…ใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวหน้ากว้างหลังใหญ่ วันนี้ผมมีโครงการใหม่ The City รามอินทรา 3 มาฝากครับ โดยหลังจากที่โครงการรุ่นพี่ตัวที่ 2 ประสบความสำเร็จจากการขายบ้านไซส์ใหญ่อย่างล้นหลาม คราวนี้ทาง AP จึงเปิดตัวโครงการใหม่ด้วยแบบบ้านขายดี 3 Type ใหญ่สุด เพื่อตอบสนอง Demand ที่ยังมีในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งใครที่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของบ้านไซส์ใหญ่ที่โครงการคราวก่อน ก็ลองแวะเข้ามาดูโครงการใหม่นี้ได้นะครับ โดยจุดเด่นหรือ Highlights ที่สำคัญๆของโครงการจะมีดังนี้

  • บ้านหน้ากว้างหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันเยอะ เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่
  • จัดแปลนบ้านโดยแยกโซนการใช้งานได้ดี เป็นส่วนตัวไม่รบกวนกัน
  • ยูนิตเพียง 99 หลัง มีความเป็นส่วนตัวในการใช้ส่วนกลาง ไม่ต้องแชร์ร่วมกันเยอะ
  • ทำเลใกล้ทางด่วน 2 สาย เข้าเมืองได้ง่าย อนาคตมีถนนตัดใหม่ผ่านใกล้ๆ จะยิ่งทำให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้น

ข้อมูลโครงการ

The City Ramintra 3 (เดอะ ซิตี้ รามอินทรา 3) ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565

 ชื่อโครงการ   The City Ramintra 3 (เดอะ ซิตี้ รามอินทรา 3)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ถ.เลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก เขต สายไหม
 ที่ดิน 30-3-4.92 ไร่
 จำนวนยูนิต  จำนวน 99 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • INSCAPE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก (Double Volume) / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
  • BRIVET บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 74 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
  • VESPERTINE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 90 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก (Double Volume) 2 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ

 ราคาเริ่มต้น   13.5 ล้านบาท
 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.6 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ   120,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2564
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2565
 เว็บไซต์โครงการ   https://apth.ly/nm8
 โทร   02-170-6689
 Call Center   1623

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้จุดขึ้นทางด่วนจตุโชติและวงแหวนกาญจนาภิเษก สามารถเข้า-ออกเมืองได้ง่าย
  • เป็นทำเลที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีสะดวกในการเดินทาง จากการตัดถนนใหม่ของเทพรักษ์ที่อยู่ใกล้ๆในอนาคตได้
  • บริบทรอบๆโครงการค่อนข้างเงียบสงบ เป็นส่วนตัว เหมาะกับการอยู่อาศัย

พิกัด Google Maps : 13.881901, 100.685685
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

The City รามอินทรา 3 ตั้งอยู่บนถนนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันออก โดยความน่าสนใจของทำเลนี้คือ โครงการถนนตัดใหม่ส่วนต่อขยายในอนาคตของถนนเทพรักษ์ ที่หากทำเสร็จแล้วก็จะเชื่อมทำเลตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิต ไปจนถึงถนนนิมิตใหม่ได้เลยทีเดียว (ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเวนคืนที่ดิน) ซึ่งก็จะช่วยทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น แถมจุดตัดของถนนเส้นนี้ก็ยังอยู่ไม่ไกลจากโครงการอีกด้วยนะครับ

ปัจจุบันทำเลของโครงการจะเป็นย่านอยู่อาศัยใหม่ ที่ขยับขยายมาจากแถววัชรพล-สายไหม ซึ่งตอนนี้ก็ค่อนข้างหนาแน่น และมีการจราจรที่ติดขัดอย่างที่ทุกคนทราบ แต่ถ้าเป็นตรงถนนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกนี้ ก็จะมีการจราจรที่คล่องตัวกว่า แลกกับความอุดมสมบูรณ์ที่อาจยังมีไม่มากนัก โดยหากจะหาของกินหรือเดินจับจ่ายใช้สอย ก็จะยังแนะนำหลักๆเป็นแถวๆสุขาภิบาล 5 และคู้บอนนะครับ

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

ถึงแม้ว่าตัวโครงการจะตั้งอยู่บนถนนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกก็จริง แต่ก็ค่อนข้างห่างจากจุดขึ้น-ลงของวงแหวนกาญจนาฯอยู่พอสมควร ซึ่งทำให้ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดก็คือ ทางพิเศษฉลองรัชด่านจตุโชติ ที่จะทำให้เราเข้าเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกมากกว่าครับ

Image 1/3
สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนฉลองรัช ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.7 km. สามารถเข้าเมืองไปทางลาดพร้าว-พระราม 9 ได้ครับ

สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนฉลองรัช ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.7 km. สามารถเข้าเมืองไปทางลาดพร้าว-พระราม 9 ได้ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

ตัวโครงการจะตั้งอยู่ถัดเข้ามาจากถนนใหญ่ และด้านในซอยสาธารณะประโยชน์นี้ก็จะมีบ้าน+โกดังสินค้าดั้งเดิมอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบสงบเป็นส่วนตัว ปราศจากความวุ่นวายของถนนใหญ่ด้านนอก สามารถสรุปแต่ละด้านได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ บ้านพักอาศัยและโกดังสินค้า
  • ทิศใต้ : ติดกับ โครงการ The City รามอินทรา 2
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ คลองบึงพระยาสุเรนทร์และที่ว่าง
  • ทิศตะวันตก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับถนนสาธารณะประโยชน์ ที่เชื่อมต่อกับทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกที่เป็นถนนใหญ่

และนี่ก็เป็นภาพบรรยากาศถนนใหญ่ด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะเป็นทางคู่ขนานที่ขับรถสวนทางกันได้ 2 เลน โดยเราสามารถเลี้ยวขวาไปสายไหม-ลำลูกกา หรือจะเลี้ยวซ้ายไปรามอินทราก็ได้ครับ

นอกจากนี้ทางโครงการยังมีการ “ปรับภูมิทัศน์” ของถนนสาธารณะประโยชน์ด้านหน้า ด้วยการปลูกต้นไม้และลงเสาไฟเอาไว้ให้เรียบร้อย เพื่อที่เวลาขับรถเข้า-ออกจะได้สวยงามและปลอดภัยครับ โดยที่ภายในซอยก็จะมีบ้านคนอยู่เพียงไม่กี่หลัง และโกดังสินค้าที่แยกตัวออกไปทางซ้ายมือ ซึ่งเค้าก็จะไม่ได้เข้าไปวุ่นวายกับโครงการที่อยู่ด้านในให้เสียความเป็นส่วนตัวครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • ตลาดสี่แยกพระพรหมคลองสอง ~ 3.2 กม.
  • JAS Green Village ~ 3.9 กม.
  • The Promenade ~ 6.5 กม.
  • Fashion Island ~ 6.6 กม.
  • CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา ~ 13.8 กม.
  • Central Festival Eastville ~ 14.9 กม.

โรงพยาบาล

  • รพ.สินแพทย์ ~ 6.6 กม.
  • รพ.พญาไท นวมินทร์ ~ 7.5 กม.

โรงเรียน

  • รร.นานาชาติร่วมฤดี (RIS) ~ 1.5 กม.
  • รร.สาธิตพัฒนา ~ 6.4 กม.
  • รร.อินเตอร์เนชั่นแนล เกวลี (หทัยราษฎร์)~ 8.3 กม.
  • รร.นวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย ~ 8.4 กม.
  • รร.บดินทรเดชา 2 ~ 10.4 กม. รร.เลิศหล้า ~ 12.3 กม.

สถานที่อื่นๆ

  • ถ.เลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ~ 170 ม.
  • ทางยกระดับพิเศษฉลองรัช ด่านเก็บเงินจตุโชติ ~ 2.5 กม.
  • Panya Indra Golfclub ~ 6.6 กม.
  • รถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีรามอินทรา 83) ~ 7.3 กม.
  • รถไฟฟ้าสายสีเทา (สถานีวัชรพล) ~ 8.3 กม.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีเพื่อนบ้านเพียง 99 ยูนิต จึงแชร์การใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันสบายๆไม่แออัด
  • บ้านเฟสแรกที่หันหน้าเข้าสวนมีความน่าสนใจ เพราะสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ตลอด และยังเดินมาใช้งานส่วนกลางได้สะดวกอีกด้วย
  • บ้านในซอยเฟสหลังๆจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะเพื่อนบ้านร่วมซอยจะลดลงเรื่อยๆ เหมาะกับคนชอบความเงียบสงบไม่วุ่นวาย
  • วางแปลนบ้านหลังใหญ่สุดไว้โซนด้านหน้า และตรงถนน Main ทำให้บรรยากาศตอนขับรถเข้า-ออกดูดี เหมือนเป็นโครงการบ้านแพงทั้งหมด และไม่รู้สึกว่าเพื่อนบ้านเยอะเหมือนบ้านในซอยย่อย

เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก โดยมีเพื่อนบ้านเพียงแค่ 99 ยูนิตเท่านั้น ปัจจุบันเปิดขายเฉพาะเฟสแรกที่อยู่ด้านหน้าสุด ซึ่งจะเป็นโซนที่อยู่ใกล้สวนและอาคาร Clubhouse จึงทำให้สามารถเดินมาใช้งานส่วนกลางได้สะดวก รวมถึงยังได้วิวพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ตรงกลางอีกด้วย ส่วนบ้านเฟสด้านในส่วนใหญ่จะอยู่ภายในซอยครับ โดยเฉพาะซอยแรกๆอาจเป็นซอยที่ลึกหน่อย และมีเพื่อนบ้านกว่า 20 ยูนิต แต่ถ้าเป็นซอยช่วงหลังๆก็จะยิ่งสั้นลงและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ การเลือกวางตำแหน่งบ้านหลังใหญ่สุดไว้ตรงโซนด้านหน้า ติดกับสวนและถนน Main หลักของโครงการเท่านั้น ซึ่งบ้านจะไม่ต้องหันหน้าชนกับใครในระยะใกล้เลย โดยแลกมากับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงในบางช่วงเวลาที่มีคนขับรถผ่าน หรือมีคนเดินมาใช้ส่วนกลางอยู่บ้าง แต่ภาพรวมก็ทำให้โครงการดูดีมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่เราก็จะมองเห็นแต่บ้านหลังใหญ่ที่ดูหรูหรา และไม่แออัดนั่นเองครับ

(ปล.ในเรื่องตำแหน่งของแปลงที่ดินในแต่ละหลังสามารถขอดู และสอบถามเพิ่มเติมได้จากเซลล์ที่อยู่หน้างานได้เลยครับ)

มาเริ่มกันที่ซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้า ซึ่งก็จะเหมือนกับ The City ที่อื่นๆคือ ด้านบนเค้าจะทำเป็นอาคาร Clubhouse ด้วยนั่นเองครับ โดยอนาคตถ้าต้นไม้รอบๆโตมากกว่านี้ บรรยากาศก็คงจะร่มรื่นและดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ทางเข้า-ออกจะแยก 2 ฝั่งออกจากกันชัดเจน ซึ่งถ้าเป็นลูกบ้านจะมีการสแกนป้ายทะเบียนรถด้วยระบบ KATSAN และไม้กั้นกระดกจะเปิดให้อัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนนะครับ

KATSAN เป็นระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานของ AP ที่มีในทุกๆโครงการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ค่อนข้างดี เช่น สามารถลงทะเบียนรถของแขกที่จะมาหาไว้ล่วงหน้าได้ หรือถ้ามีใครมาหาแล้วเราไม่สะดวกรับแขก/หรือเราไม่อยู่บ้านพอดี ก็สามารถกดปฏิเสธผ่าน Application ได้โดยไม่จำเป็นต้องให้คนภายนอกเข้ามาในหมู่บ้านให้เสียความเป็นส่วนตัวครับ

เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับทางแยกด้านหน้า และมีสวนสาธารณะอยู่ตรงกลาง ส่วนทางขวามือจะเป็นอาคาร Clubhouse ที่เชื่อมต่อกับซุ้มประตูทางเข้าตอนแรกครับ

สำหรับใครที่ต้องใช้รถเข็นวีลแชร์/รถเข็นเด็ก ทางขวาของอาคารจะมีทางลาดให้ใช้งานได้สะดวกแบบนี้ด้วยนะ

แต่ถ้าเป็นลูกบ้านทั่วไปก็สามารถเดินขึ้นบันไดด้านหน้าไปตรงๆแบบนี้ได้เลยครับ

สำหรับห้องกระจกชั้นล่างจะเป็นเหมือน Lobby ที่เอาไว้นั่งเล่นพักผ่อน หรือใช้รับรองแขกที่มาหาได้ เผื่อใครไม่สะดวกพาเข้าไปในบ้านก็จะได้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวครับ

ต่อไปเราจะเดินไปดูทางด้านซ้ายของอาคารกันต่อครับ

บริเวณนี้จะเป็นสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง มีขนาด 6.3 x 14.85 เมตร ซึ่งคนที่อยากออกกำลังกายจริงจังก็อาจต้องว่ายหลายรอบหน่อยนะครับ และสระนี้ก็อาจมีความเป็นส่วนตัวที่ลดลง จากรถที่ขับผ่านเข้า-ออกอยู่บ้างนะครับ

ส่วนทางด้านข้างจะเป็นสระเด็กขนาด 2.95 x 7.9 เมตร ที่น้องๆสามารถมาว่ายน้ำเล่นกันได้ เพียงแต่อาจต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดสักนิดนึง เพราะน้องๆอาจปีนข้ามมาฝั่งที่เป็นน้ำลึกได้ง่ายครับ

ส่วนทางด้านขวาของอาคาร Clubhouse จะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังห้องน้ำแยกชาย-หญิงแบบนี้

รวมถึงยังมีเส้นทางด้านหลังที่เราสามารถล้างตัว และเดินไปลงสระว่ายน้ำได้เลย โดยไม่ต้องอ้อมไปด้านหน้าให้เสียความเป็นส่วนตัวครับ

ถัดมาเราจะขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 กันบ้างนะ

เมื่อขึ้นมาด้านบนเราจะเจอกับพื้นที่โล่งๆแบบนี้ ซึ่งอนาคตเราอาจเสนอให้ทางนิติหาโต๊ะเก้าอี้/โซฟานั่งเล่นมาวางเพิ่ม เพื่อใช้ประโยชน์ให้มากขึ้นได้ หรืออาจทำเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมตามงานเทศกาลต่างๆของลูกบ้านก็ได้เหมือนกัน ส่วนฟังก์ชันหลักๆที่ทางโครงการจัดไว้ให้ จะอยู่แยกออกไปทางซ้าย-ขวา

เริ่มจากห้องแรกทางซ้ายมือ จะเป็นส่วนด้านบนของซุ้มประตูตอนแรกพอดี ลักษณะก็เลยเป็นห้องตอนลึกยาวๆแบบนี้ ซึ่งทางโครงการก็จะแบ่งฟังก์ชันออกมาได้ 3 โซนหลักๆคือ

บริเวณด้านหน้าสุดนี้เค้าจะเรียกว่า Co-Working Space ที่หน้าตาฟังก์ชันอาจไม่ค่อยเหมือนชื่อเท่าไหร่นัก เพราะไม่ได้มีโต๊ะให้วางคอมนั่งทำงานได้แบบจริงจังเท่าที่ควร โดยเค้าจะเน้นให้มานั่งโซฟาตัวใหญ่แบบชิลๆ และเตรียมปลั๊กไฟเอาไว้ให้หลายจุดครับ

ถัดเข้ามาตรงกลางห้องจะเป็น Play Room ที่มีฟังก์ชันหลักๆอย่างโต๊ะพูลให้ได้มาเล่นสนุกร่วมกับเพื่อนๆ พร้อมกับมีชุดโซฟาเอาไว้นั่งพักผ่อน หรือมานั่งรอคิวเพื่อนๆที่กำลังเล่นอยู่ก็ได้

ส่วนห้องด้านในสุดจะเป็น Kids Room ที่จะมีประตูกั้นแยกเอาไว้เป็นสัดส่วน เพื่อที่เสียงของน้องๆจะได้ไม่ดังออกไปรบกวนพื้นที่ภายนอกมากนัก ซึ่งหากใครที่มีลูกๆหลานๆก็พามาเล่นกับเพื่อนๆตรงนี้ได้นะครับ

สำหรับฟังก์ชันอีกด้านหนึ่งของ Clubhouse จะเป็น Fitness ที่พอเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่หลายๆคน(รวมถึงผมเอง)ก็ตั้งคำถามกับเซลล์ว่า ..ยังเอาเครื่องมาลงไม่ครบหรือเปล่า?

อันที่จริงเค้าก็ทำเสร็จแล้วล่ะครับ แต่อุปกรณ์มันมีเท่านี้แหละ ซึ่งจำนวนหรือสัดส่วนอาจไม่เหมาะกับห้องเท่าไหร่นัก โดยผมคิดว่าอนาคตเราอาจบอกทางโครงการหรือนิติ ให้หาอุปกรณ์ต่างๆมาลงเพิ่ม ก็จะเป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า และจะได้มีอุปกรณ์ใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย หรือถ้าปล่อยเอาไว้ก็จะกลายเป็นพื้นที่เต้นแอโรบิคโล่งๆแบบนี้ไปครับ

ซึ่งจุดที่น่าจะได้ใช้จริงจังสุดก็คงเป็นเจ้า 5 เครื่องนี้นะครับ โดยจะเป็นลู่วิ่งและเครื่องปั่นจักรยาน ที่หันหน้ารับวิวสวนและสระว่ายน้ำด้านนอกได้แบบนี้

ถัดมาจะเป็นพื้นที่กลางแจ้งอย่างสวนสาธารณะตรงกลาง ที่มีพื้นที่สีเขียวรวมกันประมาณ 1 ไร่

จุดแรกที่เรามองเห็นจะเป็นซุ้มศาลาทรงกลม ที่จริงๆก็ไว้ประดับเพื่อความสวยงามแหละครับ แต่ก็มีฟังก์ชันแบบ Sunken ลดระดับพื้นลงไปสามารถนั่งเล่นพักผ่อนได้ หรือจะมาถ่ายรูปเล่นกับพวกดอกไม้/ดอกหญ้ารอบๆก็สวยไม่เบา

ถัดมาจะเป็น Playground หรือสนามเด็กเล่นที่ให้น้องๆสามารถมาเล่นซน หรือออกกำลังกายกันตรงนี้ได้ โดยจะมีฟังก์ชันให้เล่นเยอะเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นแทรมโพลีน/บ่อทราย/สะพานเชือก/สไลด์เดอร์ เป็นต้น

สามารถคลิกชมภาพเครื่องเล่นเพิ่มเติมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/4

ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นสวนสาธารณะพร้อม Jogging Track ที่เราสามารถมาเดินเล่นหรือวิ่งออกกำลังกายรอบๆสวนแห่งนี้ได้ อีกทั้งบ้านที่อยู่ในโซนนี้ก็ยังหันหน้ารับวิวพื้นที่สีเขียวได้อีกด้วย

และนอกจากทางราบเรียบปกติแล้ว เค้ายังมีการออกแบบ Landscape ให้มีทางคลื่นแนววิบาก ให้น้องๆได้มาปั่นจักรยานเล่นกันสนุกๆแบบนี้อีกด้วย

รวมถึงริมสวนก็จะมีพื้นที่ให้นั่งเล่นกระจายอยู่ตามจุดต่างๆแบบนี้ครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 6.3 x 14.85 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • สระเด็กลึกขนาด 2.95 x 7.9 เมตร ลึก 0.4 เมตร
  • Fitness
  • Co-Working Space
  • Play Room
  • Kids Room
  • พื้นที่สวนขนาดประมาณ 1 ไร่
  • Playground
  • Jogging Track
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 11 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
  • เข้า-ออกโครงการด้วยการสแกนทะเบียนรถ ระบบ KATSAN
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง (ตรวจสอบโครงการทุกๆ 1 ชม.)
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก และประตูเลื่อนไฟฟ้า
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor และ CCTV จำนวน 2 ตัวทุกหลัง

แบบบ้าน

Highlights :

  • บ้านหน้ากว้างหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันเยอะ 4 – 5 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 4 – 5 คน
  • จัดฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วน แยกโซนการใช้งานออกจากกันได้เป็นส่วนตัวดี และมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง
  • แต่ละบ้านจะมี Gimmick ที่น่าสนใจแตกต่างกัน อย่างบ้านไซส์ใหญ่และเล็กจะได้ Double Volume มีความสูงโปร่ง ส่วนบ้านไซส์กลางจะมีห้องกระจกที่น่าใช้งาน พร้อมระเบียงใหญ่รอบบ้าน เหมาะกับคนรักธรรมชาติมากๆ
  • โครงสร้างก่ออิฐมวลเบา มีความแข็งแรงและทุบ/ต่อเติมได้ง่าย รวมถึงยังให้ช่องแสงมาเยอะ บรรยากาศบ้านมีความโปร่งโล่งดี

แบบบ้านของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 3 แบบ ก่อสร้างด้วยระบบก่ออิฐมวลเบา ทำให้สามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย โดยจะเป็นบ้านสไตล์ Modern Luxury ประกอบด้วย

  • INSCAPE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก (Double Volume) / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
  • BRIVET บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 74 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดถ
  • VESPERTINE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 90 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก (Double Volume) 2 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ

จะเห็นว่าเป็นบ้านไซส์ใหญ่ทั้งหมดเลยใช่มั้ยครับ นั่นเป็นเพราะโครงการ The City รามอินทรา 2 รุ่นพี่ข้างๆก่อนหน้านี้ แบบบ้านหลังใหญ่เค้าได้ผลตอบรับค่อนข้างดี และขายหมดไวมาก ซึ่งสะท้อน Demand ของผู้บริโภคในย่านนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าต้องการบ้านสำหรับครอบครัวใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะๆเป็นหลักนั่นเอง

  • VESPERTINE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 90 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก (Double Volume) 2 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ

บ้านตัวอย่างวันนี้จะเป็นหลังใหญ่สุดนะครับ โดยจะมีห้องนอนชั้นล่างที่ทำเป็นห้องผู้สูงอายุได้ แถมยังมีที่จอดรถรองรับถึง 3 คัน จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ จุดเด่นของบ้านชั้นแรกคือ การแบ่งโซนฟังก์ชันที่มีความเป็นสัดส่วนไม่รบกวนกัน ซึ่งตรงกลางจะเป็น Common Area ขนาดใหญ่ ที่สามารถเป็นพื้นที่รวมตัวของสมาชิกในครอบครัวได้

ด้านซ้ายมือเป็นฟังก์ชันครัวและพื้นที่ของแม่บ้านอยู่แยกออกไป ส่วนด้านขวาก็เป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Double Volume ที่ถือเป็นอีกหนึ่ง Highlight ของบ้านหลังนี้ และยังเป็นมุมที่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับคนในบ้าน แยกจาก Common Area ที่อาจกำลังรับแขกอยู่ได้ด้วยนั่นเองครับ (หรือบางคนอาจสลับกัน โดยใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นจุดรับแขกก็ได้)

สำหรับชั้นบนจะมีห้องนอนทั้งหมด 4 ห้อง พร้อมห้องน้ำเป็นส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งห้อง Master Bedroom จะมีทั้งห้องน้ำและระเบียงขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆ ส่วนนอกห้องก็ยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานได้อีก 2 จุด (ตรงหน้าห้องนอนเล็ก และโถงบันได) สามารถจัดเป็นฟังก์ชันได้หลากหลายตามต้องการ เช่น มุมห้องพระ หรือมุมโต๊ะทำงาน เป็นต้น

เริ่มด้วยพื้นที่จอดรถในร่มกว้าง 7.35 m. สามารถจอดรถได้ 3 คันพอดีๆ โดยพื้นจะเทเป็น Concrete Stamp โครงสร้างแบบ Slab on Ground ซึ่งจะมีการเว้นช่องเป็นรางระบายน้ำรอบๆ เผื่อเกิดการ Crack หรือการแยกกันของโครงสร้างพื้น ที่อาจเกิดจากพื้นดินทรุดตัวในอนาคต น้ำหนักของพื้นที่จอดรถจะได้ไม่ทำอันตราย หรือส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของตัวบ้านนั่นเองครับ

อีกหนึ่งความพิเศษของบ้าน Type ใหญ่สุดก็คือ ทางเข้าจากพื้นที่จอดรถจะมีทางลาดให้ใช้งานด้วยครับ (กว้างประมาณ 1 m.) ซึ่งเหมาะมากสำหรับครอบครัวที่อาจมีผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องใช้รถเข็นเป็นประจำ

ขวามือจะเป็นประตูที่ออกแบบให้มีช่องแสงขนาดใหญ่ ทั้งตรงบานประตูและผนังด้านข้าง ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงามหรือสว่างโปร่งโล่งเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเปิด-ปิดประตูไม่ให้ชนกันได้อีกด้วย

ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นที่เก็บของเล็กๆซ่อนอยู่ในเสาแบบเนียนๆ ด้านหน้ามีบานปิดเรียบร้อยดี สามารถเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดรถหรือทำสวนได้ รวมถึงมุมด้านบนก็ยังมีกล้อง CCTV ติดตั้งมาให้ด้วย โดยจะมีทั้งหมด 2 ตัว ซึ่งอีกจุดหนึ่งจะอยู่ตรง Common Area ในบ้านครับ

สำหรับทางเข้าหลักของบ้านจะอยู่ด้านขวามือ ซึ่งจะเดินเชื่อมต่อมาจากพื้นที่จอดรถได้เลย

ประตูที่ได้จะเป็นบานไม้สักขนาด Oversize ที่สามารถเปิดประตูบานเล็กที่อยู่ด้านข้างเพิ่มเติม เพื่อขยายให้กลายเป็นช่องทางที่ใหญ่ขึ้นได้

ทีนี้เราก็จะสามารถขนพวกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆผ่านทางนี้ได้เลย (ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปหลังบ้าน) และเรายังได้ Digital Door Lock ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานทุกหลังด้วยนะครับ

เข้ามาในบ้านเราจะเจอกับ Foyer ที่กว้างประมาณ 1.75 m. สามารถทำเป็นพื้นที่ถอด-ใส่รองเท้าได้ โดยหาชั้นวางรองเท้ามาตั้งไว้ หรือจะ Built-in ตู้ด้านข้างเนียนๆไปกับผนังเลยก็ได้ครับ

เข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่มาก ซึ่งจะเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันของทุกคนในครอบครัว พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ และมีฝ้าเพดานสูง 2.8 m.

ขวามือเป็นพื้นที่เหมาะกับจัดเป็นโซฟานั่งเล่นขนาดใหญ่ และยังใช้เป็นพื้นที่รับแขกได้ด้วย โดยจะตั้งอยู่ติดกับช่องแสงขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับสวนได้ จึงทำให้เราสามารถดูทีวีไปและมองสวนหลังบ้านไปด้วยได้เพลินๆ

กรอบประตูหน้าต่างทั้งหมดจะเป็นอลูมิเนียมสีดำ พร้อมกระจกเขียวตัดแสง รวมถึงยังมีการติดตั้งระบบ Magnetic & Shock Sensor ไว้ที่ประตูหน้าต่างชั้นแรกทุกจุดอีกด้วย

นอกจากนี้เรายังสามารถเปิดประตูบานเลื่อน เพื่อออกมาใช้งานสวนด้านนอกได้อีกด้วยนะครับ ซึ่งใครอยากจัดเป็นสวนแบบไหนก็เต็มที่เลย เช่น ทำบ่อปลาคราฟสวยๆ ปลูกแปลงดอกไม้หลากสี และทำสวนหินสไตล์ญี่ปุ่นเก๋ๆ เป็นต้น

อีกด้านหนึ่งของ Common Area ก็จะมีพื้นที่ให้วางโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ได้ 8 – 10 ที่นั่ง ทำให้สามารถรองรับครอบครัวหรือแขกจำนวนเยอะๆได้สบายๆ รวมถึงเรายังสามารถทานอาหารไปและดูทีวีไปพร้อมๆกันได้อีกด้วย

ใกล้กับประตูทางเข้าพื้นที่จอดรถในตอนแรก ก็จะมีห้องน้ำให้ใช้งานด้วยครับ

โดยจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก American Standard ให้ใช้งานครบ แถมยังมีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย

ส่วนประตูด้านหลังบ้านจะเป็นทางไปห้องครัว ซึ่งของจริงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบใสๆ เพื่อความโปร่งโล่งและจะได้ไม่เปิดประตูชนกัน แต่ก็ยังกันกลิ่นหรือควันไม่ให้เข้ามารบกวนในบ้านได้ดีครับ

ภายในครัวไทยจะมีการทำเคาน์เตอร์ครัว พร้อมหน้าบานต่างๆให้แบบนี้เลยครับ อีกทั้งยังมีช่องหน้าต่างมาให้ถึง 2 จุด ทำให้มีความสว่างและช่วยระบายอากาศได้ดีทีเดียว

Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินแกรนิตสีดำ ซึ่งดูสวยงามและหรูหราดี แต่ก็เป็นหินที่มีรูพรุนตามธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาใช้งานอาจต้องระวังเรื่องกรด-ด่าง หรือเป็นคราบได้ง่ายกว่าพวกหินเทียมสักนิดนึง

ส่วนตู้เก็บของต่างๆก็จะมีหน้าบาน Hi-Gloss สีดำเงาแบบนี้มาให้ทุกจุดเลย สามารถเก็บของได้เยอะและเป็นระเบียบเรียบร้อยได้เต็มที่ รวมถึงเรายังได้ Hob&Hood มาแบบนี้เลยด้วยครับ

พื้นที่ทำครัวกว้าง 1.55 x 2.85 m. สามารถใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้สบายๆ รวมถึงยังมีพื้นที่อีกมุมหนึ่งไว้วางตู้เย็นได้อีกด้วย ส่วนประตูขวามือจะเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ของแม่บ้านครับ

ตรงเฉลียงด้านนอกจะมีห้องสำหรับแม่บ้านอยู่ 2 ห้อง

ซ้ายมือเป็นห้องน้ำและขวามือเป็นห้องนอน ขนาดประมาณ 2.15 x 2.2 m. สามารถวางเตียงและตู้เสื้อผ้าใบเล็กๆแบบอยู่คนเดียวได้พอดีๆ หรือหากใครไม่มีแม่บ้านประจำ ก็อาจทำเป็นห้องเก็บของขนาดใหญ่ได้นะครับ

ลานซักล้างข้างบ้านจะมีการเทพื้นปูนมาให้ เป็นแบบ Slab on Ground ไม่ได้ลงเสาเข็มนะ แต่ก็พอจะใช้เป็นพื้นที่ซักผ้า-ตากผ้าได้สบายๆ

กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง อีกด้านหนึ่งของ Common Area จะมีฟังก์ชันแยกออกไปอีกโซนหนึ่งครับ ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น

ซ้ายมือจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์แบบ Double Volume มีฝ้าเพดานสูงถึง 6.5 m. ที่เชื่อมต่อไปจนถึงบนชั้น 2 อีกทั้งด้านข้างยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ถึง 2 ด้าน เลยทำให้มีความสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ

อย่างที่ผมบอกครับว่าพื้นที่ส่วนนี้จะอยู่แยกออกมาจาก Common Area และอยู่ด้านหน้าของห้องนอนชั้นล่างที่อาจเป็นห้องผู้สูงอายุก็ได้ ดังนั้นจึงเหมาะที่จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคนในครอบครัว ที่ลูกๆหลานๆอาจมานั่งเล่นพูดคุยกับคุณตา/คุณยายตรงนี้ได้ หรือบางครอบครัวก็อาจใช้เป็นมุมรับแขกสวยๆแบบส่วนตัวก็ได้เหมือนกัน

และอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นประตูห้องนอนชั้นล่าง

ภายในห้องมีขนาดประมาณ 4.55 x 3 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุต และยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือใช้งานได้สบายๆเลยครับ

โดยพื้นห้องก็จะเปลี่ยนวัสดุเป็นไม้ลามิเนต เพื่อความสวยงามและดูอบอุ่นเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็อาจไม่ถูกกับความชื้นมากนัก จึงต้องคอยเช็ดทำความสะอาดดีๆสักหน่อย

ปลายเตียงมีพื้นที่มากพอที่จะ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้าได้ครับ ส่วนห้องน้ำของจริงจะเป็นประตูบานเลื่อนที่สามารถใช้งานได้ง่าย และช่วยประหยัดพื้นที่ในการเปิด-ปิดได้ดี เหมาะกับผู้สูงอายุและผู้ใช้รถวีลแชร์มากๆ

ภายในเป็นห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่และแบ่งฟังก์ชันเอาไว้เป็นสัดส่วน

โดยห้องน้ำนี้อาจไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นห้องผู้สูงอายุโดยเฉพาะนะครับ เพราะเค้ายังคงมีพื้นต่างระดับให้เห็นอยู่ตามปกติ รวมถึงเราอาจต้องเพิ่มราวจับที่ผนังเองด้วย แต่พื้นที่ใช้สอยก็มีความกว้างมากถึง 1.8 x 2.2 m. ไว้เผื่อสำหรับการใช้รถเข็นวีลแชร์ได้ด้วยนั่นเอง

อีกด้านหนึ่งเป็นพื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.7 x 1.1 m. มาพร้อมกับพื้นที่ให้นั่งอาบได้สบายๆ โดยเราอาจติดม่านพลาสติกเพิ่ม เพื่อกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาก็ได้ ซึ่งก็จะสะดวกสำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุด้วยครับ เพราะมีน้ำหนักเบาและใช้งานได้ง่ายมากๆ

กลับมาที่โถงบันไดซึ่งจะอยู่ตรงกลางบ้านพอดี เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรงทนทาน กว้างประมาณ 1 m. พร้อมมีราวจับเพื่อความปลอดภัยตลอดทาง

อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บของใต้บันไดให้ใช้งาน และตรงชานพักก็มีช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้ตอนกลางวันตัวบันไดจะสว่างมากๆ แบบไม่ต้องเปิดไฟให้เปลืองเลยครับ

ซึ่งตัวบันไดจะมีชั้นลอยสูงขึ้นไปอีกชั้น สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นหรือหิ้งพระก็ได้ โดยจะมีขนาดพื้นที่กว้างประมาณ 2.2 x 1.25 m. และฝ้าเพดานสูง 2.3 m. ให้ยืนใช้งานได้ตามปกติ

ด้านขวาของตัวบ้านจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งก็อาจจัดเป็นมุมนั่งทำงานหรือมุมนั่งเล่นพักผ่อนก็ได้ครับ

โดยบริเวณนี้ก็จะมีส่วนเชื่อมต่อกับพื้นที่ Double Volume ของชั้นล่างก่อนหน้านี้ได้ด้วยนะ ซึ่งก็จะมองเห็นกันได้เลยว่าใครทำอะไรกันอยู่ หรือมีแขกคนไหนมาหามั้ย รวมถึงยังช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ของคนระหว่างชั้นบนและชั้นล่างได้ดีอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องนอนเล็กห้องแรกครับ

ภายในกว้างประมาณ 3.65 x 3.2 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต และยังมีพื้นที่รอบๆให้ใช้สอยได้สบายๆ โดยพื้นชั้นบนทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นไม้ลามิเนต และมีฝ้าเพดานสูง 2.8 m.

ส่วนปลายเตียงจะเป็นห้องน้ำ และมีพื้นที่ให้ทำเป็นตู้เสื้อผ้าหรือ Walk-in Closet เล็กๆได้ด้วย

ภายในห้องน้ำแบ่งฟังก์ชันแยกออกจากกันเป็นสัดส่วน พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.35 x 1.75 m. และพื้นที่ส่วนเปียกกว้าง 1 x 1.35 m. สามารถใช้งานได้ปกติ ซึ่งเราอาจติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองได้นะครับ จะได้ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาด้านนอกได้

ถัดมาเราจะพาไปดูห้องอื่นๆที่อยู่อีกฝั่งของบ้านกันบ้างครับ ซึ่งโถงทางเดินนี้ก็จะกว้าง 1.5 m. สามารถเดินสวนกันได้สบายๆเลย

โดยห้องนอนนี้จะอยู่ตรงกลางบ้าน มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเท่ากับห้องเมื่อครู่ สามารถใช้สอยได้สบายๆ

ปลายเตียงมีพื้นที่ทำเป็นมุมแต่งตัว และมีห้องน้ำให้ใช้งานเหมือนกันครับ

ห้องนอนเล็กสุดท้ายก็จะมีฟังก์ชันและขนาดที่เท่ากับห้องอื่นๆ (เหมือน coppy กันมาเลยทีเดียว) เพียงแต่ด้วยสไตล์การตกแต่งห้องก็เลยทำให้ดูกว้าง และโปร่งโล่งดีมากขึ้นนั่นเอง

แน่นอนว่าอีกด้านก็จะมีมุมแต่งตัวและห้องน้ำให้ใช้งานเหมือนเดิมนะครับ

เรามาดูห้อง Master Bedroom กันบ้าง ซึ่งจะอยู่บริเวณฝั่งด้านหน้าของตัวบ้าน ภายในมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมาก (ประมาณ 7 x 4.35 m.) จุดเด่นคือมีช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้สว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ และสามารถเปิดออกไปใช้ระเบียงด้านนอกได้ด้วย

ระเบียงนี้จะมีความยาวเกือบเท่าตัวบ้านเลยครับ ซึ่งผมวัดได้ประมาณ 12 m. โดยจะมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในร่ม และพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบกลางแจ้ง สามารถจัดเป็นพื้นที่พักผ่อนส่วนตัว หาเก้าอี้มาวางหรือปลูกต้นไม้ในกระถางได้เต็มที่

รอบๆจะกั้นด้วยราวกระจกนิรภัย Tempered Glass ที่มีความปลอดภัย และทำให้สามารถชมวิวได้ดีมากขึ้น แต่ที่ผมชอบมากๆก็คือ เค้ามีการเก็บงานท่อระบายน้ำได้สวยงามมาก ทำให้รู้สึกได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆได้เป็นอย่างดีทีเดียว

กลับเข้ามาด้านในห้องอีกครั้ง ด้วยความที่ห้องนี้กว้างมากๆ เค้าเลยแบ่งพื้นที่อีกด้านทำเป็น Walk-in Closet ให้ดูเป็นตัวอย่างว่าสามารถทำได้สบายๆมาก แต่ของจริงเราจะได้เป็นห้องเปล่าโล่งๆตามปกตินะครับ

ถัดมาจะเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ ที่ภายในจะมีฟังก์ชันพิเศษต่างจากห้องนอนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His&Her ที่คู่สามีภรรยาสามารถมาใช้งานพร้อมๆกันได้ รวมถึงยังมีอ่างอาบน้ำให้ได้นอนแช่น้ำผ่อนคลายกันฟินๆด้วย

โดยสุขภัณฑ์ที่ได้ทั้งหมดก็ยังคงเป็นของ American Standard เช่นเดิมนะครับ แต่ก็เป็นรุ่นและเกรดที่หน้าตาดูดีทีเดียว

อีกด้านหนึ่งจะมี Shower Box ให้เลือกใช้งานได้ด้วยนะครับ

โดยคราวนี้เค้าจะกั้นกระจกนิรภัยมาให้แบบนี้เลย ภายในมีขนาดประมาณ 1.15 x. 1.3 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ

ส่วนภาพใน Gallery ด้านล่างนี้จะเป็นบ้านเปล่ามาตรฐานที่ผมถ่ายมาฝากกัน จะเป็นอย่างไรบ้างลองคลิกชมกันได้เลยครับ

Image 1/18


  • BRIVET บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 74 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดถ

คราวนี้จะเป็นบ้านไซส์กลางนะครับ ซึ่งฟังก์ชันก็ยังคงเหมาะกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวขนาดใหญ่ 4 – 5 คนได้สบายๆ จุดเด่นของแปลนชั้นล่างคือ ห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ด้านหน้าบ้าน โดยผนังทั้ง 3 ด้านจะเป็นกระจกทั้งหมด เลยทำให้คนที่มาใช้งานห้องนี้จะได้สัมผัส และใกล้ชิดกับสวนที่อยู่รอบๆตัวบ้านได้อย่างเต็มที่ รวมถึงยังเหมาะที่จะใช้รับรองแขก ซึ่งแยกเป็นส่วนตัวออกจาก Common Area ในบ้านได้อีกด้วย

อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบมากๆก็คือ เค้าจะมีระเบียง/เฉลียงภายนอกให้ใช้งานหลายจุดมาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน ข้างบ้าน และชั้นบนของตัวบ้าน ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ชอบทำกิจกรรม Outdoor รอบบ้านบ่อยๆ หรือชื่นชอบที่จะเปิดมุมมองให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติให้มากที่สุดนั่นเองครับ

แปลนชั้น 2 เราจะได้ห้องนอน 3 ห้อง พร้อมห้องน้ำเป็นส่วนตัวทั้งหมดเลย ที่น่าสนใจคือห้องนอนเล็กหลังบ้าน ซึ่งจะอยู่ติดกับห้องอเนกประสงค์เล็กๆ ที่หากเราไม่ได้ใช้งานห้องนี้ ก็สามารถทุบผนังเชื่อมต่อกัน ให้กลายเป็นห้องขนาดใหญ่เพิ่มอีกห้องได้เลยครับ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือพื้นที่อเนกประสงค์ด้านนอก จะมีให้ใช้งานทั้งแบบ Indoor และตรงระเบียง ซึ่งทำให้เห็นว่าบ้านหลังนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญ กับพื้นที่ส่วนรวมของคนในบ้านเป็นพิเศษมากๆเลยนั่นเองครับ

สำหรับบ้านหลังนี้เราจะได้ดูเป็นบ้านเปล่ามาตรฐานนะครับ ซึ่งหน้าบ้านเราจะเห็นว่าเค้ามีการติดตั้งประตูรั้วเป็นเหล็กแบบรางเลื่อน 2 ตอน ที่สามารถใช้งานได้ง่าย

และยังเพิ่มความสะดวกให้มากขึ้นได้ด้วยการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า โดยทางโครงการจะเตรียม Junction Box เอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย (บางช่วงอาจมีโปรติดตั้งให้ฟรีด้วย  ลองสอบถามดูอีกครั้งนะครับ)

ด้านซ้ายจะเป็นประตูบานเล็กสำหรับคนเดินเข้า-ออก ส่วนด้านขวามือจะมีช่องทิ้งขยะที่เปิดได้จากทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมกับมีช่องใส่จดหมายซ่อนอยู่หลังป้ายบ้านเลขที่อย่างแนบเนียน ซึ่งผมแนะนำให้ทำป้าย/สัญลักษณ์บอกพี่ไปรษณีย์เค้าสักหน่อย เพราะเนียนซะขนาดนี้อาจหาไม่เจอน้า

ที่จอดรถกว้าง 7.35 m. สามารถจอดรถ 3 คันได้พอดีๆ แน่นอนว่าโครงสร้างเป็นแบบ Slab on Ground และเทพื้น Concrete Stamp มาให้เหมือนเดิมครับ ส่วนขวามือจะมีช่องเก็บของซ่อนอยู่ในเสา พร้อมกับติดกล้อง CCTV มาให้พร้อมใช้งาน

ด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าบ้านที่เดินเชื่อมมาจากพื้นที่จอดรถได้เลย โดยเฉลียงด้านหน้าจะมีขนาดกว้างและใหญ่เป็นพิเศษ สามารถใช้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของครอบครัวได้สบายๆ ซึ่งทางโครงการก็จะเทพื้นและปูกระเบื้องมาให้แบบนี้เลยครับ

ส่วนประตูบ้านจะมี 2 ทางก็คือ ประตูบานไม้สักที่เป็นทางเข้าหลัก ซึ่งก็จะไปโผล่ด้านในตรงกลางบ้านตามปกติ และประตูกระจกบานเลื่อนที่จะเข้าสู่ห้องอเนกประสงค์ได้โดยตรง

เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ  Common Area ขนาดใหญ่ โดยจุดที่สะดุดตาเป็นอย่างแรกก็คือ เจ้าเสาบ้านที่อยู่ตรงกลางนี้ ซึ่งเป็นจุดที่เราอาจต้อง Built-in ฟังก์ชันขึ้นมาใหม่เพื่อให้กลมกลืนกันไป

อย่างโครงการ The City ที่อื่นๆที่ผมเคยไปรีวิวมา เค้าก็มักจะทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวฝรั่ง ที่เอาไว้อุ่นอาหาร/นั่งทานกาแฟเล็กๆน้อยๆได้ เพราะจุดนี้จะอยู่ติดกับครัวไทยด้านหลังด้วยนั่นเองครับ

ภายในห้องครัวเราจะได้ฟังก์ชันที่เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้เลยครับ โดยจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้าง 2 x 1.75 m. และเมื่อเปิดประตูออกมาด้านนอก ก็จะเจอกับลานซักล้างที่เทพื้นปูนเอาไว้ให้แบบนี้

รวมถึงยังมีทั้งห้องน้ำ ห้องแม่บ้านขนาด 1.9 x 2 m. และทำพื้นที่วางเครื่องซักผ้าเล็กๆไว้เป็นสัดส่วนด้วยครับ

กลับเข้ามาในบ้าน อีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ให้สามารถแบ่งจัดฟังก์ชันได้เอง อย่างทางด้านซ้ายก็เหมาะที่จะทำเป็นมุมโซฟานั่งเล่น ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงที่เชื่อมต่อกับสวนข้างบ้านได้ ส่วนทางขวามือก็เหมาะที่จะวางโต๊ะทานอาหารได้ 6 – 8 ที่นั่ง โดยจะอยู่ใกล้ๆกับครัวที่ยกอาหารมาเสิร์ฟได้สบายๆ

อีกด้านหนึ่งของ Common Area จะมีประตูที่เชื่อมต่อมายังห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถเข้า-ออกอีกทางจากประตูกระจกบานเลื่อนด้านข้างได้ด้วย ซึ่งเหมาะมากที่จะใช้เป็นพื้นที่รับแขก เพราะจะได้ไม่ต้องเดินเข้าไปในบ้านก่อนให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเอง

แถมห้องนี้ยังมีจุดเด่นมากๆก็คือ ผนังทั้ง 3 ด้านจะเป็นกระจกทั้งหมด ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับพื้นที่สีเขียวรอบบ้านได้มากขึ้น และน่ามานั่งใช้งานได้ตลอดทั้งวันเลยครับ โดยจะมีขนาดประมาณ 2.9 x 4.9. m. สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบายๆ

ด้านหลังของบันไดที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าบ้านตอนแรก จะมีทางเดินแยกออกไปอีก 2 ฟังก์ชัน คือทางซ้ายจะเป็นห้องนอนชั้นล่าง และทางขวาจะเป็นห้องน้ำครับ

เริ่มที่ห้องน้ำทางขวามือจะเป็น Powder Room ที่ไม่มีส่วนอาบน้ำนะครับ โดยจะใช้งานร่วมกันสำหรับโซนชั้นล่างของบ้านทั้งหมด

สำหรับห้องนอนชั้นล่างจะมีขนาด 3.1 x 4.5 m. สามารถวางเตียงกับตู้เสื้อผ้า และยังเหลือพื้นที่ใช้สอยรอบเตียงได้สบายๆ รวมถึงอีกด้านยังมีห้องน้ำให้ใช้งานส่วนตัวด้วย เหมาะที่จะทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุที่อาจขึ้น-ลงบันไดไม่ค่อยไหวครับ

ภายในห้องน้ำมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.45 x 1.6 m. และพื้นที่ส่วนเปียกกว้าง 1.45 x 0.75 m. โดยเราอาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเองนะครับ

ขึ้นบันไดมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับโถงด้านบนที่ค่อนข้างกว้าง และสว่างโปร่งโล่งดีมากๆ

นั่นเพราะทางซ้ายมือเค้าจะออกแบบให้เป็น พื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่กว้าง 2.75 x 2.45 m. สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพบปะกันเป็นส่วนตัว สำหรับคนในครอบครัวที่ชั้นบนได้ มาพร้อมกับช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ด้าน จึงทำให้สว่างโปร่งโล่งมากๆครับ

ติดกันจะเป็นระเบียงแบบ Semi-Outdoor ขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 1.9 x 2.4 m. เหมาะที่จะหาเก้าอี้มาวางไว้ออกมานั่งเล่นในวันที่อากาศดีๆ หรือจะปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่นด้วยก็ได้

ห้องนอนที่อยู่ข้างๆกันจะมีขนาดใหญ่รองลงมาจาก Master Bedroom กว้างประมาณ 4.15 x 5 m. ซึ่งจุดเด่นที่เค้าใส่เพิ่มเข้ามาก็คือ ช่องหน้าต่างกระจกเข้ามุม Bay Window

ที่ช่วยทำให้ห้องดูสว่างโปร่งโล่ง และมองวิวได้กว้างมากขึ้น ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นห้องน้ำ และสามารถกั้นห้องทำเป็น Walk-in Closet เพิ่มได้อีกด้วย

ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่ครับ อย่างพื้นที่ส่วนแห้งก็จะกว้างประมาณ 2 x 2 m. มาพร้อมสุขภัณฑ์จาก American Standard ครบครันเหมือนเดิม

ส่วนอีกด้านจะเป็นพื้นที่อาบน้ำขนาด 1.85 x 0.8 m. ซึ่งเราอาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองนะครับ

ส่วนห้องนอนอื่นๆก็จะอยู่ตรงบริเวณหน้าโถงบันไดในตอนแรก ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน

เริ่มจากห้องขวามือที่อยู่ติดกับบันได ภายในมีขนาด 3.6 x 5.6 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต และจัดฟังก์ชันพื้นที่รอบๆเตียงใช้งานได้ตามต้องการ

ส่วนห้องน้ำก็จะยังคงมีให้ใช้แบบส่วนตัวเลยครับ พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.8 x 1.4 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.7 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้ตามปกติ

ติดกันจะเป็นห้องอเนกประสงค์เล็กๆ ที่ภายในกว้าง 1.65 x 3.6 m. เหมาะที่จะทำเป็นห้องพระหรือห้องเก็บของก็ได้ และหากใครที่ไม่ได้ใช้ฟังก์ชันห้องนี้ เราก็อาจทุบผนังทางขวามือ เพื่อเชื่อมต่อกับห้องนอนเล็กก่อนหน้านี้ ให้กลายเป็นห้องนอนใหญ่อีกห้องไปเลยก็ได้ครับ

สุดท้ายคือห้อง Master Bedroom ที่ภายในจะมีขนาดใหญ่ที่สุด และเราสามารถกั้นแบ่งฟังก์ชันเพิ่มเติมได้ตามต้องการ

จุดเด่นอย่างหนึ่งก็คือช่องแสงขนาดใหญ่ ที่ได้เป็นกระจกเข้ามุม Bay Window พร้อมกับระเบียงขนาด 3 x 0.7 m. เลยทำให้บรรยากาศภายในห้องสว่างและโปร่งโล่งมากๆครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะมีห้องน้ำในตัว และเรายังสามารถกั้นห้องทำเป็น Walk-in Closet แบบจริงจังเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่ มาพร้อมกับฟังก์ชันอ่างล้างหน้า His&Her และอ่างอาบน้ำให้ใช้งานเหมือนกับบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้

ส่วนอีกด้านก็จะเป็นโถสุขภัณฑ์ และมี Shower Box ให้ใช้งานอีกจุดหนึ่งด้วย

โดยขนาดพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 1 x 1.65 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ แต่ที่ผมชอบมากๆก็คือ ห้องน้ำนี้เค้ามีช่องหน้าต่างมาให้ถึง 2 ด้าน ดังนั้นเวลาเปิดระบายอากาศก็จะมีลมพัดผ่านได้ดีมากๆเลยครับ

  • INSCAPE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก (Double Volume) / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ

มาถึงหลังสุดท้ายที่เป็นไซส์เล็กสุดของโครงการกันแล้วครับ ซึ่งตัวฟังก์ชันก็ไม่ได้น้อยหน้าพี่ๆเลย คือยังสามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถ 3 คัน และห้องนอน  4 ห้อง โดยจุดเด่นของบ้านหลังนี้ก็คือ พื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ที่อยู่ตรง Living Area ซึ่งทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง และเพิ่มปฏิสัมพันธ์ของคนในบ้านได้เป็นอย่างดี แถมยังมีมุมนั่งเล่นหลังบ้านที่แยกเป็นส่วนตัวจากด้านหน้าบ้าน ที่เราอาจกั้นผนังห้องเป็นสัดส่วนแยกไปเลยก็ยังได้

ส่วนบนชั้น 2 หลักๆก็จะเป็นห้องนอน 3 ห้องที่มีห้องน้ำในตัว พร้อมพื้นที่อเนกประสงค์ให้ได้ใช้งาน โดยภาพรวมมีการจัดฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนดีครับ แต่อาจมีในเรื่องโถงกลางบ้านที่ผมมองว่าเหลือเยอะไปสักหน่อย คือนอกจากเดินสัญจรผ่านไป-มาแล้ว เราก็อาจไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ส่วนนี้มากสักเท่าไหร่นัก ทั้งนี้เพราะเค้าต้องการออกแบบให้เวลาใช้งานแล้วรู้สึกไม่อึด หรือมืดทึบจนเกินไปนั่นเองครับ

Image 1/14

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

The City รามอินทรา 3 ราคา ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565

  • INSCAPE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก (Double Volume) / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาแปลงมาตรฐาน 13.5 ล้านบาท
  • BRIVET บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 74 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องรับแขก / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดถ
    – ราคาแปลงมาตรฐาน 15.4 ล้านบาท
  • VESPERTINE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่ม 90 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก (Double Volume) 2 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาแปลงมาตรฐาน 18.5 ล้านบาท
  • ค่าจอง 50,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา 100,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 120,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 34 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • Promotion : ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท / ฟรี! ค่าใช้จ่าย ณ วันโอ (ค่ามิเตอร์น้ำ/ไฟ, ค่าโอนกรรมสิทธิ์,ค่าส่วนกลาง 2 ปี) / ฟรี! ผ้าม่าน แอร์ ตามมาตรฐานโครงการ
  • ลงทะเบียนบนเว็บไซต์หลักโครงการได้ที่นี่ >>> https://apth.ly/nm8

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตั้งอยู่บนถนนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันออก ใกล้ๆกับซอยจตุโชติตอนต้น เลยทำให้สามารถไปขึ้นทางด่วนจตุโชติเพื่อเข้าเมืองได้ง่าย (ประมาณ 2.7 km.) หรือถ้าจะขึ้นวงแหวนกาญจนาฯก็อาจต้องขับไกลนิดนึงนะครับ (ประมาณ 8 – 9 km.) แต่ความน่าสนใจของที่ตั้งโครงการจริงๆก็คือ เค้าจะอยู่ใกล้กับจุดตัดของถนนส่วนต่อขยายเทพรักษ์ ที่หากทำเสร็จก็จะเชื่อมถนนสำคัญตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิต-ไปจนถึงถนนนิมิตใหม่ ซึ่งจะทำให้การเดินทางของย่านนี้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

รวมถึงเราอาจคาดหวังความเจริญ ที่อาจตามมาในอนาคตก็ได้อีกด้วยนะครับ เพราะปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ก็จะไปกระจุกตัวอยู่แถวๆสุขาภิบาล 5 และคู้บอน ที่ตอนนี้ก็มีโครงการขึ้นเยอะมากๆ อีกทั้งราคาก็ค่อนข้างขยับไปไกลด้วยเช่นกัน โดยโครงการ The City รามอินทรา 3 ก็จะตอบโจทย์สำหรับคนที่กำลังหาบ้านหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะๆ ในราคาที่สมเหตุสมผล ที่อาจหาได้ยากในทำเลใกล้เคียงนั่นเองครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ถือว่าให้มาเป็นมาตรฐานของ AP โดยใช้ระบบ KATSAN พร้อมกล้อง CCTV ที่บริเวณส่วนกลางเป็นหลัก และภายในตัวบ้านก็ยังได้กล้อง CCTV เพิ่มอีก 2 ตัว รวมถึงมีสัญญาณกันขโมยเป็นระบบ Magnetic & Shock Sensor ที่บริเวณประตูหน้าต่างชั้น 1 ทุกหลังอีกด้วย

การออกแบบโครงการ : เป็นโครงการที่มียูนิตไม่เยอะ (99 หลัง) และจัดผังโซนด้านหน้าได้น่าสนใจครับ โดยเฉพาะบ้านที่หันหน้าเข้าหาสวนเป็นแนวยาว นอกจากจะได้วิวพื้นที่สีเขียวจากตัวบ้านเต็มๆแล้ว ยังสามารถเดินมาใช้ส่วนกลางได้ง่ายอีกด้วย รวมถึงยังมีการวางแปลนบ้าน Type ใหญ่อยู่ตรงด้านหน้าและถนน Main ทำให้เวลาขับรถเข้า-ออกจะได้บรรยากาศที่ดี เหมือนเราได้อยู่โครงการบ้านแพงหลังใหญ่ทั้งหมด (แม้ว่าเราจะซื้อเป็นหลังเล็กก็ตาม) ซึ่งบ้านเหล่านี้เค้าจะไม่ต้องหันหน้าชนกับใคร แต่ก็อาจเสียความเป็นส่วนตัวจากรถที่ผ่านไป-มาในบางช่วงเวลาอยู่บ้าง แต่ถ้าใครที่ชอบความเงียบสงบเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ผมแนะนำให้เป็นซอยในเฟสหลังๆ เพราะจะมีเพื่อนบ้านร่วมซอยที่น้อยกว่าซอยแรกๆนั่นเอง

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : โครงการนี้จะเน้นบ้านไซส์ใหญ่ พื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันเยอะ ได้ที่จอดรถ 3 คัน และห้องนอน 4 – 5 ห้อง จึงทำให้เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ โดยเฉพาะครอบครัวที่อาจมีผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกเดินขึ้นชั้น 2 เค้าก็จะมีห้องนอนชั้นล่างไว้รองรับทุกแบบเลยครับ และอีกจุดหนึ่งที่ทุกแบบบ้านทำได้ดีก็คือ เค้าสามารถแบ่งโซนการใช้งานได้เป็นส่วนตัวไม่รบกวนกัน โดยหากลองสังเกตดีๆเราจะเห็นว่า เค้ามักจะมีพื้นที่อเนกประสงค์แยกตัวออกมาจาก Common Area หลักตรงกลางบ้าน ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น อาจไว้ใช้เป็นพื้นที่รับแขกจริงจัง หรือเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัวโดยเฉพาะก็ได้

สำหรับบ้านหลังใหญ่สุด VESPERTINE นอกจากพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume ผมยังมองว่าเค้าออกแบบเผื่อไว้รองรับผู้สูงอายุ มากกว่าแบบบ้านอื่นๆชัดเจนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ทางลาดตรงโรงจอดรถ และประตูห้องน้ำชั้นล่างก็ใช้เป็นบานเลื่อน (แต่อาจต้องปรับพื้นห้องน้ำให้เรียบ และติดราวจับเพิ่มเติมเองนะครับ) / ส่วนบ้านหลังกลาง BRIVET ผมชอบห้องกระจกด้านหน้าสุด ซึ่งทำให้เราได้สัมผัสกับสวนรอบๆบ้าน แถมยังอยู่แยกจาก Common Area ใช้รับแขกได้โดยไม่เสียความเป็นส่วนตัวในบ้านเลย ที่สำคัญคือ เป็นแบบบ้านที่ทำระเบียงขนาดใหญ่รอบบ้านมาให้เยอะสุดเลยด้วยครับ / ส่วนบ้านหลังเล็ก INSCAPE ก็จะมีจำนวนฟังก์ชันเทียบเท่าพี่ๆหลังใหญ่ แถมยังได้ Double Volume อีกด้วย โดยที่จะมีราคาจับต้องได้ง่ายกว่า แต่ก็แอบมีพื้นที่โถงทางเดินที่อาจใช้ประโยชน์ได้น้อยแฝงอยู่เยอะสักหน่อยนั่นเองครับ

วัสดุ : ถือว่าให้มาดีเหมาะสมกับราคา ที่ผมชอบมากๆก็คือ โครงสร้างบ้านที่เป็นผนังก่ออิฐมวลเบาทั้งหมด เพราะเราสามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย แถมยังกันเสียงและความร้อนได้ดีด้วย รวมถึงพวกช่องแสงต่างๆก็ให้มีขนาดใหญ่มากครับ ทำให้ได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งดี มีครัวที่ทำเคาน์เตอร์มาให้พร้อมใช้งาน และยังได้ Home Automation มาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตได้อีกด้วย แต่จุดที่ผมคิดว่าราคาบ้านเท่านี้สามารถให้วัสดุได้ดีกว่านี้ก็มีนะครับ อย่างพื้นบนชั้น 2 ที่ควรจะได้วัสดุที่ดีกว่าไม้ลามิเนตทั่วไป หรือ Shower Box ก็ควรมีติดฉากกั้นอาบน้ำทุกห้องไปเลย เป็นต้น

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : สวนสาธารณะตรงกลางมีขนาดประมาณ 1 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นต้นไม้ขนาดกลาง รวมถึงจะมีการปลูกต้นไม้ริมฟุตบาท และภายในบ้านให้เป็นมาตรฐานด้วยครับ แต่ที่ชอบมากๆคือซอยทางเข้าโครงการ ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นซอยสาธารณะก็ตาม แต่ทาง AP ก็ได้มีการปลูกต้นไม้และปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ดูสวยงาม ซึ่งอนาคตถ้าต้นไม้เหล่านี้โตก็น่าจะมีความร่มรื่นน่าอยู่มากขึ้นนะครับ

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆครบ และถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตแล้วถือว่ามาใช้งานได้สบายๆ ไม่แออัด เพราะมีคนแชร์ไม่เยอะ ที่ผมรู้สึกโอเคสุดก็คือพื้นที่สวน Outdoor ที่ดูใช้งานได้จริง และมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆหลากหลายดี ส่วนฟังก์ชันในอาคาร Clubhouse ยังมีหลายจุดที่ส่วนตัวผมคิดว่า หากเพิ่มอุปกรณ์หรือเฟอร์นิเจอร์ลงไปอีกหน่อย ก็คงจะน่าใช้งานและดูสมบูรณ์มากกว่านี้ได้ครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 13 – 18 ล้านบาท, 9 พฤศจิกายน 2565

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ตั้งอยู่บนทางคู่ขนานกาญจนาฯ ใกล้ทางด่วน 2 สาย ความอุดมสมบูรณ์ปัจจุบันยังมีไม่มากนัก
  • ความปลอดภัย 7.75/10 – ระบบ KATSAN พร้อมกล้อง CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านเป็นมาตรฐาน
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – บ้านหน้ากว้างหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันเยอะ แยกโซนเป็นสัดส่วนไม่รบกวนกันดี เหมาะกับอยู่เป็นครอบครัวใหญ่
  • วัสดุ 7.5/10 – โครงสร้างก่ออิฐมวลเบา ช่องแสงขนาดใหญ่ ให้ชุดครัวจัดเต็ม ที่จอดรถไม่ได้ลงเสาเข็ม พื้นชั้นบนยังคงเป็นไม้ลามิเนต
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – มีสวนสาธารณะประมาณ 1 ไร่ และมีการปลูกต้นไม้ในส่วนต่างๆของโครงการ ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีฟังก์ชันหลักๆครบ แชร์การใช้งานต่อยูนิตไม่มาก แต่ยังมีพื้นที่ว่างเหลือให้ใส่อุปกรณ์จัดเต็มได้มากกว่านี้
  • 7.81 / 10.00

The City รามอินทรา 3 เหมาะกับใคร

โครงการ The City รามอินทรา 3 เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ใกล้ทางด่วนจตุโชติและวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งอาจคาดหวังความเจริญหรือการเดินทางสะดวก จากแนวถนนเทพรักษ์ตัดใหม่ที่สมบูรณ์ในอนาคตก็ได้ โดยเน้นเป็นโครงการที่ยูนิตเป็นส่วนตัวไม่เกิน 100 หลัง และเป็นบ้านหน้ากว้างพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันเยอะ สามารถอยู่เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ หรือเป็นครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ และต้องการห้องนอนชั้นล่างก็ได้ รวมถึงส่วนกลางก็มีให้ใช้งานครบ มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 13.5 – 18.5 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 95,000 – 130,000 บาท


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc