
รีวิว The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) เป็นโครงการบ้านเดี่ยวจาก AP เปิดตัวเป็นโครงการที่ 2 ต่อจาก The City Sukhumvit – Onnut (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช) บนทำเลเดียวกัน รูปแบบเป็นบ้านเดี่ยวที่ดิน 100 ตร.วา ได้พื้นที่ใช้สอยใหญ่ 422 – 500 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 20.9 – 45 ล้านบาท* โดยปัจจุบันจะมีให้เลือก 2 รูปแบบ หากใครสนใจบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่บนทำเลอ่อนนุช – ศรีนครินทร์ ก็สามารถเลื่อนอ่าน Highlights ที่เรารวบรวมมาให้ชมกันก่อนได้ที่ด้านล่างนี้เลย
- ทำเลเชื่อมต่อใจกลางเมือง : ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยอ่อนนุช 70/1 เชื่อมต่อสุขุมวิทและศรีนครินทร์ ใกล้ทางพิเศษศรีรัชประมาณ 5 กิโลเมตร เดินทางเข้า – ออกเมืองง่าย ขับตรงเข้าอโศก – สีลมได้เลย เหมาะกับครอบครัวใหญ่ที่มองหาบ้านเดี่ยวทำเลใกล้เมือง อีกทั้งยังมีรถไฟฟ้า 2 สายให้เลือกใช้งาน (สายสีเขียวและสายสีเหลือง) ได้อีกด้วย
- บ้านเดี่ยว 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยเยอะ : ในราคาเริ่มต้น 20.9 ล้านบาท* เทียบกับคู่แข่งที่เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นด้วยกัน จะได้จุดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าทั้งพื้นที่ใช้สอยในบ้านและที่ดินรอบบ้าน ซึ่งหากใครอยากจะได้บ้านเดี่ยวที่ดิน 100 ตร.วา ส่วนใหญ่ต้องขยับขึ้นไปอยู่โซนพัฒนาการและราคาจะเริ่มตั้งแต่ 40 – 80 ล้านบาทขึ้นไปเลย
- ยูนิตน้อย ได้ความเป็นส่วนตัว : บ้านเดี่ยวในโครงการมีเพียง 62 ยูนิต จัดเป็นโครงการขนาดเล็ก มีจำนวนยูนิตน้อย จึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง อีกทั้งการจัดผังแต่ละซอยยังมีเพื่อนบ้านไม่ถึง 10 หลัง และแปลงบ้านส่วนใหญ่จะหันหน้าเข้าหาถนนหลัก ไม่ชนกับเพื่อนบ้าน เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว
ข้อมูลโครงการ
The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) ณ วันที่ 10 เมษายน 2568
ชื่อโครงการ | The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH – LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอย อ่อนนุช 70/1 เขตประเวศ กรุงเทพฯ |
ที่ดิน | 27 – 3 – 48.3 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 62 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.80 เมตร (Double Volume สูง 5.95 เมตร) |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 150,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2568 |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
โทร | 1623 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.708604, 100.658705
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) ค่ะ
โครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุชตอนปลาย ช่วงที่ใกล้ตัดกับถนนพัฒนาการค่ะ …พูดถึงถนนอ่อนนุชนั้นเป็นถนนที่มีความยาวกว่า 11 km. ซึ่งช่วงต้นซอยนั้นได้กลายเป็นคอนโดมิเนียมไปซะหมด ถ้าเราลองขยับมาบริเวณช่วงกลางๆซอย ก็จะเริ่มมีโครงการแนวราบให้ได้เห็นกันบ้าง ซึ่งถือว่าทำเลของ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) นั้น เป็นอีกหนึ่งทำเลของบ้านแนวราบที่ใกล้เมือง และมีตัวช่วยในการเดินทางเข้าเมืองที่หลากหลาย
โดยโครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) ตั้งอยู่ภายในซอยอ่อนนุช 70/1 ความดีงามของซอยนี้คือ บริเวณปากซอยเค้าจะเป็น 3 แยกไฟแดง ทำให้เรามีตัวเลือกในการเดินทางที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าเมืองทางไปศรีนครินทร์-สุขุมวิท หรือจะเลี้ยวขวาไปทางลาดกระบังก็ได้ ดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงมักจะใช้ชีวิต/ทำงานอยู่บนถนน 3 เส้นนี้เป็นหลัก
ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์นั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย เพราะภายในซอยอ่อนนุช 70/1 นั้นของกินเยอะอยู่นะ รวมถึงมี Minimart ต่างๆ คอยอำนวยความสะดวกอยู่ แต่ถ้าพูดถึงศูนย์การค้าขนาดใหญ่ต้องเดินทางมาที่ถนนศรีนครินทร์ เพราะจะมีห้างอยู่หลายแห่งและอยู่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นห้างซีคอน ตลาดรถไฟศรีนครินทร์ และห้างพาราไดซ์ อีกทั้งยังมีสวนหลวงร.9 ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อีกด้วย ซึ่งขากลับจากห้างก็สามารถใช้ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เพื่อมายังโครงการได้จากท้ายซอยอ่อนนุช 70/1 ที่เชื่อมต่อกับถนนอ่อนนุช-พัฒนาการตัดใหม่ได้เลย ถือว่าเป็นซอยที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตวน Loop ได้สะดวกเลยล่ะ
ตัวช่วยในการเดินทาง
สำหรับคนใช้รถจะมีทางพิเศษศรีรัช เป็นตัวช่วยที่ใช้วิ่งเข้าเมืองได้ง่าย ซึ่งเราสามารถไปได้ 2 ทาง คือ ทางถนนศรีนครินทร์ และทางถนนพัฒนาการ ซึ่งจะมีระยะทางและใช้เวลาใกล้เคียงกัน (แล้วแต่ความถนัดและแต่ละวันว่ารถเส้นไหนจะหนาแน่นมากกว่ากัน)
การเดินทางในวันนี้
วันนี้เราจะพาชมซอยอ่อนนุช 70/1 และพาไปจนเชื่อมออกซอยพัฒนาการ 90 เลยนะคะ การเลี้ยวเข้าซอยอ่อนนุช 70/1 สังเกตได้ง่ายค่ะ เพราะเป็นสามแยกไฟแดง เมื่อเข้าซอยมาแล้วให้ตรงไปประมาณ 550 เมตร สังเกตทางขวาจะเห็นป้ายทางเข้ากลุ่มโครงการบ้านของ AP ทั้ง 4 โครงการคือ The City 2 โครงการและบ้านกลางเมืองอีก 2 โครงการ ตามทางมาเรื่อยๆ ประมาณ 750 เมตร จะถึงซุ้มประตูทางเข้าโครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) ค่ะ
เริ่มจากหน้าปากซอยอ่อนนุช 70/1 ที่เป็นแยกไฟแดง ตรงนี้มีข้อดีที่ทำให้เราสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าเมืองทางไปศรีนครินทร์-สุขุมวิท หรือจะเลี้ยวขวาไปทางลาดกระบังก็ได้ ไม่ต้องออกไปกลับรถค่ะ
ในส่วนของการเดินทางไปออกถนนพัฒนาการนั้นก็ง่ายนิดเดียวค่ะ เพราะซอยอ่อนนุช 70/1 จะเชื่อมกับซอยพัฒนาการ 90 อยู่แแล้ว ขับตามทางไปเรื่อยๆ ก็ทะลุออกถนนพัฒนาการได้
จากป้ายหน้าโครงการที่ติดกับซอยอ่อนนุช 70/1 เราจะเลี้ยวขวาไปออกพัฒนาการได้ค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) ส่วนใหญ่เป็นบ้านแนวราบและชุมชนเดิมซะส่วนใหญ่ โครงการตั้งอยู่ในซอยทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว แต่ถนนหน้าโครงการเป็นถนนภาระจำยอมกว้างประมาณ 13 เมตรที่ทาง AP ตัดขึ้นเพื่อใช้เป็นทางเข้าสู่โครงการต่างๆ ซึ่งการตัดถนนนี้ยังเชื่อมกับถนนซอยย่อยๆ อีกหลายซอยที่ใช้เป็นทางลัดได้ แต่ทางเข้าหลักแนะนำให้เข้าซอยอ่อนนุช 70/1 จะสะดวกสุดนะคะ เพราะถ้ามาทางอ่อนนุช 70/1 โครงการจะมีการจัดทัศนียภาพและการดูแลถนน, ต้นไม้อย่างสวยงามค่ะ
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ แปลงที่ดินจะแยกออกเป็นโซนด้านหน้าและด้านหลังเพราะมีถนนตัดผ่านเพื่อใช้เป็นทางเข้าของบ้านพักเดิมในพื้นที่ แต่ก็ไม่ต้องห่วงค่ะเพราะจะมีประตูและรั้วกั้นเป็นสัดส่วนเรียบร้อย
อีกประเด็นคือเรื่องโรงกำจัดขยะอ่อนนุช ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนตัววันที่เราไปโครงการนั้นไม่ได้กลิ่นนะคะ แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนนั้นไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ หากผู้อ่านอยู่อาศัยใกล้ๆ นี้ก็สามารถ Comment มาบอกกันได้ ซึ่งเห็นข่าวว่าทางโรงงานอยู่ในระหว่างการแก้ไขเพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน ผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามข่าวกันต่อไปค่ะ
สรุปพื้นที่ข้างเคียงโครงการในแต่ละทิศนะคะ
- ทิศเหนือ : ติดกับโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้นข้างเคียง (บ้านกลางเมือง สุขุมวิท-อ่อนนุช) ซึ่งจะมีความสูงพอ ๆ กัน แต่จะมีรั้วโครงการสูง แบ่งกั้นสัดส่วนไว้ให้รอบโครงการเลย
- ทิศตะวันออก : ติดกับโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น The City Sukhumvit – Onnut (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช) และที่ดินเปล่า
- ทิศใต้ : ติดกับชุมชนพักอาศัยเดิมในพื้นที่
- ทิศตะวันตก : ติดกับชุมชนพักอาศัยเดิมในพื้นที่
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Seacon Square ~ 2.6 km.
- Paradise Park ~ 3.9 km.
- Central บางนา ~ 6.4 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 7 km.
- โรงพยาบาลศิครินทร์ ~ 7.4 km.
- โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 8.6 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ ~ 6.8 km.
- โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep (Primary Campus) ~ 11.1 km.
- โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep (Secondary Campus) ~ 11.5 km.
- โรงเรียนนานาชาติเอกมัย ~ 11.9 km.
รายละเอียดโครงการ
โครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในโซนนี้ที่เปิดตัวเป็นโครงการที่ 2 ต่อจาก The City Sukhumvit – Onnut (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช) รุ่นพี่ที่ Sold Out ไปแล้ว …โครงการนี้มีแบบบ้านใหม่ๆ มาเพิ่มเติมจากโครงการเดิมด้วย เป็นบ้านที่ให้ที่ดินถึง 100 ตร.วา จำนวนกว่า 50% ของโครงการ และนอกจากบ้าน 100 ตร.วาที่เป็นบ้านซีรีย์ใหม่แล้ว โครงการยังมี Type อื่นๆ ของโครงการเดิมตามมาให้หยิบจับด้วยเช่นกัน แต่นำมาปรับหน้าตา Facade ใหม่ ตัวบ้านทุกแบบออกแบบมาให้เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ เพราะไซส์เริ่มต้นก็มี 4 ห้องนอนแล้ว ซึ่งมีห้องนอนผู้สูงอายุที่ชั้นล่างในทุกแบบบ้านเลยค่ะ
เดิมทีโซนอ่อนนุชตอนปลาย-พัฒนาการจะมีโครงการราคา 10-30 ล้านบาทให้เลือกอยู่หลายโครงการ ซึ่งทยอยหมดกันไปแล้ว และในปัจจุบันที่ดินในโซนนี้เริ่มหายาก ทำให้มีโครงการเปิดตัวใหม่ไม่เยอะนัก ตอนนี้ที่ Survey โครงการบ้านเดี่ยวโซนนี้มา..จะมีโครงการเปิดขายอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มบ้านเดี่ยวโซนอ่อนนุช-ศรีนครินทร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการหรู 35-80 ล้านบาท อีกกลุ่มคือ บ้านเดี่ยวราคา 10-25 ล้าน ที่ขยับทำเลจากอ่อนนุชออกไปทางสวนหลวง ร.9 อีกหน่อย ซึ่ง “โครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) เป็นทางเลือกที่ทำราคามาแทรกตรงกลางระหว่างบ้าน 2 กลุ่ม บนทำเลอ่อนนุช แต่อยู่ในซอยหน่อย ในงบ 10 ล้านปลายๆ ไปจนถึง 35 ล้านค่ะ”
เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เป็นบ้านหรู 2 ชั้นด้วยกัน The City ออกแบบมาได้คุ้มค่าเรื่องพื้นที่ใช้สอยในบ้าน และที่ดินรอบบ้าน เรียกได้ว่าใครที่ตัดสินใจด้วยเหตุผลของความคุ้มค่าจะต้องเทคะแนนให้กับที่นี่ค่ะ
Masterplan
หากดูจาก Master Plan ประเด็นที่น่าสนใจจะมีอยู่ 4 เรื่องด้วยกันค่ะ อย่างแรกคือ “ความเป็นส่วนตัว” ซึ่งโครงการนี้มีเพื่อนบ้านเพียง 62 ยูนิตเท่านั้น แปลงบ้านส่วนใหญ่จะอยู่ในซอยที่มีเพื่อนบ้านแต่ละซอยไม่ถึง 10 หลัง ได้ความเป็นส่วนตัวสูง และแปลงบ้านบางส่วนจะอยู่ติดถนนหลัก มีข้อดีที่เดินทางเข้าออกง่าย แต่ก็จะมีเพื่อนบ้านขับรถผ่านหน้าบ้านบ่อยหน่อย ดีที่โครงการมีจำนวนยูนิตไม่เยอะค่ะ
ประเด็นที่สองคือ “ตำแหน่งส่วนกลาง” ซึ่งเค้าก็จัดมาให้อยู่ทางด้านหน้าสุด และใช้งานร่วมกับซุ้มประตูทางเข้าตามแบบฉบับของ AP โดยจะช่วยทำหน้าที่เป็นโซนต้อนรับ เสริมสร้างบรรยากาศทางเข้าให้ดูดีมากขึ้น หรือถ้ามีแขกมาหา ก็สามารถรับรองที่ Clubhouse ด้านหน้าได้เลย โดยไม่ต้องเข้ามาในหมู่บ้านให้เสียความเป็นส่วนตัว
ประเด็นที่ 3 คือ “ทิศของบ้าน” โดยบ้านส่วนใหญ่ในโครงการจะหันทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะได้แดดเช้าและร่มหน่อยในตอนบ่าย ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้จะได้ลมค่อนข้างดี แต่แดดจะลงหน้าบ้านในช่วงบ้านในช่วงบ่ายจึงเหมาะกับแปลนบ้านที่วางห้องนั่งไว้ฝั่งด้านหลังบ้าน
และประเด็นสุดท้ายคือ โครงการจะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนคือ โซนด้านหน้าเป็นโซนใหญ่ที่มี Facility ส่วนกลางครบครัน และโซนด้านหลังที่จะได้ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้นอีกเพราะมีลูกบ้านประมาณ 10 กว่ายูนิตเท่านั้น แต่ถ้าต้องการใช้งาน Facility ส่วนกลางจะต้องผ่านประตูเข้ามาเท่านั้น ทั้ง 2 โซนมีความปลอดภัยเหมือนกันด้วยรั้วและประตูโครงการล้อมรอบค่ะ บรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไร เราไปชมกันเลย
ซุ้มประตูโครงการ
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการมีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียวนะคะ นั่นเพราะซุ้มประตูนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาคาร Clubhouse ที่อยู่ด้านบนด้วยนั่นเอง
ส่วนการเข้า-ออก ก็จะใช้การสแกนป้ายทะเบียนรถพร้อมกับมีไม้กั้นกระดก และประตูเหล็กรางเลื่อนเพื่อความปลอดภัย ด้านข้างก็จะมีประตูเข้า-ออกสำหรับคนเดิน ส่วนถ้าใครเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ รปภ. ก่อนนะคะ
สำหรับโครงการของ AP จะใช้ระบบรักษาความปลอดภัย KATSAN เป็นมาตรฐานในทุกๆโครงการอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ค่อนข้างดี เช่น สามารถลงทะเบียนรถของแขกที่จะมาหาไว้ล่วงหน้าได้ หรือถ้ามีใครมาหาแล้วเราไม่สะดวกรับแขก/หรือเราไม่อยู่บ้านพอดี ก็สามารถกดปฏิเสธผ่าน Application ได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้คนภายนอกเข้ามาในหมู่บ้านให้เสียความเป็นส่วนตัว
เข้ามาในโครงการเราจะเจอกับถนน Main ซึ่งด้านหน้าตรงกลางจะเป็นวงเวียนต้นไม้ ที่ทำหน้าที่แบ่งโซนพักอาศัยออกจากโซนรับแขกบริเวณหน้าโครงการ
Clubhouse
Clubhouse เป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ ด้านหน้าจะมีที่จอดรถอยู่ 3 คัน สำหรับ Visitor หรือลูกบ้านที่ขับรถมาใช้งานส่วนกลาง
อาคาร Clubhouse มีบันไดทางขึ้นขนาดใหญ่และออกแบบเป็น Universal Design มีทางลาดให้ใช้วีลแชร์ได้สะดวก
Swimming Pool
สระว่ายน้ำ
ตัวสระหลักจะอยู่บริเวณหน้า Clubhouse เลยนะคะ เป็นสระระบบเกลือ ขนาด 4.1 x 25 เมตร พอใช้ว่ายออกกำลังกายได้อยู่นะคะ แต่เป็นสระแบบ Semi-Outdoor มีหลังคาคลุมกันแดดให้ จึงสามารถมาใช้งานได้ในช่วงเช้า-เที่ยง ส่วนช่วงบ่ายจะมีแดดสาดมาจากทางทิศตะวันตกนิดหน่อย และกลับมาใช้งานได้เต็มที่อีกทีในช่วงเย็นค่ะ
แต่ด้วยตำแหน่งของสระที่อยู่หน้าโครงการ ส่วนตัวจึงอยากให้มีแนวต้นไม้บังสายตาเพิ่มเติมอีกหน่อยนะคะ เวลาใช้งานจะได้ไม่เคอะเขินค่ะ ><
ตัวสระจะมีสระเด็กและ Jacuzzi ให้ใช้งานด้วยนะคะ และมีหลังคาคลุมด้วยเช่นกัน
พื้นที่นั่งเล่นริมสระ
โถงทางเดินและที่นั่งเล่นจะอยู่ริมสระ และอยู่ในร่มทั้งหมด จึงไม่ต้องกลัวแดด เวลาพาลูกๆ หลานๆ มาว่ายน้ำก็สามารถนั่งคอยริมสระได้
โซนห้องน้ำจะหลบมุมเข้าไปด้านใน จึงได้ความเป็นส่วนตัวดูมิดชิดขึ้น
ห้องน้ำหญิง
ห้องน้ำหญิง
ภายในห้องน้ำหญิงมีขนาดใหญ่ กว้างขวางทีเดียว ภายในมีทั้งห้องสุขาและห้องอาบน้ำครบครัน รวมถึงมี Sauna ด้วยค่ะ
Sauna
ห้อง Sauna รองรับการใช้งานได้ประมาณ 4 คน
นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุแยกเอาไว้ให้ใช้งานได้สะดวก เป็นห้องขนาดใหญ่เข็นวีลแชร์เข้าไปได้สบาย
จุดอาบน้ำก่อนลงสระจะซ่อนอยู่ด้านหลังกำแพงนะคะ ใช้งานได้สบายใจดีค่ะ และหากเดินไปสุดทางเดินจะเป็น Lobby สำหรับรับแขกค่ะ
Lobby
Lobby ของโครงการจัดชุดโซฟาไว้ 4-5 ชุด เผื่อลูกบ้านใช้รับรองแขกที่นี่ก็ได้หากไม่สะดวกจะพาแขกเข้าบ้าน บรรยากาศภายในตกแต่งไว้สวยงามดีและได้วิวจากสระว่ายน้ำและต้นไม้รอบอาคาร Clubhouse ด้วยค่ะ
สำหรับ Facility บนชั้น 2 จะต้องขึ้นบันไดไปนะคะ
ขึ้นมาบนชั้น 2 ห้องแรกทางซ้ายมือเป็น Kid Room ส่วนทางขวาเป็น Fitness
Fitness
Fitness
ภายในถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีอุปกรณ์ที่เรียกได้ว่าครบครันมากๆ ซึ่งโครงการตั้งเครื่องเล่นติดหน้าต่างเพื่อรับวิวได้ ทำให้บรรยากาศดูโปร่ง ไม่อึดอัด ส่วนตัวคิดว่าเพียงพอต่อการใช้งานสำหรับบ้าน 62 ยูนิต แชร์กันใช้สบายๆเลยค่ะ
Kid Room
Kid Room
Kid Room สำหรับเด็กน้อย ภายในมีเครื่องเล่นให้น้องๆมาสนุกกันได้ ซึ่งนอกจากจะสนุกแล้ว น่าจะเป็นพื้นที่ที่ได้พบปะเพื่อนๆ วัยเดียวกันด้วย
อีกฝั่งหนึ่งบนชั้น 2 จะเป็น Co-Working Space และ Play Room ค่ะ
Co-Working Space
Co-Working Space
โครงการเน้นพื้นที่ภายใน Co-Working Space ให้มีขนาดใหญ่ จัดชุดโต๊ะทำงานไว้หลายจุด มีทั้งโต๊ะยาวสำหรับทำงานกลุ่ม หรือโต๊ะเล็กเข้ามุมที่มีความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นอีก เป็นอีกจุดนึงที่ลูกบ้านสามารถมานั่งทำงาน หรือนั่งประชุมกับเพื่อนๆได้ค่ะ
Play Room
Play Room
ในส่วนของ Play Room ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่สันทนาการ มีโต๊ะพูลให้ได้เล่นสนุกกัน และภายในห้องนี้ยังมีตู้เย็นไว้ให้บริการด้วยนะคะ
ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่สวนหย่อมของโครงการ อัพเดทภาพแล้วเสร็จเข้าไปเก็บมาวันที่ 04/04/68 เนื้อที่ประมาณ 300 ตร.วา โครงการตกแต่งมาได้บรรยากาศร่มรื่น มีทั้งต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มประดับให้ร่มเงาและความสดชื่น
ตรงกลางเป็นบ้านต้นไม้ มาพร้อมสไลด์เดอร์และ Trampoline ให้เด็กๆได้ใช้เวลาเล่นสนุกสนานนอกบ้านร่วมกับเพื่อนวัยเดียวกันได้ ด้านข้างมีมุมนั่งเล่น Outdoor มาให้หลายจุด ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นพักผ่อน หรือเดินออกกำลังแบบเบาๆได้ค่ะ
สวนหย่อมภายในโครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2)
ติดกับสวนหย่อมจะเป็นทางเข้า – ออกอีกจุดของโครงการ เชื่อมต่อกับโซนด้านหลังที่มีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น ได้ความเป็นส่วนตัวทีเดียว ตรงกลางมีถนนสาธารณะตัดผ่าน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเลยนะคะ เพราะโครงการมีการแยกซุ้มทางเข้ามาให้ทั้ง 2 ฝั่ง มีป้อมรปภ.พร้อมเจ้าหน้าที่ และระบบ KATSAN ช่วยแสกนในการเข้า – ออกโครงการ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- ชั้น 1
- Lobby
- สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 4.1 x 25 เมตร
- สระเด็ก
- Jacuzzi
- Sauna
- Co-Working Space
- Kid Room
- Play Room
- Fitness
แบบบ้าน
โครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) มีบ้านทั้งหมด 7 แบบให้เลือก มาในสไตล์ Modern Contemporary เช่นเดียวกับโครงการรุ่นพี่อย่าง The City Sukhumvit – Onnut (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช) ที่เน้นรูปร่างหน้าตาที่ดูทันสมัย จับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น
สิ่งที่แตกต่างจากโครงการเดิมคือ โครงการ The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) นี้มีแบบบ้านใหม่ๆ เพิ่มเติมมาอีก 2 Type และมีแปลงที่ดินที่มีขนาด 100 ตร.วา ขึ้นไป เรียกว่า “แบบบ้านซีรีย์ 100 วา” ค่ะ มีให้เลือกกว่า 50% ของโครงการเลย ซึ่งที่ดินขนาดใหญ่แบบนี้เริ่มเป็นของหายากในโซนนี้แล้วนะคะ
วัสดุและอุปกรณ์ในบ้าน
- โครงสร้างบ้านก่ออิฐฉาบปูน สามารถทุบต่อเติมในอนาคตได้
- พื้นที่จอดรถปูคอนกรีตแสตมป์ โครงสร้าง On Ground ไม่ลงเสาเข็ม
- ลานซักล้างหลังบ้านเทคอนกรีตขัดเรียบ โครงสร้าง On Ground ไม่ลงเสาเข็ม
- พื้นชั้น 1 กระเบื้องแกรนิตโต้ 60×60 cm.
- พื้นชั้น 2 ปูพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มิลลิเมตร
- ประตูหน้าบ้าน/ประตูโรงรถ บานประตูไม้สัก
- ผนังภายในติด Wallpaper
- Built-in เคาน์เตอร์ครัวก่อปูน พร้อมหน้าบานตู้เก็บของ
- ติดตั้งมาพร้อมเครื่องดูดควันและอ่างล้างจานจากยี่ห้อ TEKA
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ American Standard พร้อมฉากกั้นกระจก
- โครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก / ปิดผิวบันไดด้วยไม้ยางพารา
- ราวบันไดเหล็ก + กระจก Tempered หนา 6 mm. + ราวไม้ยางพาราประสาน
- รั้วบ้านรางเลื่อนเหล็ก 3 ตอน เตรียม Junction ไว้ติดมอเตอร์เพิ่มได้
เทคโนโลยีในตัวบ้าน
- Magnetic Sensor ที่ประตูหน้าต่างทั้งชั้น 1,2 (ยกเว้นห้องแม่บ้าน)
- Shock Sensor เฉพาะชั้น 1
- CCTV โรงจอดรถ 1 จุดและในบ้าน 1 จุด
- Digital Door Lock จากยี่ห้อ COLT (Life Smart) ใช้งานได้ 5 ระบบ (กดรหัส,คีย์การ์ด,สแกนลายนิ้วมือ,Bluetooth,กุญแจ)
- Home Automation ควบคุมการเปิด-ปิดไฟ ตั้งเวลาใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น แอร์ , ทีวี ผ่าน Apps และระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน
- Cube Motion 1 จุดที่บันไดตรวจความเคลื่อนไหว เปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ
- Cube Clicker ปุ่มกดส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุ
- พัดลมดูดอากาศระบบ Intelligent Air Flow
- มิเตอร์ไฟฟ้า 30/100 แอมป์ 3 เฟส มี Junction เตรียมไว้ให้รองรับ EV Charger
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ปัจจุบันรูปแบบบ้านที่เหลือขายจะมีให้เลือก 2 แบบ เป็นแบบบ้านไซส์ใหญ่ ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะและเนื้อที่ดิน 100 ตร.วาขึ้นไป คือ แบบบ้าน GODIVA พื้นที่ใช้สอย 422 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 20.9 ล้านบาท* และแบบบ้าน MARLOWE พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 33 ล้านบาท* หากใครสนใจก็สามารถชมภาพบรรยากาศจริงที่เราไปเก็บมาฝากกันได้ ซึ่งจะเป็นบ้านมาตรฐานที่เจ้าของบ้านจะได้สเปคตามจริงเลย แล้วยังมีภาพการตกแต่งในบ้านตัวอย่างรูปแบบ MILANA มาให้ชมเป็นไอเดียกันด้วย
เริ่มที่รูปแบบบ้าน MARLOWE เป็นบ้านไซส์ใหญ่สุดของโครงการ ที่ดินเริ่มต้น 130 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม. มาพร้อมฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ห้องพักผ่อน 4 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน 1 ห้องพระ และ 1 ห้องซักรีดแยกเป็นสัดส่วน เหมาะกับคนชอบบ้านไซส์ใหญ่ เน้นฟังก์ชันเยอะ
แปลนบ้านเป็นแบบหน้ากว้าง มีฟังก์ชันแยกใช้งานเป็นสัดส่วน รองรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่อยู่ร่วมกันหลาย Generations ได้แบบสบายๆ ชั้นล่างมีห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้งานได้สะดวก รวมถึงมีห้องอเนกประสงค์อีกจุด จะทำเป็นห้องพักผ่อน ห้องทำงานส่วนตัว หรือห้องนอนแขกเพิ่มก็ได้ ส่วนนั่งเล่นเมื่อเข้ามาในบ้านได้เป็น Double Volume เพิ่มความโอ่อ่า ตรงกลางเป็นพื้นที่ทานอาหาร พร้อมมีมุมให้จัดเป็น Pantry เชื่อมต่อกับครัวปิดขนาดใหญ่ ด้านข้างเป็นพื้นที่ Service ประกอบด้วย ห้องแม่บ้านและห้องซักรีด ดูเป็นสัดส่วน ใช้งานได้สะดวก
ชั้น 2 ได้ห้องนอนมาถึง 4 ห้อง พร้อมมี Family Area และห้องพระมาให้ด้วย พื้นที่ใช้สอยภายในได้มาขนาดใหญ่ มีห้องน้ำและ Walk – in Closet ในตัว สำหรับครอบครัวที่มีลูกๆอยู่ด้วย ก็สามารถใช้งานได้จนโต พร้อมรองรับได้ถึงรุ่นหลานๆ โดยจุดเด่นของแบบบ้านนี้ก็คือ Master Bedroom ที่ได้มาขนาดใหญ่มาก ได้อารมณ์เหมือนเป็น Penthouse จัดพื้นที่นั่งเล่นหรือทำงานในห้องได้เลย ส่วนที่เราชอบก็คือโครงการจัดอ่างอาบน้ำมาให้ได้ถึง 2 ห้อง ไม่ต้องแย่งกันเลย
บรรยากาศรอบบ้านมาตรฐาน แบบบ้าน MARLOWE
บ้านมาตรฐาน MARLOWE ที่เราพามาชมกัน ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 182.9 ตร.วา ทำให้มีพื้นที่รอบบ้านให้ออกไปใช้งานได้เยอะ เหมาะกับคนที่ชอบความโปร่งโล่ง อยากได้บ้านในบรรยากาศสวน หรือมีพื้นที่รองรับการต่อเติมได้ โดยข้อดีอีกอย่างของการได้ที่ดินใหญ่ก็คือ พื้นที่จอดรถ ตามฟังก์ชันของบ้านจะสามารถจอดได้ 4 คัน แต่ถ้ามีเนื้อที่ด้านหน้าเหลือก็จอดซ้อนได้ 6 – 8 คันเลย
บรรยากาศด้านหน้าพื้นที่จอดรถและทางเข้า บ้านมาตรฐาน แบบบ้าน MARLOWE
ส่วนจอดรถเป็นแบบในร่ม พื้นปูด้วย Stamped Concrete โครงสร้าง Slab on ground แยก Joint ป้องกันการทรุดตัวในอนาคต ประตูทางเข้า – ออกแยกเป็น 2 ฝั่ง คือด้านหน้าเป็นประตูทางเข้าหลัก เชื่อมต่อกับส่วนนั่งเล่น และด้านหลังโรงจอดรถ เข้าไปจะเจอกับโถงตรงกลางบ้าน ได้มาเป็นบานเปิดไม้สักขนาดใหญ่ทั้ง 2 จุด เพื่อให้สะดวกกับการใช้งาน ทั้งเวลาขนของหรือมีรถเข็นของผู้สูงอายุเข้า – ออก อีกทั้งด้านข้างยังมีทางลาดมาให้อีกจุดด้วย ใช้งานได้สะดวกมาก
พื้นที่ใช้งานบริเวณชั้น 1 บ้านมาตรฐาน แบบบ้าน MARLOWE
บรรยากาศชั้น 1 ในบ้านมาตรฐาน MARLOWE เมื่อเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่น เป็น Double Volume ความสูง 5.95 เมตร มีห้องอเนกประสงค์และห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว ดูเป็นสัดส่วน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเพิ่มเองได้ ตรงกลางเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ห้องครัวแบบปิดและห้องน้ำที่ได้เป็นแบบ Powder Room
ห้องครัวในบ้านมาตรฐาน แบบบ้าน MARLOWE
ห้องครัวได้มาขนาดใหญ่ เหมาะกับบ้านที่ชอบทำอาหารรับประทานเอง ภายในมีเคาน์เตอร์ Built – in มาให้ครบพร้อมหน้าบาน มีเครื่องดูดควันและอ่างล้างจานติดตั้งมาให้จาก TEKA พร้อมเตรียมงานระบบไว้รองรับการติดตั้งเตาไฟฟ้าเพิ่มเองได้
ห้องนอนชั้นล่างในบ้านมาตรฐาน แบบบ้าน MARLOWE
ห้องนอนชั้นล่างออกแบบมาให้รองรับการใช้งานผู้สูงอายุได้โดยเฉพาะ ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่ได้เป็นบานเลื่อน สะดวกในการเข้า – ออก ภายในห้องน้ำมีอุปกรณ์ติดตั้งมาให้ครบ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยพยุง ส่วนอาบน้ำพื้นไม่มีการลดระดับ ได้พื้นที่กว้างประมาณ 0.87×1.45 เมตร
พื้นที่ใช้งานบริเวณชั้น 2 บ้านมาตรฐาน แบบบ้าน MARLOWE
ชั้น 2 วัสดุปูพื้นจะเป็นลามิเนตลายไม้ความหนา 8 มิลลิเมตร มาพร้อมความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.8 เมตรเท่ากับชั้น 1 โดยชั้นนี้จะประกอบด้วย 4 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำและ Walk – in Closet ในตัวทุกห้อง มีห้องพระหรือห้องอเนกประสงค์ไว้รองรับ และ Family Area ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอก ส่วนที่เราชอบก็คือหน้าต่างภายในบ้าน ได้มาเป็นแบบเข้ามุมหลายจุด ช่วยเปิดมุมมองและเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับตัวบ้านได้ดีเลย
GODIVA เป็นอีกรูปแบบบ้านที่ยังเหลือขายอยู่ ได้ที่ดินเริ่มต้น 102 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 422 ตร.ม. ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ห้องพักผ่อน 4 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน 1 ห้องพระ ในราคาเริ่มต้น 20.9 ล้านบาท*ค่ะ
แปลนบ้านเป็นแบบหน้ากว้างเช่นกัน แต่การจัดฟังก์ชันจะแตกต่างกับแบบ MARLOWE ชัดเจน ฟังก์ชันได้มาใกล้เคียงกัน เหมาะกับคนที่มีงบประมาณน้อยลงมาหน่อย ไม่อยากได้พื้นที่ใช้สอยเยอะมาก ชั้น 1 Common Area ได้มาแบบ Open Plan ไม่มี Double Volume แต่ยังได้ความโปร่งโล่ง จัดเป็นส่วนนั่งเล่น รับแขกและพื้นที่รับประทานอาหารได้ ตรงกลางเป็นครัวปิดขนาดใหญ่ ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องนอนชั้นล่าง มีห้องน้ำในตัว รองรับผู้สูงอายุได้ ขึ้นมาชั้น 2 ประกอบด้วย 4 ห้องนอน มีห้องน้ำและ Walk – in Closet ในตัว ตรงกลางเป็น Family Area ขนาดใหญ่ สำหรับคนที่อยากได้ห้องเพิ่มก็สามารถกั้นห้องแยกได้อีกนะคะ ตรงกลางบ้านเป็นโถงบันได มองเชื่อมต่อลงไปที่ชั้น 1 ได้
พื้นที่ใช้งานชั้น 1 ในบ้านมาตรฐาน แบบบ้าน MARLOWE
พื้นที่ใช้งานชั้น 2 ในบ้านมาตรฐาน แบบบ้าน GODIVA
บ้านตัวอย่างจะมีให้ชมหนึ่งหลัง ซึ่งจะเหลือหลังเดียวในโครงการที่เป็นแบบบ้าน MILANA ขายแบบตกแต่งครบในราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท*
บ้านตัวอย่าง
บ้านหลังนี้จะเป็น Type เกือบใหญ่สุด ซึ่งเป็นแบบบ้านใหม่ในซีรีย์ 100 วา ชื่อแบบ MILANA ค่ะ ตัวบ้านออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ สร้างเต็มที่ดิน จึงอาจไม่ได้มีพื้นที่สวนรอบๆบ้านมากนัก เพราะเค้าต้องการเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในให้มากที่สุดค่ะ
บ้าน Type นี้ออกแบบให้สามารถอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ได้แบบ 3 Generations แบบพ่อ,แม่, ลูก 2 คน และผู้สูงอายุ จัดฟังก์ชันมาเป็น 4 ห้องนอน (มีห้องนอนชั้นล่าง) 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน จุดเด่นคือมีพื้นที่พักผ่อนเพิ่มขึ้นมาจากฟังก์ชันหลักอีก 3 จุด จึงสามารถรองรับกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของสมาชิกในบ้านได้ เช่น พ่อแม่รับแขกอยู่ชั้นล่าง, ลูกคนโตก็สามารถร้องคาราโอเกะอยู่ในพื้นที่อเนกประสงค์, ลูกคนเล็กอาจจะนั่งวาดรูปอยู่ในพื้นที่อเนกประสงค์อีกจุดหนึ่ง, คุณปู่คุณย่าก็ยังสามารถนั่งดูทีวีอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านได้ เป็นต้น
ห้องนอนทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัวทั้งหมดนะคะ มีขนาดพอๆ กัน ยกเว้นห้องนอนใหญ่ที่จะมีพื้นที่ใหญ่เป็นพิเศษ เรียกได้ว่าเท่ากับห้องนอนลูกๆ 2 ห้องรวมกันเลย ภายในจึงมีฟังก์ชันครบครัน มีพื้นที่อเนกประสงค์ให้จัดมุมนั่งเล่นในห้องนอนได้, มี Walk-in Closet ขนาดใหญ่ และห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำมาให้ใช้งานกันด้วย
พื้นที่สวนรอบบ้าน
อย่างที่อธิบายไปแล้วว่าตัวบ้านจะสร้างแบบเต็มที่ดิน จึงเหลือพื้นสวนรอบบ้านไม่กว้างนัก แต่มีพื้นที่สำหรับปลูกแนวต้นไม้ริมรั้วให้เกิดความเป็นส่วนตัวแก่ตัวบ้าน ซึ่งจะมีพื้นที่สวนมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินของแต่ละแปลงที่ดินนะคะ
ที่จอดรถแบบในร่ม
พื้นที่จอดรถของบ้านจะสามารถจอดรถในร่มได้ 3 คัน เราลองวัดดูแล้วกว้าง 7.7 เมตร ลึก 4.6 เมตร สามารถใช้งานได้พอดีๆ ส่วนพื้นปูด้วย Concrete Stamp จึงมีความแข็งแรงทนทานค่ะ
แต่บริเวณที่จอดรถไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้นะคะ เป็นพื้นโครงสร้าง Slab on Ground (พื้นวางบนดิน) ซึ่งมีการแยก Joint ออกจากโครงสร้างหลักของบ้านไว้เรียบร้อย หากในอนาคตเกิดดินทรุดตัวไม่เท่ากัน น้ำหนักของพื้นจอดรถจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของตัวบ้านค่ะ
บริเวณที่จอดรถจะติดตั้ง CCTV มาให้ 1 จุด และอีกจุดหนึ่งจะอยู่บริเวณโถงรับประทานอาหารภายในตัวบ้าน
ข้างๆ โรงจอดรถจะมีห้องเก็บของซ่อนอยู่นะคะ ภายในกว้างมากเลยค่ะ เก็บของชิ้นใหญ่ๆ ได้ อย่างเช่น ถุงกอล์ฟ, เครื่องตัดหญ้า เป็นต้น
ข้างๆกันจะเป็นประตูทางเข้าบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านอาจจะได้ใช้บ่อยๆ เพราะอยู่ใกล้กับที่จอดรถ สามารถขนของเข้าบ้านหรือเดินขึ้นชั้น 2 ได้สะดวก ซึ่งบริเวณหน้าประตูจะมีพื้นที่ที่เหมาะสำหรับนั่งใส่รองเท้าและ Built-in ตู้เก็บรองเท้าไว้หน้าประตูทางเข้าได้เป็นสัดส่วนเลยค่ะ
ตัวประตูจะติด Digital Door Lock ของ LifeSmart มาให้เป็นมาตรฐาน
ประตูทางเข้าหลักของบ้าน
ส่วนทางเข้าหลักของบ้านอีกจุดนึงจะอยู่ทางด้านหน้า ซึ่งมีชายคาออกมาคลุมบริเวณทางเข้าเชื่อมต่อมาจากโรงจอดรถให้ใช้งานได้สะดวก ประตูทางเข้าเป็นบานไม้สักขนาดใหญ่ที่เปิดได้กว้างประมาณ 1.8 เมตรค่ะ
ชั้น 1
เข้ามาในบ้านจะเจอกับห้องรับแขกขนาดใหญ่ ให้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume 2.8 เมตร โดยรอบจะเป็นหน้าต่างบาน Fixed ขนาดใหญ่ ถึงจะไม่ใช่บานใหญ่บานเดียวแต่ก็ออกแบบมาให้เป็นบานกระจกตั้งแต่พื้นจรดฝ้า ช่วยให้ภายในบ้านดูสว่าง โปร่งโล่ง
ห้องรับแขก
บ้านจริงที่ส่งมอบจะเป็นบ้านเปล่าที่เราสามารถแบ่งเป็นฟังก์ชันต่างๆ ได้ตาม Lifestyle ของครอบครัวได้เลยค่ะ หากใครยังนึกไม่ออกว่าจะจัดแบบไหนดี ก็ลองดูตัวอย่างจากบ้านที่เค้าตกแต่งให้ดูก็ได้นะ เมื่อวางชุดโซฟาและทีวีตามบ้านตัวอย่างจะมีระยะดูทีวีที่ 4 เมตร สามารถติดทีวีขนาดใหญ่กว่า 60 นิ้วได้เลย
เดินตรงเข้ามาจากห้องรับแขกจะมองเห็นมุมที่เหมาะกับการวางของตกแต่ง เพราะมุมนี้จะมองเห็นตั้งแต่เปิดประตูเข้าบ้านมา
เฉลียงข้างบ้าน
บริเวณนี้จะมีประตูเปิดไปเฉลียงข้างบ้านได้ ซึ่งเฉลียงข้างบ้านจะเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ขนาด 2×2 เมตร พอให้วางชุดเก้าอี้สนามสำหรับนั่งเล่นได้
วงกบประตูเป็นกรอบ UPVC สีดำ ซึ่งค่อนข้างแข็งแรงทนทานกว่าอลูมิเนียม และสีดำแบบนี้ก็ช่วยลดความเหมือนพลาสติกที่หลายๆคนอาจไม่ชอบลงไปได้เยอะ ทำให้บ้านดูเรียบหรูขึ้นค่ะ
เข้ามาด้านในอีกนิดจะเจอกับโถงทางเดินยาว เชื่อมตั้งแต่บันได, ห้องน้ำแขก, ประตูทางเข้าฝั่งที่จอดรถและห้องนอนชั้นล่าง เราจะค่อยๆ พาไปดูทีละห้องนะคะ
ห้องน้ำสำหรับแขก
เริ่มจากห้องน้ำแขกจะเป็นแบบ Powder Room มีเฉพาะพื้นที่ส่วนแห้ง ใช้อาบน้ำไม่ได้นะคะ โดยสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นของ American Standard มาพร้อมกับชั้นเก็บของ Built in ใต้อ่างล้างหน้า และมีช่องหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้
ถัดมาที่ประตูทางเข้าจากพื้นที่จอดรถ เมื่อเปิดเข้ามาจะไม่ได้เจอกับพื้นที่นั่งเล่น รับแขกทันที แต่จะเจอกับ Foyer เป็นลำดับแรก ซึ่งใช้เป็นมุมตกแต่งต้อนรับได้และยังเป็นโถงทางเดินเชื่อมไปยังพื้นที่ต่างๆ ด้วย ส่วนตัวเราคิดว่าประตูนี้น่าจะเป็นประตูที่สมาชิกในบ้านจะได้ใช้งานบ่อย เพราะเมื่อจอดรถเสร็จแล้วก็สามารถขนของที่ซื้อเข้ามาเก็บในครัว หรือจะเดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 เลยก็ได้ โดยไม่ต้องไปเข้าหน้าบ้านผ่านห้องรับแขกค่ะ
บานประตูหน้าต่างจะมี Magnetic Sensor ที่ติดตั้งมาให้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวบ้าน และจะติดตั้งให้ประตูหน้าต่างที่เชื่อมกับภายนอกบ้านทั้งชั้น 1, 2 นะคะ ยกเว้นห้องแม่บ้านค่ะ
ด้านในสุดของทางเดินเป็นทางเข้าห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งห้องนอนนี้มีห้องน้ำในตัวมาครบครัน หากจัดฟังก์ชันเป็นห้องนอนก็ใช้งานได้สะดวกเป็นสัดส่วน หรือถ้าใครอยากจะปรับเป็นห้องอื่นๆก็ได้ เช่น ห้องนอนแขก, ห้องทำงาน, ห้องดูหนังเล่นเกมส์ เป็นต้น ส่วนพื้นก็จะเป็นไม้ลามิเนตเช่นเดียวกับบ้านชั้นบนค่ะ
ห้องน้ำในห้องนอนชั้นล่าง
ในส่วนของห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบ แยกโซนเปียกโซนแห้งมาให้เรียบร้อย แต่พื้นที่ไม่ได้กว้างพอจะเข็นวีลแชร์เข้ามาได้สะดวกนะ ส่วนตัวคิดว่าเหมาะที่จะรองรับผู้สูงอายุที่ยังเดิน ยังช่วยเหลือตัวเองได้อยู่นะคะ
พื้นที่อาบน้ำ
ส่วนสุขภัณฑ์ภายในจะยังคงเป็น American Standard เช่นเดิม โดยพื้นที่อาบน้ำจะกว้างประมาณ 1.75 x 0.7 เมตร มาพร้อม Junction box สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นและทำที่นั่งอาบมาให้ รวมถึงฉากกั้นอาบน้ำที่เป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass จะติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ
ห้องนอนชั้นล่าง
โซนพักผ่อนสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ ซึ่งก็เหลือพื้นที่รอบเตียงมากพอที่จะใช้งานได้สะดวกนะคะ และมีพื้นที่หน้าห้องน้ำสำหรับทำเป็นพื้นที่แต่งตัวได้อีกด้วย
มาดูพื้นที่ฝั่งหลังบ้านกันต่อนะคะ จัดฟังก์ชันไว้เป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว รวมไว้ทั้งพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหารและ Pantry ครัว ทำให้โซนนี้ได้ความสงบกว่าแปลนบ้านหลายๆ โครงการที่จัดห้องนั่งเล่นไว้ด้านหน้าบ้าน ซึ่งเป็นข้อดีของบ้านขนาดใหญ่ที่สามารถจัดแปลนแบบนี้ได้นะคะ
ห้องนั่งเล่น (ห้องอเนกประสงค์ 1)
บ้านตัวอย่างจะแยกห้องนั่งเล่นออกจากพื้นที่รับแขกไว้เป็นคนละโซนกันนะคะ ทำให้เวลามีแขกมาหา สมาชิกคนอื่นในบ้านก็สามารถนั่งเล่น ดูทีวีในห้องนี้ได้
บ้านจริงที่ส่งมอบจะไม่ได้มีประตูบานเลื่อนมาให้ แต่เป็นพื้นที่โล่งๆ เปิดเชื่อมกับพื้นที่ทานอาหาร หรือถ้าใครอยากจะกั้นเป็นห้องจริงจัง เพื่อทำเป็นห้องคาราโอเกะ หรือ ดูหนังเล่นเกมส์ ก็ได้เหมือนกันค่ะ
พื้นที่รับประทานอาหารจะอยู่ตรงกลางบ้านเลย ขนาดพื้นที่พอเหมาะจะวางโต๊ะทานอาหารแบบ 8 ที่นั่งได้พอดีๆ และมุมโต๊ะทานอาหารยังสามารถมองเห็นสวนด้านหลังบ้านได้
ระหว่างโต๊ะทานอาหารและห้องครัวจะมีพื้นที่ให้สามารถทำ Pantry ครัวในบ้านได้ ซึ่งจะเหมาะกับการทำอาหารที่ไม่ได้มีกลิ่นฉุน, อบขนม, เตรียมเครื่องดื่ม ก็ดูสะดวกดีไม่ต้องเดินไปห้องครัว สำหรับ Pantry ครัวทางโครงการจะไม่ได้ให้มาด้วยนะ แค่จัดให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้นค่ะ
ติดกับ Pantry ครัวจะมีประตูเปิดเชื่อมไปห้องครัวไทยได้
ห้องครัวไทย
ครัวไทยมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเป็นครัวปิดที่สามารถทำอาหารจริงจังร่วมกันได้ทีละหลายๆคนเลยค่ะ ซึ่งโครงการก็จะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวก่อปูนมาพร้อมหน้าบานตู้เลย ในส่วนของอ่างล้างจาน, เครื่องดูดควันและเครื่องดูดอากาศจะติดตั้งมาให้ด้วยมั้ย ต้องสอบถามโครงการเพิ่มเติมค่ะ โดยรวมถือว่าเป็นครัวที่ใหญ่และใช้งานได้จริงจังดีทีเดียว
จากห้องครัวจะมีประตูเปิดเชื่อมมายังโซนแม่บ้าน มีห้องนอน ห้องน้ำของแม่บ้านแยกไว้ในโซนนี้ รวมถึงพื้นที่ซักล้างก็เตรียมไว้ให้ในบริเวณนี้เช่นกัน แม่บ้านจึงทำงานได้สะดวก แถมเป็นพื้นที่ที่อยู่ในร่มด้วยนะคะ
พื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้ามีการเดินงานระบบท่อน้ำและปลั๊กไฟรอไว้เรียบร้อย
ส่วนลานซักล้างหลังบ้านเค้าจะเทพื้นคอนกรีตมาให้สำหรับใช้ตากผ้า, ซักล้าง จึงไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้นะคะ เป็นแบบ Slab on Ground หากจะต่อเติมโครงสร้างหนักก็แนะนำให้ลงเสาเข็มเพิ่ม แต่ส่วนตัวคิดว่าตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอยเยอะมากอยู่แล้วไม่น่าจะต้องต่อเติมเพิ่มนะคะ
ห้องแม่บ้านจะมีขนาดพอประมาณที่จะวางเตียงเดี่ยวได้ แต่ไม่มีภาพห้องนอนมาฝากนะคะ มีมาฝากเฉพาะห้องน้ำ ซึ่งภายในมีฟังก์ชันครบตามมาตรฐาน
มาต่อกันที่บันไดทางขึ้นชั้น 2 จะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งค่อนข้างแข็งแรงทนทาน เวลาวิ่งขึ้น-ลงเร็วๆ ก็ไม่เกิดเสียงดัง
บันได
บริเวณบันไดขั้นแรกของชั้นบนและชั้นล่าง จะมี Motion Sensor คอยตรวจจับการเคลื่อนไหวเวลาที่มีคนเดินผ่าน ไฟกิ่งบริเวณโถงบันไดก็จะติดเองโดยอัตโนมัติ รวมถึงเรายังสามารถหา Chandelier หรือโคมไฟระย้าสวยๆมาติดตั้งเพิ่มได้อีกด้วยค่ะ
ชั้น 2
ขึ้นมาบนชั้น 2 จะเจอกับโถงทางเดินกว้างๆ ที่เชื่อมห้องนอนทั้ง 3 ห้อง, ห้องอเนกประสงค์ และพื้นที่อเนกประสงค์เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งบริเวณนี้กว้างมากเพียงพอที่จะ Built-in ตู้เก็บของ, ชั้นวางหนังสือ ส่วนตัวเราอยากวางเคาน์เตอร์บาร์ + ตู้เย็น เผื่อหิวน้ำหิวขนมกลางคืนจะได้ไม่ต้องลงไปครัวชั้นล่างค่ะ ><
พื้นที่อเนกประสงค์อีกจุดหนึ่งจะอยู่บนชั้น 2 ซึ่งโครงการจัดบ้านตัวอย่างไว้เป็นมุมพักผ่อนดูทีวี โดยมีระยะดูทีวี 3.1 เมตร สามารถติดตั้งทีวีขนาดใหญ่กว่า 60 นิ้วได้ และเป็นพื้นที่แบบโล่งๆ จึงเราสามารถปรับฟังก์ชันให้เหมาะกับความต้องการได้ จะกั้นห้องเพิ่มให้เป็นสัดส่วน หรือใช้เป็น Family Area โล่งๆแบบนี้ ก็จะดูกว้างขวางและโปร่งโล่งดี
ระเบียงอยู่ติดกับพื้นที่อเนกประสงค์
พื้นที่อเนกประสงค์จะอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งเป็นระเบียงเพียงจุดเดียวของชั้น 2 เหตุผลที่โครงการออกแบบระเบียงไว้นอกห้องนอนก็เพื่อทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอน เป็นพื้นที่ Indoor ทั้งหมด แต่ละห้องนอนจึงมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่
ราวระเบียงเป็นกระจก Tempered Glass ที่มีความโปร่งโล่งและทันสมัย เวลาที่เรานั่งอยู่ชั้นบนก็สามารถมองออกมาชมวิวภายนอกได้เต็มที่มากขึ้นอีกด้วยค่ะ
ต่อไปเราจะพาไปชมห้องนอนกันบ้าง เริ่มตั้งแต่ Master Bedroom
บริเวณหน้า Master Bedroom จะติดตั้งแผงควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านมาให้
ภายใน Master Bedroom มีขนาดใหญ่มากขนาดเป็น 2 เท่าของห้องนอนลูกๆ เลย ได้หน้าต่างตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน ทำให้เราสามารถจัดแบ่งฟังก์ชันได้เป็น 3 โซนใหญ่ๆตามบ้านตัวอย่างได้ คือโซนพักผ่อน, โซนนั่งเล่น และโซนอาบน้ำแต่งตัว
ข้อดีของห้องขนาดใหญ่แบบบนี้ทำให้เวลาเปิดประตูเข้ามาจะไม่ได้เจอเตียงนอนทันทีนะคะ สามารถวางเตียงหลบเข้าไปด้านในอีกได้ จึงได้ความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
โซนนั่งเล่นพักผ่อนเป็นโซนแรกที่เปิดประตูเข้ามาเจอ เป็นพื้นที่กว้างๆ ที่สามารถจัดวางเฟอร์ฯ ตามไลฟ์สไตล์ได้ เช่น เป็นมุมเก็บกระเป๋า, เก็บของสะสม, เป็นพื้นที่ทำงานอดิเรก เป็นต้น
พื้นที่ติดกันสามารถทำ Walk-in Closet หรือพื้นที่แต่งตัวหน้าห้องน้ำได้
ถ้าหากเรา Built-in ตู้เสื้อผ้าสูงจากพื้นจรดฝ้าตามบ้านตัวอย่างจะทำให้สามารถเก็บของได้เยอะ เหลือทางให้เดินเลือกเสื้อผ้าได้สะดวกขนาดประมาณ 2.5 x 1.8 เมตร และทำให้ห้องเป็นสัดส่วนและดูเรียบร้อยมากขึ้น
Master Bathroom
Walk-in Closet จะอยู่ติดกับ Master Bathroom มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งโครงการจะให้สุขภัณฑ์มาครบของ American Standard ที่น่าสนใจคือเจ้ากระจกบานใหญ่ที่มีไฟซ่อนไว้ในตัว สามารถเปิด-ปิดไฟได้
สำหรับพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.2 x 0.8 เมตร มาพร้อมฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass ค่ะ
บ้านของโครงการนี้มีอ่างอาบน้ำมาให้ทุกแบบ้านเลยนะคะ เป็นอ่างของ American Standard ซึ่งให้หน้าต่างมาด้านบนจึงเปิดระบายอากาศถ่ายเทได้ดี และตำแหน่งที่อยู่ด้านบนนั้นทำให้เราสามารถใช้งานอ่างอาบน้ำได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวโป๊ค่ะ
โซนพักผ่อนใน Master Bedroom
โซนสุดท้ายใน Master Bedroom จะเป็นโซนพักผ่อนที่มีพื้นที่เหลือเฟือ ต่อให้ใช้เตียงขนาดใหญ่ 6-7 ฟุตก็วางได้หมดค่ะ และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโซฟาที่ปลายเตียงได้อีกด้วย สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเราคือ ช่องหน้าต่างค่ะ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้จะมีหน้าต่างล้อมไว้ 3 ด้านเลย แถมมีหน้าต่างเข้ามุมแบบ Bay Window ด้วย นอกจากทำให้ตัวห้องโปร่งโล่งแล้ว ก็ยังสามารถเปิดระบายอากาศได้ดีมากๆ
ห้องนอนรอง 1
มาต่อกันที่ห้องนอนของลูกๆ บ้าง ภายในมีพื้นที่กว้างสามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ และยังเหลือที่ให้วางโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าได้ด้วย คิดว่าอยู่อาศัยได้ตั้งแต่เล็กจนโตไม่น่ามีปัญหา
โซนแต่งตัวและห้องน้ำในห้องนอนรอง 1
ห้องนอนลูกก็มีห้องน้ำในตัวด้วยเช่นกัน บริเวณหน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง และ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ ส่วนห้องน้ำจะมีฟังก์ชันและสุขภัณฑ์ครบตามมาตรฐาน โดยพื้นที่อาบน้ำจะกว้างประมาณ 0.8 x 1.8 เมตร สามารถใช้งานได้สบายๆ
อีกฝั่งหนึ่งบนชั้น 2 แยกออกเป็นห้องนอนลูกห้องที่ 2 และห้องอเนกประสงค์ค่ะ
ห้องอเนกประสงค์
ภายในห้องอเนกประสงค์มีขนาดประมาณ 2 x 4.2 เมตร เป็นห้องที่มีประตูปิดเป็นสัดส่วน เหมาะกับการใช้ทำกิจกรรมที่มีต้องใช้สมาธิ ต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น ใช้เป็นห้องทำงาน, ห้องพระ เป็นต้น ความเก๋ของห้องนี้คือ ได้กระจกบานใหญ่ที่มองลงไปเห็นพื้นที่รับแขกหน้าบ้าน ที่เป็นพื้นที่ Double Volume ด้วยค่ะ
โซนแต่งตัวและห้องน้ำในห้องนอนรอง 2
ปิดท้ายด้วยห้องนอนของลูกๆ อีกหนึ่งห้อง ที่มีขนาดพอๆ กับห้องนอนลูกห้องแรกนะคะ ฟังก์ชันภายในจัดมาครบครันเช่นกัน เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่แต่งตัวก่อน จะยังไม่เห็นเตียงนอนนะ ซึ่งพื้นที่แต่งตัวจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำพอดีมีขนาด 2.35 x 1.9 เมตร สามารถ Built-in ตู้เก็บเสื้อผ้าตามผนังทั้ง 2 ฝั่งตามบ้านตัวอย่างได้
ส่วนของห้องน้ำแยกโซนเปียกแห้งมาเป็นสัดส่วน ให้สุขภัณฑ์และวัสดุของ American Standard เช่นกัน
พื้นที่พักผ่อนในห้องนอนรอง 2
ผ่านพื้นที่อาบน้ำแต่งตัวเข้ามาจึงเป็นพื้นที่พักผ่อน ซึ่งมีพื้นที่กว้างสามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้ และยังเหลือที่ให้วางโต๊ะทำงาน, โซฟานั่งเล่นได้ครบถ้วน น่าจะอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กยันโตได้ไม่มีปัญหาค่ะ
ราคา
The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) ณ วันที่ 10 เมษายน 2568
- GODIVA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 102 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 422 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ห้องพักผ่อน / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องพระ
– ราคาเริ่มต้น 20.9 ล้านบาท* - MILANA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 130 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ห้องพักผ่อน / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องพระ
– ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท* (บ้านพร้อมตกแต่ง) - MARLOWE บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 130 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 33 ล้านบาท* - ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 150,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 39 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) จัดเป็นหนึ่งในโครงการบ้านที่อยู่ใกล้เมืองและถนนเส้นหลักอย่างสุขุมวิท โดยโครงการตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 70/1 ซึ่งปากซอยเป็น 3 แยกไฟแดง ที่เลือกได้เลยว่าจะเข้าเมืองไปทางศรีนครินทร์-สุขุมวิท หรือออกเมืองไปทางลาดกระบังก็ได้ จึงนับเป็นข้อดีที่ต่างจากซอยอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นซอยที่อุดมสมบูรณ์มาก เพราะเป็นชุมชนดั้งเดิม จึงทำให้มีทั้งร้านค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อต่างๆมากมาย โดยเฉพาะบริเวณปากซอยติดถนนใหญ่อ่อนนุช และปากซอยโครงการเองก็มีทั้ง Mini BigC และ Lotus Express ให้ใช้งานใกล้ๆด้วยค่ะ
แต่ถ้าอยากเดินห้างใหญ่ๆล่ะก็ต้องขยับไปบนถนนศรีนครินทร์ จะเต็มไปด้วยห้างต่างๆ ทั้ง Seacon Square และ Paradise Park ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการเพียง 4 – 5 กิโลเมตร เท่านั้น ส่วนการเดินทางก็จะมีทางด่วนให้ใช้ 2 จุดหลักๆคือ ทางพิเศษศรีรัชที่มุ่งหน้าเข้าเมืองไปพระราม 9 – ดินแดง และถนนกาญจนาภิเษกที่ไปพระราม 2 – รามอินทราได้ นอกจากนี้อนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองให้ใช้ด้วย ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตร ถือเป็นอีกตัวช่วยในการที่เดินทางที่น่าสนใจทีเดียว
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ถือว่าให้มาครบตามมาตรฐาน ทั้งไม้กั้นกระดกและประตูเหล็กรางเลื่อน ซึ่งจะใช้การอ่านป้ายทะเบียนรถ ควบคู่กับระบบ KATSAN ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานของ AP เชื่อมต่อกับ Application ในโทรศัพท์มือถือ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและติดต่อกับ รปภ. ได้ง่ายขึ้น
ฟังก์ชันของ KATSAN เช่น ระบบ E Stamp, ลงทะเบียนสำหรับแขกล่วงหน้า, ปฏิเสธการเข้าพบเมื่อไม่สะดวก เป็นต้น ทำให้คนภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องเข้ามาในโครงการโดยไม่จำเป็นนั่นเองค่ะ รวมถึงมีกล้อง CCTV (ทั้งในโครงการและในบ้าน) และมีสัญญาณกันขโมย Magnetic & Shock Sensor ในบ้านทุกหลัง
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
ตัวโครงการ – The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) ให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย กับจำนวนบ้านเพียง 62 ยูนิต และออกแบบให้แต่ละซอยย่อยมีจำนวนบ้านไม่ถึง 10 หลัง จัดวาง Clubhouse ไว้ด้านหน้าโครงการเชื่อมต่อมากับกับซุ้มประตูโครงการเลย ทำให้บริเวณหน้าโครงการดูโอ่อ่า หรูหรา แอบเสียดายนิดเดียวที่สระว่ายน้ำอยู่ติดกับซุ้มประตูเช่นกัน หากมีการปลูกต้นไม้บังสายตาเพิ่มอีกหน่อยก็น่าจะแก้ปัญหานี้ไปได้ค่ะ
ตัวบ้าน – มีให้เลือกกันถึง 7 แบบเลยทีเดียว ตัวบ้านทุกแบบออกแบบมาให้เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ เน้นพื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะๆ เพราะไซส์เริ่มต้นก็มี 4 ห้องนอนแล้ว ซึ่งมีห้องนอนผู้สูงอายุที่ชั้นล่างในทุกแบบบ้านเลย จึงรองรับสมาชิกในครอบครัวได้ถึง 5-6 คน ความพิเศษของบ้านโครงการนี้คือ มีแปลงที่ดินที่มีขนาด 100 ตร.วา ขึ้นไปให้เลือก มีจำนวนกว่า 50% ของบ้านในโครงการเลย ซึ่งที่ดินขนาดใหญ่แบบนี้เริ่มเป็นของหายากในโซนนี้แล้วนะคะ
นอกจากนี้ตัวบ้านยังเพิ่ม Extra Space จำนวนมาก 2-3 จุดในบ้าน (ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละแบบบ้าน) เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในบ้าน ที่อาจจะมีความแตกต่างกัน ให้มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบได้อย่างเป็นส่วนตัวค่ะ
วัสดุ : หลายอย่างให้วัสดุมาดี โดยเฉพาะโครงสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งทำให้สามารถทุบ-ต่อเติมได้ง่าย เหมาะกับแบบบ้านของโครงการนี้ที่มีฟังก์ชันยืดหยุ่น สามารถต่อเติมหรือปรับเปลี่ยนเองได้ แต่บางอย่างก็น่าเสียดายเช่น พื้นบริเวณที่จอดรถและลานซักล้างหลังบ้าน ส่วนตัวมองว่าถ้าลงเสาเข็มมาให้ด้วย ก็จะช่วยป้องกันการทรุดตัว และยังรองรับการต่อเติมในอนาคตได้ดีขึ้น รวมถึงพื้นไม้ลามิเนตบนชั้น 2 ก็อยากให้เลือกเป็นวัสดุที่ทนน้ำได้ดีกว่านี้ แม้ว่าวัสดุจะไม่ได้เพอร์เฟคสุดแต่ราคาโดยรวมของบ้านก็ยังหยิบจับง่ายกว่าคู่แข่งในทำเลเดียวกันค่ะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : วันที่เราเข้าไปเก็บข้อมูลสวนส่วนกลางยังไม่เสร็จนะคะ จึงยังไม่เห็นสภาพของสวน แต่เบื้องต้นบริเวณหน้าโครงการดูสวยงามดี จากซุ้มประตู, Clubhouse และสวนที่จัดตกแต่งมาให้ค่ะ แต่บนถนนหลักนั้นจะมีแนวต้นไม้มาเพิ่มความร่มรื่นมั้ย คงต้องรอดูกันต่อไปค่ะ
สาธารณูปโภค : จัดเต็มมากเมื่อเทียบกับจำนวนบ้านเพียง 62 ยูนิต น่าจะใช้งานกันได้สบายๆ เลยค่ะ สิ่งที่ชอบคือจำนวนฟังก์ชันและขนาดของพื้นที่ส่วนกลางที่กว้างกว่าตอนที่เห็นนอกอาคารเสียอีก มีฟังก์ชันพิเศษๆ ไม่ว่าจะเป็น Kid Room, Co-Working Space และ Play Room ส่วนฟังก์ชันอื่นๆที่ให้มาเป็นมาตรฐานก็มีครบ ทั้ง Lobby, Fitness, Swimming Pool, Kids Pool, Jacuzzi, Sauna และสวนสาธารณะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 16.9 – 35 ล้านบาท, 28 มีนาคม 2566
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – อยู่ในซอย ร้านค้าเยอะ หาของกินง่าย เข้า-ออกเมืองสะดวก
- ความปลอดภัย 8/10 – ครบตามมาตรฐาน และมีระบบ KATSAN เพิ่มความสะดวก
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – พื้นที่ใช้สอยเยอะ ฟังก์ชันยืดหยุ่น ต่อเติม/ปรับเปลี่ยนได้ง่าย มีความเป็นส่วนตัว
- วัสดุ 7.5/10 – โดยรวมให้มาดีเหมาะสมกับการใช้งาน แต่บางอย่างน่าจะให้สเปคดีกว่านี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – ซุ้มประตูและบริเวณหน้าโครงการดูสวยงาม
- สาธารณูปโภค 8/10 – จัดฟังก์ชันมาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
- 7.98 / 10.00
The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) เหมาะกับใคร
The City Sukhumvit – Onnut 2 (เดอะ ซิตี้ สุขุมวิท – อ่อนนุช 2) เหมาะกับคนกำลังหาบ้านขนาดใหญ่ในโซนพัฒนาการ-อ่อนนุช ที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านอ่อนนุช-ศรีนครินทร์-พัฒนาการ แต่หากจะเข้าเมืองไปสุขุมวิท-พระราม9 ก็ยังสะดวก ชอบทำเลอุดมสมบูรณ์หาของกินง่าย ตามหาบ้านหรู 2 ชั้นที่มีความคุ้มค่าด้านพื้นที่ใช้สอยและที่ดิน จอดรถได้ 3 – 4 คัน มีฟังก์ชันยืดหยุ่น ทุบต่อเติม/ปรับเปลี่ยนได้ง่าย โดยมีงบประมาณ 16.9 – 35 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 118,300 – 245,000 บาทขึ้นไปค่ะ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc