมัติ ในส่วนของอ่างล้างหน้าจะออกแบบมาให้เป็น His and Her ใช้งานพร้อมกันได้ 2 คนเลยค่ะ

    Bedroom

    Image 1/3
    Bedroom

    Bedroom

    Bedroom จะเป็นห้องที่ถัดเข้ามาด้านใน เพื่อให้ได้ความสงบมากขึ้น ภายในห้องมีหน้าต่าง 2 ฝั่งเลย ได้หน้าต่างบานใหญ่ตั้งแต่พื้นสูงเกือบจรดฝ้า ทำให้ดูโปร่งโล่งขึ้นกว่าปกติ

    พื้นที่ภายใน Master Bedroom มีขนาดใหญ่ สามารถวางเตียงใหญ่ King Size ได้ และมีพื้นที่ปลายเตียงเหลือพอจะวางชุดโซฟาและทีวี สำหรับนั่งดูทีวีเป็นส่วนตัวภายในห้องได้ด้วย

    Terrace

    Image 1/3
    Terrace

    Terrace

    โซนสุดท้ายที่จะพาไปชมในห้องนอนใหญ่คือระเบียง ซึ่งเป็นอีก Gimmick หนึ่งของตัวบ้าน เพราะแทบทุกห้องมีระเบียง แต่จะใหญ่เล็กก็ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้องนั้นๆ อย่างห้องนี้มีขนาด 4.7×1.3 m. นอกจากขนาดที่กว้างแล้ว ในการออกแบบทางโครงการยังได้เน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยการให้ระเบียงหันเข้าหาสระและสวนในบ้าน เพื่อให้พักผ่อนได้อย่างสบายใจ ไม่หันไปชนข้างบ้านค่ะ

    พื้นที่ทางฝั่งหลังบ้านบนชั้นนี้จัดเป็น Family Room ที่มีขนาดใหญ่อีกเช่นกัน

    Family Room

    Image 1/3
    Family Room

    Family Room

    พื้นที่นั่งเล่นของครอบครัวอีกจุดหนึ่งที่สามารถพักผ่อนได้แบบจริงจัง เพราะห้องนี้มีขนาดใหญ่ วางชุดโซฟา 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ หรือจะแบ่งโซนเป็นที่ออกกำลังกายเล่นโยคะ ตามแบบในบ้านตัวอย่างก็ได้ เวลาคุณพ่อคุณแม่มีแขกที่ชั้นล่างลูกๆ ก็พักผ่อนที่ชั้นบนได้ไม่รบกวนกัน หรือเวลากลางคืนอยากรวมตัวดูทีวีด้วยกันก่อนเข้านอน ห้องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ค่ะ

    Image 1/3
    Family Room : Terrace

    Family Room : Terrace

    สิ่งที่เราชอบมากที่สุดของห้องนี้คือ ระเบียงมีขนาดใหญ่ถึง 2.6×3.2 m. เลยนะคะ เป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor มีหลังคาคลุมบังแดดบังฝนได้ จึงใช้งานได้ตลอด และจากระเบียงก็มองลงไปเห็นสระว่ายน้ำได้พอดีด้วยค่ะ

    Image 1/4
    Family Room : Pantry

    Family Room : Pantry

    นอกจากนี้ใน Family Room ยังมีห้อง Pantry สำหรับเตรียมน้ำ, ขนม ได้ด้วย เกิดหิวน้ำในตอนกลางคืนก็ไม่ต้องลงไปถึงชั้น 1 เพราะมี Pantry บนชั้น 2 เตรียมไว้อีกจุดหนึ่งแล้วค่ะ

    ชั้น 3

    ชั้น 3 – เป็นชั้นที่อบอุ่นมากเพราะรวมห้องนอนลูกๆ ไว้ 3 ห้อง และมี Living Area อีกจุดหนึ่งอยู่บริเวณหน้าห้องนอนทั้ง 3 ค่ะ

    ติดกับบันไดจะเป็น Bedroom 2 และ 3

    Bedroom 2

    มาที่ Bedroom 2 กันก่อน แม้ว่าจะเป็นห้องนอนลูกแต่ก็มีขนาดใหญ่พอสมควรเลยนะคะ มีห้องน้ำในตัว, พื้นที่วางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่และระเบียงครบถ้วน โซนแรกที่เข้ามาจะเป็นทางเดินและห้องน้ำ ทำให้โซนพักผ่อนถูกดันเข้าไปไว้ด้านในจึงได้ความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนมากขึ้น

    เนื่องจากโครงการเน้นให้พื้นที่พักผ่อนมีขนาดใหญ่ก็ทำให้พื้นที่ภายในห้องน้ำมีความกระทัดรัด แต่ก็จัดฟังก์ชันมาครบตามมาตรฐานการใช้งาน โดยแบ่งโซนเปียกแห้งมาให้เรียบร้อยด้วยฉากกั้นอาบน้ำ พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.7×0.9 m. ติดตั้งสุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆ มาครบเหมือนบ้านตัวอย่าง โดยใช้ของ Kohler เป็นหลัก

    Image 1/2
    Bedroom 2 : Walk-in Closet

    Bedroom 2 : Walk-in Closet

    ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet ซึ่งสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้รอบด้านเลย แต่บริเวณนี้จะไม่มีหน้าต่างนะคะ ต้องใช้แสงสว่างจากไฟฟ้าช่วยค่ะ

    Image 1/5
    Bedroom 2

    Bedroom 2

    ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้แบบที่มีพื้นที่เหลือรอบเตียงให้เดินได้สบายๆ และมีระเบียงทั้ง 2 ฝั่งเลย จึงเลือกออกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้ทั้งคู่ ซึ่งระเบียงฝั่งที่หันเข้าสระและสวนในบ้านจะมีขนาดใหญ่กว่า มีขนาด 3.2x 2 m. สามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นได้ ส่วนระเบียงฝั่งหน้าบ้านเราขอแนะนำให้วางต้นไม้กระถางเพื่อเพิ่มความร่มรื่นและช่วยบังสายตาจากบ้านฝั่งตรงข้ามค่ะ

    Bedroom 3

    Image 1/4
    Bedroom 3

    Bedroom 3

    เป็นห้องนอนที่มีขนาดเล็กสุดในบรรดาห้องนอนของลูกๆ นะคะ หากครอบครัวไหนมีลูก 2 คนก็อาจจะปรับฟังก์ชันเป็นห้องอ่านสมุด, ห้องคาราโอเกะ แทนก็ได้ หรือหากจัดเป็นห้องนอนตามแบบในบ้านตัวอย่างก็สามารถวางเตียงไซส์ใหญ่ 5-6 ฟุตได้เช่นเดียวกัน แต่จะไม่ได้ Walk-in Closet ขนาดใหญ่และไม่มีระเบียงเหมือนห้องนอนอื่นๆ เท่านั้นเองค่ะ

    ฝั่งด้านหลังบ้านเป็นตำแหน่งของ Living Area และ Bedroom 4

    Living Area

    Living Area จะอยู่บริเวณหน้าห้องของลูกๆ จึงเป็นพื้นที่ให้เด็กๆ ได้มารวมตัวกัน เหมาะจะจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นเกมส์, ดูการ์ตูน และอาจจะมีพื้นที่นั่งทำการบ้านให้เด็กๆ ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ปรึกษากันค่ะ

    Bedroom 4

    Image 1/7
    Bedroom 4

    Bedroom 4

    สำหรับ Bedroom 4 เป็นห้องนอนลูกอีกห้องหนึ่งพื้นที่ใช้สอยพอกับ Bedroom 2 เลยค่ะ ฟังก์ชันก็พอๆ กันครบถ้วนทั้ง Walk-in Closet, ห้องน้ำ, โต๊ะเขียนหนังสือ แม้ว่าจะไม่มีระเบียงแต่ก็ได้หน้าต่างบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นสระและสวนด้านล่างได้เช่นเดียวกัน


    บ้านตัวอย่างแบบ Venti

    บ้านอีก Type หนึ่งเป็นแบบ Garden Villa จึงเปลี่ยนจากสระว่ายน้ำเป็นสวนแทน ซึ่งบ้านนี้ยังมีมีจำนวนห้องนอน 4 ห้องเช่นเดียวกับบ้านหลังแรก แต่จะรองรับที่จอดรถได้ 3 คัน ในราคาที่ลดลงมาเป็น 10 ล้านบาทเลยค่ะ เริ่มต้น 28 ล้านบาท

    ชั้น 1

    Venti เป็นแบบบ้าน Garden Villa ซึ่งออกแบบบ้านมาเป็นทรงตัว L คล้ายแบบแรกเลย โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. รองรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4-6 คน กำลังดี และรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุด้วย เพราะมีลิฟต์ให้ขึ้นลงได้สะดวก

    ชั้น 1 – เป็น Common Area โปร่งโล่ง เชื่อมถึงกันทั้งพื้นที่นั่งเล่นและทานอาหาร ซึ่งจะมีจุดที่เป็น Double Volume ให้บรรยากาศที่โอ่อ่า และมีห้องอเนกประสงค์อีก 1 ห้องที่ได้วิวสวน ครัวจะได้เป็นแบบครัวปิด มีประตูเชื่อมต่อกับโซนแม่บ้านด้านหลังเพื่อให้ใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก

    ทางเข้าบ้านจะมีประตูสำหรับเดินเข้า-ออกที่แยกออกจากรถยนต์ ซึ่งออกแบบมาเป็นซุ้มมีหลังคาบังแดดบังฝน พร้อมติดตั้ง VDO Door Bell มาให้

    พื้นที่จอดรถจะเป็นแบบจอดในร่มได้ 3 คัน ขนาดความกว้าง 7.6 m. ในส่วนที่มีหลังคาคลุมลึก 5.1 m. ซึ่งในส่วนนี้ทางโครงการจะลงเสาเข็มความยาวเท่าตัวบ้านไว้ให้เลย จึงไม่ต้องกลัวทรุดแยกออกจากตัวบ้าน

    ถ้าบ้านไหนใช้รถตู้ Alphard ก็สามารถจอดได้ เพราะระยะจากรั้วถึงกำแพงที่จอดรถมีระยะ 6.5 m. แต่หลังคาจะบังแดดไม่ได้ทั้งคัน ซึ่งเป็นส่วนที่ลูกบ้านนิยมต่อเติมกันมากที่สุด ระบบไฟของบ้าน Type นี้เป็น 3 เฟส 30/100 รองรับการติดตั้ง EV Charger

    ประตูหลักบริเวณหน้าบ้านจะอยู่ใต้ชายคาที่ช่วยบังแดดบังฝนได้ ซึ่งเราสามารถเดินเชื่อมต่อจากที่จอดรถได้สะดวก ประตูหน้าบ้านยี่ห้อ Tostem สเปกเดียวกับบ้านหลังแรกนะคะ

    Foyer

    เข้ามาด้านในบ้าน พื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Foyer คือโถงต้อนรับ ทำให้ตัวบ้านดูโอ่อ่า เหมาะกับการออกแบบให้เป็นพื้นที่ใส่รองเท้า/เก็บรองเท้า และเป็นมุมนั่งพักคอย

    จาก Foyer มองเข้าไปจะเห็น Common Area ขนาดใหญ่ ซึ่งทางฝั่งซ้ายจะมี Multi-Purpose Room เป็นห้องที่เหมาะกับการใช้รับแขก, คุยงาน แบบเป็นส่วนตัว เพราะเป็นห้องที่อยู่ด้านหน้าสุดค่ะ

    Multi-Purpose Room

    Image 1/3
    Multi-Purpose Room

    Multi-Purpose Room

    Multi-Purpose Room สามารถปรับใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์เลย เช่นเป็นห้องเรียนพิเศษของเด็กๆ, ห้องรับรองแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ซึ่งตำแหน่งของห้องนี้ก็จะได้วิวสวนทั้ง 2 ฝั่ง

    Garden

    Image 1/4
    Garden

    Garden

    พื้นที่ในสวนนอกจากต้นไม้ที่จะปลูกหญ้า พร้อมต้นไม้ริมรั้วและต้นไม้ใหญ่ให้ 1 ต้นแล้ว ก็จะมี Terrace ทรงตัว L ปูกระเบื้องลายไม้ ขนาด 20×120 cm. ไว้ให้ ในส่วนที่เชื่อมกับตัวบ้าน เพื่อให้เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนในสวน

    การออกแบบตำแหน่งของสวนถูกใจเราเหมือนเดิม เพราะถูกล้อมด้วยบ้าน 2 ฝั่งเป็นทรงตัว L ตัวบ้านจึงช่วยบังสายตาของเพื่อนบ้านรอบข้างไปได้ และทำให้เมื่อมองออกมาจากในตัวบ้านเราจะมองเห็นสวนได้แทบทุกมุมของบ้าน

    Common Area (Living+Dining)

    Image 1/5
    Common Area (Living+Dining)

    Common Area (Living+Dining)

    พื้นที่ที่มีขนาดใหญ่สุดในชั้น 1 จะเป็น Common Area กว้างๆ เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่นั่งดูทีวีและทานอาหาร โดยบ้านมาตรฐานจะได้ตามแบบในรูปด้านล่าง พื้นชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60×120 cm. ผนังติด Wallpaper ให้ทุกห้องยกเว้นในห้องครัว และติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ไว้ให้

    Image 1/3
    Common Area : Double Volume

    Common Area : Double Volume

    Highlight ของพื้นที่นั่งเล่น Double Volume ที่เราสามารถมองขึ้นไปเห็นทางเดินบนชั้น 2 และจากชั้น 2 ก็สามารถมองเห็นสมาชิกชั้นล่างด้วยเช่นกัน ช่วยเอื้อให้ปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวเกิดขึ้นได้ง่าย

    อีกฝั่งหนึ่งของบ้านที่ไม่ได้อยู่ติดสระและสวนจะเป็น Service Zone ได้แก่ ห้องน้ำ, ครัวไทย, ลิฟต์และบันได

    ห้องน้ำ

    Powder Room ใช้สำหรับรับรองแขกจึงไม่ได้มีพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งสุขภัณฑ์ของห้องนี้จะให้มาเป็นแบบอัตโนมัติใช้งานได้สะดวก แขกไปใครมาน่าจะชอบค่ะ

    Kitchen

    Image 1/4
    Kitchen

    Kitchen

    ภายในครัวจะเป็นห้องโล่งๆ ไม่ได้มีชุดครัวมาให้ เราสามารถออกแบบเคาน์เตอร์ครัวตามแบบที่เราต้องการได้ ซึ่งพื้นที่ห้องค่อนข้างใหญ่สามารถใช้งานได้แบบเต็มที่ ส่วนที่เราชอบคือ ห้องนี้มีประตูให้เปิดระบายอากาศได้ 2 ฝั่ง ทำให้ถ่ายเทอากาศและกลิ่นควันได้ดี

    อีกทั้งประตูที่เชื่อมกับ Maid Area ก็ใช้ของ Tostem รุ่นที่เป็นแบบ 2 ชั้น คือชั้นแรกเป็นมุ้งลวดเพื่อให้ลมผ่านได้ และชั้นที่ 2 เป็นกระจกเพื่อความปลอดภัยในเวลากลางคืน ลูกบ้านสามารถเลือกเปิดปิดได้ รวมถึงมีตัวล็อกติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ

    Maid Area

    Image 1/2
    Maid Area

    Maid Area

    ครัว – พื้นที่วางเครื่องซักผ้า – ห้องแม่บ้าน จะอยู่ในโซนเดียวกันทำให้การทำงานและการอยู่อาศัยของแม่บ้านน่าจะสะดวกทีเดียว และมีห้องน้ำของแม่บ้านอยู่ในโซนนี้ด้วยเช่นกัน

    ลิฟต์และบันไดจะให้สเปกเดียวกับบ้านหลังแรก ถือว่าได้ตามมาตรฐานของระดับราคานี้ค่ะ

    ชั้น 2

    ชั้น 2 – พื้นที่ส่วนใหญ่บนชั้นนี้เป็นของ Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่และจัดฟังก์ชันมาแบบเต็มที่มาก และบนชั้นนี้ยังมี Family Area ที่อยู่ทางฝั่งหลังบ้านด้วยค่ะ

    โถงทางเดินบนชั้น 2 จะเปิดให้เห็นพื้นที่ชั้นล่างได้ผ่าน Double Volume และจะมีแสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างเข้ามายังทางเดินช่วยให้ดูโปร่งโล่ง

    หลายคนอาจจะสังเกตได้ว่า Double Volume ของบ้าน Type นี้ใหญ่กว่าหลังแรก ซึ่งมีข้อดีคือทำให้ชั้น 2 ของบ้านหลังนี้ดูโปร่งกว่า แต่บ้านหลังแรกจะมี Family Area ทางฝั่งหลังบ้านที่ใหญ่กว่า ใช้งานได้หลากหลายกว่า ทั้ง 2 แบบบ้านจึงมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันนะคะ

    Family Area

    Image 1/2
    Family Area

    Family Area

    พื้นที่นั่งเล่นของครอบครัวบนชั้น 2 ที่สามารถวางชุดโซฟา 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ ซึ่งเวลาคุณพ่อคุณแม่มีแขกที่ชั้นล่างลูกๆ ก็พักผ่อนที่ชั้นบนได้ไม่รบกวนกัน หรือเวลากลางคืนอยากรวมตัวดูทีวีด้วยกันก่อนเข้านอน ห้องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ค่ะ

    Master Bedroom

    Foyer

    มาต่อกันที่ Master Bedroom โซนแรกที่เห็นคือ Foyer เป็นพื้นที่ต้อนรับลำดับแรกที่เราสามารถจัดวางของสะสมของตกแต่ง เพื่อแสดงออกถึงตัวตน-ความชอบ ได้เลย ข้อดีของ Foyer ที่อยู่ในโซนหน้าสุดก็คือเป็น Buffer Zone ให้กับฟังก์ชันอื่นๆ ช่วยลดเสียงรบกวนจากโถงทางเดิน และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของห้อง

    จากตำแหน่งของ Foyer จะแยกพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็น Walk-in Closet+Bathroom และอีกฝั่งหนึ่งเป็น Bedroom ตามเราไปดูทีละฝั่งค่ะ

    Walk-in Closet

    Image 1/3
    Master Bedroom : Walk-in Closet

    Master Bedroom : Walk-in Closet

    ภายใน Walk-n Closet มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้รอบห้องและยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับทำตู้ Island ด้วย ซึ่งโครงการออกแบบให้มีหน้าต่าง 1 จุดเพื่อตอบโจทย์การวางโต๊ะเครื่องแป้งไว้ในที่ๆ ติดหน้าต่าง เพราะ “แสงธรรมชาติ” คือแสงสว่างที่ดีที่สุดเพื่อใช้ในการแต่งหน้าเนื่องจากให้โทนสีผิวที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดค่ะ

    Bathroom

    Image 1/3
    Master Bedroom : Bathroom

    Master Bedroom : Bathroom

    Master Bathroom ยังคงคอนเซปต์การออกแบบให้สว่างได้แสงธรรมชาติ ตำแหน่งของอ่างอาบน้ำก็มองเห็นต้นไม้และท้องฟ้าได้เลย ซึ่งตำแหน่งระเบียงก็ไม่ได้เปิดมาเจอกับเพื่อนบ้านโดยตรงนะคะ และมีระแนงบังสายตาอีกชั้นหนึ่งด้วย สำหรับสุขภัณฑ์และ Shower Box จะมีฉากกั้นกระจกติดตั้งมาให้ แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.4×1.1 m.

    ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดในห้องน้ำนี้จะให้ของ Kohler เป็นหลักนะคะ สำหรับอ่างอาบน้ำจะเป็นแบบลอยตัวของ KASCH สีขาว ขนาด 183×82 cm. สูง 60 cm.

    Bedroom

    Image 1/4
    Master Bedroom : Bedroom

    Master Bedroom : Bedroom

    Bedroom จะเป็นห้องที่ถัดเข้ามาด้านในจึงได้ความสงบมากขึ้น พื้นที่ภายใน Master Bedroom มีขนาดใหญ่ สามารถวางเตียงใหญ่ King Size ได้ และมีช่องแสงทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นระเบียงหันเข้าหาสระและสวนในบ้าน เพื่อให้พักผ่อนได้อย่างสบายใจ ไม่หันไปเจอหน้าต่างของเพื่อนบ้านค่ะ

    ชั้น 3

    ชั้น 3 – รวมห้องนอนลูกๆ ไว้ 3 ห้อง และมี Living Area อีกจุดหนึ่งอยู่บริเวณหน้าห้องนอนทั้ง 3 ค่ะ เราว่าชั้นนี้เค้าออกแบบได้ดีเลยเพราะห้องนอนทุกห้องมีระเบียง และห้องน้ำทุกห้องก็มีบานเปิดระบายอากาศได้

    ติดกับบันไดจะเป็น Bedroom 2 และ 3

    Bedroom 2

    Image 1/7
    Bedroom 2

    Bedroom 2

    Bedroom 2 มีขนาดใหญ่เลยนะคะ เรามี 2 จุดที่ชอบในห้องนี้ก็คือ การวางตำแหน่งเตียงนอนไว้ด้านในสุดทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนมากขึ้น และ ภายในห้องน้ำจะมีประตูเปิดระบายอากาศได้ ทำให้อากาศถ่ายเทแต่ก็ยังรักษาความเป็นส่วนตัวไว้ได้ ด้วยเทคนิคการออกแบบ Double Facade ช่วยบังสายตาจากเพื่อนบ้าน

    Bedroom 3

    Image 1/6
    Bedroom 3

    Bedroom 3

    เป็นห้องนอนที่มีขนาดเล็กสุดในบรรดาห้องนอนของลูกๆ ได้ฟังก์ชันครบแต่ขนาดจะกระทัดรัดกว่าห้องนอนอื่นๆ อยู่บ้าง จุดที่เราชอบคือระเบียงที่มีความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อน แต่เป็นระเบียงแบบ Outdoor ต้องระวังเรื่องแดด, ฝนด้วยนะคะ

    อีกจุดที่ชอบคือ เทคนิคการออกแบบ Double Facade ภายในห้องน้ำ ก็คือเหมือนห้องนอน 2 เลยค่ะมีประตูระเบียงให้เปิดระบายอากาศได้ แต่ก็มี Facade อีกชั้นช่วยบังสายตาจากเพื่อนบ้านไว้ด้วยเช่นกัน

    ฝั่งด้านหลังบ้านเป็นตำแหน่งของ Living Area และ Bedroom 4

    Living Area

    Image 1/2
    Living Area

    Living Area

    Living Area จะอยู่บริเวณหน้าห้องของลูกๆ จึงเป็นพื้นที่ให้เด็กๆ ได้มารวมตัวกัน ซึ่งบริเวณนี้ก็มีระเบียงให้ออกไปนั่งเล่น ซึ่งจะมองเห็นสวนที่ชั้น 1 ด้วยค่ะ

    Bedroom 4

    Image 1/6
    Bedroom 4

    Bedroom 4

    สำหรับ Bedroom 4 เป็นห้องนอนลูกอีกห้องหนึ่งพื้นที่ใช้สอยพอกับ Bedroom 2 เลยค่ะ ฟังก์ชันก็พอๆ กันครบถ้วนทั้ง Walk-in Closet, ห้องน้ำ, โต๊ะเขียนหนังสือและระเบียงค่ะ

    ราคา

    The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) ราคา ณ วันที่ 26 มกราคม 2567

    • Trenda บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 87.4-135.3 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 560 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / ลิฟต์ / สระว่ายน้ำส่วนตัว
      – ราคาเริ่มต้น 40 ล้านบาท
    • Venti บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 66.9-91.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ / ลิฟต์
      – ราคาเริ่มต้น 28 ล้านบาท
    • จอง 200,000 บาท
    • เงินจอง+ทำสัญญา 15% จากราคาบ้าน
    • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 160,000 บาท
    • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.วา/เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :

    จุดเด่นหนึ่งของโครงการ The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) คือทำเลติดถนนใหญ่ทางคู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก จึงเชื่อมต่อกับทางด่วน 3 สายสำคัญอย่างทางด่วนมอเตอร์เวย์ พระราม9 กรุงเทพ-ชลบุรี จึงสามารถเดินทางเข้าโซนพระราม9 ได้ง่าย และถนนกาญจนาภิเษกยังเชื่อมต่อทางด่วนบูรพาวิถี เข้าสู่โซนบางนา-บางพลีได้สะดวก อีกทั้งยังเชื่อมต่อทางด่วนกาญจนาภิเษก พระราม2-บางปะอิน เข้าสู่โซนเทพารักษ์-บางปูได้สะดวกด้วยเช่นกัน

    โดยภาพรวมแล้วทำเลของโครงการตอบโจทย์เจ้าของกิจการ โรงงาน ในย่านบางนา, ชลบุรี, สมุทรปราการ ที่ยังต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ตัวเมืองกรุงเทพฯ และอยากอยู่ใกล้ศูนย์การค้าใหญ่ของย่านอย่าง Mega Bangna รวมถึงทำเลโครงการอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งก็จะตอบโจทย์สำหรับคนที่เดินทาง (ด้วยเครื่องบิน) บ่อยๆ หรือทำงานภายในสนามบินด้วยค่ะ

    ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :

    ความปลอดภัยในโครงการ – ออกแบบตามมาตรฐานของบ้านหรู แต่ที่เรามองว่าไม่ได้มีในโครงการหรูทุกโครงการคือ VDO Door Phone เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยค่ะ

    ความปลอดภัยในตัวบ้าน – ในตัวบ้านมีระบบรักษาความปลอดภัยเยอะมาก เช่น MagneticและShock Sensor บริเวณชั้น 1 และ 2 และมี Video Door Bell ที่ทำให้เราสามารถพูดคุยเห็นหน้าคนที่มากดกริ่งหน้าบ้านเราได้, Cube Motion Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว พร้อมส่งข้อความแจ้งเตือน และใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ LifeSmart สั่งงานเปิดไฟทางเดิน, CCTV บริเวณโรงรถ และ Digital Door Lock ค่ะ

    การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :

    การออกแบบตัวโครงการ – ออกแบบ Clubhouse ไว้ด้านหน้าโครงการ ใช้เป็นหน้าเป็นตารับแขกได้ และเราจะได้วิวสวนส่วนกลางทุกครั้งที่เข้าออกโครงการเลย อีกทั้งทิศของบ้านส่วนใหญ่ในโครงการจะหันทางทิศเหนือและใต้เป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมสำหรับการอยู่อาศัยเลยทีเดียว ตำแหน่งบ้านจะมีให้เลือกหลากหลายทั้งบ้านที่อยู่บนถนนหลัก เหมาะกับคนชอบตำแหน่งบ้านที่เข้าออกได้ง่าย และมีตำแหน่งบ้านในซอยตันที่จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า

    การออกแบบตัวบ้าน – ขอชมเชยเรื่องการออกแบบบ้านที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง หลังจากที่ดูแต่ละห้องแล้วจะเป็นได้ว่ามีการออกแบบช่องเปิดไม่ไห้ชนกับบ้านข้างเคียง, การใช้ Double Facade เพื่อช่วยให้แสงและลมผ่านตัวบ้านแต่ในขณะเดียวกันก็บังสายตาจากเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ด้วย

    อีกประเด็นคือ ทุกห้องนอน-ห้องนั่งเล่นเปิดรับวิวสระและสวนได้ทุกฟังก์ชัน ได้ระเบียงแทบทุกห้องทำให้เข้าถึงธรรมชาติได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องอยู่แต่ในห้องแอร์นะคะ เสียดายนิดเดียวที่ห้องน้ำบางห้องดูจะมีขนาดกระทัดรัดไปสักหน่อย และ Laundry Area จะเป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor ขนาดกระทัดรัดหน่อยเช่นเดียวกัน

    วัสดุ :

    โครงการ The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9)  ขายแบบบ้านเปล่าที่มีห้องน้ำมาให้ครบ แต่ครัวจะไม่ได้ Built-in มาให้ ซึ่งก็สะดวกในการออกแบบต่อเติมให้เหมาะสมกับแต่ละครอบครัวในภายหลัง สำหรับวัสดุมาตรฐานให้มาเหมาะสมกับระดับราคา มีการใช้ผนังกระจกบานใหญ่แทบทั้งหลังซึ่งมีราคาแพงกว่าผนังทึบแบบบ้านทั่วไป อย่างไรก็ตามการดูแลรักษาก็ยากขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ

    พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :

    บริเวณทางเข้าจะปลูกต้นไม้เอาไว้ตลอดแนวถนนหลัก และมีสวนส่วนกลางอยู่บริเวณกลางโครการเลยทำให้ดูร่มรื่น หมู่บ้านนำสายไฟลงดินทั้งโครงการ ทำให้มีทัศนียภาพสวยงาม สะอาดตาสมกับเป็นโครงการบ้านระดับ Luxury ค่ะ

    สาธารณูปโภค :

    ให้มาเยอะสมราคา จัดฟังก์ชันมาให้หลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณหนูๆ และที่พิเศษไม่ได้ในโครงการหรูทุกที่ก็คือ Butler Service ที่เป็นเหมือนผู้ดูแลแลอำนวยความสะดวกภายในบ้านให้กับเจ้าบ้านแต่ละหลัง สามารถใช้บริการแบบ Tailor Made (ตามสั่ง) ในราคาพิเศษต้องจ่ายเพิ่มจากค่าส่วนกลางนะคะ ซึ่งจะมีบริการครอบคลุมในเรื่องของการ maintenance ส่วนสำคัญของบ้าน เช่น สระน้ำ และ สวน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านและลดความเสี่ยงในการ เข้า-ออกโครงการของคนแปลกหน้าค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับแพคเกจ 28-40 ล้านบาท, 26 มกราคม 2567

    • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ทางคู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก เชื่อมบางนา-ตราดและมอเตอร์เวย์ได้สะดวก
    • ความปลอดภัย 8.5/10 – ประตูเลื่อนไฟฟ้า, License Plate, รปภ. 24 ชั่วโมง, CCTV ทั่วโครงการ, รั้วสูง 2.5-4.5 m., VDO Door Phone/Bell และระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ในตัวบ้าน 
    • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – เป็นส่วนตัวสูง, ทุกห้องนั่งเล่น ห้องนอนมองเห็นสระและสวน เสียดายบางฟังก์ชันกระทัดรัดไปหน่อย
    • วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐานของระดับราคานี้
    • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – เอาสายไฟลงดิน บรรยากาศดี
    • สาธารณูปโภค 8/10 – ฟังก์ชันหลากหลาย, มี Butler Service
    • 8.00 / 10.00

    The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) เหมาะกับใคร

    The One Signature Bangna-Rama9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) เหมาะกับครอบครัวที่มองหาบ้าน 3 ชั้นในโซนบางนา-ลาดกระบัง ชอบโครงการที่ติดถนนใหญ่ เดินทางโดยใช้ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก, บางนา-ตราด, มอเตอร์เวย์-พระราม9, ลาดกระบัง เป็นประจำ

    ชอบโครงการที่มี Facilities ส่วนกลางครบครัน หลากหลายฟังก์ชัน รวมถึง Butler Service ชอบบ้านที่ออกแบบโดยเน้นความเป็นส่วนตัว หลีกเลี่ยงสายตาจากเพื่อนบ้านรอบข้าง ทุกห้องนอนและห้องนั่งเล่นมองเห็นสระและสวนได้ มีระเบียงแทบทุกฟังก์ชัน มีลิฟต์ รองรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4-6 คนกำลังดี มีงบเริ่มต้น 28 ล้านบาท และสำหรับบ้านที่มีสระว่ายน้ำพร้อมใช้งาน งบเริ่มต้น 40 ล้านบาท


    Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

    โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

    เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่